ไตวายเรื้อรัง เมื่อเครื่องกรองชีวิตเสื่อมสภาพควรรักษาอย่างไร?

GUEST1649747579

ขีดเขียนในตำนาน (597)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:1062
เมื่อ เมื่อวาน 20.29 น.

ไตวายเรื้อรัง

ลองจินตนาการถึงเครื่องกรองน้ำที่ทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดพัก นั่นคือสิ่งที่ไตทำทุกวัน เพื่อกำจัดของเสียและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเครื่องกรองน้ำนี้เริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ? นั่นคือภาวะไตวายเรื้อรัง โรคที่คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ทำลายคุณภาพชีวิต และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจศัตรูร้ายที่ชื่อว่า โรคไตวายเรื้อรัง อย่างละเอียด เพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้

 

ไตวายเรื้อรัง คืออะไร? แบ่งออกเป็นกี่ระยะ?

ภาวะไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) คือ ภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างช้า ๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายได้ตามปกติ เมื่อไตเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ จะนำไปสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้าย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต เช่น การฟอกเลือด หรือการล้างไตทางช่องท้อง

ภาวะไตวายเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยพิจารณาจากอัตราการกรองของเสียของไต (Glomerular Filtration Rate: GFR) ซึ่งเป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพการทำงานของไต ดังนี้

 

  • ระยะที่ 1: GFR ปกติหรือเพิ่มขึ้น (> 90 มล./นาที/1.73 ตร.ม.) โดยไตทำงานได้ตามปกติหรืออาจมีสัญญาณของความเสียหายเล็กน้อย เช่น มีโปรตีนในปัสสาวะ ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ
  • ระยะที่ 2: GFR ลดลงเล็กน้อย (60-89 มล./นาที/1.73 ตร.ม.) โดยไตเริ่มทำงานลดลงเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
  • ระยะที่ 3: แบ่งเป็น 3A (GFR 45-59 มล./นาที/1.73 ตร.ม.) และ 3B (GFR 30-44 มล./นาที/1.73 ตร.ม.) โดยไตทำงานลดลงปานกลาง ผู้ป่วยอาจมีอาการเหนื่อยล้า บวม ความดันโลหิตสูง และเริ่มมีของเสียคั่งในร่างกาย
  • ระยะที่ 4: GFR ลดลงมาก (15-29 มล./นาที/1.73 ตร.ม.) โดยไตทำงานลดลงมาก ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีอาการชัดเจน เช่น เหนื่อยล้ามาก บวม เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน และมีของเสียคั่งในร่างกายมาก
  • ระยะที่ 5: GFR น้อยกว่า 15 มล./นาที/1.73 ตร.ม. หรือไตวายระยะสุดท้าย (End-Stage Renal Disease: ESRD) โดยไตทำงานล้มเหลว ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต

 

สาเหตุของการเกิดไตวายเรื้อรัง

โรคไตวายเรื้อรัง

 

โรคไตวายเรื้อรัง คือ การที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างช้า ๆ เป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือน โดยสาเหตุของภาวะไตวายเรื้อรังมีหลายประการ ดังนี้

 

  • โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นสาเหตุหลักของภาวะไตวายเรื้อรัง เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานจะทำลายหลอดเลือดเล็ก ๆ ในไต ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) ทำให้หลอดเลือดในไตเสียหาย ทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและเสื่อมสภาพลงในที่สุด
  • โรคไตอักเสบ (Glomerulonephritis) เป็นกลุ่มโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของหน่วยกรองของไต (glomeruli) ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • โรคถุงน้ำในไต (Polycystic Kidney Disease: PKD) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำในไต ทำให้ไตมีขนาดใหญ่ขึ้นและทำงานลดลง
  • โรคไตขาดเลือดจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตตีบ (Renovascular Disease) เกิดจากการตีบแคบของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไต ทำให้ไตได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอและทำงานลดลง มักพบในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคทางพันธุกรรมอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังได้ เช่น Alport syndrome
  • การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs) อาจทำให้ไตเสียหายได้
  • โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคเอสแอลอี (SLE) สามารถส่งผลกระทบและทำให้เกิดโรคไตวายเรื้อรังได้
  • นิ่วในไต หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษา อาจทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ และส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตในระยะยาวได้
  • การติดเชื้อในไต หากเกิดการติดเชื้อซ้ำ ๆ หรือการติดเชื้อที่รุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต และนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังได้
  • ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ต่อภาวะไตเรื้อรัง เช่น อายุที่มากขึ้น, ประวัติครอบครัวเป็นโรคไต, การสูบบุหรี่, โรคอ้วน เป็นต้น

 

อาการของภาวะไตวายเรื้อรัง

อาการไตวายเรื้อรังจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับระยะของโรค โดยในระยะแรก ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย แต่เมื่อไตเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ จะเริ่มมีอาการต่าง ๆ ดังนี้

1. อาการทั่วไป

  • อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า เกิดจากการสะสมของเสียในร่างกาย และภาวะโลหิตจาง
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เกิดจากการสะสมของเสียในระบบทางเดินอาหาร
  • นอนไม่หลับ เกิดจากการสะสมของเสียในร่างกาย และอาการคัน
  • ผิวหนังแห้งและคัน เกิดจากการสะสมของเสียในผิวหนัง
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและเป็นตะคริว เกิดจากความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
  • บวมตามร่างกาย เกิดจากการคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณขาและข้อเท้า
  • ความดันโลหิตสูง ไตมีบทบาทในการควบคุมความดันโลหิต เมื่อไตเสื่อมสภาพ จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

2. อาการที่เกี่ยวข้องกับการปัสสาวะ

  • ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน เกิดจากไตไม่สามารถดูดซึมน้ำกลับได้ตามปกติ
  • ปัสสาวะน้อยลง ในระยะท้ายของโรคไตเรื้อรัง ไตจะสูญเสียความสามารถในการผลิตปัสสาวะ
  • ปัสสาวะเป็นฟอง เกิดจากมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
  • ปัสสาวะเป็นเลือด อาจเกิดจากโรคไตอักเสบ หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต

3. อาการอื่น ๆ

  • หายใจลำบาก เกิดจากการคั่งของน้ำในปอด
  • เจ็บหน้าอก อาจเกิดจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
  • สมาธิสั้น เกิดจากการสะสมของเสียในสมอง
  • ชาตามปลายมือปลายเท้า เกิดจากความเสียหายของเส้นประสาท

4. อาการในระยะท้ายของโรคไตวายเรื้อรัง (ระยะที่ 5) อาการจะรุนแรงขึ้น และอาจมีอาการเพิ่มเติมดังนี้

  • ซึม เกิดจากการสะสมของเสียในสมอง
  • ชัก เกิดจากความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดจากความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
  • หมดสติ ในกรณีที่รุนแรง

 

สามารถรักษาไตวายเรื้อรังได้อย่างไร?

ภาวะไตวายเรื้อรัง

 

การรักษาภาวะไตวายเรื้อรังมุ่งเน้นไปที่การชะลอการเสื่อมของไต ควบคุมอาการ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยการรักษาจะแตกต่างกันไปตามระยะของโรคและสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ดังนี้

1. การควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ หากสาเหตุของไตวายเรื้อรังเกิดจากโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

2. การควบคุมอาหารและน้ำ โดยการจำกัดปริมาณโปรตีน โซเดียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสในอาหาร เพื่อลดภาระการทำงานของไต และการควบคุมปริมาณน้ำดื่ม เพื่อป้องกันภาวะน้ำเกินในร่างกาย

3. การใช้ยาเพื่อควบคุมอาการและภาวะแทรกซ้อน เช่น ยาลดความดันโลหิต, ยาขับปัสสาวะ, ยาบำรุงเลือด, ยาควบคุมระดับฟอสฟอรัส, ยาควบคุมอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาการคัน

4. การบำบัดทดแทนไต (Renal Replacement Therapy) เมื่อไตวายเรื้อรังเข้าสู่ระยะสุดท้าย (ระยะที่ 5) จำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต เพื่อทดแทนการทำงานของไตที่สูญเสียไป

  • การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) เป็นการนำเลือดออกจากร่างกายผ่านเครื่องไตเทียม เพื่อกรองของเสียและน้ำส่วนเกิน แล้วนำเลือดกลับเข้าสู่ร่างกาย
  • การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) เป็นการใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้อง เพื่อกรองของเสียและน้ำส่วนเกิน แล้วระบายน้ำยาล้างไตออก
  • การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) เป็นการผ่าตัดนำไตจากผู้บริจาคมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

5. การดูแลสุขภาพโดยทั่วไป เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่หักโหม, การพักผ่อนให้เพียงพอ, การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์, การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ, การดูแลสุขภาพจิตใจเพื่อลดความเครียด เป็นต้น

 

ไตวายเรื้อรัง ชะลอความเสื่อม ดูแลไตให้แข็งแรง

ภาวะไตวายเรื้อรัง คือ การที่ไตค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ทำให้ไม่สามารถกรองของเสียและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายได้ มี 5 ระยะตามประสิทธิภาพการทำงานของไต สาเหตุหลัก ๆ มาจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไตอักเสบ ในระยะแรกมักไม่มีอาการไตวายเรื้อรัง แต่เมื่อไตเสื่อมมากขึ้นจะมีอาการอ่อนเพลีย บวม ปัสสาวะผิดปกติ และอื่น ๆ การรักษาเน้นชะลอการเสื่อมของไต ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ ควบคุมอาหาร ใช้ยา และในระยะสุดท้ายต้องบำบัดทดแทนไต เช่น ฟอกเลือด หรือปลูกถ่ายไต 

 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา