The revenge แค้นร้ายกลายรัก

8.6

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.57 น.

  33 ตอน
  692 วิจารณ์
  127.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

17)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

The revenge แค้นร้ายกลายรัก ตอนที่ 17 ต้องทำได้สักวัน...

 

มือเล็กถือกรรไกรคมไว้กับมือ น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างอดสูก็ยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง เธอมันน่าสมเพช

 

เป็นผู้หญิงน่าโง่ เป็นลูกที่อกตัญญู ไม่สมควรที่จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป...

 

พลันมือเล็กก็หันคมกรรไกรเข้าหาตัว ก่อนจะเงื้อขึ้นสุดวงแขน...

 

ก๊อกๆ

 

“ฟาง ลูก หนูเป็นอะไรรึเปล่า ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน ขอแม่เข้าไปหาหนูหน่อยนะลูก”เสียงของมารดารั้งมือที่ถือ

 

กรรไกรซึ่งกำลังจะจ้วงแทงหน้าท้องแบนราบไว้ได้อย่างหวุดหวิด เธอปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะกระแอมเรียกซุ่มเสียงที่

 

หายไปจากลำคอนานนับสองวัน

 

“ฟางไม่หิวค่ะ แม่ไปเถอะค่ะ ฟางอยากอยู่คนเดียว”

 

“หนูแน่ใจนะลูก อย่าทำร้ายตัวเองนะ แม่กับพ่อรักหนูมากนะ ถ้าหนูเป็นอะไรขึ้นมาแม่กับพ่อจะอยู่ได้ยังไง”

 

น้ำเสียงที่สั่นเครือของมารดา ไม่ต่างไปจากระฆังที่ฉุกความคิดของหญิงสาวไว้ กรรไกรเล่มคมหลุดออกจากมือ

 

ทันที เธอยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปเปิดประตู โผเข้ากอดมารดาแน่น

 

“ฮือๆๆๆๆ ฟางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฮือๆๆ ฟางขอโทษ”คุณปวีณาลูบมือที่หย่อนคล้อยไปตามเส้นผมนุ่มของลูก

 

สาวอย่างปลอบโยน ด้วยที่นางอาบน้ำร้อนมาก่อน ทำไมนางจะไม่รู้...ลูกสาวตัวน้อยของนางคงจะรับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

ไม่ได้ สายตาพลันเหลือบไปเห็นกรรไกรที่ตกที่พื้นข้างเตียง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังดีที่นางมา

 

ทัน ไม่อย่างนั้น...

 

“เหลือสิลูก หนูยังเหลือพ่อกับแม่ที่รักหนูนะ”นางเอ่ยปลอบลูกสาวตัวน้อยที่สะอื้นฮักอยู่ในอ้อมกอด นางเองก็มี

 

ส่วนผิด หากนางไม่ไว้ใจป๊อปปี้มากเกินไป จนปล่อยปละละเลยให้เรื่องราวมันบานปลายขนาดนี้...

 

“เขาหลอกฟาง ฮือ ฟางเองก็โง่ที่เชื่อเขา เพราะความรักโง่ๆนั่น”นางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับลูกสาว

 

“ฟางไม่ได้โง่หรอกนะ ความรักไม่เคยมีคำจำกัดความ แม่คิดว่าลูกรู้ดี”มือของแม่นั้นยังคอยลูบศีรษะสวยของลูก

 

สาวอย่างให้กำลังใจเสมอ ก่อนร่างเล็กของลูกสาวจะผละออก

 

“ขอบคุณแม่มากนะคะ ขอบคุณที่ไม่ทำให้ฟางโง่ไปมากกว่านี้ ฟางขออยู่คนเดียวได้รึเปล่าคะ”เสียงสั่นเครือของ

 

ฟางเอ่ยถามมารดา คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เมื่อเจ้าตัวผลุบหายเข้าไปในห้องทันที

 

 

 

 

.........................................................................................

 

มือหนาที่กุมโทรศัพท์และขาแกร่งที่ก้าวเดินไป-มาอยู่ที่หน้าระเบียงราวกับหนูติดจั่นนั่น ทำเอาพี่ชายร่วมอุทรมอง

 

ด้วยความสงสัย

 

“ไอ้โมะ แกเป็นอะไรวะ ฉันเห็นแกเดินไป-มาเป็นร้อยรอบแล้วเนี่ย”น้องชายหันมามองหน้าคนเป็นพี่ ก่อนจะถอน

 

หายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินดุ่มๆมานั่งข้างๆพี่ชาย และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

 

“พี่ป๊อป ถ้าพี่รักใครสักคน แล้วเขาไม่รักเรา แต่รักคนอื่นพี่จะทำยังไง”คนเป็นพี่เมื่อได้ยินคำถามถึงกับผงะ ก็จริง

 

อยู่ที่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลกก่อนมันถึงห้าปี แต่ความรักวินาศสันตะโร แบบที่น้องมันถามมาเขายังไม่เคยเจอนี่หว่า

 

แต่ขอตอบแบบละครหลังข่าวที่มารดาชอบดูก็แล้วกัน

 

“ฉันว่าแกปล่อยเขาไปดีมั้ย บางทีเขาอาจจะมีความสุขมากกว่า เอ แล้วแกมีความรักน้ำเน่าๆแบบนี้กับเขาด้วยหรือ

 

วะไอ้โมะ”เมื่อเอะใจได้ ก็ไม่ลืมที่จะทักน้องชาย ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะเห็นมันอกหัก เห็นแต่มันที่ไล่หักอกเขา

 

บ่อยๆ

 

“เออ เอ่อ ก็...ก็เพื่อนมันโทรมาปรึกษาน่ะ แต่ถ้าเราเลือกที่จะรั้งเขาไว้ล่ะ พี่ว่าไง”มือหนายกขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ

 

ก่อนจะเอ็ดตะโร

 

“วู้ ปล่อยมันเป็นเรื่องของเพื่อนแกเถอะ ฉันไปเช็คหุ้นดีกว่า”ว่าแล้วเขาก็ก้าวพรวดๆไปที่ห้องทำงานทันที

 

ทิ้งน้องชายที่ยังคิดไม่ตกกับชีวิตของตัวเองไว้เพียงลำพัง เขารักเธอนะ รักมากเลย หากจะปล่อยเธอไป ก็คงต้อง

 

เป็นเธอเองที่ต้องทนทุกข์ทรมานใจ เพราะใช่ว่าพี่ชายของเขาจะรักเธอ มิหนำซ้ำพี่ชายของเขาก็มีคนรักแล้ว ทั้ง

 

สองคนรักกัน หากเธอเข้าไปแทรกแซง ก็คงจะเจ็บกันทั้งสามคน นั้นอาจจะรวมเขาเข้าไปเป็นสี่ คงไม่มีใครมีความ

 

สุข... หากจะรั้งเธอไว้ เธอก็คงต้องทนทุกข์อยู่ดี แต่ใครต่อใครก็บอกว่ารักคนที่เขารักเราดีกว่า หากเธอคิดถึงคำ

 

พูดประโยคนี้บ้าง เขาก็ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ถ้าเธอไม่รักเขาล่ะ แต่วิธีนี้ถึงแม้ว่าเธอจะต้องทนทุกข์ที่ไม่ได้รัก

 

เขา แต่จำต้องอยู่เพราะความจำนน และเขาก็ต้องทนทุกข์เพราะเธอไม่ได้รักเขา ได้เพียงแค่ร่างกาย หากแต่หัวใจ

 

ล่ะ...ก็ไม่ได้อยู่ดี แต่วิธีนี้ถือว่ามีคนเจ็บน้อยที่สุด แต่ตอนนี้เขายังตัดสินอะไรไม่ได้ แต่ที่แน่ๆเขาจะไม่ยอมให้มัน

 

เป็นแบบนี้ตลอดไปแน่ คงต้องมีสักวันที่ต้องเลือกสักทาง...

 

 

........................................................................................

 

สายตาคมที่จดจ้องเอกสารในมืออย่างไม่วางตา พร้อมๆกับมุมปากที่ยกขึ้นยิ้มของมีความสุข รอแค่ตะวันพ้นขอบ

 

ฟ้า ซึ่งเป็นสัญญาณของวันใหม่เท่านั้น นีระสิงห์จะได้รับกับความเจ็บปวดอย่างที่เขาพยายามให้พวกเขาได้รับมา

 

ตลอดหลายปี จนทั้งหมดจะเป็นจริงในพรุ่งนี้ แค่พรุ่งนี้เท่านั้น แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายๆหรอก

 

ชีวิต...ต้องแลกด้วยชีวิต!! อย่างนั้นที่เขาต้องการ หากแต่ตอนนี้ ทำไมถึงได้ขลาดที่จะทำ เมื่อคิดถึงร่างน้อยๆที่

 

ซุกซบอยู่ในอ้อมกอดของเขากลับทำให้หัวใจแป้วลง เมื่อคิดว่าเธอจะต้องเจ็บปวด ทนทุกข์ และทรมาน รอยยิ้ม

 

สดใสที่เขาเคยได้รับ เธอยังจะมอบให้เขาอยู่รึเปล่า หากเป็นเขาที่ลงมือทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น... ถามแปลก

 

...แล้วจะต้องกลัวอะไร ในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอสักนิด ความรักงี่เง่าที่ทำให้ครอบครัวต้องพังพินาศน่ะหรือ จะมีไป

 

ทำไม รออีกไม่นานหรอก เมื่อความแค้นถูกสะสาง เขาจะลืมทุกอย่างไปเอง...ลืมว่าเคยมีเธออยู่บนโลกใบเดียว

 

กัน .............................................................................................

 

เสียงสะอื้นที่ดังก้องอยู่ในห้องนอนแสนหรูหราของคุณหนูของบ้าน ร่างบางที่นั่งซบหน้าลงบนหัวเข่าอย่างอดสู กี่

 

ครั้งกี่หนแล้วที่เธอถูกย่ำยีอย่างไร้ค่าและศักดิ์ศรี ความบริสุทธิ์ที่ตั้งใจว่าจะมอบให้ชายคนรักในค่ำคืนของวิวาห์

 

แสนหวาน กลับตกเป็นของผู้ชายป่าเถื่อนที่ไร้หัวใจ ทำไมเขาต้องรักเธอ ทำไมต้องเป็นเธอที่โชคร้ายอย่างนี้ และ

 

ทำไมหัวใจไม่รักดีถึงทำท่าว่าจะรักเขาอีกล่ะ ในโลกนี้จะมีใครที่ไหนอาภัพความรักอย่างเธออีก เธอมันไม่ต่างไป

 

จากดอกไม้ริมทางสักนิด ถูกเขาเด็ดดมชื่นชม อีกไมนานก็คงจะปาทิ้ง ไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นหลักประกันว่าเขา

 

รักเธอจริงๆ นอกจากคำพูดที่เป็นเพียงลมปาก แล้วเธอจะเชื่อเขาได้อย่างไร การกระทำก็ไม่ได้บอกสักนิดว่ารักกัน

 

ถ้าเขาทำให้เธอมั่นใจกว่านี้สักหน่อย เธอก็พร้อมที่จะตัดใจ...มั้ง

 

ใช่ว่าเธอจะไม่เหนื่อยที่ต้องคอยวิ่งไล่ป๊อปปี้เพราะยิ่งวิ่งตาม เขาก็ยิ่งอยู่ห่างไกลจากเธอไปทุกที และเขาเองก็ไม่

 

ได้รักเธอเลย เธอก็พอรู้ หากแต่ความรักที่หยั่งรากลึกมานานนับแปดปี ทำให้การตัดใจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากโทโมะ

 

จะทำให้เธอมั่นใจอีกสักหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย เธอจะได้ไม่ต้องมาทนเจ็บซ้ำซาก แต่วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ การ

 

แย่งป๊อปปี้กลับคืนมาจากฟาง อย่างที่เธอเคยทำมาตลอด อย่างน้อยเขาก็อ่อนโยน และไม่เห็นเธอเป็นผู้หญิงไร้ค่า

 

อย่างโทโมะ เธอเองก็คงจะไม่ต้องทนเจ็บมากนัก หากต้องใช้ชีวิตคู่กับป๊อปปี้ เธอเชื่อว่าผู้ชายที่แสนจะเพอร์เฟ็ค

 

อย่างเขาจะไม่ทำให้เธอเสียใจ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่ถูกทิ้งให้นอนเดียวดายบนพื้นส่งเสียงกรีดร้องขึ้นอย่าง

 

เรียกร้องความสนใจ หากแต่ชื่อของปลายสายมันไม่ได้อยากให้เธอกดรับสักนิด รออยู่หลายอึดใจกว่ามันจะเงียบ

 

เสียงลง เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากแต่เสียงเคาะบานหน้าต่างยิ่งทำให้เธอตกใจ นัยน์ตาแสนหวาน

 

มองไปรอบห้องอย่างต้องการอาวุธ เมื่อค่ำคืนนี้เธออาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพังกับแม่บ้านสูงวัยเท่านั้น และตอนนี้

 

นมจันทร์ก็คงจะหลับไปแล้ว เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับแจกันบนหัวเตียง เธอก็รีบรุดไปหยิบมันมาทันที สูดลมหายใจ

 

เข้าอย่างเรียกกำลังใจ ก่อนปลายเท้าเรียวจะหยุดลงที่บานหน้าต่าง แล้วกระชากผ้าม่านออก ก่อนจะเงื้อแจกัน

 

สุดวงแขนหมายจะฟาด แต่ก็ต้องชะงักกลางอากาศเมื่อเห็นใบหน้าหล่อใสของผู้มาเยือนยามวิกาล แจกันที่หมาย

 

จะฟาดใบหน้าของผู้มาเยือนนั้นตกลงสู่พื้น ก่อนเศษกระเบื้องจะแตกกระจายออกเรี่ยราด ชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้หน้า

 

เธออย่างคาดโทษ เธอจึงต้องยอมจำนนเปิดบานหน้าต่างให้เขาเข้ามาในที่สุด

 

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน”น้ำเสียงเย็นเยียบถามอย่างติดโมโห เธอกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ ก่อนจะตอบออก

 

มาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ

 

“ฉันไม่ได้ยินค่ะ”ดูเหมือนคำโกหกของเธอจะไม่เป็นผล เมื่อเขาก้าวอาดๆเข้ามากระชากเธอเข้าไปปะทะอกแกร่ง

 

อย่างแรง มิหนำซ้ำมือหนากลับตวัดรอบเอวคอดของเธอแน่นหนา

 

“โกหก!”เธอพยายามเบี่ยงหน้าหลบใบหน้าหล่อใสที่เลื่อนเข้ามาใกล้ทุกที เธอรู้ดีว่าต่อไปจะเกิดเหตุการณ์อะไร

 

ขึ้น ถึงจะรู้ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์หยุดมันลงสักนิดเลย

 

“เงยหน้าขึ้นมาแก้ว... มองหน้าฉัน”น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน อย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอชั่งใจอยู่

 

พักใหญ่ ก่อนจะยอมเงยหน้าขึ้น แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะสบตาคมคู่นั้น

 

“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”เธอเอ่ยถามออกไปอย่างเสียมิได้ ทั้งที่ในใจก็พอจะรู้ดีว่าเขานั้นมาที่นี่เพื่ออะไร หากไม่ใช่

 

มาหานางบำเรออย่างเธอ

 

“ฉันก็มาหาเธอ คืนนี้อยากนอนกอด มีอะไรรึเปล่า”เขานั้นตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสบายใจ แต่เธอสิ การที่เปิด

 

หน้าต่างให้ผู้ชายเข้ามานอนในบ้านมันไม่งามสักนิดเลย

 

“มันไม่งาม คุณกลับไปเถอะค่ะ เกิดนมจันทร์เข้ามาเห็นจะไม่ดี”ให้ตายสิ...เขาไม่ฟังเธอสักนิดเลย กลับอุ้มเธอไป

 

นอนที่เตียงเสียอย่างนั้น แรงที่คิดว่าเยอะสำหรับตัวเองกลับไม่เป็นผลต่อเขาสักนิด สุดท้ายก็ต้องมานอนอยู่ใต้

 

อาณัติของเขาจนได้

 

“ขอนอนกอดเฉยๆ สาบานว่าจะไม่ทำอะไรเลย”เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่นอนนิ่งให้เขากอดอยู่อย่างนั้น แต่ใบ

 

หน้าหล่อใสที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของเธออยู่ตอนนี้มันทำให้เธอกำลังนอนไม่หลับ

 

“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง ฮึก ฮือ”น้ำเสียงสั่นในตอนต้น ที่สุดท้ายกลับลงท้ายด้วยเสียงสะอื้นไห้ จากความ

 

อ่อนแอที่มีอยู่เป็นทุนเดิมมาหลอมรวมกับการกระทำของเขาทำให้บ่อน้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปกลับล้นเอ่อขึ้นมาอีก

 

ครั้ง

 

“เป็นอะไร...เอ่อ เอ่อ ฉัน...ฉันขอโทษ นอนเถอะ”ชายหนุ่มที่ตกใจกับน้ำตาของร่างบางที่ไหลราวกับทำนบแตก

 

นั้น แทบทำอะไรไม่ถูก และยิ่งกว่านั้นเขาไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องยอมให้เธอ

 

 

 

................................................................................................................................

 

ขอโทษน้า การบ้านเราเยอะมากเลย แต่จะพยายามมาอัพให้นะ^^ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนนะ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา