The revenge แค้นร้ายกลายรัก

8.6

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.57 น.

  33 ตอน
  692 วิจารณ์
  127.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

28)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

The revenge แค้นร้ายกลายรัก ตอนที่ 28 จะผิดไหม...

 

ร่างเล็กเอื้อมมือจับเสาน้ำเกลือ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงผู้ป่วย ความเจ็บจากร่างกายที่บอบช้ำจากน้ำมือของสามี

 

 

 

ทางพฤตินัยและข้อเท้าที่บวมเป่งซึ่งยังไม่หายดีก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เธอฝืนความเจ็บก้าวลงมาจนได้ ก่อนจะใช้มือยัน

 

 

 

 

ฝาผนังห้องแล้วเดินไปที่โต๊ะที่อยู่มุมสุดของห้องซึ่งมีชามข้าวต้มวางอยู่ เธอหลับไปนานมากและเพิ่งตื่นมาตอน

 

 

 

สองทุ่มกว่าๆซึ่งมันก็เลยอาหารเย็นมามากแล้ว เจ้าตัวเล็กคงจะหิวน่าดู เธอค่อยๆเลื่อนโต๊ะมาไว้ตรงเตียงอย่าง

 

 

 

ทุลักทุเลพอควร หากแต่พอจะก้าวขึ้นเตียง เท้าที่เหยียบขั้นบันไดเอนกประสงค์กลับเหยียบพลาด ร่างบอบ

 

 

 

บางกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ความเจ็บแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว น้ำตาที่พร้อมจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อก็รินลงมาอย่าง

 

 

 

ห้ามไม่อยู่ ไม่ได้เกิดจากความเจ็บทางกาย หากแต่เป็นหัวใจมากกว่า ทั้งๆที่ช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้ควรจะมีสามี

 

 

 

คอยดูแลอยู่ไม่ห่างอย่างที่บิดาและมารดาเคยเล่าให้ฟัง แต่ทำไมเธอถึงไม่มีล่ะ...

 

 

 

“เจ็บมั้ยลูก แม่ขอโทษนะคะ”เธอยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงได้สำเร็จ

 

 

 

มือบางเปิดฝาครอบชามข้าวต้มที่คงเย็นชืดไม่น่าทานสักนิด หากเป็นเวลาปกติแล้วเธอคงไม่ทานให้ทรมานตัวเอง

 

 

 

หรอก แต่เวลานี้ ตอนนี้ ต่อให้ข้าวต้มจะเย็นชืดและรสชาติแย่ขนาดไหน...เธอก็จะทาน เธอเพิ่งรู้ซึ้งว่าการทานข้าว

 

 

 

 

กับน้ำตามันไม่อร่อยสักนิด มันทั้งฝืดคอและทรมานเหลือเกิน เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากร่างบอบบางได้

 

 

 

อย่างดี มือเล็กที่ตักข้าวต้มเข้าปากชะงักกลางอากาศ เมื่อร่างสูงที่ปรากฏตรงหน้าคือสามีทางพฤตินัยของเธอ

 

 

 

“คุณภาณุ...ลืมอะไรหรือเปล่าคะ”เธอก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกินว่าเขามาหาเธอเพราะเป็นห่วง แต่มันคง

 

 

 

ไม่ใช่ เมื่อเธอสบตาเข้ากับดวงตาที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความเฉยชา

 

 

 

“ไม่ แล้วนั่นกินอะไรของเธอ”เธอก้มลงมองชามข้าวต้มของตัวเองก่อนจะตอบ

 

 

 

“ข้าวต้มค่ะ มันเลยเวลาอาหารมามากแล้ว ลูกคงจะหิวน่ะค่ะ”เธอพูดพลางยกมือขึ้นลูบหน้าท้อง ก้มหน้าลงเพื่อ

 

 

 

หลบซ่อนหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก

 

 

 

“อร่อยหรือไง”เธอพยักหน้าลงอีก เพราะน้ำตาเจ้ากรรมที่ไม่หยุดไหลซะทีกำลังสร้างความลำบากให้กับเธอ กลัว

 

 

 

เหลือเกินว่าเขาจะเห็นมัน

 

 

 

 

“อร่อยสู้ซุปไก่ฝีมือนมทิพย์ได้หรือเปล่า”เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทันควัน จนลืมไปว่าหยาดน้ำตานั้นยังเปรอะเปื้อน

 

 

 

เต็มใบหน้า

 

 

 

 

“เสียรึเปล่าก็ไม่รู้ข้าวต้มน่ะ ทานนี้ดีกว่า”ว่าแล้วเขาก็จัดการแกะปิ่นโตออก

 

 

 

“ทานเลยสิ อุตส่าห์เอามาให้เลยนะ”เธอตักซุปไก่เข้าปาก ก่อนจะกลืนมันลงคออย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะข้าวต้ม

 

 

 

เย็นชืดหรือซุปไก่แสนอร่อยมันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจริญอาหารทั้งนั้นแหละ

 

 

 

“ร้องอะไรนักหนาฮึ”เขาพูดหลังจากลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ นิ้วเรียวกรีดไล้น้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่าง

 

 

 

อ่อนโยน พาลทำให้หัวใจเหี่ยวเฉากลับพองโตขึ้นมาอีก

 

 

 

“คุณเป็นห่วงลูกรึเปล่าคะ”เธอกลั้นใจถามคนตัวโต ทั้งๆที่แบบไม่ต้องเดาเลยว่าคำตอบมันจะเป็นอย่างไร แต่เธอก็

 

 

 

ยังอยากจะฟังเหลือเกิน แค่ขอให้เขาพูดว่าห่วงเท่านั้น

 

 

 

“อย่าถามโง่ๆน่า”

 

 

 

 

“ตอบอย่างนี้แปลว่าห่วงใช่มั้ยคะ”

 

 

 

 

“ก็แล้วแต่เธอจะคิดเถอะ”เขาตอบอย่างขอไปที

 

 

 

 

“งั้นแปลว่าห่วง ฟางดีใจนะคะที่คุณเป็นห่วงลูก เมื่อกี้ฟางล้มแต่ลูกไม่เป็นอะไรเลย แสดงว่าลูกต้องเข้มแข็งมาก

 

 

 

แน่เลย”ดูสีหน้าของป๊อปปี้จะดูตกใจไม่น้อย เขาโพล่งถามทันที

 

 

 

 

“เจ็บมากรึเปล่า!”เธอส่ายหน้าเบาๆ ทำไมเขาต้องเสียงดังขนาดนี้นะ...เป็นห่วงลูกจริงๆด้วย เธอก้มหน้าลงทานจน

 

 

 

หมดเกลี้ยงก่อนเขาจะเลื่อนโต๊ะออกไปไว้ที่มุมสุดของห้อง

 

 

 

 

“คุณไม่ต้องทำงานแล้วหรอคะ”เธอถามไปอย่างที่ใจสงสัย

 

 

 

 

“ไม่”เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟา

 

 

 

 

“คุณมานอนบนเตียงกับฟางก็ได้นะ นอนบนโซฟาคงจะเมื่อยแย่”เธอพูดพร้อมๆกับตบเตียงเบาๆ เขาลุกไปปิดไฟ

 

 

 

ไม่ใช่ว่าเธอไม่กลัวเขา แต่มารดาบอกว่าการเอาใจสามีแม้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่ก็เป็นสิ่งที่ภรรยาที่ดีควรทำ

 

 

 

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงภรรยาทางพฤตินัยของเขา แต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา แม้ว่าเขาจะไม่ความสำคัญในตัว

 

 

 

เธอ แต่เธอเห็นความสำคัญในตัวเขาเสมอ เมื่อรู้สึกตัวว่าเขาขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว เธอจึงพลิกตัวหันหน้าหนี

 

 

 

เพราะกลัวว่าเขาจะรำคาญที่ต้องทนกับอาการนอนดิ้นที่แก้ไม่หายของเธอ แขนแกร่งโอบตวัดรอบเอวเล็กบางเกี่ยว

 

 

 

เข้าหาตัว มือหนาจับดวงหน้าแสนหวานขึ้นรับการประทับจูบแสนหวานลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่าแสนรัก จูบแสน

 

 

 

หวานและอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นจูบของความปรารถนาอย่างที่คนตัวเล็กไม่อาจต้านทาน มือหนาเลื่อยลงไปดึง

 

 

 

 

ปมเสื้อผู้ป่วยออกจนหมด แสงจากตึกมากมายหลากหลายสีสันเผยให้เห็นอกอวบอิ่มภายใต้บราเซียร์ตัวน้อย เขา

 

 

 

 

เคล้นคลึงมันอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม เพราะคำแนะนำของนายแพทย์เจ้าของไข้ที่บอกว่าคนตัวเล็กบอบช้ำ

 

 

 

 

มากจากการกระทำของเขา เสียงครางผะแผ่วดังขึ้นมาเป็นระรอกเรียกอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

“ฉันขอนะฟาง”น้ำเสียงแหบพร่าตามแรงอารมณ์ถามขึ้น แล้วคำถามของเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เมื่อตะขอถูก

 

 

 

ปลดออกด้วยน้ำมือของเขา บราเซียร์ตัวน้อยถูกทิ้งลงข้างกายเกือบเปลือย มือหนาเข้าครอบครองอกอวบเคล้น

 

 

 

คลึงเบาๆอย่างอ่อนโยนทว่าเร่าร้อน หัวแม่มือไล้ไปตามยอดอกสีหวาน เรียกเสียงครางหวานๆจากคนอ่อน

 

 

 

 

ประสบการณ์ได้อย่างดี มือหนาละจากหน้าที่เบื้องบน ส่งเรียวปากเข้าครอบครองยอดอกแทน ลิ้นหนาระรัวใส่

 

 

 

ยอดอกในอุ้งปากอย่างจงใจจะแกล้งหญิงสาว และก็ได้ผลเมื่อเธอแอ่นอกรับสัมผัสของเขา เมื่อยิ่งได้ใจใหญ่เมื่อ

 

 

 

มือหนาเลื่อนลงลูบไล้หน้าท้องแบนราบเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กขนลุกเกรียว ก่อนจะเลื่อนลงดึงกางเกงยางยืดลง

 

 

 

ตามด้วยชั้นในตัวจิ๋ว หัวแม่มือสะกิดยอดเกสรอย่างรัวเร็วก่อนจะส่งนิ้วกลางเข้าสู่กายสาวในจังหวะที่ร้อนแรงไปแพ้

 

 

กัน ใบหน้าแสนหวานสะบัดไป-มาอย่างทรมานกับความต้องการที่กำลังเล่นงานเธอซึ่งเกิดจากน้ำมือของเขา

 

 

ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าลงทักทายกุหลาบงาม ลิ้นหนารัวเกสรดอกไม้อย่างเร่าร้อน พร้อมๆกับ

 

 

นิ้วเรียวที่ขยับเข้า-ออกอย่างเร่าร้อน เรียกเสียงครางระงมจากคนอ่อนประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี ไม่นานร่างบางก็

 

 

 

กรีดร้องอย่างสุขสมเมื่อชายหนุ่มส่งเธอถึงปลายสายรุ้ง เธอปรือตาขึ้นมองร่างสูงที่กำลังปลดอาภรณ์ตัวเองอย่างเร่ง

 

 

 

 

รีบ

 

 

 

“คุณภาณุ อือ จะทำอะไร...”เสียงหวานปนครางกระเส่าเอ่ยถามหน้าตาแตกตื่นเมื่อเห็นการกระทำของชายหนุ่ม

 

 

 

ตรงหน้า

 

 

 

 

“เธอก็รู้ดีสาวน้อย”น้ำเสียงเข้มที่แหบพร่าตอบกลับ ก่อนจะล้มตัวลงทาบทับร่างแสนเย้ายวนอีกครั้ง มือสากระคาย

 

 

 

ค่อยๆจับเรียวขาสวยออกจากกัน แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ให้ความร่วมมือเมื่อเธอหุบขาเข้าหากันทันที

 

 

 

 

“ไม่เอา มันเจ็บนะ”น้ำเสียงหวานที่บ่งบอกถึงความเอาแต่ใจเอ่ยขึ้นทันที

 

 

 

 

“ไม่เจ็บหรอก หรือว่าเธอจะขัดใจฉัน” “เปล่านะ...อย่ารุนแรงนะ ลูกจะเจ็บ”นัยน์ตาหวานที่เต็มไปด้วยความวิตก

 

 

 

กังวลและหวาดกลัวมองมาที่เขาอย่างอ้อนวอน เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะถูไถกายแกร่งที่ช่องทางสีหวานของเธอ

 

 

 

เพื่อกระตุ้นให้เธอมีอารมณ์ร่วมกับเขา ก่อนจะค่อยๆชำแรกกายแกร่งลงไปช้าๆเพื่อให้เธอปรับตัวให้ได้ เพราะร่าง

 

 

 

 

กายที่บอบช้ำของเธอคงไม่เหมาะกับจังหวะรักรุนแรงและป่าเถื่อนแน่ เขาเลื่อนใบหน้าขึ้นจูบเธอเบาๆ ขณะที่แช่

 

 

 

กายแกร่งทิ้งไว้ในกายสาวสักพัก สัมผัสแผ่วเบาและอ่อนหวานราวกับปีกผีเสื้อที่กระพือไปรอบๆริมฝีปากอวบอิ่ม

 

 

 

 

เรียกเสียงครางจากคนด้อยประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี เขาไม่รอช้าเมื่อกลีบปากสวยเปิดออกเพื่อส่งเสียงคราง

 

 

 

หวานหูมันเป็นโอกาสอันดี ลิ้นหนารีบรุดส่งเข้าสำรวจบ่อน้ำหวานในอุ้งปากของคนตัวเล็กทันที ลิ้นเล็กโต้ตอบอย่าง

 

 

 

ไม่ประสาเรียกเสียงครางหนักๆในลำคอแกร่งได้ทันที เมื่อพอใจกับความหวานที่ได้รับแล้ว และเมื่ออารมณ์ของเธอ

 

 

 

เริ่มคล้อยตามร่างสูงจัดการขยับกายแกร่งเข้า-ออกกายสาวตามห้วงอารมณ์ทันที อัตราเร็วถูกเพิ่มขึ้นเมื่ออารมณ์

 

 

 

พุ่งสุดขีด เขาไม่ได้สนใจมือเล็กๆของเธอที่ดันหน้าท้องแกร่งของเขาไว้เพื่อให้ลดจังหวะลง จนกระทั่งเสียงร้อง

 

 

 

 

เตือนปนสะอื้นของเธอดังขึ้น

 

 

 

 

“ฮึก เจ็บๆ”มือเล็กทุบไหล่กำยำเพื่อเตือนเขาเมื่อเขาเริ่มขยับตัวเร็วเกินไป ชายหนุ่มลดจังหวะลงเพราะเพิ่งสำนึก

 

 

 

ได้ว่าเธอยังไม่หายบอบช้ำดีนัก เขาปัดปรอยผมที่ปรกหน้าผากมนออก ก่อนจะจูบกลางหน้าผากมนเพื่อปลอบขวัญ

 

 

 

จังหวะที่ถูกลดความเร็วลงไป หากแต่ไม่ได้ลดความหนักแน่นลงแม้แต่น้อยส่งผลให้เสียงครางระงมและเสียงเนิน

 

 

 

เนื้อกระทบกันดังแข่งกันอย่างหาเสียงแพ้ชนะไม่ได้ ร่างบอบบางที่เบียดสะโพกหาทุกครั้งที่เขาห่างกายยิ่งปลุก

 

 

 

ความดิบเถื่อนในตัวเขา มือหนาตะปบเข้าที่อกอวบที่สั่นไหวไปตามแรงกระแทก ก่อนจะเคล้นคลึงมันเบาๆ นานชั่ว

 

 

 

กัปกัลป์สำหรับเขาและเธอกว่าจะไปถึงปลายสายรุ้ง เมื่อชายหนุ่มเอาแต่รังแกเธออย่างเดียว เสียงกรีดร้องอย่างสุข

 

 

 

สมของชายหนุ่มและหญิงสาวดังลั่นห้อง ดีที่ว่าห้องนี้เก็บเสียง ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงได้เจอพยาบาลเทศน์ที่

 

 

 

อาจหาญทำเรื่องพรรค์นี้ในโรงพยาบาล เขาจูบลงกลางหน้าผากมนของคนที่หลับใหลไปตั้งแต่บทเพลงรักจบลง

 

 

 

 

มือหนาควานหาเสื้อผ้าของตนและคนตัวเล็ก ก่อนจะจัดการความเรียบร้อยของตนและคนข้างกาย แล้วล้มตัวลง

 

 

 

 

นอนทันที แขนแกร่งโอบกระชับร่างบอบบางมาประชิดตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวกำลังทำให้เขานอนไม่หลับ หาก

 

 

 

 

แต่ดวงหน้าหวานที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อบอกเขาว่าตอนนี้เขาไม่ควรรังแกเธออีกแล้ว ชายหนุ่มยิ่งพยายามข่มตา

 

 

ให้หลับลงท่ามกลางความทรมานจากความต้องการของร่างกาย

 

 

 

 

............................................................................................................................

มาแล้ว แอบกนะซิบเรื่องนี้มีเพียง31 ตอน ไม่ได้มีเยอะอย่างที่คิดไว้แหะ แต่งจบแล้วด้วยแต่งเรื่องใหม่แล้วด้วย

อิอิ เอามากระตุ้นความอยากของรีดเดอร์ทั้งหลาย พรุ่งนี้จะมาอัพให้อีกทีนะจ้ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา