เส้นทางรัก ..บนถนนสายมาเฟีย

-

เขียนโดย ฟินนิกซ์

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 16.37 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,195 อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) มังกรเดียวดายChapter 1 มังกรเดียวดาย หลังจากอังกฤษได้ส่งม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 1 มังกรเดียวดาย

 

หลังจากอังกฤษได้ส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงให้จีน รัฐบาลฮ่องกงจึงมีนโยบายการกวาดล้างอิทธิพลมืดหรือที่เรียกว่ามาเฟีย จนทำให้มาเฟียจำต้องเข้าร่วมกับทางภาครัฐ แต่นั่นเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น

คนโดยทั่วไปมักจะคิดว่ามาเฟียได้หมดสิ้นไปแล้ว หากแต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย อิทธิพลมืดได้เข้าไปแทรกแซงอยู่ทุกแห่งหน ไม่ว่าจะเป็น การเมือง ธุรกิจ ตำรวจ

 

มาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงคือมาเฟียแก๊งเฮยหลง ปัจจุบันมีเฉิงอิงหนานเป็นหัวหน้า ซึ่งขึ้นมานั่งตำแหน่งนี้แทนบิดาผู้ล่วงลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรง มีธุรกิจหลายอย่างอยู่ในครอบครอง เช่น คาสิโน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ไนท์บาร์ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอยู่ในยุโรปอีกหลายๆประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาก้าวขึ้นสู่การเป็นมาเฟียอันดับหนึ่งของฮ่องกง ทั้งที่มีอายุเพียงแค่ยี่สิบแปดปีเท่านั้น

 

            เฉิงอิงหนานเป็นคนเย็นชา ไร้รัก ไร้หัวใจ นั่นเพราะเขาโดนเลี้ยงมาให้เข้มแข็งและเลือดเย็น ถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นสิ่งนี้โดยเฉพาะ ..เกิดมาเพื่อเป็นคนเหนือคน ..เกิดมาเพื่อเป็นมังกรที่ทะยานและยิ่งใหญ่อยู่บนฟากฟ้า แต่บนความยิ่งใหญ่นั้นเขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย ..ไม่เคยรู้จักกับคำว่ารัก

 

ข้างกายห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมาย

หากแต่เหน็บหนาวเหลือเกิน

โดดเดี่ยวท่ามกลางอำนาจอันยิ่งใหญ่

ไร้ใจ ไร้รัก เพราะนี่คือชะตาของมาเฟีย ..ชะตาของมังกรที่ต้องเดียวดาย

 

            เฉิงอิงหนานนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เรียกว่าบัลลังก์มังกร มองลูกน้องนำตัวเฉิงจินหู่ ..ผู้คิดคดทรยศมาพิจารณาความผิด

                เมื่อเผชิญหน้ากับเฉิงอิงหนานเฉิงจินหู่ก็ยังยืนเฉย ไม่สะทกสะท้าน อาคัง ..ลูกน้องคนสนิทของเฉิงอิงหนานจึงแตะขาพับของผู้ต้องหาให้คุกเข่าลง

“ไม่เจอกันนานเลยนะครับลุงจินหู่”เฉิงอิงหนานเริ่มบทสนทนา

“แกจะฆ่าก็ฆ่า อย่าเสียเวลา”จินหู่กล่าวแล้วเมินหน้าไปทางอื่น

“งั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ลุงยักยอกเงินของบริษัทไป มิหนำซ้ำยังคิดจะโค่นอำนาจผมอีกใช่ไหม”

“แกก็รู้อยู่แล้ว จะถามอีกทำไม”จินหู่ย้อนกลับ

                เฉิงอิงหนานถอนหายใจนิดหนึ่งอย่างลำบากใจ เหนื่อยใจกับความดื้นรั้นของผู้อาวุโสตรงหน้า

“ทำไมลุงถึงทำอะไรที่ตัดอนาคตของตัวเองอย่างนั้น”มาเฟียอันดับหนึ่งแห่งฮ่องกงถาม

“ใครบอกว่าฉันตัดอนาคตตัวเอง ฉันทำเพื่ออนาคตของลูกๆฉันต่างหาก ..อาหนาน แกยังไม่เป็นพ่อคนแกไม่รู้หรอกว่าอนาคตของลูกสำคัญต่อผู้เป็นพ่อแค่ไหน พ่อแกก็ทำเพื่ออนาคตของแก แล้วทำไมฉันจะทำเพื่อลูกฉันบ้างไม่ได้ ทำไมบริษัทและกิจการต่างๆจะต้องเป็นของแกและอาเหว่ยสองคนพี่น้อง ทั้งๆที่ฉันและครอบครัวควรจะเป็นเจ้าของมันมากกว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างพวกแกซะอีก”จินหู่กล่าว

“ลุงรู้ใช่ไหมว่ากฏของมาเฟียเป็นอย่างไร แล้วทำไมยังฝ่าฝืนอีก”มาเฟียหนุ่มตัดบท

“แกไม่เคยรู้จักความรัก ..อาหนาน คนเรากล้าที่จะทำผิดเพื่อคนที่เรารัก สักวันแกจะเข้าใจความจำเป็นของลุง”

“ลุงคงไม่มีโอกาสอยู่ไปจนถึงวันนั้นหรอก”เฉิงอิงหนานมองมายังจินหู่ด้วยสายตาที่เย็นชา ดุดัน โหดเหี้ยมอยู่ในที

“อีกอย่าง คนอย่างผมไม่มีวันรักใคร”อิงหนานพูดอย่างหนักแน่น

“หึ หึ”เฉิงจินหู่หัวเราะออกมา ราวกับคำพูดของหลานชายเป็นเรื่องตลก

“สักวันแกจะเจอคนที่ใช่ แล้วเมื่อนั้น มังกรที่ไร้หัวใจอย่างแก จะรู้จักกับคำว่ารัก”

“หึ”เฉิงอิงหนานกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวคำพิพากษา

“แต่ลุงคงไม่มีวันได้เห็น เพราะเวลาของลุงหมดแล้ว”พูดจบก็เดินจากไป ปล่อยให้ลูกน้องจัดการกับเฉิงจินหู่ตามที่ได้ตัดสินเอาไว้

 

เกิดเป็นมาเฟียต้องโหดเหี้ยม

ไม่มีญาติ ไม่มีพี่น้อง ..ไม่มีรัก

หากทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฏ

เพราะเหตุนี้เฉิงอิงหนานจึงเป็นมังกรเหนือมังกรทั้งปวง

 

เป็นมังกรไร้ใจ ..มิอาจมีรัก

เดียวดาย ไร้คู่ชีวิต

มีเพียงเงาเท่านั้นที่อยู่เคียงกาย

 

*……………………………………………………………….*

 

            เฉิงอิงหนานเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ใจลอยกลับไปสู่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ ด้วยรู้สึกผิดที่ต้องหยิบยื่นความตายให้ผู้เป็นลุงแท้ๆของตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น คนที่ต้องสิ้นชื่อในภายภาคหน้าก็คือตัวเขาและน้องชาย ..เฉิงเหว่ยฟ้าน

“เป็นไร รู้สึกผิดเหรออาหนาน”เจียงหม่าถาม

เจียงหม่าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ได้ร่วมก่อตั้งพรรค และเป็นคนที่เฉิงอิงหนานให้การเคารพเยี่ยงลุงแท้ๆ

“ผมจำเป็นต้องฆ่า”มาเฟียหนุ่มเสียงเครียด

“ลุงเข้าใจ อย่าคิดมากเลยอาหนาน โลกของมาเฟียอย่างเรา มันไม่เหมือนโลกของคนธรรมดาโดยทั่วไป มาเฟียอยู่ในโลกมืด มันไม่มีแสงสว่างเหมือนโลกของคนอื่นเขาหรอก”ผู้มีประสบการณ์ปลอบใจ

“เอ้ย ..ลุงว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ”คำพูดของเจียงหม่าทำให้เฉิงอิงหนานยิ้มออกมาน้อยๆ

“อาหนาน ได้เวลาที่เราควรขยายธุรกิจไปที่เมืองไทยแล้วนะ”เจียงหม่าเสนอแนะ

“ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่การขยายอิทธิพลไปไทยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องดูองค์ประกอบในหลายๆด้าน เพียงแค่มีเงินทุนอย่างเดียวมันยังไม่พอ เราต้องมีพวกพ้องที่มีอิทธิพลด้วย จึงจะทำให้ธุรกิจไปได้คล่อง”

“ลุงรู้จักมาเฟียในเมืองไทย ชื่อ กิติ ไชยสุนทรพินิจ เป็นนักธุรกิจ และเป็นสปอร์นเซอร์ให้พวกนักการเมืองต่างๆ หรือพูดง่ายๆก็คือ เขามีส่วนร่วมทั้งด้านการเมืองและธุรกิจของเมืองไทย ลุงคิดว่าเราสามารถที่จะพึ่งพาเขาได้”

“เขาเป็นคนอย่างไร”อิงหนานถามอย่างสนใจ

“จริงใจ ไว้ใจได้ และที่สำคัญ ..เป็นคนที่หวงลูกสาวมาก”

“แล้วลุงคิดว่าผมควรทำไง”

“อาหนาน แกเคยคิดเรื่องแต่งงานบ้างไหม”เจียงหม่าไม่ตอบ แต่กลับตั้งคำถามขึ้นมาแทน

“ผมกับอาจิ้งคบกันมานานก็จริง แต่ผมก็ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน ถ้าลุงจะให้แต่งกับอาจิ้งผมคงต้องเอาไปคิดดูก่อน”

            เฟิงจิ้งอยู่กับเฉิงอิงหนานในฐานะผู้หญิงของมาเฟียมากว่าสองปี นั่นเพราะพี่ชายของเธอ ..เฟิงตง ซึ่งได้ใช้ตัวเองรับมีดแทนเฉิงอิงหนาน ..และก่อนตายเขาได้ฝากฝังเธอไว้ ดังนั้นมาเฟียหนุ่มจึงต้องรับเฟิงจิ้งไว้ในฐานะผู้หญิงของเขา

“ไม่ใช่อย่างนั้น ลุงไม่ได้หมายความว่าจะให้แกแต่งกับอาจิ้ง แต่หมายถึง การแต่งงานเพื่อธุรกิจหรืออะไรทำนองนี้ต่างหากเล่า”เจียงหม่าชี้แจง

“ลุงคงไม่ได้หมายถึงลูกสาวของคนที่ชื่อกิตินั่นใช่ไหม ลุงล้อผมเล่นแน่ๆเลย”อิงหนานกล่าว พร้อมทั้งส่ายหน้าปฏิเสธ

“ลุงพูดจริงๆนะอาหนาน มาเฟียอย่างเราจะมีผู้หญิงกี่คนก็ได้ แกแต่งงานแล้ว เมียแกก็อยู่ส่วนเมียแก อาจิ้งก็อยู่ส่วนอาจิ้ง การแต่งงานกับความรักและหน้าที่ ..ต้องแยกมันไว้คนละส่วนซิ”

“ความรัก ..มาเฟียมีรักได้ด้วยเหรอ ลุงจำผิดไปหรือเปล่า”เฉิงอิงหนานมองหน้าเจียงหม่าก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากของตัวเอง

 

ยิ้มให้ชะตาชีวิต

ยิ้มให้ชีวิตของมาเฟีย

ความรักเหรอ ..มันช่างห่างไกล และดูเหมือนจะเลือนรางเสียเหลือเกิน

 

“ผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกลุงเจียง เพราะมันไม่แฟร์ ผมไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นมาตกที่นั่งลำบาก เมื่อผมมีอาจิ้งอยู่ก่อนแล้ว”

“หลังจากแต่งงานแล้วแกก็บอกเมียแกว่า ให้เขาไปเที่ยวหรือหาผู้ชายใหม่ก็ได้ ..แกไม่ว่า แค่ให้เขาอยู่กับแกทางสังคม ลับหลังเมียแกจะและแทะแค่ไหนก็ตามใจ แค่นี้ก็จบเรื่อง”เจียงหม่ากล่าวแนะนำ

“ตกลงลูกสาวของกิติเป็นคนอย่างไรกันแน่ ไหนบอกว่าพ่อหวงนักหนาไง”มาเฟียหนุ่มถามอย่างสงสัย

“ลุงเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าผู้หญิงสมัยนี้คงไม่คิดเรื่องรักเดียวใจเดียว หรือผัวเดียวเมียเดียวแล้วล่ะ ยิ่งลูกคนรวยๆด้วยแล้ว คงจะเที่ยวเล่นไปวันๆเพราะพ่อแม่ตามใจ ลูกสาวของกิติก็คงไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นหรอก”เจียงหม่าพูดก่อนที่จะหยุดคิดนิดหนึ่ง เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

“อันที่จริงเราสามารถขยายอิทธิพลไปเมืองไทยได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้หญิงหรอก แต่ถ้าลุงมั่นใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงดีนักผมก็จะแต่งด้วย หากเธอเป็นผู้หญิงที่ต่างไปจากที่ลุงกล่าวมา ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต ถ้าต้องพาผู้หญิงดีๆมาคนหนึ่งมาตกนรกกับผม”

อิงหนานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งๆที่ความจริงรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย นั่นเพราะรู้ตัวว่าไม่ใช่คนดีนัก และที่สำคัญคือเขามีอาจิ้งอยู่ทั้งคน หากผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยเป็นคนดีเขาคงรู้สึกผิด แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงที่รักสนุกไปวันๆ ..อันนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่

“ดี ถ้างั้นมะรืนนี้เราไปเมืองไทยกัน”เจียงหม่ากล่าวอย่างดีใจ เมื่อแผนจับคู่ให้มาเฟียเริ่มมีความหวัง

 

*……………………………………………………*

 

ณ ประเทศไทย

 

รถลิมมูซีนเกือบสิบคันมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ไชยสุนทรพินิจ ..บ้านนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของไทย

“สวัสดีครับคุณเจียงหม่า สบายดีหรือเปล่าครับ”กิติทัก

“สบายดีครับ คุณล่ะ”

“ผมก็มีเจ็บป่วยบ้างเป็นบางคราว แต่โดยรวมยังถือว่าแข็งแรงอยู่”

“จริงซิ วันนี้ผมพาเจ้านายมาด้วย อยากจะแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกันไว้ เผื่อต่อไปในภายภาคหน้า เขาอาจจะต้องขอคำแนะนำจากคุณ”เจียงหม่ากล่าว

“สวัสดีครับ ผมเฉิงห้าวนานครับ”มาเฟียหนุ่มกล่าวพร้อมทั้งยื่นมือออกมาแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก

“ลูกชายคุณเฉิงห่ายนั่นเอง ไม่คิดว่าจะโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว พ่อคุณกับผมเราเป็นเพื่อนกัน ..คุณเองก็ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ”

“ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรับช่วงธุรกิจต่อจากคุณพ่อ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องการบริหารงานมากนัก ยังไงก็ต้องขอคำชี้แนะจากคุณกิติด้วยนะครับ”อิงหนานกล่าวอย่างนอบน้อม

“เกรงใจเกินไปแล้วพ่อหนุ่ม เอ้า ..เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า อย่ายืนคุยกันตรงนี้เลย เข้าไปข้างใน ทานของว่างที่แม่ครัวเขาตั้งใจจัดไว้ให้แล้วก็คุยไปด้วยจะดีกว่านะ”

 

หลังจากที่ได้พูดคุยกันเรื่องต่างๆมากมาย เจียงหม่าก็เริ่มวกเข้าประเด็นที่ตั้งใจมาในวันนี้อย่างแนบเนียน

“จริงซิ ผมมาเมืองไทยเมื่อครั้งก่อน ..จำได้ว่าเห็นลูกสาวคุณด้วย ชื่อ ..เอ่อ ..ถ้าจำไม่ผิดคงชื่อใบไผ่ใช่ไหม”

“อ๋อ ครับๆ”กิติตอบรับ

“แล้ววันนี้หนูใบไผ่ไม่อยู่หรือ ตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นเลย”เจียงหม่าถามพร้อมทั้งหันหน้าไปมองสำรวจรอบๆ

“ยายไผ่ไปหัวหินได้สามวันแล้วล่ะ ลูกสาวผมคนนี้ชอบชายทะเลเป็นชีวิตจิตใจ เห็นโทรมาบอกว่าจะกลับมาถึงตอนเย็นๆ”

“ออ ครับ”

*……………………………………………….*

 

                เมื่อใบไผ่กลับมาก็ต้องแปลกใจที่เห็นรถจอดอยู่ภายในบริเวณบ้านนับสิบคัน อีกทั้งบอดีการ์ดที่เธอไม่คุ้นหน้าคุ้นตานั่นอีก

“คุณพ่อมีแขกหรือจ๊ะป้า”ใบไผ่ถามป้านิ่ม ผู้ที่ให้การอบรมเลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“ใช่ค่ะ ดูเหมือนจะมาจากฮ่องกงนะค่ะ อ้อ..คุณท่านสั่งเอาไว้ว่าเมื่อคุณหนูกลับมาแล้วให้ไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลงมาร่วมรับประทานอาหารเย็นร่วมกับแขกของท่านด้วยค่ะ”

“ปกติคุณพ่อไม่ค่อยให้ไผ่ลงมาร่วมโต๊ะเวลาท่านมีแขกนี่จ๊ะ ทำไมวันนี้ถึงสั่งให้ลงมานะ”

“อย่าสงสัยอะไรเลยค่ะคุณหนู รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวป้าขึ้นไปผสมน้ำให้นะค่ะ”

ว่าแล้วป้านิ่มก็รีบจูงมือคุณหนูสุดที่รักขึ้นไปข้างบนทันที โดยไม่เปิดโอกาสเธอได้ไถ่ถามให้หายข้องใจอะไรเลย

 

*………………………………………………..*

 

ภายในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นกิติ เจียงหม่า หรือแม้แต่เฉิงอิงหนานล้วนมานั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่ยังต้องรอเพียงอีกคนเดียวเท่านั้น จึงจะครบจำนวนคน

ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อหญิงสาวแสนสวยนามใบไผ่ก้าวเข้ามา ทำให้กิติและเจียงหม่าหันไปมอง ..หากแต่เฉิงอิงหนานนั้นไม่แสดงอาการใดๆเลยแม้แต่น้อย เขายังคงนั่งนิ่ง และไม่คิดจะหันไปมองด้วยซ้ำ

“มาแล้วเหรอลูก ปล่อยให้แขกรอนานมันเสียมารยาทรู้ไหม”กิติตำหนิ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนัก

“ขอโทษค่ะคุณพ่อ พอดีหนูเผลอหลับไปแป๊บหนึ่ง เลยลงมาสายไปหน่อย”

“เอาล่ะ ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว เดี๋ยวพ่อจะแนะนำให้รู้จักกับคนที่มาร่วมธุรกิจกับเราต่อไปในอนาคต”กิติตัดบทพร้อมทั้งแนะนำบุคคลทั้งสองให้ผู้เป็นลูกรู้จัก

“ลูกรู้จักคุณเจียงหม่ากับคุณเฉิงอิงหนานเอาไว้ซิ ต่อไปพวกเราคงต้องทำธุรกิจหลายอย่างร่วมกัน”

“สวัสดีค่ะคุณเจียงหม่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ต่อไปคงต้องขอคำชี้แนะจากคุณอีกมาก”ใบไผ่กล่าว

“ยินดีๆ ..หลานสาว เอ้อ ..นี่อิงหนาน รู้จักกันไว้ซิ”

เจียงหม่าสะกิดชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ พลางพยักพเยิดให้ชายหนุ่มรุ่นลูกเงยหน้าขึ้นมา เป็นเหตุให้อิงหนานจำต้องทำตามโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้

“สวัสดีครับ ผม ..เฉิงอิงหนานครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

อิงหนานมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าราวกับถูกสาปให้ต้องมนต์ ความงามของผู้หญิงคนนี้มีมากจนเกินจะบรรยายจริงๆ เมื่อก่อนมีคนบอกว่าผู้หญิงไทยสวย แต่เขาก็ไม่เคยใส่ใจ พอได้มาเห็นผู้หญิงคนนี้ ยิ่งทำให้คำพูดเหล่านั้นแทบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆได้เลย

ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นทอประกายยามยิ้มแย้ม ราวกับจะช่วยส่องนำทางในคืนที่ไร้แสงดาว ..ช่วยนำทางมังกรที่อยู่เดียวดายในโลกมืดให้ได้พบกับแสงสว่าง

ผมยาวและเงางามอย่างน่าพิสมัย ลำคอระหง ดูเด่นเป็นสง่าราวกับนางพญา รอยยิ้มที่สามารถสยบใจชายทั่วหล้าให้ยอมหมอบอยู่แทบเท้า

มาเฟียหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตะลึงงัน ตาค้างในความงดงามที่ได้ยล รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน

 

ผู้หญิงคนนี้สวยเหมือนภาพวาดที่จิตกรบรรจงรังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งอกตั้งใจ

เป็นดั่งภาพวาดอันวิจิตรที่มีอยู่จริง

ราวกับนางฟ้าที่อยู่ในนิมิตรฝัน

 

เธอคนนี้สามารถทำให้มังกรเลือดเย็นรู้สึกอบอุ่นขึ้น

ใจเต้นเร็วเพียงแค่ได้สบตา

อยากอยู่ใกล้ อยากรู้จัก

เกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

พอได้มองผู้ชายที่ชื่อเฉิงอิงหนานเต็มๆตา ใบไผ่ก็รู้สึกสั่นน้อยๆ ผู้ชายคนนี้มีอำนาจบางอย่างที่น่าเกรงขาม จนบางครั้งอาจจะน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอด้วยซ้ำ หากแต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวนั้น สามารถดึงดูดเธอได้เพียงนาทีแรกที่ได้เห็น คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ราวกับลูกครึ่ง ยิ่งเพิ่มเสน่ห์และความหล่อของเขาให้เพิ่มขึ้นเป็นทวี รูปร่างสูงโปร่ง อกผายไหล่ผึ่ง ดูองอาจ โดดเด่นเกินใคร

เมื่อใบไผ่ได้ยืนใกล้ๆก็รู้สึกว่าตัวเล็กและดูบอบบางไปโดยปริยาย ยิ่งได้สบตาคมกล้านั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

 

ดวงตาของเขาเยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน

เปรียบเสมือนเหวลึก ..ยากจะหยั่งรู้

นี่คือดวงตาของมังกรที่ไม่เคยหวั่นเกรงสิ่งใด

 

            ทั้งสองมองสบตากันเนิ่นนาน ด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยรู้สึกกับผู้ใดมาก่อน ..ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจ โดยเฉพาะเฉิงอิงหนาน ผู้ซึ่งเย็นชากว่าน้ำแข็งขั้วโลก ..เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่น

 

จะเป็นอย่างไร หากมาเฟียมีรัก

จะเป็นอย่างไร หากมังกรอยากมีคู่ไว้เคียงกาย

จะเป็นอย่างไร หากหัวใจต้องการเธอ

 

“เอาล่ะ เมื่อรู้จักกันก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ง่ายต่อการทำธุรกิจร่วมกัน ..เพราะพ่อคิดว่าถึงเวลาที่ลูกควรจะบริหารงานเองได้แล้ว”กิติกล่าวอย่างมีความสุข

“ขอโทษนะครับ คือ ..หนูใบไผ่เรียนจบแล้วเหรอครับ”เจียงหม่าถามอย่างสงสัย เมื่อกิติบอกว่าจะให้ลูกสาวเป็นผู้บริหารแทนตัวเอง

“ครับ จบมาสองปีแล้ว แต่ผมยังไม่ให้แกเข้ามาทำงาน เพราะเห็นว่ายังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ยายไผ่อายุยี่สิบสี่ ผมคิดว่าแกโตพอที่จะเรียนรู้วงการธุรกิจได้แล้ว ..อีกอย่างใบไผ่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผม หากไม่ให้แกเข้ามาดูแลงานเอง ต่อไปในภายหน้าเกรงว่าอาจจะมีความเสียหายเกิดขึ้นได้”

“ใช่ครับ ต่อให้เราจ้างใครมาบริหารก็ไม่น่าเชื่อใจเท่าเราบริหารเองแน่ครับ”เจียงหม่ากล่าวเสริม

อิงหนานมองใบหน้าของหญิงสาวที่เพิ่งได้ยินมาว่าอายุสี่สิบสี่ ..ก็แทบไม่อยากเชื่อ ใบหน้าอ่อนๆอย่างนี้นะเหรอ ..ยี่สิบกว่า ตอนแรกนึกว่าอายุสิบเก้าหรืออย่างมากก็ยี่สิบ

“คุณจบจากอังกฤษหรือครับ”มาเฟียหนุ่มถามขึ้นมา เมื่อสังเกตว่าสำเนียงภาษอังกฤษที่ใบไผ่ใช้ เป็นแบบสำเนียงเมืองผู้ดี

“เปล่าค่ะ ฉันเรียนที่เมืองไทยนี่ล่ะ ส่วนภาษาจะมีอาจารย์ซึ่งเป็นคนอังกฤษมาสอนให้ที่บ้าน”

“ออ ครับ ดูท่าทางคุณพ่อคุณคงหวงน่าดู”อิงหนานมองมายังเจียงหม่าซึ่งกำลังนั่งไม่ค่อยติด ทำหน้าไม่ถูก เมื่อโดนสายตาขุ่นของเจ้านายหนุ่มเข้าให้

“ไม่หรอกค่ะ คุณพ่อตามใจฉันมาก จะไปไหนมาไหนก็ได้ แต่ต้องขออนุญาตท่านก่อน เพราะท่านกลัวจะเกิดเรื่องขึ้นกับฉันก็เท่านั้นเอง ส่วนการใช้ชีวิตของฉัน ..ท่านไม่เคยบังคับ ฉันจะไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนท่านก็ไม่ว่า หรือจะไปเที่ยวที่ไหน กลับเมื่อไหร่ ท่านก็ไม่เคยบังคับ ท่านให้อิสระฉันมากค่ะ”

คำตอบของใบไผ่ดูเหมือนจะเป็นการต่อชีวิตให้เจียงหม่าขึ้นมาในทันที เมื่อสายตาของอิงหนานที่เริ่มลดความกราดเกรี้ยวลง เพราะคิดว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กำลังจะทำลายชีวิตคนดีๆ ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นแค่ผู้หญิงรักสนุกคนหนึ่ง และหากเขาแต่งงานด้วยแล้ว อะไรๆก็คงพูดกันได้ง่าย

หากแต่คำว่าขึ้นเขาลงห้วยในความหมายของใบไผ่คือ การขึ้นเขาจริงๆ เพราะตอนเรียนมีหลายครั้งที่เธอต้องออกค่าย บางครั้งก็ต้องขึ้นเขาลงห้วยเป็นธรรมดา และเรื่องไปเที่ยวที่ไหน กลับเมื่อไหร่พ่อไม่ว่า เป็นเพราะมีบอดีการ์ดตามไปเพียบ ..ท่านจึงไม่ห่วง ทว่าคำพูดที่คลุมเครือนี้ กลับทำให้อิงหนานเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เที่ยวสนุกไปวันๆเสียแล้ว

 

*……………………………………………….*

 

เมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พัก เจียงหม่าก็รีบถามความคิดเห็นของผู้เป็นนายหนุ่มอย่างกล้าๆกลัวๆ

“อิงหนาน เอ่อ ..แกคิดว่าใบไผ่เป็นไง”

“แล้วลุงว่าไง คนต้นคิดเรื่องนี้เป็นลุง ..ไม่ใช่ผม ดังนั้นลุงควรแสดงความเห็นของลุง เสนอให้ผมฟัง”อิงหนานย้อนกลับ ทั้งๆที่คำตอบได้เด่นชัดอยู่ในหัว นั่นคือ ..เขาพอใจ

“ลุงว่า ใบไผ่ก็คงเหมือนๆวัยรุ่นทั่วๆไป กิน ดื่ม เที่ยว มั่วยา มั่วเซ็กส์ แกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าพ่อเขาตามใจขนาดไหน ไปเที่ยวไหน กลับเมื่อไหร่ไม่มีการบังคับ หรือบางทีก็อาจจะบังคับไม่ได้”เจียงหม่าอธิบาย

“ในความคิดเห็นของลุงคือ ใบไผ่ไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร หากผมแต่งงานกับเธอแล้ว ขณะเดียวกันผมก็มีผู้หญิงของผมไปด้วยจึงไม่ผิด เพราะผมไม่ได้ทำลายผู้หญิงดีๆ ลุงหมายความว่าอย่างนี้ใช่ไหม”

“ก็ทำนองนั้น แล้วแกคิดว่าไง”

“ตกลง ผมจะแต่งงานกับใบไผ่ ลุงช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยล่ะกัน”พูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้เจียงหม่าได้แต่ตะโกนตามหลังไป

“ต้องให้ได้อย่างนี้ซิหลานรัก ลุงภูมิใจในตัวแกจริงๆ ..เสียดายลุงไม่มีลูก ถ้ามีลูกอย่างแกคงดีไม่น้อย”

            เนื่องจากตอนเป็นหนุ่มๆเจียงหม่าเคยยกพวกไปตีกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลจากการสู้รบกันครั้งนั้นทำให้เขาไม่สามารถมีลูกเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลได้ นี่เอง ..เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขารักเฉิงอิงหนานราวลูกของตน

 

*…………………………….………………….*

 

            อิงหนานเหม่อมองไปยังนอกกระจกบานใส ซึ่งจะเห็นแสงสีของกรุงเทพในยามค่ำคืน ดวงไฟสว่างไสวไปทั่ว แต่เขาไม่ได้ชื่นชมกับบรรยากาศที่อยู่เบื้องหน้าแม้แต่น้อย สมองของเขากำลังคิดถึงใบหน้าใสๆของใบไผ่อย่างหยุดไม่ได้

ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเอาเสียเลยว่าทำไมจึงออกปากไปว่าจะแต่งงานกับใบไผ่ ทั้งๆที่เคยสัญญากับตัวเองเอาไว้ หากจะแต่งงานก็จะขอแต่งเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิต แล้วทำไมเขาจึงเลือกใบไผ่ให้มาอยู่เคียงข้างเขาในเวลานั้น ..วาดภาพเธอในฐานะเจ้าสาวของเขา

 

ดวงดาสดใสคู่นั้น ..สายตาอันบริสุทธิ์

ไร้ซึ่งกลิ่นอายเลือด ..ไร้ซึ่งความสกปรก

ดวงตาของเธอคู่นั้น ..เขาไม่เคยได้พบเจอจากวงการมาเฟีย

 

            หนุ่มเลือดมังกรถอนหายใจออกมา ทำให้ไออุ่นของลมหายใจกระทบกับความเย็นของกระจก จนกลายเป็นฝ้าขึ้นมาในทันที ..เขาจึงค่อยๆยกนิ้วขึ้นเขียนคำว่า龙ซึ่งแปลว่ามังกร แล้วใช้ฝ่ามือลบออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ถ้าในความเป็นจริง ..มังกรลบกันได้ง่ายๆก็ดีนะซิ

แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ..มังกรก็คงไม่ใช่มังกร พยัคฆ์ก็ไม่ใช่พยัคฆ์

ตอนนี้เขาเบื่อหน่ายเหลือเกิน เบื่อหน่ายที่ต้องอยู่บนอำนาจ ..ซึ่งยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น

 

จะเป็นอย่างไรเมื่อมังกรไม่อยากโดดเดี่ยวอีกต่อไป

อยากมีรักอย่างที่ใจหวัง

ไม่อยากเหน็บหนาวอยู่ในโลกมืด ไม่อยากไร้ใจ ไม่อยากเย็นชา

แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้วให้เขาเป็นเช่นนี้ ..เกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ท่ามกลางความเหน็บหนาว

เดียวดายท่ามกลางผู้คนที่ห้อมล้อม

 

*…………………………………………………..*

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา