Our Destiny เพราะเธอคือรักแท้

9.6

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 20.51 น.

  6 ตอน
  147 วิจารณ์
  16.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

 

 

 

            เสียงเคาะประดูอันดังทำให้คนตัวเล็กที่กำลังหลับคลุมโปงอยู่ภายในห้องเป็นอันต้องงัวเงียตื่นขึ้นทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิทด้วยความที่เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบๆตีหนึ่งแล้ว เพราะมัวแต่ชื่นชมกับเค้กสตรอเบอรรี่ที่มีคนซื้อให้นั่นล่ะ ไม่ใช่ว่านั่งกินมันทั้งคืน...แค่รู้สึกดีเวลาที่ได้มองหน้าเจ้ามิกกี้เม้าท์ที่ถูกวาดอยู่บนหน้าเค้กนั่นแล้วนึกถึงเขา...

 

 

 

“ค่ะแม่”

 

 

 

“ตื่นได้แล้วลูก พี่โทโมะมารอรับหนูแต่เช้าแล้ว วันนี้มีสอบไม่ใช่หรือไง” 

 

 

 

“คะ สอบ? ตายจริงหนูลืมไปเลย ไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ”  ทันทีที่นึกขึ้นได้ แก้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมทั้งจัดการแต่งตัวด้วยความเร่งรีบเมื่อรู้ว่าตัวเองดันลืมวันสอบไปเสียสนิท ถ้าแม่ไม่ขึ้นมาปลุกก็คงจะเป็นเรื่องแน่

 

 

 

 

แต่...พี่โทโมะรู้วันสอบเราได้ยังไง?

 

 

 

 

 

“ว่าไงเด็กขี้เซา”  แก้ววิ่งลงบันไดมาด้วยความรีบแต่กลับเจอหน้าคนที่เมื่อคืนคอยแต่จะวนเวียนอยู่ในความคิดแต่เช้าเข้าให้ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นในอกแต่เก็บอาการเอาไว้ไม่แสดงออกให้ใครได้รู้ ก่อนจะหันไปทำหน้าตึงใส่เขาแทน

 

 

 

“รู้ได้ไงคะว่าแก้วมีสอบ จุ้นจัง”

 

 

 

“เรื่องของแก้ว ถ้าพี่อยากรู้มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนะเด็กดื้อ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย”

 

 

 

“ถ้าจะสายก็ต้องโทษคนแถวนี้แหละค่ะที่มาชวนทะเลาะแต่เช้า”  แก้วแลบลิ้นใส่เขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันไปบอกลาแม่ตัวเองแล้ววิ่งออกจากร้านไปด้วยความเร่งรีบพร้อมกับโทโมะ

 

 

 

 

 

 

            ผมจัดการพายัยตัวแสบมาส่งที่มหาลัยด้วยความรีบเร่งระหว่างทางที่นั่งรถมาพอหัวเอนถึงเบาะคนตัวเล็กก็ผล็อยหลับลงทันที สงสัยเมื่อคืนจะอยู่อ่านหนังสือจนดึกดื่นก็เลยนอนไม่เต็มอิ่ม เห็นแบบนั้นแล้วก็สงสารผมเลยไม่อยากจะรบกวนการนอนอันแสนสุขของเด็กผู้หญิงคนนี้

 

 

 

            เมื่อถึงมหาลัยผมเลยจัดการปลุกยัยตัวแสบนี่เบาๆเพราะไม่อยากทำให้ฝันหวานของเจ้าตัวต้องพังทลายลง ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเผยอออกนิดๆ ขณะที่เปลือกตาสวยยังคงปิดสนิท เวลาหลับแล้วแก้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบ มือบางยกขึ้นปัดป้องอากาศพัลวันเหมือนไม่ต้องการให้ผมมารบกวนการนอนของเธอ

 

 

“ตื่นได้แล้วแมวน้อยขี้เซา ถึงเวลาเข้าห้องสอบแล้วครับ”  ผมเอื้อมไปปลดเบลท์ให้ยัยตัวแสบที่นอนหลับสนิทอยู่ก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวายอันดันตะโกนอยู่ข้างหู

 

 

 

 

“พี่โทโมะจะทำอะไรค่ะ!” 

 

 

 

“ไปสอบได้แล้วครับ”

 

 

 

“...เอ๊ะ”

 

 

 

“ตอนเย็นพี่จะมารับ กรุณาทำตัวให้ว่างด้วยนะ”

 

 

 

“แก้วยังไม่ได้บอกลเยว่าจะกลับกับพี่โทโมะ ขี้โกงชัดๆ”

 

 

 

 

“ตั้งใจทำข้อสอบนะเด็กดื้อ :)”  ยัยตัวเล็กทำหน้าตึงพลางย่นจมูกใส่ผมอย่างขัดใจก่อนจะยอมเดินลงจากรถเพื่อไปเข้าห้องสอบแต่ก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ผมอีก เหอะ บ้าจริงยัยเด็กตัวแสบ น่าตีให้ตายเลยเถอะ!

 

 

 

 

 

            พอส่งแก้วเสร็จผมถึงได้วกกลับเข้ามาที่สำนักพิมพ์ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องมาคอยดูแลยัยเด็กข้างบ้านคนนี้ด้วยทั้งที่เราก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงกลับรู้สึกเป็นห่วงแก้วอยางบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ...ไม่รู้เหมือนกัน  ผมเลิกคิดอะไรฟุ้งซ่านก่อนจะหันกลับมาเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อพิมพ์งานที่ค้างไว้ก่อนจะแอบเข้าไปเชคคอมเม้นท์จากสาวน้อยคนนั้น ปรากฏว่ามีเพียงแค่ข้อความเดียวที่เข้ามา...ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เราสองคนแทบจะไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำไปนะ

 

 

 

 

หัวใจเจ้าเอย...กล่าวว่า

 

“สวัสดีค่ะ รู้สึกเหมือนกันมั้ยคะว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย คงจะเป็นเพราะว่าฉันเองก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เอ่อ..ฉันมีบางอย่างอยาจะรบกวนถามหน่อยค่ะ การที่เรารู้สึกใจเต้นแรงเวลาอยู่กับคนๆนึง จำเป็นมั้ยคะว่าเราต้องรักเขา คือตอนนี้ฉันสับสนอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ T^T เพราะเขาคนนั้นเห็นฉันเป็นน้องสาวมาตลอด ถ้าเกิดว่าฉันคิดอะไรกับเขาขึ้นมาจริงๆ ฉันจะทำยังไงดีค่ะ ถ้าไม่ว่างตอบก็ไม่เป็นไรนะค่ะ ขอบคุณมากกกกๆๆๆ พันคร้งเลยค่ะ ขอตัวไปสอบก่อนนะค่ะ บ้ายบาย~

 

 

 

 

          โทโมะอ่านข้อความของสาวน้อยในโลกออนไลน์คนนั้นซ้ำๆอย่างพิจารณาก่อนจะอมยิ้มขึ้นมานิดๆเมื่อรู้ว่าแฟนคลับของเขากำลังมีความรักก่อเกิดในหัวใจอีกครั้ง น่าแหลก...ทั้งที่ไม่ใช่คนที่รู้จักกัน ไม่เคยเห็นหน้ากันแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเอ็นดุผู้หญิงคนนี้นักก็ไม่รู้ พอไล่อ่านจ้อความของเธออีกครั้งก็ทำให้โทโมะถึงกับสะดุดกึกกับอะไรบางอย่างที่มันคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เขาคุ้นเคย...

 

 

 

เธอบอกว่าเขาคนนั้นเห็นเธอเป็นน้องสาว? และตอนนี้เธอกำลังสอบ?

 

 

 

ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ไม่ใช่เธอหรอกเด็กน้อย...ไม่มีทาง

 

 

 

 

 

ชายนิรนาม...กล่าวว่า

 

“ถ้าใจเราเต้นแรงให้ใครซักคน แล้วเราจะมัวสงสัยตัวเองอยู่ทำไมกันครับสาวน้อย ^_^ เขาจะเห็นว่าเราเป็นน้องสาวหรือไม่นั่นไม่สำคัญ เท่ากับความรู้สึกของเราและก็เขาหรอกครับ ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าเขารักคุณหรือเปล่า แต่ที่ต้องการจะบอกก็คือ...ขอให้มั่นใจในตัวเองแล้วความรักจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป สู้ๆนะครับคนมีความรัก”

 

 

 

                                                                             หนึ่งนาที มีผู้คนต้องช้ำใจเพราะรัก
                                                                                   ตั้งเท่าไหร่ แต่ทำไมยังต้องการ

 

 

 

 

            หลังจากตอบคอมเม้นเธอเสร็จผมก็หันกลับมาสนใจงานจองตัวเองที่ยังค้างอยู่ต่อเพราะรู้ว่าเธอคงยังไม่ตอบกลับมาตอนนี้แน่ จนกระทั่งงานเสร็จทุกอย่างแล้วก็ส่งให้บก.เรียบร้อยแล้วผมถึงได้รู้ว่าตั้งแต่เช้าที่ผมนั่งทำงานมาจนป่านนี้มันเป็นเวลาเกือบทุ่มนึงแล้ว และที่สำคัญผมนัดแก้วไว้ว่าจะไปรับ ให้ตายเหอะ! ผมนี่มันแย่จริงๆเลย พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบขับรถไปมหาลัยของคนตัวเล็กทันที หวังว่าเด็กน้อยคงจะรอผมอยู่นะ

 

 

 

 

            กว่าผมจะเดินทางฝ่ารถยนต์ของคนทำงานที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านมาถึงมหาลัยของแก้วได้ก็ปาไปทุ่มกว่าแล้ว ผมได้แต่มองหาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่คิดว่าเธอคงจะรอแต่ก็กลับไม่มีใครสักคน ไม่ว่าผมจะกดเบอร์โทรหาเท่าไหร่แก้วก็ไม่ยอมรับสายผมซะที เข้าใจว่าเธอคงโกรธผมเป็นแน่ ให้ตาย...ผมมันงี่เง่าจริงๆแหละ!

 

 

 

“พี่โทโมะ!”   เสียงหวานปนห้วนห้าวดังขึ้นจากทางด้านหลังของผมพร้อมกับใบหน้าหวานที่ดูมอมแมมนั่นบูดบึ้งและพร้อมจะกระโจนใส่ผมทุกเมื่อ เธอเดินมาพร้อมผู้ชายอีกคนข้างๆ หากแต่ว่าผมไม่ได้สนใจอะไรแล้วนอกจาก...

 

 

 

“แก้ว”   ผมคว้าร่างเล็กนั่นเข้ามากอดเต็มแรงด้วยความเป็นห่วง นี่มันก็มืดแล้วนักศึกษาก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย ผมรู้ดีว่าผมเป็นคนผิดที่ปล่อยให้แก้วรอ แล้วแก้วก็รอผมจริงๆ แต่...ทำไมถึงรอพร้อมกับผู้ชาย?

 

 

 

“ทำอะไรอยู่ห้ะ ไหนบอกว่าจะมารับ ถ้าพิชชี่ไม่รอเป็นเพื่อนป่านนี้แก้วโดนฉุดไปแล้วมั้ง!”  แก้วต่อว่าผมแต่ก็ยอมให้ผมกอดแต่โดยดี นี่ผมต้องขอบคุณนายพิชชี่อะไรนั่นด้วยมั้ย? หลังจากที่ผมผละออกจากแก้วหมอนั่นก็ดูหน้าเจื่อนไปก่อนจะหันมมาขอตัวลากับแก้วเมื่อเห็นว่าผมมารับเธอแล้ว

 

 

 

“งั้นเรากลับก่อนนะ แก้วมีคนมารับแล้ว”

 

 

 

“ขอบคุณมากน้า พรุ่งนี้แก้วเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ” 

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก บายครับ”

 

 

 

“ได้ไง เอาเป็นว่าพิชตกลงแล้ว กลับบ้านดีๆนะ”

 

 

 

“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวเจอกันนะแก้วใจ ^^”  ผมมองสองคนล่ำลากันสักพักก่อนที่แม่ตัวดีจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่ผมอีกครั้ง อะไรล่ะ ทีกับหมอนั่นทำเป็นยิ้มแป้นแถมยังเสนอจะเลี้ยงข้าวเขาอีกนั่นหมายความว่าอะไรกัน!

 

 

 

“มองอะไร จะหาเรื่องเพื่อนแก้วเหรอถึงมองแบบนั้นน่ะ”

 

 

 

“แค่เพื่อนแน่นะ”

 

 

 

“ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วจะทำไม”  คนตัวเล็กแลบลิ้นใส่ผมพลางเดินหนีอย่างยั่วโมโหร้อนถึงผมต้องเดินตามไปคว้าแขนเรียวนั่นให้หันกลับมา

 

 

 

“โอเค พี่ขอโทษที่พี่มารับช้า...”

 

 

 

“มาก!”  แก้วตอบให้ผมเสร็จสรรพ เหอะ! เรื่องประชดเนี่ยให้อันดับหนึ่งเลยเถอะ

 

 

 

“แล้วกินอะไรหรือยัง ทำไมหน้าดูมอมแมมแบบนี้ล่ะ หืม?”  ผมเกลี่ยแก้มใสเบาๆเมื่อเห็นว่ามันเลอะฝุ่นเล็กน้อย ดวงตากลมหวานจ้องมองผมตาแป๋วก่อนจะกระพริบตาถี่ๆแล้วกระเถิบกายหนีออกจากผม

 

 

 

 

“ยัง รอพี่มารับจะให้แก้วกินอะไรที่ไหนค่ะ ยุงก็กัดเห็นมั้ยเนี่ยแดงไปหมดเลย”  คนตัวเล็กตอบทั้งที่หลบสายตาผม เจ้าตัวว่าพลางยืนแขนทั้งสองข้างให้ผมดูร่องรอยที่เกิดจากยุงกัด ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้วสินะเด็กคนนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องพาตัวเองมาพัวพันกับแก้วก็ไม่รู้

 

 

 

“เหรอ เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย พี่ทายาให้ดีกว่า”  ผมเอื้อมมือไปคว้าท่อนแขนเรียวของแก้วมาก่อนจะใช้พิมเสนที่พกติดตัวทาเบาๆที่รอยแดงบนผิวขาวๆของเจ้าตัว

 

 

 

“เอ่อ...แก้วหิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินกัน”  ยัยตัวแสบดึงแขนออกจากผมก่อนจะยิ้มเจื่อนๆแล้วเดินขึ้นรถผมไปทิ้งให้ผมยืนงงด้วยความไม่เข้าใจอยู่คนเดียว ทำไมกันล่ะ....ทำเหมือนกับเขินอย่างนั้นแหละ

 

 

 

 

 

“ค่อยๆกินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดีหรอกเด็กบ๊อง”  ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมสาวน้อยข้างๆอย่างเอ็นดู กินเหมือนเด็กไม่มีผิดเลยล่ะ และเช่นเคย เจ้าตัวหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ผมเสียอีกอย่างงั้น เหอะ! ผมจะทำอะไรถูกใจแก้วบ้างมั้ยเนี่ย

 

 

 

“โทษพี่นั่นแหละที่ทำให้แก้วหิว หิวจนจะกินพี่โทโมะได้ทั้งตัวอยู่แล้ว”

 

 

 

“กินพี่น่ะเหรอ?”

 

 

 

“เห?”

 

 

 

“แก่แดดนะเรา”  ผมบีบจมูกรั้นๆนั่นย่างหมั่นเขี้ยว ให้ตายเหอะ แก้วทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆนะ ร่างนิ่มๆเหมือนตุ๊กตานั่นน่ากัดจริงเหอะ ให้ตาย...

 

 

 

“อะ...อิ่มแล้ว กลับกันเถอะ”  คนตัวเล็กหลบสายตาผมอีกแล้ว ผมได้แต่อมยิ้มน้อยๆเวลาเห็นน้องสาว?เขินก็แปลกดีนะ เวลาแก้วเขินแล้วน่ารักจริงๆเหอะ นึกแล้วก็ไม่อยากให้แก้วไปกินข้าวกับนายพิชชี่อะไรนั่นในวันพรุ่งนี้จริงเหอะให้ตาย ผมควรทำยังไงดีนะ

 

 

 

 

หรือคราวนี้ผมต้องขอคำปรึกษาจากสาวน้อยในโลกออนไลน์นั่นเสียแล้ว?

 

 

 

 


 

ดองมานานกิกิ ตอนหน้าจบแน่แฮ่55555555

 

พี่โทโมะ : น่าหมั่นเขี้ยวจังนะเด็กดื้อ :)

 

น้องแก้ว : ปล่อยให้รอนานจนยุงกัดหมดเลย รับผิดชอบด้วยนะคะ ><

 

น้องนุก : ขอลาไปตายก่อนค่ะ อัพช้ามาก55555555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา