The command รักฉันซะนี่คือคำสั่ง

8.7

เขียนโดย differentz

วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 15.31 น.

  4 ตอน
  37 วิจารณ์
  13.77K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 : ใช้หนี้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1 : ใช้หนี้

          “ไม่!แก้วไม่ไป”เสียงเล็กกรีดร้องใส่ผู้สูงวัยที่ยืนอยู่ทั้งสองคน พร้อมหยาดน้ำตาคลอในดวงตาคู่สวย

          “ไม่ได้ แกต้องไปอีแก้ว แกอยากให้พวกฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนรึไง!”

          “เออ หรือแกอยากมีชื่อว่าหลานอกตัญญูก็ตามใจ!”สองสามีภรรยาวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นลุงและป้าของสาวน้อยหน้าหวาน วัย 18 ปี ที่กำลังช่วยเกลี้ยกล่อมหลานสาวเพียงคนเดียวทำตามคำสั่งของตน กระนั้นแก้วยังคงดื้อดึงต่อไป ใครอยากจะเป็นสินค้าที่ถูกขายให้กับคนอื่น เขาก็มีหัวใจ ไม่ใช่สิ่งของ!

          “อย่าให้แก้วไปเลยนะ ลุงหมายป้าพิมพ์ แก้วทำงานเก็บตังค์ช่วยใช้หนี้ลุงกับป้าเอง”แก้วใช้น้ำเสียงอ้อนวอนเผื่อจะได้ผล แต่ไม่เลย แต่คนที่เป็นป้ากับใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากเนียนๆพร้อมเอ่ยหยัน

          “ไอ้งานร้านเจ๊ม้าที่ได้ค่าแรงวันละ 200 นะเหรอ จะพอใช้หนี้น่ะ แค่จะกินยังไม่พอยาไส้เลย ถุย!”

          “ฮึกๆ”แก้วไม่สามารถเก็บเสียงสะอื้นได้อีกต่อไป เขาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลของตัวเอง

          “แก้วไม่อยากไป แก้วกลัว...”

          “มึงอย่าสำออย อีแก้ว ยังไงมึงก็ต้องไป”ลุงหมายพูดเสริมทัพเสียงกร้าว ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอน หรือดื้อดึงอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจลุงกับป้าของเขาได้ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เขาจะถูกขายให้นายหัววิศว หน้าตาก็ไม่เคยเห็นสักครั้ง เพิ่งได้ยินชื่อก็วันนี้แหละ ชื่อที่มาพร้องกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต...

          “แก้วอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัย แก้วจะรีบทำงานเก็บเงินช่วยใช้หนี้ลุงกับป้าเอง อย่าขายแก้วให้กับคนอื่นเลยนะ ฮึก แก้วขอร้องล่ะ...”

          “เอ็งจะเรียนต่อทำไมวะ จบปวส.ก็ดีถมแล้ว เงินที่พวกข้ายืมไป 6 แสนนะว้อย ไม่ใช่ 600 เอ็งถึงจะหามาได้ง่ายๆ”ลุงหมายตะโกนใส่หน้าหลานสาวที่นั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้น

          “แก้วไม่อยากไป แก้วกลัว ฮึก...”หลานสาวยังพูดคำเดิมพร้อมร้องไห้โฮ

          “อีนี่มันพูดไม่รู้เรื่องจริงๆโว้ย หรือเอ็งอยากให้เขามายึดบ้านแล้วฆ่าพวกเราตาย รู้งี้พวกข้าไม่เก็บเอ็งมาเลี้ยงตอนแม่เอ็งตายหรอก”คนเป็นป้าพูดจี้จุด ทำให้คนตัวเล็กสะอื้นหนัก เมื่อคิดถึงแม่ที่เสียไปเกือบ 10 ปี หากตอนนี้แม่ยังอยู่เขาอาจไม่เผชิญสิ่งที่เลวร้าย เกินกว่าที่จะรับได้แบบนี้...

          “แก้วไหว้ล่ะ อย่าขายแก้วให้กับพวกนั้นเลย...ฮึก ฮือ...”แก้วรีบลุกขึ้นนั่งคุกเข่ายกมือไหว้ลุงกับป้าทั้งสองพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

          “มันพูดไม่รู้ฟัง เอามันไปขังไว้ในห้อง พรุ่งนี้ลูกน้องนายหัวจะมารับมัน

          “ลุงหมายป้าพิมพ์ อย่า!”ร่างบางถอยหนีเมื่อ ลุงกับป้าเข้ามาลาก ถึงแม้ร่างบางจะขืนตัวอย่างไร แต่ก็ไม่เป็นผล เขาถูกลากเข้ามาในห้องของตนเองก่อนที่ลุงหมายจะล็อกกุญแจด้านนอกขังเอาไว้

          ปั้ง ปั้ง ปั้ง

          “ปล่อยแก้วนะ ฮือ...”

          แก้วทุบประตูอย่างบ้าคลั่งพร้อมหยาดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาอาบใบหน้าหวาน ก่อนที่จะหมดแรง แล้วเดินไปนั่งที่เตียงนอนของตนเอง

          “มึงอยู่ในนั้นแหละ พรุ่งนี้ลูกน้องเขาจะมารับมึงไป”เสียงคนเป็นป้าดังขึ้นก่อนที่แก้วจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังไกลออกไป เหลือเพียงความว่างเปล่า คำว่าอิสรภาพจะหมดลงภายในไม่ช้านี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้…มือเล็กหยิบสร้อยเงินใต้หมอนที่ติดตัวมาตลอดเกือบสิบปี ขึ้นมากอดไว้แนบอกก่อนจะสะอื้นหนักจนตัวโยน

          “พี่ชายใจดี ช่วยแก้วด้วย แก้วคิดถึงพี่ เมื่อไหร่พี่จะกลับมาหาแก้ว ฮือ…”ความทรงจำที่สวยงามกับสร้อยเส้นนี้แก้วลืมเลือน แก้วไม่เคยลืมเจ้าของสร้อยเส้นนี้เลย พี่ชายใจดีคนนี้ของแก้วเลย…แก้วได้แต่ภาวนาให้เจ้าของสร้อยเส้นนี้กลับมาหาแก้ว แม้มันจะเลือนรางเต็มที

          ทุกครั้งที่เจ็บปวด ทุกครั้งที่เหนื่อยล้า ทุกครั้งที่ท้อแท้ ทุกครั้งที่หมดหวัง แก้วจะหยิบสร้อยเส้นนี้แล้วนึกถึงคนที่ให้สร้อยเส้นนี้เหมือนว่าเขายังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ นอกจากแม่แล้ว แก้วไม่เคยรักใครเท่ากับเจ้าของสร้อยเส้นนี้อีกแล้ว ไม่มีเลยจริงๆ แก้วยังจำคำพูดในสมัยเด็กที่พี่ชายใจดีพูดก่อนจะจากกันไป…

          “พี่จะกลับมาหาหนูอีกไหม พี่อย่าหายไปนานนะ หนูคิดถึงพี่ ฮึกๆ”เสียงของเด็กหญิงตัวเล็กตาโตราวกับตุ๊กตาวัย 9 ขวบ พูดกับพี่ชายที่โอบกอดพร้อมสะอื้นออกมา

        “พี่จะกลับมา มาหาเธอ รอพี่อยู่ที่นี่นะ…”

        “พี่สัญญาแล้วนะ ว่าจะกลับมาหาหนู หนูจะรอพี่อยู่ที่นี่ รอทุกวันจนกว่าพี่จะกลับมา ฮึก”

        “พี่สัญญา…”

 

         

แก้วไวน์ทรงสูงถูกวางลงบนโต๊ะหินอ่อนสีดำมรกตเบาๆ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวสะอาดตาแสดงสีหน้าเคร่งขรึมจะคิ้วขมวดเข้าหากัน ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเบาๆ

          “ยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกหรือ ป็อปฯ”ภาณุเงยหน้าสบตาเพื่อนรัก ก่อนจะตอบเสียงราบเรียบราวกับคนเหม่อลอย

          “ฉันไม่มีวันลืมหรอก โทโมะ ฉันลืมไม่ได้จริงๆ...”วิศวแอบถอยหายใจกับอาการไร้ชีวิตชีวาของเพื่อนคนนี้ เขาเองก็อยากจะช่วย แต่มันเป็นเรื่องในอดีต อดีตที่แสนเจ็บปวด และไม่สามารถแก้ไขได้...

          “เรื่องมันผ่านนานมากแล้วนะป๊อปฯ ทุกครั้งที่นายพูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็อดห่วงนายไม่ได้จริงๆ”ภาณุเหยียดยิ้มให้กับตัวเองเมื่อคิดถึงอดีตที่ปวดร้าว...

          “ฉันคงเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหมโทโมะ น้องถึงได้จากฉันไป”ใบหน้าขาวของภาณุเริ่มมีหยาดน้ำตาคลอก่อนจะขบกรามแน่นให้กับเจ็บครั้งเก่า

          “มันไม่ใช่ความผิดของนาย อย่าโทษตัวเอง ฉันก็เคยเป็น...”ภาณุคงรู้ว่าวิศวกำลังปลอบใจเขาอยู่ เพราะทุกครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ วิศวจะเป็นแบบนี้เสมอ

          “ฉันคิดว่าถ้าน้องนายรู้ฉันว่าน้องนายคงเสียใจมาก ที่เห็นนายนั่งเฝ้าโทษตัวเองแบบนี้ ลืมสิ่งที่นายคิดว่ามันผิดพลาดลงไป แล้วเริ่มต้นใหม่ ฉันคิดว่าวิธีนี้ น่าทำให้น้องนายที่อยู่บนสวรรค์คงดีใจกว่านะ”ภาณุส่ายหัวช้าๆก่อนจะกระพริบตาเพื่อไล่หยาดน้ำตาออกไป ดีที่บริเวณนั้นเป็นมุมส่วนตัว เขาจึงปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อายใคร

          “ฉันคงทำแบบที่นายบอกไม่ได้หรอก นายไม่ใช่ฉันโทโมะ...”วิศวแอบถอนหายใจ ใช่ มันไม่ใช่ฉัน แต่ฉันก็เชื่อว่าไม่ใช่ความผิดของนาย ฉันเชื่อใจนาย เพราะนายคือเพื่อนฉันไงป็อปปี้...

        “ว่าแต่นายเถอะ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้รามิลจะเอาลูกหนี้มาหานาย”ภาณุเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูแย่ไปกว่านี้

          “ใช่ ! พวกเขากู้เงินผ่านรามิล แต่ไม่มีเงินมาใช้เลยขายหลานสาวให้ฉัน”

          “น่าสงสารเด็กมัน”ภาณุพูดขึ้นมาลอยๆ แต่แววตาฉายความเวทนาออกมา

          “ฉันรู้แล้วเข้าใจ แต่ถ้าทำแบบนั้นกับลูกหนี้ทุกคนก็จะได้ใจ หน้าที่ฉัน ฉันจำเป็นจริงๆ นายคงเข้าใจ เหมือนที่ฉันเข้าใจนายนะป็อปฯ”

          “อย่ารุนแรงนักล่ะ เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”

          “ถ้ามันไม่พยศกับฉัน”ภาณุเหยียดยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า

          “นึกยังไงไปรับข้อเสนอลูกหนี้นาย สองคนนั้นก็แปลกนะขายหลานตัวเองได้ลงคอ”

          “ฉันกำลังอยากได้คนรับใช่ส่วนตัวอยู่พอดี ส่วนสองสามีภรรยานั่นฉันไม่เคยเห็นหน้าหรอก เพราะเรื่องเงินกู้หลักแสนรามิลเป็นคนจัดการ”

          “อือ...แล้วนายจะพาเด็กนั่นไปที่ไหนล่ะ หรือว่า...?”

          “ใช่ บ้านพักท้ายเกาะ ฉันชอบ มันเงียบและสงบดี”วิศวพูดขึ้นก่อนที่ภาณุจะพูด

          “ฮ่าๆสมกับเป็นนายเลย”

          “ฮ่าๆ” ทั้งสองก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

 

                                       

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา