I can say...ได้ไหมถ้าฉันจะบอกว่ารักเธอ

8.5

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10.34 น.

  17 ตอน
  1113 วิจารณ์
  37.92K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

16)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ใจกว้างดุจทะเลน้ำเค็ม (?) เห...แปลกๆแหะ = =’

 

 

 

 

 

 

 

“เดี๋ยวก่อนๆ ไอ้ประโยคเมื่อกี๊อ่ะ...แก้วหลอกด่าปะป๋าหรือเปล่าเนี่ย ?”

 

 

 

 

 

 “ก็ใช่นะสิ ! ปะป๋าไม่รู้ตัวอีกอ๋อ ? ให้ตาย...หัดกินแบรนด์บำรุงสมองบ้างนะครับสุดหล่อ ^O^”  คนตัวเล็กกระโดดไปมาพลางทำหน้าทะเล้นใส่ผมเฉยเลย = =’ ร้ายกาจมั่กมากยัยเด็กตัวแสบ หลอกด่าผมซึ่งหน้า ..สงสัยผมคงต้องไปกินแบรนด์ตามที่เด็กผีบอกแล้วล่ะมั้ง !

 

 

 

 

 

 

 

 

เอ๊ะ !  แล้วเราจะบ้า เชื่อตามยัยบ๊องนั่นทำไม ? >[_______]<

 

 

 

 

“ปะป๋า...เป็นไรป่าว ? ยืนทึ่งหัวตัวเองอยู่นั่นแหละ ไม่สบายเปล่าครับผม”   แก้วเดินเข้ามาหาผมพลางทำหน้าสงสัย ก่อนจะเขย่งปลายท้าขึ้นจรดแนบศีรษะเล็กเข้ากับหน้าผากของผมเพื่อวัดไข้  เขิน...เขินจัง -///////-  แต่ก่อนที่แก้วจะถอนใบหน้าออก ผมกลับคว้าเอวเล็กนั่นไว้ กดจูบเบาๆที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอย่างหวานชื่น....

 

 

 

 

 

 

 

หวานที่สุด... 

 

 

 

 

 

 

“ปะป๋า...แก้วต้องกลับแล้วนะ หม่าม๊าจะมารับอีกสองชั่วโมงข้างหน้า  แก้วรักปะป๋านะ”  หลังจากถอนริมฝีปากออกจากแหล่งน้ำหวานชโลมใจของผมแล้ว แก้วกลับเลือกที่จะสบสายตาผมอย่างจริงจัง แววตาคู่ใสไม่มีความขี้เล่น ซุกซนเหมือนอย่างเคยแฝงอยู่  ผมมองเธออีกครั้งก่อนจะรั้งท้ายทอยสาวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด

 

 

 

 

 

“เป็นอะไรไปครับ..ยังไงปะป๋าก็ต้องไปหาแก้วอยู่ดี ไม่ต้องห่วงนะ จะไปหาทุกวันจนแก้วเบื่อขี้หน้าเลย”

 

 

 

“ถ้าแก้วอยู่ไกล...ปะป๋าจะรอแก้วป่ะ (?)”

 

 

 

 

“ทำไมถามแบบนั้น (?) แก้วจะไปไหน...ปะป๋าไม่ให้ไปหรอก !”   ผมโอบกระชับร่างเล็กแน่นขึ้นด้วยหัวใจกระสับกระส่าย ทำไมไม่รู้...ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเราจะไม่ไกลห่างกันแค่แยกบ้าน แต่...ผมรู้สึกว่าเราจะไกลกันออกไปมากกว่านั้น !? เพราะอะไร !  ...ผมกอดแก้วอยู่นานเนิ่นราวกับไม่อยากให้เธอจากผมไปไหน  คนตัวเล็กกระชับอ้อมกอดก่อนจะซุกหน้าลงบนแผงอกของผม

 

 

 

 

 

“รอนะ รอแก้วด้วยนะปะป๋า”

 

 

 

 

 

 

 

 

รอคำนี้....หมายความว่ายังไงกัน !

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่พูดแล้ว ! ลงไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวคุณน้าจะมารับแก้วแล้วไม่ใช่เหรอ ?” ผมแสร้งเปลี่ยนประเด็นแล้วรีบกอบกุมมือน้อยของแก้วเดินลงบันไดไปอย่างเงียบๆ  คนตัวเล็กจับมือผมไว้แน่นมืออีกข้างเกาะที่ท่อนแขนของผมแนบกาย 

 

 

 

 

 

“ทานข้าวเร็วเบบี๋  อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ ปะป๋าว่านะ...มันรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ขาดลิงไปตัวนึงอ่ะ”

 

 

 

“ปะป๋าอ่าาาาTOT  ว่าแก้วเป็นลิงเหรอ”

 

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า  ไม่ว่าแล้วครับ...ทานข้าวเถอะ”   เราทานข้าวเช้ากันได้สักพัก  แกล้งหยอกเด็กแสบบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อที่บรรยากาศจะได้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป ผมยังอยากเห็นรอยยิ้มของแก้วประดับพิมพ์บนใบหน้าหวานๆนั้นตลอดเวลา..อยากเห็นทุกวัน ทุกเวลา ยันวินาทีสุดท้าย...

 

 

 

 

 

 

 

“รักจังเลย...เด็กน้อย”    ผมเดินอ้อมมาหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่  เจ้าตัวได้ตั่งเขินหน้าแดงบิดตัวไปมาอย่างกระมิดกระเมี้ยน ดูแล้วน่ารัก น่าฟัดเป็นที่สุด =,.=  อ่า....เมื่อไหร่จะยี่สิบสักทีนะ เบบี๋ของปะป๋า

 

 

“ง่า....ฉวยโอกาสจริงคนบ้า -///-“

 

 

 

 

“ก็โอกาสมันน่าฉวยนี่นา....รักจัง รักจัง รักจังเลยเด็กบ๊อง ^O^”    ผมหอมแก้มนวลย้ำๆอย่างหลงใหล เจ้าตัวปัดป่ายใบหน้าผมออกด้วยความเขิน ก่อนที่ผมจะต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมทุ้มๆของใครบางคนดังขึ้นมา...

 

 

 

 

“อะแฮ่มๆ เฮลโหลเจ้าลูกชาย....รังแกอะไรหลานแม่หรือเปล่า ^^/”   คุณแม่ ? นี่คุณแม่กับคุณน้ามาถึงแล้วเหรอ..ผมกับแก้วรีบหันหน้ากลับไปพร้อมกันทันที  เห็นคุณแม่ยืนโบกมือทักทายพร้อมด้วยชุดซัมเมอร์สุดเว่อร์ของคุณแม่อย่างเต็มยศ  = = 

 

 

 

 

“คุณแม่ ! กลับมาแล้วเหรอฮะ ?...ไม่ๆๆๆ ผมไม่ได้ทำอะไรหลานแม่เลยนะ”  ผมปฏิเสธทันทีเพราะกลัวคุณน้าแม่ของเบบี๋จะมาหักคอผมเอา ดีนะ...ที่คุณน้าไม่เดินเข้ามาเห็นตอนที่ผมกำลังรังแกลุกสาวเขาอยู่ =,.=

 

 

 

“คุณป้าขา สวัสดีค่ะ...อะ ! คุณแม่หม่าม๊า ^O^./”

 

 

 

“ลูกแก้ว....เป็นไงบ้างลูก น้องดื้อหรือเปล่าตาโทโมะ?”   คุณน้าหันมาถามผมก่อนจะคว้าร่างเล็กของลูกสาวไปโอบกอด ผมอมยิ้มๆน้อยๆก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ จะบอกว่าเด็กคนนี้เลี้ยงง่ายม๊ากมาก ไม่ดื้อเลยสักนิดก็กลัวคุณน้าจะหาว่าโม้เกินไป...อันที่จริงนะซนระดับลิงเมพกันเลยทีเดียว

 

 

 

 

 

“ไม่ครับ...สวัสดีฮะคุณน้า”

 

 

 

 

“สวัสดีจ้ะพ่อหลานชาย...นี่ลาพี่เขาแล้วหรือยังเนี่ยลูก ?”

 

 

 

“เอ่อ...ยังค่ะ”   ผมหันไปมองคุณน้ากับแก้วสลับกันด้วยความงุนงง ลา ? นี่กะว่ามารับแล้วก็จะกลับกันเลยเหรอ ? ไม่คิดจะนั่งพักให้หายเหนื่อยกันเลยเลยยังไง ??

 

 

 

“ไปลาพี่เขาสิลูก”

 

 

 

 

“ค่ะหม่าม๊า”    แก้วเดินหน้าเศร้าเข้ามาหาผมก่อนจะกึ่งจูงมือกึ่งลากผมไปยังสวนหย่อมข้างบ้าน ที่ที่ผมใช้เวลาว่างกับการผ่อนคลายประจำ 

 

 

 

 

“ปะป๋า แก้วกลับแล้วนะ...รักปะป๋านะคะ”    ผมอึ้งน้อยๆเมื่อคำบอกลาของแก้วทำให้ผมใจหายอย่างบอกไม่ถูก แรงปะทะหน้าอกอุ่นๆทวีความแน่นหนักขึ้นเมื่อคนตัวเล็กกอดรัดผมจนแทบหายใจไม่ออก  แก้วซุกดวงหน้าลงกับหัวไหล่ผมอย่างออเซาะ....น่ารักซะไม่มีละคนคนนี้

 

 

 

 

 

“ปะป๋าก็รักแก้ว...ตั้งใจเรียนด้วยนะเด็กดี เรียนให้จบไวๆ ปะป๋าจะไปขอแก้ว....มาอยู่ด้วย-///-“

 

 

 

 

 

“ขอแก้วมาอยู่ด้วย ? หมายความว่าไงเหรอปะป๋า?”   เด็กน้องเงยใบหน้าขึ้นสบตากับผม ดวงตากลมใสคลอไปด้วยหยาดน้ำตาปริ่มๆ  ผมรีบเช็ดมันออกจากดวงหน้าสวยทันที 

 

 

 

 

ผมมองแก้มใสนุ่มนิ่มที่เคยจูบไซร้อย่างอาวรณ์  มองคิ้วเข้มดั่งคันศรสวยด้วยความคิดถึง มองดวงตาหวานละเมอด้วยจิตใจอันร้อนรุ่ม มองริมฝีปากอมชมพูน่าสัมผัสด้วยโหยหาและไม่อยากห่างหาย  มองจมูกรั้นๆของคนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยวกับความน่ารัก น่าชัง  มองเส้นผมนุ่มสลวยของแก้วอย่างหวงหาคำนึงถึงเวลาที่ผมไม่ได้นอนซบลงบนเรือนผมหอมนั้น.....มองและจดจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

 

 

 

พร้อมทั้งกดจุมพิตเบาๆลงบนมับน้อยนั่นอย่างแสนรัก....

 

 

 

 

“ถ้าแก้วโตแล้ว ปะป๋าจะขอแก้วมาอยู่ด้วย...ในฐานะภรรยา”

 

 

 

 

“......ถ้าปะป๋าต้องรอแก้วอีกสัก 5 ปี ปะป๋าจะรอไหวไหม ?  ปะป๋าจะทิ้งแก้วไปหาผู้หญิงคนอื่นเสียก่อนหรือเปล่า ? ถึงเวลานั้นปะป๋ายังอยากจะแต่งงานกับเด็กดื้อคนนี้อีกมั้ย ? แต่งมั้ย รอมั้ย ?”  แก้วรอคำตอบจากผมด้วยความลึ้นระทึก  ดวงตากลมโตสบผสานเข้ากับดวงตาของผมอย่างไม่ลดละ

 

 

 

 

 

“....รอ  นานแค่ไหนก็รอ แต่..แก้วก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วนี่ ฮะๆ”  ผมแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนพาขยี้กลุ่มผมของคนตัวเล็กเบาๆอย่างเอ็นดู  แต่แก้วกลับไม่เล่นด้วยเลย...

 

 

 

“แก้วไปแล้วนะ...รักปะป๋าม๊ากมาก สุดที่รักของแก้วใจ”

 

 

 

 

“ครับ....เด็กน้อย ปะป๋าก็รักแก้วม๊ากมาก รักที่สุดในโลกไปเลย ดีป่ะ ?”

 

 

 

“ฮ่าฮ่า ดีเลยๆ ไปส่งแก้วนะ...น้า”    เด็กน้อยออดอ้อนผมก่อนจะจูงมือผมวิ่งไปตามทางทันที สักพักเราก็มาหยุดยืนกันที่รถตู้คันหรูทางบ้านของแก้ว  เธอส่งยิ้มหวานให้ผมแต่ผมกลับมองว่ามันแฝงความเศร้าสร้อยเจือจางอยู่ด้วย  ผมลาคุณน้าเสร็จก็หันไปโบกมือน้อยๆเพื่อลาคนที่ขึ้นไปนั่งในรถอยู่ก่อนหน้านั่นอย่างอาวรณ์ และรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านผมไป....

 

 

 

 

 

 

บ๊าย บาย สุดที่รัก... 

 

 

 

 

 

 

หลังจากแก้วกลับไปได้สามอาทิตย์ ผมก็...

 

 

 

“ซึมไปเลยเหรอ ? พ่อลูกชาย นี่แหละน้า...ถ้ามองน้องในแง่ดีตั้งแต่แรกก็คงได้หวานชื่นกันนานกว่านี้ !”  ผมทำเป็นนั่งหูทวนลมกับสิ่งที่คุณแม่พูดออกมา ตอนนี้ผมแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น ข้าวก็กินไม่ลง หนังสือหนังหาก็เริ่มไม่อยากไปเรียน...บ้านหลังนี้เงียบเหงาเลยเกินเวลาที่ไม่มีแก้ว ฮึก ฮึกกกก

 

 

 

 

 

“คุณแม่....ผมคิดถึงเด็กผีของผม แง้งงงงงงงงงงง TOT”   ในที่สุดผมก็แสดงความอ่อนแออันน่าอับอายออกมาด้วยการร้องไห้อย่างหนักและโผเข้ากอดเอวอุ่นของคุณแม่  คุณแม่ดูจะตกใจกับอาการของผมอยู่ไม่น้อยก่อนที่ท่านจะระเบิดเสียงหัวเราะ(เยาะ)ผมออกมา...= =

 

 

 

 

“วะ ฮ่าฮ่า  เจ้าลูกแหง่เอ้ย แม่ไม่เคยเห็นแกเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ รักน้องมากเลยเหรอไง ย่ะ !?”

 

 

 

 

“คร้าบบ ฮือๆๆๆ คุณแม่ทำไมตัวเล็กของผมไม่โทรกลับมาหาบ้างเลย ไปหาที่โรงเรียนก็ไม่เคยเจอ ผมโทรหาก็ไม่ติด อ๊ากกกกกก เกิดอะไรขึ้น โถ่เว้ย !”

 

 

 

“นี่เจ้าโทโมะ...น้องไม่ได้บอกเราไว้ก่อนเหรอ ?”    ผมเลิกงอแง (โวยวายนั่นแหละ) ก่อนจะตั้งใจฟังสิ่งที่คุณแม่กำลังพูด

 

 

 

 

“อะไรครับ ? แก้วไม่ได้บอกอะไรผมแน่ แต่ เอ๊ะ...บอกอยู่อย่างเดียวว่าให้รอ !”

 

 

 

 

“แหงสิ...ถ้ารักน้องก็ต้องรอได้สิ น้องไปอังกฤษแค่ 5 ปีเอง”  อังกฤษ ? 5 ปี งั้นเหรอ?

 

 

 

 

 

 

 

......ถ้าปะป๋าต้องรอแก้วอีกสัก 5 ปี ปะป๋าจะรอไหวไหม ?  ปะป๋าจะทิ้งแก้วไปหาผู้หญิงคนอื่นเสียก่อนหรือเปล่า ? ถึงเวลานั้นปะป๋ายังอยากจะแต่งงานกับเด็กดื้อคนนี้อีกมั้ย ? แต่งมั้ย รอมั้ย ?   

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่จริง ! ถ้าแก้วไปก็ต้องบอกผมสิครับ...”

 

 

 

“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...น้องลืมหรือเปล่า คืองี้นะลูก..คุณน้าเขาส่งน้องไปอยู่กับพ่อและพี่ชายเขาทีอังกฤษ เรียนจบก็กลับมา..แก.....”

 

 

 

 

“โกหก ! คุณแม่โกหก”

 

 

 

 

“นี่แม่พูดจริงๆนะ ไม่เชื่อก็โทรไปถามน้ามลได้เลยเอ้า ! เจ้าลูกบ้า !”  

 

 

 

 

 

 

ผมเห็นสีหน้าจริงจังของคุณแม่จึงรู้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องจริง   ประโยคที่แก้วพูดวันนั้นทำเอาผมใจกระตุกวูบ เหมือนมีแรงบีบอะไรสักอย่างบีบรัดที่ขั้วหัวใจที่กำลังเต้นลงแผ่วๆดวงนี้  คำถามเดียวที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว....จะไป ทำไมไม่บอกกันสักคำ ?    ใจร้าย...แก้วเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุดในโลกเลยทีเดียว ! ผมเกลียดผู้หญิงใจร้าย

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่บอกผมสักคำ ! ดี....ในเมื่อไม่รักกันแล้วก็ปล่อยเขาไป !” ผมตะคอกเดือดดาลด้วยความโมโหจนคุณแม่ต้องเข้ามาปลอบ  ความรู้สึกตอนนี้มันบอกไม่ถูก  ทั้งเกลียด ทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ ทั้งรัก ทั้งคิดถึง ! แล้วดูแก้วทำกับผมได้ลงคอ....ถ้าอยากจะเลิกกันก็บอกกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องหนีหน้ากันด้วย !

 

 

 

 

 

 

“แกอย่าเพิ่งโวยวายไป...โทรไปหาน้องก่อนสิลูก”

 

 

 

“ไม่โทรครับ ! ในเมื่อเขาเลือกที่จะไม่บอกผม ผมก็เลือกที่จะไม่ถาม ! ต่อไปนี้จะไม่มีคำว่าปะป๋ากับเบบี๋อีกแล้ว ! ไม่มี ! พอกันที”

 

 

 

 

 

 

 

ผมเดินขึ้นห้องปิดประตูปังด้วยแรงความโกรธ  พอถึงห้องเท่านั้นแหละ...น้ำตาก็ไหลเลยทีเดียว ว่าจะไม่อ่อนแอให้กับผู้หญิงใจร้ายแล้วนะ ทำไมน้ำตากับหัวใจมันทรยศกับความคิดของผมขนาดนี้ ทำไมต้องยังคิดถึงคนใจร้ายอยู่ทุกวี่วันด้วยก็ไม่รู้ ! เกลียดตัวเองนัก !

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉันเหม่อมองหิมะเมืองหนาวที่ประเทสอังกฤษด้วยจิตใจที่หม่นเศร้ามากเหลือเกิน แม้กระทั่งคุณพ่อกับพี่กวินมาเรียกไปทานข้าวยังคงไม่รู้สึกตัว พวกเขาทั้งสองจึงปล่อยฉันไว้แบบนั้น...ปล่อยให้ฉันได้อยู่ด้วยตัวเอง  ฉันคิดถึงผู้ชายคนนึงมากเหลือเกิน คนที่ฉันคิดว่าไม่น่าจะคิดถึงเขาได้....เราทะเลาะกันตั้งแต่แรกพบ ไม่คิดว่าวันนึงเขาจะกลายมาเป็นคนรัก

 

 

 

 

 

 

 

และเมื่อมีพบก็ต้องมีจากเป็นของธรรมดา ...ฉันไม่อยากกลับตอนที่คุณแม่มารับ ยังคงอยากอยู่ที่บ้านหลังนั้นกับผู้ชายคนนั้น บ้านอันแสนอบอุ่นแม้ว่าจะมีเพียงเราสองคนเท่านั้นก็ตามที...คิดถึงมาก คิดถึงปะป๋าเหลือเกิน

แต่แล้วเมื่อวันก่อนที่คุณแม่จะมารับท่านก็โทรมาบอกฉันก่อนล่วงหน้านั่นแล้ว...

 

 

 

 

แม่จะให้หนูมาเรียนต่อที่อังกฤษ  คุณพ่อกับพี่เขาคิดถึงหนูด้วย ลูกโอเคนะค่ะ

 

 

 

แก้วไม่ไปไม่ได้เหรอค่ะคุณแม่ อยู่ที่นี่แก้วก็มีความสุขดี

 

 

 

 

แต่หนูอุตส่าห์สอบชิงทุนได้แล้วนะลูก อีกอย่างหนุก็จะได้มาพักกับคุณพ่อด้วย...ทำตามความฝันของตัวเองก่อนจะดีกว่านะจ้ะ  เรื่องความรักนะ แม่ไม่ห้าม...ยังไงเสียพี่เขาก็ต้องรักกับหนูอยู่ยันวันยันค่ำ แค่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลานะลูก

 

 

 

ค่ะ....คุณแม่

 

 

 

 

 

ฉันวางสายลงด้วยสีหน้าหม่นเศร้า...คุณแม่รู้เรื่องฉันกับปะป๋าจากคุณน้าสินะ เพราะปะป๋าบอกเองว่าจะโทรไปหาคุณน้าเพื่อบอกเรื่องของเรา  แต่ฉันก็ยังคงตะขิดตะขวงใจไม่คลายกับประโยคของคุณแม่ที่ว่า...ยังไงเสียพี่เขาก็ต้องรักกับหนูอยู่ยันวันยันค่ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

อย่างที่บอก...ฉันสอบชิงทุนมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อังกฤษได้ และคุณแม่ก็เห็นดีด้วยเพราะฉันจะได้ถือโอกาสพักอยู่กับคุณพ่อและพี่ชายไปด้วยเลย  แต่เหตุที่ฉันไม่ได้บอกปะป๋าก็คือ...ฉันอยากพิสูจน์หัวใจเขาว่าเขาพร้อมที่จะรักและรอฉันอย่างที่ปากว่าจริงๆหรือเปล่า ? และอีกอย่าง...ที่ฉันไม่กล้าบอกก็คือ ฉันกลัวว่าบอกไปแล้วแววตาอ้อนวอนของเขาจะทำให้ฉันลังเลไม่กล้าตัดสินใจ   อย่างที่คุณแม่บอก...ตอนนี้ฉันต้องมุ่งหน้าทำตามความฝันด้านการเรียนของตัวเองให้ดีเสียก่อน และอีกอย่างปะป๋าก็เป็นคนบอกฉันเองว่าให้ตั้งใจเรียน...แล้วเขาจะขอฉันแต่งงานเมื่อฉันเรียนจบ !

 

 

 

 

 

 

แต่เมื่อครู่ คุณป้าโทรมาหาฉันและบอกว่าปะป๋าโกรธมาก ที่ฉันไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา และขาดการติดต่อ แม้กระทั่งไม่บอกเขาว่าฉันมาอยู่ที่อังกฤษแล้ว  ฉันทนนิ่งเฉยอยู่แบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ !

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ใบหน้างามๆ ไม่น่าใจดำเลยแก้วตา ดำเหมือนน้ำย้อมผ้า ไม่เวทนาบ้างเลยจอมขวัญ

 

 

 

 

 

สาบานนะ...ว่าเสียงรอสายของเขาไม่ได้หมายถึงฉัน ตาบ้าเอ้ย ! ทำไมต้องประชดด้วยเพลงแบบนี้ด้วยนะ กะจะต้องย้ำให้คนเขาช้ำใจตายไปเลยหรือไงกัน ฉันโทรไปสองสายแล้วเขาก็ยังไม่ยอมรับอีก แต่ฉันก็ยังคงไม่ละความพยายาม !

 

 

 

 

 

 

ใจดำ ด๊ำ ดำ ปล่อยผมช้ำคุณชื่นหัวใจ ไม่ยอมรักแล้วยังหลอกใช้ ผมทำเท่าไหร่ไม่เคยปราณี

 

 

 

 

 

“ฮัลโหล ใครพูด ?”   เย้ ! เขารับแล้วล่ะ หลังจากที่ต้องทนฟังเพลงรอสายประชดๆของเขามานานสองนาน ฉันก็ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก...ก่อนจะกลั้นใจรวบรวมคำพูดออกไป

 

 

 

 

 

[ฮะ ฮัลโหล...ปะป๋า นี่แก้ว........ตู้ดดดดดดดดดดดดด !]   แว้กกกกกกกกกก พอพูดว่าเป็นฉันเท่านั้นล่ะ เขาก็ตัดสายทิ้งทันที ฮือๆๆๆ T_T ปะป๋าคงเกลียดฉันมากสินะ เขาคงไม่รักฉันแล้วอะ แง้งงงงงง  โทรอีกๆๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

....เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามรถติดต่อได้ในขณะนี้.... #%@%$^^%$&^%$

 

 

 

 

 

 

“แง้งงงงง ปะป๋าบ้า ! ปิดเครื่องใส่แก้วทำไม !?”  ในเมื่อง้อด้วยวิธีนี้ไม่สำเร็จฉันคงต้องใช้วิธีอื่นแล้วล่ะ  แล้วจะทำไงดีล่ะ อ้ะ ? จดหมาย...ถ้าเขียนจดหมายไปที่บ้านเขาต้องเห็นแน่ๆ   ไม่รอช้า ฉันรีบคว้ากระดาษกับปากกาทันที ก่อนจะบรรจงเขียนตัวอักษรด้วยลายมือที่ฉัน(พยายาม)ที่จะทำให้สวยที่สุดเพื่อเขา !

 

 

 

 

 

 

 

  ปะป๋าจ๋าาาา ก่อนอื่นเลยแก้วอยากจะบอกว่าแก้วรักปะป๋านะคะ แก้วรู้นะว่าปะป๋าชอบที่จะให้แก้วพูดว่ารักแบบนี้   ^^; คิกคิก ใช่ปะล่ะ?  แก้วขอโทษที่มาโดยไม่บอกปะป๋า แก้วกลัวว่าถ้าแก้วบอกปะป๋าว่าแก้วจะไป ปะป๋าต้องไม่ให้แก้วมาแน่ๆ  แต่ปะป๋าบอกแก้วเองนะว่าอยากให้แก้วตั้งใจเรียน...แก้วจั้งใจเรียน รีบๆเรียนให้จบและรอให้ปะป๋ามาขอแต่งงาน ทั้งๆที่ตอนนี้แก้วรู้ว่าปะป๋าคงเกลียดแก้วไปแล้วก็ตามT_T  ยังไงแก้วก็หวังว่าปะป๋าจะให้อภัยแก้ว รักแก้วเหมือนเดิม แก้วจะรอปะป๋ามาขอแต่งงานถึงแม้ว่าตอนนี้แก้วจะไม่รู้เลยว่า

 

.....ยังจะมีวันนั้นอยู่หรือเปล่า ?

 

                                                               รักปะป๋าสุดหัวใจ และที่สุดในโลก 

 

                                                                                                                                                                                        เบบี๋ของปะป๋า...แก้วใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พอฉันเขียนเสร็จก็รีบบรรจุซองแล้วส่งมายังประเทศไทยทันที คราวนี้ก็ต้องรอลุ้นแล้วล่ะว่าปะป๋าจะตอบกลับมาหรือเปล่า ?

 

 

 

 

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

“ใบหน้างามๆไม่น๊าาาาา...จายดามมมเลยแก้วตา ~ ใบหน้าสวยล้ามค่า แต่จายกับหน้าผิดกันไกล...ฮึกๆๆ ทำไมต้องหลอกให้รักด้วยว่ะ !”

 

 

 

 

เขานั่งฮัมเพลงด้วยความเสียใจสุดแสน ร่างสูงโปร่งหมองมัวไปด้วยแอลกอฮอลล์ ที่เขาใช้ดับอารมณ์ความรักที่สุดแสนจะขมขื่นปานน้ำขิง -__-;  ผมเผ้าที่เคยจัดทรงอย่างหล่อยุ่งเหยิงไร้การดูแล ใบหน้าหมองคล้ำไม่มีราศีคน(เคย)หล่ออย่างโทโมะ  ‘นักไวโอลินสุดเท่ห์’ ของมหาลัยเลยสักนิด...เขาคว้าแก้วบรรจุของเหลวรสฝาดเข้าปากรวดเดียวจนกระทั่งมันหมด  มือหนาเขวี้ยงขวดไวน์ที่หมดแล้วให้พ้นทางจนมันแตกกระจาย

 

 

 

 

คนเป็นแม่ได้ยินเสียงโครมครามจึงรีบวิ่งขึ้นมาดูสภาพลูกชายตนเองด้วยจิตใจห่อเหี่ยว  ไม่ได้นึกสงสารลูกรักแต่อย่างใด....ช่วยไม่ได้ลูกชายของเธอขี้งอนและไม่ยอมฟังเหตุผลเอง ! สมควรแล้วที่จะต้องมานั่งรำพึงรำพันอยู่แบบเนี้ย...นึกแล้วก็อยากจะเขกกระบาลเจ้าผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตเสียจริง !

 

 

 

 

 

 

“คนสวยใจดามมมม เชิญเถิดเชิญย่ำ...โผมมมมให้จม YOY; คุณจะเย้ยหรือข่ม....ฮึก ฮึกฮือออออออ”

 

 

 

 

 

“นี่ตาโทโมะ ! แม่ชักจะทนไม่ไหวกับแกแล้วนะ....เลิกทำตัวเป็นเด็กๆเสียทีได้ไหม ? เอ้า ! น้องส่งจดหมายมาให้อ่านซะ ! เจ้าลูกบ้า”    

 

 

 

คุณแม่ยื่นซองจดหมายที่จ่าหน้าซองว่ามันมาจากประเทศอังกฤษให้....ยอมรับว่าทีแรกที่ได้ยิน หัวใจมันพองโตกระดี๊กระด๊าทั้งๆที่ผมยังคงไม่รู้สติตัวเองมากนักก็ตาม....แต่การมาของจดหมายนั่นทำให้ผมคิดถึงหน้าผู้หญิงใจร้ายคนนั่น  และทุกวันนี้ชื่อของเอก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของผมอย่างไม่มีวันเลือนหาย....อ๊ากกกกก อยากเอาหัวโขลกพื้นให้ตายไปเลยจริง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะ....กลัวเจ็บจ้า TOT;

 

 

 

 

“เชอะ ! ไม่อ่าน -3-“   ผมสะบัดหน้าใส่อย่างงอนไม่เลิก ก่อนจะเหลือบมองสีหน้าคุณแม่ที่ยืนเท้าสะเอวมองผมขวางๆ

 

 

 

 

“ตามใจ ! ถ้าอยากจะเข้าใจน้องผิดก็แล้วแต่แก คนอะไร๊ ? โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังทำตัวงี่เง่า น้องไปเรียนก็หาว่าน้องจะทิ้ง น้องจะขอเลิก ! ปัญญาอ่อนจริงๆเจ้าลูกบ้า แกไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเล๊ย...”

 

 

 

 

“ก็เขาไม่บอกผมก่อน อยู่ๆก็ไป คุณแม่จะให้ผมคิดว่ายังไงล่ะฮะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเบื่อ เขาอยากหลบหน้าและหนีหายไปจากโผมมมมมนะ !”

 

 

 

 

“ถ้าน้องบอกแกว่าจะไป แกจะให้น้องไปหรือไงเล่า ?”

 

 

 

 

เออ...นั่นสิ ผมคงต้องออดอ้อนออเซาะไม่ให้แก้วไปแน่ๆ แต่ถึงงั้นก็เหอะ ควรจะบอกกันบ้างไม่ใช่เหรอ !  ให้ตาย....ยังไงผมก็ไม่หายโกรธหรอก ชิ !

 

 

 

 

“นั่นมันก็อีกเรื่องนึง...ผมไม่เถียงกับคุณแม่แล้ว  ผู้หญิงก็ใจร้ายกันทุกคนนั่นแหละ คุณแม่ก็ด้วย ใจร้ายยยยย ไม่เห็นใจผมบ้าง ...นี่ลูกแม่ถูกทิ้งอยู่นะ...อ้าว คุณแม่จะไหน ? มาฟังผมให้จบก่อนสิ คุณแม่ !!!!!!!!”    มารดาของเขาสะบัดศีรษะไล่น้อยๆอย่างเอือมระอาก่อนจะหันหน้าหนีออกจากห้องไป ดูสิ...ถ้าคนมันจะพาล ก็พาลได้แม่กระทั่งแม่ ! พูดไปนั่นว่าผู้หญิงใจร้ายทุกคน !

 

 

 

 

 

 

ถ้าฉันใจร้าย...ฉันคงเอาขี้เถ้ายัดปากแกตั้งแต่ทีนเท่าฝาหอยแล้วเจ้าลูกบ้าาาาาาาาาา >O<;

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่คุณแม่หนี == ผมไปแล้ว...ท่านก็วางจดหมายที่จ่าหน้าซองจากประเทศอังกฤษไว้ข้างๆผม สาบาน !...ว่าผมไม่ได้อยากจะแตะนักหรอก  ที่หยิบขึ้นมาเปิดอ่านเนี่ย เพราะอยากรู้คำแก้ตัวของผู้หญิงใจร้ายก็เท่านั้น ! ดูสิ...จะแก้ตัวยังไง  จะแถไปได้แค่ไหนกันเชียว ?

 

 

 

พอผมเปิดมาก็เจอเข้ากับลายมือน่ารักของเจ้าตัว ? เอ้ย ! ลายมือก็งั้นๆ ที่จริงผมยังเขียนสวยกว่าด้วยซ้ำ >_<!  แหม...เปิดเรื่องขึ้นมาก็ทำเป็นปากหวานเรียกผมจ๊ะจ๋าเชียวนะ ฮึ่ย...คิดถึงเสียงหวานๆนั่นจริงๆ โอ๊ะ ! ไม่ได้คิดถึงซะหน่อย เหอะ !  ....อ่านไปได้จนถึงบีทัดสุดท้าย จิตใจอันอ่อนไหวก็กลับกระตุกวูบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า....จะรอผมมาขอแต่งงาน  

 

 

 

 

มันจะยังมีวันนั้นอยู่อีกมั้ย ?

 

 

 

 

แต่ถึงผมค่อนข้างจะซึ้งกับคำพูดไร้เดียงสานั่นอยู่ก็เหอะ....ทิฐิและความโกรธมันก็ยังคงไม่เจือจางลงไป  ผมไม่มีวันตอบกลับจดหมายของผู้หญิงใจร้ายเด็ดขาด  ให้รู้ซึ้งที่การรอคอยที่แสนทรมานเสียบ้าง ขาดการติดต่อกันไปเลยยิ่งดี  !  ถ้าไม่มาง้อผมด้วยตัวเอง....ก็อย่าหวังเลยว่าผมจะให้อภัย !

 

.

 

.

 

.

 

.

 

 

.

 

 

สามปีผ่านไป....

 

 

 

 

กว่าสามปีแล้วที่ฉันยังคงร่ำเรียนอยู่ที่อังกฤษ  กว่าสามปีแล้วที่ฉันเพียรพยายามจะติดต่อกับเขา  ผู้ชายที่ฉันคิดถึงอยู่ที่วี่วันและรักไม่คงเปลี่ยน  กว่าสามปีแล้วที่เขาไร้การติดต่อ ไม่แม้แต่จะตอบจดหมายของฉันสักฉบับให้ชื่นใจ ! ...ผู้ชายใจร้าย ไม่ยอมให้อภัยแก้วเลย T__T;  แต่ฉันก็ยังไม่ลดละความพยายาม ด้วยรู้ตัวว่าฉันเองนี่แหละ...ที่เป็นฝ่ายผิด ยังไงเสีย ฉันก็ต้องง้อเขาให้ได้....และตอนนี้ฉันกำลังจะเริ่มเขียนจดหมายหาเขาอีกครั้ง !

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้มีคนมาจีบแก้วด้วยแหละปะป๋า คิกคิก >_< แก้วเขินมากๆเลย เขาชื่ออเล็กซ์ รูปหล่อพ่อก็รวย ฮั่นแน่...รู้นะว่าปะป๋าแอบหึงแก้วน่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะยังไงๆแก้วก็รักแค่ปะป๋าคนเดียว ไม่คิดนอกใจหรอกให้ตายเหอะ...ปะป๋าหล่อกว่าหมอนั่นเยอะเลยแหละ ^-^ อ้อ ! เขาขอเบอร์แก้วไว้ด้วยนะ แต่แก้วไม่ได้ให้ไปหรอก...เพราะแก้วบอกเขาไปว่า...แก้วมีแฟนแล้ว อิอิ ^////^ แฟนของแก้วเป็นนักไวโอลินที่เท่ห์และก็เก่งที่สุด ใจดีม๊ากมาก ถึงแม้จะชอบลวนลาม แต๊ะอั๋งแก้วอยู่บ่อยๆก็เหอะ -///////-

 

 

ยังๆไม่หมดนะปะป๋า...พอแก้วบอกเขาไปแบบนั้น หมอนั่นก็โวยวายใหญ่ หาว่าแฟนของแก้วเป็นนักไวโอลินกระจอกๆอยู่ที่ประเทศกำลังพัฒนา จะสู้เขาได้ยังไง ? ตอนนั้นแก้วโมโหมากๆเลยล่ะปะป๋าก็เลยต่อยเข้าที่หน้าหมอนั่นไปเต็มๆหนึ่งดอกครับผม >O<’  โทษฐานที่บังอาจมาดุถูกคนรักของแก้วใจ โฮะๆ ^0^ แต่ก่อนที่หมอนั่นจะวิ่งแจ้นหนีไป แก้วก็ตะโกนบอกหมอนั่นไปว่า....เลิกล้มความพยายามเหอะ เพราะยังไงแก้วก็ไม่มีวันรักใครได้อีกแล้ว นอกจากผู้ชายสุดหล่อที่เป็นนักไวโอลินสุดเท่ห์จากประเทศกำลังพัฒนา^___^; …อย่างนาย วิศว ไทยานนท์ 

 

 

Ps.ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้เนอะ นามสกุลน่าใช้เป็นบ้าๆ ว่างๆพาไปจดทะเบียนหน่อยดิ >//< รัก รัก รักจัง >3<~  แก้วใจรักปะป๋าครับผม .

 

 

 

 

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

ฉบับที่  227  จดหมายจากประเทศอังกฤษ

 

 

 

“ฮึ ! มาอีกแล้ว คราวนี้จะเล่าอะไรต๊องๆให้ฟังอีกนะ == ก็รู้ว่าคนไม่ตอบกลับยังจะส่งมาอยู่ได้ ดูสิเนี่ย ล้นห้องแล้วมั่ง >O<”

 

 

 

 

 

ถึงปากจะบ่นไปต่างๆนานาแต่เขาก้อดที่จะดีใจอยู่ลึกๆไม่ได้ตลอดสามปีที่ผ่านมานี่ก็จะย่างเข้าปีที่สี่อยู่รอมร่อผู้หญิงใจร้ายยังคงเวียนส่งจดหมายมาหาเขาทุกๆเดือนอย่างไม่ขาตกบกพร่อง จนกลายเป็นว่าทุกๆวันของการมีชีวิตอยู่...เขาอยู่เพื่อรอจดหมายจากผู้หญิงใจร้ายคนนั้น บางทีก็เขียนเรื่องตลกๆที่นู่นให้เขาอ่าน แม้ว่าปากจะบอกไม่สนใจก็ตามที ! อย่างคราวที่แล้ว...ก็เล่าเรื่องที่ไปทำเปิ่นในร้านกาแฟให้เขาได้อ่าน เธอได้ลองทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่คอฟฟี่ชอฟแห่งนึง แล้วเกิดอาการเถียงกับลูกค้า แต่เรื่องมันจะไม่ใหญ่มากหรอก ถ้าเธอไม่เผลอไปต่อยหน้าลูกค้าคนนั้น =__= เรื่องถึงตำรวจกันเลยทีเดียว....

 

 

 

 

ใจร้อน ไม่ฟังใคร แถมยังดื้อเป็นที่หนึ่งมีอยู่คนเดียวเท่านั้น...เด็กน้อยในใจของนายโทโมะคนนี้ยังไงล่ะ

 

 

 

 

 

เห....? มีคนมาจีบ มีคนมาจีบแล้วเขียนมาบอกฉันเนี่ยนะ ! เด็กบ้า เจ้าเด็กบ้า !  O___o แน้...รู้ด้วยว่าเราจะหึง ฮึ่ยยยยยย ให้ตายเหอะ ทำไมถึงได้เป็นเด็กรู้มากขนาดนี้กันนะ >_<;  ...แต่จะว่าหึงก็ไม่ใช่ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนิ เชอะ !-3-  ...ไม่คิดนอกใจ ? อ๊ากกกก ทำไมปากหวานแบบนี้กันน้ะ ! ปะป๋าหล่อกว่าหมอนั่นตั้งเยอะ  พูดดีนี่..-__-; เกือบจะเคลิ้มกับคำชมอยู่หรอกนะ..แต่ไอ้ที่บอกว่าชอบลวนลามนี่มันหมายความว่ายังไงกัน

 

 

 

 

 

 

บ้าที่สุด ทำไมต้องมานั่งยิ้มเวลาอ่านแบบนี้ทุกที - -

 

 

 

 

 

 

 

 

เอ๊ะ ! เดี๋ยวนะ ไอ้ฝรั่งหน้าม้อนั่นมันพูดว่าอะไรนะ....นักไวโอลินกระจอกๆจากประเทศกำลังพัฒนา ? O o O ว้ากกกกก ไอ้ฝรั่งขี้นก กล้าดียังไงมาหาว่าฉันเป็นนักไวโอลินกิ๊กก๊อก แถมยังมาจากประเทศไม่เอาอ่าว = = ดูถูกทั้งฉันและประเทศของฉันขนาดนี้เลยเรอะ ! หึ่ม อย่าให้เจอหน้านะไอ้อล็กซ์ปากสุนัข พ่อจะถีบยอดหน้าให้กลับอังกฤษไม่ถูกเลยทีเดียว >O<

 

 

 

 

 

ดีนะ ที่ไม่ให้เบอร์ไป....น่ารักที่สุด >////< เอ๊ะ..แล้วเราจะดีใจทำไมว่ะ มันไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย ! เหอะ ><!   ไอ้ทุกบรรทัดทุกถ้อยคำก็ออกจะซึ้งอยู่หรอก ถึงจะโกรธมากก็เหอะ แต่คำว่าคนรักของแก้ว เนี่ย..ได้ยินแล้วก็ชื่นใจไม่หยอก ง้ะ ? อย่าเพิ่งดีใจไป ผู้หญิงใจร้ายอาจจะหมายถึงนักดนตรีคนอื่นก็ได้ !  …แต่ประโยคสุดท้ายนี่มัน -//////-  ฮ่า...ฟินอ่ะ ><

 

 

 

 

แก้วก็ตะโกนบอกหมอนั่นไปว่า....เลิกล้มความพยายามเหอะ เพราะยังไงแก้วก็ไม่มีวันรักใครได้อีกแล้ว นอกจากผู้ชายสุดหล่อที่เป็นนักไวโอลินสุดเท่ห์จากประเทศกำลังพัฒน^___^; …อย่างนาย วิศว ไทยานนท์ 

 

 

 

 

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ! เขิน ><

 

 

 

 

 

 

 

เอิ่มมมมม =__=; ถ้าตัดคำว่าจากประเทศที่กำลังพัฒนา ก็จะดูดีมากๆเลยล่ะ ! แต่เอาเหอะ...เด็กบ๊องนี่ยังไง ใครสั่งใครสอนให้พูดจาฉอเลาะออเซาะขนาดนี้กันเชียว ว้ากกกแล้วนั่นดูพูดเข้า...

 

 

 

Ps.ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้เนอะ นามสกุลน่าใช้เป็นบ้า ว่างๆพาไปจดทะเบียนหน่อยดิ >//< รัก รัก รักจัง >3<~  แก้วใจรักปะป๋าครับผม .

 

 

น่าตีจริงๆ ! เป็นเด็กเป็นเล็กหัดขอให้ผู้ชาพาไปจดทะเบียน >O<; ถ้าไปพูดแบบนี้กับใครน๊า....จะตีให้ตายไปเลยทีเดียว เด็กบ้านี่ !  หลังจากที่ผมอ่านจบก็ค่อยๆพับลงเก็บเข้ากล่องจดหมายอย่างเรียบร้อย พร้อมกับเผยยิ้มออกมานิดๆกับความน่ารักของผู้หญิงใจร้าย (?)

 

 

 

“ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมแบบเนี้ย...สงสัยหายงอนน้องแล้วมั้ง”   ทันทีที่คุณแม่แซวขึ้นมาผมก็รีบหุบยิ้มแล้วทำหน้าเครียดทีนที  ผมทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินในสิ่งที่คุณแม่พูดก่อนจะปึงปังโวยวายออกจากบ้านเพื่อไปสอนดนตรีที่วิทยาลัยดุริยางค์ฯ หลังจากที่เรียนจบสาขาการดนตรีเอกไวโอลินมาได้สามปี

 

 

 

 

“เปล่าซะหน่อย คุณแม่ตาฝาดแล้วละฮะ ผมไปล่ะ”

 

 

 

“หน็อย....เจ้าลูกตุ๊ดขี้งอน นึกว่าแม่ดูไม่ออกหรือไงกัน”

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

และวันต่อๆมาเขาก็ได้รับจดหมายจากอังกฤษอีกครั้ง...^___^;

 

 

 

 

                วู้วววว ปะป๋าจ๋า ตอนนี้ที่นี่อากาศหนาวม๊ากมากเลยล่ะ หิมะตกด้วย ตอนนี้แก้วหนาวจัง อยากให้ปะป๋ากอดที่สุดเลยล่ะ.^^;  เสวตเตอร์สิบตัวยังไม่อุ่นเท่าอ้อมกอดของปะป๋าเลยนะ -////- เขินจัง ฮิฮิ พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้อ่ะ >////<;   เอ้อ...นี่ปะป๋า แก้วจะบอกว่านายอเล็กซ์อะไรนั้นนะมันกลับมาตื้อแก้วอีกแล้ว T__T; ดีนะ ที่วันนั้นพี่กวินอยู่ด้วยพอดีมันเลยไม่กล้าทำอะไรมาก...ปะป๋าแก้วกลัวจัง และแล้ววันต่อมาแก้วก็เจอกับมันอีกจนได้ -__-; คราวนี้พี่กวินไม่อยู่ด้วย แก้วไม่รุ้จะทำยังไงก็เลย.... เอารูปของปะป๋าน่ะโชว์ให้มันดูเลย รู้ป่ะ ? เจ้าฝรั่งนั่นพูดว่าอะไร...มันบอกว่าปะป๋าหล่อมากกกกกก แล้วนายอเล็กซ์มันก็เผยธาตุแต๋วออกมา หลังกจาที่ได้เห็นรูปปะป๋า...T^T ที่สำคัญนะปะป๋า นัง(?)อเล็กซ์มันจิ๊กรูปปะป๋าของแก้วไปเฉยเลยอ่า แง้งงงงง TOT

 

 

 

          พอแก้วไปตามจะเอาคืน  นางก็เรียกพวกแต๋วของนางมาทำท่าจะรุมลิง เอ้ย ชะนีตัวน้อยๆยอ่างแก้ว แก้วเลยไม่สามารถเอารูปปะป๋าคืนมาได้ T^T~ แถมก่อนกลับมันยังบอกแก้วอีกว่า...อย่าให้เจอปะป๋าตัวจริงนะ มันจะงาบปะป๋าไปกินไม่ให้เหลือซากเลยทีเดียว..บอกก่อนว่าแก้วไม่ยอม !

 

 

รักปะป๋าสุดหล่อทุกวินาที จุ้บ จุ้บ ^3^~

 

 

Ps.ให้ตาย...แก้วก็ไม่ยอมให้ปะป๋ามาเจอนังอเล็กซ์เด็ดขาด !...หึงน้ะ >///<

 

 

 

 

 

 

 

โอ๊ย ! ผมชักจะขนลุกกับเรื่องที่เด็กบีองเล่าให้ฟังเสียแล้ว นังอเล็กซ์นี่หน้ากลัวจริงอะไรจริง ต่อให้เธอไม่ห้ามให้ผมไปหานังอเล็กซ์ ผมก็ไม่มีวันไปเด็ดขาด ! คิดแล้วเสียวิพิลึกแหะ ฮึ่ยยยยย แต่คำพูดที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้มากที่สุดก็คือ คำสั้นๆสองคำของผู้หญิงใจร้าย....หึงน้ะ >///<

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

“แก้ว...นี่ you จะไม่กินอะไรหน่อยเหรอ ? why? นี่ you มิสผู้ชายคนนั้นถึงขนาดนี้เลย เอาน่าอีกปีกว่าๆก็ได้กลับไปหาเขาแล้วนี่ you จะ sad ทำไม ?”    พี่กวิน พี่ชายสุดที่ร้ากกกของฉันเดินเข้ามาหาขณะที่ฉันยังคงนั่งรอจดหมายอยู่หน้าบ้านและเป็นดั่งเช่นเคย  รออยู่จนตะวันลับขอบฟ้าก็ยังไม่มีวี่แววจดหมายจากเมืองสักฉบับ เฮ้อ TOT;  ใจร้ายจังปะป๋า...

 

 

 

“ยูไม่เป็นไอ ยูไม่รู้หรอกว่าไอทรมานขนาดไหน ? ไอผิดที่ทิ้งเขามาโดยที่ไม่บอกเขาสักคำ T_T; ยูคิดว่าไอควรทำไงดี”

 

 

 

 

“ทำไงเหรอ ? อืม...ถึงเวลาแล้วสินะที่ไอต้องบอกยูน่ะ ^^”    พี่ชายมองหน้าฉันแปลกๆก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆแล้วขยี้หัวฉันซะจนยุ่งเหยิง =_=; 

 

 

 

“ตั้งใจฟังไอนะน้องรัก....”

 

 

.

 

 

.

 

 

.

 

ห๊ะ ! ไม่น่าเชื่อ...ที่ยูพูดมันเป็นเรื่องจริงเหรอ แล้วทำไมไม่เห็นมีใครบอกไอเลย  O o O”  ฉันตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงกับสิ่งที่พี่กวินพูดบอกเมื่อครู่  ทั้งตื่นเต้นและตกใจไปพร้อมกัน ก่อนที่ฉันจะรีบกระวีกระวาดเขียนจดหมายไปบอกเขานั้น พี่กวินก็ห้ามขึ้นเสียก่อน บอกว่ามีเซอร์ไพร์ทอะไรเล็กๆน้อยๆ พอสนุก>O<; เอ๋...ฉันก็ชักอยากจะสนุกแล้วซะด้วยสิ ><!

 

 

 

“ตกลงยูจะทำตามแผนของไอใช่ม่ะ ?”

 

 

 

“โอเค...ว่าแผนของยูมาเลยมายบราฯที่รัก ^3^” 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เวลาล่วงเลยมาจนปีที่ 5 เป็นวันสุดท้ายที่ฉันต้องเดินทางกลับประเทสไทย แต่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน...ฉันส่งการ์ดสีชมพูหวานแหววไปให้กับเขา ปะป๋าโทโมะ ^^...มันไม่ใช่จดหมายเหมือนแต่เก่าก่อน  ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่า หากเขาได้รับการ์ดซองนี้แล้วเขาจะรู้สึกยังไง  ....ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องส่งการ์ดใบนี้ไปให้เขาในเวลาที่เรายังคงขุ่นมัวกันอยู่แบบนี้   แต่ทำไงได้ในเมื่อฉันตัดสินใจแล้ว....หวังว่าเขาคงเข้าใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เมืองไทย

 

 

 

“ว้ากกกกกกกกก คุณแม่ครับ นะ...นี่มัน ?”  ผมตกใจคาดไม่ถึงหลังจากที่คุณแม่ยื่นการ์ดสีชมพูหวานแหววนั่นมาให้ผม และแน่นอนว่ามันมาจากประเทศอังกฤษ ! หัวใจผมเหมือนหลุดหายไปในอากาศ ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้นอกจากโวยวายและเงียบลงตามอย่างที่มันควรจะเป็น...

 

 

 

 

 

การ์ดแต่งงานสีชมพูหวานชื่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชื่อของคนทั้งคู่และเจ้าสาวเป็นใคร ?!  หัวใจของผมแทบแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อมือของตัวเองค่อยๆสั่นระริกจนไม่สามารถเปิดดูการ์ดเรียนเชิญนั้นได้ ผมเห็นแล้วล่ะ..ชื่อของเจ้าสาวนะ ผมเห็นแล้ว...

 

 

 

 

 

                                              Marry Marry

 

 

                               Jarinya Sirimongkonsakul

 

 

                                                &

 

 

                                               …..

 

 

 

 

 

 

 

ทุกอย่างจบแล้วสินะ...ผู้หญิงใจร้ายที่ผมเฝ้ารักมาตลอด 5 ปี เฝ้ารอมาโดยตลอด ผมเก็บการ์ดแต่งงานนั่นลงโดยที่ไม่ได้เปิดดูอะไรต่อไปอีก...เธอลืมแล้วหรือไงกับความรักอันหวานชื่นเมื่อก่อนหน้านั้น ถึงปากผมจะเฝ้าบอกอยู่ทุกวี่วันว่าโกรธแสนโกรธ งอนแสนงอน แต่เธอคงไม่รู้หรอก...ว่าจดหมายทุกฉบับจากเธอ ผมอ่านมันทุกบรรทัดทุกตัวอักษรแทนความรักความคิดถึงที่มีต่อเธอ...เด็กน้อย

 

 

 

แล้ววันนี้เธอก็ทำร้ายผมได้ลงคอ ทำร้ายผมได้อย่างเลือดเย็น...เธอรอความรักของเราไม่ไหวเลยต้องตีจาก แต่ทำไม ! ต้องส่งการ์ดเชิญมาขนาดนี้ ไม่คิดจะละอายใจบ้างหรืออย่างไร ?! หรือหัวใจเธอมันด้านชาไปแล้ว ทำร้ายผมถึงสองครั้งสองครา ! ผมเป็นผู้ชาย....ที่ไม่เข้มแข็งมากพอขนาดนั้นหรอกนะ ! ผมเจ็บ ผมร้องไห้เป็นและผม...เกลียดเป็น !

 

 

 

 

 

 

ฮึกๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมอกหัก เพราะรักเด็กอ๊า แง้งงงงงงงงงงง YOY;

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“แกไม่ดูการ์ดต่อแล้วเหรอ ?~”

 

 

 

“จำเป็นต้องดูต่อด้วยเหรอครับคุณแม่ ในเมื่อชื่อเจ้าสาวโชว์หราอยู่แบบนั้น คงจะหลงไอ้ฝรั่งหน้าหล่อนั้นจนตกลงปลงใจแต่งงานกันไปแล้ว เหลือแต่ผม....ไอ้โง่คนนี้ที่ยังคงอยู่ที่เดิม ! รอให้ผู้หญิงคนนั้นเหยียบย่ำจิตใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ! ถ้าเขาอยากแต่งก็แต่งไป ผมไม่ไปงานใครทั้งนั้น และฝากบอกเขาด้วย งานผมเขาก็ไม่ต้องมา ถ้าผมตายไม่ต้องมาเผาผีกัน !”

 

 

 

 

“ตาโทโมะ ! มันมากเกินไปแล้วนะ นี่มันงานมงคลของน้องกับ...”

 

 

 

“กับใครผมไม่สน ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ! อยากจะทำอะไรก็ทำ ต่อจากนี้ผมจะไม่จมปลักอยู่กับผู้หญิงใจร้ายแบบนั้นอีกแล้ว พอกันที ! ผมจะใช้ชีวิตของผมตามแบบที่ผมควรจะเป็นตั้งนานแล้ว ...โทโมะผู้ไม่แคร์ผู้ใดจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มันเคยตายไปเพราะหลงรักผู้หญิงคนนึง จนต้องยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา!”

 

 

 

 

 

ผมสะบัดหน้าเดินหนีพร้อมกับขึ้นรถตัวเองและขับออกไปอย่างรวดเร็วด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใต้จิตใจ...

 

 

 

 

“เอ๊ะ ! เจ้าลูกคนนี้....มีตาหามีแววไม่ ทำไมไม่รู้จักคิดและพิจารณาให้มันรอบคอบกว่านี้นะ...เฮ้อ !”

 

 

 

 

 

..................................................................................................................................

 

เออะ ! มันค่อนข้างยาวนี้ดนึง ~ เพราะรวมกันสองตอนนะฮะ-0-


ไม่มีเวลานั่งแยกตอนแล้ว ผมไปทำการบ้านต่อละค้าบ บ๊ายบาย T_T


เจอกันทุกวันหยุดนะครับ T-T Go Go Go to do homework!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา