เอล คนทะลุมิติ chapter 1

-

เขียนโดย pong43

วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.

  48 ตอน
  0 วิจารณ์
  48.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

15) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 15

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คนหลงในบ้านอาถรรพณ์

 

    “จิตมนุษย์นั้นละเอียดอ่อนและดำรงคงอยู่คู่กับร่างกาย ความสามารถที่สำคัญของจิตก็คือ จิตสามารถอยู่ในร่างกายใดก็ได้ ตราบเท่าที่จิตมนุษย์และร่างกายนั้นรับกันได้”

 

เราอยู่ที่ไหนกันนี่  ไม่คุ้นเลย... ที่ไหนกัน...

                ชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษรำพึงรำพันกับตนเอง เขานั่งอยู่บนเตียงมีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างกายท่อนล่างไว้  เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้อง สายตาหยุดที่หน้าต่างซึ่งมีผ้าม่านลายเรียบๆ บังแสงที่สาดส่องเข้ามาในห้อง

กี่โมงกันนี่... เขาอยากรู้เวลาจึงมองไปที่นาฬิการูปทรงวงกลมบนฝาผนัง แต่กลับนึกอะไรได้จึงไม่ได้ดูว่าเป็นเวลาใด เขาเลิ่กผ้าห่มลุกขึ้นเดินมองไปรอบๆห้อง

นี่บ้านเราเหรอ ไม่คุ้นแฮะ เขาใช้มือตบที่ท้ายทอยของตนเองเบาๆ เหมือนต้องการจะเคาะให้ความจำในสมองกลับคืนมา แต่เขากลับคิดเรื่องหนึ่งไม่ออก

เราชื่ออะไรกันนะ..

ชายหนุ่มถามตัวเอง สงสัยว่าทำไมจำชื่อตนเองไม่ได้

ที่นี่เป็นบ้านของเราเหรอ…

คิดไปคิดมาก็รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก การที่จำไม่ได้ว่าตัวเองคือใคร ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแล้ว เขาพยายามคิดๆๆ เพื่อเรียกเอาความทรงจำออกมา เขาพยายามลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ในสมอง แต่กลับพบว่าสมองว่างเปล่า ไม่มีอะไรในสมองสักนิด ไม่มีเรื่องอะไรอยู่ในสมองเลยสักเรื่อง

แต่จู่ๆ เขากลับเห็นภาพอะไรบางอย่างปรากฏเข้ามาในสมอง จึงรีบหลับตาเพื่อจะได้เห็นภาพชัดขึ้น

เป็นภาพห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางแล้วก็หายไป

เขาลืมตาขึ้นและหลับตาอีกครั้งเพราะคิดว่าจะได้เห็นภาพนั้นอีก และเขาก็ได้เห็นภาพซึ่งไม่ใช่ภาพห้องโถงนั้นแต่กลับเป็นภาพผู้คนมากมาย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่นที่แต่งกายในชุดนักเรียนเป็นส่วนใหญ่ มีบางคนอยู่ในวัยทำงานนั่งอยู่ด้านในคล้ายเป็นพนักงานของสถานที่นั้น มีชายวัยกลางคนหลายคน นั่นคือสถานที่ซึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น

“ห้องสมุด” เขาอุทานออกมา

เขารู้ในทันทีว่านั่นคือห้องสมุด ห้องสมุดซึ่งเขาคุ้นเคย ห้องสมุดที่ไหนสักแห่ง ต้องเป็นห้องสมุดที่เขาไปอยู่บ่อยๆแน่

“แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ บ้านใคร...” เขาตกใจสีหน้าแปรเปลี่ยนเพราะคิดขึ้นได้ว่า “เราไม่ใช่เจ้าของบ้าน แต่ว่าเรามานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน..”

เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดลุกขึ้นวิ่งไปเปิดประตูห้องเพื่อหาคนอื่นซึ่งอาจจะอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาเห็นห้องตรงข้ามซึ่งประตูห้องเปิดอ้าอยู่ มองเข้าไปก็เห็นเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่ง มีเตียงนอนเล็กๆอยู่ตัวหนึ่ง เขาเดินเข้าไปก็พบกับโต๊ะทำงานเล็กและเก้าอี้ มีหนังสืออยู่บนโต๊ะหลายเล่มเรียงไว้ด้วยที่คั่นหนังสือ มีกรอบรูปตั้งโต๊ะวางอยู่กลางโต๊ะ เขาคุ้นหน้าคนในกรอบรูปจึงหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาดู

รูปของชายชราวัยหกสิบเศษผมหงอกขาวเต็มศีรษะนั่งถ่ายรูปคู่กับหญิงสาวผมยาวประบ่าอายุประมาณยี่สิบเศษทั้งสองนั่งอิงแอบแนบชิดเหมือนพ่อกับลูก เก้าอี้ที่ทั้งคู่นั่งคือเก้าอี้ไม้สีขาวในสวนดอกไม้ มีดอกไม้หลายหลากชนิดอยู่ทางด้านหลัง เขาคิดขึ้นในทันทีว่าสองคนนี้น่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่

เขาวางกรอบรูปลงที่เดิมและหยิบหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาดู มันคือหนังสือปรัชญาวิทยาศาสตร์ของไอบรูม ศาสตราจารย์ด้านปรัชญายุคใหม่ แต่เขากลับไม่เคยรู้จักไอบรูมไม่มีชื่อนี้ในสมองของเขาเช่นกัน เมื่อพลิกไปด้านในของหนังสือก็พบกับรูปของไอบรูมอยู่ที่ด้านในปกหนังสือ เขากรีดหนังสือแต่ละหน้าผ่านๆ แล้วจึงปิดหนังสือวางกลับเข้าที่ เขามองไปที่ชายชราในกรอบรูปอีกครั้งหนึ่ง เขาคิดว่าชายชราซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของบ้านเป็นคนรอบรู้เพราะมีหนังสือปรัชญาอยู่หลายเล่ม   

หรือว่าเขาเป็นพ่อของเรา…

จู่ๆเขากลับคิดว่าชายชราเป็นพ่อ แต่ถ้าไม่ใช่พ่อก็อาจจะเป็นปู่ ไม่งั้นก็อาจจะเป็นอาหรือลุง และที่เขามานอนอยู่ในบ้านนี้ได้ก็เพราะเขาอาจจะเป็นญาติของชายชราคนนี้

แล้วไปไหนเสียล่ะ.. อาจจะไปทำงานกันแล้ว ทิ้งให้เราอยู่บ้านคนเดียว เขาคิดพลางเดินออกจากห้องนั้นไปยังห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามและเป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องนอนซึ่งเขาตื่นขึ้นมานั้น เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเป็นห้องหนังสือมีชั้นหนังสือหลายชั้นซึ่งบรรจุหนังสืออยู่เต็มชั้น เขากวาดตาผ่านๆ ก็พบว่าหนังสือบนชั้นนั้นแยกเก็บกันเป็นหมวดหมู่ ชั้นทั้งสี่ด้านรอบห้องสูงติดเพดาน ตรงกลางมีตู้เก็บหนังสือสูงสี่ตัวหันหลังชนกัน ทางเดินจึงมีเพียงเล็กน้อย มีบันไดไว้สำหรับปีนหยิบหนังสือ ทั้งบนชั้นและตู้มีหนังสืออยู่เต็มไปหมด แทบไม่มีที่ว่างให้วางหนังสือได้อีก

เขาแปลกใจที่ห้องเล็กห้องนี้สามารถเก็บหนังสือได้เป็นพันๆเล่ม มองดูก็รู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นคนรักหนังสือมากทีเดียว  เขาเอามือลูบคลำหนังสือแต่ละเล่มอย่างครุ่นคิดก็รู้สึกอะไรบางอย่างได้ เขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นเมื่อมาอยู่ท่ามกลางบรรดาหนังสือจำนวนมากมายเช่นนี้ เขาผูกพันกับหนังสือเสมือนกับว่าได้สัมผัสถึงการมีชีวิตอยู่ของบรรดาตัวอักษรในหนังสือ

จู่ ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาอย่างกระทันหันจนต้องเอามือกุมขมับทั้งสองข้างไว้ 

เป็นอะไรนี่..โอยปวดหัว..ทำไมปวดแบบนี้นะ...

มันทวีความปวดขึ้นมากจนเขาต้องนั่งลงยองๆกับพื้น เขาคิดหายาแก้ปวดในบ้าน พยายามกั้นใจลุกเดินลงบันไดไปด้านล่าง เห็นตู้เย็นอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปเปิดดูก็พบกระป๋องยาแก้ปวดจึงหยิบออกมาสองเม็ดและหาน้ำดื่มในครัว เมื่อทานยาแล้วก็มานั่งที่เก้าอี้ในห้องนั่งเล่น เขามองไปรอบห้องก่อนหลับตาลงวางแขนสองข้างแนบกับที่วางแขนของเก้าอี้ แต่แล้วก็ลืมตาขึ้นมองไปที่โต๊ะวางของข้างตัวก็พบซองจดหมายสีขาววางอยู่

จดหมาย...

เหมือนจดหมายรอเขาหยิบอ่าน เขาหยิบขึ้นมาดูที่หน้าซองจดหมายจ่าหน้าถึง นาห์ม ไรม์วา

...นาห์ม ไรม์วา เป็นใครกัน?  

ชายหนุ่มมองซองจดหมายในมือและพบว่าไม่ได้ปิดผนึก จึงถือวิสาสะดึงจดหมายในซองออกมาดู ในนั้นมีข้อความเขียนอยู่หลายบรรทัด เขาอ่านข้อความในจดหมายด้วยความสนใจ  

....................................................................................................................................................

ถึงทาสของข้า

เจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ในกายนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ข้าไม่เคยให้โอกาสกับใครมากเช่นเจ้า พึงสังวรณ์เอาไว้ว่าข้าจะฆ่าเจ้าเสียให้ตายก็ง่ายแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น ศึกษาตัวตนนี้จากข้อมูลที่ข้าให้ไว้ จงเป็นคนๆ นี้ให้ได้ ไม่มีสิ่งใดให้เจ้าเลือกได้อีกแล้ว

จงอย่าคิดสงสัยและตามหาข้าเป็นอันขาด ที่สำคัญอย่าคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปราณีเจ้าอีกต่อไป

จากข้า  เดอะมาสเตอร์

.....................................................................................................................................................

ชายหนุ่มอ่านจดหมายนั้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

จงเป็นคนๆ นี้ให้ได้...

อย่าคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อข้า...

ใครกัน เดอะมาสเตอร์...

“เราเป็นใครกัน..”  ชายหนุ่มยกมือค้าง ปล่อยจดหมายร่วงจากมือหล่นสู่พื้น

“เราคือใครกันแน่ ทำไมมันบอกให้เราเป็นคนๆ นี้..”

ชายหนุ่มตาเหลือกลานด้วยความสับสนคับแค้นอย่างถึงที่สุด

นี่ตัวฉันเป็นอะไรกัน...

“ย้ากกกกกกกกกกกกกกกก”

เขาร้องลั่นด้วยความแค้นใจสุดขีด ก้มลงหยิบจดหมายนั้นขึ้นมาขยำขยี้จนยับคามือและขว้างมันทิ้งไป

อะไรกันนี่...เขาร้องไห้น้ำตาไหลออกมา เขาพยายามไตร่ตรองข้อความในจดหมาย และคิดว่าข้อความในจดหมายอาจจะไม่ได้พูดกับเขานี่นา ทำไมต้องเครียดล่ะ เจ้าเดอะมาสเตอร์นี่ต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน คำขู่ในจดหมายทำให้เขาเกิดความหวาดกลัว ความหวาดกลัวในก้นบึ้งของจิตใจ เขาคิดว่าจดหมายนั้นมีพลังอำนาจบางอย่างที่ส่งเข้ามาควบคุมจิตใจของเขา จนเขาไม่สามารถระงับอารมณ์ไว้ได้ เขาลุกขึ้นเดินวนเวียนไปมารอบห้อง

หรือว่ามันเป็นปีศาจ..

ชายหนุ่มหยุดเดินและนั่งลงอีกครั้ง

“เราต้องเข้มแข็ง..จะอ่อนแอไม่ได้ มันอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดก็ได้…”

สักพักจิตใจของเขาก็สงบลง เขามองไปที่หน้าต่างซึ่งปิดอยู่ รู้สึกว่าเหมือนกำลังเห็นอะไรบางอย่าง  เขายกมือขึ้นมาขยี้ตา คล้ายกับไม่เชื่อสายตาตนเอง

“อะไรกันนี่”

เขามองเห็นเงาลางๆ เป็นภาพเคลื่อนไหวบางอย่างซ้อนทับกับหน้าต่างอยู่ เขาจึงหลับตาลง และนั่นทำให้เขาเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น เขาเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่างปรากฏเป็นฉากๆ ในสมอง

ภาพค่อยๆ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนคนแบกกล้องถ่ายภาพยนตร์เดินตรงไปข้างหน้าตามทางเดินยาวที่ทั้งสองข้างๆมีลูกกรงกั้นเป็นชั้นๆอยู่ มันเหมือนกับเรือนจำหรือคุก..          

เขาพบว่ามีชายคนหนึ่งแต่งกายในชุดเจ้าหน้าที่เรือนจำยืนอยู่ตรงหน้า กำลังพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เขาไม่ได้ยินเสียงนั้น

ใครกัน...

ชายคนนั้นเปิดประตูออก ภาพนั้นดำเนินต่อไป เขาเริ่มจะรู้แล้วว่านั่นไม่ใช่ภาพจากกล้องอะไรทั้งนั้น มันเป็นภาพที่เขามองผ่านจากสายตาของใครสักคนซึ่งอาจจะเป็นสายตาของเขาในอดีตก็เป็นได้

สุดยอด ถ้านั่นเป็นภาพในอดีต นี่ก็คือความทรงจำอันแสนสุดยอดซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เขารู้แล้วว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำกำลังเดินมาส่งเขาหรือใครสักคนที่หน้าประตูเหล็กใหญ่โตบานหนึ่ง

...เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...

สายตานั้นเคลื่อนไหวมาถึงประตูเล็กๆ ซึ่งซ้อนทับกับประตูใหญ่ มันเปิดออก เขาก้าวเท้าเดินต่อไปเพื่อออกสู่โลกภายนอกน มีเสาธงใหญ่อยู่ห่างออกไปสักร้อยเมตร ธงนั้นโบกสะบัดไปมา ความอยากรู้นั้นอัดแน่นเต็มอก สถานที่นี้คือที่อันใดกันแน่ ต้องมีอะไรบอกสิ ป้ายชื่อสถานที่...

ภาพกำลังจางลง...เขากำลังมองไม่เห็นมันแล้ว เขารีบยกมือทั้งสองปิดหน้าเพื่อไม่ให้แสงรอดเข้าไป เขาคิดว่าถ้าแสงเข้าไปในลูกตาจะทำให้ภาพนั้นหายไป

จู่ๆ ก็เหมือนกับว่าเขาสั่งการสายตาคู่นั้นได้ สายตานั้นมองกวาดไปพบรถยนต์จอดอยู่เต็มไปหมด เมื่อหันกลับไปทางด้านหลังก็พบว่าที่เหนือประตูเหล็กซึ่งเขาเดินออกมานั้นมีป้ายชื่อสถานที่แห่งนั้นบอกไว้

                เรือนจำกลางแห่งเกรนาด้า

...........................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา