เอล คนทะลุมิติ chapter 1

-

เขียนโดย pong43

วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.

  48 ตอน
  0 วิจารณ์
  48.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

37) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 37 ศัตรูคนที่สอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ศัตรูคนที่สอง

 

“สวัสดีค่ะ”

เสียงทักทายของเด็กสาวคนหนึ่งดังลั่นอยู่ที่หน้ารั้วหอพัก ทำให้เอลซึ่งเพิ่งยืนบนระเบียงหน้าห้องตื่นจากภวังค์และหันมามองเด็กสาวซึ่งจำได้ว่าเป็นเด็กมัธยมต้นโรงเรียนแถวๆหอพัก แต่จำไม่ได้ว่าเป็นโรงเรียนอะไร

“นี่เธอ..เบาๆก็ได้” เอลร้องบอกให้พูดเบาๆ เพราะหอพักนี้มีระเบียบวุ่นวายอยู่

เด็กสาวยิ้มร่า ครั้งแรกที่เจอกันเด็กสาวเกือบถูกรถชนที่ถนนหน้าหอพัก เขาช่วยเธอเอาไว้ ตั้งแต่นั้นมาจึงรู้จักกัน และเมื่อเธอเจอเขาครั้งไรก็ชอบร้องทักเขาเสียงดังแบบนี้

“เธอชื่ออะไรนะ”

“ซินค่ะ” เด็กสาวเกาะรั้วแหงนหน้าคุย

“อ๋อซิน โทษทีที่จำชื่อเธอไม่ได้สักที”

เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่หอพักหญิงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอบอกชื่อกับเอลหลายครั้งแล้วแต่เอลไม่เคยจำชื่อเธอได้สักที 

“ซินขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

“ฝากเนื้อฝากตัวทำไมกัน..”

“ซินจะขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของเอลยอดอัฉริยะด้วยค่ะ”

“นี่เธอ...” เอลชี้นิ้วไปที่ซินอ้าปากค้าง

“หนูรู้เรื่องของพี่หมดแล้ว ใครๆบอกว่าพี่หยิ่ง หนูว่าไม่นะ พี่น่ารักดีออก”

“เล่นชมกันอย่างนี้ก็เขินแย่สิ”

“ต้องขอโทษนะคะ” เด็กสาวโค้งคำนับ “ขอโทษนะคะที่ละลาบละล้วงเรื่องของพี่”

เอลยืนงงที่เด็กสาวเล่นบทนักสืบขนาดนี้ เธอไปรู้เรื่องของเขามาจากไหนกัน เขาหันหลังหมุนลูกบิดประตูห้องหมายจะเข้าห้อง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองเธอว่ายังอยู่หรือเปล่า

เด็กสาวซึ่งยังยืนจ้องมองมาที่เขาตาไม่กระพริบ ดวงตากลมโตบ๊องแบ๊วคล้ายอยากชวนเขาคุยต่อ

แต่เอลต้องตัดใจเพราะคุณนายโซวเจ้าของหอพักลั่นคำสั่งเอาไว้ว่าห้ามชวนผู้หญิงเข้ามาคุยในเขตหอพักเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกทำโทษให้กวาดพื้นบริเวณด้านล่างหอพักเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ถ้าไม่ทำตามคำสั่งก็จะให้ออกจากหอพักทันที 

“บ๊ายบาย”

เด็กสาวกวักมือลาเอลและเดินจากไป

เอลเข้าห้องอย่างโล่งอกรีบลงกลอนประตูทันทีเหมือนจะกลัวว่าสาวน้อยจะบุกเข้ามาอย่างนั้น  เขากดสวิทซ์เปิดไฟในห้องวางกระเป๋าเป้ลงที่ข้างโต๊ะทำงาน

พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษใบหนึ่งขนาดเท่าโปสการ์ดหล่นอยู่ที่พื้น เขาจึงก้มลงหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาดู และเห็นข้อความเขียนอยู่ในกระดาษนั้น เป็นข้อความประโยคหนึ่งยาวไม่ถึงหนึ่งบรรทัด เขาสงสัยว่ามีคนสอดกระดาษแผ่นนั้นเข้ามาจากนอกห้องแน่ๆ

ภาษาแปลก...ไม่เคยเห็น..

เขาไม่รู้ว่าภาษาที่เขียนบนกระดาษเป็นภาษาใดในโลก   

จู่ๆ สัมผัสของเขาก็เตือนขึ้นว่า

อย่าอ่านนะ...

เขาหยุดนิ่งคิดว่า ทำไมต้องอย่าอ่าน ก็อ่านไม่ออกนี่ แต่เขาก็กำลังพยายามเทียบเคียงกับอีกภาษาหนึ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน  

สัมผัสบอกอะไรกันแน่นะ...

เขากวาดตามองไปทั่วห้อง สัมผัสบอกเขาว่ามีใครกำลังแอบมองอยู่

ศัตรู.. ไม่เห็นมีใครนี่นา...

หรือว่าคนๆนั้นอาจจะแอบมองมาจากที่ไกลๆ...เป็นไปได้ยังไง แอบมองจากที่ไกลๆ...

เขากระโจนไปที่หน้าต่างด้านหลังซึ่งมีผ้าม่านปิดอยู่ แง้มผ้าม่านเล็กน้อยเพื่อจะดูว่ามีใครแอบมองมาที่ห้องนี้ แล้วจึงคิดได้ว่ามองไปก็ไม่เห็น..

ที่ไกลๆที่ว่านั่นอาจจะเป็น.. ต่างมิติ

ภูตินรกหรือว่าอะไรอีกล่ะ โลกปีศาจ... จู่ๆเขาก็คิดถึงคำนี้

หรือว่ามันซุ่มมองมาจากโลกปีศาจ...

โลกปีศาจ คิดถึงเรื่องนี้เขากลับจินตนาการมันไม่ออก ที่นั่นคงมีแต่ปีศาจเต็มไปหมด

พวกมันคงคิดจะบุกขึ้นมายังโลกของเราเพื่อครอบครองโลกมนุษย์นี้...  

          เขาสัมผัสมันได้ว่ามีอยู่จริง เช่นเดียวกันกับคนที่เฝ้ามองเขาอยู่ คนๆนั้นเหมือนอยู่ใกล้มาก มันอาจจะอยู่ในห้องนี้ด้วยซ้ำไป

สองสามวันนี้เขาไม่ค่อยกล้าใช้พลังเข้าสู่โลกต่างมิติ เพราะกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ และคำพูดที่ว่าปีศาจไม่สามารถข้ามมิติมาได้นั้นเขาไม่ค่อยจะเชื่อ แล้วเรื่องที่จะหลบปีศาจโดยการหยุดพลังนั้นมีความจริงมากน้อยเพียงใดกัน เขาก็ยังไม่แน่ใจ   

          เอลพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งหันกลับไปมองข้อความประหลาดในกระดาษนั้นอีกครั้ง เขาลืมคำว่า อย่าอ่าน ไปเสียสนิท พยายามเทียบเคียงภาษานั้นกับภาษาอินเดียโบราณที่เขาเคยเห็นในหนังสือ

          เขาจึงลองอ่านออกเสียงดู

          “มายองบังกองกด่าหาดหา อ่านอย่างนี้มั้งแต่แปลว่า..”

          จู่ๆ เขาก็รู้สึกแปลกๆ เสียงรอบๆตัวหายไปหมด เมื่อกี้ยังมีเสียงวิทยุจากตึกฝั่งตรงข้ามดังอยู่เลย แต่นี่เสียงอะไรๆ หายไปหมด

 

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่ทันสังเกตุเห็นจุดดำเล็กๆซึ่งเกิดขึ้นเหนือศีรษะไปสองสามเมตร มันค่อยๆ ขยายออกเป็นวงใหญ่ขึ้น เมื่อเขาแหงนหน้ามองขึ้นไปต้องร้องออกมา

“อะไร...”

“โลกต่างมิติ...”

เขาคิดว่ามันคือโลกต่างมิติอีกรูปแบบหนึ่ง มันต่างจากโลกต่างมิติของเขานี่นา แล้วเขายังไม่ได้เปิดพลังนี่นา ทำไมเข้ามาได้แบบนี้

เกิดอะไรขึ้นกันแน่...

เขามองจุดดำซึ่งค่อยๆขยายเป็นความมืดครอบคลุมไปทั่วห้องเหมือนกับว่ามันจะลงมาคลุมร่างของเขา

“ปีศาจ...”

เขาต้องถอยร่นไปที่ประตูเพื่อจะเปิดหนีออกไป

“เจ้าปีศาจนั่นแน่....”

เขาเปิดประตูออกไปไม่ทันแล้วเพราะความมืดนั้นกลืนประตูไปแล้ว ห้องทั้งห้องรวมทั้งพื้นกลายเป็นสีดำมืดมิดไปหมด เขารู้สึกตัวว่าช้าก็สายไปเสียแล้ว

เขายืนอยู่ในความมืดมิดที่ไม่เห็นอะไรแม้กระทั่งร่างกายของตัวเอง มือพยายามควานหาทางออกในความมืดแต่ก็มองไม่เห็น

จู่ๆ เขาก็มองเห็นเงาร่างของมนุษย์นอนอยู่ที่พื้นใกล้ๆ ร่างนอนหงายอยู่กับพื้น เขาก้าวเท้าเข้าไปเพื่อจะดูว่าเป็นใครกันแน่

ใครนะมานอนตรงนี้...

เขาเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นคล้ายกับว่ามีแสงเล็กน้อยส่องเข้ามาในห้อง

“เฮ้ย”

ทันใดนั้นเอลถึงกับแตกตื่นตาเหลือกด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นใบหน้าของคนที่พื้นห้องนั้น เพราะมันคือใบหน้าของเขานั่นเอง

          “อะไรนี่..” เขาร้องอย่างไม่เชื่อสายตา ทำไมเขาถึงมองเห็นตัวเอง หรือว่า

เขารู้สึกเสียวจี้ดที่ปลายประสาทบนหนังศีรษะ เด็กหนุ่มอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว 

          “หรือว่า..เรา..ตายไปแล้ว...”

          คิดเช่นนั้นก็มือไม้สั่นด้วยความกลัว เขายื่นมือเข้าไปแตะต้องร่างนั้นแต่กลับคว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น ร่างเหมือนภาพสามมิติ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตกใจ เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่ภาพสามมิติ มันคือร่างของเอง แต่ที่แตะต้องไม่ได้เพราะมันอยู่กันคนละมิติไปแล้ว  

“อย่านะ..ไม่ใช่นะ...เราไม่ได้ตายนะ”

เขาหันไปมองกระจกเงาหน้าตู้เสื้อผ้า ก็เข้าใจได้ในทันที ไม่มีเงาปรากฏในกระจก เขาไม่มีตัวตน ร่างกายนั้นต่างหากที่มีตัวตนเป็นเงาปรากฏอยู่ในกระจก

แต่เขากลับคิดว่าตอนนี้หากเขาอยู่ในโลกต่างมิติ ไม่มีเงาในกระจกก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าเขาได้ตายแล้ว

เขาอาจจะยังไม่ตาย แค่จิตออกจากร่างเท่านั้นเอง

จิตออกจากร่างก็เหมือนตาย...

ไม่จริง เรายังไม่ตาย...

เขาคว้าไปที่ร่างนั้นอีกครั้งแต่ก็แตะต้องไม่ได้ ที่สุดก็ทรุดนั่งลงกับพื้น หัวใจยังคงเต้นรัว ขนบนร่างลุกชันไปทั่ว ความสับสน ความกลัวทำให้คิดอะไรไม่ออก คิดได้แต่เรื่องแย่ๆเท่านั้น

“จิตออกจากร่าง เราตายแล้ว.....เราตายแล้ว” 

“ไม่ตาย เรายังไม่ตายๆ”

เขาเปลี่ยนใจร้องบอกตัวเองว่า ยังไม่ตาย แค่จิตแยกจากร่างเท่านั้น...

สัมผัสของเขาเริ่มทำงานอีกครั้ง มันกำลังบอกเขาว่า เขาถูกใครสักคนเล่นงานเข้าให้แล้ว คนๆ นั้นคือคนที่จ้องมองเขาอยู่จากที่ไกลๆ ... เจ้าคนที่สอดกระดาษแผ่นนั้นเข้ามาในห้อง

“รู้ตัวก็สายไปแล้วเอล”

เสียงหนึ่งดังขึ้นก้องในรูหู

“สิ้นหวังเสียเถอะเอล”

เสียงมาจากทางด้านหลัง เสียงมนุษย์แหลมเล็กเหมือนพวกปีศาจ เอลกวาดตามองไปทั่วห้องก็ไม่พบเจ้าของเสียง

พวกเหนือมนุษย์...

เขาแน่ใจแล้วว่าคนที่เล่นงานเขาคือพวกเหนือมนุษย์ มันซ่อนตัวอยู่ทางด้านหลังของเขาเอง แต่เขากลับนิ่งเฉยลังเลที่จะหันไปเผชิญหน้า สัมผัสบอกว่านั่นคือพวกเหนือมนุษย์อันเหี้ยมโหด

เอลตัดสินใจหันกลับไปโดยไม่ลังเลอีก

“แก...”

เขาพบกับชายหน้าตาน่ากลัวคนหนึ่งยืนประจันหน้าอยู่

...................................................................................................................................................................

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา