The opera concerto เำพลงรักในยามวิกาล

-

เขียนโดย LoverPF

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.38 น.

  9 บท
  1 วิจารณ์
  14.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 19.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) Invisible (มองไม่เห็นความรัก)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่สาม Invisible (มองไม่เห็นความรัก)

 

http://www.keedkean.com

 

 

 

กองถ่ายแบบกลับจากทะเลกันเรียบร้อยแล้ว และวันนี้เป็นวันที่ทุกคนในบริษัทต่างยุ่งกันมากๆเพราะจะต้องส่งต้นฉบับให้โรงพิมพ์ เมฆต้องทำต้นฉบับให้เสร็จ แผนกออกแบบที่ได้ตะวันมาช่วยก็สบายมากขึ้นเหมือนกันเพราะตะวันจะมีไอเดียเยอะกว่า ส่วนแผนกดีไซน์เนอร์และช่างภาพความจริงพวกเขาน่าจะว่างแต่ไม่เลยพวกเขาต้องไปซื้อกับข้าวและน้ำเพื่อทีมงานทุกคนที่กำลังโหยหิวและไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว เสียงเพลงเคารพธงชาติสงสัญญาณว่าหกโมงเย็นแล้วพวกเขาได้แต่ถอนหายใจเป็นถังเพราะยังไม่เสร็จสักที

 

“ทุกคนค่ะพักก่อนมากินข้าวกันค่ะ”หอมที่เพิ่งกลับมาจากตลาดซื้อกล่องข้าวมีทั้ง กระเพรา ก๋วยเตี๋ยว และหมูผัดพริกไทยดำพอๆที่จะซื้อได้มา พนักงานในบริษัทนี้ถ้านับรวมกันได้แค่ประมาณยี่สิบกว่าคน บริษัทก็ไม่ใหญ่มากอยู่ๆเหมือนเป็นครอบครัวเลยหล่ะมีสองชั้นข้างล่างเป็นห้องกระจกไว้ติดต่อลูกค้า และห้องน้ำ เลยไม่กว้างเท่าไหร่และชั้นบนกว้างมากๆเพราะมีห้องทำงานของเมฆ แผนกออกแบบนิตยสาร แผนกดีไซน์เสื้อผ้าข้างบนก็เป็นห้องกระจกเหมือนกัน

 

“เย้ !”พนักงานหญิงต่างกรี๊ดดีใจเหมือนถูกหวยปานนั้น ส่วนผู้ชายก็ได้เฮเหมือนเตะลูกบอลเข้าโกลอย่างนั้นหล่ะ

 

“ยัยพลอยกินข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยทำก็ได้ แกไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้วนะ”หอมที่เพิ่งแจกข้าวให้กับพนักงานเดินเข้ามาหาแผนกออกแบบกราฟิกที่มีตะวันและพลอยอยู่กันสองคนกำลังคิ้วขมวดกันอยู่เอ่ยขึ้น

 

“ไม่อ่ะยัยหอม ฉันยังไม่หิวเลย”พลอยหันหน้าหาหอมแวบหนึ่งและยิ้มเหมือนให้สัญญาณว่าเธอยังไม่หิวจริงๆก่อนก้มหน้าไปทำงานก่อน

 

“งั้นฉันว่าไว้ตรงนี้นะ แกหิวเมื่อไหร่แกกินละกัน พี่ตะวันค่ะนี่ของพี่ค่ะ”หลังจากกลับจากทะเลตะวันอยากให้ทุกคนเรียกเขาว่าพี่ดีกว่าถ้าใครมีอายุมากกว่าเรียกเขาว่า ตะวัน เฉยๆก็ได้ หอมพูดจบพร้อมวางกับข้าวไว้ข้างๆตะวัน

 

“ขอบคุณครับ แล้วน้องหอมไม่กินเหรอครับ?”

 

“หอมจะไปกินกับพี่ๆข้างนอกค่ะ เดี๋ยวต้องเอาไปให้ไอ้เมฆก่อนไม่รู้ตอนนี้ตายคาโต๊ะทำงานหรือยัง”หอมพูดจบก็ถือกล่องข้าวอีกกล่องตรงไปยังห้องของเมฆทันที

 

“ไอ้เมฆ...กินข้าว”หอมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเคาะประตูอยู่แล้วเลยเข้ามาเลยเธอเป็นอย่างนี้ประจำ

 

“แกวางไว้ตรงนั้นเลย เดี๋ยวฉันไปกินเอง ขอบใจมากนะหอม”เขาพูดเละหันหน้ามาหาเธอน้อยๆเละก้มลงไปทำงานต่อ

 

“เป็นอย่างนี้กันทั้งสองคนเลย เฮ้อ...แล้วนี่แกทำเสร็จหรือยัง”

 

“ยังเลยเหลืออีก 20 %”เขาพูดพลางก้มลงทำงานต่อทันที

 

“งั้นฉันไปกินก่อนนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน”เธอพูดและออกไปทันที เมฆก็พยักหน้าน้อยๆเหมือนสัญญาณบอกว่า โอเค

 

“คุณน้องขา...พี่หน่ะเมื่อยจะตายอยู่แล้วนะค่ะ พี่อยากกลับบ้านไปนอนแล้วค่ะ”เจ้ส้มเช้งคนเดิมเอ่ยทั้งที่กำลังเคี้ยวลูกชิ้นอย่างเต็มปาก

 

“อดทนหน่อยสิเจ้ หอมว่านะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วหล่ะ พวกพี่ทำตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ ไอ้เมฆบอกว่าอีก 20 % ก็เสร็จแล้วค่ะ”หอมที่กำลังเดินออกมาจากห้องเมฆได้ยินเสียงบ่นของเจ้ส้มเช้งพอดี

 

“โอ๊ย คุณน้องขา...ถ้าพี่ไม่ได้เงินจากบอสสิ้นเดือนนี้นะ พี่จะจับคุณเมฆเป็นสามีเลยค่ะ หล่อปานนี้และพี่ทำงานหนักขนาดนี้ถ้าพี่ไม่ได้นะ พี่จะเอาเพื่อนหนูหอมเป็นสามีแน่ๆค่ะ”เจ้ส้มเช้งพูดลอยๆ ก็แน่สินะใครไม่เอาคุณเมฆก็บ้าแล้ว หล่อปานนี้

 

“ค่า...รีบๆกินเลยค่ะไม่งั้นวันนี้พวกเราได้นอนบริษัทแน่นอนนะค่ะ เร็วสิเจ้”หอมพูดล้อๆเฉยๆ

 

แต่ที่หอมพูดล้อเล่นเนี่ยกลับเป็นจริงหน่ะสิ พนักงานงานไม่เสร็จกลับบ้านก็ไม่ได้ เอาไงเอากันนอนนี้เลยแล้วกัน แอร์ก็เย็น ของกินก็เพียบ ได้มองหน้าเมฆกับตะวันสุดหล่อของบริษัทอีก เอาว่ะ!

 

“ทุกคนครับจะกลับกันไปก่อนก็ได้นะครับ ที่เหลือผมจะจัดการเอง”เมฆที่มัวแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องออกมาพูดกับพนักงานลูกน้องที่กำลังจะโดนวิญญาณลากไปแล้วกำให้พวกเขาและเธอสะดุ้งเมื่อเห็นบอสออกมา แหมๆว่าจะหลับแล้วเชียว

 

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะบอสเรานอนที่นี้ก็ได้ค่ะ จะให้งานเสร็จทันพรุ่งนี้ไปเลยพวกเรากะอยู่แล้วค่ะว่าต้องค้างคืนพวกเราเลยเตรียมชุดมาเรียบร้อยแล้วค่ะ” พวกเธอและเขารู้ตลอดเวลาเลยแหละว่ามีงานหนักทีไรพวกเธอต้องค้างที่นี่ทุกที

 

“อืม...เอางั้นเหรอครับ”

 

“ค่ะ พรุ่งนี้จะได้ส่งทัน”พนักงานสาวตอบพร้อมกันส่วนผู้ชายก็ทำสีหน้าเหยๆที่จะไม่ได้กลับบ้านแต่ไม่เป็นไรเพื่องานพวกเขาสู้เต็มที่

 

“ก็ได้ครับงั้นผมให้เวลาไปทำธุระส่วนตัวก่อนนะครับ แล้วค่อยกลับมาลุยงานต่อ”เมฆเอ่ยพร้อมเดินไปทางแผนกออกแบบกราฟิก

 

“พลอยครับ ไอ้ตะวัน พนักงานวันนี้เขาจะค้างที่นี่กันหน่ะ”เมฆที่เพิ่งเข้ามาเห็นพลอยและตะวันกำลังสีหน้าเคร่งเครียดคิ้วขมวดกันเป็นวุ่นหันหน้ามามองเขาพร้อมกัน

 

“งั้นคืนนี้พลอยค้างที่นี่เลยก็ได้ค่ะ ใกล้เสร็จแล้ว”พลอยหันมายิ้มให้แฟนหนุ่มก่อนจะลุกขึ้นไปรวบรวมเอกสารเอาไว้

 

“อืม...ฉันค้างที่นี่ก็ได้นะ วันเดียวไม่เป็นไรหรอก”ตะวันเอ่ยพร้อมก้มลงมกมุ่นกับโน้ตบุ๊กต่อ

 

“นี่ค่ะ พี่เมฆแค่ครึ่งๆก่อนนะค่ะ ยังไม่เสร็จเรียบร้อยนะค่ะ”เธอเอ่ยสีหน้าเหยๆก็มันยังไม่เสร็จจริงๆนี่นายื่นให้เขา

 

“ไม่เป็นไรครับ มีแค่นี้เอามาก่อนก็ได้ งั้นพี่ไปทำงานต่อนะ”เขาพูดจบจูบมือเธอเบาๆพร้อมออกไปจากห้องแผนกอย่างรวดเร็วเพราะกลัวแฟนสาวจะวีนไม่ก็...ทุบตีเขาอีก

 

“เจ้าเล่ห์จริงๆ”หญิงสาวบ่นมุบมิบพร้อมก้มหน้าไปทำงานต่อ แต่ทำไมเธอรู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อกี้ที่เธอกำลังจะโดนลากวิญญาณไปแล้วกลับกลายเป็นเธอมีชีวิตชีวาขึ้นเพราะเพียงจูบเบาๆของเขาเนี่ยนะ หญิงสาวคิดอย่างขำๆ

 

     เวลาเลยสี่ทุ่มแล้วพนักงานทุกคนจะหลับคาโต๊ะแล้วถ้าไม่ได้กาแฟช่วย ส่วนเมฆนั้นคร่ำเคร่งกับหน้าจอไม่ลุกไปไหน ส่วนหอมไปก็ไปช่วยตะวันและพลอยที่เกือบๆจะเสร็จจริงๆสักที และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงทุกคนทำงานเสร็จแล้วก็เป็นเวลา เที่ยงคืนกว่าๆ พนักงานต่างกรี๊ดดีใจส่วนพนักงานชายก็เฮว่าจะได้หลับสักที

 

“เอาหล่ะค่ะ ทุกคนต้นฉบับเสร็จแล้ว ขอบคุณทุกคนมากๆนะค่ะที่คอยช่วยเหลือและไม่ทิ้งกันไปไหน ขอให้คืนนี้ทุกคนนอนหลับสบายกันนะค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”พลอยพูดน้ำเสียงน่ารักๆจนคนฟังเคลิ้มไปตามๆกันก่อนจะเอ่ยเสียง ราตรีสวัสดิ์ให้สาวน้อยตรงหน้า

 

“และทุกคนครับพรุ่งนี้เมฆให้หยุดสามวันนะครับเพื่อเป็นการชดเชยที่ทุกคนเหนื่อยกันวันนี้ ขอบคุณจริงๆครับ”เมฆเอ่ยจบพร้อมกับแถมวันหยุดให้ตั้งสามวันแนะพนักงานต่างกรี๊ดกันเป็นแถว

 

“พลอยครับ ยัยหอมไปไหนหล่ะ?”เมฆถามถึงเพื่อนของตนเพราะตั้งแต่หอมเอาข้าวไปให้เขาก็ไม่เห็นเธออีกเลย

 

“ยัยหอมไปช่วยพลอยกับพี่ตะวันค่ะและก็หลับไปแล้วเลยไม่อยากปลุกค่ะ”พลอยเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดนอนที่ตนเองเตรียมมา

 

เธอจัดการธุระของตนเองเรียบร้อยแล้วว่าจะมานอนกับหอมที่ห้องออกแบบแต่ก็ถูกใครคนหนึ่งฉุดไปที่ห้องทำงานของเมฆ จะใครเสียอีกหล่ะก็เมฆนั่นหล่ะ

 

“อื้อ...”เธอดิ้นๆในอ้อมกอดของเขาจากด้านหลังพร้อมบ่นมุบมิบกับเขาอย่างรวน

 

“วันนี้นอนด้วยกันนะ พี่กลัวผีอ่ะ เขาว่าบริษัทนี้ตอนกลางคืนนะหลอนมากๆเลยอ่ะ นะครับคนดีนอนกับพี่นะๆนะครับนะ”เขาอ้อนเสียงเหมือนลูกแมวที่ถูกทอดทิ้งมาด้วยตาแป๋วเธอว่าไม่ใช่แมวนะ หมาป่าเจ้าเล่ห์สิไม่ว่า

 

“ไม่ค่ะ มันดูไม่ดีพลอยไปนอนกับยัยหอมดีกว่าค่ะ”เธอพูดพร้อมกับปล่อยมือเขาที่กำลังรวบเธออยู่และจะไปเปิดประตูแต่ทว่า... “พี่เมฆค่ะ พี่เมฆล็อกเหรอค่ะ”เธอพูดพลางหันไปหาเขาด้วยสายตาดุๆ

 

“ป่าวครับพี่ไม่ได้ล็อก”เขาพูดพลางไม่รู้เรื่องจริงๆแต่ว่ามันล็อกได้ไงกันนะ

 

“พี่เมฆ !!!”เธอว่าเขาเสียงดุพร้อมกับจะเปิดประตูให้ได้แต่แล้วก็มีเสียงข้อความส่งมาหาเขา

 

           ฉันล็อกจากข้างนอกแล้วไอ้เมฆ แกไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฝากบอกยัยพลอยด้วยฉันหวังดีกับพลอยจริ๊ง จริง นะ กอดพลอยไว้แน่นๆนะเพื่อนนะวันนี้โอกาสดีของแกแล้ว อิอิ    จาก หอม ^^    หอมที่เพิ่งส่งไลน์มาหาเมฆเอ่ยบอกความจริงหอมเธอหลับแล้วหล่ะแต่ดันหลับเคลิ้มตรงโต๊ะไปหน่อยเธอเลยตกเก้าอี้เลยหล่นตุ้บจนเห็นเมฆลากพลอยไปที่ห้องเธอเลยลงมาล็อกซะเลย

 

“พลอยครับพี่ว่าเราออกไปไม่ได้แล้วหล่ะ”เขาพูดพร้อมส่งมือถือให้เธอดูและเธอก็อ่านอย่างหน้าแดงจัดและทำหน้ามุ่ยใส่เขาก่อนจะคืนโทรศัพท์เขาไป

 

“ยัยหอม ถ้าฉันออกไปได้นะน่าดู!”เธอบ่นใส่เพื่อนเธอก่อนที่จะโดนใครคนหนึ่งอุ้มไปนั่งลงบนโซฟาด้วยกัน

 

“พี่เมฆ! พี่เมฆจะทำอะไรค่ะ”เธอถามพร้อมกับหน้าเสียจัดอะไรกันเล่าเธอดูหนังบ่อยนะ ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองมันจะเป็นอย่างไงเล่า

 

“ก็เขาทำอะไรกันหล่ะ ถ้าอยู่กันสองคน”เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เธอพร้อมกับหอมแก้มเธอซ้ำไปซ้ำมาพร้อมจี้เอวเธออย่างหน้าหมั่นเขี้ยว

 

“ฮ่า ๆๆ โอ๊ยพี่เมฆหยุดนะ คนบ้า ฮ่าๆๆ”เธอพูดไม่เป็นศัพท์เพราะเขาจี้เอวเธอไปๆมาๆจนน้ำตาเธอคลอเบ้า

 

“ยอมหรือยัง ถ้าไม่ยอมพี่จำจี้เอวเราอยู่อย่างนี้แหละไม่ต้องนอน”เขาพูดพลางจี้เอวเธออีกรอบจนเธอต้องเอาหมอนที่อยู่บนโซฟามาตีเขา

 

“โอ๊ย ยอมแล้วค่ะๆแต่พี่เมฆต้องไปนอนข้างล่าง พลอยจะนอนข้างบนโซฟานี่”เธอยิ้มอย่างชนะ

 

“โซฟาออกจะใหญ่พี่นอนข้างล่างพี่เจ็บหลัง ให้พี่นอนด้วยคนนะครับ นะๆๆ”เขาเป็นหมาป่าขี้อ่อนเหมือนเดิม

 

“ไม่ค่ะ! พี่เมฆต้องนอนข้างล่างนะค่ะ”เธอพูดพลางเอาหมอนให้เขาและเธอก็นอนลงบนโซฟาอย่างสบายใจ

 

“รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ พี่จะกักเราอยู่ในห้องพี่นี่แหละไม่ต้องออกไปไหนอยู่กับพี่สามสี่คืนไม่ต้องมองฟ้ามองดวงอาทิตย์กันเลย”เขาเอ่ยอย่างเขาจะชนะวันหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดไฟ

 

 “ฮิๆ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่เมฆ”เธอเอ่ยก่อนจะก้มลงนอน ถึงแม้ไม่เห็นหน้าเขาแล้วแต่แสงจันทร์ก็ยังส่องสว่างไสวให้เห็นโครงหน้าของเขาชัดอยู่ก่อนเขาจะก้มลงมาเอาริมฝีปากแตะเข้ากับแก้มเธออย่างอ่อนหวาน

 

“ราตรีสวัสดิ์ครับสุดที่รักของพี่”เขาเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าห่มที่น้องสาวเขาเคยลืมทิ้งไว้มาห่มให้หญิงสาวผู้เป็นที่รักที่กำลังหลับตาพริ้มมีรอยยิ้มน่ารักนิดๆ “ฝันถึงพี่ด้วยนะครับ พลอยที่รัก”

 

         แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างใหญ่พร้อมกับที่จะบอกว่า ถึงวันใหม่แล้ว เสียงนาฬิกายังคงเดินไปเรื่อยๆพลอยที่กำลังงัวเงียอยู่นั้นตื่นขึ้นมาเพราะแสงอาทิตย์ส่องเข้าหน้าเธออย่างจังพร้อมไปเห็นผู้ชายที่เธอรักที่สุดกำลังหลับตาพริ้ม ใบหน้าของเขาขาวเหมือนเด็กน้อยๆ ผมที่ยุ่งเหยิงนิดๆเพราะกำลังหลับอยู่เท่ไม่เบา เสื้อนอนของเขาเป็นเสื้อเชิ้ตสบายๆพร้อมกับกางเกงผ้ายืด ถึงแม้เธอจะคบกับเขามาห้าปีแล้ว เสน่ห์ของเขายังไม่ดับลงได้เลยขนาดสาวแท้ สาวเทียมในบริษัทต่างเคลิ้มไปตามๆกัน ทำให้เธออยากสัมผัสหน้าเขาอย่างหยุดไม่ได้ที่จะเอามือนั้นลงไปจับที่หน้าเขาและเขาก็รู้สึกสัมผัสประหลาดๆจากมือนิ่มๆของใครบางคนและลืมตาขึ้นมา เห็นหญิงสาวตรงหน้ากำลังนั่งบนพื้นและสัมผัสหน้าเขาอยู่ เขาจึงไม่รอช้าที่จำดึงเธอเข้ามานอนด้วยกัน แหมๆก็เมื่อคืนเขายังไม่ได้ทำตามที่เขาตั้งเป้าไว้เลยนี่นา กลางคืนไม่ได้ เช้านี้เลยแล้วกัน!

 

“พี่เมฆปล่อยพลอยนะ”เธอดิ้นขลุกอยู่กับอ้อมกอดของหนุ่มตัวโตและยังดิ้นไม่หยุด

 

“ตื่นขึ้นมาก็แผลงฤทธิ์กับพี่เลยนะคนดี ขอมอร์นิ่งคิสหน่อยเถอะ”เขาพูดเสร็จและก้มลงไปจะประทับริมฝีปากของเขากับริมฝีปากของสาวน้อยคนนี้ทันทีหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันแค่ประมาณสามเซ็นเองและริมฝีปากของเขาก็ประทับกันกับของสาวน้อยคนนี้ทันที เหมือนโลกหยุดหมุนไม่ได้ยินเสียงแม้กระทั่งเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินอยู่ ไม่แม้กระทั่งได้ยินเสียงเต้นหัวใจของตนเอง ชายหนุ่มถอนจูบอย่างเสียดายหมายจะก้มลงไปจูบอีกรอบและอีกรอบให้หายความปรารถนาของตนเองในใจเสียทีแต่ทว่า...

 

“ว่าไงทั้งสองคน เฮ้ยๆ กรี๊ด....”ผู้ที่ไม่เคยเคาะประตูก่อนเข้าห้องคนอื่นทุกครั้งเปิดประตูเข้ามาเธอกรี๊ดยิ่งกว่าถูกหวยเธอจะขอบอกกับตัวเองว่าแม่นจริงๆที่เห็นสองคนนี้หน้าห่างกันไม่ถึงคืบเล่นเอาพลอยและเมฆหน้าแดงจัดทันที

 

“ยัยหอม!”เมฆและพลอยต่างอุทานเป็นเสียงเดียวกันและรีบผละออกจากกัน

 

“อะไรกันครับ หอม เฮ้ย! ไอ้เมฆแกทำอะไรน้องพลอยหน่ะ”ตะวันที่เพิ่งตื่นเข้ามาที่ห้องพร้อมกับอุทานอย่างตกใจ

 

“ป่าวไม่ได้ทำอะไรกัน พลอยเขาตกโซฟาฉันเลยรับไว้”เมฆแก้ตัวอย่างเร็วรวดเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนรู้ว่า เขากับแฟนสาวกำลังจูบกันเมื้อกี้นี่ถ้าบอกต้องโดนล้อแน่นอนแต่บอกก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เฮ้ยหรือว่าไม่บอกดีบอกตอนอนาคตดีกว่า ตอนนี้ขอแก้ตัวแบบเนียนๆก่อนนะ เพราะสาวน้อยข้างๆหน้าแดงก่ำจะเป็นลูกมะเขือเทศอยู่แล้ว

 

“เหรอ?”ตะวันและหอมต่างสงเสียงเป็นเสียงเดียวกันจนเมฆต้องชวนตะวันไปล้างหน้าแปรงฟันตัดการสนทนาทันที

 

“ยัยหอมฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเรื่องเมื่อคืนเลยนะ”พลอยที่เกือบลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วเอ่ยขึ้นกับเพื่อนสาวพร้อมทำสายตาดุๆใส่เพื่อนเธออีกด้วย

 

“อะไรกัน ฉันไม่ได้ล็อกเมื่อคืนแกก็เห็นฉันหลับเป็นตายคาห้องออกแบบ”เธอแก้ตัวอย่างเนียนๆแต่ไม่ทันเสียแล้ว

 

“เหรอ? และใครส่งไลน์มาหาพี่เมฆเมื่อคืนหล่ะ”เธอเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

 

“ฉันเหรอ ไม่ใช่อาจจะเป็นใครสักคนก็ได้ ฉันหลับอยู่นี่นา”หอมหลบตาเพื่อนสาวกลัวจะโดนจับได้แต่...เธอก็โดนจับได้จนได้เพราะเธอรู้นิสัยของเพื่อนดีว่าหอมจะหลบตาเมื่อโกหก

 

“แกจะโกหกฉันเมื่อแกหลบตาฉัน”หอมได้ยินดังนั้นเธอก็รีบจ้องตาเพื่อนทันที

 

“อะไรไหน ฉันหลบตาที่ไหนยัยพลอยแกมั่วละไปล้างหน้ากันจะได้พักผ่อนฉันเหนื่อยจะแย่แล้วนะเพื่อนนะ เอาเป็นว่าใครจะล็อกใครจะเปิดแกลืมมันไปนะ มันไม่มีอะไรเสียๆหายๆสักหน่อย หรือว่าแกเสียไปแล้วว่ะ”เพื่อนสาวแซวเธอเล่นและชี้หน้าเธอเข้าให้ทำเอาพลอยหน้าแดงไปทันที

 

“จะบ้าเหรอยัยหอม !”เธอดุในใส่เพื่อนเธอก่อนที่จะลากหอมให้ไปแต่งตัวทันที

 

       พนักงานทุกคนตื่นกันหมดแล้วและขอแยกย้ายกลับบ้านไม่ก็ไปเที่ยวเลยเพราะนานๆเมฆจะให้หยุดยาวทั้งทีต้องเอาให้คุ้มสะหน่อย ตะวันจะไปส่งหอมที่บ้านตอบแทนที่เธอช่วยเขาเมื่อคืนทำงานหลายอย่าง ส่วนเมฆก็ต้องไปส่งพลอยประจำอยู่แล้วแต่เมื่อเขาขับรถมาเรื่อยๆเขาได้เลี้ยวไปทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเขาไม่ได้มาเป็นหลายอาทิตย์แล้วเพราะทุกทีเขาจะมาเป็นประจำ เพื่อมาหาใครคนหนึ่ง

 

“พี่เมฆมาหาน้องสายหมอกใช่ไหมค่ะ?”เธอเอ่ยถึงน้องสาวของเมฆอายุ 14 ปี

 

“ครับพี่ไม่ได้มาหาหมอกตั้งแต่มีงานเข้ามาที่บริษัทแล้วครับ เราแวะร้านขนมหน้าโรงพยาบาลกันก่อนนะ พลอยรู้หนิว่าหมอกชอบอะไร?”เขาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆแต่ภายในกลับเศร้าเหลือเกินว่าทำไมน้องสาวตนเองต้องมาเป็นอะไรแบบนี้

 

“ค่า พลอยกับน้องหมอกสนิทกันเหมือนคลานๆตามๆกันมาเลยนะค่ะ”เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะเธอกับน้องหมอกสนิทกันมากๆตั้งแต่ตอนนั้นที่น้องหมอกเข้าโรงพยาบาล

 

เขาและเธอเลือกซื้อขนมที่หมอกชอบ หมอกเธอชอบกินเค้กและขนมปังไส้ปูอัดเวลาเธอกินทีไรเธอจะขออีกทุกๆครั้ง จนพี่ชายและพี่สาวอดขันไม่ได้ เขาและเธอไปตรงที่ห้องของเธอ ห้องนี้กว้างขวางเหลือเกินมีห้องสำหรับพักผ่อนที่มีทีวีและโซฟาห้องน้ำเรียบร้อยและห้องพักคนไข้มีทีวีและโต๊ะนั่งสำหรับคนมาเยี่ยมแต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือชั้นหนังสือ โน้ตบุ๊ก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและเปิดเข้ามาไม่เห็นใครอยู่ในห้องเลยเข้ามาเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาและคนไข้บนเตียงกำลังหลับอย่างอมยิ้มคล้ายๆฝันดีสักอย่าง...

 

     สาวน้อยอายุ 14 ลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาหาเธอ สาวน้อยคนนั้นงัวเงียและขยี้ตาเบาๆ ริมฝีปากซีด ผมยาวถึงปกคอใส่หมวกไหมพรมสีขาว ใส่ชุดคนไข้และเสื้อกันหนาวไหมพรมสีชมพูเข้มทับ ลืมตาขึ้นมา เธอชื่อ สายหมอก อายุ 14 ปี เคยเรียนที่ไฮสกูลที่กรุงเทพแต่ต้องขอมาพักรักษาตัวเพราะเธอเป็นโรคหัวใจหมอบอกว่าถ้าจะรักษาให้หายต้องอยู่ที่นี่นาน เธอก็รักษาจนกระทั่ง 1 เดือนแล้วและหมอบอกว่าจะหายได้ 80 % ขึ้นอยู่กับคนไข้จะช่วยตอบรับการรักษาดีหรือเปล่า เมฆมาเยี่ยมเธอทุกวันๆไม่ขาดสาย หมอกบอกกับพี่ชายเธอว่า เธออยากเป็นนักแต่งเพลง นักแต่งนิยาย ถ้าเธอหายเธอจะทำความฝันที่ตัวเองหวังให้ได้เธอบอกกับพี่ชายเธอมาตลอด และยิ่งได้รู้ว่าพี่ชายเธอมีพี่สาวคนสวยมาให้สร้างสีสันอีกด้วยเธอรู้สึกดีใจ ที่พี่ชายตัวเองได้เจอรักแท้เหมือนในนิยายสักทีหนึ่งแค่นั้นจริงๆ ส่วนพ่อแม่ของเธอท่านมาเยี่ยมบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าพี่ชายของเธอเพราะพ่อแม่ของเธอต้องทำงานตลอดเวลานานๆครั้งพวกท่านจะมาเยี่ยม เธอก็มีความสุขแล้ว...

 

“พี่เมฆ พี่พลอย”เธอลืมตาขึ้นมาและกล่าวทักทายพี่ชายและพี่สาวเธอเสียงอย่างอารมณ์ดี

 

“ว่าไงคนสวยคะ หิวไหม พี่ซื้อขนมมาฝากเรานะ”พลอยไปแย่งขนมมาจากมือเมฆอย่างเร็วและหันมาหาน้องสาวตัวแสบทันที

 

“ใช่...ขนมปังไส้ปูอัดกับเค้กนมไหมค่ะ?”เธอเอ่ยเสียงใสๆ

 

“ถูกต้องแล้วคร้าบ”เมฆแทรกขึ้นมาทันทีและไปหยิบจานทันที

 

“หมอกว่าแล้วค่ะ เพราะว่าพี่เมฆกับพี่พลอยมาทีไรก็ซื้ออย่างนี้ทุกที คราวหน้าหมอกขอเปลี่ยนบ้างนะค่ะ”

 

“จะเปลี่ยนเป็นอะไรหล่ะเราหืม...”

 

“ขอเป็นขนมปังไส้รักพี่เมฆพี่พลอย เค้กใส่คำว่ารักได้ไหมค่ะ”เธอพูดหยอกล้อเล่นๆและโดนพี่ชายหยิกแก้มเข้าอย่างจัง “โอ๊ย...เอ็บอ้ะ”เธอพูดไม่เป็นภาษาทำเอาเมฆและพลอยหัวเราะไปตามๆกัน

 

“เรานี่นะชอบแซวตลอดๆเลย”พลอยเป็นคนเอ่ยบ้างและกำลังแกะขนมปังที่อยู่ในซองให้หมอก

 

“ฮิๆ อ้อคุณหมอบอกว่าหนูจะได้ผ่าตัดแล้วและจะได้ออกจากโรงบาลและค่ะ”เธอเอ่ยเสียงอย่างดีใจที่สุด

 

“หมอกไม่กลัวการผ่าตัดเหรอ?”เมฆถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง

 

“อืม...กลัวสิค่ะแต่ถ้าผ่าตัดแล้วหายและจะได้กลับบ้านสักทีหมอกก็ยินดีค่ะ วันผ่าตัดพี่เมฆกับพี่พลอยมาให้กำลังใจหมอกด้วยนะค่ะ”

 

“จ้าพี่จะมาตั้งแต่เช้าเลยหล่ะ”พลอยเอ่ยขึ้น

 

“ยัยหมอกเรายังแต่งเพลงอยู่หรือเปล่า?”พี่ชายถามน้องสาวเพราะหมอกเป็นนักแต่งเพลงตัวยงเลยหล่ะ เธอเล่นคีย์บอร์ดได้และว่างๆเธอมักจะแต่งเพลงให้พี่ชายเธอฟัง

 

“ค่ะหมอกแต่งเพลงเสร็จแล้วค่ะ เพลงนี้แต่งตั้งนานแหนะอาทิตย์หนึ่งค่ะกว่าจะเสร็จ”เธอเอ่ยขึ้นพร้อมลุกไปที่ชั้นหนังสือและหยิบสมุดโน้ตมาเล่มหนึ่ง “นี่ค่ะถ้าหมอกออกจากโรงพยาบาลนี้ได้ หมอกจะไปเล่นให้คุณพ่อคุณแม่ฟังและเพื่อนๆหมอกค่ะ”เธอพูดจบก็ยื่นให้พี่ชายของเธอ

 

“เพลงอะไรหน่ะเราอย่าบอกนะว่าเพลงสากลอีกแล้ว?”

 

“ใช่แล้วค่ะ ฮิๆ”

 

“เพลงอะไรกันเดี๋ยวพี่ดูสิ โอ้โหมีทำนองเรียบร้อย”เขาหยิบสมุดโน้ตจากน้องเธอและไปนั่งบนโซฟาข้างๆพลอย

 

“ค่ะ ชื่อเพลงว่า Invisible มองไม่เห็นความรักค่ะ”เธอเอ่ยและเมฆก็ยื่นสมุดโน้ตให้เธอ

 

“เราลองร้องให้พี่ฟังทีสิ”เมฆยิ้มให้น้องสาวเขา

 

“ค่ะ อย่าตกหลุมรักเสียงของหมอกหล่ะ”เธอเอ่ยอย่างน่ารักและพี่ชายก็บีบจมูกเธอจนได้

 

She can’t see the way your eyes
Light up when you smile
She’ll never notice how you stop and stare whenever she walks by
And you can’t see me wantin' you the way you want her
But you are everything to me


เธอคนนั้นคงไม่เห็นหรอกว่านัยน์ตาของนายน่ะ
ส่องประกายแค่ไหนเมื่อเห็นหล่อนยิ้มออกมา
หล่อนคงไม่มีทางรู้ว่านายหยุดและจ้องมองเธอ
ทุกๆครั้งที่หล่อนเดินผ่านไป
และนายก็คงไม่เห็นว่าฉันต้องการนาย แบบเดียวกับที่นายต้องการเธอ


I just wanna show you
She don’t even know you
She's never gonna love you like I want to
And you just see right through me
If you only knew me
We could be a beautiful
Miracle,
Unbelievable
Instead of just invisible.

ฉันแค่อยากให้นายรู้
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักนายเลยแม้แต่น้อย
แล้วเธอก็คงไม่มีทางรักนายได้เท่าฉัน
แค่เพียงเธอมองมาในใจฉันสิ
หากเพียงเธอรู้จักฉันดีพอ
เราคงจะเป็นคู่ที่แสนงดงาม
เหมือนปาฏิหาริย์
น่าเหลือเชื่อ
แทนที่จะไร้ตัวตนกันทั้งคู่แบบนี้

Like shadows in a faded light
Oh, we’re invisible
I just wanna open your eyes
and make you realize


เหมือนกับเงามืดในแสงสว่างอันริบหรี่
เราทั้งสองต่างไร้ตัวตน
ฉันแค่อยากจะทำให้เธอมองเห็น
และทำให้เธอรู้

 

         เธอร้องจบแล้วเมฆและพลอยต่างตลบมือให้กำลังใจสาวน้อย สาวน้อยรับคำชมปนอมยิ้มนิดๆ เพลงนี้คล้ายๆรักข้างเดียวที่คนที่เรารักไม่เคยเห็นเราอยู่ในสายตาเลย เราก็ได้แต่รอว่าสักวันเขาจะสนเราบ้าง เหมือนกับว่า ‘เธอไม่มีใคร แต่เธอยังมีฉัน’เมฆและพลอยอยู่กับหมอกได้เกือบเย็นและขอตัวหมอกกลับบ้านและบอกว่าจะมาเยี่ยมใหม่ หมอกโบกมือลาพี่ชายและพี่สาวของเธอเป็นเวลาที่หมอกต้องทานข้าวพอดี พยาบาลสุดสวยเอาข้าวต้มมาให้ พร้อมหมอกทำหน้าเซงๆใส่พยาบาลว่าทำไมต้องข้าวต้มอีกแล้ว

 

“พี่แนนค่ะ ไม่เอาข้าวต้มไม่ได้เหรอหมอกเบื่อค่ะ”เธอทำหน้าบูดๆใส่พยาบาลประจำตัวของเธอที่สนิทกันที่สุด

 

“หืม...ข้าวต้มวันนี้อร่อยนะค่ะน้องหมอก ดูสิข้าวต้มกุ้งสับด้วยน่าทานเชียวมาค่ะถ้าหมอกทานข้าวต้มนี้หมดนะพี่จะเลี้ยงเค้กนะค่ะ”พยาบาลสุดสวยบอกเธอและกำลังรินน้ำที่เหยือกแก้วให้หมอก

 

“ก็ได้ค่ะ แต่พรุ่งนี้หมอกขอก๋วยเตี๋ยวได้ไหมค่ะ นะๆ”

 

“อืม...โอเคจ้ะเดี๋ยวพี่แนนไปบอกแม่ครัวให้นะ มาค่ะกินข้าวต้มร้อนๆดีกว่า”

 

“ขอบคุณค่า พี่แนนคนสวย”เธอชมพี่พยาบาลคนสวยของเธอพร้อมตักข้าวต้มใส่ปากเธออย่างหิว

 

“ยัยตัวแสบเอ้ย”พยาบาลหยอกล้อเธอเล่นๆพร้อมกับคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับเธอเป็นประจำ

 

              วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสดาวเลยล้อมรอบท้องฟ้าอยู่มากมายเคียงคู่พระจันทร์ที่สว่างไสวอยู่ตราบนานบนท้องฟ้าแสงไฟจากตึกอาคารสว่างเป็นเท่าตัว ค่ำคืนของกรุงเทพมหานครไม่เคยมืดลงเสียทีเดียวเพราะคนที่ทำงานต่างพากันกลับบ้านไม่ก็ไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง บางคนเวลานี้แล้วต่างหลับสบายในผ้าห่มแสนอบอุ่นและเตียงอันแสนนุ่ม วันนี้เป็นอีกวันที่ดีที่สุดหรือเปล่านะ?

 

I just wanna show you
She don’t even know you
Baby, let me love you
Let me want you
You just see right through me
But if you only knew me
We could be a beautiful
Miracle,
Unbelievable
Instead of just invisible


ฉันแค่อยากให้นายรู้
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักนายเลยแม้แต่น้อย
ที่รัก ให้ฉันรักนายนะ
ให้ฉันต้องการนาย
หากเพียงเธอรู้จักฉันดีพอ
เราคงจะเป็นคู่ที่แสนงดงาม
เหมือนปาฏิหาริย์
น่าเหลือเชื่อ
แทนที่จะไร้ตัวตนแบบนี้

 

http://www.keedkean.com

 

 

 

 

 

 

 http://www.keedkean.com

 

 

 ____________________________________________________________

 

ได้โปรด เม้นหน่อยเถอะค่า >/\<

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา