รักวุ่นวายของยัยตัวแสบ

10.0

เขียนโดย Water_Fall

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.47 น.

  11 ตอน
  12 วิจารณ์
  17.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 23.04 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) ความรู้สึกที่ถูกปิดบัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ยินต้อนรับสู่วันที่สามของการถูกกักกันของพวกเราเหล่าเคโอติก อากาศวันนี้ค่อนข้างมืดครึ้มเหมือนกับสีหน้าของใครบางคน ตอนนี้ทั้งสี่หนุ่มกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากสภาพอากาศที่เหมือนฝนจะตกนั่นเอง และหญิงสาวเจ้าของบ้านก็เป็นคนบอกกับพวกเขาเองว่า ถ้าฝนตกแบบนี้ คงจะไม่ต้องทำกิจกรรมกันแล้ว

 

“พวกนายทำอะไรกันอยู่ห่ะ” แก้วว่าอย่างหงุดหงิด

 

“ถามได้ ก็พักผ่อนน่ะสิ” เคนตะตอบ

 

“ถึงฝนจะตกก็เถอะ แต่ฉันไม่ปล่อยให้พวกนายนอนสบายแบบนี้หรอกนะ” แก้วกล่าวพลางชี้ไปที่หน้าของสี่หนุ่ม

 

“อะไรของเธอยัยขี้แย” โทโมะบอกพร้อมทำทีไม่สนใจ

 

“นายว่าไงนะ” แก้วชักโมโห

 

“ไอ้โทโมะ เมื่อกี้แกเรียกยัยนี่ว่ายังไงนะ” เขื่อนสงสัยกับคำพูดที่ดูเย็นชาของโทโมะ

 

“ก็เรียกว่ายัยขี้แยไงล่ะฟะ หูไม่ดีหรือยังไงกัน” โทโมะทวนคำพูดอย่างไม่สนใจ แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่ากำลังมีภัยมาเยือนเขาแล้วเช่นกัน ทันทีที่โทโมะหันหน้าไป ก็พบกับลำกล้องยาวหนึ่งเมตรกำลังเล็งไปที่หน้าของเขา

 

“ไหนลองว่าอีกทีสิ” แก้วเล็งปืนไรเฟิลพลางบอกกับเขาด้วยวาจามีเล่ห์เลี่ยม

 

“จึ๋ย” โทโมะรีบกระโดดไปข้างหลังทันที

 

“จะใจเย็นก่อนนะ ไอ้โทโมะมันแค่พูดเล่นน่ะ” เขื่อนรีบไกล่เกลี่ย แต่เหมือนแก้วจะไม่ฟัง

 

“พูดเล่นยังงั้นเหรอ” เสียงหวานๆชวนหน้าฟังของแก้ว ดูต่างจากใบหน้าอำมหิตยิ่งนัก ทำเอาสามหนุ่มที่เหลือ ต่างพร้อมใจกันไว้อาลัยต่อเพื่อนร่วมวงอย่างสุดซึ้ง

 

“โทโมะ โอกาสที่นายจะเดินทางไปโลกหน้ามี 99.56% นะ” ป๊อปปี้บอก

 

“ขอตัวก่อนนะเพื่อน” เคนตะพยายามตีตัวออกห่างจากตัวของโทโมะ เพราะกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย

 

“ไอ้พวกเห็นแก่ตัว” โทโมะต่อว่าด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี

 

“เชอะ” ณ วินาทีนั่นเองแก้วกับลดปืนลง ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะ และทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสี่หนุ่มต่างมองเธอด้วยความสงสัยและแปลกใจ ต่ออารมณ์ที่สุดจะแปรปรวนยิ่งนัก

 

“อะไรของยัยนั่นกันนะ” เคนตะบอกกับทั้งสามหนุ่มที่เหลือ

 

“นายคิดว่าไงล่ะบีหนึ่ง” ป๊อปปี้กระซิบถาม

 

“ฉันคิดว่าเธอคงเป็นประเภทโกรธง่ายหายเร็วมั้งบีสอง” เขื่อนกระซิบตอบ

 

“แบบนั้นมันดีแล้วเหรอบีสาม” ป๊อปปี้หันไปหาโทโมะ

 

“อะเอ่อ พวกแกเล่นบ้าอะไรกันฟะ” โทโมะบอกอย่างโมโห ทำเอาป๊อปปี้กับเขื่อนกระเจิงทันที

 

“ไอ้โทโมะ เป็นบ้าอะไรของนายฟะ” เขื่อนถามหนุ่มที่เหมือนจะหัวเสียตั้งแต่เช้า

 

“ก็พวกนายนั่นแหละ ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้” โทโมะเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี

 

“ฉันว่า ยัยนั่นมันดูแปลกๆนะ” เคนตะตั้งข้อสังเกต

 

“แปลกยังไงเหรอ” ป๊อปปี้ถาม

 

“ก็เหมือนเธอจะแคร์โทโมะน่ะสิ ว่าแต่นายมีอะไรเกี่ยวข้องกับยัยนั่นฟะ” เคนตะหันไปหาโทโมะที่ยังนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา

 

“จะไปรู้เรอะ” โทโมะหน้าเหมือนไม่สนใจคำถาม

 

“หน้านายมันเหมือนรู้นี่หว่า” ป๊อปปี้ยื่นหน้าเข้าหาโทโมะ ทำเอาเขาขนลุกวาบ

 

“เอ่อ ตอนนั้น” โทโมะเหมือนคิดอะไรออก

 

“อะไรเหรอฟะ” เขื่อนคาดครั้นหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

 

“เมื่อวาน ตอนที่ฉันเข้าไปห้องที่มีประตูสีฟ้านั่นน่ะ เห็นยัยนั่นนั่งร้องไห้แล้วคุยกับรูปถ่ายน่ะ”

โทโมะเล่าเหตุการณ์เมื่อวันวาน

 

“แล้วรูปถ่ายที่ว่า มันรูปใครกันล่ะ” เขื่อนถามต่อ

 

“คือว่า รูปใบนั้น” โทโมะพูดให้ทุกคนล้น

 

“เอ่อ เหมือนฉันจะไม่เห็นมันล่ะนะ” โทโมะว่าพลางเกาหัวแกร๊กๆ

 

  ป๊าบ ป๊าบ ป๊าบ สิ้นสุดคำพูดที่ไร้สาระของโทโมะ ทั้งสามหนุ่มก็ตรงเข้าไปเบิร์ดกระโหลกทันที

 

“มันเจ็บนะเฟ้ย” โทโมะลูบหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะนั่งเป็นคุณชายหน้าหวานเหมือนเดิม

 

“ดีล่ะ คืนนี้เราไปที่ห้องประตูสีฟ้านั่นกัน” ป๊อปปี้ออกความเห็น

 

“เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนี่บีสอง” เขื่อนกล่าวชม

 

“ขอบใจบีหนึ่ง” ป๊อปปี้รับคำอย่างไม่อาย

 

“เอาล่ะตามนี้เลยนะ” เคนตะว่าทิ้งท้าย

 

“ไอ้พวกสมองกลวงเอ้ย” โทโมะว่าเพื่อนอย่างเซงๆ

 

    คืนวันนั้นเอง แผนลับขั้นสุดยอดก็เริ่มปฏิบัติการ ป๊อปปี้ตรงเข้าไปดูลาดลาว ก่อนจะส่งสัญญาณให้อีกสามหนุ่มที่เหลือตามมา เหลืออีกไม่กี่ก้าวพวกเขาก็จะถึงที่หมาย เขื่อนเริ่มแผนการณ์ขั้นต่อไป โดยการใช้ที่หนีบกระดาษที่เตรียมไว้ไปสะเดาะกลอนประตู แต่ด้วยลูกบิดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำเอาพวกเขาเสียเวลาไปมาก ในที่สุดประตูก็ถูกเปิด ทั้งสี่ก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล

 

“เนี่ยเหรอห้องลึกลับ มันก็เหมือนห้องพักทั่วไปนี่นา” ป๊อปปี้พูดอย่างแปลกใจ

 

“นั่นสิ ดูยังไงก็ห้องพักธรรมดา” เขื่อนก็ด้วย

 

“เอ๊ะ อยู่ที่ไหนกันนะ” โทโมะบ่นพลางหาของอยู่คนเดียว

 

“มีอะไรเหรอฟะะไอ้โทโมะ” เคนตะถามอย่างงงๆ

 

“จำได้ว่า ยัยนั่นเอาเก็บไว้ที่นี้นี่น่า” โทโมะว่าพลางหาของที่เหมือนจะเป็นของสำคัญ แม้จะรื้อที่นอนสีฟ้าก็แล้ว มุดไปใต้เตียงก็แล้ว ดูจะไม่เจอเลยสักนิด

 

    จู่ๆเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ทำเอาพวกสี่หนุ่มรีบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

 

“เอาไงดีฟะ” เคนตะที่หลบอยู่ใต้เตียงกระซิบถาม

 

“คงต้องทนอยู่ในนี้สักพักล่ะน้า” เขื่อนที่อยู่ที่เดียวกันบอก

 

 หญิงสาวเดินมาถึงที่นอนก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อเห็นสภาพที่นอนที่ฟุ่งกระจายไปทั่ว เหมือนถูกใครบางคนค้นหาอะไรสักอย่าง

 

“ใครกันนะ ที่กล้ามาทำเรื่องแบบนี้ หรือว่าจะเป็น” แก้วเหมือนนึกอะไรออก เธอก้าวไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ดังสุดขีด

 

“ไอ้พวกบ้า ฉันรู้ว่าพวกนายอยู่ในนี้รีบออกมาเลยนะ หรือคิดจะยั่วให้ฉันโกรธมากกว่านี้ห่ะ”

 

“ซวยแล้วไหมล่ะ” เขื่อนสบถใส่

 

“โอกาสที่เราจะถูกเจอ 100% “ ป๊อปปี้ว่าในขณะที่หลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า

 

“คงมีทางเดียวแล้วล่ะ” โทโมะที่หลบที่เดียวกับป๊อปปี้บอก

 

  จากนั้นทั้งสี่หนุ่มก็รีบออกมาจากที่ซ่อนทันที ราวกับว่าได้นัดหมายกันไว้

 

“ไงล่ะเจ้าพวกคนเมือง ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาที่นี้” แก้วกล่าวอย่างโมโห

 

“คือ ได้ยินจากโทโมะว่าเธอนั่งร้องไห้กับรูปถ่ายน่ะ พวกเราแค่อยากจะรู้ว่า ไอ้รูปถ่ายใบนั้นมันเป็นรูปของใครก็เท่านั้นเอง” ป๊อปปี้บอกเหตุผลที่พวกเขาต้องฝ่าฝืนคำสั่งของหญิงสาว

 

“พวกคนเมืองอย่างนายจะรู้ไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของพวกนายสักหน่อย” แก้วปฏิเสธ

 

“เผื่อพวกเราจะช่วยอะไรได้บ้างไง” เขื่อนเสริมอีกแรง

 

“พวกเราเป็นนักร้องนะ ได้ไปที่ต่างๆมากมายช่วยเหลือคนตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้เราช่วยได้อยู่แล้วน่า ขอแค่เธอบอกมาก็แล้วกันนะ” เคนตะยิ้มให้

 

“อย่างพวกนายจะทำได้จริงเร้อ” แก้วไม่เชื่อคารมปากที่พูดให้ตัวเองดูดีของเคนตะ

 

“เลิกเก็บความรู้สึกเน่าๆนั่นไว้สักที่เถอะยัยบ้า” โทโมะเอ่ยปากเสียงดัง พลางมองไปที่หน้าของแก้วอย่างหงุดหงิด

 

“นาย” แก้วมองหน้าโทโมะกลับ

 

“ไอ้โทโมะ ใจเย็นๆหน่อยสิฟะ เราเป็นเทพบุตรนะเฟ้ย” เขื่อนคุยโม้อย่างหาญกล้า

 

“นั่นสิ กำลังไปได้สวยแล้วแท้ๆ “ เคนตะบอก

 

“เลิกไร้สาระซะทีเถอะ” โทโมะต่อว่าอย่างโมโห

 

“เอาเถอะ ยังไงซะสักวันพวกนายก็ต้องรู้อยู่ดี” แก้วว่าพลางหยิบรูปถ่ายขึ้นมาให้ดู ผู้ชายใส่แว่นหน้าเหมือนคนตะวันออกเผยออกมาให้พวกเขาได้เห็น สิ่งแรกที่พวกเขานึกได้ก็คือ

 

“ไอ้จองเบ” ทั้งสี่หนุ่มพูดพร้อมกัน

 

“ทำไมพวกนายถึงรู้ชื่อพี่ชายฉันล่ะ” แก้วถามพลางมองหน้าพวกหนุ่มๆอย่างแปลกใจ

 

“จะไม่ให้รู้ได้ยังไงล่ะ ก็หมอนี่คือสมาชิกคนสุดท้ายของวงเรานะ” เคนตะเอ่ย

 

“นั่นสิ ทำไมไอ้จองเบถึงเป็นพี่ชายของเธอได้ล่ะเนี่ย” เขื่อนว่า

 

“ฉันว่า น่าจะไม่ใช่มันนะ” ป๊อปปี้บอกเพื่อนๆ

 

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะฟะไอ้ป๊อปปี้ คนในรูปจะไม่ใช่ไอ้จองเบได้ไง” โทโมะถามอย่างสงสัย

 

“ตอนแรกก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ แต่พวกนายลองคิดดีๆสิ ไอ้จองเบที่อยู่เมืองไทยจะมีบ้านที่สวิตเซอร์แลนได้ไง แถมหน้ามันยังเหมือนคนเกาหลีอีก พวกนายไม่คิดว่ามันแปลกเลยหรือไง” ป๊อปปี้อธิบาย

 

“นั่นสิ ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้” เขื่อนเห็นด้วย

 

“แต่ว่า” เคนตะชักไม่แน่ใจ

 

“แต่อะไรของแกฟะไอ้เคนตะ” เขื่อนถาม

 

“ถ้าเกิดคนในรูปไม่ใช่ไอ้จองเบ แล้วเขาคือใครกันล่ะ” เคนตะบอกถึงความคิดที่อัดแน่นอยู่ในใจ

 

“งั้นคงต้องขอให้เธอเล่าเกี่ยวกับตัวของพี่ชายเธอแล้วล่ะ” โทโมะหันไปหาแก้ว

 

“มันไม่มากไปหน่อยหรือไง” แก้วตะครอกใส่เมื่อเห็นว่าเรื่องที่เธอปิดบังกำลังถูกเปิดเผย

 

“ขอร้องล่ะ อาจจะเป็นเบาะแสสำคัญก็ได้นะ” โทโมะก้มหัวขอร้อง

 

“ชิก็ได้ แต่พวกนายต้องสัญญาว่าจะช่วยพาเขากลับมานะ” แก้วขอร้องเช่นกัน

 

“พวกเราสัญญา” ทั้งสี่หนุ่มตอบพร้อมกันอย่างว่าง่าย

 

“ฉันอยู่ที่นี้กับพี่ชายสองคน พ่อแม่ของพวกเราเป็นคนเก็บพวกเรามาเลี้ยง ด้วยความที่เป็นพื้นที่ชนบทคนส่วนใหญ่มักจะเป็นเกษตรหรือไม่ก็เก็บของป่าขาย แต่มีอยู่วันนึง เพื่อนพี่ชายเอาวิทยุมาเปิดให้ฟังถึงเรื่องในเมือง พอพี่ชายได้ยินเข้าก็สนใจ จากนั้นเขาก็ไปกับเพื่อนคนนั้น แล้วบอกฉันว่าอีกสองวันจะกลับมาหา แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย”

แก้วเล่าพลางทำหน้าเศร้าไปด้วย

 

“ไอ้เขื่อนจะร้องไห้ทำไมฟะ” เคนตะหันไปคุยกับเขื่อนที่นั่งร้องไห้อย่างหนัก

 

“ก็คนมันเศร้านี่นา” เขื่อนบอกพลางเช็ดน้ำตา

 

“เป็นพี่ชายที่ใช้ไม่ได้ซะจริง” โทโมะบ่น

 

“นายอย่าว่าพี่ชายนะ ไม่งั้นฉันยิงนายแน่” แก้วหยิบปืนพกที่ซุกซ่อนเอาไว้ขึ้นเล็งไปที่หน้าของโทโมะ

 

“ทำเป็นติดพี่ไปได้ เธอไม่กล้าหรอก” โทโมะพูดเหมือนท้าทาย

 

“อย่าคิดว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงแล้วจะไม่กล้านะ” แก้วเอ่ยอย่างหนักแน่น

 

“อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ค่อยๆพูดกันดีๆสิ” ป๊อปปี้กล่าวห้าม

 

“ไม่มีทาง” แก้วว่าก่อนลั่นไก

 

               ปัง .... เสียงปืนดังขึ้นไปทั่วห้อง

    

                  เอาแล้วไงครัับ แล้วแบบนั้นปืนที่ยิงไปโดนใครล่ะเนี่ย ติดตามตอนต่อไปครับ

 

  

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา