KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  23.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) จุดเริ่มต้นแห่งชะตากรรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
         ย้อนไปเมื่อสามพันสองร้อยปีก่อนในศึกสงครามแห่งโบราณกาล เหล่ามวลมนุษยชาติแตกแยกออกเป็นหลายฝ่าย พวกเขาทั้งหลายต่างทำศึกสงครามเพื่อแสวงหาอำนาจของตัวเอง  แต่มีอยู่ฝ่ายหนึ่งที่ต้องการที่จะรวบรวมทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นามนั้นคือ ไนท์เบลด พรอนเทร่า หรือเรียกในอีกชื่อหนึ่ง KP กองทัพสีแดงขาวผู้เกรียงไกร
 
         เพื่อการนั้นแล้วผู้นำแห่งไนท์เบลดจึงประกาศเจตณารมณ์และอุดมการของตัวเอง ด้วยคุณธรรมและความถูกต้อง เพื่อที่จะหาแนวร่วมในการกอบกู้กู้เอกราชคืนสู่แผ่นดิน และด้วยอุดมการและพลังอันแรงกล้าของพวกเขา ทำให้หลายๆฝ่ายต่างยอมสวามิภักดิ์ให้แก่กองกำลังของไนท์เบลดอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
 
         แต่เว้นอยู่หนึ่งกองทัพที่แข็งแกร่ง ขวากหนามอันยิ่งใหญ่...
 
         "อันดูริล" ผู้นำกองทัพแห่งจักรวรรดิทมิฬที่มีกองทัพมากมายพอที่จะยึดครองโลก ร่ำลือกันว่าพลังอันมหาสารของจอมแม่ทัพแห่งความมืดนั้นนั้นมากมายยิ่งนัก ที่แม้ทหารนับหมื่นก็ไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ พวกเขาโรมรันไปทั่วทุกหัวระแหงและครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยพละกำลังและความโหดเหี้ยม
 
       เพื่อความต้องการที่จะรวมทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ กองทัพของไนท์เบลดจึงต้องทำศึกกับกองทัพของอันดูริลที่ยิ่งใหญ่ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม  
 
         แต่ทว่าเพียงเพราะพลังแห่งความอำมหิตและโหดเหี้ยมของของแม่ทัพนามว่า"อันดูริล"ด้วยพลังที่เหนือกว่าของกองทัพแห่งความมืดทำให้กองทัพของไนท์เบลดล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และไม่นานนัก ความหวังและกำลังใจที่พวกเขามีอยู่กันอย่างท่วมท้น เริ่มจะค่อยๆจางหายไปทีละน้อยๆ
 
 
 
     ... เมื่อพลังแห่งความดีนั้นไม่อาจจะเอาชนะความชั่วร้ายที่มีมากอย่างล้นเหลือได้ เมื่อนั้นพันธ์มิตรแห่งไนท์เบลดจึงเริ่มแตกแยก พวกเขาเริ่มที่จะยอมแพ้และหันไปศิโรราบให้แก่พลังของกองทัพมืด เมื่อนั้นเองความหวังของเหล่าอัศวินแห่งไนท์เบลดเริ่มที่จะจางหายไป ความท้อแท้เริ่มที่จะถามหาพวกเขา ในคืนและวันที่อาทิตย์กับแสงจันทร์ยังคงเฉิดฉายอยู่บนนภาแห่งฟ้าคราม แต่ไร้ซึ่งผู้ที่แหงนหน้าดูด้วยความสนใจ
 
          ในแต่ละวันที่พวกเขาเฝ้ารอวันที่จะถึงกาลอวสารของกองทัพที่เกรียงไกรอย่างหมดหวัง และโลกที่เต็มไปด้วยความมืดแห่งกองทัพอำมหิต ธงชัยสีแดงขาวสัญลักษณ์ตัวอักษร KP โบกสบัดอย่างเดียวดายในยามเย็นในฤดูหนาวที่เงียบเหงา
 
         ในขณะที่แสงสว่างแห่งไนท์เบลดเริ่มจะมอดดับลงนั่นเอง เสียงคำรามจากฟากฟ้า แสงสว่างสีทองที่พุ่งลงมาจากดินแดนอันไกลโพ้น ร่างอันมหึมาในชุดเกราะสีทองระยิบระยับกับเส้นผมสีทองที่ร่อนถลาลงมา...
 
 
       "มิราส ทรามอล" เทพเจ้าจากสรวงสวรรค์ไม่ประสงค์ที่จะเห็นกองทัพมืดจอมโฉดชั่วได้ครองโลก จึงลงมายังโลกมนุษย์ด้วยตนเองเพื่อมอบของวิเศษบางอย่างให้แก่เหล่าอัศวินของไนท์เบลด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการต่อสู้นั่นก็คือ "แหวนแห่งพลัง"
 
       ว่ากันว่าหากผู้ใดได้ครอบครองแหวนเหล่านี้ ผู้นั้นจะมีพลังอำนาจที่มีความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด
         เป็นอีกครั้งที่ความหวังได้ถูกปลุกขึ้นมาให้กับกองทัพไนท์เบลดและเหล่าพันธ์มิตรให้กลับมาลุกขึ้นต่อสู้กับอันดูรินอีกครั้ง ธงชัยโบกสบัดเหนือเหล่ากองทัพสีแดงขาว  

 
        พลังอำนาจที่มากกมายมหาสารของเหล่าผู้กล้าแห่งแหวน ที่แม้แต่อันดูริลเองก็ยังคาดไม่ถึง พลังของมันมหาสารมากจนทำให้อันดูริลและกองทัพของเขาต้องเป็นฝ่ายปราชัยไปในที่สุดในศึกครั้งสุดท้ายที่อันดูริลสลายหายไปต่อหน้าต่อตาของเหล่ากองทัพสีแดงขาว ในแสงสีรุ่งของเหล่าผู้กล้า
         หลังจากนั้นไม่นานสงครามก็ยุติลงในที่สุด และ
ความฝันที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของพวกเขาก็เป็นความจริง เมื่อแหวนแสดงอำนาจของมันให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ในที่สุดกองทัพทุกฝ่ายก็มารวมตัวกันยังแผ่นดินที่กลายเป็นหนึ่ง และสถาปนาให้เป็นประเทศเอกราชที่มีชื่อว่า "ไอคารอส" ขึ้นมา
 
 
         และความชั่วร้ายก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกเลย จนมาถึงปัจจุบัน...
 
 
 
 
         แต่ถึงกระนั้น ความแค้นที่สั่งสมต่อไนท์เบลดของอันดูริลก็ยังไม่เคยตายจากไป พร้อมกับร่างกายที่สูญสลายไปแล้ว ความชั่วร้ายของจักรพรรดิมืดยังคงมีหลงเหลืออยู่ และแอบแฝงตัวในรูปแบบต่างๆอยู่บนโลกนี้
 
         เพื่อรอคอยการกลับมาของเขาอีกครั้ง... 
 
 
----
 
ปี 2014
 
"ตอนนี้อัลฟาวัน เป้าหมายกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกแล้ว ความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง"
 
"จาก PCP ถึงทุกหน่วย เป้าหมายอยู่ทางทิศสิบแปดนาฬิกาให้ติดตามเป้าหมายต่อไป เปลี่ยน..."
 
 
 
"นี่เป็นรายงานสดนะคะ ตอนนี้รถบรรทุกคันดังกล่าวที่กำลังหลบหนีไปยังถนนไฮเวย์ของเมืองวอลวาเรีย เป็นรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สีดำ คาดว่าข้างในนั้นจะบรรทุกอาวุธสงครามหรือระเบิดมา ขอให้พี่น้องประชาช..น..."
 
 
 
         เสียงทีวีที่อยู่ในห้องนอนอันแสนจะมืดมิดยังคงดังอยู่ต่อไปอย่างนั้น โดยที่ไม่มีวี่แววที่จะได้รับความสนใจจากเจ้าของที่กำลังนอนหลับสนิดอยู่บนเตียงนอนขนาดห้าฟุดยาวๆ ซึ่งข้างๆเตียงนั้นเต็มไปด้วยถุงขนม ขวดน้ำอัดลม แก้ว จาน ชาม ไม่เว้นแม้กระทั่งหนังสือการ์ตูนที่ยังอ่านไม่จบถูกวางทิ้งไว้อย่างระเกะระกะไปทั่วพื้นห้อง 
 
         เวลาร่วงเลยไปพักใหญ่ ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอื้อมมือไปเลื่อนผ้าม่านสีครีมลายดาวห้าแฉกที่อยู่บนหัวเตียงนอนออก ให้เห็นตะวันที่ส่องแสงเจิดจ้ากระทบกับผิวสีแทนและทรงผมตั้งๆของผู้เป็นเจ้าของห้อง ที่ตอนนี้นัยน์ตาสีดำขลับยังคงพยายามที่จะลืมมันขึ้นมาให้ได้
         ชายหนุ่มร่างสูงเงยหน้ามองไปที่นาฬิกาเรือนสีฟ้าที่อยู่บนหัวเตียงนอนด้วยความงัวเงีย สายตาที่ฝ้าฝางค่อยๆโฟกัสไปยังเข็มนาฬิกาทั้งสองนั้น และแล้วผลก็ปรากฏว่า...
 
         "ตายล่ะ!!!!! สายแล้วเหรอเนี่ย!!!!"
 
          ชายหนุ่มกระโดนลงจากเตียงตอนสีแดงลายคิดตี้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้หันหลังมาพับผ้าห่ม
จัดหมอน หรือแม้กระทั่งจะหันมาเก็บผลงานของตัวเองที่ทำทิ้งไว้อยู่ข้างๆเตียง เขารีบมุงตรงไปสู่ประตูห้องน้ำอย่างรีบเร่งและทำภาระกิจส่วนตัวด้วยระยะเวลาอันสั้นที่สุด
 
         เมื่อประตูสีขาวได้ถูกเปิดออกมา เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มตัวค่อนข้างผอมแห้งในผ้าขนหนูสีน้ำเงิน กับแปรงสีฟันที่เขากำลังอมเอาไว้ในปากพร้อมกับยาสีฟันที่กำลังเปื้อนปากอยู่ ชายหนุ่มเดินไปอย่างรีบเร่งเพื่อไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดนักเรียนสีแดงประจำโรงเรียนของเขาออกมาเพื่อนำมาสวมใส่
 
         เสียงบันไดบ้านดังก้องกังวานอยู่ในห้องรับแขกของบ้านหลังเล็กๆที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป ชายหนุ่มวิ่งลงมาจากบันได้บ้านชั้นสองแล้วตรงไปยังห้องครัวเพื่อเข้าไปหยิบขนมบังที่เขาแช่ในตู้เย็นเอาไว้ สายตาของเขาไปสะดุดกับซิ้งล้างจานที่อยู่ข้างหลังซึ่งในตอนนี้มีจานกองสูงอยู่ในซิ้ง เขามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเดินจากไปอย่างไม่สนใจ
 
         เขาหยิบขนมปังที่แกะห่อแล้วยัดเข้าไปในปากของเขา เดินไปยังประตูบ้านไม้ตรงหน้า เขาเดินผ่านปฎิทินของเดือนนี้ซึ่งในปฎิทินมีกำหนดการที่เขาเองเป็นคนเขียนเอาไว้
 
 
"วันที่ 18 เวลา 18.00 น. - 21.30 น. ทำงานพิเศษที่ร้านเกมส์ 3D , วันที่ 20 เวลา 20.30 น. - 23.00 น. เล่นดนตรีที่ร้าน WorkD"
 
 
         เมื่อเขาสวมรองเท้านักเรียนที่ใส่อยู่อย่างยากลำบากตรงหน้าประตูบ้านแล้ว เขารีบปิดประตูบ้านและเดินออกจากประตูรั้วเหล็กสีดำที่มีป้ายบ้านเลขที่ 48/1 ติดเอาไว้
 
         "เอาล่ะ!! วันนี้ต้องสู้อีกวันล่ะสินะ"
 
         ชายหนุ่มพูดกับตัวเองแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านของตัวเองไปในทันที  และแล้วบ้านหลังเล็กๆอันแสนเงียบเหงาของเขาก็ถูกเจ้าของบ้านทิ้งเอาไว้ลำพัง แต่ไม่นานเขาต้องกลับมาอีกแน่นอน ชายหนุ่มในชุดนักเรียนสีแดงเพลิงมุ่งหน้าสู่โรงเรียนแห่งความภาคภูมิใจของเขา... โรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่า
 
 
 
เวลา 7.45 น. ณ โรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่า
 
         โรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่าเป็นโรงเรียนประจำเมืองไนท์เบลดพรอนเทร่า ที่มีเนื้อที่ในโรงเรียนกว่า 1300 ไร่ มีอาคารเรียนแบ่งเป็นหกกลุ่มใหญ่ๆตามหมวดวิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ภาษาศาสตร์ พละศึกษา เทคโนโลยีและการงาน รวมไปถึงที่พักของอาจารย์ สนามกีฬาที่เป็นสเตเดี้ยมใหญ่ หอประชุมขนาดใหญ่ และพิพิธภัณฑ์ที่รวมรวบประวัติความเป็นมาของไนท์เบลดเอาไว้ที่นี่ โรงเรียนไนท์เบลดมีนักเรียนรวมทั้งหมด 10000 คน รวมไปถึงอาจารย์และบุคลากรในโรงเรียนอีก 1100 คน 
 
         ถึงแม้ว่าโรงเรียนไนท์เบลดจะไม่ได้เป็นโรงเรียนประจำ แต่ทางโรงเรียนก็ยังมีหอพักไว้สำหรับรองรับนักเรียนที่มาจากที่ไกลๆ และโรงเรียนไนท์เบลดยังเป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ ที่เหล่าเด็กๆทั้งหลายทั่วประเทศต่างปรารถนาที่จะมาเข้าเรียนที่นี่ให้ได้
 
 
         "นี่ เรย์ล่ะ ยังไม่มาอีกเหรอ..." 
 
 
          ที่โต๊ะไม้แห่งหนึ่งใกล้กับอาคารฝ่ายประชาสัมพันธ์หน้าโรงเรียนไนท์เบลดฯ น้ำเสียงหวานๆของนักเรียนสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา ในขณะที่พวกเธอกำลังจับกลุ่มเม้าท์กันกับเพื่อนของเธอก่อนรวมแถวทุกๆเช้าเหมือนทุกๆวัน 
         เธอเป็นนักเรียนสาวชาวจีนตัวค่อนข้างเล็กและอวบนิดๆ หน้าตาน่ารัก ผมสีน้ำตาลดูมีน้ำหนักของเธอยาวประบ่า เธอสวมชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนด้วยเสื้อนักเรียนสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวคล้ายเสื้อสูทสีแดง ผูกเนคไทนักเรียนสีดำ ที่ปกคอของเสื้อนอกนั้นมีตราโรงเรียนปักอยู่(KP) กระโปรงสีดำสั้นเสมอหัวเข่า สวมถุงเท้ายาวสีดำ และรองเท้าสีดำ เป็นยูนิฟอร์มที่เด็กนักเรียนผู้หญิงจะต้องแต่งให้ถูกระเบียบ เช่นเดียวกันกับเพื่อนของเธอทั้งสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
 
         "...สงสัยคงจะยังไม่ตื่นล่ะมั้ง"
 
         เพื่อนสาวที่เป็นชาวจีนเหมือนกับเธอตอบ ในขณะที่ดวงตาโตเป็นประกายของเธอกำลังจับจ้องไปที่กระจกที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนเพื่อที่จะติดกิ๊บที่ผมยาวเงางามสีดำของเธอ เงาในกระจกของเธอที่กำลังจ้องลงไปนั้นสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้ากลมๆเหมือนซาลาเปาและริมฝีปากเจ่อๆของเธอ ตัวของเธอนั้นก็ค่อนข้างจะสูงกว่าพวกเพื่อนๆของเธอที่เหลือ 
 
         "เป็นแบบนี้ล่ะน๊าาา ปิดเทอมไปนาน เปิดเทอมเลยยังแก้นิสัยตอนช่วงนั้นไม่หายแน่ๆ" เพื่อนสาวชาวไทยอีกคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามโต๊ะไม้ของพวกเธอพูดขึ้นมา เธอมีใบหน้ากลมรูปไข่และมีตาสองชั้น ผมยาวประบ่า จัดว่าเธอเป็นคนที่สวยที่สุดจากบรรดาเพื่อนๆของเธอที่อยู่ตรงนี้เลยก็ว่าได้
 
         "แต่นี่โรงเรียนก็เปิดมาจะเป็นอาทิตย์แล้วนะ น่าจะปรับตัวได้ซะที ทำตัวไร้สาระชะมัดเลยเรย์เนีย!..."
 
         "ก็เรย์ติดการ์ตูนนี่น่า ชอบอ่านการ์ตูนจนดึกจนดื่น ก็เหมือนกับเธอไม่ใช่หรือไงหลิน" เพื่อนของหลินหันมาจิกแควะเล็กน้อยหลังจากที่เธอที่ติดกิ๊ฟให้ผมของเธอเสร็จแล้ว
 
         "ใครบอกเล่ายัยจุน!! ฉันไม่ได้เป็นหนักขนาดเจ้าบ้าเรย์ซักหน่อย" หลินหลินเถียงกลับไปพร้อมทำแก้มป่องๆอย่างไม่สบอารมณ์
 
         "ฮ่าๆ เอ๋ หลิน ทำไมเป็นห่วงเรย์ขนาดนี้เนีย ฮั่นแน่ๆ คิดอะไรอยู่รึเปล่า" ดวงตามีเล่ห์นัยกับนิ้วเรียวสวยของสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม ถูกส่งออกมาให้กับคนที่ในตอนนี้ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีเลือดจางๆเพราะความเขินอาย
 
         "อะไรเล่าดอกไม้!..."
 
 
 
 
         อีกด้านหนึ่งบนถนนของเมืองวอลวาเรียที่ห่างจากเมืองไนท์เบลดไปหนึ่งเมือง ในตอนนี้บนถนนเต็มไปด้วยกองทัพรถตำรวจ บนน่านฟ้าเต็มไปด้วยฝูงเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจเช่นเดียวกัน ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมาเพื่อไล่จับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สีดำต้องสงสัยที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง พวกเขาจึงต้องเร่งรถเพื่อแข่งกับรถของเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าไม่ให้คลาดสายตาไปได้
 
         "รถบรรทุกคันนั้นน่ะหยุดเดี๋ยวนี้!!!! พวกนายยังมีสิทธิ์ที่จะเรียกทนายมาแก้ต่างหยุดรถเดี๋ยวนี้!!!!...."
 
         เสียงที่ผ่านไมโครโฟนของเฮลิคอปเตอร์ดังไปทั่วพร้อมๆกับปืนกลประจำเครื่อง ที่เริ่มขยับแล้วเล็งไปที่รถบรรทุกคันนั้นที่ไม่มีทีท่าว่าจะรถความเร็วลงเลย
 
         "เชอะ!!!! ใครจะไปหยุดให้โง่กันล่ะ!!!!" คนขับรถที่สวมชุดสีดำปิดหน้าปิดตามาอย่างดีเหมือนกับคนที่นั่งข้าง ๆ สบถสั่น
 
         "ใกล้ถึงรึยัง?!" 
 
         "ถึงแล้ว ตรงนี้ล่ะ!!!" ทันทีที่สิ้นเสียงของคนขับรถ คนขับก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถไปในทันทีอย่างเป็นมืออาชีพ ทางที่พวกเขาเข้ากำลังมุ่งไปนั้นเป็นซอยแคบๆ แต่ก็กว้างมากพอสำหรับที่จะให้รถบรรทุกวิ่งผ่านไปได้
 
         "เห้ยนั่น!! มันเขาไปในซอยนั่นแล้ว ตามเข้าไปเร็วเข้า!!!!" 
 
 
         สิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ๆกำลังไล่ตามรถบรรทุกคันตรงหน้าไปนั้น ก็ได้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาตรงหน้าของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้ชะลอความเร็วของรถตำรวจที่เขาขับมาลง และไม่นานหลังจากที่แสงนั่นหายไป รถบรรทุกที่พวกเขาลงทุนไล่ตามกันแทบเป็นแทบตาย ก็ได้หายไปต่อหน้าต่อตา ตำรวจที่ขับรถอยู่รวมไปถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นๆต่างพากันทำหน้าเหวอตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 
         "หายไปแล้ว!!! ได้ยังไง!!!!"
 
 
 
- ตึกๆๆๆๆๆ -
         
         ที่โรงเรียนไนท์เบลดในตอนนี้ได้เวลาเรียนในชั่วโมงแรกพอดี "เรย์ มิเลียร์" ชายหนุ่มผู้มาโรงเรียนสายวิ่งมาด้วยความเร็วสูงสุดอย่างที่คนอย่างเขาจะทำได้ 
         เรย์สวมชุดยูนิฟรอมนักเรียนชายสีแดงเพลิง โดยชุดนั้นเป็นเสื้อแขนยาวสีแดงขาวโดยที่มีกระดุมอยู่ข้างในเสื้อและซิบ ส่วนแขนถึงปลายข้อศอกนั้นคล้ายกับปลอกแขนสีขาวเช่นเดียวกับบริเวณบ่าถึงหัวไหล่ ชุดเครื่องแบบนักเรียนชายของไนท์เบลดนั้นมีชายเสื้อยาวลงมาเสมอหัวเข่าคลายๆกับชุดคลุม ส่วนเอวนั้นมีเข็มขัดสีขาวคาดเอวที่มีตราโรงเรียนอยู่ตรงหัวเข็มขัด เช่นเดียวกับตรงหน้าอกที่มีตราโรงเรียนอยู่เหมือนกัน
         เรย์วิ่งหน้าตั้งโดยที่ไม่สนใจว่ารองเท้าเครื่องแบบนักเรียนยาวๆ ที่คล้ายกับรองเท้าบูทสีขาวที่เขาสวมใส่อยู่นั้นจะเปื้อนหรือไม่ เขาไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น เพื่อที่เขาจะได้เข้าเรียนชั่วโมงแรกให้ทันโดยที่เขาจะได้ไม่ต้องโดนเช็คขาด 
 
         จุดหมายที่เรย์กำลังมุ่งไปนั้นคือพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนซึ่งอยู่ไกลหลายช่วงตึกมากๆ เขาต้องวิ่งผ่านหน้าป้อมยามของโรงเรียน ผ่านตึกภาษาศาสตร์ สนามฟุตบอลขนาดใหญ่รวมไปถึงสนามเทนนิสที่อยู่ใกล้ๆกัน เขาทำเวลาได้ดีมากประหนึ่งนักวิ่งทีมชาติมาเองเลยทีเดียว 

         ไม่นานนักเรย์ก็วิ่งมาถึงพิพิธภัณฑ์จนได้ด้วยความเหนื่อยอ่อน หืดหอบ และหมดแรง หลังจากที่เขาผ่านประตูมาได้สำเร็จ สายตาของเขาสังเกตุเห็นบรรดาเพื่อนๆสมาชิกในห้องเดียวกันยืนเข้าแถวอยู่กลางห้องโถงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ เพื่อรอเช็คชื่อของวิชาในชั่วโมงแรกของวันนี้ เรย์รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเมื่อเขารู้มาโรงเรียนได้ทันเวลาก่อนที่อาจารย์ประจำวิชาซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเขาด้วยจะเช็คชื่อเข้าเรียน
         แต่เมื่อมาสมทบกับเพื่อนท้ายแถวได้ไม่นานนัก ก็มีคนๆเขามากระตุกเสื้อเพื่อเรียกความสนใจของเขาในทันที
 
         "มาสายอีกแล้วนะเรย์" หลินหลินเพื่อนสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆพูดทักทายเพื่อนหนุ่มของเธอตั้งแต่เช้า พร้อมกับส่งสายตาของเธอมาเป็นเชิงตำหนิ
 
         "แฮ๊กๆ ขอโทษ..ที อาจารย์เช็คชื่อไป...หรือ...ยังเนีย" เรย์ถามหลินแบบหอบแฮกๆ คล้ายกับอาการของคนที่กำลังจะเป็นลม มือของเขาจับหน้าอกของตัวเองเอาไว้แสดงอาการให้เพื่อนสาวของเธอเห็น ซึ่งเธอก็รู้ดี แต่นัยน์ตาดวงโตสีดำคลับของเธอที่กำลังมองเขาอยู่มันกำลังบอกเขาว่า สมน้ำหน้า
 
         "ยัง... แต่ถ้าเธอมาช้าอีกนิดเดียวเธอโดนเช็คขาดแน่ๆ เรย์ มิเลียร์"
 
         เสียงที่ดูจริงจังและเข้มงวดดังขึ้นมาจากข้างหลังของพวกเขาทั้งสองจนคนถูกเรียกต้องรีบหันหลังไป
 
         "อาจาย์ฟุยุสึกิ!..." 
 
 
         อาจารย์สาวส่วมแว่นสายตาสีดำหุ่นเพียวบางยืนกอดอกอยู่ข้างหลังเรย์และหลิน รูปร่างของเธอค่อนข้างสูง เส้นผมสีเทาของเธอนั้นยาวถึงหลัง ใบหน้าที่ค่อนข้างที่จะดูจริงจังไปซะทุกเรื่องของเธอทำให้ไม่ว่าใครที่เห็นก็ต้องยำเกรงเธอ ชุดทำงานประจำของเธอ คือเสื้อทำงานสีดำแขนยาวและกระโปรงยาว บนมือของเธอมีสมุดขนาด A8 คาดว่าข้างในนั้นคงเป็นรายชื่อนักเรียนที่เธอถือมาด้วยเป็นแน่
 
          "แต่ไหนๆก็เป็นคนมาที่ห้องเรียนคนสุดท้ายแล้ว ช่วยไปหยิบเอกสารการเรียนที่ห้องพักอาจารย์มาให้หน่อยสิ" เธออกคำสั่งกับลูกศิษย์ของเธอพร้อมกับเดินไปยังหน้าแถว โดยที่เธอไม่ได้สนใจว่าตอนนี้คนที่กำลังหายใจอย่างยากลำบากจะหายจากอาการเหนื่อยของตัวเองหรือยัง
 
          "หือออ!!.. มาถึงก็โดนใช้เลยเหรอค๊าบบบบ" ความเหนื่อยล้ายังไม่จางหายไป เรย์โอดครวนทันทีที่ได้ยินคำสั่งที่มาจากอาจารย์ผู้สอนของเขา
 
 
          "...หรือว่า เธออยากโดนเช็คขาดโทษฐานที่มาโรงเรียนไม่ตรงเวลา" เสียงที่ดูเข้มงวดดังขึ้นมาอีกครั้งในทันใด
 
          "จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ!!..."
 
 
- ฟิ้วววววววววววววววว -
เรย์วิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงในทันที
 
         "เฮ้ออออออ ให้ตายสิ ทำตัวให้สมกับเป็นสภานักเรียนหน่อยไม่ได้รึไงนะ-*-"
 
 
 
 
           เมื่อมาถึงห้องพักอาจารย์เรย์ต้องค้นหาเอกสารที่อาจารย์ของเขาได้มอบหมายมาอย่างลำบาก เพราะบนโต๊ะที่เขากำลังค้นหาอยู่นั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารเของอาจารย์ของเขาเต็มไปหมด  ประหนึ่งเหมือนว่าเขากำลังขุดหาสมบัติอยู่อย่างไงอย่างนั้น เรย์งมหาจากกองหนังสือและสมุดจดบันทึกของนักเรียนในหลายๆชั้นเรียนอยู่นานพักใหญ่
           และในที่สุดเขาก็เจอมันจนได้ เอกสารประกอบการเรียนของวิชานี้ของเด็กห้องม.4/8 มันอยู่ใต้สุดของกองหนังสือเลย นี่กะจะแกล้งเขาคนนี้โดยเฉพาะเลยสินะ ความรู้สึกของเรย์ในตอนนี้เหมือนกับว่าภารกิจสำเร็จเสร็จสิ้นพร้อมที่จะไปรับรางวัลแล้ว
 
          เมื่อเรย์ออกจากห้องพักของอาจารย์ เดินมาตามทางเดินที่จะพาเขาขึ้นไปยังบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องเรียนในชั่วโมงนี้ ตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดงตลอดทางนั้น สายตาของเขาไปสะดุดเข้าอยู่กับอะไรบางอย่างที่อยู่ในโถแก้วตั้งโชว์กับแท่นที่ทำจากไม้อัดอย่างดีอยู่กลางห้องโถงเดี่ยวๆนั้น
         วัตถุโบราณบางอย่างที่อยู่ภายในนั้นนั่นก็คือ"แหวน"ในตำนานวงสุดท้ายของไนท์เบลด แต่ที่อยู่ในตู้ตอนนี้คือฟอสซิลรูปร่างแหวนที่ดูไม่สวยงามเท่าไรนัก ไม่ต่างจากดินที่มีรูปร่างแหวนหรืออะไรสักอย่างที่มันดูเก่าจนมีสนิมเกาะอยู่เต็มไปหมด 
 
         "ใช่สิ... ตอนนี้ก็เหลือแต่นายเองเท่านั้นแล้วสินะ เพื่อนๆของนายก็เกิดใหม่กันหมดแล้วนี่นะ"
 
         เรย์มองสิ่งของที่ตั้งโชว์อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาคมสีดำเป็นประกายจ้องมองแหวนวงนั้นด้วยความชื่นชม
 
         "...หลับใหลอยู่สินะ ผู้ที่ถูกเลือกน่ะ"

         เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินจากตรงนั้นไปโดยไม่ได้เหลียวหลังมาอีกเลย แหวนเก่าส่องแสงวาบวับขึ้นมาโดยที่เรย์ไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
 
 
          ตามตำนานตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แหวนแห่งผู้กล้านั้นจะสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น โดยเหล่านักรับจะคัดเลือกและเค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัติความสามารถมากพอที่เหมาะสมจะมีสิทธิ์ครอบครองแหวน ถึงจะมีสิทธิ์ได้ครอบครองแหวนแห่งพลังนี้ เว้นแต่ผู้ที่ถูกรับเลือกจากจิตวิญญาณแห่งแหวนโดยตรง เป็นเจตนารมณ์ของแหวนที่เลือกเขาผู้นั้นเองเอง เขาเหล่านั้นจะถูกขนานนามว่า "ผู้ที่ถูกเลือก" 
 
          ปัจจุบันแหวนได้เกิดใหม่และถูกส่งมอบให้กับผู้ถูกเลือกไปเรียบร้อยแล้วสี่วง เหลือแต่เพียงแหวนแห่งอัคคีเท่านั้นที่ยังคงหลับใหลอยู่ในตู้โชว์กลางห้องพิพิธภัณฑ์ และไม่ยอมตื่นขึ้นมาเนินนานแสนนาน โดยที่ผ่านมาแหวนวงนี้ไม่เคยได้คืนชีพและไม่มีใครที่ได้เป็นผู้สืบทอดแหวนวงนี้เลย ว่ากันว่าแหวนวงนี้ถูกคำสาบเพื่อไม่ให้แหวนนี้คืนชีพขึ้นมาอีกหลังสงครามครั้งสุดท้ายของโบราณกาลสิ้นสุดลง
 
 
         "ขออนุญาตเข้าห้อง ค..ะ.ครับ?...."
 
         ทันทีที่เรย์เข้าห้องมา ภาพในความคิดของเขาที่น่าจะเป็นไปได้ว่าในตอนนี้เพื่อนของเขาน่าจะกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเปิดหนังสือเรียนตามที่เนื้อหาที่อาจารย์ผู้สอนกำลังสอนอยู่ หรือไม่ตอนนี้ก็น่าจะได้ยินเสียงอ่านบทเรียนในบรรทัดซักบทที่อาจารย์สั่งให้อ่าน หรือไม่ก็มีเพื่อนซักคนของเขาที่กำลังยืนตอบคำถามตอนที่เขากำลังเข้ามา
               แต่ทว่าภาพตรงหน้าของเขาในวันนี้มันผิดปกติจากในทุกๆวัน เพราะตอนนี้เพื่อนในห้องของเขาทุกคนต่างไปรวมกันอยู่ที่ริมหน้าต่าง แล้วมองลงไปข้างล่าง บางคนมีสีหน้าตกใจมาก บางคนถึงกับผวาขึ้นมาทันทีที่ได้มองลงไป
 
          "เอ่อ มีอะไรกันเหรอทุกคน?"
 
         เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจพลางเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองดูสีหน้าที่ดูหวาดวิตกของเพื่อนแต่ละคนของเขา พร้อมกับเบียดๆเพื่อนๆของเขาเพื่อไปยังหน้าต่างดูว่ามีอะไรอยู่ข้างล่าง และเมื่อสายตาของได้เขามองลงไปนั้น ก็ได้เจอกับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันสีดำจอดอยู่ เสียงซุบซิบๆมาจากเพื่อนของเขาอย่างไม่ขาดสาย
 
          "มันมาได้ยังไงนะ..."
 
          "มาถึงที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย"
 
 
... รถคันนี้คุ้นๆแห๊ะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมานะ ...
 
 
         "รถคันนี้ไง ที่กำลังเป็นข่าวเมื่อเช้าน่ะ!!!" เสียงนักเรียนชายคนหนึ่งดังขึ้นมา สีหน้าของเขาที่ทุกคนเห็นตอนที่เขาพูดดูก็รู้ว่าเขารู้สึกหวาดกลัวมาก
 
         "ว่ายังไงนะทาโมริ!" เพื่อนชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆถามด้วยน้ำเสียงที่ดูหวานกลัว
 
         "เขาบอกว่ามันเป็นรถของผู้ก่อการร้าย แล้วมันอาจจะมีระเบิดอยู่ในนั้นนะ หนีกันเร็วทุกคน!!!!"
 
 
          สิ้นเสียงของทาโมริเพียงไม่กี่อึดใจ เพื่อนๆในห้องทุกคนต่างพากันแตกตื่นและวิ่งหนีออกจากห้องนั้นไปกันอย่างจ้าล่ะหวั่น ไม่เว้นแม้แต่เรย์ก็ต้องวิ่งไปรวมกับเขาด้วย เสียงดังเอะอะโวยวายรวมไปถึงเสียงฝีเท้าจากเด็กนักเรียนดังลั่นไปทั่วพิพิธภัณฑ์ เมื่อทุกคนวิ่งมาถึงสุดทางเดินของบันไดชั้นล่าง พวกเขาก็ต้องหยุดวิ่งในทันทีเพราะมีคนมาดักพวกเข้าอยู่หน้าทางลงบันได
 
         "อาจารย์ฟุยุสึกิ!!!!" อาจารย์สาวกำลังกางแขนกันพวกนักเรียนของตัวเองไว้ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเด็กนักเรียนของเธออย่างใจเย็น
 
         "ทุกๆคนไม่ต้องตื่นตกใจ หัวหน้าชั้น คาเมอิ เอริ อยู่ไหน?!" 
 
         "ค่ะ!!!" 
 
         เอริตอบรับด้วยเสียงเล็กๆของเธอพร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปหาตามเสียงเรียกของอาจารย์ฟุยุสึกิ เธอเป็นหญิงสาวร่างอวบแต่ไม่มาก ตัวค่อนข้างเล็ก ผมยาวหยักศกนิดๆตอนปลายผม ดวงตาคม เธอรับอะไรบางอย่างจากอาจารย์ของเธอมาด้วยสีหน้าที่ชวนสงสัย
 
         "นี่คืออะไรเหรอคะ?" เอริถามขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอรับของสิ่งนั้นมาจากอาจารย์ฟุยุสิกิ
 
         "ไปที่ห้องเรียนแล้วใช้ฟอร์ชเบต้าบีโดยใส่นี่เข้าไปในล็อคเกอร์ที่โต๊ะอาจารย์ แล้วส่งข่าวให้พวกสารวัตรนักเรียนรู้ว่าเรากำลังเจอกับอะไร..."
 
         "แต่ว่า...." เอริเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจขึ้นมา เธอยังคงมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบสำหรับเรื่องนี้
 
         "นี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินนะ!!! ทำตามที่ฉันบอกแล้วพวกเธอจะปลอดภัย ไปกันได้แล้ว!!!!!!" เธอตะหวาดลั่นพร้อมกับรีบวิ่งออกจากตรงนั้นไปในทันที ซึ่งมันก็ได้ผล เด็กนักเรียนของเธอเชื่อฟังตามที่เธอผู้ทุกอย่างโดยที่ทุกคนไม่รีรอที่จะกลับไปยังห้องเรียนของตัวเองตามคำสั่งของอาจารย์สาวของพวกเขา
         เรย์เหลียวหลังกลับมามองอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่เพื่อนๆของเขาทั้งหมดรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของ
พิพิธภัณฑ์ เขามองดูอาจารย์สาวของเขาจับชายกระโปรงตัวเองแล้วโยนมันออกไป และกลายเป็นกางเกงขาสั้นพร้อมกับอาวุธครบมืออยู่ในนั้น ทำเอาเขายืนอึ้งไปพักหนึ่งจนกระทั่งอาจารย์ฟุยุสึกิมองมาที่เขาด้วยหางตา เรย์ตกใจเล็กน้อยและรีบออกไปจากตรงนั้นในทันที 
 
 
 
         เมื่อเด็กนักเรียนกลับมาถึงห้องเรียนของตัวเองที่จากมา ทุกคนต่างก็จับกลุ่มอยู่ด้วยกันด้วยความหวาดวิตก หัวหน้าห้องเอริรีบนำสิ่งที่อาจารย์ของเธอให้มาไปทำตามคำสั่งที่เธอได้รับมอบหมายในทันที่
         สิ่งที่เอริรับมาคล้ายๆกับกุญแจสีทองดอกใหญ่ เมื่อมาถึงเธอก็ตรงไปยังโต๊ะของอาจารย์ของเธอ และเปิดลิ้นชักโต๊ะของอาจารย์ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าชั้นเรียน พร้อมกับใส่กุญแจเข้าไปแล้วหมุนมันตามคำสั่งของอาจารย์ของเธอ ทันใดนั้นเองรอบๆห้องก็เกิดม่านบาเรียใสขึ้นมาล้อมรอบห้องนั้นไปทั่วห้อง สร้างความตกตะลึงให้กับเพื่อนๆของเธอเป็นอย่างมาก
 
        "อ๋อ!!! นึกออกแล้วล่ะ นี่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนนี้นี่!" จู่ๆเพื่อนผู้ชายตัวเล็กๆเจ้าของผมสีน้ำทะเลก็พูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนในห้องเริ่มหันไปสนใจเขา
 
          "ระบบฟอร์ชเบต้าบี เป็นระบบรักษาความปลอดภัยอย่างหนึ่งโดยที่เมื่อใช้งาน ระบบจะสร้างม่านบาเรียอะไรเนี่ยขึ้นมา ว่ากันว่าเจ้าม่านเนี่ยสามารถกันกระสุน หรือระเบิดที่มีแรงอัดสูงๆได้สบายเลย มิหนำซ้ำบาเรียเนี่ยมันจะอำพลางตัวเราเองไม่มีใครเห็นจากข้างนอกด้วยนอกจากพวกเราที่อยู่ด้านในด้วยล่ะ"
 
           "โอ่โห้! จริงเหรอฮาร์วาร์ด สุดยอดเลย!!..." เพื่อนผู้ชายของเขาพูดอย่างกับเหมือนเจอสิ่งมหัศจรรย์อันดับใหม่ของโลก "ฉันไม่รู้มาก่อนนะเนี่ย!!!"
 
           "อื้อ ฉันลองเข้าไปอ่านมาน่ะ ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนน่ะ มีสุดยอดกว่านี้ด้วยน๊า ฉันว่า..."
 
            เสียงของพวกเขาสามารถลดความตรึงเครียดในช่วงเวลาอันน่ากลัวแบบนี้ได้ดี แต่สำหรับเรย์นั้นสายตาของเขาจับจ้องไปอยู่ที่หน้าประตูเลื่อนของห้องที่ปิดและล็อกอยู่อย่างแน่นหนา
 
 
- ตึกๆๆ ตุบๆ ตึกๆ -
... เสียงแบบนี้นี่มันอะไรกัน เสียงฝีเท้าเหรอ ไม่ใช่ นั่นไม่น่าจะใช่เสียงฝีเท้านิ เสียงแบบนี้นั่นมัน ...
 
 
          และทันใดนั้นเองตรงข้างนอกประตู ชายใส่ชุดสีดำปิดหน้าซึ่งตัวเขาเองไม่รู้มากจากที่ไหนกำลังต่อสู้กับอาจารย์สาวของเขาอยู่ และเหมือนกับว่าชายชุดดำพวกนั้นที่กำลังสู้กับอาจารย์สาวของเขา จะถูกอาจารย์สาวน็อคเอ้าท์กลับไปกันหมดทุกคนด้วยวิชาการต่อสู้ของเธอ โดยภาพที่เรย์เห็นผ่านทางกระจกของประตูนั้น เป็นภาพที่อาจารย์สาวใช้ลูกเตะเข้าไปที่ใบหน้าของชายชุดดำพวกนั้นหลายต่อหลายคนด้วยกัน จนพวกนั้นล้มกลิ้งไปไม่อย่างเป็นท่า
 
           "สุดยอดเลย! อาจารย์ฟูยุสึกิ!" เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม และทึ่งไปกับความสามารถของอาจารย์ของเขาเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาก็ต้องออกจากภวังค์ของภาพเหล่านั้น เพราะว่า...
 
 
         "ว้ายแย่แล้ว!!!!" เสียงของเพื่อนสาวคนหนึ่งภายในห้องเดียวกันดังขึ้นมา ทำให้เพื่อนๆทั้งห้องนั้นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง 
 
         "กระเป๋าของฉัน!!!!!"
 
         กระเป๋าของนักเรียนสาวตกลงไปยังข้างล่าง ซึ่งที่ตกลงไปนั้นเป็นตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกที่ข้างบนมีฝาเปิดเอาไว้ระบายอากาศเป็นช่องเล็กๆอยู่ ทุกคนเลยหันมารวมตัวกันที่หน้าต่างข้างๆอีกครั้งด้วยความสนใจ
 
         "ยัยบ้าเอ้ย!!! ทำบ้าอะไรของเธอเนีย!!!!" เพื่อนชายหัวโล้นๆที่อยู่ใกล้ๆกับเธอตะหวาดลั่น
 
         "ก็ ฉันก็แค่อยากดูเหตุการณ์ชัดๆเท่านั้นเองนี่น่า เลยเผลอไปนิดนึงน่ะ" เพื่อนสาวผมสีน้ำทะเลพูดด้วยเสียงที่เริ่มจะแผ่วเบา เพราะเรื่องนี้มันเป็นความผิดของเธอร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
 
         "ยัยซุ่มซ่าม!!! เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หน่อยเซ่!!!! เรากำลังเจออะไรอยู่รู้รึเปล่า!!!!" เพื่อนชายของเธอยังคงตวาดเสียงเขียว
 
         "ฉันก็แค่..... ขอโทษ" เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดให้กับเพื่อนชายของเธอ
 
... เฮ้ออออออออ ไม่ว่าใครก็เหมือนๆกันทั้งนั้นนั่นแหละ ....
         เรย์มองภาพเพื่อนของตัวเองที่เริ่มจะแตกคอกันอยู่ตรงหน้าแล้วพูดออกมาในใจ แล้วมองลงไปด้านล่าง และในตอนนั้นเองเขาจึงตัดสินใจอะไรบางอย่าง
 
 
         "เดี๋ยวฉันลงไปเอง!!!" เรย์ตะโกนออกมาพร้อมกับผ่านม่านบาเรียแล้วปีนออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่เกรงกลัว
 
         "จะบ้าเหรอเรย!! มะ-มันอันตรายนะเฟ้ย!!!!" เพื่อนชายของเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ เมื่อฟังดูแล้วคงจะหวาดกลัวมากสำหรับเขากับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
 
         "ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่ลงไปเอากระเป๋าเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ"
 
         เมื่อเรย์พูดจบก็รีบจับท่อระบายน้ำที่ติดอยู่ข้างๆหน้าต่างแล้วสไลด์ลงจากชั้นสองไปทันที โดยที่เพื่อนๆร่วมห้องของเขาตอนนี้มายืนเกาะหน้าต่างดูเพื่อเป็นกำลังใจ เมื่อเรย์ลงไปถึงพื้นหญ้าที่อยู่ข้างล่างนั่นเขาก็ลองมองกลับขึ้นไป หากว่าเมื่อเขามองไปข้างบนแล้วก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว เป็นเพียงภาพลวงตาของหน้าต่างที่ไม่มีคนเลยเท่านั้น
 
         ... เรย์ ขอให้ปลอดภัยนะ ... 
         หลินภาวนาในใจพร้อมกับมองเรยที่อยู่ข้างล่างผ่านม่านบาเรียด้วยสายตาที่เป็นห่วง
 
         เรย์รีบรุกไปยังตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ตรงหน้าทันที เขาต้องตะเกียจตะกายอย่างยากลำบากเพื่อปีนขึ้นไปบนหลังคาตู้อยู่นานกว่าจะขึ้นมาได้สำเร็จ และโดดลงไปในตู้คอนเทนเนอร์อย่างไม่ลังเล
 
 
 
 
 
         ภายในตู้ที่มืดมิดนั้นมีแค่แสงสว่างที่ส่องมาจากช่องที่เปิดอยู่เท่านั้น เขาเห็นกระเป๋าแล้วและรีบเข้าไปหยิบขึ้นมาในทันที หางตาของเรย์เห็นราวบันไดที่อยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์นั่น เขายิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะว่าเขาจะได้ไม่ต้องหาทางออกที่ยากลำบากมากไปกว่านี้อีก เรย์ไม่รอช้ารีบไปคว้าราวบันไดเพื่อจะหนีออกไป แต่ในขณะนั้นที่เขากำลังจะหนีออกไปจากที่นั่น
 
 
- ตึกๆๆๆๆ -
 
 
         เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นหลายๆครั้งข้างนอกนั่นทำให้เรย์ที่กำลังจะปีนบันไดหนีต้องหยุดซะงักลง และเริ่มมองหาที่หลบซ่อนตัวด้วยความร้อนรน เรย์เริ่มถ่อยเข้าไปข้างหลังทีล่ะก้าวๆด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มโถมเข้ามาเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงสะเดากุญแจที่อยู่หน้าประตูของตู้คอนเทนเนอร์ แต่แล้วแผ่นหลังของเขาก็ไปชนกับอะไรบางอย่าง เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่าไม่มีเวลาดูว่ามันเป็นอะไรแล้วต้องรีบไปหลบหลังสิ่งนั้นไปก่อน 
         เมื่อเรย์หาที่มิดชิดในการหลบซ่อนตัวได้สำเร็จเขาจึงแอบมองผ่านช่องๆหนึ่งของสิ่งๆนั้นไปด้วย ชายในชุดสีดำคนหนึ่งกำลังเปิดตู้คอนเทนเนอร์และกำลังเข้าวิ่งมาอย่างรีบเร่งพร้อมกับอุ้มอะไรบางอย่างมาด้วย              
 
         มันคือโถแก้วซึ่งสิ่งที่อยู่ภายในนั้นเป็นสิ่งที่เรย์รู้จักดี เพราะว่าเขาพึ่งจะพบกับมันมาเมื่อไม่นานมานี้ นั่นก็คือ"แหวน" ที่ตั้งโชว์อยู่กลางห้องโถงในพิพิธภัณฑ์ นัยน์ตาของเรย์เบิกกว่าขึ้นมาด้วยความตกใจ และเขารอจนกว่าชายชุดดำจะไปจากที่นั่น จึงจะเริ่มหาทางหนีออกไปจากที่นั่อีกครั้ง
         เมื่อประตูตู้คอนเทนเนอร์ปิด เรย์คิดว่าคงยังมีของมีค่าอีกหนึ่งชิ้นที่เขาต้องนำมันกลับไปด้วย เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบไปอุ้มโถแก้วขึ้นมาพร้อมกับกระเป๋าที่อยู่ในมือแล้วหนีออกมาให้เร็วที่สุด
 
         แต่การหนีในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับเขาอีกต่อไป เรย์ปีนขึ้นบันไดที่อยู่ข้างในตู้อย่างข้างลำบากเพราะว่าในมือของเขาไม่ได้มีแค่ของแค่หนึ่งอย่างเท่านั้น เขาต้องใช้เวลานานกว่าจะปีนไปได้ถึงข้างบนพร้อมๆกับต้องคอยดูชายชุดดำพวกนั้นด้วย เมื่อเขาได้ยินเสียงปิดประตูรถที่ดังขึ้นมาคนละทีสองที เขาคิดขึ้นมาทันทีว่าต้องรีบแล้ว เพราะดูเหมือนว่าชายชุดดำกพวกนั้นกำลังจะออกรถเพื่อหนีจากอะไรบางอย่าง 
         เมื่อเสียงสตาร์ทรถยนต์คนดังกล่าดังขึ้นมา เรย์จึงตัดสิ้นใจที่จะโยนกระเป๋าลงไปบนพื้นหญ้าก่อน ถึงแม้ว่าเพื่อนสาวเจ้าของกระเป๋าจะเห็นกระเป๋าของตัวเองก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนของเธอที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ลดน้อยลงแต่อย่างใดแล้วในขณะนี้ และเมื่อสายตาของเพื่อนๆที่อยู่บนชั้นสองกำลังเห็นว่าเรย์กำลังจะโยนโถแก้วที่เขาอุ้มอยู่ตามลงไปนั้น...
 
 
- บรื้นนนนนนนนนนนน!!!!! - 
 
 
          รถเร่งและออกตัวอย่างแรงจนล้อรถบรรทุกนั้นหมุนเบียดกับพื้นดินของพิพิธภัณฑ์ ทำให้เรย์หงายหลังตกลงไปในตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้งหนึ่ง สร้างความตกใจให้กับเพื่อนๆของเขาที่ดูเขาอยู่จากหน้าต่างชั้นสองเป็นอย่างมาก รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปไกลขึ้น ไกลขึ้น แม้อาจารย์ฟุยุสึกิที่ออกมาจากพิพิธภัณฑ์จะพยายามวิ่งตามมาก็ไม่สามารถจะวิ่งตามรถคันที่อยู่ตรงหน้าเธอทันได้
 
         ภายในตู้คอนเทนเนอร์นั้นเรย์สามารถลุกขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งเพราะเขาไม่บาดเจ็บตรงไหนมากนัก และโถแก้วก็ไม่แตกเพราะตอนที่ตกลงมานั้นเรย์กอดมันไว้กับตัวไว้อย่างดี แต่กำลังจะมีสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างที่สุด เมื่อเขามองเห็นสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าของเขาเกิดสิ่งผิดปกติบางอย่าง
         สิ่งที่เขาใช้หลบไปเมื่อกี้นี้นั่นมันกำลังส่องแสงขึ้นมา เมื่อแสงสว่างจ้าขึ้นมามันดูคล้ายๆกับเตาปฏิกรณ์อะไรสักอย่างที่ตอนนี้มันพร้อมที่จะระเบิดแล้ว แสงสว่างจ้า นัยน์ตาของเขาเบิกกว่า และทันใดนั้นเอง...
 
 
- วี๊วววววววววววววววว ฟุบ!!! - 
 
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด"
 
"เรยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
 
"เฮ้ยยยยยยย เรย์!!!!!"
 
"แย่แล้วววววววว"
 
 
         เหมือนกับเวลาที่กล้องถ่ายรูปแล้วใช้แฟลต รถบรรทุกคันใหญ่คันนั้นหายวับไปกับตาโดยไม่เหลือร่องลอยอะไรเอาไว้ ทิ้งไว้แต่เสียงโวยวายด้วยความตกใจและเรียกชื่อของเรย์จากเพื่อนๆของเขา อาจารย์ฟุยุสึกิยื่นอึ้งกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
 
 
         "อะไรกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนีย!!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา