KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  23.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) สมบัติที่ถูกช่วงชิง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         ในยามดึกของคืนวันหนึ่งที่แสนจะดูครึกครื้นเมื่อมองไปยังร้านเหล้าต่างๆริมถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่แน่นขนัดในยามราตรี รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดเรียงรายหลายร้อยคันกันอย่างเป็นระเบียบหน้าบาร์ปิดที่บนป้ายไฟหน้าร้านขนาดใหญ่หลากสีเขียนเอาไว้ว่า After 6

 

         เหล่าวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ๆยืนคุยกันโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นชายคนหนึ่งในชุดเสื้อยาวๆสีขาวที่กำลังค่อยๆเดินผ่านพวกเขาไปอย่างช้าๆ ประตูกระจกใสถูกเปิดออกและเมื่อเขาได้เขามายังภายในบาร์ที่ดูมืดมิดนั้น เสียงดนตรีที่ค่อนข้างจะดังจนหนวกถูกคนที่เข้ามาใหม่ก็ไปกระทบส่วนประสาดการรับฟังของเขา แต่ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นผลอะไรมากนัก เขาเหลียวมองไปยังรอบๆเพื่อกำลังหาใครสักคนที่ทำให้เขาถ่อสังขารมาถึงที่นี่ได้

 

         และแล้วสายตาที่เอาแต่เหลียวมองไปยังรอบๆของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่โต๊ะวงกลมตรงหน้า ที่ตอนนี้มีใครบางคนมานั่งจับจองที่นั่งเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว สายตาที่เขากำลังมองเห็นอยู่นั้นคือชายคนหนึ่งที่ใส่ผ้าคลุมสีดำทั้งตัวพร้อมกับนำฮูตขึ้นมาคลุมหัวเพื่อปกปิดใบหน้าของตัวเอง แต่ถึงกระนั้น เมื่อแสงไฟสลัวๆกระทบกับใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมนั้น ทำให้คนที่กำลังยืนอยู่เห็นว่าสายตาของคนตรงหน้ามองมาที่เขาแล้วก็พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงชี้ชวน ทำให้เขาไม่รีรอรีบตรงไปหาเขาคนนั้นทันที 

 

 

       "เดี๋ยวนี้รสนิยมในการหาที่นัดเจอเพื่อนเก่าเนี่ยเปลี่ยนไปมากเลยนะ" เขากล่าวขึ้นมาหลังจากที่ได้ทิ้งตัวลงนั่งไปที่โซฟาเบาๆ

 

         "...มีเรื่องอะไรถึงทำให้ แมงป่องทองคำแห่งบริททาเนีย ถ่อสังขารมาจนถึงที่แบบนี้ได้เนี่ย"

 

         "ฮ่าๆ นายเองก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเอวิน ท่าทางการพูดแบบว่าทุกเรื่องในโลกจะไม่มีเรื่องที่น่าซีเรียสอะไรน่ะ"

 

         "...ว่าแต่ คนที่จริงจังชอบแอบซ่อนตัวออกมาเพ่นพ่านในเมืองแบบนี้ ต้องมีเรื่องใหญ่มากแน่ๆ... เรื่องอะไรเหรอ"

 

         "นายนี่น๊า มาถึงก็เข้าเรื่องซีเรียสเลย ฉันพึ่งจะชมนายไปอยู่หยกๆเมื่อกี้เอง"

 

         ชายตรงของเอวินพูดพลางหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะที่ถูกพวกเขาทั้งสองเมินอยู่ตั้งนานขึ้นมา แล้วรินใส่แก้วใสๆขนาดไม่ใหญ่มาก เมื่อเขารินได้ครบทั้งสองแก้วแล้วก็ยื่นแก้วหนึ่งให้กับเพื่อนของเขาที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ

 

         "ดื่มนี่ก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ของดีนะ" เขาพูดเชิงเป็นโฆษณาชักชวนให้คนที่ทำท่าไม่ค่อยอยากกินของเหลวที่อยู่ในแก้วเมื่อกี้นี้

 

         สายตาของเอวินมองไปที่นิ้วมือที่ขยับไปมาเป็นจังหวะตามเสียงเพลงในบาร์ แสงสว่างจากแสงไฟส่งกระทบกับแหวนสีทองรูปแมงป่องสะท้อนไปตามการเคลื่อนไหวของนิ้วนั้น และในที่สุดเอวินก็ต้องดื่มน้ำสีน้ำตาลเข้มกลิ่นแรงๆในแก้วนั่นเข้าไปเมื่อเห็นว่าสหายของเขากำลังยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม

 

         "อือหื้อ! นุ่มมากเลย ไม่สากลิ้นเลยด้วย" เมื่อปลายลิ้นของเขาได้สัมผัสกับรสชาตินุ่มๆของเหล่าในแก้วนั้น ตาของเขาก็เบิกพลาขึ้นมาประหนึ่งเหมือนกับว่าเขาไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติแบบนี้มาก่อน

 

         "เหล้าชั้นดีจากบริททาเนีย ว่ายังไงล่ะ จะดื่มต่อไหม หรือ.."

 

         "...ฉันขอฟังเรื่องที่นายจะเล่าดีกว่า" คนที่นั่งอยู่ข้างๆยังพูดไม่ทันจบประโยคของตัวเองดี เอวินก็พูดสวนขึ้นมาในทันทีประหนึ่งเหมือนกับว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเขานั้นจะพูดอะไรต่อไป

 

         "ฮ่าๆ โอเคๆ... งั้นนายตั้งใจฟังฉันให้ดี ฉันมีข่าวมาให้นายจากทางตะวันออก" เขาวางแก้วพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้

 

         "ตะวันออกเหรอ?"

 

         "ใช่... สิ่งที่พวกเรากำลังกังวลกันอยู่ มันได้เกินขึ้นแล้วล่ะ..." จู่ๆน้ำเสียงของคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็เปลี่ยนไปจนแม้แต่เอวินก็ยังปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ดวงตาสีน้ำตาลของเอวินค่อยๆเหลือบมามองคนตรงหน้าอย่างช้าๆแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน

 

         "หรือว่า..." ชายตรงหน้าของเขาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่พยักหน้าช้าๆเป็นเชิงคำตอบเท่านั้น

 

         "...ศัตรูของเราน่ะพร้อมแล้ว"

 

 

 ***

 

เปรี้ยง!!! -

 

          ณ ชายป่าแห่งหนึ่งในแถบตะวันออก ยามค่ำคืนในพื้นที่รอบๆห้อมล้อมไปด้วยเหล่าต้นไม้ขนาดใหญ่ เสียงใบไว้ไหวยามเมื่อลมพายุพักผ่านป่า แสงไฟจากสายฟ้าที่ปรากฏออกมาท่ามกลางหมู่เมฆดำในยามค่ำคืน บวกกับเสียงฟ้าคะนองทำให้ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้เป็นคืนที่สุดแสนจะน่ากลัว 

 

       เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดบนถนนที่เต็มไปดินกรวดมากมาย และเมื่อแสงจากสายฟ้าที่คอยปรากฏออกมาเป็นระยะๆ เผยให้เห็นร่างของคนในชุดเกราะเก่าคล่ำเคละที่เต็มไปด้วยสนิมเกาะอยู่เต็มไปหมด กับผ้าคลุมสีเลือดยาวสยายที่ขาดๆ และม้าขนาดใหญ่ตัวสีดำทมึนน่ากลัวที่มีนัยน์ตาสีแดงดูดุร้าย เบื้องหลังของเขานั้นคือเหล่าทหารที่มีใบหน้าที่ดูโหดเหี้ยมและร่างกายสูงกำยำใหญ่โต พวกมันมาพร้อมกับชุดเกราะสีดำเงาจันทร์และอาวุธครบมือ ด้วยหน้าตาที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวและเขี้ยวใหญ่ๆที่งอกออกมาจากปาก ผู้คนทั่วไปที่เคยพบเห็นพวกมันจึงขนานนามพวกมันว่าพวก"ยักษ์"

 

         ในความมืดจากต้นไม้ที่สูงใหญ่ข้างทาง เงาจากร่างของคนที่ขนานนามว่า แมงป่องทองคำแห่งบริททาเนีย กระโดดลงมาจากต้นไม้ด้วยความเงียบสงัดที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เมื่อได้ลงสู่พื้นก็ไม่รีรอค่อยๆแอบย่องไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ข้างหน้าอย่างเร็วที่สุด ด้วยการลงฝีเท้าของตัวเองที่แสนเบาดั่งขนนกแม้แต่ใบไม้แห้งที่ร่วงอยู่ตามพื้นถูกเยี่ยมไปก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว เขาดึงผ้าคลุมลงมาปิดใบหน้าของเขาและรวมไปถึงปกปิดชุดเกราะสีทองที่เหลืองอร่ามที่แม้แต่จะถูกความมืดปกปิดเอาไว้ก็ยังเห็นได้ชัดอยู่ดี เขาสอดส่องสายตายไปยังกลุ่มยักษ์ที่กำลังเดินกันอยู่บนทางเดิน และดูเหมือนว่าภายใต้เงามืดและหมอกควันจางๆตรงหน้าของพวกมันกำลังจะมีอะไรบางอย่างเข้ามาหาอย่างช้า

          เมื่อควันและหมอกจางหายไปก็ปรากฏร่างของผ้าคลุมสีดำและม้าสีดำทมิฬทั้งตัว มาพร้อมกับกลุ่มคนที่สวมชุดคล้ายชุดของนินจาที่ปกปิดใบหน้าของแต่ละคนเอาไว้ ชุดของพวกเขานั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับกล้ามเนื้อของมนุษย์ เป็นชุดที่มันวาววับดูแข่งเกร็งประดุจเหล็ก ผ้าคุมสีดำที่กำลังโบกสะบัดตามสายลมพายุที่กำลังพัดผ่าน สายตาของพวกเขาจ้องไปยังกลุ่มยักษ์ที่อยู่ตรงข้างหน้าอย่างไม่คลาดสายตา

 

        "ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ เนโครมอนเซอร์ " เสียงทุ้มที่ฟังดูน่ากลัวของคนที่สวมผ้าคลุมสีแดงขาดๆพูดขึ้นมา เขากับบังคับให้ม้าไปเทียบข้างกับคนที่สวมผ้าคลุมสีดำ

 

         "หึ! แอลแกนดาล..." คนที่มีชื่อว่าเนโครมอนเซอร์สถบออกมาเล็กน้อย

 

         "หน้าที่ที่ท่านลอธ์มอบหมายให้พวกเจ้าไปทำคงสำเร็จลุล่วงอย่างดีสินะ การรวบรวมกองทัพเพื่อศึกสงครามที่กำลังจะมาถึง"

 

        "กองทัพยักษ์ของข้าพร้อมที่จะบุกเมืองได้ทุกเมื่อ ขอแค่มีกล่องประตูมิติที่พร้อมจะส่งกองทัพของเรากรีฑาทัพไปถล่มเมืองของพวกมัน เพื่อที่จะประกาศสงครามให้โลกรู้ว่ากองทัพแห่งความมืดกลับมาแล้ว เว้นแต่... พวกเจ้าจะยังทำไม่สำเร็จ" ด้วยคำพูดเชิงดูหมิ่นของแอลแกนดาลทำให้เนโครมอนเซอร์หันควับมาทางเขาในทันที

 

         "กังขาในพลังของข้าอย่างงั้นเหรอเจ้ายักษ์ต่ำต้อย! กังขาในพลังของพวกเขา! "ไนติงเกล" ผู้ซึ่งมีความเงียบกริบและลึกลับราวกับเป็นวิญญาณของผู้ที่ตาย!" เนโครมอนเซอร์ชี้ไปยังเหล่าผู้ที่ตามหลังเขามานับสิบคน ซึ่งทุกคนล้วนแต่มีผ้าหรีอหน้ากากปกปิดใบหน้าของตัวเองอยู่       

 

         "...ทำงานของเจ้าให้เสร็จซะเจ้าพ่อมดแห่งศาสตร์มืด ก่อนที่พวกเราจะพ่ายแพ้ต่อพลังของเหล่าผู้กล้าทั้งห้าของไนท์เบลด" แอลแกนดาลชี้นิ้วที่หุ้มไปด้วยโลหะของชุดเกราะมาที่เนโครมอนเซอร์

 

         "ถ้าเจ้านำประตูมาไม่ได้ กองทัพของข้าก็จบเห่กัน"

 

         "เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกศิษย์ของข้าเถอะ"

 

 

        เมื่อสิ้นเสียงของเนโครมอนเซอร์ หนึ่งในกลุ่มของไนติงเกลสามคนก็ก้าวออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งสามดูแปลกไปจากไนติงเกลคนอื่นๆดูเหมือนจะเป็นหมวกรูปทรงที่คล้ายกับหัวนก และหน้ากากที่เผยออกมาให้เห็นแค่ริมฝีปากของแต่ละคนเท่านั้น

 

         "สามมัจจุราชแห่งกอร์กอล ไนติงเกล 03, ไนติงเกล 07, และไนติงเกลหมายเลข14... ถ้าเป็นพวกนี้แล้วไม่ว่าใครก็หยุดพวกเขาไม่ได้ ต่อให้เป็นอัศวินแห่งไนท์เบลดทั้งห้าก็เถอะ"

 

         แอลแกนดาลมองเหล่าไนติงเกลทั้งสามพร้อมกับหลี่ตา ถึงแม้จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่แต่เนโครมอนเซอร์ก็รู้ได้ว่าเขากำลังขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแคลงใจ

 

        "เจ้ามั่นใจแน่เรอะ?" แอลแกนดาลถามขึ้นมาพร้อมกับมองลงไปยังใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้น ซึ่งเมื่อคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมได้ยินคำถามของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา

 

         สายตาของแมงป่องทองคำหรี่จนประหนึ่งเหมือนกับว่าเขากำลังซูมภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขาให้ลึกเข้าไปอีก และเมื่อถึงเวลาที่เขาคิดว่าพอสนควรกับการสอดแนมแล้ว ร่างของเขาก็ค่อยๆถอยหลังแล้วหายเข้าไปยังเงามืดของต้นไม้ต้นนั้น

 

 

***

 

 

         "เอวิน?...." เอวินที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆทำหน้าครุ่นคิดสีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้นี้มาก

 

         "มันพูดถึงเรื่องกล่องแล้วก็ประตู มันคงจะไม่ได้หมายถึง..." คนที่ชื่อแมงป่องทองคำค่อยๆหันมาถามก่อนที่กำลังจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม

 

        "..ใช่ นายคิดถูกแล้วล่ะ" เอวินพูดสวนขึ้นมา "แต่ว่าการที่จะเปิดประตูได้จะต้องใช้ภาระวันจิตรที่สูงมาก สูงจริงๆ ถึงจะเปิดมันขึ้นมาได้ ลำพังพลังของพ่อมดแห่งความมืดคงเปิดกล่องเองไม่ได้แน่ได้ เว้นแต่..."

 

         จู่ๆประโยคของเอวินก็สะดุดหยุดลงไปซะเฉยๆจนทำให้คนข้างๆรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ของสหายของเขา

 

         "...เว้นแต่?" แมงป่องทองคำกล่าวย้ำประโยคเดิม

 

         "เว้นแต่พวกมันจะมีคนที่มีภาระวันจิตรที่สูงจริงๆที่สามารถเปิดประตูนั่นออกมาได้..."        

 

         "หรือว่า นายคิดว่าจะเป็นเขา" เอวินพยักหน้าให้กับคำตอบของเพื่อนของเขา แล้วหันไปเทเหล้าใส่แก้วของตัวเองให้เต็ม

 

        "...ทายาทอันดูริลคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้วแน่ๆ มันเป็นใครกันแน่นะ" สายตาของเอวินมองดูน้ำสีหม่นๆที่ค่อยๆไหลลงสู่แก้วของตัวเองด้วยฝีมือของคนข้างๆของเขา

 

         "...ก็หวังว่าผู้กล้าของเราคงจะรับมือกับพวกมันได้นะ" เอวินยิ้มออกมาเล็กๆเมื่อได้ยินเสียงเมื่อได้ยินประโยคของคนข้างๆ

 

        "พวกเขายังเด็กไป ตอนนี้พวกเขาก็ยังมีความคิดแบบวัยรุ่นที่มีแต่ความเอาแต่ใจตัวเอง ในตอนนี้พวกเขายังอ่อนหัด พลังของพวกเขายังน้อยเกินไปที่จะรับมือกับของทัพอันดูริล เฮ้ออออ..."

 

         เอวินสายหน้าเล็กน้อยกับความคิดของตัวเองพร้อมกับยกแก้วของตัวเองขึ้นมาค้างเอาไว้กลางอากาศ

 

         "คราวนี้ฉันคงล้มเหลวซะแล้ว...." เมื่อพูดจบก็ยกแก้วนั้นขึ้นดื่มไปหนึ่งอึกใหญ่ๆ

 

         "แต่นายเองก็ยังมีคนพอจะช่วยได้อยู่ไม่ใช่เหรอ เยอะแยะไปสำหรับคนของไนท์เบลด แต่นายเนี่ยชอบทำเหมือนกับว่าตัวเองแบกโลกเอาไว้ทั้งใบอยู่เรื่อย" คำตำหนิของแมงป่องทองคำดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรกับเอวินนัก เขายิ้มและหันมาก่อนที่จะกล่าว

 

        "งานนี้มันใหญ่เกินกว่าพวกเด็กนักเรียนธรรมดาๆจะรับมือไหว แม้บางคนจะถึงขั้นระดับหัวกะทิก็ตามเถอะ"

 

       "...เลโอต้องช่วยนายได้แน่ๆ" เหมือนกับเป็นแรงกระตุ้นอะไรบ้างอย่าง ดวงตาของเอวินเบิกพล่างก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ เมื่อได้ยินชื่อนั้น

 

         "เลโอเหรอ!!! อย่ามาพูดชื่อเลโอต่อหน้าฉัน!!!" จู่ๆคนที่ดูมีท่าทีสุขุมรอบคอบอย่างเอวินก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีความโมโห ใบหน้าหน้าแดงกล่ำ

 

         "เจ้านั่นน่ะมันทั้งนักเลง ทั้งโหลยโท่ยไร้ความรับผิดชอบ ไม่เคยจริงจังกับอะไรซักอย่าง ไม่เคยออกมาปกป้องไนท์เบลดสักครั้งเดียว คนอย่างมันน่ะแม้แต่งานของตัวเองมันยังไม่ค่อยจะตั้งใจทำเลย!!!"

 

         ก่อนที่เพื่อนของเขาจะเดือดไปมากกว่านี้ แมงป่องทองคำจึงไปหยิบขวดเหล้าแล้วค่อยๆรินลงไปที่แก้วของเอวินให้เต็ม

 

         "เอาน่าๆ ใจเย็นๆ ยังไงซะนายก็ต้องมีแผนรับมือเอาไว้ก่อน ฉันขอเตือนนายเอาไว้ก่อนเพราะว่าพวกกลุ่มไนติงเกลมันไม่ธรรมดานะ เจ้าพวกนั้นน่ะขึ้นชื่อในแทบทางตะวันออกจนไปถึงตอนเหนือเลย ฉันว่านายอย่าประมาทกลุ่มพวกนี้เอาไว้ดีกว่า เจ้าพวกนี้น่ะแทรกซึมปะปนกับคนทั่วไปอยู่จนทั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า นักท่องเที่ยว รวมไปถึงข้าราชการหรือหน่วยงานของรัฐ งานนี้ถ้าพวกมันจะเล่นก็คงจะเล่นไม่ยาก..."

 

 

        "ขอบใจ แล้วฉันจะลองหาทางรับมือกับมัน ว่าแต่..." เมื่อจบประโยค เอวินก็ชี้นิ้ววนไปรอบๆพื้นที่เล็กๆที่พวกเขากำลังนั่นอยู่ ออร่าสีขาวบางๆห้อมล้อมพื้นที่นั้นจนเอวินเกิดความสนใจ

 

         "...ฉันชอบพลังเวทที่นายทำนะ" เอวินพูดพลางชี้ไปรอบๆออร่านั้น

 

        "เจ๋งไหมล่ะ ทำให้ดูเป็นบรรยากาศส่วนตัว เหมือนเป็นห้องเงียบๆเก็บเสียงแทนที่จะได้ยินดนตรีที่ดังจนตับจะแตกให้ได้" เขาว่าแล้วก็ดื่มเข้าไปอีกแก้ว

 

         "นายนี่นาจริงๆเลย"

 

        "ก็ต้องทำให้มันไม่น่าสงสัยจริงมั๊ยล่ะ มาที่บาร์ปิดแนวๆแบบนี้นี่และดีที่สุด" เมื่อเอวินหันไปรอบๆก็พบกับกลุ่มคนในบาร์ที่แต่งตัวด้วยสีฉูดฉาด มีผ้าคลุมหรือขนนกใหญ่อลังการ หรือไม่ก็แต่งตัวด้วยผ้าหลากสี เครื่องประดับประดาอีกมากมาย

 

         "บาร์แบบแนวแฟนตาซีสินะ"

 

         "ถูกต้อง...."

 

        "แต่ก็นะ ยังไงซะฉันก็ดีใจที่ได้เจอกับนายอีกครั้ง... แด่เพื่อนเก่า"

 

         "ดีใจที่ได้เจอเช่นกัน ทาเรียส..."

 

         และทั้งสองก็ชนแก้วเป็นเสียงดังกริ๊งพร้อมกับยกแก้วของตัวเองดื่มอย่างพร้อมเพียงกัน

 

 

 

      ~~~~

 

         ~~ กิ้ง ก่อง กาง ก๊อง ~~

 

 

         ในยามเช้าของโรงเรียนไนท์เบลด ภายในห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 4/8 ก็ยังคงมีเสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กนักเรียนในห้อง ที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายกันอย่างจ้าละหวั่น บ้างก็กำลังเล่นวิ่งไล่จับกันจนเพื่อนผู้หญิงที่กำลังวิ่งไล่จับอยู่นั้นไปชนเข้าเอากับโต๊ะที่มีเพื่อนสาวของเธอกำลังนอนฟุบลงไปอย่างสบายใจอย่างแรง จนเพื่อนของเธอสะดุดขึ้นมาแล้วทำหน้าไม่พอใจก่อนที่จะฟุบหน้าลงไปอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอที่ชนวิ่งจากตรงนั้นไปแล้ว ไม่ก็กำลังเล่นสงครามปากระดาษระหว่างเพื่อนนักเรียนชายด้วยกัน ลูกบอลกระดาษลอยไปลอยมาอย่างบ้าคลั่งอยู่กลางอากาศท่ามกลางเสียงโวยวายตามภาษาของเด็กนักเรียนชาย เพื่อเป็นการตอนรับการเรียนในชั่วโมงแรกที่กำลังจะมาถึง... 

 

       เว้นแต่กลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งจับกลุ่มกันอยู่สี่ห้าคนที่โต๊ะนักเรียนหญิงมุมห้องข้างหน้าต่าง ไมมิ นักเรียนสาวที่ชื่นชอบการอ่านนิยายแนวสืบสวนกำลังเปิดหนังสือนิยายเล่มหนาเตอะประหนึ่งนั่นเป็นประมวลกฏหมายก็ไม่ปาน เพียงแต่ว่าในวันนี้นั้นหนังสือที่เธอกำลังอ่านมันอยู่นั้นไม่ใช่หนังสือนิยายแนวสืบสวนอย่างที่เธอชอบอ่านเป็นประจำ แต่มันคือนิยายแนวรักหวานแหว๋วที่เธอกำลังตั้งใจอ่านให้กับเพื่อนสาวอีกสามคนฟังนั่นก็คือ เรนะ ซายูมิ และเอริ

 

        แต่ทว่าภาพที่เพื่อนสาวของพวกเธอคนหนึ่งที่กำลังมองพวกเธออยู่กำลังเห็นว่าพวกเธอนั้นมีสภาพที่ดูอิดโรย อดหลับอดนอน และต้องสะดุ้งขึ้นมาทุกครั้งเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองคอตกจนเกือบฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะ และเปลือกตาที่พวกเธอพยายามฝืนให้มันลืมขึ้นมาก็ค่อยๆปิดลง แล้วการกระทำแบบนี้ก็วนลูปไปหลายต่อหลายเที่ยว จนในที่สุดเอริก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครมาสะกิดเธอจนทำให้เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

         "เอริ...." หลินหลินเรียกคนที่กำลังเกือบจะหลับไปอีกครั้งหนึ่งต้องหันมาหาเธอ "อ่ะนี่... วันนี้เรย์ลาป่วยนะ"

 

         หลินหลินยื่นกระดาษขาวๆในมือให้กับเอริหัวหน้าห้องของเธอ ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกับเพื่อนสาวอีกสองคนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพสะลึมสะลือ สายตาของเอริไล่ไปตามตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ในกระดาษขาวแผ่นนั้น ซึ่งในแต่ล่ะบรรทัดของแต่ล่ะย่องหน้ากระดาษนั้นดูจะเป็นคำพูดที่ดูทางการมากกว่าความคิดของคนที่ลงถูกลงชื่อเอาไว้อยู่บนหัวบรรทัดของ "ผู้ขออนุญาต" เมื่อเอริอ่านเสร็จก็ทำคิ้วขมวดชวนสงสัย หลินหลินเลิกคิ้วตัวเองขึ้นเล็กน้อยพร้อมรับคำถามจากหัวหน้าห้องของเธอ

 

         "หืมมมมม!! วันนี้เรย์ก็ลาอีกแล้วเหรอ" เอริถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย         "ก็... คงงั้นแหละ" หลินหลินพยักหน้าเล็กน้อย

 

        "นี่ก็ปาไปสามวันแล้วนะ เรย์ไปทำอะไรกันน๊า ถึงได้หายไปแบบนี้เนี่ย..." สายตาเจ้าเล่ห์ของหัวหน้าห้องค่อยๆหันมามองที่หลิน นิ้วชี้ที่กำลังแตะริมฝีปากขี้งอนของเธอประหนึ่งกำลังคิดแผนชั่วร้ายเอาไว้อยู่ในใจ

 

        "...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือน" หลินยักษ์ไหล่ตอบ นิ้วชี้ที่เคยแตะริมฝีปากอยู่ตกฮวบลงมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูผิดหวังมากๆ

 

         "อ่าาาา นึกว่าเธอรู้ซะอีก เห็นสนิทกันอย่างกับแฟน..."

 

         "ไม่ใช่นะ!... เอ่อ คือ เรย์แค่ฝากให้ฉันลาให้ก็แค่นั้นแหละ" หลินหลินตอบแบบตะกุกตะกักจนทำให้เอริขำคิกคัก

 

         "จ้าๆ เดี๋ยวจะจัดการเรื่องใบลาให้ไม่ต้องกลัว"

 

         "ว่าแต่ พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?..."

 

         สายตาของหลินหลินมองไปยังเพื่อนสาวที่กำลังนั่งล้อมวงไมมิอีกสองคน ซึ่งพวกเธอก็ยังคงมีอาการสะลึมสะลือยังไม่หาย เมื่อเอริได้ยินคำถามจากหลินก็รีบดึงหลินเข้ามาใกล้ๆ แล้วยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูพร้อมกับเอามือป้องเอาไว้กันเสียงเล็ดลอดให้คนที่กำลังนั่งอ่านนิยายรักอยู่นั้นได้ยิน

 

         "...ก็ไมมิน่ะอยากจะลองมีความรักดูน่ะสิ" เหมือนกับได้เจอเรื่องที่น่าประหลาดใจเอามากๆ นัยน์ตาของหลินหลินเบิกกว้างจนโตเมื่อได้ยินประโยคจากเอริ

 

         "จริงดิ!!!" เอริพยักหน้าหงึกๆเมื่อได้ยินเสียงของหลิน

 

 

 

         แต่ไม่นานนักไมมิก็ละสายตาจากหนังสือที่ตัวเองกำลังอ่านแล้วหันไปมองนอกห้องเรียน ที่ในตอนนี้กำลังมีชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีร่างกายกำยำกล้ามเป็นมัดๆเดินผ่านไป เธอมองตามอย่างชวนฝันกับใบหน้าอันหล่อเหลาที่เข้ากับเรือนผมสีบลอนด์ทองที่เซตให้ดูเหมือนดาราเกาหลีซักคน เอริกับหลินต้องมองตามสายตาของไมมิไป เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่กำลังเดินผ่านประตูไปอย่างช้าๆพวกเธอทั้งสองก็ร้องอ๋อแล้วก็พยักหน้าพร้อมกัน

 

         "...นั่นรุ่นพี่คริสเตียนนี่นา หล่อจังเลย..." เอริพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝัน

 

         "เรียนก็เก่ง นิสัยก็ดี แถมยังเป็นนักบาสเก็ตบอลตัวโรงเรียนด้วยนี่นา เพอร์เฟคอะไรอย่างงี้นา ถ้าฉันได้เป็นแฟนละก็..." เอริทำท่าเขินอายแล้วจนกอดตัวจนหลินหลินต้องตีแขนไปทีนึงเพื่อเรียกสติของเพื่อนตัวเองกลับมา

 

         "นี่ๆใจเย็นๆ"

 

         "ง่าาาาาา แต่ก็นา ติดตรงที่พี่เค้ามีแฟนไปแล้วนี่แหละ เสียดายจังเลย... รู้สึกว่าคนที่พี่เค้ากำลังคบกันอยู่จะเป็นเด็กม.3 ที่หน้าตาน่ารักๆ ชื่อฟุคุมุระ มิซึกิ ละมั้ง..."

 

          เอริเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากทำท่านึกไปด้วยจนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเมื่อหลินหลินได้ยินประโยคของนั้น เธอก็เปลี่ยนสีหน้าไปแล้วรู้สึกว่าหัวใจมันหลนตุ๊บขึ้นมาทันที

 

         "อย่างนั้นหรอกเหรอ...." หลินยิ้มเจื่อนๆ แล้วค่อยๆเบนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเธอ

 

... เรย์จะรู้แล้วรึยังนะ ...

 

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ -

 

 

         จู่ๆเพื่อนนักเรียนชายในห้องเดียวกันก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่งด้วยสีหน้าที่แตกตื่นเหมือนกับไปเจอเรื่องอะไรที่น่ากลัวมา

 

         "แย่แล้วๆ แย่แล้วๆ !!!!"

 

         "มีอะไร! เกิดอะไรขึ้นเหรอหน้าแตกตื่นเชียว" เอริถามขึ้นมาทันที

 

         "อ๋อ อาจารย์ไม่เข้าสอนเหรอ!!!"

 

         "ไม่ใช่!!"

 

         "...อาจารย์ไม่สบายกะทันหัน!"

 

         "ไม่ช๊ายยยย!!!!"

 

        "แล้วมันเรื่องอะไรเล่า!!!!"

 

         "พิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนถูกคนงัดนะสิ!!!!"

 

         "อ๋อ อย่างงี้นี่เอง...." เอริกับหลินพยักหน้าช้าๆแล้วก็ค่อยๆหันกลับไป แล้วทั้งคู่ก็หันควับกลับมาอีกทีเหมือนว่านึกอะไรอยู่

 

         "ห๊าาาาาา !!!!" และทั้งคู่ก็ส่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน จนไมมิที่นั่งอยู่ด้วยกันต้องสะดุ้งขึ้นมาเพราะความตกใจ รวมไปถึงซายูและเรนะที่กำลังเคลิ้มๆก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาทำหน้าตาเหลอหลา

 

 

 

ณ พิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนไนท์เบลด

 

         ในตอนนี้ถนนข้างหน้าพิพิธภัณฑ์นั้นเต็มไปด้วยรถตำรวจหลายคันที่กำลังเปิดไฟสัญญาณสีแดง เป็นสิ่งที่แสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าที่แห่งนี้ได้เกิดเหตุร้ายขึ้น อาจารย์ฟุยุสึกิที่เป็นเวรเฝ้าพิพิธภัณฑ์ในวันนี้กำลังให้ปากคำกับตำรวจนายหนึ่ง ที่ในมือของเขากำลังถือสมุดโน๊ตขนาดใหญ่และกำลังจดบันทึกด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งเครียดไม่ต่างจากอาจารย์สาวผู้ให้ปากคำซักเท่าไร              และเธอยังมีประธานนักเรียนทากาฮาชิ ไอ และรองประธานนีงาคิ ริสะ คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าสิ่งขอสำคัญๆภายในพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนนั้นจะไม่มีอะไรหายไปก็ตาม

 

         ลึกเข้าไปในใจกลางพิพิธภัณฑ์ภายในห้องโถงนั้นมีทางเข้าซึ่งเป็นทางลับที่น้อยคนในโรงเรียนนั้นจะรู้ถึงความลับนี้ ประตูไม้เก่าๆถูกเปิดออก ถัดไปจากทางมืดๆนั้นก็คือทางเข้าลับที่เป็นที่เก็บสิ่งของโบราณที่สุดแสนจะล้ำค่าหาที่เปรียบไม่ได้ของไนท์เบลด หน้าประตูกระจกอันแน่นหนามีอาจารย์เอวินกำลังยืนมองดูสิ่งของภายในห้องด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างมาก

         สังเกตได้จากดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเข้มตามความดันของร่างของ ภายในนั้นสิ่งของที่กำลังเรียงรายอยู่บนชั้นวางของอย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นถ้วย โหล ไหเก่าๆ หรือแม้กระทั่งอาวุธเก่าๆที่มีสภาพที่ไม่น่าจะใช้การได้ก็ไม่ได้มีสิ่งใดหายไป

 

         ภายในนั้นยังมีเหล่าสารวัตรนักเรียนสองสามคนกำลังตรวจหาสิ่งของที่หายไปในห้องอย่างพิถีพิถัน

 

        "...เป็นฝีมือของใครกันนะ" ชิมิสึพูดขึ้นมาแล้วหันมาของมิยาบิ ซึ่งเธอเองก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆพร้อมกับถอดถุงมือสีขาวที่ใช้สำหรับในการตรวจจับสิ่งของออก

 

         "ต้องเป็นฝีมือของคนในโรงเรียนนี้แน่ๆ ถ้าไม่ใช่ในโรงเรียนนี้แล้วก็ไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้อีก" เพื่อนสารวัตรนักเรียนสาวอีกคนกล่าวเสริม ในขณะที่เธอกำลังวางไหเก่าๆกลับไปยังชั้นที่มันจากมา

 

         "แต่ต่อให้จะรู้ว่าห้องลับนี้อยู่ตรงไหน การที่จะเจาะระบบป้องกันไปได้นี่ไม่ใช้เรื่องง่ายๆเลยนะ..." มิยาบิอยู่ขึ้นมาแล้วหันไปรอบๆห้องนั้น "....ดูเหมือนว่าพวกมันแค่จะเข้ามาหาอะไรบางอย่าง"

 

         "แล้วก็เจอด้วย!..."

 

         จู่ๆคิคาวะ ยูว์ ที่พึ่งเดินออกมาจากประตูในห้องที่อยู่ข้างในสุดก็พูดขึ้นมา ประโยคคำพูดของเธอสร้างความสนใจให้กับบรรดาคนที่อยู่ภายในห้องนั้นจนต้องหันควับไปทุกคน

 

 

         "....กล่องแห่งอาคาช่าหายไปแล้ว!!"

 

         นัยน์ตาของทุกคนเบิกกว้างเมื่อได้ยินเรื่องที่น่าตกใจสุดขีด ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์เอวินที่มีสีหน้าที่ดูช๊อคกับเหตุการณ์นี้

 

         "อะไรกันเนีย พวกไนติงเกล มันเริ่มแล้วเหรอ!..." อาจารย์เอวินบ่นพรึมพรำขึ้นมาคนเดียวอยู่ที่หน้าประตู

 

         "ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะลงมือเร็วขนาดนี้... คิคาวะ ยูว์!!" ยูว์หันควับมาตามเสียงของเอวินอย่างรวดเร็ว

 

         "รีบติดต่อไปยังกองทัพหรือค่ายทหารที่อยู่ใกล้เมืองเรามากที่สุดให้ส่งกำลังมาช่วยโดยด่วน!!"

 

         "เอ่ออาจารย์ค่ะ?!!" ยูว์พูดขึ้นมาพร้อมกับเดินกึ่งวิ่งไปหาอาจารย์เอวินที่หันหลังให้เธอแล้วเดินไปอย่างรวดเร็วเมื่อสั่งการเสร็จ

 

        "ทำไมเราไม่แจ้งความกับผู้หมวดคนนั้น แล้วบอกให้เขาส่งกำลังตำรวจออกตามหากล่องจะดีกว่านะคะ! ไม่จำเป็นจะต้องไปถึงมือกองทัพเลย" เอวินหันมาพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียด

 

       "สถานการณ์ในตอนนี้มันใหญ่เกินกว่าที่เธอคิดอยู่มาก! นี่มันไม่ใช่เรื่องตำรวจจับขโมยธรรมดาๆแล้วนะคิคาวะ!... เรื่องนี้พวกเขาช่วยเราไม่ได้หรอก รีบทำตามที่ฉันสั่ง รีบไป!"

 

        "ค่ะอาจารย์..." ยูว์พยักหน้าเบาๆแล้วรีบเดินไปโดยที่เธอมีความรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์ในตอนนี้นัก เธอเดินออกไปพร้อมกับชิมิสึและมิยาบิ

 

         "นีงาคิ ริสะ!... ทากาฮาชิ ไอ!" ประธานและรองประธานนักเรียนหันมาทำหน้าเหลอหลาเมื่อได้ยินเสียงที่ดูร้อนรนของอาจารย์เอวิน

 

         "ค่ะ!... เอ่อ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?" ริสะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

         "รีบติดต่อหาแองเจโล่กับซิกฟรีดให้เร็วที่สุดเลย!"

 

         "พวกเขาเข้าไปในเมืองน่ะค่ะ... ไปตั้งแต่เช้าแล้ว พวกรามูเนสกับอคิลลิสก็ด้วย" ทากาฮาชิบอก เมื่อเอวินได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับมีรอยยิ้มเล็กๆออกมา

 

         "เจ้าพวกนั้นคงรู้แล้วสินะ ทำได้ไม่เลวจริงๆ" แล้วอาจารย์เอวินก็เดินไป ทิ้งเอาไว้ให้สาวสวยทั้งสองคนยืนมองหน้ากันด้วยความสงสัย

 

 

... เป็นอย่างที่นายพูดเอาไว้จริงๆ ฉันประมาทพวกมันมากไปจริงๆ ฉันทำพลาดไปซะแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะ นีโร่ ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา