KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  23.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) เปลวเพลิงแห่งความยุติธรรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ณ พิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนไนท์เบลด
         ภายในห้องโถงใหญ่แห่งพิพิธภัณฑ์ในยามเย็นที่แสงแดดเริ่มเป็นสีอ่อนๆ ภายในนั้นเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงมาจากบรรดาอาจารย์ของโรงเรียน นักเรียนจากสภานักเรียน และเหล่าสารวัตรนักเรียนของโรงเรียนไนท์เบลด สิ่งที่นำพาพวกเขามาที่แห่งนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องอื่นใด แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขากำลังสนใจนั่นก็คือ สิ่งของที่หายไปแล้วกลับมาอยู่ในโหลแก้วอย่างเป็นปริศนาได้อย่างไร แหวนในตำนานแห่งไนท์เบลด
 
         ฟุยุสึกิอาจารย์ประจำวิชาหมวดสังคมที่เป็นเวรเฝ้าพิพิธภัณฑ์ในเย็นวันนี้ ภายใต้แว่นตาเลนส์ใสของเธอนั้นแสดงให้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดมากกว่าเดิม เมื่อเธอมาทราบว่าแหวนกลับมาได้โดยที่เธอคลาดสายตาคนที่นำแหวนมาไว้ที่นี่ไป
 
         "แหวนกลับมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มีใครรู้บ้าง?..." อาจารย์ที่สวมเสื้อเชื้ดสีน้ำตาลท่านหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูลุกลี้ลุกลน พร้อมกับชี้นิ้วไปยังแหวนที่ตั้งอยู่ในตู้กระจกตรงหน้าของเขา แต่คำตอบที่เขาได้มานั้นคือการสายหน้าไปมาของบรรดาอาจารย์และนักเรียน
 
         "ไม่มีใครรู้เลยอย่างนั้นเหรอ! เป็นไปได้ยังไง! ต้องมีใครสักคนเห็นบ้างสิ!..." เขายังคงยืนยันอยากได้คำตอบจากคำถามนั้นของตัวเอง 
 
         "งั้นก็หมายความว่า คำทำนายของโรงเรียนตอนนี้กลายเป็นจริงแล้วอย่างนั้นเหรอ" อาจารย์คนหนึ่งที่ใส่เสื้อกราวสีขาวของหมวดวิทยาศาสตร์พูดขึ้นมา หัวของเขาล้านและผมที่เหลืออยู่กระจุกเดียวของเขาก็ฟูฟอดเหมือนกับคนที่มีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา มือสองข้างของเขาตอนนี้กุมกันไว้แล้วบีบไปมาเหมือนกับคนที่เป็นกังวนอยู่ตลอดเวลา
 
         "...อย่าพูดบ้าๆน่า! มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันเล่า! ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครทำได้เลยสักคนไม่ใช่เหรอ! การคัดเลือกนั่นน่ะ!" จู่ๆอาจารย์ที่สวมเสื้อเชิดสีฟ้าที่อยู่ใกล้ๆก็ตวาดขึ้นมา
 
         "จริงด้วย! ไม่เคยมีใครทำให้มันแตกได้เลยไอ้ดินหรืออะไรที่เคยเกาะอยู่น่ะ แล้วดูตอนนี้สิ!... เงาวาววับ สวยงามขนาดนี้ ต้องใช้แน่ๆ ต้องเป็นเขาแน่! คนที่ทำให้แหวนคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งน่ะ!!" อาจารย์สอนวิชาพละพูดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะพึ่งเข้ามาได้ไม่นานนักแต่ก็ยังพอจับใจความสำคัญของเรื่องทั้งหมดนี้ได้
 
 
 

          การสนทนาที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ดูวุ่นวายยังคงดำเดินต่อไป ยิ่งพวกเขายิ่งหาข้อสรุปมากขึ้นเท่าไร เรื่องนี้ก็กลับกลายจะเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากข้อเท็จจริงไปมากขึ้นเท่านั้น เสียงพูดคุยที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งยังคงดังไปอยู่อย่างนั้น จนพวกเขาไม่ได้สังเกตสามคนที่กำลังจะเข้ามาใหม่ผ่านทางประตูของพิพิธภัณฑ์ว่าเป็นใคร

          "หรือจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ทุกท่านกำลังคิดอยู่ก็ได้นะครับ" เพราะเสียงจากสารวัตรนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา ทำให้พวกเขาต้องยุติการหารือกันในเรื่องนี้ก่อนแล้วหันไปยังต้นเสียงนั้น 
 
 
         นักเรียนชายร่างสูงในชุดนักเรียนของไนท์เบลด ที่มีตราของสารวัตรนักเรียนเป็นรูปโล่สีขาวกับดอกกุหลาบติดอยู่ตรงปกคอเสื้อทางด้านซ้าย นี่คือสัญลักษณ์ของสารวัตรนักเรียนประจำโรงเรียนไนท์เบลด เป็นผู้ชายที่มีใบหน้ารูปไข่ คางแหลม ไว้ผมลากไซสีดำและทำผมหน้าม้าแหวกกลาง ดวงตาสีน้ำตาล ผิวสีไข่ไก่ 

         นักเรียนชายร่างสูงเดินมาพร้อมเพื่อนของเขาอีกหนึ่งคน และหัวหน้าสารวัตรนักเรียน ที่เดินนำหน้าพวกเขาอีกหนึ่งซึ่งดูจากลักษณะท่าทางของเขาแล้วคงจะเดาไม่ผิดว่า เขาดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายปกครอง 
 
         อาจารย์ท่านนี้มีใบหน้าของเขาเรียวยาวและดูอ่อนกว่าวัยมากแม้อายุของเขาจะย่างก้าวเขาเลขสามแล้วก็ตาม ผมสีดำของเขายาวหยักศกถึงแผ่นหลังของเขา นัยน์ตาสีน้ำตาและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนกับว่าคนๆนี้กำลังมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ได้คิดอะไรเลยอยู่ก็ตาม รูปร่างของเขาดูสูงกว่าเด็กนักเรียนทั้งสองคนที่ประกบคู่ซ้ายขวามาก อาจจะเป็นเพราะเสื้อทำงานยาวๆถึงต้นขาสีขาวดำปกขอสีแดงมีซิบอยู่ตรงกลางจะทำให้เขาดูสูงขึ้นก็ตาม 
 
         "นี่เธอหมายความว่ายังไงกัน! ไทฟูน รามุเนส?"


         อาจารย์ฟุยุสึกิพูดขึ้นมาในขณะที่ทาคาฮาชิ ไอกับนีงาคิ ริสะ ที่เป็นประธานและรองประธานสภานักเรียนก็หันไปตามที่มาต้นเสียงเมื่อกี้ รวมไปถึงอาจารย์ที่มารวมกันอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
 
         "ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ ไม่แน่ว่านี่อาจจะไม่ใช่ฝีมือของ"คนที่ถูกเลือก" ที่พวกเรากำลังคิดกันอยู่ก็ได้" รามูเนสพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนว่าเขากำลังโอ้อวดตนเองอยู่ "แต่มันอาจจะเป็นฝีมือของอีกคนหนึ่งที่สามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกัน"
 
         "คนที่สามารถจะทำแบบนี้ได้งั้นเหรอ หรือว่า!!" แม้ว่าหลายคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่รามูเนสพูดมากนัก แต่นัยน์ตาของอาจารย์ฟุยุสึกิเบิกกว้างทันทีเมื่อเธอคิดอะไรออกจากคำพูดของรามูเนส เหมือนว่าเธอพึ่งเจอกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจมาหมาดๆ
 
         "ใช่แล้วครับ หลังจากนี้คงต้องขอให้เป็นหน้าที่ของสารวัตรนักเรียนอย่างผมจัดการเถอะนะคร๊าบ ฮู้ ฮู่ ฮู--" รามูเนสยังคงพูดด้วยหางเสียงสูงๆชวนหมั่นใส้เหมือนเดิม 


         เขาก็เดินหัมเพลงไปเพื่อไปยังโหลแก้วที่มีแหวนอยู่ข้างใน แล้ววางหมาดเดินผ่านบรรดาอาจารย์ที่ยืนขวางเขาอยู่โดยไม่ได้แม้แต่จะเหลียวมองหรือสนใจคนรอบข้างเลย เขายืนหน้าเข้าไปที่โหลแก้วใกล้ๆเพื่อที่จะดูแหวนที่อยู่ข้างในนั้นอย่างชัดเจน จนโหลแก้วใสสะท้อนใบหน้าของเขา ที่เมื่อได้มองแหวนวงนั้นแล้วเขาก็เปลี่ยนสีหน้าไปโดยฉับพลันในทันที 
 

         "ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่แน่ว่าคืนนี้เราอาจจะได้ตัวคนที่เรากำลังตามหาอยู่ก็ได้..." ห้องโถงใหญ่ในพิพิธภัณฑ์ที่เคยเงียบไปครู่หนึ่งก็เกิดเสียงเจี้ยวจ้าวขึ้นมาอีกครั้งจากกลุ่มอาจารย์ ด้วยคำพูดประโยคนั้นของรามูเนส
 
         "คืนนี้คงพร้อมนะ?... อัน อคิลลิส" เพราะคำถามที่ส่งไปยังเพื่อนอีกคนของรามุเนส ทำให้ทุกคนในห้องโถงนั้นต่างหันไปยังนักเรียนเจ้าของผมสีเขียวคนนั้น

         "อืม" 
 
         "คงเตรียมมาด้วยสินะ สิ่งๆนั้นน่ะ" อคิลลิสไม่ได้ตอบอะไร ทิ้งเอาไว้เพียงแต่ความเงียบงันกับสายตาที่จับจ้องไปยังแหวนที่อยู่ตรงหน้าของเขาเท่านั้น
 
 
 
 
         อีกด้านหนึ่งในตรอกเล็กๆแคบๆที่ผู้คนน้อยนักที่จะใช้ที่นี่เป็นทางสัญจรไปมา เรย์วิ่งตามพวกนักเลงที่จับตัวมิซึกิรุ่นน้องของเขาไปตามทางเดินแคบๆที่เต็มไปด้วยน้ำขังและเศษขยะมากมาย เสียงเอะอะใกล้ๆกับแถวนั้นทำให้เขาวิ่งตามเข้าไปได้อย่างไม่ได้หลงทางแต่อย่างใด เรย์วิ่งตามไปจนไปหยุดอยู่ที่หน้าโกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่รีรอที่จะรีบเข้าไปข้างในนั้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของมิซึกิ 
 
         และสิ่งที่เรย์ได้เห็นทันทีที่เข้าไปข้างในโกดังนั้นเลย คือภาพของพวกนักเลงกลุ่มใหญ่ๆมากกว่ายี่สิบคนกำลังยืนล้อมวงกันอยู่ ซึ่งกลางวงนั้นคือมิซึกิที่กำลังถูกนักเลงคนหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของนักเลงพวกนี้ค่อมร่างของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน 

         มันพยายามจะลวนลามร่างกายเธอทุกอย่างเท่าที่พละกำลังของผู้ชายที่มีอยู่จะทำได้ ในขณะที่มิซึกิทำได้แค่กรีดร้องและดิ้นไปมาแต่ก็ทำอะไรได้ เพราะแรงของผู้หญิงที่มีอยู่น้อยกว่าอยู่แล้ว เป็นภาพที่เรย์เห็นแล้วเกินที่หัวใจของเขาจะรับไหวได้อีกต่อไป
 
 
         "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!!!!!!!"
 
 
         เสียงตะโกนลั่นโกดังทำให้พวกนักเลงต้องหยุดลงมือและหันไปยังที่มาของเสียงนั่น เรย์หันไปหยิบท่อนไม้หน้าสามยาวๆที่เขาได้เห็นด้วยหางตาเมื่อกี้นี้ขึ้นมา แล้วย่างก้าวเข้าไปหากลุ่มนักเลงที่อยู่ตรงหน้า แต่พวกนักเลงตรงหน้าของเขาเองก็มีอาวุธอย่างไม้หน้าสาม ท่อนเหล็กยาวๆและสนับมือติดตัวอยู่เหมือนกันทุกคน 
         และคิดว่าตอนนี้นักเลงทุกคนพร้อมที่จะเปิดศึกกับเรย์ได้ทุกวินาที เมื่อสายตาทุกคู่จดจ้องมายังชายหนุ่มที่เดินมาเดี่ยวๆอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
 
         "แกเป็นใครกันฟร๊ะ!" นักเลงที่เป็นหัวหน้าถามขึ้นมาอย่างอหังกา ในขณะที่ตัวของเขาก็นั่งค่อมตัวของมิซึกิเด็กสาวผู้โชคร้ายอยู่ มือสองข้างของเขาเองก็ไม่ได้ผ่อนแรงที่กดตัวของมิซึกิเลยแม้แต่น้อย
 
         "...ฉันเป็นรุ่นพี่ของมิซึกิ" สิ้นเสียงของเรย์ที่ตอบอย่างมั่นใจ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะลั่นโกดังของพวกนักเลงกลุ่มนั้น

         "รุ่นพี่เหรอว่ะ ฮ่าๆๆๆ ตลกว่ะพวกนายว่าป่ะ"

         "น้องชื่อมิซึกิเหรอค๊าาา" น้ำเสียงที่ฟังดูน่าขยักแขยงของนักเลงหัวหน้า พร้อมกับมือที่ค่อยๆเอื้อมไปหวังที่จะจับหน้าอกของคนที่นอนอยู่ทีละนิดๆ
 

         "ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!" เรย์ตวาดลั่นเสียงเขียวอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับกำไม้หน้าสามที่อยู่ในมือแน่น สายตาของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอยากที่จะช่วยรุ่นน้องของเขาให้ได้
 
         "อยากได้ก็มาแย่งไปซิจ๊ะ.." หัวหน้านักเลงคนนั้นพูดลากเสียงยาวๆอย่างน่าหมั่นใส "แต่ก่อนหน้านั้นน่ะฉันขอ หึหึหึ" 

         สิ้นเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของนักเลงที่นั่งค่อมอยู่ ก็เริ่มเอามือถูไปตามร่างกายของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างใต้อย่างไม่มีทางสู้ช้าๆ ในขณะที่มิซึกิเองก็ได้แต่ดิ้นขัดขืนไปมา เป็นภาพที่ทำให้เรย์หมดความอดทนที่จะยืนดูเฉยๆอีกต่อไปแล้ว

         เรย์สาวเท้าวิ่งเขาไปหาพวกนักเลงที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่กลัวอะไรอีกต่อไป
 
 
         "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าน๊า!!!!!!!!! พี่เรย์ช่วยด้วย!!!!!!!!!"
 
         "หยุดนะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย"
 
 
 
 
         "เห้ยพวกแก เก็บมัน!"

         ลูกน้องของหัวหน้านักเลงพวกนั้นก็วิ่งเข้าห่ำหั่นกับชายหนุ่มตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำสั่ง เรย์เปิดประเด็นด้วยไม้หน้าสามของเขาเข้าไปที่หลังของนักเลงที่วิ่งมาคนแรกจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ตามด้วยคนที่สองโดนเรย์ฟาดเข้าไปเต็มๆหน้า แต่เมื่อเขากำลังจะฟาดไปที่ตัวคนที่สาม เรย์ก็โดนท่อนเหล็กที่นักเลงอีกคนถือมาฟาดเข้าที่ท้องของเขาจนเขาล้มลงเพราะความเจ็บและจุก ตามมาด้วยสหบาทาของบรรดานักเลงทั้งหลายที่รุมกระทืบคนที่นอนอยู่เพราะความเจ็บปวด 
 
          เมื่อนัยน์ตาของเรย์มองผ่านช่วงหว่างขาของนักเลงคนหนึ่งไป ภาพมิซึกิที่กำลังโดนลวนลาม มือของนักเลงเริ่มจะค่อยๆแหวกเสื้อนักเรียนสีแดงของมิซึกิ ทำให้ความโกรธของเรย์เพิ่มขึ้นอีกเท่าทวีคูณจนเขาสามารถลุกขึ้นแล้วแหวกฝ่าวงล้อมของกลุ่มนักเลงที่กำลังรุมกระทืบเขาออกไปได้

         แม้เรย์จะรู้ว่าร่างกายแท้จะยืนไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ใช้กำลังที่เหลือขว้างไม้หน้าสามส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้หักเพราะจากการต่อสู้ออกไป โดนศีรษะของหัวหน้านักเลงที่กำลังมีความสุขอยู่กับการขืนใจของหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างล่างอย่างจัง ด้วยความแรงของไม้ที่กระทบเข้าที่ศีรษะทำให้นักเลงคนนั้นหัวเสียเลยต้องลุกขึ้นมาก่อน
 
         "อยากตายมากใช่ไหมเมิง!!! เดี๋ยวจัดให้!!!"
 
         เมื่อพูดเสร็จก็ไปขว้าท่อนเหล็กแล้วหวดไปที่ท้องและหลังของเรย์อย่างแรง เมื่อเรย์ล้มลงนักเลงก็ไม่ปล่อยให้คนที่กำลังนอนอยู่ได้หายใจ กระหน่ำตีคนที่นอนอยู่ด้วยท่อนเหล็กอันนั้นอย่างไม่ยั้งมือจนเรย์สำลักเลือดออกมา และเลือดกระเด็นกระดอนไปตามจังหวะการตีของหัวหน้านักเลงคนนั้น 
 
         
         "อึดนักใช่ไหมเมิง อึดนักใช่ไหม!!!"
 
         
         "อย่า!!! หยุดนะ!!! พอที!!!"
         แม้มิซึกิจะพยายามเข้าไปห้าม โดยการดึงท่อนเหล็กออกมาเพื่อช่วยรุ่นพี่ของเธอที่กำลังนอนหมดสภาพอยู่ แต่คนที่ถือท่อนเหล็กเอาไว้ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำมิซึกิยังโดนตบหน้าจนเธอล้มลงไปกับพื้น แล้วหัวหน้านักเลงก็สั่งนักเลงอีกสองคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆให้เข้ามาล๊อคแขนของเธอเอาไว้ แล้วปล่อยให้เธอยืนดูรุ่นพี่ของเธอที่ตอนนี้กำลังนอนสำรอกออกมาเป็นเลือดเพราะกำลังช้ำในไปทั้งตัวอยู่

         แต่ถึงกระนั้นนักเลงใจต่ำทรามก็ยังกระหน่ำตีเรย์อย่างมันมือต่อไปอีกครั้ง จนเรย์อาเจียนออกมาเป็นเลือด เรย์เริ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรจะหักไปจากข้างในร่างกายของเขา เขาคิดในใจว่าคงจะมีกระดูกหักไปแล้วแน่ๆไม่ซักสองก็ซักสามชื้น เรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่อย่างท้วมท้นหายไปหมด และสติก็เริ่มที่จะเลอะเลือนพล้ามัว
 
         "รุ่นพี่ ฮื้ออออออออ"
         มิซึกิร้องไห้อย่างหนักเมื่อเธอเห็นอาการปางตายของรุ่นพี่ที่พยายามมาช่วยเธอ แต่เขากลับกำลังจะเอาชีวิตมาทั้งเอาไว้ที่แห่งนี้ ที่ๆเขาไม่สมควรที่จะตาย 
 
         คนที่กำลังซัดเรย์อย่างไร้ซึ่งจิตใจของความเป็นมนุษย์คิดว่าเขาซัดได้หนำใจแล้ว ก็เหวี่ยงท่อนเหล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคนที่นอนอยู่ออกไปให้ห่างตัว แล้วหันไปหามิซึกิในทันที เขาใช้มือทั้งสองข้างแหวกเสื้อนักเรียนสีแดงรวมไปถึงเสื้อนักเรียนข้างในสีขาวอีกชั้นหนึ่งของมิซึกิจนกระดุมหลุดออกไปทั้งหมด เผยให้เห็นเรือนร่างของเธอและชั้นในสีขาวที่ปกปิดสิ่งลับของเธอเอาไว้
         รอยยิ้มที่แสนน่าเกลียดเผยให้เห็นออกมาอีกครั้ง
 
         "โอ๋โห อยู่แค่มอต้น แต่นมอย่างกะภูเขาเลยนะเนีย จริงไหมพวกแก"   
 
         ไม่ทันขาดคำหัวหน้านักเลงก็ยื่นมือที่แสนน่าขยะแขยงของตัวเองไปชื่นชมกับของรักของหวงของคนที่อยู่ตรงหน้า บีบและลูบคลำจนพอใจแล้วก็ผลักตัวของมิซึกิให้นอนลงไปกับพื้นอย่างแรง แล้วเริ่มกิจกรรมที่น่ารังเกียจขึ้นอีกครั้ง โดยที่มีกลุ่มนักเลงของเขายืนดูอยู่
 
         "ขอโทษนะที่เมื่อกี้นี่มีตัวมาขัดขวาง คราวนี้ล่ะพี่จะสานต่อให้หนำใจเลยนะจ๊ะ..."
 
         "รอบต่อไปผมขอนะลูกพี่// เฮ้ยฉันก่อนเดะ"
 
 




         ท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดมัวเป็นสัญญาณค่ำคืนแห่งความโหดร้าย สายของเรย์ในตอนนี้มองได้เพียงแค่เพดานที่ผุพังของโกดังนั้น หูที่อื้ออึงสักแค่ไหนก็ยังคงยินเสียงกรีดร้องของมิซึกิออกมาอย่างไม่ขาดสาย
        ร่างกายอันหนักอึ้งที่เหมือนกับกำลังถูกหินก้อนใหญ่ทับอยู่ แขนขาขยับไม่ค่อยได้ รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งภายนอกและภายในร่างกาย จิตใจอ่อนเพลียจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป หมดเรี่ยวแรงแม้จะขยับตัวให้ลุกขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้
 
         เรย์บังคับตัวเองให้เอียงคอที่เป็นอวัยวะเดียวที่ร้อนพ้นจากการถูกทำร้ายมาได้ให้ไปทางเสียงร้องนั้น สายตาที่เริ่มจะพล้ามัวยังคงจับภาพของเหตุการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี คนที่นั่งค่อมตัวของมิซึกิเอาไว้เริ่มจะใช้มือเข้าไปข้างในกระโปรงนักเรียนสีดำของเธออย่างช้าๆโดยมิซึกิพยายามขัดขืนอย่างสุดชีวิต
 
 
... อะไรกัน นี่เราทำได้แค่นี้เองเหรอ เรานี่มันกระจอกแบบนี้เองเหรอ อุส่าห์มาถึงนี่แล้วแท้ๆ แต่กลับจะช่วยใครสักคนยังทำไม่ได้เลย ...
 
 
         "โอ้โห้ สีขาวว่ะ เห็นบ่อยล่ะ เบื่ออออออออ... อยากเห็นอย่างอื่นมากกว่า จะเป็นยังไงน๊าๆๆ"
 
         "อย่าาาาาาาาาา ขอร้องงงงงงง ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!!"
 
 
 
... มิซึกิ ฉันขอโทษนะ เรามันก็แค่ผู้ชายเฮงซวยไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง ฉันมันก็แค่ผู้ชายที่ไร้น้ำยา ไม่เอาไหน เป็นที่พึ่งของใครก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ แค่จะช่วยใครสักคนก็ยังทำไม่ได้เลย ขอโทษนะ ฉันมันไม่มีพลัง ขอโทษ!!!!! ฉันขอโทษ!!!! ...   
 
 
         น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาเป็นทางปนกับสายเลือดที่อาบแก้มตรงหน้า เลือดและคราบดินของมือที่กำแน่นด้วยความเจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป ร่างกายนอนสั่นระรึกด้วยความโกรธบนกองเลือดของตัวเองที่อาเจียนออกมา ฟันขบกันแน่น น้ำตาแห่งความเจ็บใจไหลลงบนสายเลือดหลายต่อหลายหยดเป็นเสียงประสานแห่งความเสียใจ
 
 
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
 
 
 
- เฟี้ยยยยยยยยย -
... เดี๋ยวก่อนสิ!!! ...
 
 
          คล้ายกับเหมือนมีไฟฟ้าหรือแรงกระตุ้นอะไรบางอย่างทำให้คนที่นอนจมกองเลือดเริ่มจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นมา ขอบตาที่เขียวและบวมจากการทำร้ายเบิกกว้าง ฟันขบกันแน่น มือสองข้างที่ตัวเองคิดว่าไม่เหลือเรี้ยวแรงแล้วกลับใช้มันเพื่อยันร่างกายที่หนักเหมือนก้อนหินขึ้นมา ความเจ็บปวดรับรู้ได้ทุกอนูความรู้สึกแต่กลับส่งไปไม่ถึงจิตใจของเรย์ในตอนนี้ 
 


... จะมามัวนอนอยู่ทำไม!!! นายยังมีสิ่งที่นายจะอยากปกป้องอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เหรอ ลุกขึ้นมาสิ!!! ลุกขึ้นมาสิเรา! ลุกขึ้นมา!!! นายยังหายใจอยู่ไม่ใช่เหรอเรย์! นายยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ! ถ้านายยังลุกขึ้นไหวก็ลุกมาสิ!!!

เรามาเพื่อจะช่วยมิซึกิไม่ใช่รึไง! จะปล่อยเป็นแบบนี้เหรอ จะปล่อยให้น้องเขาต้องอยู่กับความทรงจำแบบนี้ไปชั่วชีวิตของน้องเขาเลยรึไงเรย! ทั้งที่นายยังทำได้! นายยังทำได้เรย! นายยังช่วยมิซึกิได้!!! นายยังมีพลัง!!! ...
 
 
 
 


         ในขณะเดียวกันนั้นเองที่ห้องโถงของพิพิธภัณฑ์โรงเรียนไนท์เบลดก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น แหวนที่อยู่ในโหลแก้วกลางห้องโถงที่มืดมิดก็ส่องแสงสีแดงสว่างขึ้นมา สายตาสองคู่ของนักเรียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา ทั้งอคิลลิสและรามูเนส

         พวกเขาทั้งสองไม่ได้สังเกตุเห็นสายตาอีกคู่หนึ่งที่แอบอยู่บนชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ เพื่อมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า พร้อมกับนมถั่วเหลืองหนึ่งขวดที่เขากำลังดื่มเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย แต่เมื่อแสงแห่งแหวนส่องสว่างขึ้นทำให้เขาได้แต่อ้าปากข้างไป 
 
         มือของรามุเนสเริ่มยกมาป้องกันแสงจากแหวน เพราะแหวนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาเริ่มที่จะสว่างมากขึ้นและมากขึ้นไปอีก ชนิดที่สายตาของมนุษย์ในตอนกลางคืนจะรับได้ไหวแล้ว จนกระทั่ง...
 
- เพล้งงงงงง -
 
         โหลแก้วแตกกระจาย แหวนสีแดงพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงทะลุเพดานของพิพิธภัณฑ์ออกไป โดยที่อคิลลิสและรามูเนสไม่ทันได้มอง เขาทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วคิดได้ว่าควรจะทำตามแผนที่วางเอาไว้ พวกเขาทั้งสองจึงรีบวิ่งออกจากพิพิธภัณฑ์ไปในทันที
 
         และตอนนั้นเองคนที่แอบอยู่บนชั้นสองมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึง แต่เมื่อเขารู้สึกตัวว่าเขาควรทำอะไรต่อไป เขาจึงหันหลังรีบวิ่งออกไปโดยที่เขายกนิ้วสองนิ้วขึ้นมาวางไว้ที่ขมับขวา เมื่อแสงไฟภายในโรงเรียนยามค่ำคืนกระทบกับร่างกายของเขา จึงปรากฏแหวนอีกวงหนึ่งที่สวมอยู่ที่นิ้วกลางมือขวาของเขา ซึ่งแหวนวงนี้มีอัญมณีสีเหลืองกำลังถูกแสงไฟส่องระยิบระยับสวยงาม
 
 
 
 


... ใช่! พลัง ขอแค่ฉันมีพลัง พลังที่ฉันจะไม่ยอมแพ้ต่อไอ้พวกนี้ พลังที่ฉันจะไม่ยอมแพ้ต่อโลก!!!!!!!!!!!!! อึ้ยยยยยยยยยยยยยย!!! ...
 

"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
 
 
 
         เสียงกรีดร้องลั่นไปทั่วพื้นที่นั้นจนพวกนักเลงที่ไม่ได้สนใจอะไรกับคนที่กำลังจะใกล้ตายแล้วต้องหันมาอย่างตกใจ มือที่คิดว่าไม่มีเรี่ยวแรงแล้วถูกเค้นแรงจากร่างกายเฮือกสุดท้ายยกขึ้นมาเหมือนกำลังไขว่คว้าอะไรบางอย่างกลางอากาศ 


         ทันใดนั้นเพดานกระเบื้องของโกดังก็มีเสียงแตกดังสนั่นพร้อมกับมีสิ่งของบางอย่างลงมาสวมเข้ากับนิ้วของเรย์อย่างพอดี ก่อให้เกิดแสงสีแดงสว่างไปทั่วจนพวกนักเลงต้องตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
         ความเงียบสงัดได้เข้ามาครอบครุมพื้นที่นั้นทันทีที่แสงสว่างหายไป และดูเหมือนจะมีแต่เสียงของคนที่กำลังทำกิจกรรมที่น่ารังเกียจอยู่เท่านั้นเอง

        เมื่อแสงสีแดงหรี่ลงจนค่อยๆจางๆหายไป ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาและก้าวมาหาพวกนักเลงพวกนั้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงจันทราสาดส่องผ่านบานหน้าต่างที่เต็มไปด้วยฝุ่นจับกระจกจนมันขุ่นมัว ปรากฏนักเรียนที่พวกเขาคิดว่าน่าจะหมดสติไปแล้วจากการรุมสหบาทาของพวกเขาไปแล้ว แต่ในตอนนี้คนๆนั้นกลับมายืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาอีกครั้ง 
 
        ตอนนี้เรย์รู้สึกว่าแผลต่างๆที่เคยถลอก ปูดบวม หรือหัวแตก ได้หายไปหมดแล้ว กระดูกที่เคยคิดว่าน่าจะหักตอนนี้ก็ไม่รู้สึกอีกต่อไป ทิ้งเอาไว้แต่รอยเลือดที่เหลืออยู่ตรงหน้าและรอยเปือนดินตามจุดต่างๆของร่างกาย พลังกายพลังใจกลับคืนมาเกินร้อยสำหรับชายหนุ่มผู้สวมแหวนสีแดงแห่งไนท์เบลด
 
 
         "เห้ย มันยังไม่ตายอีกเหรอวะ"
 
         "เออนั่นดิ โดนกูตีไปหลายดอกแล้วนะนั่น"
 
         "ไอ้นี่มันเป็นใครกันแน่วะ"
 
 
         เสียงบ่นพรึมพรำของพวกนักเลงมาอย่างไม่ขาดสาย นัยตาสีดำของเรย์จับจ้องไปยังกลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น และทันใดนั้นเองโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว นักเลงคนหนึ่งที่มีไม้หน้าสามเอาไว้ในมือก็วิ่งเข้ามาทุบหัวเรย์ที่ยืนอยู่นิ่งๆอย่างสุดแรงเกิด แต่ทว่า!!!
 
 




- ปุ!!!!!แกร๊ก!!!!!!! -
 
 
         ไม้หน้าสามที่ฟาดไปที่หัวของเรย์อย่างเต็มแรงหักเป็นสองท่อนในทันใด ร่างกายของเรย์ไม่กระดิกเลยสักนิดเดียวเหมือนกับว่าคนๆนี้กลายเป็นรูปปั้นหินไปซะแล้ว สายตาอาฆาตของคนที่โดนตีเหลือบมามองขวางผู้ที่เข้ามาทำร้ายอย่างน่ากลัว นัยน์ตาของเรย์เปลี่ยนเป็นสีแดงในบัดดล สีตัวแทนแห่งความรู้สึกของเขาในตอนนี้ 
 
        ร่างกายของผู้ที่เข้ามาทำร้ายเรย์นั้นสั่นเหมือนเจ้าเข้าขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นดวงตามัจจุราชคู่นั้นของคนตรงหน้า เรย์กำหมัดที่เต็มไปด้วยความโกรธแน่น แล้วเหวี่ยงหมัดชกเข้าไปที่หน้าของนักเลงคนนั้น จนร่างกายของคนที่ถูกชกลอยพุ่งไปที่กล่องไม้ปะทะอย่างแรงจนกล่องไม้แตกละเอียดไม่เหลือเคร้าโครงเดิม
 

         พวกนักเลงที่เหลือเห็นเพื่อนของตัวเองถูกทำร้ายก็ไม่รอช้า วิ่งกรูเข้าไปรุมเรย์ที่ยืนอยู่อย่างไม่มีความคิดที่จะหนีเลยแม้แต่น้อย เมื่อเรย์เห็นดั่งนั้นก็รีบกลับมาตั้งท่าต่อสู้โดยเตรียมกาดที่แขนซ้ายแล้วกำหมัดแน่นที่แขนขวา เมื่อคนแรกวิ่งเข้ามาก็ถูกเรย์ชกเข้าไปจนลอยกระเด็นไปให้เพื่อนสองคนที่ตามมาด้านหลังรับไป แต่ก็สู้ความแรงที่พุ่งเข้ามาไม่ไหวจนล้มกลิ้งไปกับพื้น

         นักเลงคนหนึ่งวิ่งตามมาติดๆแล้วเอาเหล็กมาตีอย่างเต็มแรงแต่เรย์ก็ยกแขนซ้ายที่เข้าเตรียมเอาไว้ขึ้นมากันแล้วดึงเหล็กออกจากมือของนักเลงที่เข้ามาตี สวนกลับไปด้วยอาวุธที่เขาไปชิงมาโดยที่ทำแค่เพียงกระทุ้งไปที่ท้องของนักเลงคนนั้นจนจุกแล้วล้มลงไปกับพื้นอีกคน เมื่อโจมตีเสร็จเรย์ก็เหวี่ยงท่อนเหล็กนี้ออกไปให้พ้นมือตัวเองอย่างรวดเร็ว
 


         นักเลงสามคนตรงหน้าของเรย์ที่กำลังวิ่งเข้ามาก็ถูกเรย์กวาดเท้าเตะเข้าไปที่ใบหน้าจนตัวปลิวม้วนตัวกลางอากาศไปหลายตลบก่อนที่จะตกลงสู่พื้น ส่วนพวกที่เหลือก็ถูกเรยหันกลับไปชกจนล้มกลิ้งไปบ้าง ถูกเตะจนปลิวออกไปบ้าง บางคนปลิวไปโดนเสาหรือไปโดนชั้นใส่ของจนชั้นใหญ่นั้นล้มลงมาทับ คนแล้วคนเล่าในที่สุดก็เหลือคนที่ยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าอีกหกคนโดยที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีไหม

         เมื่อจัดการคนสุดท้ายที่เรย์เตะจนปลิวไปสมทบกับเพื่อนที่นอนอยู่ตรงกล่องไม้อีกสองคนแล้ว เรย์ก็หันมาประจัญหน้ากับพวกนักเลงที่เหลือ แต่ในขณะนั้นเองนักเลงคนหนึ่งที่ถูกเรย์ซัดไปก่อนหน้านั้นยังมีแรงเหลือ และลุกขึ้นมาขว้าท่อนเหล็กใกล้ๆมือที่อยู่ตรงปลายเท้าของตัวเอง แล้ววิ่งเข้าไปตีที่หัวของเรย์อย่างสุดแรง

         แต่ทว่าท่อนเหล็กที่เขาตีจนกระทบหัวเรย์ไปอย่างแรงนั้นได้หักเป็นสองท่อนในพริบตา พร้อมกับร่องรอยการหักของท่อนเหล็กเป็นไฟสีแดงจางๆ สร้างความตกใจให้กับคนที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เข้ามาตีหัวของเรย์ ซึ่งตอนนี้ร่างกายสั่นกระริกไปหมดเพราะความหวาดกลัวคนตรงหน้าที่ตอนนี้เขากำลังถูกจ้องมองมาด้วยหางตาอันน่าสะพรึงกลัว นักเลงคนนั้นกรีดร้องด้วยความกลัวก่อนที่จะทิ้งเหล็กในมือและหันหลังวิ่งหนีไป 
 
         ด้วยความโกรธกับสิ่งที่ทำ เรย์จึงไม่ยอมให้หนีง่ายๆโดยที่เขาถีบตัวลอยไปข้างหลัง เอื้อมมือไปขว้าแขนของนักเลงคนนั้นและทันใดนั้นเอง
 


"ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
 


         เพราะความเร็วในการพุ่งถอยหลังไป เรย์จึงต้องออกแรงใช้เท้ายึดเหนี่ยวกับพื้นเอาไว้ ทำให้เท้าเสียดสีกับพื้นไถลเป็นทางยาว แล้วออกแรงแขนเหวี่ยงคนที่โดนจับอยู่ให้ไปข้างหน้าอย่างสุดแรง นักเลงผู้โชคร้ายคนนั้นพุ่งไปหานักเลงทั้งหกคนที่เหลือด้วยความเร็วสูง แล้วชนกับพวกนักเลงที่เหลืออยู่จนล้มไปคล้ายกับเหมือนเป็นพินโบว์ลิ่งก็ไม่ปาน
 
 



         เหตุการณ์ยังไม่สงบดีนักเมื่อเรย์คิดว่าสิ่งที่ตัวเองต้องทำจริงๆมันอยู่ตรงหน้าของเขาต่างหาก กิจกรรมอันน่ารังเกียจยังคงดำเนินอยู่โดยที่คนที่อยู่ข้างบนยังไม่รู้สึกอะไรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาสนใจแต่เพียงจะถอดกระโปรงของคนที่อยู่ข้างล่างนั่นให้ได้โดยที่คนข้างล่างอ่อนแรงทำได้เพียงจับกระโปรงของตัวเองเอาไว้ และคนข้างบนยังไม่ละความพยายาม จนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกว่ามีใครมาสะกิดที่หัวไหล่ของเขาเบาๆจนเขาต้องใช้มือปัดออกไป
 
         "เห้ย! อะไรเล่ากูยังไม่ได้เลย! เดี๋ยวสิ!!!" เขาไม่คิดจะเหลี่ยวหลังเลยแม้แต่น้อย ใช้มือปัดนิ้วที่จุกจิกกวนใจนั่นออกไป แต่ก็ไม่วายนิ้วเจ้ากรรมนิ้วเดิมก็กลับมาสะกิดหัวไหล่อีกครั้ง
 
        "เห้ย ต่อคิวสิวะ!!!" เขาเริ่มฉุนแต่นิ้วเจ้ากรรมนั่นก็กลับมาอีกครั้ง
 
         "เห้ย!!!! พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!!!!!.... เออะ!!!" หัวหน้านักเลงสุดทน เขาจึงหันหลังไปด้วยความโมโหแล้วพร้อมที่จะเหวี่ยงกำปั้นใส่คนที่มาขัดจังหวะ แต่สิ่งที่เขากำลังพบเห็นตรงหน้านั้นกลับเป็นสิ่งที่แสนน่าสะพรึงกลัว
 
 
 
         ภายใต้เงาแห่งความมืดปรากฏเงาดำร่างสูงที่ตอนนี้นัยน์ตาสีแดงฉานกำลังจ้องมองลงมาอย่างน่ากลัว ทำให้นักเลงที่นั่งอยู่ข้างล่างกรีดร้องอย่างหวาดกลัวกับสายตาคู่นั้นเป็นอย่างมาก และคนที่ยืนอยู่ไม่รอช้าคว้าคอของหัวหน้านักเลงอย่างแรงจนหัวหน้านักเลงลอยขึ้นมาจากบนร่างเด็กสาวที่อยู่ข้างล่างนั้น แล้วถูกจับกระแทกกับพนังคอนกรีตใกล้ๆ มือที่แข็งแกร่งบีบคอของนักเลงแน่นและยกตัวของนักเลงนั่นให้ขึ้นสูง ทำให้หัวหน้านักเลงดิ้นไปมาแต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดมือที่แสนทรงพลังและแฝงไปด้วยความโกรธ
         มิซึกิหอบแรงๆหนึ่งครั้งก่อนจะลุกขึ้นมาเพื่อนำเสื้อที่ถูกฉีกขาดที่เหลือมาปกปิดเรือนร่างส่วนบนของตัวเอง แล้วนั่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ห่างๆ แต่ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ก็ยังคงมีความหวาดกลัวไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิดเดียว 
 
         "ขอโทษนะ พอดีคนอย่างฉันไม่ค่อยชอบรออะไร!!!"


         สิ้นเสียงก็ปล่อยคอให้หัวหน้านักเลงคนนั้นเป็นอิสระ ร่างของนักเลงหล่นลงมา และขณะเดียวกันในมือขวาของเขาที่กำลังกำหมัดแน่น เกิดเป็นกระแสไฟฟ้าสีแดงก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนไปทั่วกำปั้น อัญมณีสีแดงเริ่มเปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง
 
         "ถือว่าเป็นนี่การเอาคืนจากฉันก็แล้วกัน!!!" เรย์ชกเข้าไปที่ท้องของหัวหน้านักเลงคนนั้นอย่างแรง เปลวเพลิงสีแดงที่หมัดขวาเจิดจ้าขึ้นอีกกว่าเดิม
 


... ไอ้พวกสวะแบบนี้! อยู่ไปก็รกโลก หายไปซะเถอะ!!!! ...
 

         "ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"


- วี๊!!! ตูม!!!! -


          ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่ออกมาจากหมัดขวาพุ่งไปกระทบกับร่างกายของหัวหน้านักเลง เพราะความรุนแรงของหมัดพลังทำให้ร่างของหัวหน้านักเลงกระเด็นปลิวไปไกล และเปลวเพลิงนั้นก็พุ่งไปกระทบกับกำแพงจนกำแพงทะลุเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ เผยให้เห็นอาคารร้างฝั่งตรงกันข้ามที่ติดกัน
         แสงที่หมัดขวาค่อยๆริบหรี่ลงจนจางหายไป สายตาของชายหนุ่มจ้องมองไปที่นักเลงที่ปลิวไปจนกระแทกกับพื้นแล้วนอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า
         

         ไม่กี่อิดใจคนที่นอนนิ่งสนิดก็กลับมาขยับขึ้นอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังยืนอยู่ ด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม ส่งเสียงร้องด้วยความหวดกลัวก่อนที่จะเป็นลมหงายเงิบลงไปอีกครั้ง เมื่อเรย์เห็นว่าคนตรงหน้ายังขยับได้เขาก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย
 

... หึ! แต่ว่า ฉันอยากจะไปเจอพวกแกในคุกมากกว่า ...
 

         นัยน์ตาของเรย์เปลี่ยนเป็นสีดำและชายตามองไปรอบๆตัวของเขา พวกคนที่ถูกอัดจนหมดสภาพยังคงนอนร้องอวดครวนกันอยู่ที่เดิม และยังมีลมหายใจอยู่กันหมดทุกคน เป็นหลักฐานที่แสดงว่าเขาได้ทำสำเร็จ เขาได้ต่อสู้โดยที่ไม่ต้องคร่าชีวิตใครอย่างที่ใจต้องการได้แล้ว

         เมื่อเรย์เห็นว่ารุ่นน้องของตัวเองยังคงนั่งกอดตัวเองด้วยความหนาวและความหวาดกลัว ก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปหามิซึกิที่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายในทันที
 
         "มิซึกิ!!!" เรย์รีบนั่งลงแล้วข้างๆเธอที่ตอนนี้ใบหน้าของเธอมีน้ำตานองหน้าเต็มไปหมด
 
         "มิซึกิ! ไม่เป็นอะไรนะ?!" เธอยังไม่ตอบคำถามใดๆกับรุ่นพี่ตรงหน้าของเธอที่เข้ามาดูอาการของเธอย่างเป็นห่วง แต่เธอกลับค่อยๆเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างช้าๆ 

         ทันใดนั้นเธอโผลเข้ากอดรุ่นพี่ของเธออย่างแนบแน่นแล้วปล่อยโฮร้องไห้ออกมาลั่น เพราะความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ร้ายๆของวันนี้ที่เธอมิอาจจะหาคำใดๆมาเปรียบเทียบได้อีก

         เรย์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นำมือที่แสนอบอุ่นของเขาปลอบโยนเธอ ลูบหัวของคนที่กำลังร้องไห้อย่างหนักเพราะว่าเธอพึ่งจะรอดพ้นกับเหตุการณ์ร้ายๆมาหมาดๆ เรย์ก็ยิ้มออกมา อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่เขาสามารถที่จะปกป้องใครบางคนให้พ้นจากอันตรายได้สำเร็จ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้เสียชีวิตด้วย
 
         "ไม่ต้องกลัวแล้ว ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะ" เรย์ลูบหัวคนที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มขาวเนียนของมิซึกิ แต่เธอยังคงมีความหวาดกลัวไม่หาย
 
         "ฮื้อ พี่เรย์ น่ากลัวจังเลย ฮื้อๆๆๆ" เธอยังคงยืนยันความรู้สึกของเธอ ซึ่งเรย์ก็ยังคงลูบหัวเบาๆและซับน้ำตาให้ด้วยนิ้วที่อ่อนโยนของเขาไป
 
         "ไม่ต้องกลัวแล้วจ๊ะ มีฉันอยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ..." เรย์พูดปลอบขวัญมิซึกิอีกครั้งแล้วดึงเธอเข้ามากอด ซึ่งคนตรงหน้าก็ทำแค่เพียงพยักหน้าตอบแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ชายตรงหน้าจับมือของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นราวกับว่าเขาจะไม่จากเธอไปไหนอีกแล้ว
 
         สายตาของเรย์ค่อยๆชายไปตามร่างกายจนไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง เขาหน้าแดงเล็กน้อยและต้องยอมปล่อยมือเธอไป มิซึกิเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ เพราะตอนนี้คนตรงหน้าของเธอกำลังค่อยๆถอดเข็มขัด ปลดกระดุมสองเม็ดพร้อมกับรูดซิบเสื้อนักเรียนของตัวเองแล้วถอดออกมา เผยให้เห็นเสื้อแขนกุดสีแดงข้างในอีกชั้นของเรย์ แล้วเขาก็นำเสื้อนอกมาคลุมให้กับมิซึกิที่กำลังนั่งกอดตัวเองอยู่อย่างหนาวเหน็บ
 
         "โป๊หมดแล้วนะ" เรย์พูดห้วนๆพร้อมกับหันไปทางอื่นเพื่อเป็นการแก้เขิน สายตาของมิซึกิเองก็มองเห็นว่าเรย์กำลังหน้าแดงอยู่ ซึ่งเมื่อเธอได้ยินดังนั้นเธอเองก็ไม่ต่างกัน เธอสำรวจร่างกายของตัวเองจึงนึกได้ว่าท่อนบนของเธอมีเพียงแต่ชุดชั้นในตัวเดียว แม้จะมีเสื้อปิดบังอยู่แต่มันก็ขาดจนไม่มีชิ้นดี ทำให้เธอกอดตัวเองให้แน่นขึ้นเข้าไปอีกเพราะความอาย 
 
 
 
         ทันใดนั้นเสียงไซเร็นก็ดังขึ้นมาพร้อมกับสัญญาไฟ ไม่กี่วินาทีรถตำรวจก็ปรากฏขึ้นมาภายนอกโกดัง เสียงประตูรถที่ดังเป็นจังหวะๆ ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายในชุดเครื่องแบบของหน่วยราตระเวรสีน้ำเงินเข้ม และหมวกสีขาวที่ไว้ใช้สำหรับปฏิบัติการพวกเขาก็ได้เข้ามายังโกดังที่เป็นที่เกิดเหตุ

         เมื่อตำรวจเข้ามาก็ต้องตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าของพวกเขาซึ่งตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่มา พวกเขาก็พึ่งจะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก กลุ่มนักเลงนับยี่สิบคนนอนเกลื่อนกลาดไปทั่วไปพร้อมๆกับข้าวของภายในโกดังที่น้อยชิ้นนักที่จะหาสภาพดีๆได้ 
 
         มีแต่เพียงชายหนุ่มกับหญิงสาวจากโรงเรียนไนท์เบลดสองคนเพียงเท่านั้น ที่พวกเขาเห็นแล้วคิดว่าน่าจะอธิบายเหตุการณ์นี้ทั้งหมดได้
 
         "พวกเธอ?!" ตำรวจคนหนึ่งถามทันทีและชี้มือเมื่อเห็นคนทั้งสองตรงหน้าถึงแม้ว่าเขาจะงงๆกับเหตุการณ์นี้อยู่ เมื่อเรย์เห็นดังนั้นก็รีบลุกพรวดขึ้นมาทันที

         "คุณตำรวจครับ!! รุ่นน้องผมคนนี้เป็นผู้เคราะห์ร้ายครับ!! ช่วยเธอด้วยครับ!!!" ตำรวจนายนั้นไม่รอช้าเมื่อได้ยินคำขอความช่วยเหลือของเรย์ ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษพวกเขาจึงต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
 
 
 

         "และแล้วตำรวจก็รวบกลุ่มนักเลงพวกนี้เข้าห้องขังกันไปหมดทุกคน โดยคนที่แจ้งเบาะแสที่เกิดเหตุนั้นก็คือคุณป้าเจ้าของร้านมินิมาร์ที่ผมจะเข้าไปตั้งแต่แรกก่อนที่จะตามเจ้าพวกนี้ไป 

         มิซึกิและผมถูกเชิญไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจประจำเมืองเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งเมื่อไปถึงสถานีฯผมจึงทราบว่าแก๊งค์นี้เป็นแก๊งค์ที่ชอบก่อคดีข่มขืนแล้วฆ่ามาแล้วหลายราย ที่ตำรวจกำลังตามตัวอยู่ และวันนี้ผมคิดว่าพวกมันก็คงจะลงมืออีกครั้ง แต่วันนี้พวกมันโชคร้ายไปหน่อยที่วันนี้มันบังอาจมาลงมือต่อหน้าต่อตาผม และที่สำคัญ มาลงมือกับมิซึกิของผมด้วย

         ไม่นานนักครอบครัวของมิซึกิก็ได้มาถึงและรับทราบเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนี้ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของพวกเขา"
 
 

         ดอกไม้ที่แดงที่ประดับประดาอยู่ข้างหน้าสถานีตำรวจโบกสบัดยามค่ำคืน คนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าสถานีตำรวจยามค่ำคืน ครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายกับหนึ่งชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นดังฮีโร่ในดวงใจของพวกเขาในวันนี้ ผู้เป็นพ่อของมิซึกิจับมือของเรย์ทั้งน้ำตาด้วยความดีใจที่เขาไม่ได้เสียลูกสาวไปในวันนี้ และรู้สึกขอบคุณฮีโร่ของพวกเขาอย่างที่จะหาอะไรมาเปรียบไม่ได้
 
         "ขอบคุณนะครับที่ถึงกับเสี่ยงชีวิตไปช่วยลูกสาวของผม!! ลูกสาวสุดที่รักของผม!! ขอบคุณมากนะครับ!! ขอบคุณจริงๆครับ!!" 
 
         ผู้เป็นพ่อยังคงเขย่ามือของเรยเ์บาๆพร้อมกับโค้งคำนับ โดยที่แม่ น้องชาย พี่ชายของมิซึกิยืนดูพร้อมกับปาดน้ำตาที่อาบแก้มของพวกเขา ส่วนเรย์ทำเพียงแค่จับมือตอบแล้วยิ้มเล็กๆด้วยความเขินอาย นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในชีวิตสำหรับเรย์ที่เขาสามารถปกป้องหนึ่งชีวิตให้พ้นจากอันตรายในวันนี้ไปได้




         ไม่นานนักครอบครัวของมิซึกิก็ได้บอกลากับเรย์และกำลังจะพามิซึกิกลับบ้านของเธอ โดยรถยนต์ที่จอดเอาไว้ด้านหลังของเธอไม่ไกลนัก
 
        "รุ่นพี่คะ... นี่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" หลังจากที่มิซึกิเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดที่พ่อกับแม่ของเธอเตรียมมาให้แล้วเรียบร้อย เธอคิดว่าน่าจะคืนเสื้อนักเรียนตัวนี้ให้กับฮีโร่ของเธอได้แล้ว
 
         "...ขอบใจนะ" เรย์รับเสื้อของตัวเองมาแต่เอายังไม่นำมันมาสวมใส่ เขาเอามันห้อยกับมือแล้วพาดบ่าเอาไว้เท่านั้น ในตอนนี้เขาสามารถที่จะกล้าสบตาของรุ่นน้องของเธอตรงหน้าได้อย่างไม่เขินอายได้สักที

         แม้จะผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาแล้ว แต่มิซิกิเองก็ยังคงมีน้ำตาไหนออกมาให้เห็นอยู่ จนเรย์อดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอทั้งสองข้างอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับมองมิซึกิด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเอ็นดูเด็กผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีก
 
         "อืม... กลับด้วยกันไหมคะ" มิซึกิถามเรย์ขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูเขินอายนิดๆ ซึ่งเมื่อเรย์ได้ยินก็ขยับตัวแล้วสูดหายใจเล็กน้อยแก้เขิน
 
         "อ๋อ เอิ่ม... บ้านของฉันอยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลเท่าไรหรอก ขอบใจนะ" 
 
         "เหรอคะ... อืม... งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ" 
 
         "อื้มจ้า ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ" เรย์บอกลาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนำมือลูบหัวของเธออย่างเบาๆ ส่วนคนที่ถูกลูบหัวก็ยิ้มให้กับเรย์เป็นการสั่งลาก่อนที่จะหันหลังจากไป
 
 
          รถเก๋งสี่ประตูสีเทาที่จอดรอรับเธอก็ติดเครื่องยนต์เพื่อเป็นสัญญาณแห่งการจากลา เมื่อมิซึกิเข้ารถไปแล้วก็โบกมือเป็นการล่ำลาอีกครั้ง และผู้เป็นพ่อแม่ของเธอก้มหัวให้เป็นการขอบคุณอีกครั้ง นักเรียนชายในชุดโรงรียนไนท์เบลดพรอนเทร่าโค้งเป็นการตอบรับพร้อมกับยืนส่งรถยนต์คันนั้น จนกระทั่งรถแล่นไปบนพื้นถนนนั้นจดสุดสายตาที่เขาจะมองได้เห็น เมื่อนั้นเขาถึงคิดได้ว่าถึงเวลากลับบ้านของเขาบ้างแล้ว...
 
 
 
 


         ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับไปทั่วท้องฟ้า แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบกับทางเดินในซอยที่สองข้างทางเต็มไปด้วยที่พักอาศัย ชายหนุ่มขี้เหงาเดินกลับบ้านในวันนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากทุกๆวัน เขาล้วงเข้าไปกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบแหวนขึ้นมาแล้วยกขึ้นไปกระทบกับแผ่นฟ้ายามค่ำคืน
 
         หลังจากวินาทีแรกที่เรย์สวมแหวนอีกครั้ง เขาก็ยอมรับได้แล้วว่าหลังจากนี้ชะตากรรมของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ชะตากรรมที่ตัวเองจะต้องต่อสู้เรื่องไป ชะตากรรมที่จะเป็นผู้ปกป้องเมืองนี้เอาไว้ เหตุการณ์วันนี้อาจจะเป็นแค่หนังตัวอย่างเล็กๆน้อยๆของบทโหมโรงความชั่วร้ายที่กำลังจะตามมาในวันข้างหน้า แต่ว่าใจในของเรย์ตอนนี้ไม่มีความสับสนอีกต่อไปแล้ว และยินดีที่จะรับชะตะกรรมนี้เอาไว้ ถ้ามันเป็นชะตากรรมที่เขาสามารถจะปกป้องคนที่ตัวเอง"รัก"ได้
 
 
 
         ในวินาทีที่เขาสังเกตเห็นด้วยหางตาว่ามีอะไรบางอย่างขยับอยู่ที่รั้วบ้านหลังหนึ่งตรงหน้าของเขา ทำให้เขาต้องรีบเก็บแหวนที่ถืออยู่ลงเข้าไปในกระเป๋า เมื่อเขาเพ่งสายตากับสิ่งอยู่ในความมืดนั้นแล้ว ค่อนข้างจะมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่กระโดดลงมาจากกำแพงนั้นเป็นคน เมื่อก้อนเมฆที่มาบดบังแสงจันทรค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ แสงจันทร์สาดส่องลงมายังชายหนุ่มผมสีเขียวจากโรงเรียนไนท์เบลด ที่ยืนขวางเรย์อยู่ตรงหน้าของเขา
 
         "..อคิลลิส!" เมื่อแสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบร่างของชายหนุ่ม ปรากฏร่างของเพื่อนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีถึงแม้จะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไรนัก
 
          แม้จะถูกเรียกชื่อแต่คนตรงหน้าของเรย์ก็ยังเฉยเมอยกับเสียงเรียกที่ได้ยิน เรย์แปลกใจอย่างมากที่มาเห็นเขาในยามค่ำคืนเช่นนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนในช่วงเวลาแบบนี้มากนัก
 
         "มาทำอะไรแถวนี้เอาป่านี้เนีย ไม่ได้เปลี่ยนเครื่องแบบด้วยเดี๋ยวถ้ามีอาจารย์มาเห็นเขาจะเรื่องใหญ่เอานะ..." เรย์เดินเข้าไปหาอคิลลิสและยังคงไม่สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่เป็นมิตรของคนตรงหน้า เพราะสายตาที่เปลี่ยนไปมากจากทุกๆครั้งที่อคิลลิสมองคนๆนี้
 
         "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นนาย เรย์" เพราะคำพูดคำนี้ทำให้เรย์ถึงกลับสะดุด และเปลี่ยนสีหน้าไปด้วยความแปลกใจในคำพูดของอคิลลิสคำนั้น 

         "ห๊ะ?!..." 
 
 
         และไม่นานนักเสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งได้ดังขึ้นมาจากทางข้างหลังของเรย์ เป็นชายหนุ่มในชุดนักเรียนไนท์เบลดเช่นเดียวกัน เมื่อเขาหันหลังไปดูด้วยความสงสัยใคร่รู้ ก็ปรากฏใบหน้าของนักเรียนหนุ่มในสายชั้นเดียวกันกับเขา
 
         "นั่นนาย รามูเนส จากห้องหนึ่งนี่!" 
 
         "ที่แท้! คนที่เรากำลังตามหาก็คือเจ้าเด็กห้องแปดจอมปัญหาของระดับชั้นมอสี่เองเหรอเนี๊ย..." รามูเนสพูดด้วยหางเสียงสูงๆ ทำให้เรย์ยิ่งตอกย้ำความไม่เข้าใจกับเหตุการณ์นี้ของตัวเองเข้าไปอีก ตอนนี้คิ้วทั้งสองข้างของเรย์ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น
 
 
         ในขณะเดียวกันมือข้างขวาของรามูเนสก็ล้วงกระเป๋าเพื่อไปหยิบของอะไรบางอย่างขึ้นมา เช่นเดียวกันกับอคิลลิสที่ยกมือขึ้นมาโดยที่ให้ปลายนิ้วชี้นั้นชี้ลงไปยังกระเป๋ากางเกงที่อยู่ด้านซ้ายมือของตัวเอง
 
         "เดี๋ยวก่อนสิ!! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย การกระทำของพวกเขากับเหตุการณ์ตรงหน้ายิ่งทำให้เรย์รู้สึกปวดหัวยิ่งขึ้นไปอีก 
 
         "อย่าคิดจะหนีเลย... ทายาทอันดูริล!" อคิลลิสพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความขัดกันในจิตใจของเขาต่อคนตรงหน้า
 
         "ทายาทอันดูริลเหรอ!! นี่พวกนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันเนีย!!!!"
 
 
 
         ทันใดนั้นสิ่งของที่เก็บอยู่ในกระเป๋าของชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของผมสีเขียวก็พุ่งขึ้นมาสวมนิ้วเรียวๆของเขาอย่างรวดเร็ว มันคือแหวนนั่นเอง แหวนสีเงินลายมังกรที่มีอัญมณีสีเขียวอยู่ตรงกลาง

         และเมื่อเรย์หันไปด้านหลัง มือขวาของรามูเนสก็หยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมา เขาดีดมันขึ้นฟ้าแล้วชูมือขึ้นเหนือหัว แหวนที่กำลังหมุนม้วนตัวอยู่กลางอากาศก็พุ่งลงมาสวมนิ้วของเขาอย่างแม่นยำ ทำให้เรย์ได้มองเห็นแหวนได้อย่างชัดเจน แหวนที่เรยเห็นนั้นเป็นแหวนที่มีอัญมณีสีน้ำเงินรูปวงกลมติดอยู่ มีตัวอักษรสลักเอาไว้พร้อมกับรูปสามเหลี่ยม ที่ตั้งให้ปลายสามเหลี่ยมชี้ตรงมาที่อัญมณีทั้งสี่ด้าน

         แสงสว่างสีน้ำเงินและเขียวเจิดจ้าขึ้นทั่วพื้นที่นั้นในทันใด
 
         "หรือว่า!! พวกนายก็คือ!!!..." เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตกใจมาก 
 
 
         และเขายิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อนัยน์ตาทั้งสองคู่นั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนสีไปตามสีที่แหวนตัวเองส่วมใส่อยู่ หลังจากนั้นรามูเนสและอคิลลิส ทั้งสองคนทำท่าเหมือนจะกำลังเกร็งหมัดทั้งสองข้าง ประหนึ่งว่าพวกเขากำลังจะเบ่งอะไรสักอย่างออกมาจากร่างกายของพวกเขาทั้งสอง ทันใดนั้นเองก็ได้บังเกิดออร่ารายล้อมรอบตัวของเขา สีเขียว และสีน้ำเงิน นัยน์ตาของเรย์เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าของเขา แสงทั้งสองสีเจิดจ้าไปทั่วพื้นที่นั้น และวินาทีต่อมาเข้าทั้งสองคนก็พุ่งมาหาด้วยอย่างรวดเร็ว...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา