KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  23.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) คัมภีร์นกฟินิกซ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
         ในที่สุดเรย์ก็ได้เข้ามาในวิหารที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศจนได้ วิหารไฮคิง เมื่อเสียงประตูเหล็กที่มีลวดลายของนักรบในสมัยก่อนปิดลง สิ่งที่เขาได้เห็นเป็นอย่างแรกในการมาเยือนของเขาที่นี่นั่นก็คือ กระถางคบเพลิงที่กำลังมีเปลวไฟลุกตั้งอยู่ที่เสาทั้งสี่ต้นกับผนังหินผาที่แกะสลักเป็นรูปวาดของสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายกับนกชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรย์ดูชัดๆ มันดูคล้ายคลึงกับหัวของนกอินทรี
 
          เรย์เดินตามผู้เฒ่าไปตามทางเดินหินที่ค่อนข้างจะดูเก่าแก่สักเล็กน้อย เขาเดินผ่านกระถางต้นไม้ที่คล้ายกับโถขนาดใหญ่ ดอกไม้สีเหลืองที่กำลังบานสะพรั่งในแสงไฟอ่อนๆจากกระถางคบเพลิง เรย์เหลียวสายตากลับมายังทางเดินนั้นเพราะว่าแสงที่สว่างไสวอย่างเจิดจ้าเป็นที่สุดตรงหน้า

         เขาค่อยๆเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดานที่แสงส่องลงมากระทบกับพื้นนั้นเป็นจุดเดียว ดวงไฟที่คล้ายคลึงกับพระอาทิตย์ยามรุ่งเช้ากำลังส่องลงมาผ่านช่องสองช่องบนเพดานหินด้านบน เขรย์ำลังคิดอยู่ว่านี่อาจจะเป็นเวทมนต์อะไรบางอย่างหรือเปล่าเพราะว่าครั้งสุดท้ายที่เขาดูนาฬิกานั้นพึ่งจะห้าทุ่มอยู่เลย
 
          "...ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้ามีนามว่า อิจิส" ผู้เฒ่าที่เรย์กำลังเดินตามอยู่ข้างๆนั้นกล่าวขึ้นมา ผมยาวสีขาวของเขานั้นสั่นไปตามแรงสะเทือนของการเดิน "ข้าเป็นหนึ่งใน 12 นักบวชสีเทา มีหน้าที่ปกป้องวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ และพวกเรารอคอยการมาของเจ้าอยู่..."
 
          "หืม...รอผมอยู่เหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
 
          "ถูกต้องแล้ว พวกเราได้แอบให้บททดสอบท่านเล็กสักน้อยก่อนที่ท่านจะยังขึ้นมายังวิหารแห่งนี้ได้สำเร็จ เพื่อเป็นการทดสอบเจ้า..." เมื่อเรย์ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าอิจิเขาก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองเริ่มจะฉุนขึ้นมาเล็กน้อย
 
          "อ๋อ พวกยักษ์สีขาวพวกนั้นสินะ" เรย์พูดสวนขึ้นมาในทันใด
 
          "...เกือบใช่ทั้งหมด แต่ก็ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง" ผู้เฒ่าอิจิสหันมาตอบและพยักหน้าเบาๆ
 
         "แต่บททดสอบของพวก่ทานเกือบจะฆ่าผม และฆ่าคนบริสุทธิ์ไปหลายคนแล้วที่มายังเขาลูกนี้ ท่านรู้หรือเปล่าว่าคนพวกนั้นตายอย่างที่ไม่สมความจะตายในที่แบบนี้"
 
         "พวกมันแค่ทำตามหน้าที่ เพื่อปกป้องและขัดขวางการบุกรุกมายังวิหารแห่งนี้ และมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเลยจริงไหมล่ะ..."
 
         "ปกป้องเหรอ ปกป้องจากอะไร?" เรย์ถามคำถามสวนขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าคิ้วขมวดของเขา
 
         "...จากความชั่วร้าย หรือพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ เป็นเวลานานมาแล้วที่ข้าและพวกพ้องของข้าปกป้องวิหารแห่งนี้มานานหลายศตวรรค์จากสิ่งเหล่านั้น แต่บัดนี้พวกมันกลับทวีความรุ่นแรงขึ้น มันรุนแรงขึ้นมากจนพวกข้าคิดว่าสักวันหนึ่งพวกข้าอาจจะยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่ พวกข้าจึงสร้างเหล่าผู้ปกป้องวิหารนี้ขึ้นมา เพื่อปกป้องในยามที่อาณาเขตของพวกเราถูกบุกรุก และบททดสอบเล็กๆน้อยๆพวกนั้นก็ทำให้พวกข้าได้เห็นแล้วว่า ท่านนั้นยังอ่อนหัดนัก พลังของเจ้ายังอ่อนเกินไป เกินกว่าที่จะต่อกรกับพลังแห่งความมืดไหว" 
 
          "ยังน้อยไปอย่างงั้นเหรอ ที่ผมฝ่าด่านมาถึงที่นี่จนได้นี่มันยังไม่พออีกเหรอไง..." ความไม่เข้าใจของเรย์ยิ่งถาโถมขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจบลง ผู้เฒ่าอิจิสส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆเป็นการตอบ
 
          "ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เจ้ายังไม่รู้ อะไรหลายๆอย่างที่เป็นเหตุผลที่นำเจ้ามาสู่ที่นี่..."
 
          "คุณมีพรสวรรค์เรื่องหยั่งรู้... คุณเองก็เป็นคนที่มีพลังสินะ"เขาไม่ตอบคำถามอะไรเรย์อีกหลังจากนั้น
 
 
         
 
         ผู้เฒ่าอิจิสเดินนำเรย์ไปยังกลางห้องนั้นที่แสงสว่างกำลังสาดส่องลงมา เขายืนอยู่กลางกรอบสี่เหลี่ยมที่อยู่บนพื้นซึ่งปลายแหลมของมุมสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้านนั้นชี้ไปยังประตูทั้งสี่ทิศทาง เรย์หันหลังไปมองยังรูปปั้นนักรบขนาดใหญ่ที่กำลังตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนั้นจนสายตาของเขาค่อยๆเลื่อนลงมาจนมาหยุดอยู่กับคนใส่ผ้าคลุมสีเทา ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
เรย์ตกใจจนแอบผงะเล็กน้อยก่อนที่เสียงฝีเท้าที่มาจากทางเดินทั้งสี่ทิศนั้นจะดังขึ้นมา
 
         นักบวชสีเทาทั้งสิบสองคนค่อยๆเดินออกมาจากทางเดินนั้นแล้วมารวมกันอยู่รอบๆสี่เหลี่ยมที่เรยกำลังยืนอยู่ เรย์เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆอย่างช้าๆ เขารู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นถี่ด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และแอบหายใจเข้าออกสองรอบเบาๆแล้วเงยหน้ามองเหล่านักบวชพวกนั้นเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าบรรดานักบวชสีเทาที่อยู่รอบๆเกี่ยวกับเขา พวกเขาคาดไม่ถึงกันว่าคนที่ปลุกแหวนในตำนานนี้ขึ้นมาได้อีกครั้งจะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุยังน้อย

ยังเด็กอยู่เลยนะ ไม่น่าเชื่อ
ใช่เข้าจริงๆเหรอ?
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นี่เหรอเขาคนนั้น
 
         "เหล่าสหายของข้า!..." ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ก้องกังวาลไปทั่วห้องโถงใหญ่นั้นเบนความสนใจของเหล่านักบวช

         "นี่คือท่านเรย์ มิเลียร์ ผู้กล้าแห่งแหวนสีแดงที่พวกเราเฝ้ารอการมาของเขา บัดนี้เขาได้มายืนอยู่ที่นี่แล้ว!"
 
          เรย์รู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้เหมือนเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของประเทศอย่างไงอย่างงั้น หัวใจของเขารู้สึกลำพองตนอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกนัยน์หนึ่งเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเขาคิดเล่นๆว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อไป เรย์ก้มหน้าคิดถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะตัดสินใจผ่าอันตรายมายังที่แห่งนี้ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
 
          "เอ่อ ผมมาที่นี่เพราะคำแนะนำจากอาจารย์เอวินครับ..." เมื่อเรย์พูดจบก็เอามือล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบสิ่งของสิ่งหนึ่งขึ้นมา มันคือกระดาษหนึ่งแผ่นเก่าๆที่ได้จากอาจารย์ของเขา

          เมื่อเรย์หยิบมันขึ้นมาแล้วก็โชว์ให้นักบวชทั้งสิบสองคนนั้น ผู้เฒ่าอิจิสมองดูกระดาษแผ่นนั้นแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับมองสลับกับใบหน้าของเรย์         
 
 
          "....เขาพาเจ้ามาที่นี่เพื่อการฝึกสินะ"
 
 
          กระดาษเก่าๆที่เรย์กำลังถืออยู่ในมือนั้นมีรูปวาดที่เขียนด้วยหมึกสีดำของภูเขาไฮฮ็อกก้ากับหมู่บ้านเล็กๆตรงใต้รูปภาพ ข้างหลังของกระดาษนั้นมีตัวอักษรภาษากรีกโบราณที่คนทั่วไปน้อยคนนักจะอ่านมันออก แต่เมื่อครั้งแรกที่เรย์ได้เห็นคำศัพท์ที่อยู่บนกระดาษแผ่นนี้ เขากลับมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่านมันออกและมันบอกรหัสอะไรบางอย่าง
 
          "การฝึกเหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับพลิกกระดาษนั้นไปมา เขาไม่เห็นอะไรในกระดาษที่จะบอกใบ้อะไรเกี่ยวกับการฝึกอย่างที่ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวเลย
 
         "ทาเรียสคงรู้แล้วว่าพลังของผู้กล้าของเขานั้นมีน้อยเกินไป เขาต้องทำให้พลังนั้นตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ซะก่อน" ผู้เฒ่าอิจิสพูดขึ้นมาเบาๆพร้อมกับลูบเครายาวๆสีขาวหม่นๆของตัวเองอย่างช้าๆ
 
         "ทาเรียส? คุณหมายถึงคนที่ให้กระดาษนี้กับผมน่ะเหรอ" 
 
          ผู้เฒ่าอิจิสไม่ได้ตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มเล็กๆที่ออกมาจากใบหน้าของตัวเองเท่านั้นเป็นคำตอบ เรย์พลิกกระดาษกลับมาหาตัวเองและมองดูรูปภาพที่อยู่ในนั้น
 

         ... ทาเรียสเหรอ ชื่อของอาจารย์เอวินอีกชื่อคือทาเรียสเหรอเนี่ย ...
 
 
         เรย์รู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่โถมเข้ามาหลังจากสิ้นประโยคของผู้เฒ่าอิจิส แต่เมื่อตัวเขาย้อนไปในวันวาน การต่อสู้ที่ผ่านๆมาที่มันเด่นชัดที่สุดก็คือ การเข้าห่ำหั่นกันระหว่างผู้กล้าแห่งแหวนด้วยกันเอง ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเขาแพ้อย่างหมดรูป และในการต่อสู้ในวันนั้นก็ทำให้เขานึกขึ้นได้อีกว่าพลังของเขาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในบรรดาผู้กล้าทั้งหมด เรย์มองสายตาของผู้เฒ่าอิจิสที่เหมือนว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร
                   
         "...ผมจะต้องใช้เวลาฝึกนานแค่ไหน?" ผู้เฒ่าอิจิสเลิกคิ้วขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้า
 
         "ขึ้นอยู่กับร่างกายและความตั้งใจของเจ้า... แต่ว่า ในตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำให้แกเจ้าซะก่อน"
 
         "หืม... ให้ผมเหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าเป็นเชิงคำตอบ
 
         "ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้าที่เจ้าจะเข้าไปสู้การฝึกโดยบทเรียนแห่งคัมภีร์ที่กำลังซ่อนอยู่ในมือของเจ้า..." คำพูดของผู้เฒ่าอิจิสทำให้เรย์พลิกกระดาษที่อยู่ในมือสลับหน้าหลังไปมา เขาไม่รู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะดูเหมือนคัมภีร์อะไรทั้งนั้นเลย
 
         "พวกข้าจะทำให้พลังของเจ้าตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ โดยการดึงพลังแฝงของเจ้าขึ้นมาซะก่อน..." อีกครั้งที่คำพูดของผู้เฒ่าอิจิสทำให้เรย์ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
 
         "ดึงพลังของผมเหรอ ยังไงล่ะ..."
 
         "อีกไม่นานเดี๋ยวคงจะได้รู้... เจ้าคงเห็นปริศนาที่อยู่บนแผ่นกระดาษนั่นแล้วใช่หรือไม่" ผู้เฒ่าอิจิสชี้ไปยังกระดาษที่เรย์กำลังถืออยู่ในมือ
 
         "อ๋อ เจ้านี่เหรอ" เรย์ชูกระดาษขึ้นแล้วแกว่งมันไปมาให้อิจิสดู
 
         "ใช่... ต้องแก้ปริศนาที่อยู่ในกระดาษนั้นให้ได้ซะก่อน จึงจะได้คัมภีร์นกฟินิกซ์ของเจ้ามาไว้ในครอบครอง..."
 
         "จริงเหรอเนี่ย... ถ้าเรื่องแก้ปริศนาบนกระดาษนี้ผมแก้ได้ตั้งนานแล้วล่ะ... นี่ไง!"
 
 
 
         เพราะคำพูดของเรย์ทำให้เหล่าผู้เฒ่าทั้งสิบสองคนต้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ไม่ใช่แค่นั้น เรย์ในตอนนี้กลับกำลังแสดงให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อกี้นั้นเป็นความจริง เขากำลังพับกระดาษแผ่นนั้นอย่างประณีตบรรจงสลับหน้าหลังไปมา ตัวหนังสือที่อยู่ข้างหลังกระดาษนั้นกำลังแทนที่ด้วยรูปภาพบางรูป ซึ่งรูปภูเขาแห่งไฮฮ็อกก้านั้นกำลังหายไปภายเป็นรูปหัวนก และเมื่อเขากลับด้านไปพับอีกทบหนึ่งกลายเป็นปีกซ้ายของนก
 
         "ตอนแรกก็ดูไม่ออกหรอกนะว่ามันเป็นปริศนา จนผมเห็นตัวหนังสือที่เว้นระยะห่างเกินไปจนผิดปกติของกระดาษแผ่นนี้ เลยลองทำอะไรเล่นๆดูระหว่างทางที่มา... มันคล้ายๆกับเกมส์ๆนึงที่ผมเคยเล่นในสมัยเด็กๆนั่นล่ะครับ"
 
         ในขณะที่เรย์กำลังอธิบายให้เหล่านักบวชทั้งสิบสองฟังเขาก็ไม่ได้หยุดมือในการพับกระดาษที่อยู่บนมือนั่นเลย ผู้เฒ่าอิจิสมองกระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่กระพริบตา ซึ่งในตอนนี้เขาเห็นแล้วว่ารูปตรงหน้ากำลังจะกลายเป็นนกชนิดหนึ่ง เมื่อเรย์พับส่วนท้ายเข้าหากันรูปนั้นจึงสมบูรณ์ นัยน์ตาสีดำมองดูรูปภาพที่อยู่บนกระดาษที่พับอย่างไม่กระพริบตา รูปที่ต่อกับรอยพับบนกระดาษเผยให้เห็น "รูปนกฟินิกซ์"

         ตัวของเรย์เองก็พึ่งจะเห็นรูปนี้อย่างสมบูรณ์ทำให้ดวงตาสีดำคู่นั้นของเขาจ้องมองรูปที่อยู่ตรงหน้าอย่างเปล่งประกาย ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าอย่างช้าๆมองดูคนตรงหน้าของเขาอย่างรู้สึกชื่นชม
 
         "ผมเองก็พึ่งจะเห็นรูปนี้เป็นครั้งแรก..." เรย์พูดด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับผลงานของตัวเองตรงหน้า
 
         "...ท่านเป็นคนมีพรสวรรค์ มีทักษะ เรย์ มิเลียร์ ผู้กล้าสีแดง และมันจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านในการฝึกหลังจากนี้ได้แน่ๆ" ผู้เฒ่าอิจิสยื่นมือเพื่อขอกระดาษที่อยู่ในมือของเรย์ ซึ่งเขาก็ยื่นให้โดยไม่ลังเลอะไร
 
 
 
         เหมือนเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของพวกเขา เมื่้อผู้เฒ่าอิจิสรับกระดาษนั้นมาแล้ว เหล่าผู้เหล่าทั้งสิบสองคนก็ยืนล้อมวงกันโดยเว้นระยะห่างอย่างเป็นระเบียบ โดยพวกเขายืนล้อมเรย์ที่ยืนอยู่บนพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมนั่นเอาไว้ เรย์มองตามผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังเดินขึ้นไปทางบันไดยืนอยู่หน้าเตาไฟหินที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่และวินาทีต่อมาพวกเขาก็เริ่มสวดมนต์อะไรบางอย่าง โดยเหล่านักบวชทั้งสิบสองคนเริ่มจับมือกันเป็นรูปวงกลม ทันใดนั้นสายลมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็เริ่มพัดผ่านเข้ามาในห้องโถงนั้น
 
         เมื่อเหล่านักบวชเริ่มท่องบทสวดมนต์ได้ไม่นานเสียงคล้ายแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมา แสงที่เคยสว่างจ้าที่ส่องลงมาจากบนเพดานก็เริ่มริบหรี่ลง เปลวเพลิงที่เคยสว่างอยู่บนกระถางคบเพลิงตามจุดต่างๆรอบห้องนั้นก็เริ่มมอดหายไป เหลือเอาไว้แต่เพียงแสงที่ออกมาจากการประสานมือของเหล่านักบวชและเปลวไฟที่หน้าอยู่ตรงหน้าของผู้เฒ่าอิจิสเท่านั้น
 


         "บัดนี้... ถึงเวลาแล้วที่พลังแห่งผู้พิทักษ์จะตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์!!!..."
 
 

         เสียงอันก้องกังวานดุจฟ้าคำรามของผู้เฒ่าอิจิสดังไปทั่ว เรย์มองภาพของนักบวชรอบๆด้วยความตื่นเต้น เขาสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างเริ่มพัดผ่านเข้ามาจากประตูทั้งสี่ทิศนั้น สายพลังที่กำลังลอยเข้ามาคล้ายกับลมที่พัดหิมะจนปลิวอยู่ข้างนอกตัววิหารที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านั้นกำลังพุ่งตรงมายังเขา เรย์เห็นว่าสายพลังนั้นกำลังลอยผ่านร่างของเขาไปมาจนพลังทั้งสี่กระทบกันที่ร่างของเขา เผยให้เห็นแสงสีรุ้งที่กำลังรวมตัวกันอยู่รอบตัวของเรย์ 
 
         เรยค่อยๆหลับตาลงและซึมซับความรู้สึกดีๆในขณะนี้เอาไว้ พลังกำลังไหลผ่านเข้าร่างกายและทะลุขึ้นไปบนเพดาน เขามีรู้สึกว่าร่างกายตัวเองนั้นกำลังผ่อนคลายและในขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ถึงพลังของเขาที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกด้วย
 


         "ในนามแห่งข้า!!! และบรรพชนของข้า!!!"
 


           ผู้เฒ่าอิจิสแผ่มือออกทั้งสองข้างเพื่อร่ายเวทมนต์บางอย่างลงในแผ่นกระดาษ ซึ่งกระดาษที่เขาเคยถือมานั้นกำลังลอยอยู่บนอากาศตรงหน้าเขา รอยพับของกระดาษทรงดาวกระจายเริ่มเชื่อมต่อกันกลายเป็นกระดาษแผ่นใหม่ที่มีรูปนกฟินิกซ์อยู่ตรงกลาง
 


         "เหล่าเทพเทวา ข้าขอมอบพลังนี้เพื่อเปิดผนึก!!!... จงบังเกิดและลุกโชนขึ้นมา เปลวอัคคีแห่งพญาวิหค!!!"
 

         ทันใดนั้นเองรูปนกฟินิกซ์ก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมา เปลวไฟที่กำลังลุกอยู่จู่ๆก็โหมไหม้ขึ้นมาคล้ายกับพายุหมุนแห่งเปลวเพลิงจนได้บังเกิดนกฟินิกซ์ตัวใหญ่ที่กำลังกางปีกและส่งเสียงร้องออกมา มันสะบัดปีกที่กำลังลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงนั้นบินลงมาหาเรยที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางวงล้อมของเหล่านักบวช สายตาของเรย์นั้นจ้องมองไปยังนกฟินิกซ์ เขายิ่งทวีความตื่นเต้นอย่างที่ตัวเองไม่เคยรู้สึกมาก่อนในตอนนี้ 
 
 
 
       "ตื่นขึ้นมาเถิด พญาวิหคอมตะแห่งไนท์เบลด..."
 
 
         วิหคเพลิงบินตรงไปยังคนตรงหน้าและทันใดนั้นเองเปลวเพลิงได้ไปรวมอยู่กับพลังงานที่รายล้อมรอบตัวของเรย์ที่กำลังยืนอยู่กลายเป็นพายุแห่งเปลวเพลิงโชติช่วงอยู่เขา เรย์ซึมซับพลังมหาสารที่ไหลเวียนเข้ามายังร่างกายของเขา สายตาของนักบวชมองดูชายหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาอย่างรู้สึกทึ้ง พื้นสี่เหลี่ยมตรงกลางห้องปรากฏรูปนกฟินิกซ์ที่กำลังเปล่งแสงสีทองออกมากลางวงล้อมของพายุหมุนของเปลวเพลิง 
         ภายใต้เพลิงที่กำลังลุกอย่างโชติช่วงอยู่นั้นดวงตาสีแดงส่องสว่างขึ้นมา และตามมาด้วยเสียงสูดลมหายใจเพื่อเรียกพลังของตัวเอง เมื่อเกร็งร่างกายและระเบิดพลังออกมา เปลวเพลิงที่เคยลุกอยู่นั้นก็หายไปในพริบตาเพราะแรงระเบิดพลังของคนในนั้น ลมแรงที่พัดตามแรงระเบิดทำให้เหล่านักบวชทั้งสิบสองต้องยกมือมาบังหน้าของพวกเขาเอาไว้
 


         แสงไฟภายในห้องนั้นเริ่มส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เผยให้เห็นนัยน์ตาสีแดงประดุจเพลิงที่เร่าร้อน ออร่าสีแดงที่เปล่งประกายรายล้อมร่างของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนสีแดงเพลิง เหล่านักบวชเมื่อเห็นคนตรงหน้าของพวกเขาต่างก็อุทานออกมาเป็นเสียงตามๆกัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาแล้วใช้สายตาสำรวจร่างกายของตัวเอง เขารู้สึกว่าพลังในร่างกายของเขามันท่วมท้นมากกว่าเดิมทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเล็กน้อย และสายตาของเขาไปสะดุดกับผู้เฒ่าอิจิสกับสิ่งๆหนึ่งที่กำลังลอยอยู่บนเตาเพลิงนั้น
 
         คัมภีร์ที่ผู้เฒ่าที่เคยบอกให้ฟัง บัดนี้ได้ปรากฏออกมาแล้วตรงหน้าของเขา เป็นคัมภีร์เล่มสีขาวมีสันหนังสือสีทอง ปกหนังของคัมภีร์นั้นมีรูปสัญลักษณ์นกฟินิกซ์ ผู้เฒ่าอิจิสไม่รอช้าหยิบคัมภีร์ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศมาพร้อมกับเดินลงมาจากบันได เรยมองคัมภีร์ของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นพร้อมกับค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้เฒ่าอิจิส 
 
         "คัมภีร์ของท่านช่างสวยงามมาก ข้าเองก็พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก มันสวยงามมากจริงๆ" ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม เขายื่นคัมภีร์ที่อยู่ในมือให้กับเรย์ เรย์ถึงกับอ้าปากค้าง สายตาของเขามองคัมภีร์ที่เขาถืออยู่ในมืออย่างไม่ละ เมื่อรับคัมภีร์มาก็ไม่ลังเลที่จะเปิดดูข้างในนั้น 
 
         
 
 
         เมื่อเวลาผ่านไปเหตุการณ์ภายในวิหารเข้าสู่สภาวะปกติ แต่สายตาของเรย์ยังค่อยๆไล่ไปตามตัวหนังสือที่อยู่ในนั้น เขานั่งอ่านอยู่ภายในห้องโถงที่มีทางเดินยาวไปจนสุดประตู แสงไฟที่คล้ายกับแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาผ่านกระจกรูปนักรบกำลังยกโล่เพื่อกันเปลวไฟของมังกรที่กำลังพ่นใส่ เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มจากชั้นไม้เล็กๆที่ประดับด้วยแจกันดอกไม้และดอกลาเวนเดอร์ที่อยู่บนโตีะ เก้าอี้อีกตัวหนึ่งมีเสียงลูกฟูกยุบลงไปเมื่อมีใครอีกคนหนึ่งมานั่งลง
 
         "เป็นอย่างไรบ้างครับท่าน?" ผู้เฒ่าอิจิสพูดขึ้นมา แต่สายตาของเรย์ก็ยังคงจับจ้องอยู่แต่ตัวหนังสือนั้น ประหนึ่งเหมือนเขาได้อ่านหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดอยู่
 
         "เอาเรื่องเหมือนกันเลยนะ เนื้อหาที่อยู่ในนี้เนี่ย" เรย์ตอบพร้อมกับปิดหนังสือและหันมาทางผู้เฒ่าอิจิส
 
         "ท่านมีคำถามที่ค้างคาใจของท่านอยู่..." เขาถามเรย์ "ว่ามาเลยครับ ที่ท่านมาที่นี่ก็เพื่อมาหาคำตอบของคำถามนั้นทั้งหมดไม่ใช่หรือ..."
 
         "......มันมีเหตุผลอื่นอีกใช่ไหมที่ทำให้พวกท่านต้องรีบดึงพลังแฝงที่อยู่ในตัวของผมออกมา ที่จริงแล้วการฝึกนี้มันอาจจะทำให้ผมพัฒนาพลังที่มีอยู่ในตัวนี้ก็ได้" เมื่อผู้เฒ่าอิจิสได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าอย่างช้าๆ
 
         "ท่านเป็นคนที่มองอะไรทะลุอย่างที่ข้าคิดไม่ถึงมาก่อนจริงๆ... สงครามครับท่าน สงครามมันเกิดขึ้นแล้ว โดยที่ท่านและชาวไนท์เบลดไม่รู้ตัว ข้าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว... การต่อสู้ การต่อสู้ที่ข้าสัมผัสได้ในตอนนี้"
 
         "ผมว่าผมรู้ตัวนะ" เรยพูดสวนขึ้นมาพลางนึกคิดเหตุการณ์ที่โรงเรียนเมื่อชายชุดดำบุกเข้ามาพร้อมกับขโมยแหวนศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย "งั้นก็เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือเขา ทายาทอันดูริลตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ"
 
 
         ผู้เฒ่าอิจิสไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่มองพฤติกรรมของเรย์ที่กำลังหยิบหนังสือที่เขาอ่านอยู่เมื่อกี้นี้แล้วลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ไม้นั้นอย่างรีบเร่ง
 
         "งั้นก็รอช้าไม่ได้แล้วเริ่มกันเลยกันเลยดีกว่า!" เรย์พูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกฮึกเหิม
 
         "...ท่านมั่นใจแล้วเหรอ เพราะหลังจากนี้ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าท่านจะได้เจอกับอันตรายอะไรบ้าง"
 
         "ก่อนหน้าที่ผมจะขึ้นมาที่นี่ผมก็เจออันตรายมาเยอะมากแล้ว ผมคงไม่ยอมแพ้เพราะแค่ปีศาจหรือสัตว์อะไรนั่นหรอกนะ"
 
         
         นัยน์ตาของผู้เฒ่าเริ่มหรี่ลงทำให้เรย์เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยจากเมื่อกี้
 
          "....ไม่หรอกท่าน มันมีมากกว่านั้นแน่..."

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา