Fic GOT7 ::Apartment Love รักร้ายของชายต้วน (yaoi)

-

เขียนโดย sin_serious

วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.02 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  7,151 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 22.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) การพบเจอที่ไม่น่าประทับใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

     The Nine Club

 

     ไนต์คลับแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยวของตัวเมือง  พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาหาความสุขและปลดปล่อยความทุกข์ไปกับแสงสีของค่ำคืน

     ด้านในคลับเต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่ชอบท่องราตรีและชอบสังสรรค์  คลอเคล้าไปด้วยแสงสีจากดิสโก้เทคและคนตรีที่ดุดันเร่าร้อนชวนให้ขยับโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเสียงเพลง  ทุกคนต่างลุกขึ้นมาดีดดิ้นไปตามจังหวะเพลงที่ดุดันและร้อนแรงมากขึ้นราวกับโดนไฟเผาผลาญก็ไม่ปาน  บางคู่ก็นัวเนียกันอยู่บนฟลอร์โดยไม่แคร์สายตาใคร  แต่ก็ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นเหมือนกัน

     “ไอ้ยูค  กูอยู่หน้าคลับแล้วนะ มึงอยู่ไหนเนี่ย”

     [เออๆ มึงรอกูอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูออกไปรับ]

     “เออ เร็วๆ นะมึง”

     พอวางสายจากเพื่อนสนิท  ผมก็หาที่นั่งรอตรงหน้าทางเข้าคลับ  มีหลายคู่ที่กำลังนัวเนียกันอยู่ตรงม้านั่งด้านหน้า  แต่ก็ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่  ก็นะ  มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วนี่นา เลยไม่เห็นต้องสนใจ   ระหว่างที่นั่งรอก็รู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่พุ่งตรงมายังผม  ซึ่งมันก็จะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมนั่งอยู่คนเดียวไม่ว่าจะในมหาลัยหรือที่ไหนก็ตาม  ที่มองส่วนใหญ่ก็เพราะสะดุดกับหน้าตาของผมนี่แหละ  ที่จะค่อนไปทางน่ารักแบบผู้หญิงๆ แล้วยังรูปร่างที่ไม่สมกับเป็นผู้ชายนี่อีก  ส่วนสูงก็ยังหยุดอยู่ที่ร้อยเจ็ดสิบสองตั้งแต่จบ ม.ปลาย   น้อยใจตัวเองนักที่ได้แม่มามากกว่าพ่อแบบนี้ T_T

     “มาคนเดียวเหรอครับ”

     และระหว่างที่กำลังรอก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม  หน้าตาก็ถือว่าดีน่ะนะ  ที่เกลียดสุดนี่คือมึงจะสูงไปไหนครับ  ส่วนสูงน่าจะประมาณร้อยแปดสิบกว่าๆ ล่ะมั้ง

     “กำลังรอเพื่อน” ผมก็ตอบกลับเรียบๆ

     “งั้นเข้าไปนั่งกับผมข้างในก่อนก็ได้นะ  ไว้เพื่อนมาแล้วค่อยไป นะครับ”

     รอยยิ้มจริงใจที่โคตรเสแสร้ง? ที่เขาสร้างขึ้นชักทำให้ผมหงุดหงิด  นี่มันคิดว่าผมซื่อหลอกง่ายนักหรือไง  เหอะ! ไอ้อ่อนเอ้ย

     “ไม่ล่ะ  เพื่อนฉันออกมาละ  ส่วนนายก็ไปหม้อที่อื่นซะ  แล้วก็เลิกยิ้มกวนส้นแบบนั้นซะที  คิดว่าจะใช้หลอกเหยื่อได้ทุกคนหรือไง”

     ผมถอนหายใจก่อนจะเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับหมอนี่แล้วพูดในสิ่งที่คิดไว้ออกไป  พอดีกับที่เห็นไอ้ยูคยอมกำลังเดินออกมาจากคลับ

     “อะ...อะไรนะ”

     ดูเหมือนเขาจะเหวอไปนิดหน่อยที่โดนผมตอกกลับแบบนั้น  แต่ก็นะ...ผมไม่สนใจหรอก

     “มีไรป่าววะ”

     ไอ้ยูคที่เดินมาถึงก็มองหน้าผมสลับกับไอ้หน้าหม้อแล้วถามขึ้น  ผมก็แค่ยักไหล่แล้วเดินเลี่ยงเข้าไปในคลับ  โดยมียูคยอมเดินตามมาแบบงงๆ

     “เฮ้ย  เมื่อกี้มีอะไรกันวะ”

     เมื่อเดินเข้ามาในคลับ  ไอ้ยูคก็เดินมาประชิดตัวผมและถามขึ้น

     “ไม่มีอะไร ก็แค่พวกหน้าหม้อ” ผมก็ตอบไปอย่างสบายๆ

     “นี่มึงเจอพวกนี้อีกแล้วเหรอ  กูว่ามึงน่าจะหาผัวมากกว่าหาเมียนะ ฮ่าๆ อุ๊บ!”

     ผมถองศอกใส่ท้องมันทีหนึ่งเป็นการหยุดปากเน่าๆ ของมันให้หยุดพูดเรื่องที่ไม่เข้าหูซักที

     ผมผิดหรือไงที่เกิดมาหน้าตาได้แม่มาแบบนี้  ผมนายกันต์พิมุก  ภูวกุล   หรือแบมแบม อายุสิบแปดย่างสิบเก้า  มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะนิเทศ  แต่ทำไมถึงได้อาภัพเรื่องผู้หญิงกลับมีแต่ผู้ชายเข้ามาวุ่นวายไม่หยุดไม่หย่อนให้ได้ปวดหัวทุกวัน   ดีที่มีเพื่อนสนิทตามตูดกันมาเรียนอย่างยูคยอมซึ่งมันเป็นคนเกาหลีแต่มาอยู่ไทยตั้งแต่เด็กเลยพูดไทยได้คล่องป๋อ  ก็ได้มันนี่แหละที่คอยไล่ไอ้พวกบ้าพวกนั้นไป

     “แล้วโต๊ะเราโต๊ะไหนวะมึง”

     เดินเข้ามาก่อนก็ต้องรอมันอยู่ดี  เพราะผมไม่รู้ว่าพวกเฮียนั่งอยู่โซนไหน

     “โซนวีไอพีไงมึง  กูอุตส่าห์บอกแล้วนะ”

     “เออๆ เดินนำไปดิ  บ่นอยู่ได้มึงนิ”

     แล้วยูคยอมก็เดินนำผมเข้าไปยังโซนวีไอพีด้านในของร้าน  แต่ละโต๊ะจะมีผนังกั้นไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว  ซึ่งผมชอบนะ  มันไม่วุ่นวายดี

     “อ้าว  แบมแบมของเฮีย  ทำไมมาช้านักวะ  กูกินจนไปฉี่ได้สิบรอบละ”

     เดินมาถึงโต๊ะก็เห็นรุ่นพี่ที่มหาลัยกำลังนั่งดื่มกันอยู่  ที่จริงวันนี้เรานัดกันในกลุ่มรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันมาดื่มสังสรรค์ ซึ่งนานจะมีซักครั้ง   คนที่ทักผมคือพี่เจบีอยู่ปีสามคณะวิศวะ  พี่แกคอยช่วยเหลือผมในหลายๆ เรื่องตั้งแต่เข้ามาเรียนและพี่แกก็เอ็นดูผมมากเหมือนน้องในไส้เลยทำให้เราสนิทกันมาก  ข้างๆ พี่เขาคือ พี่จินยอง เป็นคนเกาหลีย้ายมาเรียนที่ไทยเมื่อสามสี่ปีก่อนก็พูดไทยได้ดีมากเลยล่ะ  พี่จินยองเป็นอีกคนที่ผมเกรงใจมาก  เพราะรูปร่างหน้าตาพี่แกออกไปทางสวยแต่อย่าหลงใหลไปกับใบหน้าของพี่จินยองล่ะ  เพราะมันเป็นแค่เปลือกนอกที่ไว้หลอกให้คนอื่นตายใจทั้งที่จริงๆ แล้วพี่แกเป็นคนที่น่ากลัวมาก

     “พอดีมีปัญหานิดหน่อยครับเลยเข้ามาช้า”

     ผมบอกพี่บีก่อนเข้าไปนั่งข้างพี่จินยองและไอ้ยูคก็นั่งข้างผมอีกที

     “เออ ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็มาเริ่มงานสังสรรค์ของเราได้สักที”

     แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็นั่งดื่มนั่งกินกันไปเรื่อยตามประสา  มีพูดคุยกวนกันบ้าง  มีสาวเข้ามาขอเบอร์ไอ้ยูคกับพี่เจบีบ้าง  ผมก็ได้แต่นั่งหน้างอ  เบื่อไอ้พวกสูงหล่อเลือกได้  พี่จินยองเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ พลางพูดปลอบใจ  ซึ่งช่วยผมได้ดีมาก...

     “แบมแบม  ออกไปเต้นเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”

     “เต้น?  คือผมเต้นเพลงนี้ไม่เป็น”

     จู่ๆ พี่จินยองก็พูดชวนผมขึ้นเมื่อเพลงเปลี่ยนเป็นเพลงที่พี่เขาชอบ  ซึ่งมันเป็นเพลงที่เร่าร้อนสุดๆ เลยล่ะผมว่า  แต่อย่างว่าพี่จินยองทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอก  มีแต่จะดึงดูดผู้คนรอบข้างซะมากกว่า

     “เหอะน่า  ฉันจะสอนให้นายเอง”

     “แต่พี่ครับ...”

     “ไม่มีแต่ ลุก!”

     ครับ  คำเดียวลุกขึ้นทันทีเลย  พี่เจบีกับไอ้ยูคยอมก็ได้แต่โห่แซว  เพราะผมไม่เคยยอมออกไปเต้นเลยซักครั้งเดียว  ไม่ใช่ว่าเต้นไม่เป็นนะ  แต่ถ้าผมได้กินเหล้าแล้วมาเต้นเพลงบีตหนักๆ แบบนี้มันจะควบคุมตัวเองไม่ได้นะสิ  ยิ่งตอนนี้ก็เริ่มจะมึนๆ แล้วด้วย

     “ดู เริ่มแรกก็ค่อยๆ โยกไปตามจังหวะแล้วใส่อารมณ์ไปกับเพลง  จนเข้าไปอยู่ในเพลง”

พี่จินยองลากผมมายืนอยู่กลางฟลอร์และพี่แกก็เริ่มโยกย้ายสะโพกบางๆ นั้นไปตามจังหวะเพลง   นี่แค่เริ่มเท่านั้นนะพวกที่อยู่บนฟลอร์ก็ยังแอบชำเลืองมามองเลยอ่ะ   แล้วยิ่งตอนนี้พี่จินยองเริ่มวาดลีลาไปตามเพลงที่เริ่มเร่าร้อนขึ้น  ทุกท่วงท่าก็เหมือนจะเคลื่อนย้ายไปตามเพลงโดยอัตโนมัติ  ซึ่งมันดูเย้ายวนมาก  ตอนนี้ทุกคนบนฟลอร์เริ่มหันมามองที่พี่จินยองมากขึ้น  ผู้ชายบางคนก็ผิวปากแซว

     “อ่ะ ย้อมใจ หึๆ”

     พี่จินยองรับแก้วเหล้าที่โต๊ะข้างๆ ยื่นให้มาให้ผมแทน  ผมก็มองอย่างชั่งใจว่าจะดื่มดีหรือปล่าว  เพราะดูท่าว่าแก้วนี้จะแรงใช่ย่อย  ดื่มเข้านี่เมาแน่นอน

     “น่ารำคาญจริง”

     “อ่ะ...อึก”

     เรียบร้อย...พี่จินยองจับเหล้ากรอกปากเรียบร้อยครับ  สงสัยคงรำคาญ  และแก้วนี้มันก็แรงจริงๆ ครับทำเอาแสบคอไปหมด  ตอนนี้ก็ตีขึ้นจมูกมึนไปหมดละ

     “มาเต้นกัน”

     พี่จินยองลากผมไปยืนกลางฟลอร์แล้วจับสะโพกผมโยกย้ายไปตามจังหวะ  และเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่มีบีตหนักแน่นดุดันน่าออกลีลา  ผมก็เริ่มเคลื่อนไหวตัวเองไปมา  สะโพกเล็กส่ายไปมาอย่างยั่วยวนเมื่ออารมณ์เริ่มคล้อยไปตามเพลง  มือข้างหนึ่งจับเสาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น เดินโยกย้ายร่างกายไปมาอยู่กับเสา  พี่จินยองเข้ามาเต้นนัวเนียอยู่ใกล้ๆ อย่างสนุกสนาน  ผมเองก็เริ่มรู้สึกสนุกแล้วเหมือนกัน  ร่างกายมันก็ขยับไปเองตามเสียงเพลงและอารมณ์สุนทรีที่เข้ามาเต็มเปี่ยมจนไม่ได้รับรู้เลยว่ารอบข้างตอนนี้นิ่งเงียบไปหมด  มีเพียงร่างเล็กที่กำลังโยกย้ายเรือนร่างอยู่บนฟลอร์ที่ตกเป็นเป้าสายตาและมีหลายคนที่คิดจะเข้าไปเต้นด้วยแต่ก็โดนสายตาของเฮียและเพื่อนสนิทของร่างเล็กจ้องเขม็งไว้

     “เฮีย  ผมไปเอาตัวมันลงมานะ”

     “เออ  รีบไปเอาลงมาเลยก่อนที่กูจะกระทืบพวกห่านี่เข้า”

     เจบีพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ที่พวกผู้ชายในคลับจ้องมองน้องชายเขาด้วยสายตาโลมเลียแบบนั้น  ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาจากคนข้างๆ ที่เมื่อกี้ยังไปเต้นอยู่กลางฟลอร์

     “นายน่ะตัวดี  ลากน้องมันไปทำไม”

     “หวงอย่างกับเป็นพ่อเขาไปได้  อย่าเครียดเลยน่า”

     จินยองยื่นมือไปดึงแก้มสองข้างของเจบีที่กำลังทำหน้ายักษ์ให้ยืดออก  ก่อนจะยิ้มหวานให้   ทำเอาเจบีที่กำลังหงุดหงิดเพราะลูกสาว(?) โดนหนุ่มๆ จ้องจะกินไม่เลิก  ต้องชะงักนิ่งไปชัวครู่

     “อะแฮ่ม! เอาลูกสาวมาเก็บแล้วครับ”

     แล้วบรรยากาศหวานๆ ก็ถูกทำลายลงโดยไอ้เด็กยูคยอมที่ตอนนี้กำลังยืนหิ้วปีกแบมแบมอยู่ เพราะร่างเล็กเมาคอพับหลับไปแล้ว  หลังจากไปสร้างเรื่องราวไว้บนฟลอร์จนแทบจะลุกเป็นไฟ  กว่ายูคยอมจะเอาตัวลงมาได้ก็ต้องไล่ไอ้พวกลิ้นไรที่เข้ามาเกาะแกะร่างเล็กจนเหนื่อย  แถมเจ้าตัวยังไม่ยอมปล่อยเสาที่เกาะไว้จนต้องแงะออกมา

     “...มึงพามันกลับไปส่งหอละกัน  พวกกูก็จะกลับละ”

     เจบีหันมาสั่งน้องก่อนจะพากันพยุงแบมแบมออกจากคลับเพื่อไปขึ้นรถยูคยอมที่จอดอยู่ข้างนอก   และเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ก็ได้ตกอยู่ในสายตาของร่างสูงที่ยืนดูจากห้องกระจกชั้นสองของคลับที่มีไว้สำหรับแขกพิเศษเท่านั้น

     “ยืนดูอะไรวะ  ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะมึง”

     เพื่อนของร่างสูงที่เป็นเจ้าของคลับเดินเข้ามาถาม  เพราะเห็นเพื่อนตัวเองยืนมองลงไปข้างล่างได้ซักพักแล้ว

     “ดูเด็ก”

     พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

     “กูล่ะเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของมึงจริงๆ”

     เพื่อนเขาพูดแล้วก็กลับไปนั่งสังสรรค์กับคนอื่นๆ ต่อ  ร่างสูงเองก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของร่างบางๆ ที่เพิ่งลงจากฟลอร์เพราะโดนหิ้วกลับอยู่เต็มไปหมด  ภาพที่ขึ้นไปเต้นอย่างน่ารักบนฟลอร์  รูปร่างเย้ายวนที่โยกย้ายไปมา  ใบหน้าน่ารักที่เคลิ้มไปกับเสียงเพลง  มันติดตาตรึงใจร่างสูงจนไม่อาจสะบัดมันออกไปได้

     “เราจะได้เจอกันอีกแน่ เด็กน้อย”

 

 

     เช้าวันต่อมา

     แบมแบมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างแรง  เหตุเพราะเมื่อคืนดื่มเหล้าดีกรีแรงเข้าไปมาก  ได้ยูคยอมหามมาส่งที่หอใกล้ๆ

     “อ่า...ปวดชะมัด   ไม่น่ากินเลยจริงๆ”

     ร่างเล็กเดินกุมหัวตรงไปที่โซนห้องครัว  และเดินไปเปิดตู้เย็นดูและเห็นว่ามีถ้วยซุปอะไรซักอย่างอยู่  ข้างๆ ก็มีแก้วน้ำที่ข้างในเป็นน้ำสีน้ำตาลอ่อนๆ  ที่ถูกห่อไว้ด้วยถุงพลาสติก  ด้านบนของถ้วยมีโพสอิทแปะไว้   แบมแบมยกของทั้งสองอย่างออกมาวางไว้ตรงโต๊ะกลางห้องแล้วหยิบโพสอิทใบนั้นขึ้นมาอ่าน

     “ซุปแก้เมาค้าง  กับน้ำสูตรพิเศษของที่บ้านกู  กินซะจะได้หายปวดหัว  จากคนหล่อ”

     อ่านจบก็อดอมยิ้มกับความเอาใจใส่แบบแปลกๆ ของเพื่อนตัวเองไม่ได้

     “คงต้องอุ่นก่อนสินะ  ซุบนี่”

     ว่าแล้วก็ยกถ้วยซุปไปเข้าไมโครเวฟไว้แล้วมานั่งรอที่โต๊ะ  พลางจิบน้ำสูตรพิเศษไปด้วย

     “รสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยดีแฮะ”

     นั่งดื่มไปก็นึกถึงตารางเวลาของวันนี้ว่าต้องทำอะไรบ้าง   อืม...วันนี้มีเรียนตอนบ่ายโมง  ค่อยไปหาข้าวกินอยู่มหาลัยก็ได้มั้ง  แล้วไอ้ยูคล่ะ   อือ...มีเรียนตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย   งั้นตอนเที่ยงชวนมันมากินข้าวด้วยดีกว่า...

     ติ๊ง!

     “อะ  เสร็จแล้วๆ”

     เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนว่าการเวฟได้สิ้นสุดลง  แบมแบมก็รีบเดินตรงรี่ไปที่ไมโครเวฟและไม่ลืมที่จะใส่ถุงมือกันร้อนแล้วยกถ้วยซุปออกมานั่งกินที่โต๊ะอาหาร  ซุปนี่เขาเคยกินมาหลายครั้งแล้ว  เพราะชอบแฮงค์บ่อย  แล้วยูคยอมก็ต้องมาคอยดูแลประจำแหละ  ได้ผลดีมากเลยนะซุปนี่น่ะ  อร่อยด้วย...

     ตื้ด...ตื้ด...

     เสียงโทรศัพท์   เอาไว้ไหนนะ  ว่าแล้วก็ลุกเดินตามหาโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงอยู่  ก่อนจะไปเจอที่ซอกโซฟาด้านใน

     “ฮัลโหล...”

     [แบมแบม วันนี้อย่าลืมมาเตรียมงานนะเว้ย ก่อนเที่ยงนะก่อนเที่ยง เข้าใจมั้ย]

     “เออๆ รู้แล้วน่า..กูไม่ลืมหรอก”

     [ไม่ต้องมาพูดเลย!  นี่ถ้ากูไม่โทรมาเตือนมึงก็คงมาเรียนตอนบ่ายเลยสินะ]

     “ชิ เกลียดจริงพวกรู้ทัน” แอบบ่นเบาๆ

     [รีบมาล่ะมึง ตอนนี้ก็สี่โมงแล้ว เพื่อนเค้ากำลังทยอยมากัน]

     “โอเคๆ ขอเวลาแปป”

     พูดจบก็วางสายก่อนที่ มิว เพื่อนในคณะจะบ่นมาอีก   เฮ้อ...กะว่าจะแอบงีบซักหน่อยนะเนี่ย  คงต้องออกไปมหาลัยก่อนเวลาสินะ

     ที่จริงวันนี้กลุ่มผมนัดกันทำงานของอาจารย์ท่านหนึ่งไว้  เป็นการจัดทำหนังสือเล่มหนึ่งโดยหัวข้อก็ให้คิดเองได้  แต่ต้องห้ามลอกเลียนแบบที่ไหนมาเด็ดขาด  กำหนดส่งก็อีกสองอาทิตย์  แต่ก็แน่ล่ะเพื่อความเรียบร้อยสมบูรณ์ของงานก็ต้องทำกันอย่างรอบคอบและต้องปิดเป็นความลับไม่ให้กลุ่มอื่นรู้  เพราะเดี๋ยวจะเกิดปัญหาที่รูปแบบงานออกมาเหมือนกันได้  อ้อ...ผมเรียนนิเทศ เอกวารสารนะ เผื่อใครยังไม่รู้

     ใต้ตึกคณะตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาที่มานั่งรวมกลุ่มกันคุยเรื่องต่างๆ และทุกวันที่ผมจะต้องเดินผ่านคณะวิศวะเพื่อไปยังคณะของผมที่อยู่ข้างๆ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้อยู่ติดกันมากเพราะมีโรงอาหารคั่นอยู่  ที่ผมบ่นเนี่ยเพราะว่าทุกครั้งที่ผ่านหน้าคณะนี้ผมจะต้องโดนแซวจากพวกผู้ชายที่ชอบมานั่งคอยดูนักศึกษาผู้หญิงของคณะผมที่เดินผ่านไปมา  ผมก็แค่เดินผ่านไปเฉยๆ น่ะนะ

     “แบมแบมนี่นา  วันนี้ก็น่ารักไม่เปลี่ยนเลยน้า”

     “ไม่เบื่อบ้างเหรอ  น่ารักได้ทุกวันแบบนี้น่ะ ฮ่าๆ”

     “ยอมคบกับพี่สักทีสิครับ  ใจแข็งจังน้า...”

     เหอะ   มุขนี่ไปขุดมาจากไหนกันวะ  ผมก็ปล่อยมันผ่านหูไปพยายามไม่สนใจและรีบเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วมากกว่าเดิม  จนไม่ทันเห็นว่ากำลังมีกลุ่มคนเดินมาทางผมและทำให้ผมที่ไม่ได้มองชนคนที่เดินนำหน้ากลุ่มเข้า

     พลั่ก!

     ตุบ

     “โอ๊ย อะไรวะ!”

     แรงปะทะทำให้ร่างที่เล็กกว่าล้มลงกับพื้น  แบมแบมอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมเมื่อต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ ตั้งแต่เช้า  ร่างเล็กลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากตัวด้วยความหงุดหงิด

     “อ้าวๆ เดินชนใครล่ะวะเนี่ย” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น

     “นี่มันเดือนคณะนิเทศนี่หว่า...”

     ไอ้พวกนี้แม่ง  พวกปีสามคณะนี้สินะ   ไม่น่ามาเจอพวกนี้เลยจริงๆ  ให้ตาย...  แล้วไอ้คนที่เดินชนเราเนี่ยไม่คิดจะขอโทษหน่อยเหรอวะ

     “ขอโทษเป็นมั้ย”

     หะ?

     ขอโทษ? ใคร?

     ยืนจ้องหน้าไอ้พวกนั้นอยู่  จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็ดังขึ้นมาขัด   พอมองตามก็เจอเข้ากับใบหน้าเรียบนิ่งของคนที่เป็นต้นเหตุ? ของเรื่อง

     ใบหน้าที่ทำให้ผมต้องชะงักไปชั่วครู่กับโครงหน้าเรียว  ดวงตาคมเข้มมีเสน่ห์รับกับจมูกโด่งเป็นสันเขื่อน  ริมฝีปากสีอ่อนที่ให้ความรู้สึกอยากเข้าไปสัมผัส  ล้อมกรอบด้วยทรงผมที่ถูกเซ็ตไว้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม  รวมแล้วทุกอย่างคือเพอร์เฟ็คมากราวกับพระเจ้าปั้นแต่งขึ้นมา  แต่ว่า...

     ไอ้หน้านิ่งๆ กวนๆ เนี่ยมันชวนให้หงุดหงิดชะมัด...

     “ใคร  ทำไมผมต้องขอโทษในเมื่อพวกพี่เดินมาชนผมก่อน” 

     ผมยังคงโต้ตอบกลับไป  ก็ในเมื่อผมไม่ผิดอ่ะ

     “มึงต่างหากที่ไม่มองทาง หรือว่าเตี้ยจนมองไม่เห็นพวกกู”

     ฉึก!

     แทงใจเต็มๆ

     คำนี่...อีกแล้ว   นี่ผมเกิดมาเตี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ  ไม่สิ ไอ้พวกบ้านี่มันสูงเกินไปต่างหากล่ะ!

     “ทำไมวะ เตี้ยแล้วมันผิดตรงไหนฮะ  ขอโทษแล้วไงอ่ะ  จบมะ”

     ชิ! ไม่อยากมีเรื่องแต่เช้าหรอกนะ  และถ้าไปช้ากว่านี้โดนไอ้มิงบ่นหูชาอีกแน่  ขอโทษเสร็จก็เบี่งตัวเดินหลบออกมา  แต่ว่า...คนอย่างแบมแบมไม่เคยยอมใครง่ายๆ หรอกนะ!

     พลั่ก

     “โอ๊ย! ไอ้เตี้ย  มึง!”

     ช่วงที่ผมกำลังเดินผ่านไอ้สูงผมก็กระทืบเท้าลงไปอย่างเต็มที่บนเท้าของไอ้รุ่นพี่คนนั้นเพื่อแก้แค้น

     “มึงเหยียบตีนกู!”

     “ขอโทษนะครับ  ไม่ได้ตั้งใจเหยียบ ‘ตีน’ พี่  แบร่...”

     พูดเสร็จแถมแลบลิ้นใส่ไอ้คนหน้านิ่งที่ตอนนี้ทำหน้าโมโหซะจนน่ากลัวแล้วก็วิ่งแจ้นไปคณะตัวเองทันที  ไม่รอรับคำด่าหรอกนะคร้าบ  ฮ่าๆๆ

 

 

++++++++++++++++++++++++

 

หวัดดีค่า  นักเขียนหน้าใหม่ในเว็บนี้ค่ะ

ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา