ปั้นรักปั้นหัวใจ

9.6

เขียนโดย Chapond

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  72 ตอน
  682 วิจารณ์
  129.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 00.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

31) 31 เรื่องส่วนตัว(ของฉัน)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อะไรนะไอ้เขื่อน จะขออยู่พักผ่อนบ้านที่ชานเมืองอีกสักพักงั้นหรอ เออๆ ได้ๆงั้นแกดูแลตัวเองดีๆ

แล้วกันส่วนชั้นดูแลตัวเองได้สบายมาก บาย”โทโมะที่ว่างอยู่บ้านโทรถามผู้จัดการหนุ่มก็พบว่า

เขื่อนยังอยู่บ้านที่ชานเมือง

 

 

 

 

 

 

 

 

“เข้าไม่ได้นะพี่จีจี้นี่มันบ้านของคุณเกศเค้า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาตามหาใครได้หรอกนะ”เสียงของ

แก้วทำให้โทโมะชะงัก

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่รู้ ก็ภาพมันฟ้องอยู่ว่าเขื่อนมันเอาเฟย์ไป เอาเขื่อนมาคุยให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ”จีจี้โวยวายหน้า

บ้านโดยมีแก้วแบมและเด็กในสังกัด2คนคอยห้ามอยู่

 

 

 

 

 

 

 

“นี่เกิดอะไรขึ้นน่ะ”โทโมะเดินเข้ามาถาม

 

 

 

 

 

 

“ก็พี่จีจี้น่สิโทโมะ บอกว่าเขื่อนลักพาตัวเฟย์มา”แก้วพูด

 

 

 

 

 

 

 

“มันแน่ยิ่งกว่านี่ นี่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ค่าย ดูกันซะให้เต็มตาว่าเขื่อนมันเข้ามาลากตัวเฟย์ไป

จากรถเมื่อวันก่อน แล้วแบบนี้จะให้ชั้นทำยังไง รึว่าจะเป็นแผนพาเฟย์มาอยู่สังกัดนี้ห้ะ”จีจี้โวยวาย

 

 

 

 

 

 

 

“ไปกันใหญ่แล้วพี่จีจี้ เขื่อนมันจะทำแบบนี้ทำไม ผมว่าพี่กลับไปดีกว่านะ”ในฐานะที่โทโมะเป็นผู้

ขายคนเดียวก็รีบพูดปกป้องแก้วและศิลปินที่เหลือ เพราะตอนนี้ป๊อปปี้พาฟางไปคุยงานหนังของ

ฟางข้างนอก

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่กลับ ยังไงก็ไม่กลับ ชั้นจะลากไอ้เขื่อนมาคุยให้รู้เรื่อง หนอย คิดว่าเป็นลูกคุณเกศแล้วจะทำ

ยังไงก็ได้กับศิลปินงั้นหรอ ไอ้เด็กบ้า มันต้องโดน”จีจี้โวยวายไม่สนใจใครทั้งนั้นก่อนจะอาละวาด

ผลักศิลปินคนอื่นเซไปคนละทาง

 

 

 

 

 

 

 

 

ปึก

 

 

 

 

 

แก้วที่พยายามขวางไม่ให้จีจี้เข้าบ้านถูกจีจี้ผลักหัวกระแทกผนังข้างๆทันที

 

 

 

 

 

 

 

“แก้ว เลือด นี่พี่จีจี้มันจะมากไปแล้วนะ ถ้าพี่ไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกละก็ รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย

เพราะผมพูดจริงทำจริง”โทโมะประคองแก้วแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นว่าหัวแก้วแตกก็รีบไล่

 

 

 

 

 

 

 

 

“เออ ไปก็ไปแต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าพวกแกต้องให้เขื่อนคืนตัวเฟย์มาซะไม่งั้นชั้นจะแจ้งตำรวจจับ

ทีนี้พวกแกเป็นข่าวฉาวทั้งค่ายแน่”จีจี้พูดอย่างหัวเสียก่อนจะคาดโทษแล้วเดินออกไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ทำยังไงดีโทโมะ รูปที่ออกมาเนี่ยมันก็เป็นรูปเขื่อนพาเฟย์ไปจริงๆด้วยสิ”แก้วที่ถูกโทโมะพามาทำ

แผลก็พูด

 

 

 

 

 

 

“เดี๋ยวชั้นจะโทรเคลียร์กับเขื่อนเอง ถ้ามันพูดไม่รู้เรื่องชั้นจะไปที่บ้านมันที่ชานเมืองเอง เพราะชั้น

เคยไปอยู่ตอนที่เครียดรึมีปัญหา ว่าแต่เธอน่ะ เลิกห่วงคนอื่นแล้วมาทำแผลเถอะ”โทโมะพูดแล้ว

จัดการทำแผลให้แก้ว

 

 

 

 

 

 

 

“โอ๊ย เจ็บนะพอแล้ว”แก้วร้องเมื่อถูกแอลกอฮอล์จิ้มลงที่แผล

 

 

 

 

 

“อย่างอแงสิ เดี๋ยวก็ตีซะหรอก”โทโมะดุ

 

 

 

 

 

 

“นี่นายกล้าตีชั้นหรอ”แก้วย้อน

 

 

 

 

“เปล่าครับๆ แก้วอยู่นิ่งๆนะเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”โทโมะได้ยินก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที

 

 

 

 

 

“ขอบใจมากนะโทโมะที่ทำแผลให้ แบบนี้คงต้องงดไปกองถ่ายพรุ่งนี้แล้วล่ะ”แก้วพูดพลางมอง

แผลที่หน้าผากตัวเองที่ถูกโทโมะเอาพลาสเตอร์สีชมพูสดใสแปะให้เมื่อทำแผลเสร็จ

 

 

 

 

 

 

 

ฟึบ โทโมะรีบนอนหนุนตักแก้วทันที

 

 

 

 

 

 

“เดี๋ยวเหอะ มานอนตักเป็นเด็กๆได้ไง เดี๋ยวพวกแบมก็มาเห็นหรอก”แก้วรีบดุโทโมะ

 

 

 

 

 

 

 

“เอ้า ก็ทำแผลให้แก้วเสร็จแล้วก็ขอพักหน่อยเถอะ ตักแก้วนิ้มนิ่ม มือแก้วก็ห้อมหอม”โทโมะพูด

แล้วถือวิสาสะจับมือแก้วมาดมจนแก้วหน้าแดง

 

 

 

 

 

 

“คนบ้า ชอบทำให้คนอื่นเขินนะ’แก้วพูดแล้วอมยิ้ม

 

 

 

 

 

 

“เขินแบบนี้แสดงว่ารักสินะ ดีเลยเป็นแฟนกันเถอะนะแก้ว”โทโมะสบตาแก้วแล้วพูดก่อนจะลุกขึ้น

มานั่งดีๆ

 

 

 

 

 

 

 

“คนบ้า มาบอกแบบนี้ไม่กลัวรึไงที่เรตติ้งตัวเองจะตกน่ะ”แก้วสบตาโทโมะแล้วพูดขึ้น

 

 

 

 

 

 

“ไม่อ่ะ ชั้นเชื่อว่ายังไงซะแฟนคลับของชั้นเค้าต้องเข้าใจ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ พูดแบบนี้หมายความว่าแก้ว

จะยอมเป็นแฟนแล้วใช่มั้ย”โทโมะพูดแล้วชะงักก่อนจะถามแก้ว แก้วรีบหนีโทโมะรีบดึงแก้วมานั่ง

ตัก

 

 

 

 

 

 

 

 

ฟอด

 

 

 

 

แก้วเห็นโทโมะทำหน้าสงสัยและยังงงอยู่ก็กอดคอแล้วหอมแก้มโทโมะทันที

 

 

 

 

 

 

 

“ถ้าเรตติ้งตกชั้นไม่รับประผิดชอบนะ”แก้วพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีโทโมะด้วยความเขิน

 

 

 

 

 

 

“แก้ว นี่เราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ยแก้ว เดี๋ยวสิ อย่าหนีนะ”โทโมะอึ้งปนเขินรีบวิ่งตามแก้วที่วิ่งหนีตัว

เองไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ชั้นอยากกลับบ้าน”เฟย์พูดเมื่อเขื่อนยกเอาจานข้าวมาให้เฟย์ในห้องนอน

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่”เขื่อนพูดห้วนๆก่อนจะเอานข้าวยื่นให้เฟย์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เพล้ง

 

 

 

 

เฟย์ไม่สนใจกลับปาจานข้าวทิ้งอย่างไม่ไยดี

 

 

 

 

 

“เออ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ชั้นไม่เอามาให้ใหม่หรอกนะ”เขื่อนรีบว่าก่อนจะเดินหนีเฟย์

 

 

 

 

 

 

 

 

“กรี๊ด ชั้นเกลียดนายเขื่อน ไอ้เลว นายมันกักขังโหน่งเหนี่ยว ชั้นเกลียดๆๆๆ”เฟย์ร้องโวยวายระเบิด

ออกมาด้วยความเครียด เพราะ3วันมานี่ที่เขื่อนจับตัวเธอมา ถ้าไม่ข่มขืนแล้ว เขาก็ไม่ปล่อยให้เธอ

ไปไหนเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปึก

 

 

 

 

 

 

เฟย์อาละวาดแล้วหยิบเศษจานแตกปาใส่หน้าผากเขื่อน

 

 

 

 

 

“โอ๊ย”เขื่อนร้องออกมาแล้วเอามือกุมที่หน้าผาก

 

 

 

 

 

 

“ขะ เขื่อน”เฟย์ชะงักแล้วมองเขื่อนอย่างตกใจเมื่อเห็นเขื่อนหัวแตก

 

 

 

 

 

 

“นี่เธอไม่เหนื่อยรึไง ที่ทะเลาะกันแบบนี้ทุกวัน”เขื่อนถอนหายใจก่อนะพูดออกมา จะว่าเขาผิดก็ผิด

ที่ลักพาตัวเฟย์มาแบบนี้ ตอนแรกเขาแค่อยากแก้แค้นเฟย์จนหน้ามืดตามัวถึงขั้นข่มขืนเฟย์ และพอ

รู้เรื่องมีนยิ่งทำให้เขาระเบิดอารมณ์กับเฟย์มากขึ้น แต่ถึงยังไงเขาก็คนเหมือนกันที่ย่อมมีความเบื่อ

ที่ต้องมาทะเลาะกันเถอะวันแบบนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

“ก็ช่วยไม่ได้ นายอยากจะกักขังหน่วงเหนี่ยวชั้นทำไมล่ะ สมน้ำหน้า”เฟย์กอดอกเชิดไม่สนใจแล้ว

ว่า

 

 

 

 

 

 

 

“ก็ได้ ถ้าอยากจะกลับบ้านนักเดี๋ยวชั้นไม่ส่งให้ก็ได้ แต่ก่อนไป เธอคงไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าขั้นจะ

นั่งทำแผลตัวเองให้เสร็จก่อน”เขื่อนพูดแล้วแอบเหนื่อยใจกับความพยศของเฟย์ก่อนจะเดินไปข้าง

น้องแล้วรื้อหากล่องยา

 

 

 

 

 

 

 

 

“ขอโทษ”เฟย์เห็นการกระทำของเขื่อนแวบหนึ่งก็รู้สึกผิดที่เธอเป็นคนทำก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ

 

 

 

 

 

“จะขอโทษเรื่องไหนก่อนล่ะ”เขื่อนสบสายตาเฟย์ทำให้เฟย์เบือนหน้าหนี

 

 

 

 

 

 

“เงียบไปเลยนะ มานี่ เดี๋ยวชั้นทำแผลให้”เฟย์พูดแล้วนั่งทำแผลให้เขื่อนโดยที่ชายหนุ่มลอบมอง

ร่างบางเป็นระยะๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“เดี๋ยววันนี้เค้าจะบวงสรวงเปิดกล้องหนังเรื่องนี้นะ ทำหน้าให้ดีๆหน่อยสิ”ป๊อปปี้พูดเมื่ออยู่บนรถกับ

ฟาง

 

 

 

 

 

 

“ก็ไม่อยากอยู่ใกล้พระเอกเรื่องนี้ยังไงก็ไม่รู้ ดูเยอะๆยังไงชอบกล”ฟางถอนหายใจแล้วพูด

 

 

 

 

 

 

 

“ฟาง นักแสดงอย่างเราน่ะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้หรอกนะ เราเป็นคนของประชาชน มีหน้าที่ทำให้

แฟนๆมีความสุข นี่มันเป็นงานของเรา เราต้องเจอเต้ยไปจนปิดกองเรื่องนี้เลยนะ อย่าคิดมาก

สิ”ป๊อปปี้ยิ้มแล้วพูด

 

 

 

 

 

 

 

 

“เห้อ ถ้าชั้นมีแฟน อยากจะรู้จริงๆ เค้าจะหึงชั้นมั้ยนะที่ต้องเป็นคู่จิ้นกับโทโมะไหนจะมาเต้

ยอีก”ฟางพูดแล้วถอนหายใจอีกครั้งทำให้ป๊อปปี้แอบมองฟางนิ่งๆไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินมา

เปิดประตูให้ฟางลงจากรถ

 

 

 

 

 

 

 

 

“น้องฟางรู้สึกยังไงบ้างคะกับงานการแสดงครั้งแรก”นักข่าวถามเมื่อบวงสรวงเปิดกล้องเสร็จ

 

 

 

 

 

 

 

“ก็ตื่นเต้นมากเลยค่ะที่ทางผู้กำกับส่งบทและเลือกให้ฟางเป็นนางเอก ฟางจะตั้งใจแสดงและไม่ทำ

ให้แฟนๆผิดหวังแน่นอนค่ะ”ฟางพูดแล้วยิ้มให้กับกล้อง โดยมีพระเอกและนักแสดงคนอื่นๆยืน

ประกบ ส่วนป๊อปปี้ก็ยืนมองห่างๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

“แล้วเต้ยละครับ ข้ามมาเล่นหนังกับนักร้องดังแบบนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ”นักข่าวถามเต้ย

 

 

 

 

 

 

“ตอนแรกที่ผมทราบข่าวว่าต้องแสดงคู่กับฟาง ผมตื่นเต้นและดีใจมากเลยนะครับ เพราะฟางเค้า

คือนักร้องที่ผมปลื้มมากคนนึงเลย ก็แอบมีเขินบ้างครับที่ต้องมีฉากเข้าคู่กัน”เต้ยพูด

 

 

 

 

 

 

 

“เอๆ แบบนี้เป็นการบอกเจ้าตัวไว้ก่อนรึเปล่าคะว่าตัวเองปลื้มเค้า”นักข่าวถาม

 

 

 

 

 

 

“ก็บอกให้รู้ล่ะครับ แหม ฟางเค้าเป็นคนน่ารักครับ ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขแบบนี้ทุกคน”เต้ยพูด

แล้วมองฟางแล้วยิ้ม

 

 

 

 

 

 

“เอ๊ะๆ มีลุ้นในกองถ่ายนี้รึเปล่าคะเนี่ยๆ”นักข่าวรีบชงคำถามให้ฟาง

 

 

 

 

 

 

“ไม่หรอกค่ะ เพื่อนร่วมงานกันมากกว่า”ฟางได้แต่หัวเราะและตอบคำถามไป

 

 

 

 

 

 

“จะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันอีกทีนะครับ แต่พี่ๆนักข่าวอย่าลืมภาพยนตร์เรื่องนี้ของพวกเรานะครับ

เพราะพวกเราและทีมนักแสดงตั้งใจกันทำมากจริงๆ”เต้ยพูดแล้วยิ้มให้กับนักข่าวก่อนที่ทุกคนจะ

แยกไปถ่ายภาพเดี่ยว

 

 

 

 

 

 

 

“ฟาง เหนื่ยมั้ย เราเอาน้ำมาให้”เต้ยเมื่อเห็นฟางนั่งคนเดียวก็รีบเอาน้ำมาให้ฟางดื่มแล้วนั่งข้างๆ

ทำให้ป๊อปปี้ที่กำลังเอาน้ำมาให้ฟางชะงัก แล้วยืนมองอยู่ข้างหลัง

 

 

 

 

 

 

“ขอบใจนะเต้ย แต่เราว่า นั่งห่างๆกันมั้ย เรากลัวจะเป็นข่าวน่ะ”ฟางพูดไปตามตรง

 

 

 

 

 

 

 

“โอ๊ย ฟางไม่ต้องคิดมาก นักข่าวเข้าใจล่ะน่า และอีกอย่างเราก็วัยไล่เลี่ยกันในกองแล้ว ถ้าไม่คุย

กับฟางเราก็ไม่รู้จะคุยกับใครนะ แล้วนี่อาทิตย์หน้าก็ต้องไปเชียงรายแล้วด้วยสิ เราว่าเรามา

ทำความรู้จักคุ้นเคยกันดีกว่านะ เวลาแสดงเราจะได้ไม่เคอะเขินกันน่ะ เนี่ยฟางมีอะไรไม่เข้าใจใน

บทแสดงตรงไหนก็บอกนะ เราจะช่วยเอง”เต้ยพูด

 

 

 

 

 

 

 

“ขอบใจเต้ยมากนะที่ช่วย เอ๊ะ นี่คิดอะไรกับเรารึเปล่าเนี่ย”ฟางถามเพราะยังแบบหวั่นๆเต้ยอยู่

 

 

 

 

 

 

“บ้าหรอ เราเป็นเพื่อนร่วมงานแสดงไม่ใช่หรอ เราน่ะปลื้มฟางตอนเป็นนักร้องนะ เราก็เลยเฟรนลี่

อยากรู้จักเข้าไปคุยด้วยเฉยๆไม่มีอะไรหรอก”เต้ยพูดแล้วยิ้มแป้นทำให้ฟางนิ่งคิด เค้าคงไม่คิด

อะไรกับเราจริงๆหรอกมั้ง

 

 

 

 

 

 

 

“นั่นแน่ น้องฟางน้องเต้ยมาหลบนั่งอะไรกันตรงนี้คะ”นักข่าวเดินมาเห็นฟางและเต้ยนั่งด้วยกันก็

แซว

 

 

 

 

 

 

“อ๋อ ฟางเค้าร้องน่ะครับและอีกอย่างนั่งคนเดียวด้วย ผมกลัวฟางไม่มีเพื่อนคุย”เต้ยพูด

 

 

 

 

 

 

 

“เอ๊ะๆ ยังไงน้าคู่นี้ คิดอะไรกันรึเปล่าเอ่ย”นักข่าวแซวต่อ

 

 

 

 

 

“ไม่มีอะไรกันจริงๆค่ะพี่ เพื่อนกัน”ฟางรีบพูด

 

 

 

 

 

 

“จ้าๆ พี่ไม่กวนแล้ว เดี๋ยวพี่ขอตัวกลับกันก่อนนะคะ บาย”นักข่าวยิ้มก่อนจะเดินไป

 

 

 

 

 

 

 

“เต้ย ฟาง มาหลบตรงนี้เอง เวฟเค้าชวนไปทานข้าวที่ร้านอาหารของเค้า ไปกันๆ เนี่ยเค้าไปกันทั้ง

กองเลยนะ”เวนดี้รีบวิ่งมาหาฟางและเต้ยแล้วชวน

 

 

 

 

 

 

“จริงสิ เวฟมีร้านอาหารจีนนี่นา ฟางไปกัน”เต้ยรีบชวน

 

 

 

 

 

 

 

“เดี๋ยวเราขอถามผู้จัดการของเราก่อนนะว่ามีงานอะไต่อรึเปล่า”ฟางพูดแล้วเดินไปหาป๊อปปี้

 

 

 

 

 

 

“ไปเถอะ ไปทำความรู้จักกับนักแสดงและก็คนในกองเถอะฟาง”ป๊อปปี้ได้ยินทุกอย่างแล้วพูด

 

 

 

 

 

“นายไปด้วยกันสิ ไปกันหลายๆคนสนุกออก”ฟางพูดแล้วชวนป๊อปปี้

 

 

 

 

 

 

“ไม่เอาอ่ะ ชั้นไม่ค่อยชอบอาหารจีนเท่าไหร่ เอางี้ เดี๋ยวชั้นขับรถไปส่งเธอที่ร้าน แล้วถ้ากินเสร็จก็

โทรมา ชั้นอยู่ใกล้ๆแถวนั้นเอง”ป๊อปปี้พูดเมื่อเห็นฟางหน้างอจะเอาเขาไปด้วย

 

 

 

 

 

 

 

“ผมว่าไหนๆเค้าก็จะไปกันหมดนี่แล้ว จะเป็นการเสียเวลาผู้จัดการฟางทำไม เอาฟางไปรถผมดี

กว่า ทางเดียวกันไปด้วยกัน เผื่อผู้จัดการฟางจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย”เต้ยเดินปรี่เข้ามาพูด

 

 

 

 

 

 

 

“จริงสินะ ฟางไปกับเต้ยเถอะ เดี๋ยวชั้นจะได้เลยไปทำธุระและเลยรับฟิญด้วยไง ไปเถอะ”ป๊อปปี้

พูดแล้วยืนมองฟางที่เดินไปกับเต้ย แล้วเต้ยพยายามชวนฟางคุยนิ่งๆไม่แสดงความรู้สึกอะไร

 

 

 

 

 

 

 

 

ดูแลศิลปินดีจนลืมดูแลหัวใจตัวเองไปรึเปล่านะผู้จัดการคนนี้

 

 

มาดูกันว่าคนปากเเข็งทำเป็นไม่แสดงความรู้สึกอะไรจะปากแข็งอีกนานมั้ยย

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา