Crazy Daddy คุณพ่อจอมป่วนกวนหัวใจยัยตัวร้าย

10.0

เขียนโดย PrincessTK

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.47 น.

  3 chapter
  46 วิจารณ์
  7,171 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 16.00 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ดีเอ็นเอมันอยู่บนหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

“ปะป๊า!ปะป๊าตื่นได้แล้วนะฮะ”

 

 

 

“ปะป๊าตื่นเร็วมายูมิหิวข้าวแล้วนะ”

 

 

สองฝาแฝดวัยห้าขวบที่ถอดแบบมาจากคนที่นอนหลับปุ๋ยอย่างหมดแรงอยู่บนเตียงมาแทบทุกระเบียดนิ้วกระโดดไปมาบนเตียงคิงไซส์พร้อมส่งเสียงปลุกปะป๊าของพวกเขา

 

 

 

“อื้อ...คนจานอนนน เบาๆสิ ชู่วววววว์”

 

 

 

“ไม่ได้นะโมะยูตะหิวแล้ว” เด็กชายฉุดแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

 

“โว้ยยย กวนจริง มานี่เลยสองตัวยุ่ง นี่ไอพวกที่เหลือมันไปไหนหมดเนี่ย” โทโมะทนรำคาญเสียงเด็กไม่ไหวยอมลุดออกจากเตียงทั้งๆที่ได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมง ไปหาอาหารเช้าให้เด็กทั้งสองกิน ไม่วายยังบ่นถึงเพื่อนซี้ร่วมห้องทั้งสี่ที่หายไปไหนไม่รู้แต่เช้าทิ้งเด็กแฝดให้มาก่อกวนเขาแต่เช้า กว่าเขาจะอ่านหนังสือจบ กว่าจะได้นอนก้เกือบเช้าไม่รู้เลยรึงัยยยยยย

 

 

 

“กู๊ดมอร์นิ่งค่ะเด็กๆ” สาวน้อยข้ามระเบียงมาจากห้องของเธอซึ่งอยู่ติดกันกับห้องของบรรดาคุณหมอสุดฮอตทั้งหลายมาหาสองแฝด

 

 

 

“โอฮะโยฮะพี่แก้วซัง”

 

 

 

“โอฮะโยค่ะพี่แก้ว” สองแฝดตอบรับเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เป็นภาษาบ้านเกิดของชายหนุ่มที่ทั้งคู่เรียกว่าปะป๊า

 

 

 

“แล้วคนอื่นหายไปไหนกันหมดคะ”

 

 

 

“พี่ๆไปหาหนังสือที่ห้องสมุดฮะ ปะป๊ากำลังทำอาหารให้เรากิน” โมะยูตะตอบเสียงใส

 

 

 

“หืมม โทโมะเนี่ยนะตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร” สาวน้อยยิ้มอย่างแปลกใจก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว

 

 

 

“ทำอะไรหน่ะ”

 

 

 

“อาหารเช้างัยถามได้” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเทไข่คนในกระทะใส่จานทั้งสองใบ

 

 

 

“นี่ฉันถามดีดีนะยะ” สาวน้อยตีไหล่พ่อครัวจำเป็นด้วยความหมั่นไส้

 

 

 

“ก็คนมันเครียดนี่ จู่ๆก็มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาบอกว่าเป็นลูกฉัน แล้วยังมาปลุกให้ฉันตื่นมาหาข้าวให้กินอีก โว้ยยย วุ่นวาย” โทโมะแค่นยิ้มให้กับชะตาชีวิตบัดซบของตัวเอง ถ้าขืนเรื่องเด็กแฝดถึงหูท่านประธาน T.M. hospital หล่ะก็เขาคงถูกตัดออกจากกองมรดกพันล้านอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

 

“เลิกบ่นเถอะ ไม่กลัวลูกได้ยินหรืองัย จะบอกให้นะเด็กพวกนั้นหน้าเหมือนนายยังกับแกะยังจะมีหน้ามาปฏิเสธอีก” สาวน้อยทำหน้าดุ

 

 

 

“ก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยเนี่ย นี่งัย นี่ฉันก็เลี้ยงอยู่หน่า”

 

 

 

“ถ้านายไม่เลี้ยงแล้วใครจะเลี้ยง ได้ยินมาว่าระหว่างที่ฉันไม่อยู่นายมั่วมาก ก้มหน้ารับชะตากรรมไป นี่เป็นบทเรียนของความเสเพลของนาย”

 

 

 

“แต่ฉันคิดไม่ออกจริงๆนะว่าแม่ของเด็กเป็นใคร ให้ตายเถอะ ฉันป้องกันตลอดสาบานได้” ผ่านมาหนึ่งคืนที่เด็กสองคนนี้มาปรากฏตัวหน้าห้องอย่างไม่มีที่มา ก็คงจะต้องเป็นแม่ของเด็กที่พามาแน่ๆ

 

 

 

“มันก้ต้องมีพลาดกันบ้างหล่ะหน่า ไม่งั้นลูกนายจะมานั่งรอข้าวนายอยู่แบบนี้หรอ”

 

 

 

“เอาเถอะ เอาอาหารเช้าไปให้สองคนนั้นก่อน หิวแย่แล้วมั้ง” โทโมะยกจานสองใบนำออกไป

 

 

 

“เอางี้ถามสองคนนั้นให้มันรู้เรื่องไปเลย ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน” สาวน้อยรีบเดินตามไปที่โต๊ะอาหาร

 

 

 

“อ่ะ กินซะ” โทโมะวางจานสองใบบนโต๊ะอาหารที่มีสองแฝดที่พร้อมจะเขมือบอาหารได้ทุกเมื่อ

 

 

 

“ขอบคุณฮะ ปะป๊าน่ารักที่สุดในโลกเลย”

 

 

 

“ว้าว น่ากินจังเลย กินเลยนะคะ”

 

 

 

“พูดมากหน่า รีบกินเถอะ” ชายหนุ่มลูบหัวทั้งคู่ด้วยความเอ็นดู(?)

 

 

 

“มายูมิคะ ใครพาหนูมาที่นี่คะ” สาวน้อยเปิดประเด็นทันที

 

 

 

“มะม๊าค่ะ” เด็กหญิงตอบเสียงใส

 

 

 

“แล้วมะม๊าหนูเป็นใคร แล้วตอนนี้อยู่ไหน แล้วพาหนูมาที่นี่ทำไม ” โทโมะรัวคำถามใส่

 

 

 

“มะม๊าไปแล้วววว”

 

 

 

“ไปไหน?”

 

 

 

“มะม๊าหายตัวไป หายไปเลย” เด็กหญิงตอบอย่างไร้เดียงสา

 

 

 

“เห้ย!จะบ้าหรอ คนนะไม่ใช่แม่มดจะได้หายตัวได้”

 

 

 

“ใจเย็นๆก่อนโทโมะ บางทีแม่เด็กอาจจะเลี้ยงสองคนนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของนายแล้ว” สาวน้อยสรุป

 

 

 

“เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เธออย่าบอกแม่ฉันแล้วกัน” โทโมะส่งสายตาอ้อนวอนในแบบที่สาวน้อยต้องใจอ่อนทุกครั้งไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน

 

 

 

“อืมๆฉันไม่บอกก็ได้ เห็นแก่สัญชาติญาณความเป็นพ่อที่ดี ตื่นมาทำอาหารให้ลูกกิน”

 

 

 

“สัญชาติญาณบ้าบออะไร เฮ้ โมะยูตาอย่ากินเลอะเทอะแบบนั้นสิ” ชายหนุ่มหยุดเถียงแล้วรีบเอาผ้าเช็ดปากมาเช็ดปากน้อยๆของลูกชาย(?)ที่กินมูมมามตามประสาเด็กจนเลอะปากไปหมด

 

 

 

“คิคิ นายนี่ก็เป็นพ่อที่ดีกับเขาก็ได้เหมือนกันนะ” สาวน้อยอมยิ้มให้ชายหนุ่มที่สาละวนอยู่กับการดูแลลูกๆ

 

 

 

“สนใจมาเป็นแม่ของลูกฉันมั้ยหล่ะ ตำแหน่งนี้ยังว่าง” โทโมะกระตุดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

 

 

 

“ไอบ้า พูดอะไรฮะ เด็กๆนั่งอยู่ไม่เห็นหรอ”

 

 

 

“มายูมิไม่รู้ไม่ชี้ คิคิ” ฝาแฝดคนน้องหัวเราะคิกคักชอบใจ

 

 

 

“โมะยูตะไม่รู้ไม่เห็น ฮิฮิ” คนพี่เอามือปิดตาอย่างทะเล้น

 

 

 

“พอเลย พวกเด็กแสบ รีบๆกินข้าวเร็ว เดี๊ยวพี่แก้วจะพาไปห้าง”

 

 

 

“ไปทำไม?”

 

 

 

“เอ้า ก็ไปซื้อเสื้อผ้า ของใช้ให้ลูกนายงัย ใจคอจะให้ใส่ชุดเดิมยันชาติหน้าเลยหรืองัย”

 

 

 

“งั้นเธอพาไปแล้วกัน ฉันง่วงมาก ขอตัว”

 

 

 

“ได้ เดี๊ยวฉันชวนคุณหญิงแม่มาซากิไปด้วยก็ได้ เผื่อว่าท่านอยากซื้อของรับขวัญหลาน” สาวน้อยย้มร้ายอย่างมีชัย นี่เธอกุมความลับของเขาอยู่นะ ถือไพ้เหนือกว่าอยู่เห็นๆ

 

 

 

“ยัยแสบนั่นแม่ฉัน เออๆ ไปก็ไป อย่าคิดว่าจะขู่ได้ตลอดนะ” เพราะรักหรอกถึงยอมไป ไม่ได้กลัวคุณหญิงแม่เลยสักกะนิ๊ดดดดด (หรอออออ)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชายหนุ่มเฝ้ารถเข็นอยู่หน้าแผนกเสื้อผ้าเด็ก ในขณะที่สาวน้อยกำลังสนุกอยู่กับการเลือกชุด จับสองแฝดแต่งตัวราวกับเป็นลูกของตัวเอง(?) โทโมะมองภาพนั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ คิดไม่ปิดจริงๆที่หมายมั่นปั้นมือให้ยัยตัวแสบไว้เป็นแม่ของลูก

 

 

 

“นี่ปะป๊า จ่ายตังสิ เลือกเสร็จแล้ว” สาวน้อยเดินมาเรียกชายหนุ่มให้ไปจ่ายเงินค่าเสื้อผ้า

 

 

 

“ค่ะมะม๊า” โทโมะกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่าแล้วยิ้มให้อย่างทะเล้นก่อนจะเดินไปรูดบัตรชำระค่าเสื้อผ้า

 

 

 

“ไอหมอบ้าเอ๊ย” สาวน้อยกรอกตาอย่างรำคาญ เหอะ คิดจะจีบเธอมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หยอดนิดอ่อยหน่อยคิดว่าฉันจะใจอ่อนหรืองัย ขอโทษที พอดีฉันภูมิต้านทานดีไม่หวั่นไหวไปกับคำกะล่อนของนายหรอก

 

 

 

“เดี๊ยวฉันจะไปดูครีมอาบน้ำของเด็กให้นะ ส่วนนายก็พาลูกๆไปเลือกยาสีฟันแล้วกัน” สาวน้อยเดินออกมาโดยไม่ฟังคำทัดทายจากชายหนุ่มก่อนจะเดินตรงไปที่แผนกครีมอาบน้ำ

 

 

 

 

 

 

-Rrrr-

 

 

 

 

 

 

“คุณหญิงแม่!!” สาวน้อยเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นเบอร์และชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอไอโฟนคู่ใจของเธอคือ คุณหญิงมาซากิ ไทยานนท์ หรือคุณหญิงแม่ของนายโทโมะ

 

 

 

“อะ..เอ่อ สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่” สาวน้อยกลั้นใจกดรับสาย

 

 

 

(หนูแก้วนี่น่าตีจริงเลยนะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกคุณแม่แบบโทโมะนั่นแหละ)

 

 

 

“ค่ะๆ คุณแม่ โทรหาแก้วมีอะไรรึเปล่าคะ”

 

 

 

(ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ แม่คิดถึงหน่ะตั้งแต่หนูกลับมาเราเจอกันครั้งเดียวเอง)

 

 

 

“แก้วอยู่คอนโดตลอดเลยค่ะ กำลังปั่นต้นฉบับอยู่ แฮะๆ”

 

 

 

(อ้อ ว่างๆก็แวะมาหาแม่บ้างนะลูก แล้วคุณหมอโทโมะหล่ะ กลับคอนโดทุกวันรึเปล่า)

 

 

 

“ก็ทุกวันนะคะ ช่วงนี้คุณหมอเรียนหนักมาก กลับมาอ่านหนังสือที่ห้องกันครบแก๊งค์เลยค่ะ”

 

 

 

(เฮ้อ ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจค่ะ คุณหมอโทโมะของแม่ไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรใช่มั้ยลูก)

 

 

 

“ไม่...เอ่อ...ไม่มีค่ะ” สาวน้อยแอบเอานิ้วไขว้กัน เธอรู้ว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดี แต่เธอต้องรักษาสัญญากับเพื่อนรัก และรักษาตำแหน่งทายาท T.M.hospital ให้เป็นของชายหนุ่มต่อไป ถ้าขืนคุณหญิงไทยานนท์รู้เรื่องที่ลูกชายสุดที่รักก่อไว้หล่ะก็ บ้านแตกแน่ๆ

 

 

 

(งั้นแม่ไปก่อนนะ ถ้าคุณหมอก่อเรื่องอะไรโทรบอกแม่ได้เลยนะลูก)

 

 

 

“ค่ะๆ สวัสดีค่ะ” สาวน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกผิดนิดๆที่ต้องโกหกแต่ถ้าเพื่อรักษาความสงบในบ้านไทยานนท์แล้ว เธอก็คงต้องทำ สาวน้อยรีบปัดเรื่องวุ่นๆออกจากหัวแล้วเลือกครีมอาบน้ำก่อนจะรีบไปหาสามพ่อลูกจอมป่วน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“มายูมมิ โมะยูตะ! ปะป๊าหนูหายไปไหนคะ” สาวน้อยแทบจะถลาไปหาสองแฝดที่เดินวนไปวนมาอยู่ในล๊อคแปรงสีฟันเด็กอยู่สองคน ไร้ร่องรอยของผู้เป็นพ่อ

 

 

 

“ปะป๊าบอกให้เรารอตรงนี้ ห้ามไปไหน แล้วก็หายไปไหนไม่รู้ฮะ”

 

 

 

“โอ๊ย ไอหมอเวรตะไล ยูมิยูตะมานี่ค่ะ” สาวน้อยจัดการอุ้มสองแฝดใส่รถเข็นแล้วเดินหาชายหนุ่มตัวปัญหาด้วยความโกรธ มีอย่างที่ไหนทิ้งเด็กห้าขวบไว้ตามลำพัง ถ้าเด็กหายขึ้นมาจะทำยังงัย

 

 

 

 

“ไอ้โทโมะ!!” สาวน้อยแทบปรี๊ดแตกเมื่อเจอตัวโทโมะ ในขณะที่เขากำลังแลกไลน์กับสาวสวยคนนึงอยู่

 

 

 

“โทโมะนายทำบ้าอะไรของนายฮะ!” สาวน้อยแทบจะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความโกรธ

 

 

 

“เห้ย แก้ว มันไม่ใช่แบบที่เธอคิดนะ มันไม่มีอะไร ฉันอธิบายได้” ชายหนุ่มเลิกลั่กอธิบาย

 

 

 

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่มีอะไรหรือไม่มี ประเด็นคืนนายทิ้งลูก ไอบ้าลูกนายแค่ห้าขวบนะ ใครจับไปจะทำยังงัย” สาวน้อยผลักอกเพื่อนรักอย่างเหลืออด

 

 

 

“อ้าว นี่เธอไม่ได้หึงฉันหรอ”

 

 

 

“หึงบ้าหึงบออะไร มันใช่เวลามาพูดจาไร้สาระมั้ย ส่วนเธอจะไปไหนก็ไปเลยนะ ผู้ชายคนนี้ฉันยุ่งได้คนเดียวจำไว้” สาวน้อยไม่วายหันไปด่าผู้หญิงโชคร้ายที่ยืนแลกไลน์กับชายหนุ่มเมื่อครู่

 

 

“ค่ะๆ” เธอคนนั้นรีบเดินหนีไปแทบจะในทันที

 

 

 

“ไหนว่าไม่หึงงัย” โทโมะยิ้มกรุ้มกริ่ม พูดออกมาได้ ‘ผู้ชายคนนี้ฉันยุ่งได้คนเดียวจำไว้’ คิดว่าผู้ชายที่เธอพูดถึงเขาไม่เขินหรืองัยยัยบ้า

 

 

 

“ยังไม่จบอีก ฉันห่วงลูกนาย ไม่ได้หึงอะไรทั้งนั้นแหละ” สาวน้อยตอบหน้าตาย

 

 

 

“ตกลงเธอห่วงเด็ก ไม่ได้หึงฉัน”

 

 

 

“เออ แล้วนายก็ควรห่วงด้วย นี่ลูกนาย ไม่ใช่ลูกฉัน” สาวน้อยจิ้มอกคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้

 

 

 

“โว๊ะ!” โทโมะเอามือพาดกำแพงอย่างเซงๆ

 

 

 

“อ้อ!แล้วก็เลิกได้แล้วนะ พฤติกรรมเวรๆแบบนี้”

 

 

 

“หึง?หวง?” โทโมะยักคิ้วอย่างท้าทาย

 

 

 

“นี่ รู้จักกันจนรู้ไส้รู้พุง รู้ความเลวของนายหมดแล้ว อ่อยยังงัยก็ไม่มีผลอะไรหรอกหน่า”

 

 

 

“ขอโทษนะครับ กรุณาไปเคลียร์กันที่อื่นได้มั้ยครับ รบกวนลูกค้าท่านอื่น” ยามประจำห้างเข้ามาห้ามทั้งสองที่แทบจะตีกันกลางห้างอยู่รอมร่อ

 

 

 

“ขอโทษทีครับ พอดีแฟนผมเค้าเข้าใจผิดคิดว่าผมมีกิ๊ก ขอโทษนะครับ” โทโมะยิ้มกว้างแล้วทำเนียนโอบไหล่สาวน้อย

 

 

 

“แฟนบ้าแฟนบออะไรไอหมอขี้มโน” สาวน้อยปัดป่ายมือปลาหมึกที่โอบไหล่ที่แน่น แต่ก็ไม่เป็นผล

 

 

 

“ไปจ่ายตังกันเถอะที่รัก ดูสิลูกหลับกันหมดแล้ว” โทโมะโอบไหล่สาวน้อยไปที่รถเข็นที่มีสองแฝดพล๊อยหลับอยู่

 

 

 

“แหม เนียนเชียว ทีงี้หล่ะมารับเป็นพ่อ” สาวน้อยกัดฟันกรอดๆด้วยความอาย เสียงที่ชายหนุ่มพูดหน่ะเบาซะที่ไหน คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคงเข้าใจผิดกันหมดแล้วว่าสองแฝดในรถเข็นคือลูกของเธอกับโทโมะจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อ้าวกลับมาแล้วหรอครอบครัวสุขสันต์” เขื่อนทักทายอย่างอารมณ์ดี ทันทีที่ทั้งสี่กลับมาถึงห้องพร้อมกับถุงชอปปิ้งนับสิบถุง

 

 

 

“แกอยากโดนฆ่าตายหมกครัวมั้ยห๊ะ มาเอาของหลานแกไปเก็บเร็จๆเข้า” สาวน้อยหรี่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์ เล่นเอาสี่หนุ่มรีบพุ่งมาหยิบถุงออกจากมือเธอทันที

 

 

 

“เอามายูมิกับโมะยูตะไปอาบน้ำด้วย ฉันจะปั่นต้นฉบับ ห้ามกวน” สาวน้อยหันไปสั่งห้าหนุ่มฮอตจากคณะแพทย์ศาสตร์ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

 

 

“ไอเขื่อน เอาเด็กไปอาบน้ำที ฉันเหนื่อยมากกกกก” โทโมะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ

 

 

 

“อะไรวะ ลูกฉันก้ไม่ เมียแกก้ไม่ได้เป็น ทำไมต้องมารับผิดชอบลูกแกด้วยเนี่ยยย” เขื่อนโวยวาย

 

 

 

“พูดมากหน่าไอเขื่อน มานี่เร็วครับ มายูมิโมะยูตะ เดี๊ยวพี่เบกับพี่เขื่อนพาไปอาบน้ำ” คุณหมอสุดคูลจูงมือเด็กทั้งสองไปอาบน้ำ โดยที่มีเขื่อนเดินตามไปติดๆ

 

 

 

“งัย พาคุณภรรยาไปช๊อปปิ้ง สวีตลืมลูกเลยมะ” ป๊อปปี้ได้ทีแซว

 

 

 

“สวีตอะไรหล่ะ แทบจะตีกันกลางห้าง” โทโมะถอนหายใจอย่างเซงๆ

 

 

 

“ไอบ้า ชอบเค้าแต่ก็ไปกวนตีนเค้า ชาติหน้าตอนบ่ายๆมั้งถึงจะได้เค้าเนี่ย” คุณหมอหน้าหมีเซงกับเพื่อนซี่ที่ได้ชื่อว่า(อดีต)คาสโนวาตัวพ่อแห่งคณะแพทย์ศาสตร์ ที่ฟาดเรียบไปซะทุกคณะแต่พอเจอคนที่ใช่จริงๆ กลับจีบไม่เป็นซะอย่างนั้น

 

 

 

“นี่ก็สุดๆแล้วนะเว้ย ทั้งอ่อยทั้งจีบสุดตัวแล้วเนี่ย ไม่ใจอ่อนสักที” โทโมะเอ่ยเซงๆ

 

 

 

เขาเป็นเพื่อนสนิทกับแก้วมาตั้งแต่จำความได้ เพราะพ่อแม่ของทั้งคู่ทำมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมร่วมกันทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ได้รู้สึกมากมายไปกว่านั้น ในสายตาเขาเธอเป็นแค่ยัยตัวแสบที่คอยแกล้งเขา แต่แปลกดีที่เธอเป็นคนเดียวที่สามารถทลายกำแพงน้ำแข็งความเย็นชาภายในหัวใจของเขาออกไปได้ แต่หลังจากที่เธอไปเรียนต่อที่บอสตันโดยที่เธอและเขาไม่รู้ตัวเลยว่า เธอหน่ะเอาหัวใจเขาติดไปบอสตันด้วย เขาจึงกลายเป็นคนไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็น แต่ด้วยรูปหล่อพ่อรวยคารมเป็นเลิศทำให้มีสาวๆมากหน้าหลายตามั้งในและนอกมหาลัยมาเสนอให้ไม่ขาด เขาก็ดันเป็นคนอัธยาศัยดีใครเสนอป๋าก้สนองให้บ้างเป็นครั้งคราว แต่ผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นแค่ของเล่นชั่วคราวของเขาเท่านั้น เขาจะไปรักไปจริงใจกับใครได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของเขามันอยู่กับสาวน้อยที่บอสตันตลอด แต่พอหัวใจของเขากลับมา ทั้งสวยขึ้น สาวขึ้นเป็นกองบวกกับความคิดถึงมาตลอดหลายปี ทำให้เขารู้ใจตัวเองได้ไม่ยากว่าเขาเผลอติดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทตัวแสบเข้าให้แล้ว แต่เส้นทางรักของอดีต(?)คาสโนวาตัวพ่อก็ไม่ได้โรงด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเคย เพราะยัยตัวแสบของเขาใจแข็งซะเหบือเกิน เขาทั้งจีบทั้งอ่อยก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะสนใจ เพราะสำหรับเธอแล้วเขาเป็นหมอจอมกะล่อนที่จีบผู้หญิงสวยๆทุกคนเท่านั้น แต่มีหรือที่คุณหมอวิศวจะยอมแพ้ ต่อให้เก่งมาจากไหนก็แพ้หัวใจโทโมะ คอนเฟริม(?)

 

 

 

“ไอโมะ เอาลูกแกไปนอนได้แล้ว เล่นไอแพดฉันจนแบตจะหมดแล้วเนี่ย” จงเบเริ่มโวยเมื่อหนึ่งในสองแฝดยึดไอแพดของเขาไปเล่นเกมส์

 

 

 

“อะไรของชีวิตฉันวะเนี่ยยยย” โทโมะแทบจะร้องไห้กับชะตาชีวิตของตัวเอง ป๊อปปี้ได้แต่มองชายหนุ่มอย่างเอือมๆ

 

 

 

“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อเครียดหรืองัย” โทโมะตีหน้ายุ่งใส่

 

 

 

“ถุย เอาเวลาหลงตัวเองไปเลี้ยงลูกเถอะ ไอหมอพ่อลูกอ่อน” ป๊อปปี้ปาหมอนใส่ด้วยความหมั่นไส้

 

 

 

“ลุกสิ ไปนอนได้แล้ว หน่ะ ยังอีก” โทโมะเริ่มหัวเสียเมื่อลูกชายตัวดีสนใจไอแพดในมือมากกว่าเขา

 

 

 

“มองอะไรฮะปะป๊า ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรอฮะ” เด็กน้อยตีหน้ายุ่งใสผู้เป็นพ่อที่จ้องเขาราวกับจะเขมือบเข้าไป

 

 

 

“ก๊ากกกกกกกกกกก”

 

 

 

“ฮะๆ ฮ่า โอ๊ยยย ขำหว่ะ”

 

 

 

“เหมือนแกมากจริงๆไอโมะเอ๊ยยยย”

 

 

 

“ฉันพึ่งเข้าใจคำว่าดีเอนเอมันอยู่บนหน้าก็วันนี้แหละ 55555555”

 

 

 

สี่หนุ่มหัวเราะร่า งานนี้เพื่อนตัวแสบของเขาเจออริที่สมน้ำสมเนื้อกันมาก เพราะทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนถอดแบบกันมายังงัยก็ยังงั้นเลย

 

 

 

“ขำอะไรกันนักหนาวะ” โทโมะหัวเสียเข้าไปอีกเมื่อยรรดาเพื่อนตัวดีของเขาพากันขำกลิ้งไม่หยุดไม่หย่อน

 

 

 

“โมะยูตะเหมือนแกมากจริงๆนะ เลิกปฏิเสธเถอะ 55555” ป๊อปปี้ขำจนน้ำตาไหล

 

 

 

“เออ ขำกันเข้าไป เชอะ” โทโมะหน้างอ แล้วอุ้มโคลนนิ่งเขาเข้าไปในห้องนอน ซึ่งมายูมิน้อยหลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว

 

 

 

“แกว่าจะรอดมั้ยวะ”

 

 

 

“รอดดิเมื่อคืนยังรอดเลย”

 

 

 

“เอ้อ ฉันเอาใจช่วยแล้วกัน นึกไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะเหมือนไอโมะขนาดนี้” คุณหมอทั้งสี่นินทาเพื่อนอย่างสนุกปาก ก่อนจะแยกย้ายกันไปอ่านหนังสือ

 

 


 

เออออ สองแฝดนั่นจะเป็นลูกของโทโมะจริงรึเปล่าน้าาาาาา 

 

 

C U next chapter ka :)

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา