Fifty shades - SJ Fiction

-

เขียนโดย มินเฮร

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.43 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 18.16 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) CHAPTER 04 ฟิฟตี้เดท || WONHYUK

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คำเตือน* เราไม่ได้อัพนานมาก เพื่อความสนุก+อินเนอร์

ย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้าได้ก็ดีค่ะ

 

.

.

 

 

 

 

4

ฟิฟตี้เดท

 

 

 

 

 

 

 

 

นอกจากพระเจ้าจะไม่ใจดีกับผมแล้ว พระเจ้ายังชอบเล่นตลกอีกด้วย

 

 

เพราะเมื่อคืนนี้ สุดท้ายผมก็ได้กลับมานอนที่บ้าน

 

 

คุณซีวอนพูดว่าเขาจะไม่ล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ดูเขาพูดเข้าสิ นี่มันอะไร รายการทีวีหรือไง มีกล้องตามถ่ายอยู่เหรอถึงจะมีใครมารู้มาเห็นว่าเด็กอายุ 19 อย่างผมกำลังถูกกระทำชำเรา ทำๆ ไปยังไงก็ไม่มีคนเห็นหรอกน่า

 

 

เขาเดินมาส่งผมเหมือนเมื่อวาน และก่อนผมจะกลับเข้าบ้าน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยหยุดทำให้ผมรู้สึกอยากใกล้ชิดเขาให้มากกว่านี้ได้เลย

 

 

ชเวซีวอนใช้นิ้วโป้งคลึงริมฝีปากล่างผมไปมาตอนที่พูดว่า

 

 

‘แล้วฉันจะคิดถึงปากเก่งๆ ของนายนะ’

 

 

ก่อนจะหายตัวไปสามวัน

 

 

 

เขาไปทำงานน่ะ ที่ญี่ปุ่นพร้อมกับพวกรุ่นพี่ดงบังชินกิ เขาบอกผมพร้อมกับส่งตารางงานส่วนตัวของเขามาให้ในอีเมล์ ผมชอบเปิดดูมันเล่นระหว่างพักในห้องซ้อม อันที่จริงผมหมั่นเปิดอีเมล์บ่อยๆ เพราะหวังจะเห็นอีเมล์จากเขานั่นแหละ แต่สามวันก็แล้วยังไม่มีการติดต่อ จะให้ผมทักไปก่อนน่ะเรอะ

 

 

เสียฟอร์มหมด

 

 

เออ เสียหมดจริงๆ

 

 

 

 

To : s.choi@sment.com

From : Hyuk.choco@gmail.co.kr

Subject : ล็อบบี้

ฝุ่นจับเต็มล็อบบี้ไปหมดเลยครับ

 

 

 

 

 

 

มันมีความหมายนะ...

 

 

ป้าแม่บ้านที่บริษัทเราอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าแกค่อนข้างขี้เกียจ เช้าๆ ที่พวกเทรนนี่เข้ามาฝึกก็มักจะเห็นแกอู้งานเป็นประจำ จนปีหลังๆ มานี้แกขยันผิดหูผิดตา นั่นก็เป็นเพราะท่านประธานคนใหม่รักความสะอาด แต่เห็นอย่างนั้นก็มีแค่เช้าๆ เท่านั้นแหละที่กุลีกุจอมากวาดถูล็อบบี้ให้ชเวซีวอนเห็น

 

 

แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ ล็อบบี้ฝุ่นจับไปหมด ถึงผมจะพูดเกินจริงไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้โกหก แหม แค่สามวันมันไม่ได้สกปรกเร็วขนาดนั้น มีแต่ผมนี่แหละที่รู้สึกแปลกๆ เคยก้มหัวงกๆ ให้เขาอยู่ทุกวันที่ล็อบบี้ หลบหน้าหลบตาเขาตามที่ต่างๆ ในบริษัท แต่พอไม่ได้ทำกิจวัตรพวกนั้นแล้วก็รู้สึกโหยหาเขาแปลกๆ

 

 

คิดถึงสายตาร้อนแรงซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ความวางเฉยของเขาด้วย

 

 

บ้าชะมัด โตเกียวไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือไง

 

 

ผมมุ่ยหน้า โยนโทรศัพท์ส่งๆ ลงบนกองผ้าขนหนูใกล้กับกระเป๋าแล้วลุกขึ้นมาซ้อมเต้นต่อ อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงชั่วโมงร้องเพลงเมื่อวาน ครูสอนร้องเพลงชมเขาว่าร้องได้ดีขึ้น นอกจากจังหวะแร็พจะสมูทมากแล้ว เสียงสูงที่ใช้โหนคีย์ตอนร้องบัลลาดก็ไม่สั่นเหมือนเมื่อก่อน

 

 

ยัง ยังไม่หมด นอกจากครูสอนร้องเพลงแล้ว ครูสอนเต้นของเราก็เอ่ยปากชมผมในรอบปี ในรอบหลายปีด้วยซ้ำ ปกติโค้ชทิมไม่ค่อยชมใคร เพราะเขาพูดภาษาเกาหลีไม่เก่ง จะมีก็พวกศัพท์ภาษาอังกฤษเวลาสอนเต้นเท่านั้นที่พวกเทรนนี่ฟังกันรู้เรื่อง แต่วันนี้เขาพยายามพูดภาษาเกาหลี และแนะนำเทคนิคต่างๆ ให้ผมมากขึ้นโดยเฉพาะ

 

 

พวกรุ่นน้องพากันซุบซิบกันใหญ่ จะเห็นก็มีแต่ฮเยริคนเดียวเท่านั้นที่ตื่นเต้นไปกับผม ลึกๆ แล้วผมก็รู้แหละว่าเด็กพวกนั้นคงคิดว่าผมกำลังจะถูกโละในเร็วๆ นี้ เพราะอายุที่โดดเกินรุ่นน้อง กับความสามารถที่ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ ยิ่งหน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมเตรียมใจมาตั้งแต่ออดิชั่นผ่านแล้วล่ะว่าคงต้องศัลยกรรม

 

 

ถึงผมจะสงสัยลึกๆ ก็เถอะว่าทำไมจู่ๆ พวกครูกับโค้ชถึงเอ่ยปากชมผม พัฒนาการผมดีขึ้นจริงๆ แค่นั้นน่ะเหรอ...

 

 

อดคิดถึงผู้ชายนิสัยลึกลับมีรสนิยมประหลาดแล้วหน้าผมก็ชาขึ้นมานิดๆ อาจเป็นเขาที่กำลังปูทาง โรยเศษขนมปังให้ผมไปยังเตียงของเขาได้ง่ายขึ้น

 

 

มันดีแล้วที่ผมปฏิเสธข้อเสนอนั่น ไม่อย่างนั้นผมคงได้เกลียดตัวเองจนทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แน่

 

 

แต่มันก็ชักจะเกินไปหน่อยนะไอ้พวกนี้ มานินทากันข้างหลังไม่รู้เหรอวะว่าห้องซ้อมมันเป็นกระจกไปทั้งด้าน ฉันเห็นโว้ย

 

 

ผมเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวกับเสื้อกล้ามตัวใหม่จากกระเป๋าแล้วเดินดุ่มๆ ออกจากห้องซ้อมเต้น ไม่สนใจเสียงเรียกของฮเยริ ทั้งร้อนทั้งหงุดหงิด อาบน้ำเย็นๆ คงช่วยให้อดทนต่อไปได้อีกวัน

 

 

ทันทีที่รั้งขอบประตูเข้าหาตัว ผมก็พบว่ามันถูกผลักจากข้างนอกเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กับใบหน้าวางเฉยของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้า แวบหนึ่งผมเห็นประกายบางอย่างในแววตาดุดัน

 

 

ชเวซีวอนกำลังอารมณ์เสีย สังเกตไม่ยากเลย แต่ไอ้สายตาที่เหมือนดีใจขึ้นมาครู่หนึ่งเมื่อเห็นผมอยู่ที่นี่ก็ทำให้ผมใจสั่นได้ไม่ยากเลย

 

 

คุณซีวอนทำตัวเป็นปกติและเดินผ่านผมเข้ามาในห้องซ้อม ทันทีที่ทุกคนเห็นว่าเป็นใครก็รีบผละจากสิ่งที่ทำอยู่แล้วกรูมาโค้งศีรษะให้เขาอย่างนอบน้อม ส่วนผมน่ะหรือ หลังโก่งหัวแทบจรดปลายพื้นตั้งแต่เขาแกล้งเฉียดเข้ามาให้ปลายแขนสัมผัสกับศีรษะผมที่กำลังโน้มอยู่นั่นแหละ

 

 

“ตรงไหนเหรอครับ” จองฮุนถามเรียบๆ ผมยืนนิ่งแต่หูผึ่งเป็นชามข้าวหมา เพิ่งสังเกตว่ามีช่างประจำบริษัทยืนอยู่ด้านนอกด้วย แล้วก็เลยเหลือบๆ มองไปที่เขาก็พบว่าผู้ชายคนที่หายหน้าหายตาไปหลายวันกำลังเบือนสายตามองที่ผมพอดิบพอดี

 

 

“นั่นสิ วอลเปเปอร์ที่ขาดมันอยู่ตรงไหนนะ” เสียงทุ้มแสนไพเราะพึมพำทว่าได้ยินกันทั่วห้อง ฮเยริผู้ไม่รู้เหนือรู้ใต้แต่จริงใจเหลือเกินยิ้มแป้น รีบชี้นิ้วไปตรงขอบวอลเปเปอร์รูปท้องฟ้าในห้องซ้อม ตรงหลังทีวีซึ่งต่อให้ไม่เดินไปดูผมก็รู้ว่ามันขาดสะบั้นไม่เหลือชิ้นดี ก็ผมเป็นคนทำเองนี่

 

 

รอยยิ้มจับหัวขโมยได้เผยขึ้นที่มุมปากประธานหนุ่ม ผมแข้งขาอ่อนเปลี้ย อาศัยจังหวะที่ชเวซีวอนหันไปทางฮเยริค่อยๆ เบียดตัวผ่านประตู ผ่านช่างที่มาซ่อมวอลเปเปอร์ แล้วรี่ไปห้องอาบน้ำแบบด่วนจี๋

 

 

ผมชะลอฝีเท้าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก จะกลับมาทั้งทีก็กลับมาแบบน่ายินดีไม่ได้หรือยังไงนะ ทำไมต้องแวะมาพูดเรื่องเก่าๆ แล้วทำให้ใจหายใจคว่ำแบบนี้ด้วย

 

 

ผมส่ายหัวเหนื่อย รู้สึกดีขึ้นเมื่อแชมพูและครีมอาบน้ำอย่างแพงตั้งอยู่ในห้องอาบน้ำทุกห้อง ผมล่ะชอบนักสวัสดิการของศิลปินและเทรนนี่ที่ไม่แบ่งแยกเนี่ย ผมเลือกห้องน้ำด้านในสุดเพราะมันกว้างที่สุด แถมฝักบัวก็เป็นแบบชาวเวอร์เรน ดีสุดจะหาอะไรเปรียบเปรย

 

 

จัดการสระผมถูตัวด้วยครีมอาบน้ำหอมๆ แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ อยากมาส์กหน้าอ่ะ แล้วต่อด้วยแปะแตงกวาด้วยก็ดี เย็นนี้ซื้อแตงกวากลับไปหั่นรอมาส์กหน้าพร้อมแม่น่าจะดี

 

 

ผมคิดพลางพันช่วงล่างด้วยผ้าขนหนู เสร็จแล้วก็รวบเก็บเสื้อกับกางเกงตัวเก่าที่แขวนไว้มาถือพร้อมกับใช้มืออีกข้างเช็ดผมตอนที่กดปลดล็อกประตูเพื่อหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่วางไว้ด้านนอกเพราะกลัวเปียก

 

 

แรงดันจากข้างนอกทำเอาผมสะดุ้ง มันเร็วมากตอนที่ร่างผมถูกผลักให้ถอยกลับมาพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่แทรกตัวเข้ามา ห้องอาบน้ำที่เคยกว้างขวางแคบไปถนัดเพราะชเวซีวอน

 

 

ผมกลั้นหายใจ สมองหยุดคิดไปชั่วขณะ

 

 

ประธานชเวในชุทสูทสีดำสมบูรณ์แบบยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับทรงผมยุ่งๆ ที่หลุดลุ่ยจากการจัดทรงมาอย่างดี ดวงตาสีเทาขุ่นเข้มเป็นพิเศษราวกับไม่พอใจ แต่เมื่อมันได้กวาดขึ้นลงมองผมทั้งเรือนร่างแล้วประกายวาววับก็ฉายวาบ ผมถอยฝีเท้าอย่างระมัดระวัง ได้ยินเสียงหึของเขาในลำคอ

 

 

“กลัวหรือ” เสียงทุ้มต่ำอันไพเราะยิ่งฟังลึกลงไปอีกเพราะพูดราวกระซิบ

 

 

ผมกลืนน้ำลาย เห็นกับตาว่าเขาจ้องมองลำคอของผมที่ขยับขึ้นลงด้วยสายตาแบบไหน

 

 

ถึงแม้ว่ามือทั้งสองของท่านประธานจะยังคงสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง แต่ดวงตาคมกริบที่ไล่มองช่วงบนเปลือยเปล่าของผมอย่างถือวิสาสะก็ทำเอาผมใจสั่น ตอบกลับด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ

 

 

ทั้งกลัวว่าคนอื่นจะมาได้ยินทั้งกลัวผู้ชายตรงหน้าจะทำอะไรบ้าๆ !

 

 

“ป...เปล่าครับ”

 

 

การปฏิเสธของผมทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีเข้มขึ้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันราวไม่พอใจกับคำตอบ จะมาหงุดหงิดอะไรผมล่ะ ผมต่างหากที่ต้องโกรธเขาเพราะการหายตัวไปนั่น ถึงจะรู้ว่าไปทำงานก็เถอะ แต่เขาปล่อยให้ผมส่งข้อความไปหาเก้อตลอดหลายวันน่ะหรือ!

 

 

ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไรสักอย่าง ผมก็คงกล้าต่อสู้กับเขาซึ่งๆ หน้า ผมเป็นผู้ชายตัวเล็ก ขี้กลัว ควรค่าแก่การปกป้องและใส่ใจ อย่าลืมสิ

 

 

“พูดอะไรสักอย่าง” เขาสั่ง ไออุ่นจากริมฝีปากเขาตกกระทบริมฝีปากผมอย่างช่วยไม่ได้

 

 

เฮอะ อยู่ๆ มาสั่งให้ทำอย่างนั้น

 

 

“อย่าทำอย่างนั้น” เสียงชเวซีวอนดุจัด เขาเตือนในขณะที่จ้องริมฝีปากผมอย่างดุเดือด

 

 

เขาเม้มริมฝีปาก ราวยับยั้งใจ

 

 

ผมทำอะไรผิด!

 

 

“ผมทำอะไร”

 

 

“เวลานายไม่พอใจ นายจะยื่นปาก” เขาพูดช้าๆ ขณะมองริมฝีปากผมไปด้วย สีหน้าหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นทวีจนผมชักหงุดหงิดตาม ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลาไม่พอใจแล้วทำอะไรลงไปด้วยสีหน้าแบบไหน แล้วทำไมเขาจะต้อง...

 

 

“มันทำให้ฉันอยากจูบนาย”

 

 

ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจ เสื้อผ้าชุดเก่าที่เคยถืออยู่ร่วงไปกองกับพื้นเปียกๆ แต่ผมไม่มีอารมณ์มาใส่ใจ

 

 

ชเวซีวอนถึงมือผมออก มุมปากขยับรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจตอนที่พูดว่า

 

 

“แต่ฉันก็ยังชอบมองอยู่ดี”

 

 

เขาไปเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนกันนะ คำพูดน่าฟังของเขาทำให้ผมใจชื้นขึ้น

 

 

“ทำไมคุณไม่ตอบกลับอีเมล์ของผมเลย”

 

 

มีความน้อยอกน้อยใจอยู่ในน้ำเสียงของผม ผมช้อนสายตามองเขาครู่หนึ่งแล้วก้มลงมองรองเท้ามันปลาบของเขาแทนอย่างเจียมตัว

 

 

“มันเป็นวิธีของฉัน”

 

 

ผมขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

 

 

“วิธีอะไรครับ”

 

 

ชเวซีวอนสบตาผมนิ่ง นาน มากพอจะเห็นสายตาของเขาเริ่มอาบไปด้วยความพึงพอใจ เขาตอบด้วยน้ำเสียงต่ำๆ เชื่องช้า ทีละถ้อยคำอย่างดึงดูดใจคนฟัง

 

 

“ทำให้คลั่ง”

 

 

ฝ่ามือของเขาที่กำรอบข้อมือของผมอยู่แน่นิ่ง ทว่าปลายนิ้วโป้งกลับขยับช้าๆ ไปมาบนฝ่ามือ ความร้อนจากปลายนิ้วเพียงนิ้วเดียวของเขาแล่นปราดไปทั่วร่างของผม รวมถึง ‘ตรงนั้น’

 

 

ยิ่งตอนที่เขาลงแรงที่ปลายนิ้ว แล้วหมุนวนช้าๆ บนฝ่ามือของผมไปตามเข็มนาฬิกาไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งส่งผลกับผมมากเท่านั้น

 

 

ผมตัวแข็ง ส่วนนั้นก็แข็งด้วย

 

 

ผมภาวนาไม่ให้เขามองต่ำลงไปจากใบหน้าและริมฝีปากของผมเพราะจะเห็นว่าตอนนี้เขากำลังทำให้ผมรู้สึกร้อนแค่ไหน

 

 

ให้ - ตาย - เถอะ!

 

 

เขาทำอะไรกับผม!

 

 

แต่ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป

 

 

แค่ผมขยับขา... จะยืนนิ่งได้ยังไงเมื่อมันมีอาการขนาดนั้น แค่นั้นชเวซีวอนก็รู้ตัว เขาเลื่อนสายตามองของที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าขนหนูแวบหนึ่ง ก่อนจะวกกลับขึ้นสบตากับผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

 

 

ไม่มีเค้าความหงุดหงิดอยู่ในนั้นอีกต่อไป

 

 

“เห็นไหม วิธีของฉันมันได้ผล”

 

 

ผมกลั้นหายใจ ข้อมือถูกยึดไว้แน่น แข้งขาขยับไม่ได้ ผมมองเขาอย่างอ้อนวอน

 

 

ผมคลั่งเขาจริงๆ

 

 

“คุณซีวอน...” ผมพูดเสียงสั่น น้ำตาคลออย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสมเพชตัวเอง ทั้งอับอายต่อหน้าผู้ชายที่ยืนเฉย เขาไม่ได้แต่แตะผมนอกไปจากมือและนิ้วโป้งที่ใช้วนบนฝ่ามือ แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมแทบตกเป็นทาสของเขา

 

 

รอยยิ้มพอใจของเขาขยับกว้างขึ้นไปอีก ผมมองรอยยิ้มของเขา โดยไม่รู้ตัวที่ผมเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ยืดตัวขึ้นและหวังให้เขาโน้มหน้าลงมา แต่ชเวซีวอนเพียงแค่ยืนมองผมนิ่ง แล้วพูดต่อโดยไม่สนใจความปรารถนาของผม

 

 

“แต่มีเรื่องน่าหงุดหงิดอยู่อย่างสองอย่าง” เขาใช้มืออีกข้างจับคางผมให้หยุดนิ่ง ผมน้ำตาคลอ เจ็บปวดที่ความปรารถนาไม่ได้รับการใส่ใจ ทั้งยังถูกหยุดยั้งอย่างเย็นชา

 

 

ชเวซีวอนหัวเสียราวกับหงุดหงิดที่ไม่สามารถควบคุมอย่างที่ใจเขาต้องการได้

 

 

“มันน่าหงุดหงิดที่กลับเป็นฉันเสียเอง ที่คลั่งนายจนต้องตามมาถึงนี่”

 

 

ผมเปิดริมฝีปาก รอคอยเขาอย่างมีความหวัง เรียกร้อง ‘อะไรนิดๆ หน่อยๆ’ อย่างที่เขาเคยพูดไว้ แต่แล้วเขาก็ได้แต่ยืนนิ่ง ตรึงปลายคางผมไว้ไม่ให้ขยับหาเขาได้ตามใจ จ้องมองผมอย่างดูดาย ไม่สนใจความรู้สึกของผม

 

 

น้ำตาผมไหลลงจากหางตา ผมเกลียดคุณ ชเวซีวอน ผมเกลียดคุณ

 

 

“นายยื่นปากอีกแล้ว”

 

 

แล้วริมฝีปากของผมก็ได้รับการเติมเต็มสมใจ มือข้างไหนของเขาสักข้างดึงผมที่เปียกชื้นด้านหลังเพื่อบังคับให้ผมเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของผมหายไปด้วยจูบรุนแรง ราวกับริมฝีปากของผมเป็นสิ่งที่เขาโหยหาจะยึดครองมาแสนนาน ชเวซีวอนไม่ปล่อยให้ผมห่างไปแม้สักวินาที ถึงแม้ว่าผมจะหายใจไม่ออกและผละตัวออกห่างแต่เขาก็เบียดเข้ามาจนหลังผมชนกับกำแพงแข็งๆ และเขาก็กดริมฝีปากหนักหน่วงลงมาอีก ลิ้นร้อนแทรกลึกเข้ามาพัวพันจนผมแทบหาลิ้นตัวเองไม่เจอ

 

 

จนตอนที่ผมขาดอากาศจนทนไม่ไหวจึงระดมทุบไหล่แข็งๆ นั้นอย่างรุนแรง เขาถึงได้ยอมผละจากปากของผมเล็กน้อย กระนั้นก็ยังคงดูดดึงริมฝีปากล่างของผมจนชาหนึบ

 

 

ขาของผมอ่อนแรงเพราะจูบของเขาที่ไล่มายังลำคอ มันรู้สึกดีจนยอมเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาตามต้องการ ส่วนนั้นของผมต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ยิ่งตอนที่เขาเบียดตัวเข้าหาจนชิดแล้วแนบร่างกายแข็งแรงเอาไว้กับผมอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะขยับสีช้าๆ และหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

“อาาา...” ผมคราง เต็มใจให้ร่างกายส่วนบนถูกฝ่ามือร้อนจัดของประธานชเวไล่สำรวจ มือของเขาลูบไล้ไปทุกสัดส่วนบนร่างกายของผม แทรกเข้าไปในรอยแยกของผ้าขนหนูเพื่อสัมผัสกับต้นขาและบั้นท้าย เขาเฟ้นมือหนักหน่วงแต่มันกลับเร้าอารมณ์ผมมากกว่าสร้างความเจ็บปวด ผมครางฮือ คาดหวังให้มือของเขาขยับไปด้านหน้า...

 

 

“อ้าว มีคนใช้ว่ะ”

 

 

“ไปใช้ห้องอื่นดิ”

 

 

“ฉันชอบห้องนี้นี่ ขอโทษนะครับ ผมขอใช้ห้องอาบน้ำต่อได้ไหม”

 

 

เสียงใครบางคนจากนอกประตูเรียกเอาสติผมให้กลับคืนมา ผมใจหายวาบ ส่วนที่แข็งขืนพลันอ่อนลงเพราะความตกใจ ยกเว้นชเวซีวอนที่ยังขยับทุกส่วนในร่างกายต่อเนื่อง ผมรู้ว่าเขาได้ยิน แต่ทำไมเขาไม่หยุดล่ะ!

 

 

สองมือผมดันไหล่เขาให้ถอยออก แต่คุณซีวอนกลับใช้แรงที่มีมากกว่าดันแผ่นหลังผมให้ร่างกายส่วนหน้าแนบติดกับเขาตามเดิม ริมฝีปากเขาไล่ตามหาริมฝีปากผมจนเจอแล้วประกบเข้าหา ผมส่ายหน้าแต่ถูกมือแข็งแรงตรึงท้ายทอยให้หยุดอยู่กับที่

 

 

“เฮ้ย แบคฮยอน ไปใช้ห้องอื่นเหอะน่า”

 

 

“ไม่เอา ชอบห้องนี้ มันมีฝักบัวแบบฝนตก”

 

 

รุ่นพี่แบคฮยอนคือหนึ่งในคนที่อยู่หน้าประตู และเสียงแบบนั้น ผมจำได้ว่าเป็นของรุ่นพี่ซูโฮ ผมอยากตอบแต่ริมฝีปากของผมตอนนี้ไม่ได้เป็นของผมอีกต่อไป คนใช้อำนาจครอบครองมันเอาไว้ยังไม่คืนมันมาให้กับผมโดยง่าย

 

 

“หรือจะไม่ใช่ ลองก้มดูดิ๊ เผื่อเป็นพวกแฟนคลับเข้ามาดูเราอาบน้ำ”

 

 

ใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ถ้าพวกนั้นก้มดูแล้วเห็นเท้าสองคู่อยู่ในห้องอาบน้ำเดียวกันผมต้องแย่แน่ๆ ผมออกแรงผลักชเวซีวอนสุดแรง ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างวางกระทบพื้น พวกนั้นต้องกำลังก้มมองลอดประตูเข้ามาแน่ๆ

 

 

วืด!

 

 

จู่ๆ ร่างผมก็ถูกยกให้ลอยขึ้น แผ่นหลังถูกดันติดกำแพง ผมคว้าลำคอแข็งแรงของคุณซีวอนไว้โดยสัญชาตญาณ ต้นขาถูกสองมือแข็งแรงประคองเอาไว้อย่างมั่นคง

 

 

รอยหงุดหงิดฉายชัดบนใบหน้าหล่อจัด ชเวซีวอนจ้องมองผม... ไม่สิ ริมฝีปากของผมอย่างเคร่ดเครียด ดูเหมือนเขาจะหมายตาครอบครองมันไว้ในอีกสองหรือสามนาทีต่อจากนี้

 

 

“เฮ้ย รองเท้าว่ะ ใครไม่รู้อยู่ข้างใน” แบคฮยอนร้องตื่นๆ ได้ยินเหมือนซูโฮเองก็กำลังก้มลงมองเพื่อความแน่ใจ ผมหลับตาปี๋ กระชับต้นขารอบเอวสอบของคุณซีวอนแน่น

 

 

“พวกนายทำอะไร”

 

 

น้ำเสียงเย็นเยียบที่ทำเอาคนได้ยินตัวแข็ง คนข้างนอกเงียบกริบ เป็นผมเองก็คงก้าวขาไม่ออกเหมือนกัน ใครล่ะจะจำน้ำเสียงของท่านประธานชเวไม่ได้!

 

 

“ท..ท่านประธาน! ผมขอโทษครับ” ซูโฮละลักละล่ำพูด ผมเห็นภาพเลยว่าเขาคงกำลังก้มหัวปลกอยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำ

 

 

ผิดกับแบคฮยอนที่โต้ตอบกลับมาอย่างไม่กลัวเกรง

 

 

“ท่านประธานทำอะไรอยู่ข้างในหรือครับ”

 

 

สีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะมาเล่นเกมตอบคำถามกับแบคฮยอนเลย แล้วนั่นมันอะไรน่ะ อะไรทำให้แบคฮยอนมีสิทธิ์ถามอะไรตามใจแบบนั้น

 

 

หรือว่า...

 

 

“ออกไปซะ ทั้งคู่”

 

 

ผมได้ยินซูโฮบอกแบคฮยอนให้ออกไปหลายต่อหลายครั้ง คงกำลังถูลู่ถูกังแบคฮยอนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งของท่านประธานออกไปแต่โดยดี ในที่สุดก็ในยินเสียงประตูห้องอาบน้ำปิดลงพร้อมกับความเงียบที่โรยตัวลงมา

 

 

คนบ้าอำนาจยังรวบตัวผมอยู่ในท่าทางเดิม หน่วยตาคมที่มองสบและไม่ละสายตาไปราวกับรอคอยคำถามของผม เขารู้ทุกอย่าง รู้วิธีควบคุมผม รู้วิธีควบคุมคนอื่น และรู้แม้แต่ว่าผมกำลังคิดอะไร

 

 

“รุ่นพี่แบคฮยอน... คุณเคยนอนกับเขาใช่ไหม”

 

 

ไม่มีใครเข้าใจผมหรอก ตอนที่เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงว่า

 

 

“ใช่”

 

 

คุณซีวอนมองเห็นสิ่งที่แปลกไปจากเดิม เขาไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้ผมลงมาเหยียบพื้นตามเดิม ทำไมจู่ๆ ผมก็รู้สึกเศร้าล่ะ

 

 

เขาเปิดประตูออกไปจากห้องอาบน้ำ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าของผมที่วางอยู่ด้านนอก ผมรับมันมาถือโดยไม่มองหน้าเขา ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจบางเบา ริมฝีปากของผมยังมีไออุ่นจากเขาหลงเหลืออยู่เลย และผมยอมรับว่าโหยหามัน แต่อีกใจ ก็นึกหวาดกลัวมันเช่นกัน

 

 

เพราะถ้าวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ผมต้องกลายเป็นคนที่เขาไล่ให้ออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่เขาทำกับแบคฮยอน ผมก็คง...

 

 

“ฉันชอบจูบของนายนะ” เสียงกระซิบเขาหยุดความคิดผม น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟังเหมือนเดิม ผมรู้สึกเหมือนตัวลอยได้ บินไปในอากาศอย่างง่ายดายด้วยคำพูดของเขา

 

 

“โดยเฉพาะยิ่งมันเป็นครั้งแรก”

 

 

ใจผมเต้นแรง คิดอะไรไม่ออก

 

 

“ไปเดทกันนะ”

 

 

พระ...เจ้า...ช่วย...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

------

 

คอมเม้นท์ได้ที่หน้าฟิค dek-d นะคะ http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1311632&chapter=4

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา