[Haikyuu]Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

-

เขียนโดย Dark_Shinigami

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.34 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) Ch.2 (1/4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 2 - Part 1-

Title: Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

Story: Sharkbaitsekki (SS)

Translator: KITDS

 

อาทิตย์ที่ 2 – วันเสาร์

จริงๆ นะ นี่คงจะเป็นลุคที่เท่ที่สุดที่พวกเขาสี่คนเคยแต่งมาก่อน ทุกคนมักจะบอกว่าความสามัคคีคือพลัง แต่ไม่มีใครเคยบอกว่ามันจะมีความเกรียนเท่ๆ เหมือนกันแบบนี้

ถ้ามีเพลงประกอบฉากแล้วล่ะก็ เพลง ‘Turn Down for What’ก็คงกำลังเล่นอยู่ขณะที่พวกเขาเลี้ยวตามทางเดินเท้าที่นำเข้าไปในสวนสาธารณะ  เสียงฝีเท้ากระทบพื้นพร้อมกันเป็นจังหวะ เมื่อต้นไม้เบาบางลงและสวนสาธารณะเข้าสู่ลานสายตา คุโร่สาบานได้ว่าลมก็พัดผ่านไรผมจนเขารู้สึกเหมือนทุกขณะเป็นภาพสโลว์โมชั่น

คุณพ่อสี่หน่อ แว่นตากันแดดสี่คู่ เด็กสี่คน แค่เดินเรื่อยๆ ไปยังบริเวณสนามเด็กเล่น ผู้คนพากันหลีกทางเมื่อเขาเดินผ่านไป และเขาก็รู้สึกถึงสายตาอึ้งๆ ที่จ้องมองมาทางพวกเขา มันคล้ายกับเวลาที่โมเสสแหวกทะเลแดงเพื่อนำพาผู้คนเขาให้พ้นจากความยากเข็ญ (และพวกพ่อๆ กับลูกๆ ที่สนามเด็กเล่น ที่ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่)

เส้นผมสีน้ำตาลของโออิคาวะยุ่งเหยิงเพราะแรงลม คล้ายกับทรงผมยุ่งๆ ที่จัดอย่างตั้งใจพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ดึงดูดสาวๆ ที่เขาจับได้ว่ากำลังจ้องเขาอยู่ เข้ากันกับเสื้อโปโลสีเทอร์คอยซ์ กระเป๋าสีฟ้าอ่อนสะพายไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง ไหวไปมาตามจังหวะก้าวเท้าของเขาที่ตรงตามเสียงล้อของรถเข็นที่ฮินาตะนั่งอยู่

ลุคแบดบอยของโบคุโตะเองก็จัดว่าดูดี ทรงผมชี้ฟูตามปกติของเขากับต่างหูที่หยอกล้อแสงอาทิตย์ เขาแต่งตัวธรรมดาในชุดเสื้อยืดรัดรูปและฮู้ดแขนกุดสีดำเข้ากันกับกางเกงยีนส์เข้ารูป รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเข้ากับท่าทางสบายๆ ของเขา เคย์จิเดินเตาะแตะตามเขาพร้อมกับจับมือพ่อของเขาด้วย แต่ตรงข้ามใบหน้าเบื่อโลกที่ดูจะเอือมก็ท่าทางของพ่อเขาไม่เปลี่ยนแปร คนที่มองเข้าไปในตาของเด็กน้อยก็จะเห็นความตื่นเต้นที่ฉายชัดอยู่ในนั้นกับการได้มาสนามเด็กเล่น

ข้างๆ เขา คุโร่รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ที่จุดสูงสุดของโลก ถึงแม้เคย์ที่นั่งอยู่บนบ่าของเขาพร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับผมเขาไว้จะรู้สึกสูงกว่าในทางกายภาพก็ตาม คุโร่ยิ้มกริ่มให้กับหญิงสาวอายุมากกว่าเขาสองคนที่เดินผ่านไป หัวเราะเล็กน้อยขณะที่ทั้งสองเบือนหน้าหนีด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ เขาปล่อยขาของลูกชายที่กำลังตื่นตาตื่นใจออกเพื่อจัดแขนเสื้อของสเวตเตอร์สีแดงอ่อน เขาเขย่าข้อมือเพื่อให้เชือกร้อยข้อมือ(ที่เคย์ทำให้เขาในวันคริสมาสต์)ไหลลงมาอยู่ที่ข้อมือหลังจากที่มันขึ้นไปสูงจนคับแขนเขา ก่อนจะกลับไปจับขาเด็กน้อยผมบลอนด์ก่อนที่เจ้าตัวจะบ่นออกมา

แว่นกันแดดของไดจิเองก็เกือบจะดำเท่าสีผมของเขา ริมฝีปากเรียบตรงให้ความรู้สึกลึกลับและแตะต้องไม่ได้ เขาใส่เสื้อเชิ้ตปล่อยชายพับแขนสีส้มธรรมดา และเขาก็ดูดีในมาดธรรมดาๆ โดยเฉพาะเวลาที่เขาเอามือขึ้นไปเสยผมสั้นๆ ของเขา(ถ้าเจ้าลมแสนสะดวกสบายนั่นไม่ได้เสยมันให้เขาเรียบร้อยแล้ว) เสียงจังหวะของรถเข็นที่มีโนยะคาดเข็มขัดอยู่ข้างในเหมือนเสียงของกลองศึก และพวกเขาก็ดูเหมือนกับนักรบเดินดินผู้กล้าหาญ

พวกเขาไร้ที่ติเหมือนสวรรค์ส่งมาเกิด และไม่มีอะไรในโลกที่จะมาทำลาย...

“พ่อครับ ผมปวดฉิ่งฉ่อง”

“โนยะ ลูกเพิ่งเข้าที่สถานรับเลี้ยงไปเองนะ”ไดจิครวญ และภาพมายาทุกอย่างก็สลายไป ตอนนั้นเอง สายลมก็หายไป ไม่มีการเดินเต๊ะท่า ไม่มีเสียงเพลงประกอบฉากในจินตนาการ มีเพียงแค่คุณพ่อสี่หน่อและลูกๆ ของพวกเขาที่ถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาดในสวยสาธารณะ

“ผมไปเล่นทรายได้มั้ย?”เคย์จิถามเสียงเบา กระตุกมือของโบคุโตะตื้ออย่างใจเย็น

“ลูกจะเล่นกับเด็กคนอื่นๆ รึเปล่า?”โบคุโตะเบ้ปาก แต่ใบหน้าของลูกชายเขาก็ไม่เปลี่ยนไป

“ผมอยากสร้างปราสาททราบ”

“คุณไดโน่ มาผมไปที่ยอดเขาที”เคย์สั่ง ชี้มือไปยังจุดสูงสุดของโมดูลของเล่น

“ลูกจะต้องขอดีๆ ไม่งั้นคุณไดโน่จะไม่อยากพาลูกไปนะ”คุโร่บอก ขยับตัวเขาเล็กน้อยเพื่อให้ลูกชายของเขาตอบ

“ก็ได้ ก็ได้!”เด็กหนุ่มผมบลอนด์ร้อง ขย้ำผมของคุโร่แน่นพอที่จะดึงมันออกมาทั้งกระจุกได้ “ได้โปรดพาผมไปที่ยอดเขาหน่อยนะครับ คุณไดโน่”

“กร๊าซ ได้เลยครับ เจ้าชายสึกกี้!”

“พ่อฮะ ผมอยากไกวชิงช้า”ฮินาตะขยุกขยิกจากรถเข็นและโออิคาวะก็ดันแว่นกันแดดขึ้นเพื่อนวดสันจมูกของเขาด้วยความเหนื่อยอ่อน

“พ่อก็อยากจะไกวให้ลูกนะ แต่ลูกลืมพูดไปอย่างนึง”เขาบอกเด็กชาย นั่งยองลงหน้ารถเข็นเพื่อปลดสายรัดที่รัดลูกชายเขาอยู่

“เอ่อ...”ฮินาตะคิดออกมาเสียงดัง เอามือขึ้นแตะปากของเขา โออิคาวะปลดสายรัดเบาๆ และหยุดนิ่งเพื่อรอคำตอบ “ได้โปรด?”

“ใช่แล้ว ถ้าลูกพูดว่า ‘พ่อช่วยผลักชิงช้าให้ผมได้มั้ย’ พ่อก็ยินดีจะทำให้ลูก”

“ไกวชิงช้าให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ พ่อ?”โชโยหัวเราะคิกคัก ดวงตาส่องประกายมากขึ้น และเมื่อโออิคาวะหัวเราะให้กับความน่ารักของลูกชายเขา เขาก็อุ้มฮินาตะออกมาจากรถเข็น

“แน่นอน ทำไมลูกไม่เดินไปแล้วเลือกชิงช้าที่ลูกอยากนั่งก่อนล่ะ แล้วพ่อจะรีบตามไป?”โออิคาวะเสนอ มองดูลูกชายเขากรีดร้องด้วยความดีใจและเดินต้วมเตี้ยมไปยังสนามเด็กเล่นขณะที่เขาพับเก็บรถเข็น

“โออิคาวะ นายช่วยพับของฉันด้วยได้มั้ย? ฉันจะพาโนยะไปห้องน้ำหน่อย”ไดจิเรียกถามจะข้างๆ เขา และโออิคาวะก็พยักหน้าแทนคำตอบ

“เข้าใจแล้ว ฉันจะวางมันไว้ที่ม้านั่งกับของฉันนะ”โออิคาวะชี้มือไปทางสวน ไดจิพยักหน้ากลับ ก่อนจะอุ้มโนยะพาดบ่าและเดินไป

เขาเก็บรถเข็นของอีกฝ่าย(เพื่อนร่วมกลุ่มสนับสนุน? พวกพ้องคุณพ่อคนเดียว? เพื่อนของเขา?) อย่างรวดเร็วและเอารถเข็นไปวางไว้ตรงตำแหน่งที่เขาบอกพร้อมวางกระเป๋าผ้าอ้อมของเขาไว้ตรงนั้นด้วยกัน คุโร่อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่ มองดูสึกิชิมะวิ่งเล่นรอบๆ ทำเสียงเหมือนไดโนเสาร์ เขาก็เลยไว้ใจให้อีกฝ่ายเฝ้าของของพวกเขา

เขาเดินผ่านโบคุโตะที่กำลังแนะนำเคย์จิให้สร้างมังกรทรายขนาดใหญ่ และส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเมื่อได้ยินเสียงเบาๆ ของเคย์จิตอบกลับไปว่า ‘มันมีทราบไม่พอนะครับ พ่อ’ แล้วเขาก็เบือนหน้าไปทางชิงช้าที่ที่ลูกชายเขาอยู่ ก่อนเขาจะสาวเท้าเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฮินาตะยืนอยู่ใต้ชิงช้า ร้องไห้เบาๆ และมีผู้ใหญ่คนหนึ่งโน้มตัวอยู่เหนือเขา ทันใดนั้นเองโออิคาวะก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาเห็นแดงฉานไปหมด

“เฮ้ นาย!”เขาร้องเรียกออกไป พลางเดินกระทืบเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย “นายคิดว่านายทำอะไรลูกชายฉันน่ะ?!”

ก่อนที่เขาจะหยุดเท้า เกือบจะพร้อมที่จะคว้าตัวฮินาตะขึ้นกอดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ยื่นทิชชู่ให้ฮินาตะเท่านั้น

และเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ได้รู้อีกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาดูดีแค่ไหน

“หือ?”ชายหนุ่มเลิกคิ้วใส่เขา ยืดตัวขึ้นตรง “นายคือพ่อของเด็กคนนี้หรอ?”

“ช..ใช่”โออิคาวะพูดตะกุกตะกัก รู้สึกว่าเสื้อของเขาค่อนข้างแน่นขึ้นมากะทันหัน “นายทำอะไรเขา?”

“ฉันไม่ได้ทำอะไร”เขาขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจ “ลูกของนายคือคนที่เริ่มร้องไห้ตอนที่ลูกชายฉันเลือกชิงช้าก่อนเขา”

และจริงอย่างที่ว่า เมื่อโออิคาวะมองไปข้างๆ ก็พบกับสายตาคู่คมสีน้ำเงินเข้มที่จ้องมาทางเขา และถึงแม้ว่าเด็กชายและตัวใหญ่ประมาณหัวเขาสองหัว แต่โออิคาวะก็รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม

“ชิ”เขาเดาะลิ้น เบนสายตาจากเด็กชายผมดำที่นั่งนิ่งอยู่บนชิงช้า และอุ้มตัวฮินาตะที่สะอื้นอยู่ขึ้นมา “โอเค ฉันยอมนายเรื่องนั้น ฮินาตะจะรู้สึกเหมือนถูกคาดคั้นบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่เขาตั้งใจจะทำเพื่อของที่เขาต้องการ”

เด็กชายผมส้มส่งเสียงจามเสียงดัง และโออิคาวะก็ร้องเบาๆ เมื่อเขารู้สึกอะไรเมือกๆ ไหลตามข้างคอเขา

“นี่”ชายหนุ่มยื่นให้อีกครั้ง ครั้งนี้ให้โออิคาวะ เขาดูขำขันขณะที่เขายื่นทิชชู่ให้ “ฉันคิดว่านายต้องการมัน”

“อ่า.. น่าขยะแขยง”โออิคาวะพึมพำ ขยับฮินาตะออกเพื่อเช็ดคราบน้ำมูกออกจากคอของเขา และเช็ดจมูกกับแก้มเปื้อนน้ำตา “มาเถอะ ลูกรัก ลูกก็รู้ว่าเราไม่ร้องไห้เวลาที่เราอยากได้อะไรบางอย่าง เราพูดขอร้องดีๆ และนั่นเป็นวิธีที่เราจะได้มันมา”

“อื้อ”ฮินาตะพยักหน้า หันหน้าไปทางเด็กชายอีกคนที่นั่งเงียบมาตลอด “น..นาย! ให้ชิงช้าตัวนั้นกับฉันเถอะนะ! ขอร้องล่ะ!”

เด็กน้อยจ้องเขม็งใส่โชโย แล้วหันกลับไปมองตรงหน้าของเขาเหมือนเดิม

“ไม่”

โออิคาวะหน้าหยิกกับความไร้มารยาทของเด็กชาย และเขาลังเลที่จะให้คำแนะนำชายหนุ่มอีกคนเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก จะพ่อคนเดียวหรือยังไงก็ช่าง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ที่จะสอนมารยาทให้ลูกของเขา มันไม่เกี่ยวว่าอีกฝ่ายจะหล่อขนาดไหน – ..โอ้ให้ตายสิ ดูแขนนั่นสิ โออิคาวะอยากจะร้องไห้จริงๆ –  เขาก็ไม่ให้อภัยอีกฝ่ายที่ทำให้ลูกชายเขาปริ่มจะร้องไห้อีกครั้ง

“ไม่เป็นไรหรอก โชโย”โออิคาวะบอก “ชิงช้ามันก็เหมือนกันหมดแหละ เรามาเล่นอันนี้กันเถอะนะ”

โชคยังดี ที่ฮินาตะสดใสพอๆ กับเช้าวันเสาร์ในฤดูใบไม้ผลินี้ และเขาก็เปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วด้วยความอยากไกวชิงช้า

“พ่อฉันจะไกวฉันสูงกว่านาย”โชโยแลบลิ้นเล่นๆ ใส่เด็กอีกคนที่ดูไม่เล่นด้วย

“ไม่มีทาง”เขาตอบเรียบๆ พลางส่งเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจ โออิคาวะชักสงสัยแล้วว่าเด็กนี่ต้องการอะไร แต่ยังไงซะ จากที่เขาแอบชำเลืองมองคุณพ่อของเด็กคนที่ว่า เขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มบางๆ อยู่บนใบหน้า เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมชาติ

“พ่อฮะ สูงกว่านี้อีก!”ฮินาตะหัวเราะคิกคักและโออิคาวะก็ทำตามคำขอ เพียงเพื่อให้ลูกชายเขาพอใจที่เอาชนะเด็กชายได้

“ผลักแรงขึ้นด้วยครับ!”เด็กชายผมดำบอกด้วยความหงุดหงิด และชายหนุ่มอีกคนก็ผมตามเงียบๆ

“ฉันสูงกว่า!”

“ไม่ ฉันต่างหาก!”

“ไม่ ดูสิ ฉันอยู่เหนือกว่านาย!”

“ไม่ นายมันตัวเล็ก เพราะงั้นฉันเหนือกว่า!”

“ฉันไม่ได้ตัวเล็ก! นายต่างหาก!!”

“นายนั่นแหละ!”

“นายต่างหาก!”

“ฉันจะวิ่งแข่งกับนายไปที่สไลเดอร์”เด็กน้อยผมดำท้า และโออิคาวะก็พยายามกลั้นขำพอๆ กันกับที่ลูกชายเขาตอบอย่างขันแข็ง

“ฉันจะชนะนายแน่นอน!”

“โอเค โอเค ระวังอย่าสะดุดล้มล่ะ”โออิคาวะเตือนลูกชายแสนซนของเขา ขยับเข้าไปใกล้เพื่ออุ้มเขาลงมาชิงช้าขณะเดียวกับที่ชายหนุ่มอีกคนทำเหมือนกันกับลูกชายเขา

“โทบิโอะ ทำตัวดีๆ ล่ะ”ชายหนุ่มบอกลูกชายเขา ‘โทบิโอะอย่างงั้นหรอ เป็นเด็กที่น่ารำคาญจริงๆ’ ขณะที่เขาวางเด็กชายลงแล้วจัดผมที่ยุ่งเหยิงเพราะแรงลมให้

เด็กชายทั้งสองพยักหน้าให้พ่อของเขาพวกเขาก่อนจะหันไปจ้องเขม็งใส่กันและกันแล้ววิ่งออกไป ขาเล็กๆ พยายามจะพาพวกเขาไปยังบริเวณที่มีทราย บริเวณที่พวกเขาทรงตัวได้ยากขึ้น และแต่ละคนก็พากับล้มหลายต่อหลายครั้งก่อนจะไปถึงไม้ลื่น

โออิคาวะยืนอยู่ที่เดิม ขำน้อยๆ กับความน่ารักของลูกชายเขา เขากอดอกพลางคิดว่าเมื่อไหร่กันที่แสงสว่างในชีวิตเขาโตขึ้นมาขนาดนี้

“เอ่อ”ชายข้างๆ เขาเริ่มพูด และโออิคาวะก็หันหน้าไปมองเขาเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาให้ “เมื่อกี้ ขอโทษด้วย ฉันอิวาอิซึมิ อิวาอิซึมิ ฮาจิเมะ”

และถ้าฮินาตะเหมือนพระอาทิตย์ในชีวิตของโออิคาวะ อิวาอิซึมิ ฮาจิเมะก็คงเป็นเหมือนดวงดาวอันห่างไกลบนท้องฟ้าของเขา อยู่ห่างไกลออกไป ลึกลับและไม่เป็นที่รู้จัก แต่สว่างพอที่จะดึงให้โออิคาวะขยับเข้าไปใกล้

และแน่นอนว่าหล่อมากๆ

“ฉันโออิคาวะ โออิคาวะ โทรุ”เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลตอบกลับเล่นๆ และตอยที่เขาจับมือสากๆ ของอิวาอิซึมิด้วยมือเรียบเนียนของเขา ฝ่ามือสัมผัสกับผิวสีแทน เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือความรู้สึกของอิคารัสตอนที่เขาได้รับปีกขี้ผึ้งของเขารึเปล่า

+++++++++++

“สิบเหรียญพนันว่าพวกเขาต้องได้กัน”

“ไม่ยุติธรรมเลย ฉันก็อยากจะพนันข้างนั้นเหมือนกัน”โบคุโตะบ่นขณะที่เขากับคุโร่ลอบมองไปยังโออิคาวะที่กำลังคุยอย่างออกรสกับชายหนุ่มผมดำท่าทางอึมครึม

“โอเค ถ้างั้น นายอยากจะพนันมั้ยว่านานแค่ไหน?”คุโร่เหยียดยิ้ม เก็บพับแว่นดำของเขาและห้อยมันไว้กับคอเสื้อสเวตเตอร์

“อืม... สองอาทิตย์”โบคุโตะคาดประมาณ ดันแว่นกันแดดเขาขึ้นไปเหนือศีรษะ

“งั้นฉันให้...สองอาทิตย์ครึ่ง”คุโร่บอกสิ่งที่ตัวเองคิด “โออิคาวะยกให้ฮินาตะสำคัญกว่าอะไร เพราะงั้นฉันคิดว่าเขาจะต้องใช้เวลาคิดก่อนจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่”

“นายเพิ่งเจอเขาสามครั้งในอาทิตย์ที่ผ่านมา คุโร่ นายไม่รู้จักเขาดีขนาดนั้นหรอก ฉันคิดว่าเขาจะรีบจีบอีกฝ่ายเร็วที่สุด ในเมื่อเขาชอบผู้ชาย และโย่ ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี หรือยังไง?”

“ใช่ ใช่ เขาดูดีจริงๆ”คุโร่พยักหน้าเหมือนพวกเขาไม่ได้สำรวจชายหนุ่มคนนั้นอย่างละเอียดก่อนจะกอดอก “แต่โบคุโตะ ฉันรู้จักนายมาอาทิตย์ครึ่งและฉันก็รู้ว่านายงี่เง่าขนาดไหนนะ”

“เฮ้! เงียบไปเลย นายนี่ใจร้ายจริงๆ!”

“พวกนาย”ในที่สุดก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งที่ขัดจังหวะบทสนทนาของพวกเขา พวกเขาหันไปก็เจอกับไดจิที่ยืนอยู่ด้านหลังม้านั่งที่พวกเขานั่งอยู่ ใบหน้าฉายชัดถึงความซีเรียส

“ไง ไดจิ! มีอะไร?”คุโร่ถามด้วยความประหม่าเล็กน้อยๆ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่พร้อมจะลงโลงตอนนี้

“นี่มันสนามเด็กเล่น พวกนายอย่าพูดเรื่องแบบนั้นในที่แบบนี้ได้มั้ย?”เขาบ่น ท่าทางดูคุกคามด้วยแว่นกันแดดที่เขายังคงสวมอยู่

“โย่ แน่นอน!”โบคุโตะหัวเราะแห้งๆ “เราคุยกันเสร็จแล้วด้วยใช่มั้ย คุโร่?”

“ถูกต้องที่สุดเลย โบคุโตะ!”คุโร่เสริม หันหลังกลับมาและขำกับท่าทางของเพื่อนเขาที่ส่งเสียงไม่พอใจ พวกเขาทั้งสองคนร้องด้วยความตกใจเมื่อไดจิจู่ๆ ก็จับมือพวกเขาเหมือนเป็นสัญญาณเตือนและพยายามจะสะบัดมือนั้นให้หลุด เสียงหัวเราะดังจากพวกเขาเกือบจะแข่งกับเสียงดังที่วิ่งเล่นในลานได้

จากชิงช้า โออิคาวะมองมาทางคนรู้.. ช่างมัน เขาจะเรียกพวกเขาว่าเพื่อนให้มันหมดเรื่องหมดราวไป เขามองไปทางเพื่อนของเขาที่กำลังทำให้ตัวเองขายหน้า และรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวเมื่ออิวาอิซึมิมองตามสายตาเขาไป

“เพื่อนของนายหรอ?”หนุ่มผมดำถามและโออิคาวะก็ไม่กล้าที่จะสบตาเขา

“ฮะๆ ใช่ ประมาณนั้น? ก็ไม่เชิง พวกเรา เอ่อ.. อยู่ในกลุ่มสนับสนุนของสถานรับเลี้ยงเด็กด้วยกันน่ะ”เขาหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะระลึกว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป

ให้ตายเถอะ เขาทำตัวเหมือนคนติดยาหรือพวกทารุณเด็กเลย ให้ตายเถอะ พระเจ้า

“หืม...”ชายหนุ่มเพียงแค่ตอบเรียบๆ ถึงแม้ว่าหัวใจของโออิคาวะเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ “ฉันกำลังมองหาสถานรับเลี้ยงเด็กให้โทบิโอะอยู่เหมือนกัน เขาเกือบจะสองขวบแล้ว ฉันก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้ว”

“ที่ที่พวกเราอยู่ดีมากเลยนะ”โออิคาวะแนะนำ พยายามจะลืมว่าเขาเกือบจะหัวใจวายเล็กๆ เมื่อครู่ และทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว “ฉันไม่มีอะไรกับฉันเลยตอนนี้ แต่ถ้านายจะเบอร์หรือทางติดต่อกับฉัน ฉันอาจจะส่งรายละเอียดให้นายได้นะ”

“หืม...”

โออิคาวะยอมที่จะถลกหนังคนเป็นๆ เพื่อเบอร์ของอีกฝ่าย เขาก็เลยสวดมนต์ขอพระเจ้า

“ไม่ล่ะ ฉันคิดว่าฉันไปดูเองดีกว่า ฉันชอบเห็นอะไรด้วยตาตัวเองมากกว่า ฉันเดาว่ามันอยู่ใกล้ๆ นี้?”อิวาอิซึมิถาม

“ใช่”เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กม.ปลายอีกครั้ง รวมถึงการถูกปฏิเสธด้วย “มันอยู่ที่ศูนย์ชุมชนแถวๆ นี้”

“เยี่ยม ฉันจะไปเช็คดู”อิวาอิซึมิพยักหน้า “แต่..ขอบคุณ”

“ด้วยความยินดี!”โออิคาวะตอบกลับอย่างรวดเร็ว เกือบจะเหมือนลูกหมาที่กระดิกหางใส่เจ้านาย และเขาต้องบอกให้ใจของเขาหยุดเต้นรัวขนาดนี้ได้แล้ว

“ยังไงก็ตาม ฉันต้องไปแล้ว มัน เอ่อ...ยินดีที่ได้พบนะ”ชายหนุ่มผมดำยื่นมือมาอีกครั้งและโออิคาวะก็จับมือด้วยความยินดี

“เจอกัน อิวะจัง”นิ่งไว้ นิ่งไว้ นิ่งไว้ พระเจ้า ใจของเขามีหัวใจเป็นของตัวเองแล้ว

“อิวะจัง?”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ”เอ่อ.. โอเค บาย”

“บาย”โออิคาวะโบกมือหยอยๆ จนเขาเดินออกจากระยะได้ยินและถอนหายใจเพ้อๆ “หืม... ฉันเกลียดที่จะเห็นนายไป แต่ฉันก็ชอบที่จะมองนายจากไป...”

จากม้านั่ง ชายหนุ่มทั้งสามคนไม่รู้ว่าโออิคาวะพูดว่าอะไร แต่แค่สีหน้าของเขาก็เพียงพอแล้ว

“โอเค ฉันให้เขาสามอาทิตย์ สิบเหรียญ”

“ไดจิ!”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา