[Haikyuu]Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

-

เขียนโดย Dark_Shinigami

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.34 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) Ch.2 (4/4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 2 - Part 4-

Title: Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

Story: Sharkbaitsekki (SS)

Translator: KITDS

 

อาทิตย์ที่ 2 – วันพฤหัสบดี(ต่อ)

ทางด้านโบคุโตะนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเลย ซึ่งปกติแล้วโบคุโตะจะไม่ยอมให้สถานการณ์ไหนมาฉุดรั้งเขา(เพราะเขาเคยเจออะไรที่หนักกว่านี้มาแล้ว) แต่เช้านี้มันแค่ไม่เป็นใจเอาเสียเลย

เรื่องแรกเลยคือนาฬิกาปลุกของเขาไม่ดัง และเขาก็ตื่นสายไปกว่าสามสิบนาทีด้วยเสียงโทรศัพท์เข้าที่เหมือนกระดิ่งช่วยชีวิต ถ้าสายนั้นไม่ใช่หัวหน้าของเขาที่ท่อในโรงจอดรถระเบิดข้ามคืนและพวกเขาต้องปิดทำการหนึ่งวัน ที่มันคงไม่ได้แย่ขนาดนั้นถ้าเขาไม่ต้องพึ่งเงินงวดต่อไปของเขาในการจ่ายค่าเช่าห้อง

และถ้านั้นมันยังแย่ไม่พอ เขาพบว่ากาแฟสำเร็จรูปของเขาเหลือน้อยเกินกว่าจะชงอะไรที่มันพอดื่มได้ เพราะฉะนั้นด้วยความหงุดหงิดกว่าปกติเขาเลยเทกาแฟที่รสชาติไม่ต่างน้ำนั่นทิ้งไปแล้วเดินไปดูลูกชายเขาที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันยามเช้า

ตอนนี้เคย์จิสามารถตื่นนอนได้ด้วยตัวเองแล้ว ปกติเขาจะได้ยินเสียงเตือนปลุกผ่านกำแพงบางๆ ที่กั้นห้องพวกเขาไว้และลุกออกจากเตียงเพื่อใช้ห้องน้ำ จนกว่าโบคุโตะจะกลับมาช่วยเขาแต่งตัว และทั้งหมดนี่ดูค่อนข้างแก่กว่าวัยสี่ขวบของเขา แต่โบคุโตะไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรจากเด็กน้อยแสนเงียบคนนี้แล้ว เขาก็เลยปล่อยไป

แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและเห็นเคย์จินั่งอยู่บนเตียง(หรือเหมือนจะนั่งคุดคู้ติดกำแพงพร้อมผ้าห่มที่ดึงขึ้นมาปิดใบหน้าก็ทำให้เขาหยุดและวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมันชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อลูกชายเขามองมาทางเขาและแข็งทื่อพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง

“เป็นอะไรไป ลูก? ทำไมยังไม่ลุกจากเตียงล่ะ?”โบคุโตะถาม เพิกเฉยความจริงที่ว่าเขาคือคนที่ตื่นสายเช้านี้ “เราสายกันแล้วนะ เพราะงั้นมารีบกันเถอะ”

“ขอโทษฮะ พ่อ”เคย์จิพึมพำ ค่อยๆ ลุกออกจากเตียงพร้อมดึงผ้าห่มลงมาด้วยอย่างลังเล

“เฮ้ ทำไมถึงเอาผ้าห่มมาด้วยล่ะ?”ชายหนุ่มผมสีขาวถาม ใบหน้าฉายชัดถึงความสงสัย ลูกชายเขาเลิกาการติดผ้าห่มมาพักใหญ่ๆ แล้ว และด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่เคยติดของเล่นอย่างอื่นแทนเลย

“ไม่มีอะไรฮะ”เคย์จิรีบตอบพลางหลบสายตาเขา โบคุโตะขยับเข้าไปใกล้เขาก้าวหนึ่งและทำหน้ามุ่นเมื่อลูกชาเขาถอยหนีไปหนึ่งก้าวพร้อมยื่นมือออกมาขวาง “อยู่ตรงนั้นแหละฮะพ่อ! ผมกำลังไป!”

“ตอนนี้ลูกทำแปลกๆ นะ”โบคุโตะบอก พลางก้าวเท้าเข้าหาอีกฝ่ายและคุกเข่าลงเพื่อให้ตัวเองอยู่ในระดับสายตาของลูกชายเขา “เกิดอะไรขึ้น?”

“ม...ไม่มีอะไรฮะ”เคย์จิงึมงำตอบ โบคุโตะมองมือเขากำผ้าห่มแน่นจนขึ้นข้อขาว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเช้านี้ลูกชายเขาถึงดูประหม่าขนาดนี้

เขาวางมือบนหัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ก่อนจะปัดปอยผมออกจากใบหน้าขึ้นสีเบาๆ

“เฮ้ ไม่เอาน่า อย่าโกหกพ่อสิลูก เกิดอะไรขึ้น?”

เด็กชายผมดำทำเสียงฟังไม่รู้ศัพท์ พลางยืนกระสับกระส่ายและก็ยังไม่พูดอะไร

และสุดท้าย หลังจากที่ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่หลายวินาที โบคุโตะก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ลูกของเขาไม่ยอมรับ

“ลูกฉี่รดที่นอนหรอ?”เขาถามอย่างเข้าใจ รู้ว่าเขาไม่ควรจะทำให้เคย์จิรู้สึกอาย แต่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้าประเด็นยังไงเหมือนกัน เคย์จิฝึกการเข้าห้องน้ำตั้งแต่อายุที่เหมาะสม และเขาก็ไม่ค่อยฉีรดที่นอน และยิ่งน้อยลงเมื่อพวกเขาเลิกใส่ผ้าอ้อมตอนกลางคืน เพราะงั้นสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างคาดไม่ถึง

“อื้อ...”เคย์จิก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด รู้สึกลังเลเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือออกจากผ้าห่มทำให้เห็นกางเกงนอนที่เปื้อน

“เฮ้ ไม่เอาน่า ไม่เป็นไร”โบคุโตะบีบจมูกลูกชายเขาเล่นๆ พลางยิ้มกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ “มันเกินขึ้นได้น่ะลูก แล้วทำไมลูกต้องปิดบังพ่อด้วยล่ะ?”

“ไม่รู้ฮะ...”เคย์จิพึมพำ เห็นได้ชัดว่าเขาอึดอัด และนั่นทำให้โบคุโตะตัดสินใจที่จะไม่รบเร้าต่อ

“โอเค โอเค แค่วันหลังอย่าโกหกพ่อนะ? พ่อแค่อยากจะช่วยลูก”

“ขอโทษฮะ...”เด็กชายพึมพำและโบคุโตะก็ยืนขึ้นพร้อมยีหัวหยอก

“ไม่เป็นไรหรอกลูก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันนะ?”

“อื้อ...”

พวกเขาเปลี่ยนชุดให้เคย์จิอย่างไว และเมื่อเด็กชายแต่งตัวเรียบร้อยและพร้อมที่จะไปสถานเลี้ยงเด็ก (อย่างน้อยวันหยุดก็ทำให้โบคุโตะไม่ต้องรีบพาเขาไปส่ง) โบคุโตะก็อุ้มเขาไปนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับแชนวิซเนยถั่วและเยลลี่และนมสดในแก้วใบโปรดของเขา ก่อนจะปล่อยให้เขาทานมื้อเข้าในขณะที่เขาเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอน

มันแปลก โบคุโตะนึกขึ้นได้เมื่อเขาเข้าไปในห้องอีกครั้ง (และตอนนี้เขาก็ได้กลิ่นฉี่อย่างชัดเชน) เพราะโดยปกติแล้ว เด็กจะฉี่รดที่นอนตอนกลางดึก ไม่ใช่ตอนตื่นนอนตอนเช้า

เขาดึงผ้าปูออกอย่างรวดเร็วและโยนมันลงไปที่พื้น แต่เมื่อเขาเห็นแผ่นพลาสติกที่รองอยู่ข้างใต้ (ที่เขาทิ้งไว้เพราะความขี้ลืมของเขาเอง แต่เฮ้ อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์ในเวลาที่คาดไม่ถึงแบบนี้ล่ะนะ) เขาก็สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ

มันไม่มีร่องรอยอยู่บนพลาสติกเลย และโบคุโตะก็นึกไม่ออกว่าทำไม บางทีเขาอาจจะฉี่แค่นิดเดียว? ไม่มากพอที่จะชื้นผ่านผ้าปูชั้นบน? ถึงแม้ว่าผ้าปูมันจะค่อนข้างบางก็ตาม เขาก็เลยนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่แล้ว ความคิดประหลาดๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา และเขาก็คุกเข่าลงไปยังกองผ้าปูที่เขาโยนลงพื้นไปเมื่อครู่

อย่างที่เขาคาดไว้ เมื่อเขาสังเกตดูดีๆ คราบเปื้อนดูเหมือนเกือบจะแห้งแล้ว นั่นหมายความว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นสักพักใหญ่ๆ บางทีอาจจะหลายชั่วโมงก่อนด้วยซ้ำ แต่ทำไมเคย์จิถึงไม่มาปลุกเขาล่ะ? เขาคงนอนไม่หลับแน่ถ้าฉี่รดที่นอนแบบนั้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในกางเกงนอนที่เปียก และเขาก็คงจะรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวอย่างมาก

ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่ให้อีกฝ่ายโต้เถียง เขาเลยคว้าผ้าปูแล้วเดินกลับไปที่ห้องครัว โยนมันลงตะกร้าในโถงทางเดินระหว่างทางไป

เคยยังคงกินเงียบๆ เหมือนเดิมอยู่ แม้กระทั่งเสียงเคี้ยวของเขาก็ยังไม่มี

“เฮ้ เจ้าลูกชาย”โบคุโตะเรียก เดินเข้าไปหาและขมวดคิ้วเมื่อเคย์จิสะดุ้งกับเสียงของเขา “พ่อมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ”

“ฮะ?”เคย์จิถาม น้ำเสียงฟังดูไม่แน่ใจเท่าไหร่

“พ่อรู้นะว่ามันเกิดขึ้นสักพักแล้ว เหมือนกลางดึก ทำไมลูกไม่มาปลุกพ่อล่ะ”โบคุโตะถามอย่างอ่อนโยน นั่งลงในระดับสายตากับลูกชายที่ดูประหม่าของเขา

“ผมลืม”เขาพึมพำอย่างไม่แยแส อ้าปากงับแซนวิชที่ยังกินค้างไว้เพื่อเลี่ยงบนสนทนา

“ไม่หรอก ลูกไม่ได้ลืม กางเกงของลูกเปียกขนาดนั้น ลูกไม่มีทางไม่รู้สึกหรอก”โบคุโตะกอดอกพลางทำปากยื่น “เราคุยกันว่ายังไงเกี่ยวกับการโกหก เคย์จิ?”

“ผมขอโทษฮะ”เด็กน้อยผมดำเงยหน้าขึ้นมามองพ่อตัวเอง เหมือนไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี “ผมจะไม่โกหกอีกแล้ว ผมสัญญา”

“ไม่เป็นไรหรอก...”โบคุโตะถอนหายใจ คลายไหล่ลงเล็กน้อย “พ่อแค่หวังว่าลูกจะมาเรียกพ่อตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มันไม่สนุกที่จะนอนในเตียงเปียกๆ และมันไม่เป็นไรที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะงั้นลูกไม่ต้องอายที่จะบอกพ่อหรอกนะ ถ้าลูกรู้สึกแบบนั้น”

“ผมไม่อยากจะรบกวนพ่อ...”เคย์จิพึมพำ ก้มหน้าดื่มนมพลางซ่อนใบหน้าลงในแก้ว

“อะไรนะ?”โบคุโตะนิ่งไปด้วยความตกใจ “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ มันไม่มีทางที่ลูกจะรบกวนพ่ออยู่แล้ว”

ลูกชายเขาห่างเหินกับเขาขนาดนี้เลยเหรอ? หรือระยะห่างระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่ทันรู้สึกตัว?

“เคย์จิ...”โบคุโตะพูดต่อ แต่ลูกชายเขาก็ยังไม่หันหน้ามาหาเขา “ไม่เอาน่า มองหน้าพ่อสิลูก”มือหนาจับเก้าอี้ที่เด็กชายนั่งอยู่ก่อนจะหมุนมันให้หันหน้ามาทางเขา เรียกเสียงร้องด้วยความตกใจจากเด็กน้อย

“ผมขอโทษฮะ”เคย์พึมพำอีกครั้ง ดูน่าสงสารด้วยสายตาเบิกกว้างและคราบเยลลี่ที่เปื้อนมุมปาก

“ไม่มีอะไรที่ลูกจะต้องขอโทษพ่อเลย ลูกไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”ณ จุดจุดนี้โบคุโตะชักสับสนแล้ว และบางทีอาจจะกระวนกระวายที่ไม่เข้าใจความคิดในหัวของเด็กชายผมดำตรงหน้าเขา “พ่อแค่อยากให้ลูกจำไว้ว่าไม่มีอะไรที่ลูกทำรบกวนพ่อ ถ้าลูกทำอะไรไม่ดี พ่อก็จะบอกว่ามันไม่ดี แต่ถ้าไม่ใช่แล้ว ลูกไม่ต้องกลัวที่จะรบกวนพ่อนะ ตลอดไป”

“โอเคฮะ...”เด็กชายพยักหน้าหลังจากชั่งใจ

“เพราะงั้นไม่ปิดยังอะไรจากพ่อแล้วนะ โอเคมั้ย?”

“โอเคฮะ”

“ดีมาก พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ”เขายีผมที่ยุ่งอยู่แล้วของลูกชาย จูบหน้าผากเบาๆ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วดันเก้าอี้กลับไปที่เดิมของมัน “เอาล่ะ ตอนนี้ลูกกินแซนวิชของลูกให้หมด แล้วเราจะได้ไปล้างมือและพาลูกไปที่สถานรับเลี้ยงกัน”

“โอเคฮะ”เคย์จิตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวเหมือนเคย และโบคุโตะที่คิดในใจ ขณะที่มองเขากลืนไปกับฉากหลัง ว่าทำไมลูกชายของเขาถึงดูกลัวแม้กระทั่งจะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้

แต่ถึงแม้ว่ามันจะแปลก แต่มันก็ไม่ได้ไม่น่าดีใจที่เคย์จิจับมือเขาตลอดทางที่พวกเขานั่งรถไฟใต้ดินไม่ยอมปล่อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถึงศูนย์ชุมชนแล้วก็ตาม และมันก็น่าสับสนที่เคย์จิปฏิเสธที่จะปล่อยมือเขาตอนถึงที่นั่น หรือตอนที่เคนมะเข้ามาชวนเขาเข้าไปในโรงยิมและเล่นกับเด็กคนอื่นๆ และเมื่อโบคุโตะขยับเพื่อแงะมือที่กุมอยู่ของอีกฝ่ายออก เคย์จิก็ลนลานที่จะจับมือเขาไว้แน่น ถึงเขาจะหลบสายตาโบคุโตะก็ตาม

“เป็นอะไรไป คนเก่ง?”โบคุโตะขมวดคิ้ว นั่งยองๆ ลงไปข้างๆ ลูกชายเขา “ลูกทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ทำไมถึงไม่อยากไปเล่นกับเด็กอื่นๆ ล่ะ? หรือแค่...เล่นเฉยๆ ก็ได้?”ที่เหมือนจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเขารู้นิสัยเคย์จิดี

“ผมอยู่กับพ่อได้มั้ยฮะวันนี้?”เด็กชายผมดำพึมพำออกมา ไม่กล้าที่จะสบสายตาประหลาดใจของโบคุโตะ

“เอ่อ...”เขาอยากทำแบบนั้น แต่การเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันแบบนี้ไม่ดีต่อเคย์จอในการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ เขาจะต้องเอาหน้าที่ในฐานะพ่อมาก่อนความพอใจส่วนตัวของเขา “ไม่ได้หรอก ลูกรู้ว่าลูกจะต้องอยู่ที่นี่นะ และอีกอย่าง เพื่อนของลูกจะเศร้านะถ้าลูกไม่ไปน่ะ!”

“พ่อจะกลับมารับผมใช่มั้ยครับ?”เคย์ถามเบาๆ เหมือนกลัวกับคำตอบที่จะได้รับ และโบคุโตะก็อดไม่ได้ที่จะดึงเขามากอด

ไม่สนใจความจริงที่ว่าความเข้าใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา สมองของเขาก็ทำงานหนักว่าอะไรทำให้ลูกชายเขาหลัวขนาดนี้ขึ้นมากะทันหัน

“พ่อจะมารับลูกแน่นอนอยู่แล้ว พ่อรักลูกมากเกินกว่าจะยอมให้ใครมาเอาลูกไปนะ”เขาหยอก พยายามทำให้เสียงของเขาเองไม่สั่น เขาผละออกมามองตรงเข้าไปในดวงตาของลูกชายเขาและยิ้มสดใส “เอาล่ะ วันนี้ไปเล่นให้สนุกได้แล้วนะ”

“โอเคฮะ...”นั่นเหมือนจะเป็นคำตอบสำหรับตอนนี้ของเคย์จิ แต่อย่างน้อยเขาก็ปล่อยมือโบคุโตะแล้วคลานเข้าไปเล่นในโครงสร้างไม้ที่อยู่ติดกำแพง

โบคุโตะถอนหายใจแล้วมองเขาเดินไป ยืนขึ้นเพื่อจะเดินไปลงชื่อเข้าที่ใบเข้าร่วมข้างๆ เคนมะเมื่อเคย์จิเดินหายไปจากสายตา

นักเรียนเตรียมพยาบาลละสายตาออกมาจากเด็กที่กำลังวิ่งเล่นเพื่อมองโบคุโตะ และพยักหน้าลงรับรู้เมื่อเขาเตรียมเดินออกจากไป

แต่แล้วเขาก็หยุดก่อนจะได้ก้าวและหันกลับมาหาเคนมะพร้อมกัดริมฝีปาก

“เฮ้ เคนมะ ฉันรบกวนอะไรนายหน่อยได้มั้ย?”

“ถ้ามันมีเหตุผลพอ”เคนมะตอบเรียบๆ

“ฉันแค่อยากให้วันนี้นายคอยดูท่าทีของเคย์จิหน่อย เขาทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ฉันเลยอยากรู้เพื่อมีอย่างอื่นเกิดขึ้นอีก”

“แปลกในแง่ไหนล่ะ?”เคนมะถาม รู้สึกสนใจขึ้นมากะทันหัน เขาหันหน้ามาทางโบคุโตะเต็มตัวและถึงดวงตาเขาจะดูหม่น แต่ท่าทางของเขาก็บ่งบอกว่าเขากำลังฟังอยู่

“เอ่อ.. มันทำให้ฉันนึกถึงอาทิตย์แรกๆ ที่เขามาที่สถานรับเลี้ยงเด็ก เหมือนความกังวลที่จะต้องอยู่ห่างกับผู้ปกครองล่ะมั้ง? ฉันรู้สึกเหมือนเขาอยู่ก่ำกึ่งระหว่างนั่นกับความอยากที่จะไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับฉัน มันแปลกมากเลย”เขาอธิบาย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายความไม่สบายใจในอกออกมาเป็นคำพูดยังไง

“ฉันจะคอยดูเขาให้ การกลับไปเป็นแบบนั้นบ่งบอกถึงการถอยกลับ มันอาจจะชี้ไปยังความเครียดอะไรบางอย่างที่เขารู้สึกอยู่ก็ได้”เคนมะเสนอ และบางทีคงจะพูดทั้งประโยคออกมาจากตำราในการเป็นพยาบาลทางด้านกุมารเวช

“ขอบคุณ แต่ฉันคิดเรื่องที่ทำให้เขาเครียดไม่ออกเลย สงสัยฉันคงต้องคอยดูเขาดีๆ เผื่อไว้ซะแล้ว”โบคุโตะถอนหายใจพลางบีบสันจมูกของเขาอย่างเหนื่อยอ่อน เช้าวันนี้เป็นเช้าที่แย่มากจริงๆ “ยังไงก็ตาม ขอบคุณที่คอยช่วยดูเขานะ”

“ไม่เลย”เคนมะพยักหน้า ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์เหมือนทุกที “โชคดีล่ะ”

“เช่นกัน”

เขาเหลือบไปมองทางโรงยิมที่เด็กทุกคน ยกเว้นลูกของเขา เล่นกันอย่างสนุกสนาน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินจากมาเพื่อใช้เวลาคิดว่าเขาจะทำยังไงกับชีวิตของเขาดี

+++++++++++++++

ไดจิมาถึงสถานที่นัดรวมพลก่อนเป็นคนแรก เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับความคิดในการจัดงานเลี้ยงวันเกิดกับสึกะ จนโออิคาวะเดินเข้ามาพร้อมกับสตาร์บัคส์ในมือเหมือนทุกครั้ง ดูเหนื่อยล้าเหมือนทุกที แต่ดูมึนๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

โบคุโตะมาถึงเป็นคนถัดไป เขาดูค่อนข้างหงุดหงิดถึงจะดูสดใสเหมือนเดิม และโชคดีที่เมื่อสึกะถามเขาว่ามีอะไรเกิดรึเปล่า เขาไม่ต้องอธิบายทุกอย่างตอนนั้นเมื่อคุโร่กระโจนผ่านประตูเข้ามาพร้อมหอบแฮ่ก

“ขอโทษทีที่มาสาย หวังว่าจะไม่คิดถึงฉันกันนะ”เขายิ้มกริ่ม รอยดำรอบดวงตายังคงชัดเหมือนทุกครั้ง แต่รอยยิ้มนั้นก็ยังสว่างไสวเหมือนทุกคราเช่นกัน

มันมีอะไรบางอย่างทำให้สบายใจจากการที่ได้อยู่ในห้องห้องนี้ร่วมกับคนอื่นๆ อีกครั้ง และเมื่อสึกะรวบรวมกระดาษและแนะนำให้พวกเขาเริ่มบทสนทนา เพื่อนหนุ่มทั้งสี่คนมองหน้ากันอย่างกระตือรือร้นและแบ่งปันเรื่องราวด้วยความสุขที่พวกเขาพบท่ามกลางกลุ่มคนที่ถึงจะบกพร่องไปบ้าง แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและพึ่งพาได้ และร่วมทางไปด้วยกันผ่านเหตุการณ์ใหญ่หลวงนี้ไปด้วยกันในชีวิตที่แสนวุ่นวายของพวกเขา

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา