Dear Boss ถูกจ้างมาให้(รัก)ฆ่า

9.0

เขียนโดย Rawplayoff

วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.43 น.

  9 chapter
  101 วิจารณ์
  13.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 08.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 เกลียด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Dear Boss ถูกจ้างมาให้(รัก)ฆ่า

 

 

(ตอนที่ 2)

 

 

 

 

 

            เกือบสายของวัน ร่างสูงที่ยังสลบไสลอยู่บนเตียงหลังผ่านกิจกรรมยามดึกแสนหฤโหดที่เล่นเอาเขาหมดแรงจนนอนจมหมอนเพราะหญิงสาวเมื่อคืน โทโมะเคลื่อนกายเล็กน้อยเพื่อสูดหายใจอากาศอุ่นในห้องก่อนมือใหญ่จะควานหาบางอย่างบนเตียง ตาคมปรือตาเล็กๆพลางกระพริบรับแสงแดดร้อนที่แยงทะลุม่านทึบเข้ามาในห้อง

 

 

 

 

 

            “แสบตา” เขาบ่นเล็กน้อยและยืดกายบิดขี้เกียจก่อนจะค่อยๆดันร่างตัวเองขึ้นตั้งฉากเอามือยันพื้นเบาะไม่ให้ล้ม ชายหนุ่มหาวหวอดเป็นระยะๆรวบรวมสติในยามสายด้วยความที่ยังแฮ้งเหล้าเมื่อคืนไม่หาย

 

 

 

 

 

            “ที่นี้มันห้องเรานี้หว่า?” โทโมะสอดส่องสำรวจไปทั่วห้องก็ถึงได้รู้ว่าตนนอนอยู่ในคอนโดเขาไม่ใช่เมาล้มพับอยู่ที่ผับ Curse อย่างที่ตัวเองคิด ร่างสูงไม่ได้คิดอะไร ลงจากเตียงเพื่อหมายจะเข้าไปจัดแจงธุระตัวเอง ในจังหวะที่เขาลุกขึ้นมาความเย็นวาบก็ตีตราจนชายหนุ่มรู้สึกหวิวแปลกๆ

 

 

 

 

 

            “เฮ้ย!” โทโมะลั่นทันทีเมื่อทราบว่าตนนั้นไร้เครื่องปกปิด เขารีบดึงผ้าห่มปิดของช่วงล่างและมองซ้ายทีขวาทีหาต้นตอ ชายหนุ่มกุมขมับพยายามนึกเรื่องเมื่อคืน เขาจำได้ว่า เขาไปพบพ่อตัวเองและพอไปผับก็ถูกพิมหักอกหลังจากนั้นเขาก็เลยหนีไปกินเหล้าย้อมใจจนเมาไม่ได้สติแล้วจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งจนเราทั้งคู่มาจบกันที่....แล้วเธอหายไปไหน?

 

 

 

 

 

            “เมาตามเคยไอ้โมะเอ้ย ได้เรื่องจนได้” ชายหนุ่มพึมพำเพราะปกติเขานอนกับผู้หญิงกี่คนเขาก็ไม่เคยพามาคอนโดเลยสักครั้งมีครั้งนี้แหละที่ตนดันพลาดท่า ถ้าเกิดเธอราวีเขาไม่เลิก ชายหนุ่มคงปวดหัวไม่ใช่น้อย

 

 

 

 

 

            “เชี่ยแล้วไง” ความซวยคูณสอง ตาคู่คมเหลือบเห็นรอยเปรอะเปื้อนบนผ้าปูขาวจนเกิดความสงสัยรีบชักผ้าห่มออกก็พบกับรอยเลือดผสมน้ำกามบนเตียงของเขา แสดงว่าเมื่อคืนสาวที่เขานอนด้วยยังซิงและเขาก็ได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปเรียบร้อย โทโมะพยายามนึกถึงใบหน้าผู้หญิงที่เขานอนกอดแต่เพราะเขาเมามากเลยจำได้เพียงเลือนรางไม่ชัดเจน

 

 

 

 

 

            ตุบ!

 

 

 

 

 

            ร่างสูงลงมือจัดเก็บกวาดห้องส่งเสื้อผ้าทุกชิ้นซักรวมทั้งผ้าปูที่นอน ชายหนุ่มคว้าเอาเสื้อนอกตัวเก่า ทันทีที่ยกเสื้อของที่ซุกซ่อนในกระเป๋าก็หล่นตกพื้น มันคือกล่องแหวนของเขาเอง โทโมะเก็บมันขึ้นมานั่งดูด้วยแววตาเศร้าโศก เขากำมันแน่นก่อนจะขว้างกล่องทิ้งจนแหวนที่อยู่ข้างในกระเด็นออกมาเผยโฉมทำให้เขานึกถึงคืนนั้น

 

 

 

 

 

            เพล้ง!! โครม!

 

 

 

 

 

            แขนแกร่งปัดทุกอย่างที่เคยเป็นอดีตแสนหวานชื่นระหว่างเขาและพิมทิ้ง กรอบรูปที่มีรูปของเขากับพิมกอดกันพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจที่ทั้งชีวิตเขาไม่มีวันมอบให้ใครนอกจากเธอ

 

 

 

 

 

            ติ้งต่องๆ!

 

 

 

 

 

            เสียงออดดังต่อเนื่องทำลายภวังค์ของเจ้าของห้องที่กำลังดื่มเหล้าตั้งแต่หัววัน โทโมะลุกไปเปิดให้ผู้มาเยือนที่กล้ารบกวนแต่ก็แอบคิดว่าใครกันที่มาหาเขาถึงคอนโดเพราะคนที่รู้ที่อยู่ของตนนั้นมีไม่กี่คน หรือจะเป็นสาวที่นอนด้วยเมื่อคืนตามมาเคลียร์ถึงห้อง

 

 

 

 

 

            “มีธุระอะไร” น้ำเสียงแข็งข้อขึ้นทันทีเมื่อคนตรงหน้าคืออดีตแฟนสาวอย่าง พิม

 

 

 

 

 

            “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย นี้เมาแต่หัววันเลยเหรอ” หญิงสาวพยายามทำให้น้ำเสียงดูปกติแม้ใจจะสั่นกลัวเพราะโทโมะ

 

 

 

 

 

            “เรื่องของฉัน ไสหัวไป!” โทโมะตวาดไล่เพราะเกลียดขี้หน้าเธอ ถึงจะเคยเป็นคนที่รักแต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะหักหลังความรักที่เขามีให้ก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะเจอกันอีก

 

 

 

 

 

            “นี้ โทโมะแค่ความเป็นเพื่อนยังมีให้พิมไม่ได้เลยเหรอ พิมเป็นห่วงนะถึงได้มา” พิมรีบว่า

 

 

 

 

 

            “จะเป็นห่วงทำไมหรือไอ้เวรนั้นมันใช้การไม่ได้ซะแล้วเลยอยากหลอกใช้ฉันต่อเป็นของฆ่าเวลาเล่นงั้นสิ ใช่มั้ย ฉันถามว่าใช่มั้ย!?” โทโมะแขวะพร้อมเขย่าตัวพิมอย่างรุนแรง

 

 

 

 

 

            “โอ๊ย! พิมเจ็บนะ” พิมขืนตัวหนีเพราะถูกชายหนุ่มบีบจนไหล่แดงก่ำ

 

 

 

 

 

            “แค่นี้อย่ามาทำสำออยไปหน่อยเลย สิ่งที่เธอทำกับฉันมันเจ็บยิ่งกว่าที่เธอกำลังรู้สึกเสียอีก ฉันมันโง่เองที่เคยหลงรักผู้หญิงสำส่อนอย่างเธอ!” ชายหนุ่มผลักเธอออกทำให้ร่างบางกระแทกกำแพงตามแรงเหวี่ยงจนจุก โทโมะยิ้มเยาะพิมด้วยความสะใจก่อนเท้าหนักจะพาร่างสูงออกจากจุดๆนั้นโดยทิ้งให้เธอมองตามเขาอย่างเจ็บปวด

 

 

 

 

 

 

            “โทโมะ” มือเล็กแตะไหล่เจ้าของชื่อที่ยืนทื่ออยู่หน้าเคาร์เตอร์ร้านคอฟฟี่ โทโมะหันมาสบตาคนข้างกายก็ยิ้มนิดๆ

 

 

 

 

 

            “พี่ขนมจีนเองเหรอ” โทโมะพูด ขนมจีนเป็นพี่สะใภ้ของชายหนุ่ม เธอแต่งงานกับจองเบที่เป็นพี่ชายต่างแม่ของตนซึ่งเจ้าตัวเกลียดสุดๆ

 

 

 

 

 

            “อะไรกัน ทำไมต้องทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นด้วยล่ะ” ขนมจีนตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ โทโมะมองเล็กๆก่อนเลือนลอยไปรอบตัวขนมจีนต่อ

 

 

 

 

 

            “ถ้ามองหาจองเบล่ะก็ ไม่อยู่หรอก พี่มาคนเดียว สบายใจได้” ขนมจีนพูด

 

 

 

 

 

            “ก็ดี” โทโมะรับกาแฟเย็นจากพนักงานแล้วยื่นเงินให้ ขนมจีนเลยขอยืมตัวน้องชายมานั่งคุยด้วย ไหนๆก็ไม่ได้เจอกันนาน

 

 

 

 

 

            “วันก่อนได้เจอคุณพ่อด้วยใช่มั้ย?” ขนมจีนถาม

 

 

 

 

 

            “อืม” โทโมะตอบส่งๆ

 

 

 

 

 

            “จริงสิ โทโมะ เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะและอีกอย่างโทโมะเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาตั้งหลายเดือน พี่อยากให้เรากลับไปเยี่ยมบ้านบ้างได้ไหม” ขนมจีนอึกอักกับท่าทีหมางเมินก่อนตัดสินใจพูดโยงเสนอชายหนุ่ม

 

 

 

 

 

            “ขุมนรกพรรคนั้นมันไม่เรียกว่าบ้านหรอกและฉันก็เกลียดบ้านหลังนั้นรวมทั้งคนในบ้านด้วย!” โทโมะลุกพรวด ขนมจีนจึงรีบดึงแขนน้องชายก่อนเขาจะชิงหนี

 

 

 

 

 

            “ต่อให้มันเป็นนรกยังไง มันก็เป็นบ้านที่เธอเติบโตมา อย่างน้อยเธอก็น่าจะกลับไปบ้าง พี่รู้ว่าเธอไม่ชอบที่นั้น เธอเกลียดทุกอย่างที่อยู่ที่นั้นแต่ยังไงพี่ก็อยากให้เรากลับไป” ขนมจีนพยายามใช้เหตุผลให้อารมณ์ชายหนุ่มเย็นลง โทโมะก้มหน้างุดกลอกตาไปมาอย่างลังเลใจ

 

 

 

 

 

            “นะ ถือว่าพี่ขอ” ขนมจีนเปลี่ยนจากจับแขนเป็นกุมมือเขาแทน

 

 

 

 

 

            “ถ้าไม่ใช่พี่ ฉันไม่มีวันไปเด็ดขาด” โทโมะแกะมือทิ้งแล้วออกจากร้านไป ขนมจีนยิ้มและส่ายหัวไปพร้อมๆกันในความหัวแข็งของน้องชาย

 

 

 

 

 

 

            ณ สนามแข่งรถยามดึก

 

 

 

 

 

            หลังจากได้ฟังคำพูดคำจาของขนมจีนที่ขอให้ตัวเขากลับบ้าน ชายหนุ่มก็คิดวกวนซ้ำไปซ้ำมาตัดสินใจไม่ถูก จะไปหรือไม่ไป เขาเลือกที่จะสิงสถิตอยู่สนามแข่งรถมาเป็นอาทิตย์หลังจากวันเลวร้ายของเขาผ่านไป

 

 

 

 

 

            “เห้ยพี่! ผมเห็นพี่มาอยู่นี้คนเดียวตั้งหลายวัน พี่พิมเขาไม่ว่าเหรอ?” แม็ก ลูกกระจ๊อกที่ตามโทโมะต้อยๆเพราะกลัวพวกนักเลงในสนามแข่งพูด

 

 

 

 

 

            “หยุดพูดถึงชื่อนั้นซะ ถ้ายังอยากมีปากไว้เห่า!” โทโมะกระชากคอเสื้อแม็กพร้อมเตือนก่อนจะผลักออกด้วยความโมโหที่ได้ยินชื่อ พิม

 

 

 

 

 

            “ขอโทษครับพี่ ผมไม่รู้จริงๆว่าพี่สองคน..” แม็กเกาหัวแกร๊กๆก่อนจะสะดุ้งเพราะถูกโทโมะขึงตาใส่

 

 

 

 

 

            “มึงมีอะไร?” โทโมะพูดและกระดกเหล้าแก้เบื่อ

 

 

 

 

 

            “คือ ช่วงนี้ผมช็อตอ่ะพี่ ผมเลยอยากขอยืม...” แม็กยกมือไหว้รีบบอกจุดประสงค์

 

 

 

 

 

            “ไม่มี” โทโมะสวนทันควันทำให้แม็กหน้ายู่

 

 

 

 

 

            “ไม่มีได้ไงพี่ ก็เมื่อกี่พี่พึ่งแข่งชนะพวกมันได้ไปเป็นแสน” แม็กว่า

 

 

 

 

 

            “ไม่มีวันต่างหาก กูรู้ว่ามึงไปเล่นบอลแล้วเสียมาอีกใช่ไหม ถ้ามึงยังไม่เลิกกูเตือนไว้ก่อน ระวังจะไม่มีใครไป เผา ศพ มึง!” โทโมะรู้ทันเด็กหนุ่มทำให้แม็กคอตกเพราะมันเป็นจริงทุกประการ

 

 

 

 

 

            “ครับพี่ เอ่อ ใช่ๆ มีคนฝากนี้มาให้พี่” แม็กล้วงกระเป๋าสะพายแล้วยื่นซองจดหมายให้

 

 

 

 

 

            “อีกแล้ว!?” โทโมะรับมาดู ซองจดหมายสีขาวที่มักจะมาทุกครั้งที่เขาแวะเวียนมาสนามแข่งติดต่อกันมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเหยียบที่นี้เมื่อ 7 ปีก่อน ในบางครั้งจดหมายก็จะส่งมาพร้อมกับกล่องพัสดุ เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งและต้องการอะไร แต่ที่เขาจับไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะคนที่ส่งไม่เคยซ้ำหน้า

 

 

 

 

 

            “ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง..” ในซองเขียนวลีสั้นๆแค่นั้น โทโมะคลี่ยิ้มอ่อน รู้สึกโล่งแปลกๆ ไม่รู้ทำไมแค่ไอ้ซองขาวแนบกระดาษกับข้อความสั้นๆมันทำให้เขาสบายใจทุกครั้ง มันเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกเขาทุกอย่าง เหมือนกับเจ้าของลายมือนี้คอยตามดูเขาไม่ห่างอะไรยังงั้น

 

 

 

 

 

           

            ณ คฤหาสน์ตระกูลปาร์ค

 

 

 

 

 

            “คุณพ่อเป็นอะไรรึป่าวครับดูเครียดๆ” จองเบ ลูกชายคนโตของกังยูถาม

 

 

 

 

 

            “ไม่มีอะไรหรอก” กังยูปฏิเสธสวนทางกับหน้า จองเบพยักตามอย่างเข้าใจด้วยใจไม่อยากซักไซ้พ่อมากนัก

 

 

 

 

 

            “คุณพ่ออย่าทำสีหน้าแบบนั้นสิค่ะ เดียวอาหารก็จืดชืดหมด” ขนมจีนรินน้ำเย็นให้พ่อตา จองเบยิ้มก่อนจะลุกมาเลื่อนเก้าอี้ให้ภรรยาสาวนั่งข้างกาย

 

 

 

 

 

            “หึ เอาอกเอาใจกันจริงๆเมื่อไหร่จะมีหลานให้พ่ออุ้มล่ะ” กังยูอดไม่ได้ที่จะแซวลูกชายกับลูกสะใภ้ที่ทำตัวหวานยังกับข้าวใหม่ปลามันทั้งที่แต่งงานกันมาตั้ง 1 ปี

 

 

 

 

 

            “เร็วๆนี้แหละครับ” จองเบรีบว่า ทำให้ขนมจีนหน้าแดงก่ำ

 

 

 

 

 

            “ดูมีความสุขกันดีเหลือเกินนะ” โทโมะที่พึ่งมาถึงรีบแขวะว่าเมื่อเห็นครอบครัวรวมตัวกันแถมดูมีความสุขดีถึงไม่มีเขาอยู่รวมวง

 

 

 

 

 

            “โทโมะ เป็นไงมาไงว่ะ!?” กังยูตกใจกับการปรากกฎตัวของลูกชายอีกคนซึ่งจองเบและขนมจีนก็เช่นกัน

 

 

 

 

 

            “ไงไอ้น้องชาย ไม่ได้เจอกันนานดูสบายดีนิ” จองเบเข้าไปทักทายโทโมะ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่จึงเมินเฉยนิ่ง

 

 

 

 

 

            “โทโมะ พี่แกทักทำไมไม่ตอบห่ะ!” กังยูรีบว่าในความไร้มารยาทของโทโมะ

 

 

 

 

 

            “มันไม่ใช่พี่ฉันแล้วฉันก็ไม่เคยนับมันเป็นพี่ชาย!” โทโมะเม้นปากแน่นรีบโวยกลับ กังยูลุกจากเก้าอี้ไปเอาเรื่องลูกชายคนเล็กด้วยความโมโหแต่ถูกจองเบยื้อไว้ก่อน

 

 

 

 

 

            “ใจเย็นๆก่อนค่ะ โทโมะไหนๆก็มาแล้ว พวกเรากำลังทานข้าวอยู่ทานด้วยกันก่อนนะ” ขนมจีนเห็นท่าไม่ดีก็รีบห้ามอีกคนและดึงตัวโทโมะไปนั่งก่อนจะสั่งให้เด็กไปเอาจานมาเพิ่ม

 

 

 

 

 

            “แกมีอะไรว่ามาเลยดีกว่า ฉันรู้นะว่าคนอย่างแกไม่มีวันเข้ามาเหยียบที่นี้ถ้าไม่จำเป็น” หลังทุกคนทานเสร็จด้วยบรรยากาศคลุกฝุ่น ทั้งหมดก็แยกย้ายกันโดยมีกังยูและโทโมะที่แยกตัวมาที่ห้องทำงานของชายแก่

 

 

 

 

 

            “ถ้าพี่ขนมจีนไม่ขอ ฉันก็ไม่อยากมานักหรอกและที่ฉันมาก็เพื่อจะมารับงานสุดท้ายที่ค้างไว้ครั้งก่อน ไหนล่ะรายละเอียด?” โทโมะพูด

 

 

 

 

 

            “นี้แกจะรับงานนี้เป็นงานสุดท้ายหมายความว่ายังไง!?” กังยูหูผึ่ง

 

 

 

 

 

            “เรื่องของฉัน” โทโมะพูด กังยูถอนหายใจก่อนจะส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้โทโมะ

 

 

 

 

 

            “ที่อยู่ แค่เนี่ย?” โทโมะเอียงคอ

 

 

 

 

 

            “ก็แกอยากมากะทันหันทำไม ฉันก็กะจะส่งคนของฉันปลอมตัวไปเป็นบอดี้การ์ดแม่นี้ แต่ในเมื่อแกบอกจะทำ พรุ่งนี้แกเตรียมตัวไปได้เลย ฉันจะส่งรายละเอียดหยิบย่อยไปให้ทีหลังและที่สำคัญแกต้องทำยังไงก็ได้เด็ดหัวแม่นี้มาในระยะเวลา 6 เดือนช่วงที่ฉันไปต่างประเทศ หวังว่ากลับมาฉันคงจะได้รับข่าวดีนะ” กังยูสั่งทุกอย่างจนจบแล้วยิ้ม

 

 

 

 

 

            “ 6 เดือน นานไปรึป่าว นี้คิดจะดูถูกฝีมือคนอย่างฉันงั้นเรอะ” โทโมะนิ่วหน้าว่า

 

 

 

 

 

            “เดียวแกก็รู้ว่าที่ฉันให้เวลาแกไปเยอะขนาดนั้นมันเป็นเพราะอะไร” กังยูยกยิ้มมุม

 

 

 

 

 

 

            ตอนนี้ไร้มลทิน ไร้ NC แต่ตอนหลังไม่แน่ 555 เอาเรื่องเครียดๆของเฮียโมะไปก่อนเนอะ เราแต่งไม่ค่อยเก่งอาจจะงูๆปลาๆไปบ้างแต่ก็จะพยายามนะ เท่าที่ทำได้ ฝากคอมเม้น ติดตาม และโหวตกันด้วยนะ Thank you! (โมะจะเจอแก้วแว้ว >v<!)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา