Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  27.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

12) สร้างความร้าวฉานคืองานของฉัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 11 

 

 

 

 

            “แก้วใจ…แก้วใจ…” เสียงกระซิบของใครบางคนดังขึ้นที่ข้างหูทำให้ฉันต้องพยายามฝืนร่างกายที่อ่อนแรงแถมยังปวดหัวตุบๆเพื่อลืมเปลือกตาอันหนังอึ้ง

 

 

 

 

            “หืม?” ฉันปรือตาด้วยความยากลำบากพยายามจะยกหัวตัวเองขึ้นมาจากอะไรบางอย่างที่ฉัน พิงอยู่แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้หัวมันหนักเกินกว่าปกติมาก Y_Y

 

 

 

           “ไหวหรือเปล่า? ไม่ไหวก็พิงไปก่อน” เสียงทุ้มนุ่มที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดของเขาดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมือที่เอื้อมมาดันหัวฉันเบาๆ ให้แนบลงที่เดิม ซึ่งพอฉันเหลือบมองก็พบว่าเป็นไหล่ของเขานั่นเอง…

 

 

 

 

           “เราอยู่ที่ไหนเหรอโทโมะ” ฉันถามด้วยเสียงโรยแรง อีกทั้งความรู้สึกปวดหนึบที่หัวก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

 

           “บนกระเช้าชิงช้าน่ะ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ซ่อมเครื่องเสร็จแล้วเหมือนกันเรากำลังจะได้กลับลงไปข้างล่างแล้วนะ” ฉันคิดไปเองหรือเปล่านะว่าตอนนี้เสียงของโทโมะไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนที่ พูดกับฉันเป็นปกติ แต่มันเป็นน้ำเสียงแบบเดียวกันกับที่เขาพูดกับผู้หญิงคนนั้น…ผู้หญิงที่เขารัก…

 

 

 

 

            “อืม…ฉันปวดหัวจังเลย…”

 

 

 

 

           “ไหวหรือเปล่าแก้วใจ” ตอนนี้รู้สึกว่าชิงช้าจะหมุนพากระเช้าที่ฉันกับโทโมะนั่งมายังจุดเริ่มต้น แล้วนะ เขาเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอีกครั้งที่ฉันคิดว่าไม่ได้คิดไปเองแล้วแหละ แววตาที่ดูแปลกไปของเขาเหมือนกับว่ากำลังเป็นห่วงฉันอย่างนั้นแหละ

 

 

 

 

           “วะ…ไหว…” ฉันตอบก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากกระเช้า แต่แล้วก็เหมือนโลกหมุนจนน่าเวียนหัวทำให้ฉันเซถอยหลังกลับไปนั่งอยู่ที่เดิม มือไม้ก็ปัดป่ายฟาดไปโดนโทโมะด้วย U.U

 

 

 

           “ใจเย็นๆ สิ เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวฉันออกไปก่อนแล้วเธอก็…ขี่ หลังฉันไปแล้วกัน” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นแล้วเอาเสื้อช็อปมาคลุมไหล่ฉันเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะ ลุกออกไปด้านนอก เขาหันหลังให้ฉันแล้วย่อตัวลงรออยู่ตรงประตูของกระเช้า ฉันจึงค่อยๆ ลุกขึ้นเอามือเกาะลูกกรงข้างๆ ในที่สุดก็เอาแขนทั้งสองข้างของตัวเองกอดคอเขาเอาไว้ได้แล้วเอาตัวขึ้นมาแปะ อยู่บนหลังของโทโมะเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับที่เขาเอาแขนมารองรับน้ำหนัก ที่ขาทั้งสองข้างของฉัน

 

 

 

 

           “เกาะแน่นๆ นะ” เขาบอกก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วพาฉันเดินออกมาจากตรงนั้น ฉันหลับตาลงด้วยความมึนหัวก่อนที่จะซบหน้าลงบนไหล่ของเขาข้างหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่เดินต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้นรู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกเขาปล่อยให้ลงมานั่งจุมปุ๊กอยู่ในรถซะแล้ว เขาคาดเบลท์ให้ฉันก่อนที่จะปิดประตูลงไม่นานนักเจ้าของรถก็ขึ้นมานั่งประจำที่คนขับข้างๆ กับฉัน

 

 

 

 

           “เป็นไงล่ะ อยากเล่นดีนัก…ไข้ ขึ้นแล้วยัยตัวยุ่ง” เสียงของเขาบ่นอะไรงึมงำๆ ที่ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะกำลังปวดหัวอย่างรุนแรงแต่ไม่นานนักก็รู้สึกได้ถึงรถที่นั่งอยู่กำลังเคลื่อนตัวออกมาตามทาง

 

 

 

 

            แปะๆ!

 

 

 

 

            ฝ่ามือของใครบางคนตบแก้มฉันเบาๆ และมันก็สร้างความรำคาญใจให้แก่ฉันเป็นอย่างมาก กล้าดียังไงมาตบหน้าแก้วใจฮะ!

 

 

 

 

            “อย่ายุ่งน่า” ฉันบอกอย่างรำคาญพลางปัดมือนั้นออกไปทั้งๆ ที่ตาก็ยังคงปิดอยู่

 

 

 

 

            แปะๆ!

 

 

 

 

            “พี่เอง…”

 

 

 

 

            แน่ะ! ยังไม่เลิกกวนฉันอีก -*-

 

 

 

 

            “มาพี่องพี่เองอะไรกัน บอกว่าอย่ากวนไงวะ!” ฉันปัดมือคนก็ก่อกวนออกไปอีกกครั้งแล้วพลิกตัวหนี แต่ดูเหมือนฉันจะพลิกผิดฝั่งหรือผิดอะไรก็ตามแต่เพราะมัน…

 

 

 

 

            ตุ้บ!!!

 

 

 

 

            “โอ๊ย!~” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บจนอาการปวดหัวแทบจะมลายหายไปเลยล่ะ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นของที่ไหนสักแห่งเพราะฉันสบตา กับฝ้าเพดานสีขาวเข้าเต็มๆ ก่อนที่จะมองสำรวจรอบๆ แล้วก็พบว่า…นี่คือบ้านฉันเอง

 

 

 

           “ละเมอหรือเปล่าวะ” เสียงของพี่ขนมเข่งดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าของเขาที่ชะโงกเข้ามาอยู่ในรัศมี การมองเห็นของฉัน

 

 

 

 

           “นั่นน่ะสิครับ หรือไข้ขึ้นจนเพี้ยน” และนี่ก็เป็นเสียงของโทโมะที่ดังขึ้นก่อนที่ใบหน้าหล่อๆ นั้นจะเข้ามาอยู่ในกรอบการมองเห็นของฉันด้วยอีกคน

 

 

 

 

            ทำไมโลกมันหมุนๆ อย่างนี้เนี่ย @_@

 

 

 

            “เจ็บหัวจังเลย” ฉันบ่นอุบพร้อมกับพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งโดยหันหลังพิงโซฟาก่อนที่จะ เอามือจับหัวตัวเองแล้วก็ลดต่ำลงไปจับที่หลังแล้วก็ก้นตามลำดับ

 

 

 

 

            “เจ็บหลัง…แล้วก็เจ็บตูดด้วย! โอยยย~TTOTT” เพราะกลิ้งตกโซฟาเมื่อกี้แท้ๆ เลย ไม่มีใครซวยเกินฉันแล้วนาทีนี้

 

 

 

 

           “ไม่ละเมอแล้วล่ะ…หมดสภาพความเป็นหญิงไทยหมดเลยน้องกู -_-^” พี่ขนมเข่งพูดอย่างเอือมระอาก่อนที่จะลุกขึ้นไปนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กทางขวามือของฉัน พร้อมๆ กับโทโมะที่ไปนั่งทางฝั่งซ้ายมือ

 

 

 

 

           “นี่ฉันกลับมาบ้านได้ยังไงเนี่ย จำได้ว่าเล่นชิงช้าสวรรค์อยู่ =.,=” แล้วจากนั้นฉันก็…ก็อะไรต่อล่ะเนี่ย…เก็บข้อมูลจากโทโมะป้ะ? แล้วก็นึกไม่ออกแล้วแฮะ

 

 

 

 

           “ไอ้โมะพากลับมาน่ะสิ ได้ข่าวว่าเปียกฝนจนไข้ขึ้น…นี่ สุดหล่อของเรื่องลงทุนแวะซื้อยาลดไข้ก่อนเข้าบ้านให้แกด้วยนะเนี่ย” พี่ขนมเข่งตอบพลางพยักพเยิดหน้าไปทางถุงยาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าฉัน

 

 

 

 

           “ขอบคุณนะเบ๊ >O<” ฉันมองถุงยานั่นแล้วอมยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปขอบคุณโทโมะที่ปั้นหน้าบูด ทันทีที่ฉันพูดจบ ทำไมล่ะ? ฉันขอบคุณแล้วเขาก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง บ้าจริง -_-^

 

 

 

 

           “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนล่ะกันนะครับ” เขาหันไปบอกพี่ชายฉันและหลังจากที่คนแก่สุดในนี้พยักหน้าลงเรียบร้อยแล้วเขาก็ลุกออกไปทันทีโดย ไม่กล่าวล่ำลาฉันสักคำ แม้แต่หางตายังไม่แลลงมายังแก้วน้อยที่นั่งเจ็บตูดอยู่บนพื้นนี่เลย

 

 

 

 

            หยิ่งจังเลยนะแหม่…ไอ้โทโมะเอ๊ย!

 

 

 

 

            “ไอ้ขี้เก๊ก!” ฉันตะโกนไล่หลังเขาไปก่อนที่จะเหลือบไปมองพี่ชายตัวดีที่นั่งกลั้นหัวเราะอยู่

 

 

 

 

             “ขำอะไรพี่เข่ง อยากโดนดีเหรอ -0-” ฉันถามอย่างหาเรื่องก่อนที่จะค่อยๆ ยันตัวเองจากพื้นแข็งๆ ขึ้นมานั่งบนโซฟานุ่มนิ่มแทน

 

 

 

 

           “หนอยยย~ โดนดีอย่างนั้นเหรอ…เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ไอ้ใจแก้วเอ๊ย!”

 

 

 

 

            “แก้วใจ!”

 

 

 

 

            “เออๆ ฉันทำข้าวต้มไว้ให้แกแล้วอยู่ในครัวน่ะ ไปกินซะแล้วก็กินยาที่ไอ้โมะซื้อให้ด้วย” เขาพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าเหมือนจะเดินออกไปนอกบ้าน

 

 

 

 

            “อ้าว แล้วพี่เข่งจะไปไหนอะ”

 

 

 

 

            “จะกลับไปริกกี้น่ะสิครับน้อง พอดีวันนี้เพื่อนเก่าจะมาคุยเรื่องอะไหล่รถตอนดึกๆ เมื่อกี้เกือบจะโทรไปเลื่อนมันแล้วแต่แกฟื้นพอดี”

 

 

 

 

            “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันฟื้นไม่ฟื้นอะ”

 

 

 

 

            “เอ้า! แกรู้มั้ยว่าฉันรีบแว๊นมอเตอร์ไซด์ของน้องที่ริกกี้เพื่อกลับมาดูอาการแกทันทีที่ไอ้โมะโทรไปบอกเลยนะเพราะกลัวรถติดแล้วที่รักของฉันจะพามาถึงช้า และพอแกฟื้นแล้วก็เฝ้าทำหน้าที่ตัวเองแทนฉันไปล่ะกัน ทำตามที่ฉันบอกให้เรียบร้อยแล้วก็ไปอาบน้ำนอนตีพุงซะ ฉันคงกลับดึก…มาก!”

 

 

 

 

            “เอ่อ…”

 

 

 

 

            “เดี๋ยว ฉันล็อกประตูบ้านประตูรั้วเองไม่ต้องห่วง” พูดจบพี่ชายตัวดีก็เดินสะบัดตูดตัวปลิวออกไปทันที ก่อนที่ประตูบ้านจะปิดลงต่อหน้าต่อตาฉันพร้อมกับเสียงดัง แกร๊ก! จากการล็อกประตูทางด้านนอกของพี่ขนมเข่ง

 

 

 

 

            นี่ตกลงพี่ชายเขาเป็นห่วงจริงๆ ใช่มั้ย?

 

 

 

 

            หรือเป็นห่วงเรื่องอะไหล่รถ? ฮ่วย!

 

 

 

 

            แกร๊ก!

 

 

 

 

            “ไอ้แก้ว! ฉันรู้ว่าวันนี้แกมี something กับเบ๊ของแก พรุ่งนี้เล่าให้ฟังด้วย…ฉันเปล่าอยากรู้นะ แต่ฉันรู้ว่าแกอยากเล่า bye!” พี่ขนมเข่งเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งก่อนจะพูดอย่างรวดเร็วพร้อมกับทำสำเนียง ฝรั่งขั้นเทพของตัวเองทำให้ฉันที่กำลังจะทึ้งหัวตัวเองอยู่ถึงกับต้องหยุด ชะงักเพื่อฟังแล้วอ้าปากพะงาบๆ โดยไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเพราะทันที่พูดจบพี่ชายตัวดีก็ปิดประตูกลับออกไป อีกครั้ง วู้ว! มาเร็ว เคลมเร็วจริงๆ เลย

 

 

 

 

           “โทโมะนะโทโมะ ตอนอยู่บนชิงช้ายังเล่าเรื่องตัวเองให้ฉันฟังดีๆ อยู่เลย ฮึ่ย! พี่เข่งก็อีกคน ชอบทำตัวให้น่าหงุดหงิด ไอ้พวกผู้ชายบ้า! -0-” ฉันพาลไปเรื่อยพลางเอามือนวดขมับไปด้วยเพราะอาการปวดหัวเริ่มกลับมาเล่นงานอีกครั้ง

 

 

 

 

            อย่างน้อยวันนี้แผนการลับกระชับความสัมพันธ์ของพี่ขนมเข่งสุดที่รักของฉันก็คืบหน้าไปได้เยอะ เอ่อ…มันเรียกว่าเยอะหรือเปล่านะ? บอกว่าเล็กน้อยดีกว่า ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง เฮ้อ!

 

 

 

 

            “ยังไงหมอนั่นก็ต้องเป็นเบ๊ให้ฉันไปอีกสามเดือนล่ะน่า!” ฉันให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นยืนหวังจะเดินเข้าครัวเพื่อจะไปตักข้าว ต้มจากฝีมือของพ่อครัวประจำบ้านอย่างพี่ขนมเข่งมากิน พี่ชายฉันนี่เก่งไปซะทุกเรื่องเลยเนอะว่ามั้ย ดูตรงข้ามกับฉันโดยสิ้นเชิง นี่บอกเลยว่าที่ได้ใกล้ชิดกับโทโมะทุกวันนี้ก็เพราะได้บารมีพี่ขนมเข่งคุ้มกะลาหัวอยู่นี่แหละ Y.Y

 

 

 

            “อ๊ะ!o.O” ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินไปไหนสายตาอันว่องไวก็เหลือบไปเห็นสิ่งแปลกปลอมที่พาด อยู่บนพนักพิงของโซฟาตัวที่ฉันนั่งอยู่เมื่อกี้ เมื่อเพ่งพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่ามันคือเสื้อช็อปของโทโมะที่เขาใช้กันฝนตอนที่เราติดอยู่บนชิงช้าสวรรค์นั่นเอง เขาไม่ลืมเอากลับไปก็ต้องทิ้งไว้ให้ฉันซักชัวร์ๆ มันต้องเป็นอย่างที่ฉันคิดสักข้อนี่แหละไหนๆ ก็อยู่บ้านฉันแล้วก็ซักให้หน่อยล่ะกัน วันนี้เขาตามใจฉันมาเยอะแล้วนี่นะ คิดไปคิดมาฉันมันก็ซวยจริงๆ นั่นแหละ แล้วนี่ก็ลากโทโมะมาซวยเป็นเพื่อนด้วยอีกคน เฮ้อ!

 

 

 

 

            เมื่อไหร่นายจะยอมมาเป็นแฟนฉันสักทีฮะ!? เล่นตัวจริงๆ เลย เดี๋ยวแม่ก็จับปล้ำซะหรอก =.,=

 

 

 

 

            หลังจากที่ฉันกินข้าวต้มเอาแรงแล้วเรียบร้อยก็กินยาลดไข้ที่โทโมะซื้อมาให้ ความจริงตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ตัวร้อนหรืออะไรหรอก แค่มึนๆ อึนๆ นิดหน่อย แต่ตากฝนมาแบบนั้นกินกันเอาไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน ถ้าป่วยขึ้นมาจริงๆ ฉันคงหงอยไปหลายวันแน่ๆ

 

 

 

 

            ทีนี้ก็ได้ฤกษ์ซักเสื้อให้เขาแล้วล่ะ ไฟท์ติ้ง! >O<(เหมือนมันจะออกไปรบ)

 

  

         

 

เช้าวันใหม่…

 

 

 

 

            วันนี้ ฉันกับพี่ชายคนเก่งมีเรียนตอนเช้าเหมือนกัน เราก็เลยรีบจรลีออกจากบ้านมาตั้งแต่ไก่โห่เพื่อแวะหาอาหารเช้านอกบ้านกินด้วย แล้วเวลานี้เองที่ฉันถือโอกาสเล่าเรื่องสวีทแบบเบาๆ ของฉันกับโทโมะที่งานวัดเมื่อคืนให้เขาฟัง พี่ขนมเข่งบอกว่าถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่โทโมะบอกเรื่องของตัวเองกับฉัน เพราะปกติหมอนั่นจะไม่พูดหรอกถ้าไม่ซี้จริงๆ

 

 

 

 

           “พี่เข่ง…พี่ ว่าป๊อปปี้กับยัยพิมจะมีสัมพันธ์อะไรลับหลังโทโมะหรือเปล่าอะ” ฉันถามขึ้นก่อนที่จะตักต้มเลือดหมูเข้าปาก ความจริงเมื่อกี้ฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้พี่ขนมเข่งฟังหรอก แค่พูดตัดๆ ไปว่ามีผู้ชายเข้ามาคุยพิมเฉยๆ

 

 

 

 

            พรวด!!!

 

 

 

 

            “แค่กๆๆ! คิดได้ไงเนี่ย -0-” พี่ขนมเข่งที่กำลังเคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มตุ่ยถึงกับพ่นเอาของที่ อยู่ในปากออกมาทันทีแล้วมันก็เปื้อนโต๊ะไปหมด ดีนะที่มันกระเด็นระยะสั้นๆ แค่ตรงหน้าคนทำ ไม่ถึงกับข้ามมาลงที่จานฉัน น่าเกลียดจริงๆ ผู้ชายคนนี้ -*-

 

 

 

 

            “ก็…ฉันคิดไม่ออกแล้วนี่ว่ายัยพิมจะหลอกอะไรโทโมะ นี่พี่ลองคิดดูนะ…ถ้า เป็นเรื่องเพื่อนรักหักเลี่ยมโหดอะไรทำนองนั้นมันก็ดูเป็นความชั่วร้ายที่ครอบงำโทโมะอยู่อย่างที่แม่หมอบอกได้เหมือนกันนะ เป็นความชั่วที่ร้ายแรงซะด้วยสิ” ฉันพูดอย่างครุ่นคิด ส่วนคนที่นั่งฟังก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับทำหน้าต่อต้านความคิดของฉัน

 

 

 

 

            ไม่สิ…ความ จริงเรื่องนี้เป็นความคิดของโทโมะที่ฉันซึมซับมาต่างหาก แต่แค่หมอนั่นกำลังพยายามหลอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเลยไม่จับผิดเท่านั้นเอง ฉันอยากจะรู้นักว่าการใช้ชีวิตบนความเชื่อใจของเขามันจะทำให้หมอนั่นยิ้มออกไปได้นานสักแค่ไหนกัน แล้วไอ้ที่ยิ้มนั่นก็ไม่รู้ว่ายิ้มแบบมีความสุขร้อยเปอร์เซ็นหรือเปล่า เหอะๆ

 

 

 

 

            “ไม่มีทาง เชื่อฉันเถอะ” พี่ขนมเข่งทำสีหน้าแอนตี้สุดชีวิต

 

 

 

            “แต่หมอนั่นดูเงียบๆ แบบเงียบเกินไปอะ เหมือนพวกร้ายลึกยังไงก็ไม่รู้ แล้วดูสีผมดิ! ม่วงซะขนาดนั้น แล้วสีม่วงเนี่ยมันเป็นสีแห่งความลึกลับเลยนะจะบอกให้ คิดว่าตัวเองเป็นนักร้องเกาหลีหรือไงกัน ไอ้บ้าชอนไชหัวบานเย็นนั่นก็อีกคน…พี่เองก็ด้วย! ทำสีแดงมาปล่อยแสงแยงตาแข่งกับพระอาทิตย์หรือไง แค่นี้โลกก็ร้อนจะแย่อยู่แล้ว -0-” ฉันคิดอะไรออกก็พูดออกมาหมดและ พูดจริงๆ นะ เอาหัวสามคนนี้มารวมกันกลายเป็นสลิ่มเลยล่ะ

 

 

 

 

            “แค่ทำสีผมทำไมต้องพูดเหมือนกูไปฆ่าคนตายมาด้วยวะ…น้อง หรือแม่เนี่ย” พี่ขนมเข่งพูดกับตัวเองด้วยความงงพลางทำตาเหลือบมองข้างบนเหมือนจะดูผมของ ตัวเองพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบๆ คลำที่หัวสองสามครั้งก่อนที่จะมองกลับมาที่ฉันแล้วพูดตอบ

 

 

 

 

            “เหอะน่า! ฉันว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่”

 

 

 

 

            “แต่หมอนั่นก็ยังไม่น่าไว้วางใจอยู่ดีอะ”

 

 

 

 

            “ความคิดแกนี่มันไม่เข้าท่าเลยนะเนี่ย ไอ้ป๊อปน่ะเป็นคนรักเพื่อนจะตายไม่มีทางที่มันจะหักหลังเพื่อนได้” เขายืนยันเสียงแข็งพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ

 

 

 

 

            “ไม่แน่หรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดูฉันดิ! ดวงตกยี่สิบปี TOT” ฉันพูดผิดที่ไหนล่ะ สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้อย่างการที่ฉันเชื่อเรื่องดวงมันก็เป็นไปแล้ว อะไรที่ยังไม่เกิดก็อาจจะเกิดในไม่ช้านี้เหมือนกัน เผลอๆ แอบเกิดไปนานแล้วด้วยอย่างในกรณีของยัยพม่าหน้าวอก!

 

 

 

 

            “แกไปเอาความคิดบ้าๆ พวกนี้มาจากไหนเนี่ย”

 

 

 

 

            “ก็…ฉัน ก็คิดไปเรื่อยอะ” ฉันกลอกตาไปมาก่อนจะพูดปัด ถ้าบอกว่าโทโมะเองที่เป็นคนคิดเรื่องพวกนี้ พี่ขนมเข่งต้องไปคุยกับหมอนั่นแล้วก็ป๊อปปี้แน่ๆ เพื่อเคลียร์ปัญหาคาใจ อย่างนี้คนร้ายอาจจะไหวตัวทัน จึงยังไม่บอกจะดีกว่า ฉันจะพลาดโอกาสทองไม่ได้เด็ดขาด

 

 

 

 

            เธอเสร็จฉันแน่พิม…ฉันจะต้องทำให้เธอเลิกกับโทโมะให้ได้ หึหึ ฮ่าๆๆ

 

 

 

 

            เรื่องสร้างความร้าวฉานมันคืองาน(ที่จำเป็น)ของฉัน! >_<

 

 

 

 

            “นี่คิดอะไรชั่วๆ อยู่ป้ะเนี่ย ทำหน้าทำตาอย่างกับตัวอิจฉา” จึก! คำพูดพี่ชายช่างทิ่มแทง ฉันไม่ใช่ตัวอิจฉาตัวร้ายอะไรสักหน่อย T^T

 

 

 

 

            “ฉันคือแม่พระที่กำลังจะช่วยให้โทโมะพ้นจากความชั่วร้ายต่างหากล่ะพี่เข่ง”

 

 

 

 

            “อ๋อเหรอออ~ นี่ถ้าแกไม่โดนทักว่าดวงตก ฉันอยากจะรู้นักว่าแกจะเสนอหน้ามาเป็นแม่พระแบบนี้มั้ย” พี่ขนมเข่งลากเสียงอย่างประชดประชัน

 

 

 

 

            “YOY”

 

 

 

 

            หลังจากที่อิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อยแล้วฉันก็แยกย้ายกับพี่ชายตัวดีเพื่อ ต่างคนต่างไปเข้าคลาสของตัวเอง แต่เพราะว่าตอนนี้มันเหลือเวลาก่อนเข้าคลาสอีกตั้งครึ่งชั่วโมงฉันก็เลยมา นั่งรอยัยฟางเจ้าของไอ้ปีเตอร์สองหนวด(?) อยู่ที่หน้าตึกเรียน แล้วก็ไม่คิดเลยว่าโลกมันจะกล้มกลมแต่เช้า

 

 

 

           “แก้วใจ!…รูป นี้มันหมายความว่ายังไง” เสียงแหลมๆ ของใครบางคนที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็รู้ว่าเป็นผู้ใดแต่ไม่รู้ว่ามาจากไหนดังขึ้น พร้อมกับไอโฟนที่มาวางอยู่ตรงหน้าบดบังพื้นโต๊ะที่ฉันกำลังนั่งก้มหาหวยอยู่ เอ่อ ไม่ใช่ล่ะ -_-^

 

 

 

 

            รูปอะไร?

 

 

 

 

            คนในรูปหน้าเหมือนฉันกับโทโมะเลยนะเนี่ย ตื่นเต้นจังเลย >_<

 

 

 

 

            ฉันอมยิ้มออกมาทันทีก่อนที่จะหยิบไอโฟนขึ้นมาถือไว้ในมือ รูปในนั้นเป็นฉากตอนที่ฉันควงแขนโทโมะอยู่ ซึ่งเป็นตอนแรกที่พวกเราเดินเข้าไปในงานวัดเมื่อคืนนั่นแหละ ที่จริงแล้วฉันเป็นคนเข้าไปเกาะแขนเขามากกว่า แต่ยัยฟางเพื่อนรักนี่ถ่ายออกมาได้เยี่ยมเลยนะเนี่ย มุมกล้องเป๊ะเว่อร์!

 

 

 

 

            “ก็รูปฉันกับว่าที่แฟนในอนาคตไง ว่าแต่นี่มันซีเคร็ทเลยนะ ใครส่งมาให้เธอเนี่ย >_<” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าขาวๆ ของยัยพม่าก่อนที่จะเอ่ยแบบหน้าด้านๆ ขอบอกว่าถ้าไม่ใจกล้าหน้าด้านแบบฉันกรุณาอย่าเลียนแบบเชียว นี่เตือนแล้วนะ! แต่ฉันก็แกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเบอร์แปลกที่ส่งรูปมานี้เป็นเบอร์ที่ฉันลงทุนซื้อใหม่ แล้วเติมเงินยี่สิบบาทจากเซเว่นอีเลเว่นเพื่อให้ยัยฟางใช้เปลี่ยนซิมแล้วส่ง รูปนี้มาให้ยัยพม่าที่ฉันแอบไปเอาเบอร์มาจากพี่ขนมเข่งที่ฉันวานให้ไปขโมยมา จากโทรศัพท์ของโทโมะอีกทีแต่ฉันไม่ได้บอกเรื่องที่จะส่งรูปอะไรนี่หรอกนะ ตอนนั้นแกล้งโวยวายว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยเฉยๆ พี่แกเลยไม่ซักไซร้ต่อ

 

 

 

 

            “เหอะ! แย่งแฟนชาวบ้านที่มีความสุขมากนักเหรอ…หน้าไม่อาย” พิมพูดด้วยระดับเสียงที่ให้เราได้ยินแค่สองคน เพราะตรงนี้มีคนเดินผ่านไปมาเยอะแยะพอสมควร แต่ฉันก็รับรู้ได้เลยว่าน้ำเสียงนั้นจิกกัดขนาดไหน

 

 

 

 

           “แล้วเห็นฉันทุกข์อยู่ป้ะล่ะ =.,=”

 

 

 

 

           “นี่แก…”

 

 

 

 

            “เธอนี่ก็เก่งเนอะ หาตัวฉันเจอได้ไงเนี่ย”

 

 

 

 

           “มันมีบอกอยู่ใต้รูปไงว่าวันนี้เธอเรียนตึกไหน ยัยโง่!” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนลงมาข้างล่างแล้วก็ถึงบางอ้อทันที จะว่าไปแล้ว…ฉันตกลงกับยัยฟางตอนไหนว่าให้บอกสถานที่เรียนของวันนี้ด้วยน่ะ โถ่ เพื่อนฉัน พอๆ กับเช็คอินในเฟสบุ๊คของมันนั่นแหละ -_-^

 

 

 

 

           “อ๋อเหรอ…ว่าแต่ตัวเองเถอะ เมื่อวานไปไหนมาล่ะถึงได้ปล่อยให้หนุ่มหล่อแฟนสุดที่รักของเธอมาเที่ยวกับฉันได้เนี่ย…นี่อย่าบอกนะว่าแอบไปเที่ยวกับชู้รักที่เธอแอบซ่อนไว้น่ะ” ฉันพูดแล้วหรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์

 

 

 

 

           “ชู้บ้าอะไรของเธอ!” คนโดนปรักปรำเอ่ยเสียงลอดไรฟันแต่สีหน้ากลับลุกลี้ลุกลนเหมือนคนที่แอบไปทำความผิดมาจริงๆ อย่างนั้นแหละ…เมื่อวานยัยนี่ไม่ได้ไปกินเลี้ยงสายรหัสอย่างที่บอกกับโทโมะแน่นอน ไม่ต้องรอให้ยัยเจ๊แม่หมอมาคอนฟงคอนเฟิร์มหรอก เพราะแก้วใจขอฟันธงเอง!

 

 

 

 

            “ฉันเห็นนะว่าเธอขึ้นรถไปกับผู้ชาย~” ฉันแกล้งพูดไปเหมือนรู้เรื่อง แต่ความจริงแล้วก็อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละว่าไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

 

 

 

 

           “เขาเป็นพี่รหัสฉัน…” ไม่ต้องทำเป็นเอาประโยคที่บอกโทโมะมาบอกฉันหรอก ฉันไม่ใช่คนหลอกง่ายแบบแฟนเธอสักหน่อยยัยพม่าหน้าปลวกกินกลูต้าไวท์เทนนิ่ง -_-^

 

 

 

 

           “ฉันยังไม่ได้ถามเลย”

 

 

 

 

           “ยัยบ้า!”

 

 

 

 

           “แต่เท่าที่เห็นผู้ชายคนนั้นเหมือนจะเป็นรุ่นเดียวกับเรา แล้วก็เหมือนฉันจะรู้จัก…หรือเปล่านะ?” ฉันพูดแหย่ไปอีกครั้ง ก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะพูดกับตัวเองเพื่อแกล้งยั่วผู้หญิงตรงหน้า

 

 

 

 

           “อย่าคิดว่าจะเอาเรื่องบ้าบอพวกนี้มาสร้างความแตกแยกให้ฉันกับโมะได้ เขาไม่เชื่อคนอย่างเธอหรอก” แล้วเขาก็จะเชื่อคนอย่างเธอได้อีกไม่นานเหมือนกัน เหอะ!

 

 

 

 

           “อย่างนี้ที่ฉันเห็นก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ ว้าว! O_O” บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ค่อยจะดัดจริตอย่างนี้สักเท่าไหร่

 

 

 

 

           “เธอเห็นผิดคนแล้วล่ะ ฉันเตือนเธออีกครั้งนะว่าเลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้นซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว…”

 

 

 

 

           “ถ้าอย่างนั้นเธอก็เลิกทำเรื่องไม่ดีไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เธอทำอยู่ซะ ถ้าไม่อยากถูกจับได้ซะก่อน” ฉันพูดแล้วกระพริบตาปริบๆ ด้วยความท้าทาย

 

 

 

 

            “O_O!”

 

 

 

 

           “เธอคิดผิดแล้วล่ะที่มาสวมเขาให้กับโทโมะ คนที่เป็น…เนื้อคู่ของฉัน ^_^”

 

 

 

           “สวมเขาอะไร แล้วเนื้อคู่บ้าบอที่ไหนกัน”

 

 

 

 

           “เธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของฉันหรอก…สิ่งที่ต้องรู้ก็คือ ต่อจากนี้จะทำอะไรก็ระวังตัวเอาไว้ดีๆ ละกันเพราะทุกที่มี กล้องวงจรปิด” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อยัดโทรศัพท์คืนใส่มือของยัยพม่า แล้วขยิบตาให้หล่อนไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างสวยงาม(คิดว่านะ)

 

 

 

 

            กล้องวงจรปิดที่ว่าน่ะฉันหมายถึงตอนเรื่องที่ปล่อยลมยางรถนั่นแหละ ยัยนั่นคงลืมไปแล้วว่าฉันพ้นผิดมาได้เพราะอะไร >_<

 

 

 

 

            “แก้วใจ! รอฉันด้วยสิ มาช้านิดหน่อยจะขึ้นเรียนก่อนเลยเหรอ T_T” ฟางที่วิ่งตามมาคว้าไหล่ฉันเอาไว้จนฉันต้องชะงักขาที่กำลังจะก้าวเข้ามาในตึกแล้วหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนหอบแฮกๆ

 

 

 

 

           “เจอมารนิดหน่อยเลยเดินหนีมาน่ะสิ” ฉันทำหน้าบูดทันทีเมื่อนึกถึงเสียงแหลมๆ ของยัยพม่า แต่ยังไงซะฉันก็สะใจอยู่ดีที่เมื่อกี้ยัยนั่นทำอะไรฉันไม่ได้

 

 

 

 

           “พิมสินะ…ถ้าเดาไม่ผิดคงมาหาเธอเรื่องรูปที่ฉันส่งไปแน่ๆ” ฟางพูดอย่างรู้ทัน

 

 

 

 

           “แกเดาถูก…ว่าแต่ไปไหนมา ทำไมมาช้าจัง”

 

 

 

 

           “ไปหาอะไรรองท้องมาน่ะ”

 

 

 

 

            “อ๋อ…เออ! แกไปพิมพ์บอกทำไมว่าเราเรียนที่ไหน -_-^” ฉันท้วงเมื่อนึกขึ้นได้ ยัยฟางมันประสาทหรือเปล่าก็ไม่รู้เนี่ย

 

 

 

 

           “ยัยนั่นจะได้มาหาเรื่องแกไวๆ ไง แล้วก็จะเจอแกตอกกลับหน้าหงาย!>_< ”

 

 

 

 

           “อย่างนี้คราวหลังก็ใช้เบอร์ตัวเองส่งไปเลยนะรูปน่ะ ชิ!...แต่ ความจริงยัยนั่นก็โดนฉันทิ้งระเบิดเอาไว้ให้ลูกใหญ่เหมือนกัน หึหึ” ฉันพูดแล้วก็หัวเราะกับตัวเองเหมือนนางมารร้าย ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้

 

 

 

 

“เออฟาง เรียนเสร็จแล้วฉันมีเรื่องสำคัญจะเล่าให้แกฟังด้วย…” ฉันพูดแค่นั้นก่อนที่ยัยฟางจะทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างรับรู้

 

 

 

 

            เรื่องที่ฉันจะเล่าก็คือเรื่องของโทโมะนั่นแหละ…ไม่สิ ความจริงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของยัยพิมมากกว่า สงสัยงานนี้ฉันต้องเริ่มปฏิบัติการ ตามหาชู้ ของยัยนั่นแบบจริงๆ จังๆ ซะแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะถูกตราหน้าเป็นมือที่สามแบบนี้นานๆ หรอกนะ แต่ถ้าความจริงเปิดเผยฉันก็จะบริสุทธิ์ใช่มั้ยล่ะ…แต่เหมือนฉันจะคิดไปเองหรือเปล่านะ? ความจริงฉันก็คือมือที่สามอยู่ดีนั่นแหละ เฮ้อ!

 

 

 

 

 

-------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------------------------------- 

เป็นยังไงกันบ้างตอนนี้ แต่งไปก็แอบฮาแก้วใจ5555 เป็นนางเอกที่แบบว่า ไม่ห่วงสวย จริงๆ 

 

1 ตอน 1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจนะคะ :)อย่าลืมให้คะแนนโหวตด้วยน้าาาาา

 

 


 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา