Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  27.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

16) บุญหรือกรรมนำพา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

CHAPTER 15 บุญหรือกรรมนำพา

 

 

          ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ไม่รู้จะตอบคำถามของโทโมะอย่างไรดี ที่ผ่านมาฉันคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องทำให้เขามาเป็นแฟนของฉันให้ได้ไม่ว่า จะต้องทำอะไรก็ตาม ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องรู้สึกอย่างอื่นกับเขาหรือเห็นเขาเป็นอย่างอื่นนอก จากเครื่องรางกันซวยเท่านั้น -_-^

 

 

 

          “ทำไมฉันต้องชอบนายด้วย”

 

 

 

          “แล้วทำไมฉันต้องชอบเธอด้วยล่ะ”

 

 

 

          “ก็…”

 

 

 

          “หยุดทำสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เถอะ อย่าทำให้คนอื่นเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้เลยนะแก้วใจ” พูดจบเขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับเพียงไม่นานรถของเขาก็เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ในขณะที่ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแล้วมองตามรถของโทโมะไปจนลับตา

 

 

 

          “ฉันทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย” ฉันพูดออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเข้าบ้านมาด้วยความว่างเปล่าในสมอง สายตาของฉันก็เหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย

 

 

 

          “เฮ้ยๆๆ! เกิดอะไรขึ้นวะไอ้แก้ว” พี่ขนมเข่งปรี่เข้ามาล็อกตัวฉันเอาไว้ก่อนจะพาเดินมานั่งบนโซฟาที่เดิมที่นั่งอยู่ก่อนจะลุกออกไปส่งโทโมะ

 

 

 

          “พี่เข่ง ฉันว่าฉันจะเลิก…”

 

 

 

          “เลิกอะไรวะ งง -_-^”

 

 

 

          “เลิกยุ่งกับโทโมะ ฉันสร้างปัญหาให้เขามามากพอแล้วล่ะ คิดไปคิดมาแล้วช่วงนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยซวยอะไรเท่าไหร่” ฉันคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่จะเลิกยุ่งกับโทโมะน่ะ ซวยยี่สิบปีมันคงไม่ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง คิดซะว่ามันเป็นเวรกรรมของฉันที่ต้องชดใช้ ฉันไม่อยากไปดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วล่ะ

 

 

 

          “แกพูดจริงเหรอ!?O_O” พี่ขนมเข่งถามเสียงหลง

 

 

 

          “จริง”

 

 

 

          “จะดีเหรอ”

 

 

 

          “ดีสิ พี่ก็เห็นแล้วว่าโทโมะกับยัยพม่านั่นต้องทะเลาะกัน แล้วเขาก็ร้องไห้ ต้นเหตุที่แท้จริงมันก็มาจากฉันไม่ใช่หรือไง”

 

 

 

          “ทำไม่แกไม่คิดอีกแง่ล่ะ” ผู้เป็นพี่ชายเสนอความเห็นที่ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

 

 

           “แง่ไหน?”

 

 

 

           “ก็แง่ที่ว่าแกช่วยไอ้โมะไงล่ะ แต่ก่อนแกก็คิดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”

 

 

 

           “อย่าบอกนะว่าพี่เห็นด้วยอย่างจริงจังที่ฉันไปเป็นมือที่สามของคนอื่นเขาน่ะ” ฉันหรี่ตามองพี่ชายตัวเองอย่างไม่เข้าใจ จำได้เลยว่าตอนแรกเขาก็มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับฉันที่ทำแบบนี้ แต่ไปๆ มาๆ ทำไมเขากลับดูเหมือนสนับสนุนฉันทำผิดอย่างนี้ล่ะ

 

 

 

          “ฉันเองก็เป็นห่วงไอ้โมะเหมือนกันนี่หว่า เริ่มระแวงพิมแล้วเหมือนกันนั่นแหละ TOT”

 

 

 

          “น้องนอกไส้นี่เป็นห่วงจริงๆ นะแต่น้องในไส้นี่ไม่เห็นจะสนใจเลย -0-” โทโมะน่ะชมจังเลย ชมแล้วชมอีก คนดีย่างนั้นคนดีอย่างนี้ พูดแล้วมันก็น่าน้อยใจนะ เกิดเป็นแก้วใจนอกจากจะดวงซวยยี่สิบปีแล้ว ยังโดนคนอื่นมาแย่งความรักของพี่ชายคนเดียวไปอีก โลกนี้มันอยู่ยากเกินไปแล้วสำหรับฉัน T^T

 

 

 

          “ถ้าฉันไม่สนใจแกนะ ป่านนี้แกโดนฉุดไปข่มขืนตั้งนานแล้วล่ะไอ้แก้วเน่า”

 

 

 

          “ชิ! เอา เถอะ ยังไงซะฉันว่าฉันจะจบเรื่องนี้สักที ทุกคนลำบากเพราะฉันมามากพอแล้ว ใครรักใครก็ปล่อยเขาไป ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” ฉันลุกขึ้นเตรียมจะเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่แล้วข้อมือน้อยๆ ก็ถูกพี่ชายตัวดีคว้าเอาไว้ซะก่อนพร้อมกับออกแรงดึงให้ฉันนั่งลงมาที่เดิม

 

 

 

          “ใจเย็นๆ ดิเฮ้ย! ค่อยๆ คิดก็ได้ว่าจะทำยังไงต่อไป ทำไมจู่ๆ แกถึงได้มาถอดใจง่ายๆ แบบนี้ล่ะ น้องฉันที่เคยเข้มแข็งหายไปไหนแล้ววะ ทำไมทำตัวอ่อนแอแบบนี้”

 

 

 

          “อ่อนแอ? ฉันอ่อนแออย่างนั้นเหรอ” ไม่จริง ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ พี่ขนมเข่งใส่ร้ายฉัน TTvTT

 

 

 

          “เออดิ -0-”

 

 

 

          “ฉันไม่ได้อ่อนแอ T^T”

 

 

 

          “ถ้าอย่างนั้นแกจะมาล้มเลิกได้ยังไงวะ เดินมาจะเกินครึ่งทางแล้วนะ ทำชั่วมาตั้งนานจนเขาทะเลาะกันแล้วจะมาเลิกง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ“ เขาไม่ได้ด่าฉันอยู่ใช่มั้ยพี่ชายคนนี้น่ะ -_-^

 

 

 

          “ฉัน…ฮือๆๆๆๆ ฉันเหนื่อยจังเลยพี่เข่ง” ความท้อและความเหนื่อยใจที่สะสมอยู่ภายในของฉันเป็นแรงผลักดันอย่างดีให้ น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ฉันโผเข้ากอดพี่ชายตัวเองอย่างคนต้องการกำลังใจ

 

 

 

           “แกต้องเข้มแข็งนะแก้วน้อย…” พี่ขนมเข่งบอกเสียงอ่อนก่อนจะกอดฉันตอบพลางมือหนึ่งก็ลูบหัวฉันไปด้วย

 

 

 

            ความจริงแล้วฉันอ่อนแออย่างที่พี่ชายตัวเองบอกนั่นแหละ เปลือกนอกที่แข็งแกร่งของฉันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปิดบังความอ่อนแอที่อยู่ภายใน ฉันยอมรับเลยว่าเรื่องวันนี้มันทำให้เปลือกแข็งๆ ของฉันแตกร้าว ฉันไม่ได้ทำให้คนอื่นเขาร้าวฉานกันเท่านั้น แต่ฉันกลับรู้สึกว่าทำร้ายตัวเองไปด้วยยังไงก็ไม่รู้สิหรือเป็นเพราะว่า…

 

 

 

นอกจากความจำเป็นที่เธอบอกไม่ได้แล้ว เธอคิดจะชอบฉันบ้างหรือเปล่า

 

 

 

            คำถามของโทโมะดังขึ้นมาในความคิดของฉัน รวมทั้งสีหน้าของเขาตอนถามประโยคนั้นก็ฉายชัดขึ้นมา ฉันจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ

 

 

 

          “พี่เข่ง…ถ้าฉันไม่ชอบโทโมะ เขาก็จะไม่ยอมเป็นแฟนฉันอย่างนั้นเหรอ”

 

 

 

          “ฮะ!? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”

 

 

 

          “ก็หมอนั่นถามว่าฉันชอบเขาบ้างหรือเปล่าถึงอยากให้เขามาเป็นแฟน” ฉันเอียงหน้าถามพี่ขนมเข่ง ตอนนี้น้ำตาของฉันเริ่มจะไหลน้อยลงแล้ว นั่นก็เพราะความรู้สึกอบอุ่นจากพี่ชายนั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรร้ายแรงมา จะร้องไห้หนักแค่ไหน แต่อ้อมกอดของพี่ชายฉันก็เปรียบเหมือนยาวิเศษที่ทำให้ฉันหายได้ทุกครั้ง

 

 

 

          “หมอนั่น? ไอ้โมะเหรอ”

 

 

 

          “อื้อ”

 

 

 

          “ฮ่าๆๆ แกรู้มั้ยทำไมมันถึงถามแบบนั้น>O<” ฉันส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ พี่ขนมเข่งจึงพูดต่อ

 

 

 

          “อาจเป็นเพราะ มันเริ่มชอบน้องสาวของฉันขึ้นมาแล้วล่ะสิ!”

 

 

 

O_O!

 

 

 

          “จะ...จริงเหรอ” หัวใจของฉันกำลังเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ โทโมะน่ะเหรอจะชอบฉัน

 

 

 

          “ไม่รู้สิ ฉันก็เดาเอาจากเหตุการณ์วันนี้ แล้วถ้ามันถามแกแบบนั้นจริงๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง”

 

 

 

          “แต่หมอนั่นบอกเองว่าให้ฉันหยุดทำเรื่องพวกนี้สักที”

 

 

 

          “มันอาจจะกลัวรู้สึกกับแกมากไปกว่านี้ก็ได้”

 

 

 

ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก

 

 

 

          หัวใจของฉันเริ่มเต้นดังมากขึ้นทุกทีๆ จะว่าดีใจก็ไม่เชิง แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีอย่างประหลาดที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนเหมือนกัน ทำไมวันนี้ร่างกายฉันถึงได้มีอาการแปลกๆ แบบนี้นะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าเนี่ย ว่างๆ คงต้องไปหาหมอสักหน่อยแล้ว Y_Y

 

 

 

          “พอเถอะพี่เข่ง หมอนั่นจะไปรู้สึกอะไรนอกจากเกลียดฉันเข้าเซลล์กระดูก -0-”

 

 

 

          “=_=^”

 

 

 

          “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่แล้วก็โดนพี่ชายตัวดีฉุดให้นั่งลงเหมือนเดิมอีกจนได้

 

 

 

          “เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ สรุปแกจะเอายังไง จะล้มเลิกแผนเหรอ”

 

 

 

          “ก็…คงงั้น”

 

 

 

          “ลองดูอีกสักหน่อยดีกว่ามั้ย ถ้าไม่สำเร็จจริงๆ ค่อยมาว่ากันอีกที” มันคงไม่สำเร็จแน่ๆ ยัยพม่าต้องหาลูกไม้มาใช้จัดการโทโมะไม่ให้หลุดมือมาหาฉันง่ายๆ หรอก มารยาล้านเล่มเกวียนซะขนาดนั้น

 

 

 

          การที่ฉันจะล้มเลิกไม่ใช่ว่าฉันยอมแพ้ยัยนั่นนะ ฉันแค่รู้สึกสับสนขึ้นมาเสียดื้อๆ น่ะ อยู่ดีๆ ก็คิดถึงเรื่องคุณธรรมขึ้นมา ฉันไม่ควรทำให้ใครเขาเลิกกันใช่มั้ย? แทนที่จะได้แก้เวรแก้กรรมของตัวเอง มันจะเป็นการสร้างเวรกรรมเพิ่มน่ะสิไม่ว่า ยัยแม่หมอนั่นอาจจะเป็นพวกต้มตุ๋นก็ได้ใครจะไปรู้ ถึงแม้จะไม่เรียกเก็บเงินจากฉันก็เถอะ แต่นานๆ ไปอาจจะโผล่มาหาเรื่องสูบเงินออกจากกระเป๋าฉันก็เป็นได้ -_-+

 

 

 

ช่วงโปรโมชั่นน่ะ เคยได้ยินกันหรือเปล่า?

 

 

 

          “ไม่เอา ไม่ลองอะไรทั้งนั้น -_-^”

 

 

 

          “แต่ฉันไม่อยากให้แกดวงตกยี่สิบปีนะไอ้แก้ว น้องใคร ใครก็รักนะ TOT”

 

 

 

          “ไม่ต้องบอกแล้วว่าเธอรักฉัน~”

 

 

 

          “เดี๋ยวตบทิ่ม นี่มันความเป็นความตายเลยนะเฮ้ย! สองคนนั้นเลิกกันมันไม่ถึงตายหรอก แต่ถ้าแกแก้ดวงตกไม่ได้มันจะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตนะ T.T” สีหน้าและน้ำเสียงเป็นห่วงของพี่ชายคนเดียวทำให้ฉันเริ่มคิดไม่ตกขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

          “บางทียัยเจ๊แม่หมออาจจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎก็ได้ คิดไปคิดมาก็ดูไม่น่าไว้ใจอย่างที่ฉันคิดตอนแรกเลยนะ”

 

 

 

          “จริงเหรอ แล้ว…เรื่องซวยๆ ที่แกเจอมาล่ะ”

 

 

 

          “คิดซะว่าบังเอิญก็จบแล้ว ฉันก็ใช้ชีวิตแบบเดิมตามปกติ คนเรามันก็ต้องมีโมเม้นต์ที่แบบว่าเจอเรื่องซวยบ้างแหละ” ถึงแม้สำหรับสิ่งที่ฉันเจอแล้วมันจะไม่ค่อย บ้าง แต่มันค่อนข้าง มาก ก็เถอะนะ เฮ้อ!

 

 

 

          “เออ ถ้างั้นก็ตามใจ เชิญใช้ชีวิตปกติของแกไปเลย…ว่าแต่ แล้วเรื่องที่ไอ้โมะเป็นเบ๊แกล่ะ ยกเลิกเลยมั้ย?”

 

 

 

จริงสิ! ฉันลืมเรื่องนี้อีกแล้ว U_U

 

 

 

          “ก็…เก็บ ไว้ใช้งานก่อนก็แล้วกัน” ฉันตอบรับส่งๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นหนีพี่ขนมเข่งมาด้วยความรวดเร็ว และครั้งนี้พี่ชายตัวแสบก็จับฉันเอาไว้ไม่ทันทำให้ฉันรอดพ้นมาถึงห้องนอนของ ตัวเองได้อย่างปลอดภัย ฟู่!

 

 

 

เบ๊อย่างนั้นเหรอ?...ต้องเก็บไว้พิจารณาอีกทีว่าจะปลดจากตำแหน่งหรือเปล่า U_U

 

 

 

วันต่อมา…

 

 

 

           “หมดสภาพ! อดีตเดือนมหา’ลัยสุดหล่อของสาวๆ ทั้งมอ หลั่งน้ำตาเหตุรักร้าว เพราะเจ้าตัวนอกใจแฟนสาว…ทำตัวเองแท้ๆ จะสงสารหรือสมเพชดีล่ะครับ” ฉันอ่านประโยคบรรยายใต้ภาพสีที่คนทำลงทุนอย่างมากในการนำภาพที่มีการตกแต่ง ข้อความแล้วไปอัดแล้วแปะไปทั่วมหาวิทยาลัยแบบนี้ และภาพนั้นก็คือ…

 

 

 

            ภาพที่โทโมะร้องไห้ ซึ่งฉันจำมันได้ดี เพราะฉันอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้!

 

 

 

           “ใครเป็นคนเล่นสกปรกแบบนี้กันนะ!” ฟางที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงโมโห มีแต่ฉันเท่านั้นที่หลังจากอ่านประโยคซึ่งเต็มไปด้วยคำดูถูกและเย้ยหยันนั่น จบก็ยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก

 

 

 

            “…”

 

 

 

          โทโมะจะเห็นรูปนี้หรือยังนะ?

 

 

 

          ถ้าเห็นแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง?

 

 

 

          “แกคิดว่าใครเป็นคนทำเหรอแก้ว” ฟางหันมาถามฉันที่กำลังประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่พอดีเพื่อหาคนที่ต้องสงสัยที่สุด…

 

 

 

          “พิม ” นั่นเป็นชื่อเดียวที่ฉันนึกออกตอนนี้ “ฉันคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่ายัยนั่นต้องมีแผนอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนโทโมะทะเลาะที่ริกกี้หรอก”

 

 

 

          “อืม น่าคิดนะ…” ฟางทำหน้าครุ่นคิดพลางพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย

 

 

 

          “แต่ยัยพม่าต้องรวมหัวกับใครสักคน เพราะฉันมั่นใจว่ายัยนั่นไม่ได้ถ่ายรูปโทโมะแน่ๆ”

 

 

 

          “หลบๆ!” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นก่อนที่มือหนาของใครบางคนจะจับไหล่ฉันกับฟางแล้วดันออก ไปคนละด้านจากนั้นคนมาใหม่ก็กระชากรูปของโทโมะออกจากบอร์ดทันที

 

 

 

          “เขื่อน!” ฉันกับฟางเรียกชื่อคนที่ผลักเราสองคนพร้อมกันทันทีที่เขาหันหน้ากลับมาเตรียมจะเดินกลับออกไป

 

 

 

          “อ้าว…เธอ สองคนเองเหรอ ขอโทษทีนะ”เขื่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดแต่สีหน้าของเขายังคงยุ่งๆ อยู่เหมือนเดิม “ฉันไปก่อนนะ ต้องรีบไปเก็บรูปนี้ให้หมด ไม่รู้หมาตัวไหนมันลอบกัดไอ้โมะ”

 

 

 

          “เอ่อ…เดี๋ยวก่อน! แล้วโทโมะล่ะ”

 

 

 

          “เห็น ว่าปวดหัวน่ะ วันนี้มันไม่ได้มาเรียนหรอก” ฉันพยักหน้าลงกับคำตอบที่ได้รับ หลังจากที่เขื่อนเดินออกไปแล้วฟางก็เข้ามาประชิดตัวฉันพร้อมกับเขย่าแขน น้อยๆ

 

 

 

          “หมอนั่นดูเครียดๆ นะว่ามั้ย”

 

 

 

          “นั่นสิ ปกติเห็นเริงร่าหน้าบาน แต่นี่ทำหน้าเป็นตูด สงสัยคงเป็นห่วงเพื่อนเขาล่ะมั้ง โดนแฟนหลอกสวมเขา ขอห่างกันสักพักแล้วยังมาโดนแกล้งแบบนี้อีก ก็น่าห่วงอยู่หรอก”

 

 

 

          “แล้วแกจะทำยังไงต่อ”

 

 

 

          “ทำอะไรล่ะ? ฉันต้องทำด้วยหรือไง รู้ไว้เลยนะว่าฉันจะไม่ยุ่งกับโทโมะแล้ว” พูดจบฉันก็เดินหนีออกมาทันที ถึงจะบอกออกไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ลึกๆ ข้างในของฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดหรอกนะ ถ้าโทโมะรู้เรื่องนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าเป็นฉันคงต้องอายมากแน่ๆ

 

 

 

          เอ๊ะ! แล้วฉันจะมาเป็นห่วงเขาทำไมล่ะเนี่ย

 

 

 

          เป็นห่วงเหรอ?...ไม่ๆ ไม่ใช่หรอก  ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละ >_<

 

 

 

          นอกจากความจำเป็นที่เธอบอกไม่ได้แล้ว เธอคิดจะชอบฉันบ้างหรือเปล่า

 

 

 

          “ไอ้แก้ว!!! >[]<”

 

 

 

          “หะ…ฮะ!? ว่าไงนะ” ฉันทำหน้าเอ๋อทันทีหลังจากที่เสียงเกินร้อยแปดสิบเดซิเบลของยัยฟางดังสนั่น หวั่นไหวจนขี้หูฉันพากันเริงระบำสามช่าปาจิงโกะอย่างครื้นเครง นี่ฉันเผลอคิดอะไรไปเรื่อยจนไม่ได้ยินเสียงของคนรอบข้างเลยเหรอเนี่ย TT_TT

 

 

 

          “ฉันถามว่าแกจะเลิกจับโทโมะจริงๆ เหรอ”

 

 

 

          “พูดใหม่สิ -_-^” ฉันว่าประโยคของเพื่อนสนิทของฉันมันแสลงหูแปลกๆ นะว่ามั้ย หรือฉันคิดไปเอง?

 

 

 

          “เอ่อ…แก จะเลิกแก้ดวงตกจริงๆ เหรอ” ฟางกรอกตาไปมาแล้วพูดแก้ทันทีที่เห็นฉันจ้องตาขวางเตรียมจะเสยคางยัยนี่ได้ ตลอดเวลาถ้าเกิดคุณเธอเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูออกมาอีกคำเดียว หึหึ

 

 

 

          “เออ! ละ…เฮ้ยยย! O[]O”

 

 

 

          “ว้าย! ระวัง! >_<”

 

 

 

          ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบดี เท้าที่ก้าวไปโดยปราศจากสายตาคอยสำรวจพื้นให้ก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ฉันลื่นจนเกือบจะหงายหลังลงพื้นแต่โชคดีที่ยัยฟางมียังพอมีสติแล้ว ช่วยดึงแขนฉันเอาไว้ให้ทรงตัวได้

 

 

 

ซวยแต่เช้า!

 

 

 

          “เป็นอะไรมั้ยแก”

 

 

 

          “เป็นสิ…ฉันว่าฉันคงต้องดำเนินแผนต่อไปแล้วล่ะ U.U” ฉันพูดเสียงอ่อยพลางสายตาก็เหลือบไปมองเปลือกกล้วยที่พื้นซึ่งมันเป็นสาเหตุ ทำให้ฉันเกือบล้มหัวฟาดพื้นเมื่อกี้นี้เอง นี่ถ้าฉันเดินมาคนเดียวคงหัวแตกสมองเสื่อมไปแล้วแน่ๆ

 

 

 

          “อ้าว ทำไมเปลี่ยนใจง่ายๆ แบบนี้ ฉันตามแกไม่ทันแล้วนะยะ อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน -*-”

 

 

 

          “ก็เพราะไอ้เปลือกกล้วยนั่นแหละ! ถังขยะมีไม่รู้จักเอาไปทิ้ง มาโยนทิ้งขวางทางเดินได้ยังไง อย่าให้รู้นะว่าใครมันเอากล้วยมากินในมอแล้วทิ้งลงถังแบบนี้ -0-” หลังจากที่ฝากความแค้นไว้กับเปลือกกล้วยที่นอนยิ้มอยู่ที่พื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็หันกลับมามองทางข้างหน้าแล้วเริ่มออกเดินช้าๆ

 

 

 

          “ฉันล่ะปวดหัวกับแกจริงๆ เลยค่ะคุณเพื่อน”

 

 

 

          “ฮึ่ย! ถ้าโทโมะยอมมาเป็นแฟนฉันดีๆ ตั้งแต่แรก ฉันคงไม่ซวยแบบนี้หรอก -3-” พูดไปอย่างนั้นแหละนะ ที่จริงแล้วสมองของฉันกำลังคิดไม่ตกเรื่องรูปนั่นต่างหาก ใครกันนะที่มันกล้าทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ ยอมรับเลยว่านี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ฉันยอมกลับเข้าสู่แผนอีกครั้ง

 

 

 

          “ซะงั้นอะ ตกลงแกเชื่อเรื่องนี้หรือไม่เชื่อเนี่ย ฉันชักจะงงแล้วนะ” ฟางทำเสียงโอดครวญขณะที่เดินขนาบข้างมาคู่กับฉัน

 

 

 

          “เชื่อบางที =.,=”

 

 

 

          “ให้ตายสิ -_-^^”

 

 

 

          “แก…ปวดฉี่ว่ะ แวะห้องน้ำแปปนึงนะ” พูดจบฉันก็เลี้ยวออกทางซ้ายมือแล้วเดินมายังห้องน้ำที่อยู่ข้างอาคารเรียนรวม

 

 

 

          ซ่า~

 

 

 

          “อื้อๆ อื้ม!”

 

 

 

          O_O!

 

 

 

          เสียงปริศนานั่นทำให้ฉันปิดก๊อกน้ำที่กำลังล้างมืออยู่ทันทีเพื่อจะฟังว่าฉันไม่ได้หูฟาดไป ผีหรือเปล่าเนี่ย!? แต่ผีจะมาหลอกแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ บรึ๋ย~

 

 

 

          “อื้ม~” เสียงครางนั้นยังคงดังอยู่เช่นเดิมและชัดกว่าเดิมด้วยเพราะตอนนี้ฉันเดินมา แนบหูฟังที่ผนังด้านข้างใกล้ๆ กับอ่างล้างมือด้านในสุด ฉันฟังด้วยความสนใจโดยไม่สนว่าคนที่เข้ามาใช้ห้องน้ำจะมองฉันด้วยสายตา เหมือนเห็นโรคจิตก็ไม่ปาน =.,=

 

 

 

          แคร์ที่ไหนล่ะ!

 

 

 

          “ไอ้แก้ว! ตกส้วมหรือไง” ฟางที่เดินเข้ามาในห้องน้ำเรียกฉันเสียงดังทำให้ฉันสะดุ้งน้อยๆ พร้อมกับหันขวับไปทางต้นเสียงทันทีแล้วเอามือจุ๊ปากเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ รายนั้นนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน

 

 

 

          “มีอะไรเหรอแก”

 

 

 

          “ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ”

 

 

 

          “เสียงอะไร ผีผนังเหรอ -_-^” ฟางขมวดคิ้วแน่นทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าฉันได้ยินจริงๆ

 

 

 

          “แกก็เงียบๆ แล้วตั้งใจฟังสิ” สุดท้ายฟางก็ทำตามที่ฉันบอกจนได้ แถมยังเอาหูมาแนบที่ผนังเหมือนกับฉันด้วย

 

 

 

          “อื้ม~”

 

 

 

          “ข้างๆ นี่ห้องเก็บอุปกรณ์ของแม่บ้านใช่มั้ย” ฉันเลิกฟังแล้วยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับขมวดคิ้วถามฟาง

 

 

 

          “เออใช่มั้ง ใช่แหละทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่า…”

 

 

 

          “เราไปดูกันดีกว่าว่ามีตัวอะไรอยู่ในนั้น>_<”

 

 

 

          “จะบ้าเหรอ ไปเรียนกันเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ บางทีแม่บ้านอาจจะเปิดวิทยุทิ้งไว้ก็ได้” ฟางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดวิทยุของมันเหมือนกัน แปลกนะ ปกติฉันก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเท่าไหร่หรอก แต่ครั้งนี้เหมือนมีอะไรบางอยากบกให้ฉันไปดูว่าห้องข้างๆ นี้มีอะไรกันแน่ -_-^

 

 

 

          “แปบ เดียวน่า ” ไม่รอให้ฟางตอบแต่ฉันก็คว้าข้อมือเล็กของเพื่อนสาวให้เดินตามมาทันที หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วฉันก็ไม่ได้เดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์หรอกนะแต่สิ่งที่ฉันทำก็คือ…

 

 

 

กุกกักๆ

 

 

 

          “แกดูต้นทางด้วยนะ” ฉันกำชับฟางก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นหลังจากที่ขึ้นมายืนบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว ใช่แล้วล่ะ! ฉันไปยกเก้าอี้ที่ใต้อาคารมาเพื่อใช้เป็นฐานในการยืนขึ้นไปแอบมองภายในห้องจาก ช่องระบายอากาศขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณหนึ่งฟุตและสูงประมาณหนึ่งคืบ ได้ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของห้องโชคดีที่ทางนี้เป็นทางด้านหลังของตัวอาคารเลย ไม่มีคนเดินผ่านมา ถ้ามีก็นานๆ ครั้งเลยล่ะ

 

 

 

          “เห็นอะไรมั้ยล่ะแก้วใจช่องสอดรู้สอดเห็น”ฟางแขวะฉันเข้าให้หนึ่งทีแต่ฉันก็ไม่สนใจหรอกเพราะสิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้ก็คือ ภาพที่ฉันเห็นภายในห้องนี้ต่างหาก!

 

 

 

          “เรื่องจริงเหรอเนี่ย…”

 

 

 

          ถึงแม้จะดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นชายหญิงสองคนกับลังจูบกันอย่างดูดดื่มภายใต้แสงไฟ ที่สว่างไสวภายในห้องแต่ในขณะเดียวกันฉันก็ตกใจจนเกือบจะทำอะไรไม่ถูกไป พร้อมๆ กัน

 

 

 

ถ่ายรูป! ใช่แล้ว ฉันต้องเก็บหลักฐานสำคัญนี้เอาไว้ >_<

 

 

 

          “ตกลงว่าแกเห็นอะไรมั้ยแก้ว” ฟางถามอีกครั้ง

 

 

 

          “เห็น…เยอะเลย” ฉันก้มลงไปตอบฟางก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา สงสัยภาพอย่างเดียวคงจะไม่พอแล้วล่ะมั้ง

 

 

 

อัดคลิปเลยก็แล้วกัน!

 

 

 

          “โทรศัพท์แบตหมด...” ฉันพูดเสียงเบาอย่างไม่อยากจะเชื่อ บุญมีแต่กรรมบังแท้ๆ เลยเนี่ย เมื่อคืนฉันก็ลืมชาร์ตแบต ไมคิดว่ามันจะมาหมดเอาตอนเช้าแบบนี้ TOT

 

 

 

          “ฟาง เอาโทรศัพท์แกมายืมก่อน”ฟางพยักหน้ารัวทันทีพร้อมกับรีบหยิบโทรศัพท์ยื่นมาให้ ฉันยิ้มอย่างพอใจก่อนจะปลดล็อกก่อนจะกดเข้ากล้องถ่ายรูปแล้วเปลี่ยนโหมดเป็น การถ่ายวิดีโอทันที!

 

 

 

          ระหว่างที่ตั้งกล้องโทรศัพท์อัดคลิปอยู่นั้น ฉันแทบลืมหายใจเลยล่ะถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนเป็นมองเหตุการณ์ผ่านหน้า จอโทรศัพท์แทนแต่ก็ยังตกใจไม่หายอยู่ดีกับคนในคลิปที่กำลังประกบปากโดยไม่ กลัวว่าจะมีคนเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่ระดับนี้แล้วคงล็อกเอาไว้อยู่แล้วล่ะมั้ง

 

 

 

          “มุมนี้เห็นหน้าจอมืดสุดๆ ใครอยู่ในห้องเหรอ”ฟางถามพร้อมกับพยายามเขย่งเพื่อจะดูคลิปที่ฉันกำลังแอบถ่ายหญิงร้ายกับชาย ชั่วอยู่แต่แล้วก็ต้องกลับไปยืนเฉยๆ เหมือนเดิม จะตอบยังไงดีล่ะว่าฉันเห็นใคร เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

 

 

 

          “คือฉันหะ…”

 

 

 

          ติ๊ดๆ!

 

 

 

          O_O!

 

 

 

          ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบก็ต้องหันขวับกลับไปหาโทรศัพท์ของฟางที่อยู่ในมือแทบจะทันทีเพราะเสียงสัญญาณเตือนเมื่อกี้ว่า…

 

 

 

          แบตหมด!

 

 

 

          นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย โชคเข้าข้างฉันแล้วแท้ๆ แล้วทำไมโทรศัพท์ของเราสองคนต้องมาแบตหมดเหมือนกันในเวลาแบบนี้ด้วยนะ  บ้าจริง!

 

 

อัพแล้วเม้นโหวตเยอะๆ จะได้มาอัพไวๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา