Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  27.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

21) หมากฝรั่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 20 หมากฝรั่ง

Kaewjai talking

 

 

               สามโมงครึ่งมารอที่รถฉันนี่แหละ…

 

 

               สามโมงครึ่งก็แล้ว…

 

 

               สี่โมงก็ยังไม่มา…

 

 

               จนตอนนี้…

 

 

              “สี่โมงครึ่งแล้วไอ้บ้า!!!”

 

 

               ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเป็นครั้งที่หนึ่งหมื่นเก็าพันเก็าร้อยเก็าสิบ…เอ่อ เอาเป็นว่าหลายครั้งล่ะกัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนนัดจะมาตามเวลา โทโมะเลทไปแล้วตั้งชั่วโมงนึง! คิดจะแกล้งฉันใช่มั้ยเนี่ย โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ฉันโทรไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วจนเลิกโทรแล้วเนี่ย -0-

 

 

               ปั่ก!!!

 

 

               “เฮ้ย! เธอเตะรถฉันทำไม -*-” พอฉันเริ่มอันธพาลทำลายข้าวของก็โผล่หัวมาเลยนะ มันน่าปล่อยหมัดอัดให้หมดหล่อนัก

 

 

               “ก็นายนัดสามโมงครึ่ง แล้วทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ฮะ? นี่มันสี่โมงครึ่งแล้วนะ เป็นเบ๊ประสาอะไรเนี่ย -0-”

 

 

               “อาจารย์ปล่อยเลท แล้วก่อนมาฉันต้องเอางานไปให้อาจารย์ตรวจที่คณะว่าต้องแก็ไขอะไรบ้าง” เขาบอกอย่างใจเย็นพร้อมกับเดินมาสำรวจรถของตัวเองบริเวณที่ฉันเตะไปเมื่อกี้ แต่เชื่อฉันเถอะว่ามันไม่บุบสลายหรอก แล้วดูเขาทำหน้าเข้าสิ อย่างกับตอนนี้สีมันลอกออกมาแล้วอย่างนั้นแหละ

 

 

               “แล้วโทรไปก็ไม่รับ Y^Y”

 

 

               “ก็คุยงานกับอาจารย์อยู่ไง -_-^”

 

 

               “มาถึงขอโทษสักคำก็ไม่มี ฉันโกรธนะ!” จริงๆ ก็ไม่โรธอะไรหรอก ฉันเข้าใจเหตุผลของเขาอยู่แล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันฉันถึงได้รู้สึกอยากจะแกล้งโกรธเขาแบบนี้ ทำแล้วมีความสุขดีนะ -///-

 

 

               “อย่าโกรธเลย”

 

 

               “โกรธ!”

 

 

               “เดี๋ยวฉันพาไปนั่งรถเล่น เธอไม่ต้องโกรธนะ ^_^”

 

 

               “นั่นมันเป็นสิ่งที่นายต้องทำอยู่แล้วนะโมะ-0-” คิดว่าตัวเองเล่นตลกอยู่หรือไงนะไอ้บ้านี่ เดี๋ยวแม่ต่อยหน้าหงายเลย ชิ!

 

 

               “วันนี้วันศุกร์”

 

 

               “ฮะ?” นั่นเขากับลังพูดกับฉันอยู่หรือเปล่าน่ะ หรือว่าเขาพูดคนเดียว หรือพูดกับรถ อะไรยังไงกัน ฉันงงไปหมดแล้ว เล่นเอาเอ๋อ ไอ้ที่แกล้งโกรธนี่แทบหลุดฟอร์มเลย

 

 

               “ฉันบอกว่าวันนี้วันศุกร์ -_-^”

 

 

               “นายพูดกับฉันใช่มั้ย? วันศุกร์แล้วยังไง คิดจะเปลี่ยนเรื่องสินะ TT_TT”

 

 

               “เปล่า แต่ที่จัตุรัสสิบสองมีถนนคนเดิน เธออยากไปมั้ยล่ะ ถ้าฉันพาไปแล้วเธอหายโกรธฉันพาไปได้นะ” ถึงเขาจะพูดด้วยโทนเสียงแข็งๆ กับใบหน้านิ่งๆ อย่างปกติที่เขาชอบทำแต่ฉันกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แฝงตัวออกมากับประโยคเหล่านั้น…

 

 

เขาแคร์ฉันใช่หรือเปล่านะ?

 

 

คงไม่หรอก บางทีฉันอาจจคิดไปเอง

 

 

               จริงสิ พูดถึงจัตุรัสสิบสอง มันคือย่านเศรษฐกิจสำคัญยามค่ำคืนของวัยรุ่นขาช็อปขากินเลยล่ะ เพราะทุกเย็นๆ ถึงประมาณตีสองของทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่นั่นจะมีร้านค้าต่างๆ มาตั้งขายของกันมากมาย ส่วนมากก็จะเป็นเสื้อผ้า ของประดับประดาตกแต่งร่ายกายเสริมความสวยความงามตามแฟชั่นของพวกวัยรุ่น และที่ขาดไม่ได้ก็คือของกิน

 

 

               และที่เรียกว่าจัตุรัสสิบสองก็เพราะอิงมาจากชื่อสะพานจตุรัสสิบสองซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสายหลักนั่นเอง แต่ตัวตลาดกับสะพานก็ห่างกันประมาณหนึ่งป้ายรถเมล์ได้ แล้วที่นั่นไม่ได้อยู่ย่านกลางเมืองหรอกนะ มันไกลออกไปทางแถบชานเมืองน่ะ บรรยากาศดีมากๆ เลยล่ะขอบอก

 

 

               “O.O”

 

 

               “จ้องอะไรของนาย -///-” ฉันถึงกับผงะแล้วก็าวถอยหลังโดยอัตโนมัติเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าโทโมะมายืนเบิกตาโตจ้องมาที่หน้าของฉันในระยะประชิด!

 

 

               “ก็เห็นเธอเงียบไปนานไม่ตอบสักทีก็เลยสงสัยว่าเป็นอะไร -_-^” บางทีก็ไม่ต้องสงสัยก็ได้นะ เล่นเอาฉันหน้าร้อนผะผ่าวไปหมดแล้วเนี่ย เดี๋ยวควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมาแล้วไปข่มขืน(?)นายเข้าฉันจะทำยังไงเล่าฮะโทโมะ!

 

 

               “ปะ เปล่าสักหน่อย ไปเดินเล่นหาอะไรกินที่นั่นก็ดีเหมือนกัน” ฉันตอบแล้วก็มหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองสบตากับเขา สายตาหมอนี่มันแพรวพราวและแวววาววิ้งค์ๆ ที่สุด มันสามารถฆ่าคุณได้หากคุณจ้องนานเกินความจำเป็น -.,-

 

 

               “ถ้างั้นก็ขึ้นรถเถอะ” เขาบอกแล้วกดรีโมทปลดล็อกก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งของตัวเองแล้วเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ส่วนฉันก็ยืนสตั๊นท์ไปสามวิก่อนจะเปิดประตูรถพาตัวเองเข้ามานั่งด้านข้างคนขับบ้าง ที่ฉันเอ๋อไปเมื่อกี้ก็เพราะนึกว่าโทโมะจะเปิดประตูรถให้ต่างหากล่ะ -*-

 

 

บอกเลยว่าเมืองหลวงรถโคตรติด!!!

 

 

ยิ่งตอนเย็นวันศุกร์แบบนี้…

 

 

ยิ่งอยู่ในย่านกลางเมืองแล้วล่ะก็…

 

 

               หลับจนอิ่ม นั่งหลับจนคอเคล็ดนั่นแหละค่ะกว่าจะผ่านสถาณการณ์เลวร้ายแบบนั้นมาได้บางทีตื่นจนง่วงอีกรอบรถก็ยังติดอยู่เลย -*-

 

 

               และแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ได้ รถเต่าสีเหลืองนมคันสวยที่ฉันนั่งมานี้กำลังเคลื่อนตัวอยู่บนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าไปสู่ชานเมือง แน่นอนว่าถนนเส้นนี้รถบางตากว่าในตัวเมืองมาก แต่กว่าฉันกับโทโมะจะหนีจากการจราจรที่ติดขัดแบบตรงนั้นก็ติดตรงนี้หรือตรงไหนก็ติดมาได้ก็เล่นเอาแทบอยากจะลงจากรถแล้วไปใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซด์เลยล่ะ

 

 

               “แบบนี้สิถึงเรียกว่านั่งรถเล่นของจริง เมื่อกี้มันนั่งดูรถติดชัดๆ” ฉันบ่นอุบ เพราะปกติแล้วฉันไม่ค่อยกลับบ้านเวลาเย็นๆ เท่าไหร่หรอก สังเกตได้จากเลิกเรียนก็กลับเลยนอกจากมีธุระอะไรหรือไม่ก็มีนัด แล้วอีกอย่างแถวบ้านฉันก็ไม่ค่อยมีตึกสูงเสียดฟ้าที่มีแรงงานหลักเป็นมนุษย์เงินเดือนจำนวนพันคนขึ้นไปรวมมาตัวแออัดกันอยู่ในนั้นสักเท่าไหร่ถึงแม้จะจัดอยู่ในโซนกลางเมืองหลวงก็เถอะนะ เพราะแบบนี้การจราจรก็เลยลื่นไหลดีพอสมควร

 

 

               “เธอยังไม่ชินอีกเหรอ”

 

 

               “ชินแล้ว แต่มันเซ็งน่ะสิ =_=^ จริงสิ! ฉันยังไม่ได้บอกพี่เข่งเลยว่าจะมากับนาย” ฉันเบิกตาโพลงพร้อมกับเตรียมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรไปบอกพี่ชายสุดที่รักแต่ก็ต้องชะงักมือเพราะ…

 

 

               “ฉันโทรไปบอกแล้วเมื่อตอนบ่ายหลังจากแยกกับเธอ” เร็วดีนะ -_-;

 

 

               “โอเค เขาไม่ว่าอะไรใช่มั้ย”

 

 

               “ถ้าว่าแล้วฉันจะพาเธอมานี่ได้เหรอ ถามอะไรพิลึก”

 

 

               “เออๆ ไม่ถามก็ได้ -0-”

 

 

               “แล้วนี่หิวหรือยัง”

 

 

               “นิดหน่อยน่ะ เป็นห่วงฉันเหรอ >_<” สุดท้ายฉันก็ยังไม่ลืมที่จะหยอดเขาไปอีกจนได้ บางทีมันก็จะกลายเป็นนิสัยของฉันแล้วนะเนี่ย ไม่ใช่ความผิดฉันเลยนะ เป็นความผิดโทโมะต่างหากที่ไม่ยอมคบกับฉันสักที -0-

 

 

               “เปล่า แต่ฉันหิวแล้ว เธอไปที่นั่นบ่อยมั้ย จะถามว่ามีร้านไหนอร่อยๆ แนะนำหรือเปล่า”

 

 

โอเค ทุกอย่างคือการคิดไปเอง…เจ็บสุดก็ตรงนี้แหละ T_T

 

 

               “ไม่มี! ไม่ได้ไปนานแล้ว -0-”

 

 

               “แล้วทำไมต้องตะโกนเสียงดังด้วย -_-^” นี่เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่นะเนี่ย มันน่าโมโหนัก

 

 

               “อยากเสียงดังอะนายจะทำไม”

 

 

               “อืม” โทโมะพยักหน้าลงเป็นเชิงรับรู้โดยไม่หันมามองหน้าฉัน เขาไม่รู้ใช่มั้ยว่ายิ่งเขาทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนี้ฉันก็ยิ่งอยากจะกระโจนเข้าไปบีบคอเขาให้ขาดอากาศหายใจตายคามือไปเลย เห็นแล้วหมั่นไส้ตงิดๆ

 

 

               ไม่นานเกินรอโทโมะก็พาฉันมาถึงจัตุรัสสิบสองจนได้เขาเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังลานจอดรถที่มีคนคอยเก็บค่าจอดรถด้วยเพื่อบำรุงสถานที่ คนเริ่มทยอยมากันเยอะแล้วล่ะถึงแม้จะหัวค่ำก็เถอะ ทำให้ตลาดถนนคนเดินคราคร่ำไปด้วยวัยรุ่นขาช็อปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้มีแค่วัยรุ่นนะ วัยอื่นๆ ก็หาได้จากที่นี่เหมือนกัน ยิ่งดึกเท่าไหร่บรรยากาศที่นี้ก็ยิ่งครึกครื้นและดูมีเสน่ห์ในแบบของมัน

 

 

                 หลังจากที่ฉันกับโทโมะลงมาจากรถแล้วเราสองคนก็เดินเข้าสู่ตัวถนนคนเดินซึ่งของที่วางขายก็มีหลากหลายให้เลือกซื้อสิ่งที่ฉันสนใจส่วนมากก็จะเป็นพวกงานแฮนด์เมดล่ะนะ

 

 

               “ไปหาอะไรกินก่อนมั้ยแล้วค่อยเดินเล่นทีเดียว นายหิวไม่ใช่เหรอ” ฉันหันไปถามคนตัวสูงที่เดินอยู่ด้านหลังอย่างสบายอารมณ์ชื่นชมบรรยากาศอันคึกคักและออกไปทางวุ่นวาย

 

 

               “เอางั้นก็ได้”

 

 

               ในที่สุดเราสองคนก็เลือกมื้อเย็นบวกค่ำของเราวันนี้เป็นราดหน้ายอดผักเจ้าอร่อย(ป้ายชื่อร้านเขาบอกอย่างนั้นอะ) แต่มันก็อร่อยจริงๆ นั่นแหละนะยอดผักคะน้านี่กรุบกรอบเลยล่ะ แถมกลิ่นราดหน้ายังหอมมากๆ ด้วย

 

 

               “ทำไมนายไม่กินผักอะ” ฉันถามขึ้นอย่างสงัยเมื่อเห็นว่าโทโมะกินแต่น้ำ เส้น แล้วก็หมู แต่ไม่ยอมแตะผักคะน้าเลย มันอร่อยมากๆ เลยนะพลาดได้ไงเนี่ย

 

 

               “ฉันกินคะน้าไม่เป็น -_-^”

 

 

               “อ้าว! แล้วเมื่อกี้ไม่บอก จะได้ไปกินอย่างอื่น”

 

 

                “ฉันไม่กินคะน้า แต่ไม่ได้ไม่กินราดหน้านี่” เขาบอกพลางตักชิ้นหมูเข้าปากเคี้ยวง่ำๆ อย่างสบายๆ

 

 

               “แต่ถ้ากินอย่างอื่นที่นายกินทุกอย่างในจานได้มันก็จะคุ้มกว่าไม่ใช่หรือไงเล่า -0-”

 

 

                “ก็เมื่อกี้เธอบอกอยากกินอันนี้ -_-^”

 

 

                “ก็นายไม่ยอมเลือกเอ…เอ่อ ช่างเถอะ ฉันกินเอง >_<” ฉันเก็บสิ่งที่จะพูดลงคอไปแล้วก็เปลี่ยนมายื่นมือไปตักผักคะน้าในจานของโทโมะมาใส่จานของตัวเองจนหมดพลางในหัวก็กำลังคิดอะไรบางอย่างแบบคนเข้าข้างตัวเอง แต่ทุกอย่างที่โทโมะแสดงออกมามันทำให้ฉันต้องคิดแบบนี้จริงๆ นะ

 

 

                  เขาไม่อยากให้ฉันยุ่งกับพิมและฌอห์นก็เพราะเขากลัวว่าฉันจะโดนคนพวกนั้นทำร้าย

 

 

                 เขาพาฉันออกมาเที่ยวนั่งรถเล่นชดเชยเมื่อคืนที่ไปไม่ได้เพราะติดฝนทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้เป็นคนบอกให้เขาพามา

 

 

                เขายอมกินราดหน้าที่มีผักคะน้าซึ่งเขาไม่กินเพียงเพราะฉันเป็นคนบอกว่า เอาร้านนี้ดีกว่า

 

 

                ที่เขาทำทั้งหมดนั่นมันเพราะอะไรกันถ้าไม่ใช่เพราะเขา…เฮ้อ! ฉันไม่คิดไปเองดีกว่า เพราะถ้ามันไม่ใช่ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ

 

 

                 เอ๊ะ แล้วทำไมฉันต้องเสียใจด้วยล่ะ บ้าน่าชาชง จะไม่มีใครเสียใจทั้งนั้นแหละ แล้วก็คิดซะว่าที่เขาทำไปก็เพราะเป็นเบ๊เท่านั้น U.U

 

 

               “จะกินให้หน้าเป็นคะน้าเลยหรือไง หรือคิดว่าตัวเองเป็นหนอนคะน้า -_-^”

 

 

หนอนคะน้า? คิดได้ไงเนี่ยไอ้หล่อ -3-

 

 

               “บ้าเหรอ! ก็นายไม่กินเองนี่ น่าเสียดายออก”

 

 

               “ยัยประสาท” ฉันเสียดายผักแล้วมันเกี่ยวอะไรกับประสาทไม่ทราบเนี่ย ฉันว่าถ้าจะมีใครสักคนบ้าก็คงเป็นโทโมะเองนั่นแหละไม่ใช่ฉันหรอกตั้งแต่ไอ้หนอนเมื่อกี้แล้ว ว่ามั้ยล่ะ?

 

 

               เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว(บางทีฉันอาจจะอิ่มคนเดียวเพราะกินคะน้าของโทโมะเข้าไปด้วย)เราสองคนก็เดินดูของต่างๆ เหมือนอย่างคนทั่วไปแต่ฉันคงไม่ซื้ออะไรหรอกนะเพราะวันนี้ไม่ได้เตรียมเงินมาช็อปปิ้ง แล้วอีกอย่างก็ยังไม่อยากได้อะไรด้วยแหละ

 

 

               “นายชอบเหรอ” ฉันถามโทโมะเมื่อเห็นว่าเขาหยุดอยู่ที่ร้านขายพวงกุญแจห้อยกระเป๋าที่ทำจากแผ่นหนังตัดเป็นรูปต่างๆ มากมายตั้งแต่สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปสัตว์ต่างๆ แล้วก็มีบริการตอกชื่อฟรีด้วยเมื่อซื้อพวงกุญแจ

 

 

               “อืม…เธออยากได้มั้ย?”

 

 

               “ไม่อะ”

 

 

               “แต่ฉันอยากให้…” พูดจบเขาก็เอื้อมมือไปหยิบพวงกุญแจแบบหนังรูปสี่เหลี่ยมที่เหมือนกันออกมาสองอัน แล้วก็หยิบสมุดเล่มเล็กสำหรับจดชื่อที่จะตอกมาเขียนอะไรบางอย่างยุกยิกๆ ก่อนจะยื่นทั้งพวงกุญแจแล้วก็สมุดไปให้ผู้ชายรูปร่างท้วมๆ วัยกลางคนดูท่าทางใจดีซึ่งเขาเป็นเจ้าของร้าน

 

 

               “รอสักครู่นะหนุ่มน้อย ^^” คนขายรับไปแล้วก็ลงมือตอกชื่อลงบนแผ่นหนังอย่างตั้งใจ ฉันพยายามชะโงกมองแล้วนะว่าโทโมะเขียนคำว่าอะไรแต่ก็มองไม่ถนัด แต่เห็นเหมือนจะเป็นอักษรตัวKขึ้นต้น สงสัยจะเป็นชื่อฉันนั่นแหละ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากได้หรอกนะ แล้วพอเขาบอกว่าอยากให้ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่ามันอยากได้ขึ้นมาซะเฉยๆ -///-

 

 

               รอเพียงไม่กี่อึดใจของที่สั่งไปก็ได้มาเรียบร้อย หลังจากที่โทโมะจ่ายเงินแล้วเขาก็ยื่นพวงกุญแจให้ฉันหนึ่งอันแล้วฉันก็ได้รับรู้ว่าชื่อที่ตอกลงไปไม่ใช่ชื่อของฉันแต่เป็นคำว่า…

 

 

ทีเค แบบภาษาอังกฤษ >> TK

 

 

เพื่ออะไรไม่อาจทราบได้ อย่างนี้ต้องสงสัย =_=?

 

 

               “อะไรของนายเนี่ย ฉันชื่อแก้วนะไม่ได้ชื่อทีเค”

 

 

               “ลองปิดตัวทีสิ” เขาบอกพลางเก็บพวงกุญแจอีกอันที่เขาทำให้ตัวเอง(ซึ่งก็ตอกชื่อเดียวกับฉัน)ลงกระเป๋ากางเกงไป ฉันเอานิ้วปิดอักษรสองตัวสุดท้ายตามที่เขาบอกก็จะเหลือแค่ K ซึ่งถ้าอ่านแล้วก็คือ ตัวย่อชื่อฉัน

 

 

               “ตัวย่อแล้วมันยังไงอะ ก็ยังไม่เข้าใจคำว่าทีเคอยู่ดี”

 

 

               “เฮ้อ! ไหนลองปิดตัวเคตัวนั้นซิ” เขาถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย ฉัยเบะปากแล้วทำตามที่เขาบอกอีกครั้ง แล้วครั้งนี้มันก็เหลือแค่ T ซึ่งอ่านได้ว่า ที ซึ่งเป็นตัวย่อชื่อของโทโมะ

 

               เดี๋ยวนะ…ฉันรู้ความหมายของทีเคแล้วล่ะ!!!

 

 

               “เขินแปบ >///<” ฉันบอกแล้วกำพวงกุญแจแน่นก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วจัดการห้อยมันเอาไว้

 

 

               “รู้แล้วสินะ -_-^”

 

 

               “รู้อะไรเหรอ” แกล้งไขสือนิดหน่อย อิอิ โทโมะนี่ก็แอบน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

 

 

               “ชื่อเธอกับฉันไง” เขาขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะคิดว่าฉันยังไม่เข้าใจชื่อนี้จริงๆ

 

 

               “ก็รอให้นายพูดนี่แหละ -.,-” ดีค่ะ! หยอดกันไปยอดกันมาแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันสักทีสุขแบบเศร้าๆ แต่เราก็อยู่ได้ เฮ้อ~

 

 

               “ฉันไม่คุยกับเธอแล้วยัยบ้า” โทโมะหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิดๆ ก่อนจะทำเป็นหยิบหมากฝรั่งในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวแล้วเดินหนีฉันไปอีกทางฉันจึงรีบเดินตามคนตัวสูงไปทันที

 

 

               “จะไปไหนของนายน่ะ นั่นมันออกนอกถนนคนเดินแล้วนะ”

 

 

               “ฉันอยากไปเดินเล่นบนสะพานโน่น” เขาบอกพร้อมกับชี้ไปยังสะพานจัตุรัสสิบสองที่อยู่ห่างออกไป ยามค่ำคืนแบบนี้สะพานแห่งนั้นสว่างไสวด้วยแสงไฟสีส้มๆ จากยอดเสาไฟประดับตกแต่งที่ตั้งเรียงเป็นแถวตลอดแนวสองข้างของสะพาน มองจากตรงนี้ไปแล้วเป็นภาพที่สวยมากๆ เลยล่ะ >_<

 

 

               “ไม่ซื้ออะไรแล้วเหรอ”

 

 

               “ไม่ -///-” เขาปฏิเสธแล้วหันหลังกลับไปเดินต่อ ฉันจึงต้องเดินมากับเขาอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากสะพานกับตัวถนนคนเดินห่างกันประมาณหนึ่งป้ายรถเมล์อย่างที่ฉันได้บอกไป เราสองคนจึงใช้เวลาประมาณเกือบห้านาทีในการเดินมายังสะพานแห่งนี้ ถ้าตั้งใจเดินก็ไม่นานขนาดนี้หรอกแต่เพราะ การเดินเล่น มันก็คือการเดินอ้อยอิ่งกินลมชมวิวดีๆ นี่เอง

 

 

               “ข้างบนนี้ลมเย็นดีแฮะ ^O^” ฉันบอกอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เราเดินขึ้นมาตามทางเดินด้านของของสะพานจนมาหยุดอยู่ที่ตรงกลาง ณ จุดๆ นี้บอกเลยว่าฟิน

 

 

               “อย่ากระโดดลงไปนะ” โทโมะบอกเมื่อเห็นว่าท่าการจับขอบรั้วเหล็กที่กั้นเอาไว้คล้ายๆ ว่าคนกำลังจะกระโดดน้ำตาย -_-^

 

 

               “มันเป็นฟีลลิ่งน่า ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอกถ้ายังไม่ได้นายเป็นแฟน -.,-”

 

 

          “พอเถอะ -_-^” เขาบอกก่อนจะเงยหน้าขึ้นฟ้า “ขนาดชานเมืองยังไม่ค่อยเห็นดาวเลยแฮะ เฮ้อ~”

 

 

เปาะ!

 

 

              โทโมะเป่าลูกโป่งจากหมากฝรั่งในปากขึ้นฟ้าจนมันแตกแล้วเขาจึงเลิกมองท้องฟ้าที่มีดาวหยุมหยิมเป็นหย่อมๆ แล้วหันมาเคี้ยวหมากฝรั่งในปากต่อพร้อมกับเริ่มก้าวเท้าออกเดินอีกครั้ง

 

 

               “นายทำได้ยังไงน่ะ” ฉันรีบตามไปแล้วเดินอยู่ด้านข้างของเขาก่อนจะเอียงคอถามอย่างสนใจ รู้มั้ยว่าฉันเป่าลูกโป่งแบบนั้นไม่ได้ แต่พี่ขนมเข่งทำได้นะ จีก็ทำได้ TT_TT

 

 

               “ทำอะไร” โทโมะหยุดเดินแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่ฉัน

 

 

               “ก็เป่าลูกโป่งแบบเมื่อกี้ไง สอนฉันมั่งสิ >_<”

 

 

               “ฮะ? มันยากตรงไหนเนี่ย -_-^”

 

 

               “มันยากมากเลยนะสำหรับฉัน สอนฉันหน่อยนะ นะๆๆ” ฉันอ้อนเหมือนเด็กน้อยจนเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วหยิบหมากฝรั่งรสมิ้นท์ในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้ฉันแล้วมันก็เป็นอันสุดท้ายของกล่องแล้วด้วย ฉันรับมาด้วยความดีใจแล้วจัดการนำมันเข้าปากก่อนจะเริ่มเคี้ยวแจ๊บๆ

 

 

               “เป่ายังไงนะ”

 

 

               “จะบอกยังไงดีล่ะ…ก็เป่านั่นแหละ เธอเอามันมาไว้ตรงปลายลิ้นสิ แล้วทำบางๆ แต่อย่าให้มันขาดนะ แบบนี้ไง…” เขาอธิบายพร้อมกับทำให้ฉันดู ฉันพยายามจะเลียนแบบเขาแต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้เหมือนเคย

 

 

               “ฮ่าๆ หน้าเธอตลกชะมัดเลย” เขาหัวเราะก่อนจะหันหน้าออกไปด้านข้างพร้อมกับเอามือจับราวกั้นของสะพานเอาไว้แล้วเป่าลูกโป่งใบใหญ่ออกมาจากปากจนฉันนึกอิจฉา

 

 

               “ฉันต้องทำได้สิ!” ฉันบอกอย่างมุ่งมั่นแล้วหันไปยืนเกาะราวอยู่ข้างๆ เขาพร้อมกับทำท่าเป่าลูกโป่งเหมือนกันแต่ผลกลายเป็นว่า “ปู้ด! แงๆๆ >[]<”

 

 

               “ฮ่าๆๆๆ” โทโมะหัวเราะก๊ากทันทีเมื่อเห็นว่าฉันเป่าลูกโป่ง ไม่สิ…เป่าหมากฝรั่งออกไปจากปากต่างหาก! แล้วตอนนี้มันก็ร่วงลงไปในแม่น้ำด้านล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย TT_TT

 

 

               “เป็นแบบนี้ทุกทีเลย หลุดจากปากตลอด T^T”

 

 

               “ลองใหม่มั้ย…อะนี่” เขาบอกพร้อมกับหยิบหมากฝรั่งรสบลูเบอร์รี่อีกกล่องขึ้นมาแกะออกแล้วหยิบให้ฉันหนึ่งอัน ฉันเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างตั้งใจอีกครั้งแล้วก็เริ่มเป่าลูกโป่ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลยสุดท้ายมันก็ร่วงลงไปอีกจนได้

 

 

               “ฉันไม่…อ๊ะ!O_O”

 

 

เปาะ!

 

 

               “O_O!”

 

 

                ด้วยความที่ฉันมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเป่าลูกโป่งก็เลยไม่ทันสังเกตว่าโทโมะกำลังพยายามจะแกล้งฉันอยู่โดยการเป่าลูกโป่งมาใกล้ๆ แล้วมันก็จะติดกับแก้มของฉันตามที่เขาหวังเอาไว้ถ้าไม่ติดว่าฉันดันหันหน้าไปหาเขาพอดี! ไอ้ลูกโป่งเจ้ากรรมก็เลยมาติดอยู่ที่ปากของฉันแทนแล้วมันก็แตกออก คนทำดูเหมือนจะตกใจอยู่เหมือนกันแต่ฉันไม่รู้หรอกว่าตกใจขนาดไหนแต่ฉันนี่ใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว -///-

 

 

               “-///-” ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหนเพราะตอนนี้มีหมากฝรั่งเหนียบหนึบเชื่อมติดอยู่ที่ปากของฉันกับโทโมะ

 

 

               “…” คนตรงหน้าค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉันช้าๆ พร้อมกับใช้ลิ้นช่วยเก็บหมากฝรั่งเข้าปากไปเรื่อยๆ ยิ่งระยะห่างของฉันกับเขาเหลือน้อยลงเท่าไหร่ฉันก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกมากเท่านั้น อุณหภูมิในร่างกายดูเหมือนจะพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง

 

 

ใกล้เข้ามาแล้ว…

 

 

ใกล้…

 

 

               “อุ๊บ!>x<”

 

 

               ในที่สุดปากฉันกับโทโมะก็แตะกันจนได้!

 

 

               ฉันหลับตาปี๋ด้วยความตกใจแล้วก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือหนาที่เอื้อมมาประคับประคองใบหน้าของฉันเอาไว้พลางลิ้นอุ่นๆ ของโทโมะก็กำลังเล็มเลียหมากฝรั่งที่ริมฝีปากของฉันเข้าไปในปากของเขา ฉันแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะเริ่มรู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรง เพียงไม่นานปลายลิ้นซุกซนก็ลุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของฉันพร้อมกับนำพารสมิ้นท์จากหมากฝรั่งในปากของเขาเข้ามาผสมปนเปกับรสบลูเบอร์รี่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปากของฉันแม้ว่าจะทำหมากฝรั่งร่วงลงน้ำไปแล้วก็ตาม

 

 

ตอนนี้ฉันควรจะเรียกมันว่ารสอะไรดีล่ะ?

 

 

               มิ้นท์เบอร์รี่?

 

 

               “อื้อ!” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปในเท่าไหร่แต่มันก็คงนานพอสมควรที่ร่างกายฉันเริ่มจะต้องการออกซิเจนอีกครั้ง ฉันจึงรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ยกมือขึ้นไปทุบหน้าอกโทโมะเบาๆ เพื่อให้เขาถอนจูบรสชาติหวานลิ้นนี้ออกไป ตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยฉันให้เป็นอิสระจนได้ ฉันลืมตาขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะปากตัวเองที่ยังอุ่นๆ อยู่

 

 

               “…” โทโมะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเสมองไปทางอื่น ตอนนี้สีแดงเรื่อๆ บนใบหน้าของเขาได้ลามไปถึงใบหูเรียบร้อยแล้วล่ะ!

 

 

               “นาย…ชอบฉันหรือเปล่า” ฉันตัดสินใจถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาทำ ว่าเป็นเพราะเขารู้สึกดีหรือเพราะบรรยากาศพาไปกันแน่ หรือไม่ก็แค่หมากฝรั่งเป็นใจเฉยๆ

 

 

               “ไม่รู้” คราวนี้เขาหันทั้งใบหน้าทั้งตัวหนีไปก่อนจะทิ้งสายตาลงมองที่แม่น้ำเบื้องล่าง

 

 

               “ไม่รู้แล้วทำแบบนี้ทำไม”

 

 

               “ฉันขอโทษ”

 

 

               “ฉันไม่ได้ต้องการคำขอโทษของนาย ถ้านายไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรแล้วมาให้ความหวังฉันทำไมฮะ?!! ไอ้คนบ้า!”

 

 

ตุ้บๆๆ!

 

 

               ฉันเอามือทุบตีไปที่หลังของเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะเดินหนีมาพร้อมกับต่อมน้ำตาที่เริ่มทำงานอย่างรู้หน้าที่

 

 

เกลียดที่สุดเลยการมาให้ความหวังเนี่ย!

 

 

               “แก้วใจ!” เรียกไปเถอะ ฉันไม่หันหลับไปหรอกไอ้บ้า! มุกนี้มันเชยแล้วใช้กับฉันไม่ได้หรอก Y^Y

 

 

               “ยัยบ้าเอ๊ย! จะไปไหนของเธอน่ะ!!!” โทโมะวิ่งตามฉันมาพร้อมกับคว้าข้อมือของฉันเอาไว้

 

 

               “ถ้าไม่รักกันฉันจะไป ฮึก! ฮือๆๆ”

 

 

               “ไปไหน -_-^”

 

 

               “กลับบ้านนะเซ่!!! ปล่อย!” ฉันตะตวาดใส่หน้าเขาก่อนจะสะบัดแขนแรงๆ ให้มือเขาหลุดออกไปแต่แล้วเขาก็คว้าไปอีกจนได้

 

 

               “รถจอดอยู่ฝั่งโน้นนะ เธอจะข้ามฝั่งทำไม”

 

 

               “ใครบอกว่าฉันจะกลับกับนายล่ะ ฉันจะกลับเอง!”

 

 

               “มากับฉันแต่กลับเองพี่หนมเข่งจะมองว่ายังไง เขาไม่เล่นงานฉันตายเหรอ -_-^” นายมันใจร้ายที่สุดเลยโทโมะ ฮือๆๆๆ เป็นห่วงแต่ตัวเองสินะ TOT

 

 

               “ก็เรื่องของนายสิ นายมันเห็นแก่ตัวที่สุดเลย! ไม่คิดจะเป็นห่วงฉันเลยใช่มั้ย ปล่อยเลยนะ!” ฉันแกะมือเขาออกอีกครั้งแล้วก็รีบก้าวขาให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ออกมาจากตรงนั้น แต่แล้ว…

 

 

หมับ!

 

 

ฟุบ!

 

 

                “ถ้าไม่เป็นห่วงจะตามมามั้ยล่ะไอ้หนอนคะน้า” โทโมะเดินจ้ำอ้าวตามฉันมาแล้วจัดการอุ้มฉันเอาไว้โดยที่ไม่ปล่อยให้ฉันได้ตั้งตัว -///-

 

 

               “เล่นอะไรของนายเนี่ย ฉันอายนะ!” ฉันบอกพลางดิ้นขลุกขลัก

 

 

               “อายทำไม รถวิ่งผ่านไปมาเยอะแยะ คิก!” จริงด้วย! นี่มันบนสะพานนี่นา แล้วเหตุการณ์ก่แนหน้านี้…อ้ากกก!

 

 

               “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เมื่อคิดได้ว่าตรงนี้มันเป็นที่สาธารณะ(มากๆ)ฉันจึงออกแรงดิ้นแรงขึ้นกว่าเดิม

 

 

              “ถ้าไม่หยุดดิ้นล่ะก็ ฉันจับโยนลงแม่น้ำแน่ หึหึ”

 

 

              “T[]T” สิ้นคำนั้นเป็นอันที่ฉันต้องอยู่ในความสงบเสงี่ยมเจียมตัวในอ้อมแขนแกร่งของคนตัวสูงทันทีอย่างไม่มีทางต่อต้าน  

 

 

              ปากบอกไม่รู้ไม่รัก(?) แต่ทำแบบนี้ พูดดีแบบนั้น จะให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไงเล่า!!!

 

 

นายมันก็เป็นซะแบบนี้! 

 

 

มาอัพแล้ว อัพแบบปีข้ามปีกันเลยทีเดียว เม้นโหวตกันหน่อยน๊าาาา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา