Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  27.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) นายต้องเป็นแฟนฉัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

Chapter 2 นายต้องเป็นแฟนฉัน

 

 

 

           “ชนแก้ว!”

 

 

 

           “ฉันขอบใจพวกแกมากเลยนะเว้ย ที่เลี้ยงฉลองให้ฉันเนี่ย”

 

 

 

           “เฮ้ย ไม่ต้องมาขอบจงขอบใจอะไรฉันหรอกไอ้โทโมะ นี่ถ้าเมื่อวานแกไม่แข่งรถชนะครองแชมป์อันดับที่ยี่สิบของเดือนนี้นะ  ฉันกับไอ้ป๊อปคงแพ้พนันไปแล้วแน่ๆ อ้าวๆๆ ดื่มๆๆ” ผู้ชายหน้าทะเล้นพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่คนที่เขาเรียกว่า ไอ้โทโมะ

 

 

 

            “พวกแกต้องไปขอบคุณพี่หนมเข่งด้วย ไม่งั้นฉันก็คงได้ที่สอง” ชื่อที่เขาเอ่ยนั่นคุ้นๆ นะว่ามั๊ย?

 

 

 

           “ถึงแกได้ที่สอง ก็ถือว่าชนะไอ้คนอวดเก่งนั่นอยู่ดี” ผู้ชายผมสีม่วงพูดขึ้นแล้วยิ้มมุมปาก        

 

 

 

           “นั่นสิ ฉันจำหน้าไอ้หัวบานเย็นฌอนได้ติดตา นึกแล้วก็ขำ” ผู้ชายหน้าทะเล้นคนเดิมพูดติดตลก

 

 

 

            นั่นเป็นเพียงบทสนทนาที่ดังมาจากกลุ่มผู้ชายที่นั่งตั้งวงสารพัดเครื่องดื่ม ผสมแอลกอฮอล์กันอยู่ซึ่งฉันกำลังจะเดินผ่านเพื่อที่จะไปหากลุ่มของพี่ขนมเข่ง และมันจะเป็นเพียงบทสนทนาธรรมดาทั่วไปที่ฉันจะไม่สนใจเลย ถ้ามันไม่มีคีย์เวิร์ดสำคัญซึ่งฉันกำลังตามหาที่มาอยู่!

 

 

 

            ผู้ชายที่ชื่อโทโมะคนนั้นเป็นแชมป์อันดับที่ยี่สิบ? แล้วเขาก็พูดชื่อพี่หนมเข่ง ซึ่งฉันคิดว่าต้องหมายถึงพี่ชายฉันแน่ๆ

 

 

 

            “แกได้ยินเหมือนฉันใช่มั๊ยฟาง” ฉันหันไปหาฟางที่เหมือนจะสนใจสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้เหมือนกัน

 

 

 

           “ได้ยินสิ โทโมะ...นั่นมันเดือนมหาลัยตอนที่รุ่นเราเป็นเฟรชชี่ไม่ใช่เหรอ” ฟางพยักพเยิดหน้าไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้น และเป็นคนเดียวกับโทโมะ ที่เพื่อนเขาบอกว่าเขาเป็นแชมป์ด้วย เดือนนี้พี่ชายฉันรักษาแชมป์ไม่ได้เหรอเนี่ย?

 

 

 

           “แกรู้จักเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็น”

 

 

 

           “แหม ก็จำหน้าได้เท่านั้นแหละ หล่อซะขนาดนั้น” ฟางพูดแล้วทำหน้าตาเป็นปลื้มสุดๆ

 

 

 

           “แต่หมอนั่นคงไม่ใช่คนที่ยัยแม่หมอบอกหรอก ชื่อหมอนั่นไม่ได้ขึ้นต้นด้วยกอไก่” ฉันพูดแล้วเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นว่าชื่อของเขาไม่ตรงตามเงื่อนไข และฉันก็ไม่ได้เป็นปลื้มหรือประทับใจอะไรกับความหล่อของหมอนั่นเหมือนยัยฟางด้วย เมื่อเห็นว่าไม่ควรจะเสียเวลายืนอยู่ตรงนี้นาน ฉันก็เตรียมจะก้าวเท้าต่อเดินไปยังกลุ่มที่ที่ขนมเข่งนั่งอยู่

 

 

 

           “แน่ใจเหรอ ว่าอักษรอันดับที่ยี่สิบจะเป็นกอไก่ ตัวที เป็นอันดับที่ยี่สิบไม่ใช่เหรอ” ฟางคว้าไหล่ฉันเอาไว้ แล้วพูดเป็นปริศนาให้ฉันคิดตาม

 

 

 

           “-_-^”

 

 

 

           “T-O-M-O อ่าน ว่า โทโมะ” ฟางสะกดชื่อผู้ชายคนนั้นให้ฉันฟังก่อนที่จะกระพริบตาปริบๆ เหมือนรอให้ฉันพูดอะไรบางอย่าง แล้วฉันก็เข้าใจในทันที จริงสินะ อักษรอันดับที่ยี่สิบคงไม่ใช่กอไก่ แต่อาจจะเป็นตัวทีซึ่งเป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวที่ยี่สิบก็ได้

 

 

 

           “ขอบใจแกมากนะฟาง ช่วยฉันได้เยอะเลย ^_^” พูดจบฉันก็เปลี่ยนจุดหมายจากกลุ่มที่พี่ชายตัวเองนั่งอยู่มาเป็นกลุ่มผู้ชาย กลุ่มนั้นทันที...กลุ่มที่เนื้อคู่ของฉันนั่งอยู่น่ะสิ!

 

 

 

           ขวับ!

 

 

 

           “นายต้องเป็นแฟนฉัน!” ฉันตรงดิ่งเข้าไปหาผู้ชายที่ชื่อโทโมะแล้วใช้มือกระชากไหล่เขาให้หันมาเผชิญหน้ากับฉัน…

 

 

 

           จมูกโด่งเป็นสันที่คั้นกลางระหว่างคิ้วเข้มสองข้างที่กำลังใกล้จะชนกันยาม เมื่อมองมาที่ฉัน และมันก็อยู่เหนือดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ฉายแววฉงนแต่ก็บอกชัดเจนว่าเจ้าของ น่าจะเป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ บวกกับปากเรียวสวย และทั้งหมดนั่นก็อยู่บนใบหน้าที่เรียวได้รูปและผิวหน้าขาวใสไร้สิวรบกวน ผมตั้งๆ ที่ชี้ไปคนละทิศคนละทางของเขาคงเรียกว่า การเซ็ต อย่างหนึ่ง ฉันไม่แปลกใจหรอกที่ผู้ชายคนนี้จะครองตำแหน่งเดือนมหาลัยอย่างที่ยัยฟางบอกเมื่อกี้

 

 

 

           “อะไรของเธอ” น้ำเสียงนิ่งกับใบหน้าเย็นชานั้น เมื่อได้ฟังได้มองแล้วเหมือนเขาจะหงุดหงิดไม่น้อยที่เจอเรื่องแบบนี้ ก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะปัดมือฉันออกจากไหล่ของตัวเองอย่างไร้เยื่อใย แล้วหันหน้ากลับเข้าวงตามเดิม

 

 

 

           “ยัยนี่ไม่บ้าก็คงเมา” ผู้ชายหน้าผมสีม่วงหน้าฉันแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมา หน้านิ่งนั่นแหละค่ะ -_-^

 

 

 

           “แกเล่นแบบนี้เลยเหรอ” ฟางที่เพิ่งจะเดินตามมาถึงเขย่าแขนฉันเบาๆ

 

 

 

           “เออสิ” ฉันตอบโดยที่สายตายังคงจ้องคนที่เพิ่งหันหน้ากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ หมอนี่ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่เลย -*-

 

 

 

           “ไอ้โมะคงเป็นแฟนเธอไม่ได้หรอกสาวน้อย มาเป็นแฟนพี่แทนมั๊ยจ๊ะ ^O^” ผู้ชายหน้าทะเล้นที่ดูจะพูดเก่งที่สุดในนี้บอกกับฉันเหมือนเป็นเรื่องตลก

 

 

 

           “ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัวก็หุบปากซะ!” ฉันหันขวับไปเบ้ปากใส่ผู้ชายคนนั้นทันที

 

 

 

           “โว้ว ดุซะด้วยว่ะ ฮ่าๆๆ ดูเข็มมหา’ลัย นั่นดิยัยนี่เรียนที่เดียวกับพวกเรานี่หว่า” เขาดูเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรแล้วหันไปพูดกับเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนที่จะหันกลับมามองที่ฉันเหมือนเดิมอย่างพิจารณาแล้วทะท่าทางเหมือนคิด อะไรบางอย่าง... 

 

 

 

           “ยัยนี่หน้าคุ้นๆ นะเว้ย เหมือนเคยเห็น แต่นึกไม่ออก...” ประโยคนั้นทำให้ทุกคนในวงพากันหรี่ตามองฉันอย่างสงสัยมากกว่าเดิม ฉันก็มากับพี่ขนมเข่งบ่อยๆ นะ ทำไมไม่เห็นจะคุ้นหน้าพวกแกเลย ชิ!

 

 

 

           “นี่นาย! ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไงห๊ะ!” ฉันไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ใครจะคุ้นหรือไม่คุ้นหน้าฉันพร้อมกับคว้าไหล่ของ โทโมะให้หันกลับมาอีกครั้งก่อนที่จะกระชากคอเสื้อเขาแล้วดึงขึ้นจนเขาเสีย สมดุลแล้วต้องลุกขึ้นมาตามแรงนั้น ไม่ใช่ว่าฉันแรงเยอะอะไรมากมายหรอกนะ แต่เพราะเขาไม่ทันตั้งตัวอยู่ต่างหากล่ะ

 

 

 

           “ปล่อยมือซะ...ฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง” ปากเรียวสวยเอ่ยเสียงรอดไรฟัน น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบกว่าครั้งแรกมาก พร้อมกับที่คนพูดส่งสายตาแข็งกร้าวมาให้ฉัน เขาค่อยๆ หมุนตัวให้มายืนเผชิญหน้ากับฉันอย่างเต็มที่

 

 

 

           “ไม่! จนกว่านายจะตกลงเป็นแฟนของฉัน”

 

 

 

           “แกใจเย็นๆ สิ” ฟางตีไหล่ฉันเบาๆ สองสามครั้ง

 

 

 

           “ไม่เย็น…นายต้องตอบตกลงมาเดี๋ยวนี้!” ฉันหันไปตอบฟางก่อนที่จะหันกลับมาเผชิญหน้ากับโทโมะ

 

 

 

           “ตลกเหอะ!” เขายิ้มมุมปาก พร้อมกับจับข้อมือฉันที่จับคอเสือเขาเอาไว้ก่อนที่จะกระชากออกแล้วสะบัดอย่างแรง ให้ตายเหอะ! ข้อมือฉันจะอักเสบหรือเปล่าเนี่ย T^T

 

 

 

           “ไม่ตลก ฉันพูดจริง” ฉันจ้องตาเขานิ่งเพื่อยืนยันคำตอบ

 

 

 

           “ฉันไม่รู้จักเธอ อีกอย่างฉันก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย และที่เธอต้องรู้เอาไว้ก็คือ…ฉันไม่รับสมัครกิ๊ก ” เขาพูดแล้วยิ้มหวาน

 

 

 

           “ไม่รู้ล่ะ ยังไงซะนายต้องเป็นแฟนฉัน!” ฉันพูดเสียงแข็ง

 

 

 

           หึหึหึ มีแฟนอยู่แล้วงั้นเหรอ มีได้ก็เลิกได้ เดี๋ยวฉันจะทำให้นายเลิกกับแฟนนายเอง คอยดู!!!

 

 

 

           จะว่าฉันเลวหรืออะไรก็ได้นะ แต่ในเมื่อมันจำเป็นที่ฉันต้องทำให้เขามาเป็นของฉันให้ได้ เอ่อ…ฉัน หมายถึงเป็นแฟนฉันน่ะ ถ้าฉันไม่ดวงตกยี่สิบปี(ตอนนี้เชื่ออย่างจริงจัง) แล้วดันมีเขาเป็นคนสำคัญที่จะทำให้ฉันผ่านวิกฤตินี้ไปได้ สาบานได้ว่าฉันจะไม่มายุ่งกับเขาเลย เราคงเป็นคนไม่รู้จักต่อไปเหมือนเดิม ต่างคนต่างใช้ชีวิตตามปกติของตัวเอง ฉันไม่ได้ชอบเป็นมือที่สามพวกที่คอยแย่งแฟนชาวบ้านหรอกนะ แต่ครั้งนี้ไม่ทำไม่ได้จริงๆ เห็นใจมือที่สามบ้างเถอะ T^T

 

 

 

           “เฮ้ย! มีเรื่องอะไรกันไอ้แก้ว ฉันเห็นเด็กน้อยท่าทางคุ้นๆ เลยเดินมาดู ใช่แกจริงๆ ด้วย -0-”

 

 

 

           “พี่เข่ง…” ฉันเรียกชื่อพี่ชายตัวเองที่วิ่งมาตอนไหนไม่รู้ เขาเข้ามาดึงฉันให้ห่างจากโทโมะด้วยความรวดเร็วเหมือนกลัวฉันกับเขาจะพุ่งเข้าไปต่อยกัน นี่ฉันเป็นผู้หญิงนะ แล้วฉันก็เป็นนางเอกด้วย T^T

 

 

 

           “อ้าว พี่หนมเข่ง” โทโมะเรียกชื่อพี่ชายฉันด้วยอาการงุนงงก่อนที่คิ้วของเขาจะขมวดเข้าหากัน เป็นปมใหญ่ แววตาของเขาที่แข็งกร้าวเมื่อกี้ดูจะอ่อนน้อมลงทันทียามเมื่อมองมาที่พี่ชาย ฉัน

 

 

 

           “เกิดอะไรขึ้นวะไอ้โมะ…แล้วแกมาก่อเรื่องอะไรที่นี่เนี่ยไอ้แก้ว -_-^” พี่ขนมเข่งถามโทโมะก่อนที่จะหันมาถามฉันพลางใช้มือข้างที่จับแขนฉันอยู่ สืบเนื่องมาจากที่ดึงฉันออกมาเมื่อกี้เขย่าแขนฉันเบาๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจคำถามของพี่ชายตัวเองเลย ที่ฉันสนใจตอนนี้น่ะ…

 

 

 

           สองคนนี้รู้จักกัน? อย่างนี้ที่แม่หมอนั่นบอก…

 

 

 

           ถ้าคิดอะไรไม่ออก ลองกลับไปถามคนที่บ้านเอ็งดู เขารู้จักดี…

 

 

 

            ...ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ!

 

 

 

            “หึ -_-+” นั่นเป็นเสียงเดียวที่ออกมาจากลำคอของฉัน

 

 

 

           “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพี่หนมเข่ง” แน่ๆ น้ำเสียงแบบนี้ รู้จักกับพี่ชายฉันชัวร์!!! -.,-

 

 

 

           “อ้าว” พี่ขนมเข่งร้องเสียงหลง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาจ้องหน้าฉันอย่างคาดคั้น

 

 

 

           “งั้นแกเป็นคนก่อเรื่องสินะไอ้น้อง” พี่ชายคนเดียวของฉันเปลี่ยนจากจับแขนมาเป็นกอดคอฉันแทน แล้วบังคับกลับหลังหันก่อนที่จะลากฉันให้เดินห่างออกมาจากตรงนั้นนิดหน่อย

 

 

 

           "น้องสาวตอบพี่ชายมาซะดีๆ ว่ามาทำอะไรที่นี่”

 

 

 

           “ฟังนะพี่เข่ง…”

 

 

 

           “เออ ฟังอยู่”

 

 

 

           “คือเรื่องมันยาว เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟัง”

 

 

 

           “อ้าว กวนตีนเหรอ -*-”

 

 

 

           “ไม่ใช่ ที่ฉันจะบอกพี่ก็คือ นายโทโมะนั่นต้องมาเป็นแฟนฉัน เข้าใจ๊?”

 

 

 

           “เออ เข้าใจ เฮ้ย! ไม่เข้าใจ แกไปรู้จักมักจี่กับไอ้โมะตอนไหน” พี่เข่งพยักหน้าลงอย่างคล้อยตาม แต่แล้วเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อน

 

 

 

           “ไม่รู้จัก แต่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟัง พี่รู้จักหมอนั่นใช่มั๊ย”

 

 

 

           “รู้สิ รู้ดีด้วย แต่เรื่องมันยาว เดี๋ยวกลับไปเล่าพร้อมแก -.,-”

 

 

 

           “เอาล่ะๆ ยังไงงานนี้พี่ก็ต้องช่วยฉัน ฉันเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่เลยนะ T^T” พูดไปก็ทำหน้าบีบน้ำตาไป

 

 

 

           “เหยดดด~ ริอาจจีบผู้ชาย…ไอ้โมะมีแฟนแล้วกินแห้วไปเถอะแก >_<”

 

 

 

           “ไม่นะ ยังไงพี่เข่งก็ต้องช่วยแก้วใจคนนี้ TTvTT”

 

 

 

           “เอาจริงดิ...เออๆ มีแฟนได้ก็เลิกได้ ช่วยก็ช่วย” พี่ขนมเข่งทำหน้าปลงๆ แล้วหันหลังเดินกลับไปหาโทโมะฉันจึงเดินตามกลับไปด้วย ยัยฟางที่ถูกทิ้งเมื่อกี้รีบเดินมายืนประกบข้างฉันทันที

 

 

 

           ให้มันได้อย่างนี้สิพี่ชายฉัน! แต่ว่าครั้งนี้ทำไมพี่ขนมเข่งยอมช่วยฉันง่ายจังเลยล่ะ เล่นตัวนิดเดียวเอง -_-^ เอาล่ะ เรื่องนั้นช่างมัน เอาเป็นว่าพี่ชายก็ต้องช่วยน้องสาวอยู่แล้ว เห็นมั๊ยว่าเราสองคนเป็นพี่น้องที่มีความคิดความอ่านเหมือนกันมากขนาดไหน! ^O^

 

 

 

           “เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” พี่ขนมเข่งยืนกอดอกมองโทโมะ

 

 

 

           “เข้าใจว่าอะไรพี่?” โทโมะเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย ตอนนี้ทุกคนต่างตั้งใจฟังสิ่งที่พี่ชายฉันกำลังจะพูด ทั้งพวกที่นั่งอยู่ในกลุ่มโทโมะทั้งหมดก็ต่างหันมามองที่พี่ขนมเข่งเป็นตาเดียว

 

 

 

           “เข้าใจว่าแกต้องมาเป็นแฟนน้องสาวฉันว่ะ เสียใจด้วยนะไอ้โมะ” พี่ขนมเข่งพูดแล้วเดินเข้าไปตบไหล่โทโมะเป็นการปลอบใจ พร้อมกับทำหน้าเศร้า

 

 

 

           “ยัยบ้านี่เป็นน้องสาวพี่? พี่มีน้องสาวด้วยเหรอ ไม่เคยเห็นแฮะ” โทโมะมีสีหน้าตกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่เขาจะหันมาเผชิญหน้ากับฉันที่ยืนยิ้มกว้างอยู่จนปากจะฉีกถึงหูแล้ว ไม่เพียงแต่เขาที่ตกใจ คนอื่นๆ ก็ต่างมีสีหน้าฉงนงงงวย ตื่นตระหนกตกใจ และตื่นเต้นไม่ต่างกัน (ตกลงสีหน้าอะไรกันแน่เนี่ย -*-)

 

 

 

           “ใช่น้องสาวก็เหมือนกิ๊กนั่นแหละ ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มี และยัยนี่ก็คือน้องสาวคนเดียวของฉัน ชื่อของมันคือ ใจแก้ว -.,-”

 

 

 

           “พี่เข่ง!”

 

 

 

           “เอ๊ย! น้องฉันชื่อ แก้วใจ” พี่ขนมเข่งได้สติจึงรีบพูดแก้ทันที ให้ตายสิเรียกชื่อฉันผิดตั้งแต่เล็กจนโตไม่คิดจะปรับปรุงเลย -*-

 

 

 

           “นั่นไง! ฉันก็ว่ายัยนี่หน้าคุ้นๆ” ผู้ชายคนเดิมที่บอกว่าคุ้นหน้าฉันเอามือตบขาตัวเองแล้วพูดขึ้น

 

 

 

           “จะแก้วอะไรก็ช่างเถอะพี่หนมเข่ง พี่ก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะตกลงเป็นแฟนยัยนี่ ผมไม่มีวันทรยศ พิม เด็ดขาด” โทโมะพูดเสียงหนักแน่น

 

 

 

           “พิม ชื่อเหมือนตัวอิจฉา -3-” ฉันพูดแล้วเบ้ปาก

 

 

 

           “แฟน-ฉัน-เอง” โทโมะพูดเสียงแข็ง แหม! ที่พูดกับพี่ขนมเข่งนะทำเป็นนอบน้อม เชอะ! ลำเอียง ลำเอียงสุดๆ

 

 

 

           ว่าแต่แม่พงแม่พิมอะไรแฟนโทโมะงั้นเหรอ? หึหึ

 

 

 

           “เอาล่ะ ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ยังไงแกก็ระวังน้องฉันไว้หน่อยก็แล้วกัน แม่งโคตรโหดเลย” พี่ขนมเข่งตบไหล่โทโมะอีกครั้ง แล้วชูนิ้วโป้งขึ้นตอนเอ่ยถึงฉัน -*-

 

 

 

           “...ไปเว้ยไอ้แก้ว กลับบ้านกันเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะไอ้น้อง ” พี่ชายตัวดีของฉันเดินกลับมากอดคอฉันเหมือนเดิมก่อนที่จะลากออกมาจากบริเวณนั้น ยัยฟางที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ก็รีบวิ่งตามมาติดๆ

 

 

 

           “พี่หนมเข่งไปส่งฟางที่บ้านก่อนนะ T^T”

 

 

 

           “อ้อ ได้เลยน้องฟาง”

 

 

 

           เนื่องจากฉันกับยัยฟางมารถแท็กซี่ เพราะปกติยัยฟางจะไปมหาวิทยาลัย โดยรถประจำทาง และฉันก็นั่งรถมากับพี่ขนมเข่ง ทำให้เวลาเราสองคนจะไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งรถประจำทางไม่ก็พี่แท็กซี่เสมอ ยัยฟางเองก็รู้จักและสนิทกับพี่ชายฉันพอสมควร เพราะคุณเธอไปบ้านฉันบ่อย พี่ชายฉันก็รับอาสาไปส่งเกือบทุกครั้งถ้าเขาอยู่บ้านน่ะนะ

 

 

 

           “จะดีเหรอวะไอ้แก้ว มือที่สามเนี่ยนะ” พี่ขนมเข่งเอาหมอนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมากอดไว้ แล้วนิ่วหน้าทันทีที่ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดจบ ตอนนี้ฉันกับพี่ชายกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านเราค่ะ

 

 

 

           “ดีสิ หรือพี่อยากเห็นฉันเจ็บตัวไปตลอดยี่สิบปีห๊ะ”

 

 

 

           “ปกติ แกไม่ใช่คนเชื่อเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอวะ” พี่ขนมเข่งพูดกับฉันเหมือนพูดกับเพื่อนเลยเนอะ ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ เพราะฉันโตมากับเขาซึ่งอายุห่างกันแค่ปีเดียว เราจึงสนิทกันมาก เราสองคนมีนิสัยคล้ายๆ กัน และมันก็เป็นที่มาว่าทำไมฉันถึงมีนิสัยเหมือนผู้ชาย ทั้งความประพฤติคำพูดคำจา แม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นทอมอะไรเทือกนั้นก็ตาม

 

 

 

           “แต่ไอ้ความซวยนั่นมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ นะ T^T” ไอ้ฉันจะไม่เชื่อก็ยังไงอยู่ เพราะปกติก็ไม่เคยมีเรื่องแปลกๆ แบบนั้นเกิดขึ้นกับฉันเหมือนกัน

 

 

 

           “ฉัน จะบอกให้ว่างานนี้ยาก พอๆ กับงมเข็มในมหาสมุทรนั่นแหละ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ไอ้โมะจะเลิกกับแฟนง่ายๆ แล้วมาเป็นแฟนแก หมอนั่นน่ะ รักแฟนจะตายห่า -3-”

 

 

 

           “เพราะอย่างนี้ไง พี่เลยต้องช่วยฉัน…จริงสิ! แล้วพี่ไปรู้จักกับนายนั่นได้ยังไง เล่ามาเดี๋ยวนี้”

 

 

 

            “ก็เมื่อปีที่แล้วใช่ป้ะ ฉันบังเอิญไปเจอมันถูกรุมทำร้ายจากพวกนักเลงซังกะบ๋วยที่เล่นพวกเยอะเข้าว่า อยู่แถวๆ คอนโดร้างเลยมอไปไม่ไกลอะ ด้วยความที่พี่บังเกิดเกล้าของแกคนนี้เป็นคนดีก็เลยเข้าไปช่วย แล้วแม่งฟลุ๊กวะเฮ้ย! ฉันคนเดียวชนะไอ้พวกนั้นทั้งหมดเฉย แม่งหนีกันไปหมดไอ้โมะแม่งเลยไม่ตาย จากนั้นมันก็เลยนับถือฉันแล้วก็ถือเป็นบุญเป็นคุณมา ฉันบอกไม่เป็นไร มันก็บอกว่าไม่เป็นไรไม่ได้ แล้วมันก็ตอบแทนฉันด้วยการช่วยเหลือโน่นนี่เวลาฉันต้องการความช่วยเหลือมา ตลอด มันบอกชาตินี้ก็ทดแทนไม่หมดหรอก เพราะถ้าฉันไม่ช่วยมัน แม่งคงกลายเป็นผีเฝ้าคอนโดร้างนั่นไปแล้ว” พี่ขนมเข่งเล่าความหลังด้วยความตื่นเต้นสุดขีด พี่ชายฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบแอ๊กชั่น ตื่นเต้น เร้าใจ เขาเป็นคนตลกนะ สนุกสนานเฮฮา แต่ถ้าเขาโกรธขึ้นมาล่ะก็ น่ากลัวอย่าบอกใคร

 

 

 

           “ขนาดนั้นเลย -_-^”

 

 

 

           “เออดิ นี่ถ้าฉันแก่กว่ามันสักสิบปี แม่งคงนับถือฉันเป็นพ่ออะ” พูดพลางส่ายหน้าเบาๆ แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา

 

 

 

           “แต่ก็นะ ดวงคนมันจะช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน แล้วก็ฉันค้นพบว่าไอ้โมะมันสิงอยู่ที่ริกกี้เวย์เหมือนกัน ฮ่าๆๆ”

 

 

 

           “เหรอ…พูดถึงริกกี้ เดือนนี้พี่แพ้ได้ไงอะ อุตส่าห์รักษาแชมป์มาได้ตั้งเกือบยี่สิบปี”

 

 

 

           “เอ้า! สองวันก่อนแกเพิ่งเอาที่รักของฉันไปเข้าอู่มาด้วยกันหยกๆ แล้วจะให้ฉันยืมซาเล้งคนเก็บขวดไปแข่งหรือไงวะ -*-”

 

 

 

           “เออจริงด้วย >_<”

 

 

 

           “เดือนนี้ก็ชวดไปอย่างที่เห็น ไอ้โมะก็เป็นที่สองรองจากฉันมาตลอด เดือนนี้ก็เป็นเดือนของมันล่ะ ให้มันไป ฉันไม่คิดมากอยู่แล้ว” พี่ขนมเข่งพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก็จริงแหละ พี่ชายฉันไม่ได้ห่วงเรื่องอะไรพวกนี้มาก เพราะปกติเขาก็แพ้บ้างชนะบ้างสลับกันไป มีหลายๆเดือนให้หลังมานี้ล่ะที่เขาชนะมาตลอด

 

 

 

           “ฉันว่าพี่ต้องคิดมากแล้วล่ะ เพราะพี่ต้องช่วยฉัน…นายนั่นคือคนที่เรียกว่า เนื้อคู่ ของน้องสาวคนเดียวของพี่เลยนะ”

 

 

 

           “แต่มือที่สามมันไม่ดีมั้ง”

 

 

 

           “ใครว่า ถ้าโทโมะเป็นเนื้อคู่ของฉันจริงๆ แล้วการได้เป็นแฟนกับหมอนั่นมันจะช่วยล้างซวยดวงตกยี่สิบปีได้ล่ะก็ ฉันก็จะทำให้หมอนั่นมาเป็นแฟนฉันให้ได้”

 

 

 

           “แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะวะ”

 

 

 

           “ไม่รู้ เพราะงั้นเราต้องรีบๆ ทำให้สำเร็จเร็วที่สุดสิ ถ้าผลออกมาว่าฉันยังซวยอยู่ก็ค่อยว่ากันใหม่ เพราะตอนนี้ฉันก็มองไม่เห็นคนอื่นที่ตรงตามเงื่อนไขของยัยแม่หมอนั่นเท่า โทโมะแล้ว”

 

 

 

           “ฉันต้องช่วยแกจริงๆ ใช่ป้ะเนี่ย -*-”

 

 

 

           “ใช่เลยค่ะพี่ชาย ^O^”

 

 

 

           “แค่คิดก็นรกกินหัวแล้ว”

 

 

 

           “อ๊ะๆ ไม่กินหรอก แม่หมอบอกว่านายนั่นก็กำลังตกอยู่ใต้อำนาจของความชั่วอยู่ และถ้าฉันทำให้เขามาเป็นแฟนฉันได้ ก็เท่ากับฉันช่วยเขาด้วย >_<”

 

 

 

           “อำนาจของความชั่ว? พูดซะเหมือนหนังสยองขวัญ”

 

 

 

           “เหอะน่า พี่รู้มั๊ยว่าหมอนั่นมันตกอยู่ในความชั่วแบบไหน อะไร ยังไง ฉันคิดไม่ออกเลย”

 

 

 

           “ไม่รู้อะ แฟนมันหรือเปล่า”

 

 

 

           “พี่หมายถึงยัยพม่าอะไรนั่นน่ะเหรอ” ฉันพูดแล้วก็กำลังนึกถึงคนที่โทโมะบอกว่าเป็นแฟนเขา ไม่นานหรอก ฉันต้องได้เจอกับยัยนั่นแน่ๆ

 

 

 

           “พิมเว้ย”

 

 

 

           “เออ นั่นแหละ คล้ายๆ กัน ทำไมพี่ถึงคิดว่ายัยนั่นเป็นความชั่วล่ะ” ไม่ใช่แค่พี่ขนมเข่งนะที่มีความสามารถในการเรียกชื่อผิด ฉันเองก็มี -.,-

 

 

 

            “ไม่รู้สิ  ก็ถ้าไอ้โมะเป็นแฟนแก ก็จะพ้นมาจากพิม แล้วแกก็บอกเองว่าถ้าทำได้ก็เหมือนช่วยเนื้อคู่แก ฉันเองก็มองไม่เห็นว่าความชั่วจะเป็นอะไรไปได้นอกจากเรื่องนี้แล้ว”

 

 

 

           “จริงอะ”       

 

 

 

           “เออดิ ไม่งั้นก็อาจเป็นไอ้ฌอนคู่แข่งไอ้โมะ รายนั้นก็ร้ายใช่ย่อยนะ” พี่ขนมเข่งพูดแล้วทำหน้านึกอะไรบางอย่าง    

 

 

 

           “จริงเหรอ”

 

 

 

           “เออ...ไม่เชื่อเราลองไปสืบกันดูมั๊ยล่ะ ไม่แน่ที่ฉันพูดอาจจะจริงก็ได้”

 

 

 

            “ก็ดี เริ่มด้วยแฟนของหมอนั่น พี่รู้จักหรือเปล่า”

 

 

 

           “รู้สิ ปกติก็มาริกกี้นั่นแหละ แต่วันนี้เห็นไอ้โมะบอกว่ายัยนั่นไปทำรายงานที่หอเพื่อน”

 

 

 

           “ถ้าอย่างนั้นก็โอเค แปลว่า ตกลง ก่อนอื่นพี่ต้องรีบพาฉันไปยลโฉมยัยพม่านั่นให้เร็วที่สุด ฉันต้องการเปิดตัว”  

 

 

            “พิมมั่งเหอะ”

 

 

 

            “เออน่า...ฉันต้องไปทำความรู้จักกับยัยนั่นเอาไว้และก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นปฏิบัติการ ครั้งนี้! :)”

 

------------------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------------------------------

 

 

เม้นโหวต= 1 กำลังใจ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา