Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  27.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) แผนลับกระชับความสัมพันธ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 8 แผนลับกระชับความสัมพันธ์

 

 

            “เฮ้ย! -0-”

 

 

 

            “ฉันจะไม่ทนแล้วนะพี่เข่ง!” ฉันโวยวายพร้อมกับปาหมอนอิงที่อยู่ในมือไปฟาดหัวพี่ชายของตัวเองเข้าเต็มๆ ในขณะที่เขากำลังเดินตรงมาหาฉัน

 

 

 

            ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มนิดๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเวลานี้พี่ขนมเข่งกับฉันถึงไม่ได้อยู่ที่ริกกี้เวย์ แต่ดันมาโผล่หัวเป็นผีสิงอยู่ที่บ้านแบบนี้ นั่นก็เพราะฉันยังโกรธโทโมะเรื่องเมื่อตอนบ่ายไม่หายน่ะสิ! เขาเชื่อยัยพม่าว่าฉันเป็นคนปล่อยลมยางรถของเขา มันน่าเจ็บใจชะมัดเลย!

 

 

 

            ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ! -3-

 

 

 

            “เป็นบ้าอะไรของแกวะ ฉันจะไปริกกี้ก็ไม่ให้ไป พอตกลงว่าจะอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนยังจะมาเนรคุณเขวี้ยงหมอนใส่อีก…ทำตัว -_-^” พี่ขนมเข่งพูดอย่างเซ็งอารมณ์ก่อนที่จะเดินถือหมอนอิงใบเมื่อกี้แล้วมาหย่อน ก้นลงนั่งข้างๆ ฉันอย่างแรงจนฉันถึงกับกระเด้งขึ้นเล็กน้อย

 

 

 

            ไม่เบาเลยนะน้ำหนักตัวเนี่ย ไอ้พี่บ้า -*-

 

 

 

           “เออน่ะ!”

 

 

 

            “นี่ฉันเพิ่งหายงอนแกเรื่องเมื่อกลางวันที่ว่าฉันพูดอะไรเลี่ยนๆ นะเนี่ย ไอ้แก้วเน่า -0-”

 

 

 

           “หายก็ดีแล้วไง -*-”

 

 

 

           “ที่แกหงุดหงิด โหวกเหวกโวยวาย ทำลายข้าวของนี่เรื่องไอ้โมะใช่มะ” เขาถามพ้รอมกับหรี่ตาลงจ้องหน้าฉันอย่างจับผิด ฉันล่ะเกลียดสายตารู้ทันภายใต้กรอบแว่นไม่มีเลนส์ของเขาจริงๆ เลย ให้ตายเถอะ!

 

 

 

           “ใช่! เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียว”

 

 

 

           “เอาน่า ฉันบอกมันให้มั้ยว่าแกไม่ได้เป็นคนปล่อยลมยางน่ะ มันอาจจะเชื่อนะ ^_^” พี่ขนมเข่งพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

 

 

            ใช่สิ! คนที่โทโมะไม่เชื่อก็มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นแหละ!

 

 

 

            “ใครจะไปรู้ หมอนั่นอาจจะหาว่าฉันฟ้องพี่เข่ง แล้วพี่ก็เข้าข้างฉันก็ได้ เขาต้องคิดแบบนี้แน่ๆ” ฉันพูดเสียงแข็งพร้อมกับนึกหน้าโทโมะตอนที่พี่เข่งไปบอกเขาออกเลยล่ะ ถึงมันยังไม่เปิดขึ้น ฉันก็รู้ว่าเขาต้องทำหน้าแล้วพูดยังไง

 

 

 

            “แล้วแกฟ้องจริงมั๊ยล่ะ -_-”

 

 

 

            “ก็นิดหน่อยเอง T.T”

 

 

 

            “ได้ข่าวว่าแกเล่ามาทั้งหมด ถ้าไอ้โมะมันจะว่าแกฟ้องก็ไม่ผิดไปจากความจริงเลย”

 

 

 

            “บอกว่าฉันฟ้องไม่เท่าไหร่หรอก แต่หมอนั่นชอบว่าฉันไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ขี้อิจฉาอย่างนั้น เฮอะ!” นึกถึงน้ำเสียงตอนที่เขาว่าฉันขึ้นมาแล้วมันก็จี๊ด!

 

 

 

            “ไอ้โมะมันเป็นคนดีพอที่จะไม่พูดจาทำร้ายผู้หญิงหรอกน่า”

 

 

 

            “น้อยไปสิ! แววตาหมอนั่นเวลามองฉันนะ มันแข็งยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น! น้ำเสียงก็ไม่เคยจะเป็นมิตรเลย ฮึ่ย! แล้วนี่ยัยแม่หมอนั่นดันคอนเฟิร์มว่าฉันมาถูกทางแล้ว อย่าบอกนะว่าไอ้บ้านั่นมันเป็นเนื้อคู่ฉันจริงๆ น่ะ TOT” ฉันพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองจนผมยุ่งเหยิงไปหมด นี่ถ้าแรงกว่านี้อีกนิดผมต้องหลุดติดมือฉันออกมาแน่ๆ

 

 

 

            “ใจเย็นๆ” พี่ขนมเข่งเอามือมาลูบหลังฉันเบาๆ ให้สงบสติอารมณ์

 

 

 

            “ฮึ่ย!”

 

 

 

            พลั่ก!

 

 

 

            “อะเจ้ยยย!!!-0-”

 

 

 

            ฉันดึงหมอนใบเดิมมาจากหน้าตักของพี่ขนมเข่งแล้วปาออกไปอีกรอบเพื่อระบายอารมณ์ แต่มันกลับไม่ได้ดิ่งลงสู่พื้นตามที่หวังเอาไว้ เพราะมันไปโดนใครบางคนเข้า….ใครบางคนที่ไม่ได้มาแค่คนเดียวแต่มาสาม…สามคนที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านของฉันโดยไม่กดกริ่งเรียกหรือส่งเสียงให้เจ้าของบ้านรู้เลยแม้แต่นิดเดียว -*-

 

 

 

            “O_O!” ฉันกับพี่ขนมเข่งทำสีหน้าเดียวกันทันทีที่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสามคนนั้น

 

 

 

            เขื่อน!

 

 

 

            ป๊อปปี้!!

 

 

 

            โทโมะ!!!

 

 

 

            “ทำไมคนบ้านนี้มันโหดจังครับ ตอนรับแขกแบบนี้เหรอเนี่ย TOT” เขื่อนทำหน้าเศร้าก่อนที่จะก้มลงเก็บหมอนที่ตกอยู่กับพื้นแล้วเดินมายื่นคืนให้

 

 

 

            ไอ้เรื่องที่ปาหมอนไปโดนเขื่อนมันไม่ได้ทำให้ฉันตกใจเท่าไหร่หรอกนะ เพราะตอนนี้สายตาของฉันกับพี่ขนมเข่งกำลังมองไปยังโทโมะที่สภาพแบบว่า…แขนทั้งสองข้างไขว้กันไว้ข้างหลังแล้วถูกล็อกด้วยกุญแจมือ และที่ปากของเขายังมีผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่พันปิดปากเอาไว้ด้วย! ตอนนี้เขาก็กำลังดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในการจับกุมของป๊อปปี้ที่ตัวใหญ่กว่าและน่าจะแรงเยอะกว่ามากด้วย

 

 

 

            “มาได้ไง ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถเลยเนี่ย” พี่ขนมเข่งเป็นคนเปิดปากถามคนแรก

 

 

 

           “อ๋อ ผมขับเต่าทองของไอ้โมะมาเองแหละเลยไม่ส่งเสียงดัง คันโปรดมันเติมลมเสร็จก็กลับไปนอนพักที่บ้านล้วล่ะ” เขื่อนตอบก่อนที่จะก่อนที่จะเหลือบไปมองโทโมะที่ตอนนี้มีสีหน้าเหมือนขี้ ไม่ออกมาสักเจ็ดวันแปดวันได้

 

 

 

           “แล้วนี่แกสองคนทำอะไรไอ้โมะวะ อย่างกับจับตัวคนขโมยกางเกงใน >_<”

 

 

 

           “ก็จับตัวมันมาขอโทษที่เข้าใจแก้วใจผิดไงครับพี่หนมเข่ง” คราวนี้ป๊อปปี้เป็นคนตอบพร้อมกับพลักโทโมะให้เดินเข้ามาใกล้ฉันกับพี่ขนมเข่งเรื่อยๆ

 

 

 

           “เฮอะ!” ฉันจงใจพ่นลมหายใจเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อหันไปสบตากับโทโมะที่เขา มองมาที่ฉันพอดี สายตาของเขาที่มองฉันก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ แข็งกร้าวไม่เปลี่ยนเลย!

 

 

 

            “เหรอ ฉันว่าปล่อยมันก่อนดีกว่ามั้ย หน้าแม่งใกล้จะลาโลกเต็มแก่แล้วว่ะ ฮ่าๆๆ >O<” พี่ขนมเข่งบอกพร้อมกับลุกขึ้นไปเป็นคนแก้มัดผ้าที่ปิดปากโทโมะอยู่ ส่วนเขื่อนก็ล้วงลูกกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนเล่นสองสามทีก่อนที่ จะเดินชิวๆ ไปปลดล็อกกุญแจมือให้เพื่อนตัวเอง

 

 

 

           “ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ยว่าพรุ่งนี้ก็ได้ พวกแกทำให้พิมโกรธฉันอีกแล้วนะเว้ย!” ทันทีที่เป็นอิสระ โทโมะก็โวยวายใส่เพื่อนทั้งสองคนของตัวเองทันที แต่นอกจากจะไม่มีใครสนใจฟังแล้ว…เขื่อนยังยกมือขึ้นมาปิดหูเอาไว้ ป๊อปปี้เองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทัชเล่นไปมา  -_-^

 

 

 

            “ไม่ได้! เมื่อรู้ตัวว่าทำผิด ก็ต้องรีบขอโทษสิวะ” เขื่อนที่แกล้งทำเหมือนไม่ได้ยินแต่ที่จริงแล้วก็ได้ยินทั้งหมดพูดขึ้น พร้อมกับเก็กหน้าโหดใส่เพื่อนของตัวเอง

 

 

 

            “ฉันว่าพวกนายพาไอ้บ้านี่กลับไปเถอะ! ดูท่าทางก็รู้ว่าไม่เต็มใจมาขอโทษ” ฉันพูดแล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนีขึ้นชั้นสองของบ้าน แต่ก็ถูกพี่ขนมเข่งดึงแขนเอาไว้ก่อน ฉันหันไปมองพี่ชายตัวเองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่จะยอมนั่งลงที่เดิม

 

 

 

           “เล่ามาดิ๊ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ สรุปน้องฉันไม่ได้ทำใช่มั้ย นี่มันโวยวายตั้งแต่กลับมาถึงบ้านแล้วรู้มั้ยเนี่ย -*-” พี่เข่งพูดพร้อมกับกอดอกแล้วกระแทกก้นลงนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม

 

 

 

            เขื่อนและป๊อปปี้เองก็เดินมาไปจับจองโซฟาตัวเล็กกันคนละตัวเหมือนกัน จะเหลือก็แค่โทโมะเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่พร้อมกับจ้องฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ หน้าหมอนี่มันเหวี่ยงโลกชะมัดเลย

 

 

 

           “อ้าวไอ้โมะ เป็นริดสีดวงเหรอวะ นั่งดิ!” เขื่อนหันไปขมวดคิ้วใส่เพื่อนของตัวเองเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมนั่ง

 

 

 

           “พวกแกนะพวกแก ฮึ!” โทโมะบ่นอุบแล้วพ่นลมหายใจอย่างแรงพลางเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเล็กอีกตัวข้างๆ ป๊อปปี้

 

 

 

           “พวกฉันทำไมวะ ก็แฟนแกแม่งไม่ดูเองว่าใครทำกันแน่ เห็นแก้วใจไปเดินก้มๆ เงยๆ แถวรถหน่อยก็หาว่าเป็นคนปล่อยลมยาง โด่ว!”

 

 

 

            “-_-+”โทโมะไม่พูดตอบโต้เพียงแต่ทำสายตาอาฆาตส่งไปให้คนที่ว่าแฟนของเขาเท่านั้น แต่ฉันว่านั่นมันเป็นการตอบโต้อย่างหนึ่งที่น่ากลัวของหมอนี่เลยล่ะ

 

 

 

           “พอเถอะไอ้เขื่อน เมื่อกี้แกก็พูดแบบนี้จนยัยนั่นโกรธไอ้โมะไปแล้ว”

 

 

 

           “เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งเถียงกัน…ตกลงว่ารู้ความจริงแล้ว?” พี่ขนมเข่งยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงห้ามทัพ

 

 

 

           “ครับ ผมเป็นคนไปขอวิดีโอกล้องวงจรปิดของมหา’ลัย มาเปิดมาดูเองแหละ ไอ้ฌอนมันคงไม่รู้ว่าที่ลานจอดรถมันมีกล้องข้างตึกตัวนึงที่จับภาพตรงนั้นอยู่” เขื่อนอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง พี่ขนมเข่งเองก็พยักหน้าลงช้าๆ อย่างเข้าใจ ส่วนฉันน่ะเหรอ…ก็กำลังเขม่นตาใส่โทโมะอยู่น่ะสิ คิดว่าเขาทำสายตาแบบนั้นเป็นคนเดียวหรือไง เฮอะ!

 

 

 

           “จะจ้องอีกนานมั้ยห๊ะ” โทโมะถามขึ้นอย่างหาเรื่อง

 

 

 

           “ก็จนกว่านายจะขอโทษฉันนั่นแหละ!” ฉันถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห เขาไม่เห็นมีสีหน้าและท่าทางสำนึกผิดเลยสักนิด!

 

 

 

            “ไอ้บ้าสองตัวนี่ก็กัดกันอยู่ได้ โว๊ะ!” พี่ขนมเข่งส่ายหน้าอย่างระอา

 

 

 

            “เอาเป็นว่า…เรื่องนี้ไอ้แก้วไม่ผิดสินะ…” เขาพูดต่อเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างอยู่

 

 

 

            “ใช่ แล้วครับ ดังนั้นขอโทษแก้วใจซะไอ้โทโมะ” เขื่อนพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วยกับพี่ขนมเข่งแล้วหันมาสั่งเพื่อนของตัวเอง เสียงเข้ม

 

 

 

           “ขอโทษ!…ไป! ไอ้ เขื่อน ไอ้ป๊อปปี้ กลับกันเถอะ ลาล่ะครับพี่หนมเข่ง” โทโมะพูดเสียงรอดไรฟันขอโทษฉันอย่างไม่เต็มใจนักก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วหัน ไปพยักหน้าเรียกเพื่อนของตัวเอง

 

 

 

           “อะไรวะ มายังไม่ถึงห้านาทีเลย” ป๊อปปี้บอกพร้อมกับดึงเพื่อนของตัวเองให้นั่งลงที่เดิม

 

 

 

           “จะรีบไปไหนล่ะ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่ายกโทษให้หรือเปล่า…แต่ งานนี้มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ ในการที่จะให้ฉันยกโทษให้นะ” ฉันพูดลอยๆ แต่รู้นะว่าเขาได้ยินน่ะ เพราะฉันเห็นเขาชักสีหน้าไม่พอใจแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วย

 

 

 

           “เอ่อ…เออๆ นั่นสิ! ข้อแลกเปลี่ยน” พี่ขนมเข่งทำเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ ทันทีเมื่อฉันแอบเอื้อมมือไปหยิกแขนเขาเบาๆ เป็นเชิงว่าให้ร่วมด้วยช่วยกัน

 

 

 

           “เออว่ะ! เป็นฉันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ” เขื่อนพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วยอีกคนโดยที่ฉันไม่ได้ขอร้อง

 

 

 

            ดีล่ะ! คนสนิทของโทโมะร่วมมือกับฉันแบบนี้มันค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย…หึหึ

 

 

 

            ยัยพม่า! แฟนเธอเสร็จฉันแน่!

 

 

 

            เอ๊ย! เธอเสร็จฉันแน่ ฉันไม่ยอมให้เธอมาทำร้ายฉันแบบนี้ได้ตลอดหรอกนะ >_<

 

 

 

            “พี่หนมเข่ง ผมว่า…” โทโมะมีสีหน้าลำบากใจทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบป๊อปปี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยกแขนขึ้นมาคล้องคอเขาเอาไว้แล้วชิงพูดแทรกขึ้นซะก่อน

 

 

 

            “ฉันว่ามันโอเคเลยนะถ้าจะมีข้อแลกเปลี่ยนเนี่ย”

 

 

 

            “พวกแกก็เห็นด้วยกับยัยบ้านี่เหรอวะ!” โทโมะพูดเสียงดังแล้วชี้นิ้วมาที่ฉันอย่างลืมตัว

 

 

 

            “อะแฮ่ม! น้องกู -_-^” พี่ขนมเข่งแกล้งส่งเสียงกระแอมขึ้น จนโทโมะรีบชักมือกลับไปกำไว้แล้ววางไว้ที่หน้าตักของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

            “ขอโทษครับพี่หนมเข่ง แต่ผมขอโทษแก้วใจไปแล้ว…ให้ผมกลับเถอะ U.U”

 

 

 

            “น้องฉันบอกมีว่ามีข้อแลกเปลี่ยนไง ฟังมันหน่อยเหอะ ฉันขี้เกียจรำคาญตอนมันพล่ามบ่นเรื่องแกให้ฉันฟัง” สรุปแล้วพี่ชายฉันตั้งใจจะช่วยฉันจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย -*- แต่ไม่ว่าด้วยเจตนาอะไรก็ตามแค่เขาช่วยฉันก็พอแล้วล่ะ ลำพังฉันแค่คนเดียวคงลำบากแน่ๆ ก็โทโมะตีหน้าโหดใส่ฉันตลอดเวลาเลยน่ะสิ T^T

 

 

 

            “…ก็ ได้ครับ” เขาจำใจยอมฟังในที่สุด คงเพราะเกรงใจพี่ขนมเข่งนั่นแหละ ถึงแม้ว่าเขาจะห้ามไม่ให้ฉันดึงพี่ชายของตัวเองเข้ามาเกี่ยงข้องกับเรื่องนี้ก็เถอะ แต่ฉันไม่เชื่อเขาหรอกนะ เพราะเขาเองยังไม่เชื่อฉันเลย

 

 

 

            แบบนี้เขาเรียกว่าหายกันนะจ๊ะสุดหล่อ 

 

 

 

            แล้วก็เกิดความเงียบเข้ามาครอบงำทันทีเพราะทุกคนกำลังรอฟังฉันว่าจะมีข้อแปลก เปลี่ยนอะไร รวมถึงโทโมะด้วย แต่รายนั้นดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นอกจากส่งสายตาเป็นเชิงเร่งให้ฉันพูด เร็วๆ เขาจะได้กลับสักที เห็นหน้ายุ่งๆ ของเขาแบบนี้แล้วตลกชะมัด มันน่าแกล้งซะให้เข็ด!

 

 

 

            “นาย…เลิกกับแฟนได้ป้ะ!>_<” ฉันเอ่ยขึ้น

 

 

 

            “ไม่!!!” เขาค้านเสียงแข็งพร้อมกับลุกพรึบขึ้นทันใด

 

 

 

            “ฉันว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจนะ” ป๊อปปี้เอ่ยขึ้นเสียงเรียบตามสไตล์ของเขาในขณะที่สายตาก็ยังคงสนใจโทรศัพท์ในมือของตัวเองอยู่

 

 

 

            “นั่นดิ แกเลิกกับพิมก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ค่อยชอบแฟนแกเท่าไหร่ว่ะนี่พูดเลย ดูเป็นคนแปลกๆ อะ =.,=” เขื่อนพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ เขาต้องไม่ทันเห็นสีหน้าของโทโมะแน่ๆ เพราะตอนนี้ตาหมอนั่นกำลังกระตุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

            “พูดอีกทีดิ๊” โทโมะหันขวับไปหาเขื่อนแล้วง้างหมัดขึ้นสูงเตรียมจะปล่อยใส่เพื่อนของตัวเองได้ทุกเมื่อหมอนี่มันน่าหมั่นไส้นัก! กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียวถึงกับจะต่อยเพื่อนตัวเองเลยเหรอไง งี่เง่าโง่งมงายชะมัดยาด -0-

 

 

 

            “เฮ้ยๆๆ! เข้ามากูถีบอะนี่บอกล่วงหน้าเลย O[]O!” เขื่อนยกเท้าขึ้นทันทีเพื่อเตรียมพร้อมยันโทโมะออกไปถ้าหมอนั่นเข้าไปต่อยเขาจริงๆ

 

 

 

            “นั่งก่อนๆ ใจเย็นเว้ย! ไอ้แก้วล้อเล่นหรอกน่า” พี่ขนมเข่งเป็นคนห้ามทัพอีกครั้ง

 

 

 

            “แกก็ดีแต่ว่าพิม ยัยนั่นไปทำอะไรให้แกนักหนาวะ…แกด้วยไอ้ป๊อป นิ่งๆ เงียบๆ นี่ตัวดีเลยนะ -*-” โทโมะยอมนั่งลงแต่โดยดีแต่ก็ไม่วายโวยวายใส่เพื่อนของตัวเองจนได้ แถมป๊อปปี้ที่นั่งกดมือถืออยู่(น่าจะเล่นเกมนะฉันว่า)ถึงกับผงะพร้อมกับเงย หน้าขึ้นมาอย่างงุนงงทันทีที่โดนอ้างถึงด้วย

 

 

 

            “ฉันให้โอกาสเธอพูดอีกครั้ง ถ้ายังเพ้อเจ้อไม่เลิก ฉันจะกลับ!...ขอ โทษนะครับพี่หนมเข่ง” เมื่อเห็นว่าโทโมะหันมาทำตาเขียวใส่ฉันแล้วก็หันไปทำท่าทีอ่อนน้อมให้พี่ ขนมเข่ง ฉันก็ถึงกับเบ้ปากทันที ความจริงแล้วหมอนี่มันก็ขี้โวยวายเหมือนกันนะเนี่ย เผลอๆ จะมากกว่าฉันด้วยซ้ำ แถมยังเลือกปฏิบัติด้วย! T^T

 

 

 

            “เรื่องมากจริงๆ เลย” ฉันแกล้งบ่น

 

 

 

            “…”โทโมะไม่โต้เถียงอะไรเพียงแต่ส่งสายตาอำมหิตมาให้ฉันเท่านั้น

 

 

 

            “ถ้าเรื่องเมื่อกี้ทำไม่ได้ งั้นก็…” ฉันเงียบไปก่อนที่จะหันไปกระซิบถามพี่ขนมเข่งทันที

 

 

 

            “ทำอะไรดีวะพี่เข่ง”

 

 

 

            “เบ๊เป็นไง แกจะได้ใกล้ชิดหนิดหนมกับมันมากขึ้น >_<” พี่ขนมเข่งกระซิบตอบกลับมา และมันก็เป็นคำตอบที่เจ๋งมาก! โอกาสที่ฉันจะเอาชนะใจโทโมะมันก็อยู่แค่เอื้อมนี้เองล่ะเนอะ!

 

 

 

            “เออว่ะ…อะแฮ่ม! เอาล่ะฉันรู้แล้ว นายต้องมาเป็นเบ๊ให้ฉัน! >O<”

 

 

 

            “ตลกเหรอ -_-^”

 

 

 

            “ความคิดฉันนะเว้ย!” พี่ขนมเข่งโวยวายทันที

 

 

 

            “โถ่พี่หนมเข่ง ผมเข้าใจผิดแค่นี้ถึงกับต้องมีข้อแลกเปลี่ยนติ้งต๊องอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ…เอ่อ คือผมหมายถึงข้อแลกเปลี่ยนที่มันติ้งต๊อง ที่มัน…เอ่อ หมายถึงข้อแลกเปลี่ยนอะครับ ต้องมีด้วยเหรอ T_T” โทโมะพูดจาติดขัดทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ชายฉันถลึงตาใส่ คิกๆ เห็นสีหน้าสลดแล้วทำแก้มป่องของเขาแบบนี้แล้วมันน่าจับหยิกแก้มชะมัดเลย -///-

 

 

 

            “แกก็เป็นให้น้องฉันหน่อยเถอะ”

 

 

 

            “ครับ…วันเดียวน่าจะพอนะ” โทโมะมองพี่ขนมเข่งตาละห้อยก่อนที่จะเลื่อนสายตามาที่ฉันแล้วแววตาก็แสดงความรำคาญขึ้นมาทันที

 

 

 

            “บอกแล้วว่ามันเป็นคนดี ไม่ดีจริงไม่ตกลงหรอก” พี่ขนมเข่งกระซิบข้างหูฉันให้ได้ยินแค่สองคน แต่สายตาของเขาก็ยังคงมองไปที่โทโมะอยู่

 

 

 

             “ตลอดชีวิตได้ป้ะ >_<” ฉันแอบหยอดไปหนึ่งที

 

 

            บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันเกือบจะหายโกรธที่โทโมะเข้าใจผิดแล้วล่ะ อย่างน้อยเขาก็ยอมขอโทษแล้ว ก็ยอมรับเงื่อนไขของฉันล่ะเนอะ อีกอย่างฉันก็จะพยายามจะทำใจนะว่าที่เขาแข็งกระด้างแล้วก็ไม่ชอบขี้หน้าฉัน มันเป็นเพราะเขารักแฟนตัวเองแล้วก็เชื่อใจแฟนตัวเองทั้งนั้นแหละ ฉันว่ามันก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งนะ แต่มันก็เป็นข้อเสียของเขาที่ทำให้โดนหลอกได้ง่ายๆ ฉันจะต้องทำให้เขาตาสว่างให้ได้ว่ายัยพิมนั่นน่ะมันร้ายกาจแค่ไหน! ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังไม่รู้ก็เถอะว่ายัยนั่นมันกำลังทำอะไรอยู่ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่ายัยพม่าหน้าตุ๊กตาไม่จริงใจ! แค่นี้ก็เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งแล้ว >_<

 

 

 

            “เหอะ! จะเล่นอีกนานมั๊ย”

 

 

 

            “ฉันพูดจริงนะ ฉันจริงใจ *O*” ฉันแกล้งทำตาบ้องแบ๊ว เพื่อว่าเขาจะสนใจเห็นความงามในตัวฉันขึ้นมาบ้าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ…

 

 

 

            “ทำหน้าเหมือนเป็ดใส่ฉันอีก บ้าเอ๊ย!…หนึ่งวันขาดตัว -_-”

 

 

 

            “สามเดือนขาดตัวเหมือนกัน!” ฉันพูดอย่างเป็นต่อแล้วยักคิ้วให้เขาสองสามทีโดยแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องที่เขาว่าฉันหน้าเหมือนเป็ด T^T

 

 

 

            ปากร้ายนักนะ!

 

 

 

            “สามวันขาดตัว -_-” ไอ้หมอนี่มันต่อจังเลยแฮะ

 

 

 

            “งั้นสองเดือนครึ่งอ่ะ!” ฉันเบะปากอย่างไม่พอใจ โทโมะนี่ดื้อชะมัดเลย  :(

 

 

 

            “ฉันให้สองวันครึ่ง…ความจริงวันเดียวก็มากเกินไปด้วยซ้ำสำหรับคนอย่างเธอเนี่ย -*-”

 

 

 

            “พี่เข่ง~ แก้วน้อยต้องการประชาธิปไตย T^T” ฉันหันไปเอามือคล้องแขนพี่ขนมเข่งพลางเขย่าเล็กน้อยแล้วพูดเสียงอ้อนทันที

 

 

 

            ถ้าเป็นพี่ชายฉันล่ะก็ รับรองว่าต่อให้หนึ่งปีโทโมะก็ไม่มีสิทธิ์ค้าน! ฉันนี่นิสัยแย่เนอะที่เอาคนที่โทโมะนับถือและยอมทุกอย่างมาบังหน้าเพื่อทำให้เขาทำตามที่ฉันต้องการ แต่ทำไงได้ล่ะ เขาอยากเล่นตัวเองอะ -.,-

 

 

 

            “โอ๋ๆ น้องน้อยของพี่…เอาล่ะ เรา…สาม สี่…ห้าคนต้องลงประชามติ!” พี่ขนมเข่งพูดพลางนับจำนวนคนที่อยู่ในนี้ มีไม่กี่หัวเองถึงกับต้องชี้นิ้วนับเลยเหรอพี่ชายฉัน -_-^

 

 

 

            (-_-)(_ _)(-_-)(_ _)(-_-)(_ _)(-_-)

 

 

            ทุกต่างพากันพยักหน้าลงอย่างเห็นด้วย เห็นจะมีก็แต่โทโมะที่คิ้วของเขาขมวดกันเป็นปมใหญ่เลยล่ะ

 

 

 

            “คู่กรณีเสนอจำนวนวันมาคนละหนึ่งจำนวน” พี่ขนมเข่งเก็กหน้าหล่อแล้วพูดเสียงเข้ม

 

 

 

            “สามเดือน!” ฉันพูดแล้วเชิดหน้าขึ้น

 

 

 

            “หนึ่งวัน!” โทโมะยืนยันคำตอบเดิมเสียงแข็ง

 

 

 

            “เอาล่ะ ใครเห็นด้วยกับสามเดือนยกมือขึ้น! (>_<)//” พี่ขนมเข่งพูดพร้อมกับยกมือขึ้นสูง รวมทั้งฉันเองก็ยกขึ้นด้วยที่สำคัญ…เขื่อนกับป๊อปปี้เองก็เห็นด้วยกับฉันเหมือนกัน!

 

 

 

            “ไอ้โมะ ฉันแสดงความเสียใจด้วยว่ะ กร๊ากกก!~ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ยกมือ >_<” พี่ขนมเข่งหัวเราะดีใจอย่างออกนอกหน้าในขณะที่ฉันทำเพียงแค่แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาเท่านั้น หึหึ

 

 

 

           “นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ” โทโมะพูดเสียงแข็ง

 

 

 

           “ยังไงวะไอ้โมะ” เขื่อนถามขึ้น

 

 

 

           “ก็…”  

 

 

 

           “สามเดือน…ไปเถอะกลับกัน ลาล่ะครับพี่หนมเข่ง” ป๊อปปี้พูดรวบรัดตัดความพร้อมกับลุกขึ้นล็อกคอโทโมะดึงให้ลุกตามขึ้นมา

 

 

 

            “กลับได้ไง ฉันยังไม่ตกลงเลย ทีเมื่อกี้จะกลับก็ไม่ให้กลับ -*-” โทโมะโวย

 

 

 

           “ก็ตอนนี้ให้กลับแล้วไง กลับดิ!” ป๊อปปี้พูดหน้าตายแล้วลากคอโทโมะออกไปทันที

 

 

 

            “เฮ้ย! ฉันยังข้องใจอยู่เลย ปล่อย! ว้ากก~” โทโมะโวยวายพลางพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกจับกุมของป๊อปปี้ แต่เขาก็ยังสู้แรงเพื่อนของตัวเองไม่ได้อยู่ดี เห็นแล้ว…อนาถแท้

 

 

 

           “แล้วเจอกันคร้าบบบ~ พี่หนมเข่ง แก้ว >_<” เขื่อนลุกขึ้นโบกไม้โบกมือลาด้วยอีกคน

 

 

 

           “เออ กลับกันดีๆ นะเว้ย ถนอมไอ้โมะหน่อย ฮ่าๆๆๆ” พี่ขนมเข่งพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปส่งสามคนนั้น ฉันเองก็เลยลุกแล้วเดินตามมาบ้าง

 

 

 

            เราสองคนพี่น้องยืนมองรถโฟล์คเต่าสีเหลืองนวลที่มีเขื่อนเป็นคนขับและป๊อปปี้นั่งคุมตัวโทโมะอยู่ที่เบาะด้านหลังเลี้ยวออกไปจนลับตา จะว่าไปโทโมะนี่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ มีแฟนกับเขาแต่ยัยนั่นก็ไม่จริงใจแถมเจ้าตัวก็โง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วนี่ยังจะโดนเพื่อน พี่ขนมเข่ง แล้วก็ฉันรุมบังคับอีก =_=

 

 

 

            “ขอบคุณนะพี่เข่งที่ช่วยฉันอะ T^T” ฉันบอกพร้อมกับโผเข้ากอดพี่ชายตัวเองด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งหาที่เปรียบไม่ได้

 

 

 

           “เรื่องแค่นี้เอง สบายๆ” เขากอดตอบฉันพลางลูบหัวเบาๆ

 

 

 

           “ความจริงฉันไม่น่าให้พี่มาปวดหัวกับเรื่องนี้ด้วยเลยอะ นี่ก็กลัวว่าโทโมะจะหมดความศรัทธาในตัวพี่นะเนี่ย”

 

 

 

           “ไม่หรอก น้องสาวคนเดียวดวงตกทั้งที เรื่องไหนช่วยได้ก็ต้องช่วยดิ”

 

 

 

            “ซึ้งน้ำตาจะไหลอะ T_T” ฉันพูดพร้อมกับรับรู้ได้ถึงความชื้นจากน้ำใสๆ ที่ขอบตา

 

 

 

            “ไอ้เด็กบ้า ไม่งอแงน่า ฉันรู้จักคนอย่างไอ้โมะดี…อีกอย่างมันก็เป็นคนดีพอที่จะรักษาสัญญาหรือสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้ เชื่อเถอะ”

 

 

 

            “แน่ใจนะ”

 

 

 

            “แน่ดิ แผนลับกระชับความสัมพันธ์ ครั้งนี้ต้องไปได้สวยแน่ แกเองก็ทำอ่อนแอบ้างนะ ไปชวนมันทะเลาะบ่อยๆ เดี๋ยวแผนล่ม -*- รับรองว่าถ้าเชื่อฉัน…ไม่ช้าหรอกไอ้โมะกับแฟนต้องเลิกกัน อุวะฮ่าๆๆ >O<”

 

 

 

            นั่นชื่อแผน?

 

 

 

            พี่ฉันนี่แหละตัวร้ายเลย ฉันเคยบอกไปหรือยัง?

 

 

------------------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป---------------------------------------------------------

 

สองพี่น้องของเรื่องนี้มันร้ายกาจชะมัดเลย จอมวางแผน โดยเฉพาะพี่เข่ง =___=

1 ตอน 1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจนะคะ :)

อย่าลืมให้คะแนนโหวตด้วยน้าาาาา

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา