The seasons change ฤดูที่แตกต่าง

-

เขียนโดย Madammeaw

วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.47 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,538 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559 22.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) ฤดูที่แตกต่าง 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฤดูที่แตกต่าง………..เจ้าชายนิททรากับนักเปียโน

(เรื่องโดย เฟียต)//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

   มืด..มองไม่เห็นอะไรเลย ที่นี่ที่ไหน ใครก็ได้พาผมออกไปจากที่นี่ทีเถอะ

“คุณหมอค่ะคนไข้ได้สติแล้วค่ะ”

“เอาเครื่องช่วยหายใจมาทีเร็ว”

“นี่มันปฎิหารชัดๆเลย”

“การเต้นของหัวใจเป็นไงบ้าง”

“อยู่ในระดับปกติแล้วค่ะคนไข้ลืมตาแล้วค่ะ”

อะไรกันเสียงอะไรคุณเป็นหมอหรอผมเป็นอะไรไป ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง บอกผมทีเถอะได้โปรดแล้วภาพทุกอย่างก็มืดลงอีกครั้ง

    ห้องพักฟื้น ของเยี่ยมคนไข้ พยาบาล หมอ ตอนนี้ผมเริ่มได้สติแล้วทุกอย่าเริ่มดูโอเค แล้วผมก็นึกออกแล้วว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไง ตลอดเวลาที่ผมได้สติกลับมาหลังจากหลับไปนานหลายเดือนคนเดียวที่ผมเจอก็คืออาจารย์ที่มาเยี่ยมผมทุกวัน อาจารย์แล้วเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในเวลาหลายเดือนมานี้ให้ผมฟังและก็เล่าถึงคนๆหนึ่งที่ช่วยผมไว้ด้วย ขอแค่สักครั้งได้พูดว่าขอบคุณสักครั้งก็พอแล้วอีกไม่กี่วันผมก็จะได้ออกไปใช้ชีวิตปกติแล้ว และสิ่งมี่ผมเองอยากทำก็คือการไปหาเค้าคนนั้นคนที่ช่วยผมไว้ มารช์ ชื่อนี้ผมจะจำไปตลอดชีวิตของผมคนที่ช่วยชุดผมจากความตาย

     ที่บ้านเวลา 3:05 ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ผมเดินลงมาหาน้ำดื่มที่ห้องครัวแล้วตาก็เหลือบมองไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลของหนึ่งวางอยู่ผมพลิกดูว่ามีชื่อคนส่งหรือรับรึเปล่าแต่ก็ไม่มีผลเลยแกะซองออก ภายในมีกระดาษสีขาวอยู่สองแผ่นด้วยกันแผ่นแรกเป็นกระดาษสีขาวธรรมดาไม่มีอะไรเขียนไว้อีกแผ่นเป็นจดหมายเขียนด้วยภาษาอังกฤษของบุคคลปริศนาที่ไม่ได้ระบุชื่อไว้เนื้อหาภายในมีความดังต่อไปนี้

Even when the sun goes down, we still love you.

Even when the ocean is dry, we still love you.

Even when I went away, we still love you.

Jessica Heart of troublemakers, do not be sad, to me, not from me, where I am still waiting to protect you always, and I ask you the most important to you shall keep it the better it will be. to lead us to find love again with Peter. 

  อะไรกันเนี่ยจดหมายรักรึไงกันแล้ว เจสสิก้ากับปีเตอร์นี่ใครกันเฮ้อนี้ปีไหนแล้วยังส่งจดหมายรักอีกหรอเนี้ยผมเดินขึ้นห้องไปพร้อมกับซองเอกสารที่เจอแล้วก็วางไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอน

    ช่วงเดือนนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้วจะไปไหนแต่ละทีถ้าไม่มีร่มหรือเสื้อกันฝนก็จบกันจนบางทีก็ทำให้ขี้เกลียดไปไหนเลยก็ว่าได้ ผมนั่งฟังเพลงแล้วก็วาดรูปตามประสาของผมไปเรื่อย ผมชอบที่จะขีดเขียนแม้มันจะไม่ได้สวยงามอะไรมากมายแต่มันก็สร้างสติและสมาธิกับเรามากทีเดียว ผมใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการวาดรูปซะหมดเลยลืมแม้แต่ข้าวก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องสักเม็ดเลย

   ผมเดินเข้าครัวจัดการหยิบโน้นหยิบนี่ออกจากตู้เย็นก่อนจะลงมือทำอาหารเที่ยงและเช้าของผมทีเดียว

กิ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นผมจัดการวางหีดที่หั่นผักแล้วเดินไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับใครครับ ใครครับ”ผมถาม

“เออนี่นายใช่เฟียตรึเปล่าอะ”

“อะครับผมเฟียตแล้วคุณคือ…..”ผมถามอย่างงงๆ

“เออคือฉันชื่อมารช์นะ คนที่เคยช่วยนายตอนโดนรถชนอะ”

“ห๊ะ!นะนาย คือมารช์หรอนี่คุณจริงๆหรอ”ผมตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่เมื่อรู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตผมเค้าโทรมาหาผม

“นายสบายดีแล้วใช่ไหม โอเคแล้วใช่ไหม”มารช์ถามผม

“อื้มดีขึ้นแล้วหละว่าแต่คุณกลับมาไทยแล้วหรออาจารย์บอกว่าคุณไปต่างประเทศนานมากกว่าจะกลับ ผมดีใจมากเลยตั้งแต่ผมฟื้นคนที่ผมอยากเจอที่สุดก็คือคุณเลยนะผมอยากจะขอบคุณคุณจริงๆ”ผมพูดยาวเป็นชุด

“เออคือตอนนี้ผมยังไม้ได้กลับไปหรอกแค่โทรมาเพราะอยากรู้ว่าคุณสบายดีแล้วหนะครับเอาเป็นว่าผมรู้แล้วก็โชคดีนะครับบายครับ”

   มารช์วางหูไปโดยที่ผมไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่ยังไงผมก็ยังอยากจะพูดกับเขาต่อหน้ามากกว่ามาพูดแค่ในโทรศัพท์อยู่ดี

(เรื่องโดย มารช์)////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

  ผมตะลึงงันกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้านี่มันเด็กคนนั้นนี่ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน

เด็กคนนั้น(เฟียต)วางโน้ตเปียโนไว้บนที่วางโน้ต เป่าลมใส่มือทั้งสองเบาๆเพื่อทำให้นิ้วมือที่เย็นเฉียบอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง ไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนั้น(เฟียต)เขาจะเล่นเพลงอะไรในใบคะแนนของกรรมการก็เขียนไว้แค่ว่าเพลงแต่งเองเท่านั้น  แล้วเขาก็เริ่มบรรเลง

   ไม่ประหลาดใจเลยที่เขาดีดคีย์เปียโนตัวแรก บทเพลงก็ปลดปล่อยพลังอันน่าประทับใจอย่างที่สุดออกมาภายใต้การบรรเลงสุดแสนวิเศษของเขา บทเพลงเปียโนนี้มีลีลาท่วงทำนองวนเวียนซ้ำไปมา แต่ในวินาทีถัดไปกลับมีพลังงานชีวิตที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งได้ทันที เอ๊ะ!นี่มันอะไรกันเพลงเมื่อตอนนั้นหนิไม่เพียงแต่ผมเท่านั้นที่ตกใจกรรมการและคนที่อยู่ ณ ตอนนั้นต่างตื่นตระหนกกันไปตามๆกัน

  เขาบรรเลงเปียโนราวกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกายของเขา บรรเลงไป บรรเลงไป บรรเลงไป เมื่อเสียงตัวโน๊ตตัวสุดท้ายจบลงทุกย่างก็เข้าสู่ภาวะเงียบสงัดเด็กคนนั้นลุกจากเก้าอี้เปียโนแล้วโค้งคำนับหนึ่งครั้งเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ชมแล้วก็มีเสียงปรบมือจากคนทั่วทั้งหอประชุมดังขึ้นเสียงปรมมือดังกระหึ่มอยู่นานก่อนจะจบลงเด็กคนนั้นก็หันหลังแล้วเดินลงจากเวทีเพื่อที่จะให้คนติอไปมาแสดง

    ผม อาแล้วก็เพื่อนของอาออกมาจากหอประชุมเพื่อมาหาเด็กคนนั้นที่ห้องพักผู้เข้าแข่งขัน

“เยี่ยมมากเยี่ยมจริงๆลูกชายพ่อ”

“ขอบคุณครับผมผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วครับ”

“เอ้อพ่อมีคนจะแนะนำให้รู้จักหนะ นี่ อาเท็นนะแล้วก็หลานชาย มารช์”

เพื่อนของอาแนะนำผมกับอาให้ลูกชายเค้าได้รู้จัก

“เออคือพ่อมีอีกเรื่องจะบอกหนะเดี่ยวพ่อต้องไปธุระกับอาเท็นต่อพ่อคงไม่ได้อยู่จยงานจบยังไงฝากมารช์ช่วยดูหน่อยนะ”แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องพักโดยไม่ถามผมสักคำว่าอยากอยู่ต่อไหม ผมไม่ค่อยอยากอยู่กับเด็กคนนี้เท่าไหร่นักแต่ก็ต้อจำยอม บรรยากาศในห้องดูเงียบไปเลยเมื่อทั้งสองออกไปผมเลยถือโอกาสถามเรื่องที่คาใจเลย

“เออคือนายหายแล้วหรอ”ผมเริ่มพูดก่อน

“หือหะหายจากอะไรอะ”

“ก็นายโดนรถชนแล้วฉันพานายไปโรงบาแล้วนายก็เป็นเจ้าชายนิททราไง”

“นี่นายจะบ้าหรอฉันอยู่ที่นี่ไม่เคยโดนรถชนอะไรทั้งนั้นอ่ะนายจำผิดคนรึเปล่า”แหมหน้าเหมือนกันยิ่งกว่าถ่ายเอกสารจะผิดคนได้ไงกัน

“นายคงได้รับความกระทบกระเทือนสินะคงจะอะไรไม่ได้”

“เฮ้!!!นี่นาย นายมาว่าฉันอย่างนี้ได้ไงกันนายว่าฉัน กระทบกระเทือนอะไรกันนายนี่มันบ้ายิ่งกว่าฉันอีกเสียเวลานั่งคุยด้วย”พูดเสร็จเขาก็เดินออกไปจากห้องแต่งตัวท่าทางจะโกรธทากทีเดียว ก็มันจริงหนิคนมันสงสัยอะอย่างนี้มีคนเดียวที่จะรู้

20:00

   ผมนอนอยู่บนเตียงนอนที่บ้านอานึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนไปงานแล้วแน่นอนเด็กคนนั้นชนะไปแต่สิ่งที่ผมสนใจกลับเป็นตัวของเขาเองมากกว่าผมตัดสินใจโทรหาอาจารย์ถามเรื่องราวที่โน้นแล้วได้รับคำตอบมาว่าเด็กคนนั้นฟื้นแล้วและที่น่าแปลกคือเด็กคนที่โดนรถชนก็ชื่อเฟียตเหมือนกันด้วย ก่อนที่จะจบการสนทนาอาจารย์ก็ได้ให้เบอร์โทรของเด็กคนนั้นมาเผื่อผมอยากจะโทรไปคุยหรือถามอาการ

เอาไงละทีนี้จะโทรดีรึเปล่าโทรไปจะพูดว่าไง เอาว่ะโทรก็โทร

“สวัสดีครับใครครับ ใครครับ”เด็กคนนั้นถาม

“เออนี่นายใช่เฟียตรึเปล่าอะ”

“อะครับผมเฟียตแล้วคุณคือ…..”

“เออคือฉันชื่อมารช์นะ คนที่เคยช่วยนายตอนโดนรถชนอะ”

“ห๊ะ!นะนาย คือมารช์หรอนี่คุณจริงๆหรอ”ดูน้ำเสียงของเขาคงจะดีใจมากเลยที่รู้ว่าผมโทรไป

“นายสบายดีแล้วใช่ไหม โอเคแล้วใช่ไหม”ถามผม

“อื้มดีขึ้นแล้วหละว่าแต่คุณกลับมาไทยแล้วหรออาจารย์บอกว่าคุณไปต่างประเทศนานมากกว่าจะกลับ ผมดีใจมากเลยตั้งแต่ผมฟื้นคนที่ผมอยากเจอที่สุดก็คือคุณเลยนะผมอยากจะขอบคุณคุณจริงๆ”เขาถามผมเป็นชุด

“เออคือตอนนี้ผมยังไม้ได้กลับไปหรอกแค่โทรมาเพราะอยากรู้ว่าคุณสบายดีแล้วหนะครับเอาเป็นว่าผมรู้แล้วก็โชคดีนะครับบายครับ”ไม่ใช่หรอกไม่ใช่อยากรู้อาการแต่อยากรู้ว่าเค้าทั้งสองคนเป็นไงกันแน่ทำไมถึงเกิดเรื่องแปลกแบบนี้คนสองคนจะหน้าเหมือนกัน ชื่อเหมือนกัน แล้วเสียงก็เหมือนกันได้ขนาดนี้เลยหรอผมครุ่นคิดอยู่ทั้งคืนก่อนจะเผลอหลับไป

คำแปลจากจดหมาย แม้ยามที่พระอาทิตย์สิ้นแสงข้าก็ยังรักเจ้า แม้ท้องมหาสมุทรจะแห้งเหือดเพียงใดข้าก็ยังคงรักเจ้า แม้ยามที่ข้าจากไปแล้วข้าก็ยังจะรักเจ้า เจสสิก้าดวงใจของข้าแม้ข้าจะจากเจ้าไปแล้วแต่ข้าก็จะคอยดูแลและปกป้องเจ้า แล้วของที่ข้าให้เจ้าไปนั้นจะนำพาเรามาพอกันอีกครั้ง ด้วยรัก ปีเตอร์

เว็บขีดเขียน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา