ูDo you know?

9.9

เขียนโดย ออมอนี่cake

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.56 น.

  3 ตอน
  27 วิจารณ์
  6,242 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2559 16.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ูDo you know? เรื่องสั้นตอนเดียวจบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เรื่อง ที่แต่งนี้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่สมมติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ตัวละครไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น กรุณาอ่านแบบไม่คิดมากนะคะ ^__^~

เรื่องสั้นตอนเดียวจบ : Do you know?

ผู้เขียน : ออมอนี่_cake

Rate : PG -13

 

PS# อย่าได้หาสาระจากเรื่องนี้ เพราะมันไม่มี ....

 

 

 

ขอบคุณแรงบันดาลใจใน 4 นาที

“รู้ยัง - ต้น ธนษิต จตุรภุช”

 

 

มีใครที่เขาเฝ้าคอยแต่เธอตรงนี้...รู้ยัง

ไม่ใช่ความบังเอิญก็ตั้งใจเดินมาให้เจอ

มีใครที่เขาเฝ้ามองแต่เธอตรงนี้...รู้ยัง

ไม่ใช่แค่คิดถึง แต่ห่วงใยเธอเสมอ

 

 

กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้.

 

 

// BA-RIS-TO COFFEE//

 

กริ๊ง~~~~กริ๊ง~~~~

 

 

 

“บาริสโท ยินดีต้อนรับค่าาาาา ~~~บ๊อก ๆๆ ”

 

 

“รับอะไรดีคะคุณลูกค้า วันนี้ทางร้านมีเม-”

 

 

“กรีนทีฮันนี่แก้วหนึ่งค่ะ”

 

 

 

          ยังไม่ทันให้สาวน้อยสุดน่ารักในชุดเมดสีกาแฟ แต่แอบมีระบายลูกไม้ตรงชายผ้ากันเปื้อนสีหวานขับให้เด็กหญิงหวานปนเปรี้ยว ได้นำเสนอเมนูใหม่ ที่ทางร้านมักจะมีทุกเดือนเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือตรวจสอบการตลาดก็แล้วแต่ สำหรับเธอนั้น ความหอมของเจ้ากรีนทีบวกกับความหวานติดลิ้นของน้ำผึ้งสด ๆ จากรัง ไม่อาจจะเปลี่ยนไปชิมเมนูอื่นได้จริง ๆ หันไปสั่งเมนูที่ตนเองต้องการก็สะดุ้งน้อย ๆ เพราะมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กเข้ามาประชิดตัวเธอเสียแล้ว

 

 

           ลูกหมาหรอกเหรอ...น่ารักจริงเชียวน่ารัก ทุก ๆ อย่างที่นี่น่ารักไปหมด

 

 

 

“อ่ะ อา....เน่ (ค่ะ) อ๊ะ ฮันนี่ห้ามมายุ่งกับคุณลูกค้าสิ ออกมาจากใต้โต๊ะเดี๋ยวนี้นะ ปกติแกไม่ชอบเล่นกับคนนี่...แปลกจังวันนี้”

 

 

“หืม ... ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชอบแกค่ะ ให้แกอยู่ตรงนี้ด้วยก็ได้นะคะ ไหน ๆๆ ชื่อฮันนี่เหรอเรา พี่แก้วมีคุกกี้ช็อคโกแลตนะสนไหม~~ คิก ๆ คุ้นคนนะเรา ขี้อ้อนอีกต่างหาก น่ารักจังน้า~~~~”

 

 

.

.

 

      หันไปมองตามสัญญาณเปิดประตู ก็อดที่จะยกยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ ลูกค้าเจ้าประจำวันศุกร์ของเขา มา ได้ตรงเวลาเหมือนเดิม พร้อมด้วยรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าเช่นเคย ผมส่วนบนชี้ฟูเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเจ้าตัวมักขยี้หรือทึ้งผมเวลาที่คิดงานไม่ออก ริมฝีปากสีพีชส่วนล่างถูกดึงลงตามแรงโน้มถ่วงเมื่อเจ้าตัวเหม่อออกไปนอก ร้าน   น่ามอง น่ามองไปทั้งหมด

 

 

 

“โอปป้า(เด็กหญิงเรียกพี่ชาย) ออนนี่คุณหนูสั่งเหมือนเดิม”

 

 

“อะไรคือออนนี่คุณหนูฮึ เด็กแก่แดด”

 

 

“ก็ คุณหนูคนสวยที่โอปป้าแอบมองทุก ๆ วันศุกร์อ่ะแหล่ะ มาเวลานี้ แล้วก็สั่งเมนูเดิม เป๊ะเลย เวลาเลิกงานแบบนี้ก็ต้องเป็นออนนี่ (เด็กหญิงเรียกพี่สาว) ของหนูอยู่แล้วสิ ไหนจะออร่าความละมุนนั่นอีก ยิ้มทีดอกไม้บานทั้งโลกไปสิ มารยาทดีมีการศึกษาชะมัดคนอาไร้”

 

 

“เพ้อเจ้อน่ะเรา อะพี่ชงเสร็จแล้ว รับไปให้ลูกค้าสิ ... อ้อ หยิบแครกเกอร์นมสดบนชั้นวางขนมไปด้วยนะ แก้เลี่ยนได้”

     

 

 

       ไม่สนใจสายตาล้อเลียนปนสงสัยที่ถูกส่งมาจากลูกน้องตัวเล็ก ที่ทำงานในร้านมานานพอสมควรที่จะต่อล้อต่อเถียงเจ้านายได้ แค่อีกคนเข้ามาในร้านเขาก็พร้อมจะชงเจ้ากรีนทีฮันนี่หวานมากๆ อยู่แล้ว โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้เด็กแก่แดดหยิบขนมปังที่เขาทำเองเมื่อเช้าติดมือไป ด้วย มันคงช่วยแก้หวานได้บ้าง .... แต่เอ หรือเขาจะแอบเบาหวานในเครื่องดื่มให้เธอด้วยดีนะ

 

 

 

“กรีนทีฮันนี่พร้อมกับแครกเกอร์นมสดค่ะ จืดมาก ๆ นะคะ ผสมธัญพืชด้วยไม่ทำให้อ้วนแน่ๆ ค่ะคุณลูกค้า”

 

 

“เห...ฉันไม่ได้สั่งนี่คะ?”

 

 

“พิเศษสำหรับคุณลูกค้าค่ะ บาริสต้าเค้ากลัวคุณลูกค้าจะเลี่ยน โอ๊ะ หนูต้องไปแล้วนะคะ มีลูกค้าเข้าร้านค่ะ”

 

 

 

 

“อ่ะเดี๋ยว....ได้ทุกครั้งที่มาแบบนี้ก็แย่สิ”

 

 

 

         นั่งเขี่ยปลายเท้าเล่นกับเจ้าลูกหมาฮันนี่ ที่พยายามอย่างมากในการต่อสู้กับนิ้วโป้งของเธอที่อยู่ในถุงเท้าสีเขียวมิ้น ไม่นาน เครื่องดื่มสุดโปรดเธอก็ถูกส่งมาถึงพร้อมกับขนมห่อเล็กๆ ที่เดาได้เลยว่า รสชาติต้องจืดแต่อร่อย จืดแบบลงตัวเหมาะกับชาเขียวโคตรหวานของเธอแน่ๆ กลัวเธอจะเป็นเบาหวานตายใช่ไหม

 

 

         ทำให้แบบนี้บ่อย ๆ จะน่ารักเกินไปแล้วสิร้านนี้

 

.

.

.

 

ได้แต่พูดลอยๆ อย่างนั้นเรื่อยไป

เปิดเพลงรักบ่อยๆ แต่ไม่ได้บอกให้ใคร

บอกว่ารักเบาๆ ในใจเท่านั้น….

 

 

 

“ออนนี่คุณหนูรับเหมือนเดิมใช่ไหมคะ กรีนทีฮันนี่!!”

 

 

“อ่อ จ้ะ ขอบใจนะจ๊ะทารา ... เอ สมุดจดงานวันนี้อยู่หน้าไหนล่ะเนี่ยยายแก้ว อะนี่ไง~~~”

 

 

 

          ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทักทายด้วยเสียงสดใส พร้อมกับคำพูดที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นเปล่งขึ้นทันที ที่เธอก้าวเข้าสู่ร้าน ยิ้มกลับไปพร้อมกับตอบรับคำถามจากคนตรงหน้า จากนั้นเดินไปยังเก้าอี้ตัวเดิม ที่มุมเดิมที่เธอแวะเวียนมาทุกวันศุกร์เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว .... 3 เดือนที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่นี่ยังให้ความอบอุ่นและน่ารักมากเหมือนเดิม

      

 

         หยิบสมุดจดงานที่เธอเพิ่งเลิกประชุมขึ้นมาเพื่อคิดงานคร่าว ๆ เธอมักจะทำร่วมไปกับทานอาหารสุดโปรด เช่น ชาเขียวร้อน ๆ จะช่วยดึงพลังของเธอออกมายิ่งความหวานจากเจ้าน้ำผึ้งนั่น แทบแทนอาหารมื้อเย็นได้เลยทีเดียว ในวันศุกร์แบบนี้ เธอไม่คิดจะนอนเร็วหรอกนะ ดังนั้นสารกระตุ้นในกรีนทีก็ใช้ประโยชน์ได้เกือบค่อนคืนทีเดียว

 

 

 

“โอปป้าว่ามะ ลูกสาวของโอปป้าเนี่ยทำตัวเหมือนพ่อไม่มีผิด”

 

 

“เรื่อง...?”

 

 

“ก็ ดูดิคะ มันชะเง้อมองประตูทุกวันๆ และทุกวันศุกร์มันก็จะต้องไปอ้อนดมเท้าของคุณหนูออนนี่ทุกครั้งด้วย กับลูกค้าสวยๆคนอื่นไม่เห็นจะเป็น น่ะพูดไม่ขาดคำ วิ่งดุ๊กไปนอนดมเท้าเค้าอีกและ”

 

 

 

“...แล้วยังไง?”

 

 

“โห่ ...... ก็เจ้าฮันนี่มันชอบคุณ หนูออนนี่ไง ก็เหมือนโอปป้านั่นแหล่ะ อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้นะ ว่าแอบมองบ่อยๆ แถมยังแอบยกยิ้มร้ายๆ ตลอดๆ ด้วย !! ฮอลลลล เบื่อพวกซึนเดเระ (แกล้งตีมึน)”

 

 

“คิมทารา หักโบนัสเดือนนี้ 20%”

 

 

 

          หยิบเครื่องดื่มของคนตัวบางวางลงบนถาด พร้อมถุงคุกกี้ 2-3 ชิ้นลงไปก่อนได้พูดคุยอะไรกับเจ้าเด็กแก่แดดคนรู้เยอะเลยเบอร์ จนคิดไปว่าเสียเวลาไปตั้งใจพูดด้วยทำไม ไร้สาระจริง ๆ เขานี่เหรอจะชอบลูกค้าตัวบางหน้าหวานหัวยุ่งน้อยๆ คนนั้น ก็แค่รู้สึกว่าเครื่องหน้าน่ามอง แถมยังถูกคอกับฮันนี่ลูกของเขามาก ๆ ดูแล้วอาจไม่ใช่คนปากหวานแต่น่าจะเป็นคนจริงใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ พูดจาให้กำลังใจคงเก่งน่าดู ดูเอาจากรอยยิ้มเถอะ ดอกไม้บานทั้งสวนของคุณนายแม่ยังต้องยอม

 

 

 

       น่ารัก น่ารักมาก....

 

 

       เขาก็แค่ใจเต้นเวลาเผลอสบตากับเธอตรงเคาเตอร์ เธอมักจะชมขนมของเขาเสมอ พูดไปหัวเราะไปบอกว่าอร่อยมาก เธอชอบจริง ๆ บอกด้วยว่าถ้ามีขนมใหม่ ๆ อย่าลืมให้เธอลองด้วยนะ ก่อนจะหยิบเงินทอนแล้วยิ้มให้อีกสักทีแล้วเดินออกจากร้านไป ... ใจแกว่งไปหมด

      

 

 

        เห็นไหม เขาก็แค่ถูกชะตา ไม่ได้แปลว่าชอบสักหน่อย .....

           

 

.

.

 

 

“ได้แล้วค่ะ วันนี้เป็นคุกกี้ธัญพืชมีรสชาตินะคะ หนูชิมแล้ว ออนนี่ต้องชอบแน่ๆ ไม่หวานไม่จืดเกินไปค่ะ”

 

 

“อ่ะ ขอบใจนะจ๊ะ อย่าลืมลงในบิลด้วยล่ะ...ทาราวันนี้ที่ร้านเปิดเพลงเพราะเนอะ”

 

 

“อ้อออออออ บาริสโทค่ะ สงสัยจะอินกับซีรี่ส์บิ๊กบอสล่ะมั้งคะ วีคนี้ทั้งวีคเปิดเพลงอินเลิฟตลอด อย่าเอ็ดไปนะคะ หน้าดุแบบนั้น ถึงจะหล่อเวอร์ก็เถอะค่ะ สาวๆ ที่ไหนเห็นเข้าก็รู้สึกมาคุแปลกๆแล้วค่ะ คนอะไรหล่อเว่อร์แต่กลับชอบทำหน้าเหมือนโกรธใครมาสักสิบชาติ แต่ถึงอย่างนั้นลูกค้าสาวๆ ก็ปลื้มมากๆเลยนะคะ เรียกว่าเป็นแฟนคลับเลยแหล่ะ ยิ่งมาเปิดเพลงเลิฟๆ มุ้งมิ้งแบบนี้อีก”

 

 

“อืม.... เหรอคะ หืมมมม อ๊ะ ฮันนี่ คาบอะไรมาให้พี่แก้วเหรอ ? ไหนดูซิ ....ว่าว ถุงเท้า ?? โอ๊ะ อากาศเย็นจริง ๆ น่ะแหล่ะ งั้นพี่แก้วขอยืมใส่ก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับบ้านไปซักมาคืนนะ รู้กัน 2 คนตัวนะ คิก ๆๆ”

 

        

        นั่งให้พอหายเหนื่อยก็กลับมานั่งคิดงานตรงหน้าต่อ วันนี้ที่ร้านดูผ่อนคลายแปลก ๆ ปกติในร้านจะมีกลิ่นกาแฟหอมมาก ๆ ลูกค้ามากหน้าหลายตา หลายวัย หลากจำนวน กับเพลงที่ฟังสบายออกแนวอินเตอร์เสียมากกว่า แต่ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาจนถึงตอนนี้ก็เกอบ 20 นาทีเห็นจะได้ เพลงที่ฟังดูช่างคุ้นหู เป็นภาษาของประเทศที่เธอกำลังอาศัยอยู่ในตอนนี้ ยิ่งคุ้นเข้าไปอีกสำหรับคอซีรี่ส์อย่างเธอ ที่นี่มีสิ่งใหม่ ๆ แล้วค่ะ อย่างน้อยก็เพลงนี่แหล่ะ แต่ให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ... ก็ซีรี่ส์เรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงอินเลิฟนิ่คะ

       

 

        แล้วข้อสงสัยก็คลายเพราะสาวน้อยคิมทาราช่างพูดช่างเจรจา บาริสต้าที่นี่ก็ติ่งบิ๊กบอสเหมือนกันหรือนี่...

 

 

 

อา สงสัยจะชอบคุณหมอคังแน่ ๆ

 

 

 

 

ไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจ

ก็อยากให้เธอเข้าใจ....สักครั้ง

 

 

 

 “หนูกลับก่อนนะคะ ฝนทำท่าตกหนักแน่ๆ ลืมหยิบร่มมาด้วยค่ะ จะรีบวิ่งไปให้ถึงป้ายรถเมล์ก่อนที่จะเปียก”

 

 

“ใช้ของที่ร้านสิ มีตั้งหลายอันนิ่”

 

 

“โอ ปป้าเก็บไว้บริการลูกค้าเถอะค่ะ หนูลองนับจำนวนคร่าวๆ แล้วน่าจะไม่พออะ อ้อ อีกอย่างนะคะ คุณหมอคังตั้งใจบรีฟงานมากเลยค่ะ ดูท่าจะไม่รับรู้ถึงฝนที่ตั้งเค้าเลยนะคะ อย่าลืมดูแลเธอด้วยล่ะไปนะคะบิ๊กบอส!!!”

 

 

“เดี๋ยวจะโดน เด็กแก่แดด...อ่า วันนี้นั่งนานจัง”

 

 

 

         กลิ่นดินจาง ๆ เริ่มพากันวิ่งกรูเข้าร้านระหว่างที่ลูกค้าเปิดประตูเข้ามา ทั้งต้องการที่หลบฝนเม็ดเล็ก ๆ ที่เริ่มโปรยปราย หรือแม้เพียงแค่ต้องการกาแฟสักแก้วก่อนเข้าทำงานรอบดึก เด็กแก่แดดคิมทาราขออนุญาตลากลับก่อน 1 ชั่วโมงก่อนร้านปิด เพราะติดธุระด่วนเกี่ยวกับการเรียนของตัวเอง ได้ยินมาว่าเอกสารเรียนภาคค่ำมีปัญหานิดหน่อยจึงอนุญาตให้ไปเพราะลูกค้าที่ อยู่ในร้านก็เริ่มทยอยออกกันไปบ้างแล้ว เนื่องจากใกล้เวลาปิดทำการ

 

 

 

        ใครอีกคนที่ยังคงนั่งคิดงานจนคิ้วสวยขมวดเป็นปม ผมจุกเล็กๆ ที่ถูกมัดรวบๆ ถูกยีให้ฟูเล็กน้อยเนื่องจากเจ้าของคงยังไม่พอใจกับงานที่ออกมาเท่าไหร่นัก ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นน้อย ๆ อย่างน่ารักคล้ายปากเป็ดพร้อมกับหลับตาลงแล้วหงายหลังพิงโซฟาตัวนุ่ม วันนี้คนตัวบางของเขานั่ง อยู่ในร้านค่อนข้างนานกว่าปกติ อย่างน้อย ๆ ก่อนปิดร้าน 1 ชั่วโมงเธอมักจะเก็บข้าวเก็บของพร้อมเก็บเอาความสุขของเขากลับไปด้วยเสร็จ แล้ว แต่นี่ล่วงเลยมาจนเกือบจะปิดร้าน เจ้าตัวยังไม่คิดแม้แต่จะเก็บก้อนยางลบรูปมิคกี้เมาส์ที่ทำตกตั้งแต่ 3 ชั่วโมงที่แล้วเลย

 

 

 

 “มีอะไรหรือเปล่านะ ....”

 

.

.

.

.

 

 

 “ฝน ตกหนัก.....มาก.... ไม่จริงอ่ะ ฮอลลลลลล ยายอึนบีต้องฆ่าเธอแน่แก้วใจ ถ้าไม่รีบส่งไฟล์งานที่เพิ่งทำเสร็จไปให้ภายในครึ่งชั่วโมงนี้ งื้อออออออ ทำไงดีๆ”

 

 

“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า พอดีร้านเรากำลังจะปิดน่ะครับ บิลของคุณลูกค้าก็เคลียร์ไปแล้วเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน”

 

 

“ห้ะ อ่ะ ค่ะ เดี๋ยวแก้วขอเวลาเก็บของสัก 10 นาทีนะคะ ... โอย ยายแก้วพาโบ(คนโง่) นั่งจนร้านปิดยังไม่รู้ตัวอีก 2 ชั่วโมงที่นั่งเปลืองแอร์เค้าโดยไม่สั่งอะไรเพิ่มนี่นะ ยัยบื้อ !”

 

 

“อ่า คือทางร้านไม่มีปัญหาที่ลูกค้าจะนั่งในร้านต่อนะครับ ผมแค่พูดเพื่อให้คุณสบายใจว่าเคลียร์บิลแล้วเท่านั้นเอง”

 

 

“กระเป๋าก็กันน้ำไม่ได้เลยเนี่ย ถ้าเปียกขึ้นมายายอึนบีหมกศพเราจริงๆแน่นอน...ทำไงดีๆๆ”

 

 

 

       อีก 10 นาทีบาริสโทก็จะปิด เขาได้เคลียร์ลูกค้าบางส่วนออกไปจนเกือบหมดแล้ว พร้อมกับให้ลูกค้ายืมร่มที่มีชื่อร้านไปด้วย ฝนที่เริ่มโปรยในตอนหัวค่ำ ตอนนี้มันชักจะหนักขึ้นทุกทีๆ แต่กระนั้น ร่มที่ร้านก็มีขนาดใหญ่พอที่จะพาฝ่าไปขึ้นแท็กซี่ หรือใช้บริการรถโดยสารประจำทางอื่นๆ ได้โดยเปียกไม่มาก

 

 

        ลูกค้าคนสุดท้ายที่เขาตั้งใจให้เหลืออยู่ ยังคงไม่รับรู้กับสภาพการณ์ข้างนอก แม้เขาจะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็จำต้องปล่อยแม่เป็ดน้อยไปพักผ่อน ถึงแม้เวลา 21 นาฬิกา จะยังเป็นเวลาไม่ดึกมาก แต่กว่าคนตัวบางจะเดินทางกลับถึงบ้านและเตรียมตัวเข้านอนก็คงดึกอยู่เหมือน กัน

 

 

       การคิดงานแบบเอาเป็นเอาตายโดยไม่สนใจคนรอบข้าง เป็นอะไรที่เขาเห็นบ่อยๆ ตั้งแต่คนตัวบางกลายเป็นลูกค้าประจำวันศุกร์ แต่งานนี้คงจะเป็นงานเผาจริงๆ ถึงได้ลืมเวลากลับบ้านแบบนี้ ตัดสินใจเข้าไปเตือนให้อีกคนรู้เวลาก่อนจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งจากแม่เป็ดน้อย อาการอ้อนเล็ก ๆ โดยไม่ตั้งใจแบบนั้น ใครเห็นเข้าคงใจสั่นน่าดู คิดถูกจริงๆ ที่เหลือไว้เป็นคนสุดท้ายไม่อย่างนั้นคงได้มีอาการควันออกหูกันบ้างหากใครมา ตกหลุมเป็ดน้อยตัวนี้เข้าอีกหลายๆ คน

 

 

 

.. อ่า ชักอยากจะเก็บไว้ดูคนเดียวเสียแล้วสิ ..

 

 

 .

 

.

 เธอคงยังไม่รู้

ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอ

แอบดูแลแต่เธอทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ

 

 

 

“หวา หยุดตกเถอะนะ วันนี้แก้วลืมหยิบร่มติดมือมาด้วยอ่า หยุดนะคะคุณฝน...อ๊ะ บิ๊กบอส เอ๊ย คุณบาริสต้าโท ฮ้า~~~~ฮันนี่ วันนี้ขอโทษน้า ไม่ได้เล่นด้วยเลย นอนดมถุงเท้าอย่างเดียวเลยไม่ชอบล่ะสิเรา”

 

 

“บ๊อก ๆ อิ๋ง ๆ ๆ”

 

 

 “ขอโทษที่แกเข้าไปกวนนะครับ เอ่อ แล้วทำไมยังไม่กลับล่ะครับ....ร่ม ?”

 

 

 “ฉันลืมค่ะ ทั้งที่พยากรณ์อากาศก็เตือนแล้วแท้ๆ เป็นเพราะเมื่อเช้ารีบมากจริง ๆ เฮ่อออออ”

 

 

“ร่มของทางร้านครับ ไว้คุณกลับมาค่อยคืนครับ”

 

 

 “แล้วของคุณบิ๊ก เอ๊ย บาริสโทล่ะคะ.....เอ่อ เห็นมีอันเดียว ไหนจะฮันนี่อีกล่ะคะ”

 

 

 “ผม มีจักรยานครับ เดี๋ยวรีบปั่นให้ถึงหอก็ไม่เป็นไรแล้ว อีกอย่างฮันนี่ลูกสาวผมแกเป็นเด็กหัวแข็ง ไม่ค่อยป่วยง่าย ๆ ไม่ต้องกังวลครับ”

 

 

       หลังจากบิ๊กบอสของทารามาเตือนเรื่องเวลา เธอก็รีบเก็บของเพื่อมาเจอฝนกระหน่ำอยู่หน้าร้าน .... ฟังไม่ผิดค่ะ ยืนวิปัสสนาอยู่หน้าบาริสโทมาเกือบๆ 10 นาทีเห็นจะได้ คิดไม่ตกว่าจะไปหอพักของเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายได้อย่างไร ลำพังเธอเองไม่ซีเรียสเรื่องการลุยฝนแน่ๆ ออกจะชอบด้วยซ้ำ มันทั้งเย็น ทั้งชื่นใจ แถมฝนมันยังพัดพาอะไรดีๆ มาให้เธอ อย่างน้อยก็ร้านนี้ ครั้งแรกของเธอที่เข้ามาในร้านนี้ มาเจอกับใครบางคนที่นี่ ก็เพราะทั้งเธอและอึนบีเพื่อนสนิทหนีการจราจรอันแสนอึดอัดเข้ามาพักที่นี่ วันนั้นฝนก็โปรยแบบนี้ด้วยสินะ ดีจัง...

 

 

 

       แต่ที่ยังไปไม่ได้ก็คงเป็นเพราะเอกสารกับไฟล์งานที่เธอนั่งคิดมา 3 ชั่วโมงกว่าๆ จำเป็นต้องนำส่งคุณเจ้านายภายในคืนนี้ แต่เรียกว่าเผาเถอะค่ะ อย่าใช้คำเป็นทางการอย่างคำว่าคิดเลย เพราะเป็นงานด่วนมากๆ แล้วเจ้านายเพื่อนรักก็ไม่คิดที่จะให้เธอปฏิเสธเลย แลกกับการที่เธอจะได้กลับเมืองไทยหนึ่งเดือนหลังงานนี้และอีก 2 งานเสร็จ แล้วจะให้เธอทำอย่างไรได้ล่ะคะ งานของที่นี่เยอะมากแล้วในส่วนที่เธอรับผิดชอบก็เพิ่งจะได้รับคนเพิ่มไป เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ถึงได้พอหายใจหายคอคล่องกันขึ้นมาหน่อย จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านแบบสบายใจโดยไม่ต้องทิ้งภาระให้ใครเผื่อเกิดอะไรที่ ไม่คาดคิดขึ้นมา..

 

          

 

“มะ ไม่ได้นะคะ จู่ๆ จะให้ฉันรับร่มคุณมาแล้วปล่อยให้คุณเปียกนี่นะ..."

 

 

"...."

 

 

"เอ่อ เอาแบบนี้เราไปด้วยกันได้ไหมคะ หอของเพื่อนแก้วอยู่ไม่ไกลค่ะ แล้วแก้วค่อยคืน ...คือแก้วจำเป็นต้องตัวแห้ง ไม่อย่างนั้นเอกสารกับไฟล์งานเละแน่ค่ะ”

 

 

“หืม... แบบนั้นจะดีเหรอครับ”

 

 

 “ค่ะ!! ดีที่สุดค่ะ ไปกันเลยนะคะ มาเดี๋ยวแก้วถือเองค่ะ คุณบิ๊กบอสจะได้จูงจักรยานถนัด”

 

 

 

         กลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบันที่ตอนนี้เธอจำเป็นต้อง รับร่มของผู้ชายตัวสูงหน้าญี่ปุ่นมาถือไว้เอง พอได้เห็นหน้าใกล้ๆ ไม่รู้ทำไมใจถึงสั่นได้ขนาดนี้ คงเป็นเพราะเครื่องหน้าไร้รอยตำหนิ ดวงตาคมคู่สวยรับกับจมูกที่มีเสน่ห์ ไหนจะริมฝีปากที่ดูเหมือนว่าจะถูกดูแลมาอย่างดีนั่นอีก อ่า.... ใกล้กันมากจนได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นสปอร์ตจางๆ เลยล่ะ ไม่อยากจะทำให้ทุกคนอิจฉาหรอกนะ แต่อยากจะบอกว่าไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อยืดสีขาว ภายใต้เสื้อหนังสีดำออกมาน่ะ มันน่าหม่ำจริงๆ

 

 

 

 

คิดอะไรเนี่ยยายแก้ว!!!!!

 

 

 

        ให้พูดกันตามตรงเรื่องงานที่ต้องถึงมือเจ้านายภายในวันนี้นับว่าเป็นเรื่อง ที่สำคัญที่สุด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อหัวใจเจ้ากรรมมันเต้นรัวไปหมด มือเล็กที่สั่นน้อยๆ ยากที่จะควบคุมนั่นอีก ไหนสายตาเวลาที่ทอดมองลูกรักตัวเล็กที่เข้าหาลูกค้าคนเดียวแบบเธอ เสียงทุ้มยามเอ่ยชื่อของเธอมันทำไมฟังดูเพราะกว่า เจสันมาร์ ในเฟบวอริทเพลลิสต์ที่อยู่ในมือถือของเธออีกล่ะ แทบจะกลั้นหายใจเวลาอีกคนโน้มหน้าเข้ามาพูดด้วยใกล้ๆ เพราะสายฝนเป็นอุปสรรคเหลือเกินยากที่จะเข้าใจหากพูดกันในระดับปกติ

 

 

 

บอกแล้วว่าฤดูฝนมันดีจริงๆ ...

ไม่อยากให้ถึงหอพักยายอึนบีเลยให้ตายสิ...

 

 

 

“อ่า...ยินดี ที่ได้รู้จักนะครับคุณแก้ว แต่ผมชื่อโทโมะครับ จะเรียกบาริสโทเฉยๆก็ได้ครับเหมือนชื่อร้าน ... ผมก็จะเรียกว่าแก้วเฉยๆ เหมือนกัน”

 

 

 

“บ๊อก ๆ ๆ อิ๋ง~~~”

 

 

 

.

.

 

ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้ ก็อาจจะพอได้รู้ใจ

กับความจริงข้างในที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไป

สักที …ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ รู้ยัง

 

 

 

“กรีนทรีฮันนี่ ขออนุญาตเสิร์ฟพร้อมชาดอกคำฝอยร้อนๆ อิมพอร์ตจากประเทศไทยนะครับ”

 

 

“บ บาริสโท ... ทำไมมาเสิร์ฟเองล่ะคะ โอ๊ะ ฮันนี่ คันเขี้ยวหรือไงเรา กัดถุงเท้าพี่แก้วขาดเลยนะ คิก ๆๆ”

 

 

“ทา รากำลังรับออเดอร์อยู่น่ะครับ วันนี้ร้านคนเยอะกว่าปกติ สงสัยเพราะเป็นวันหยุดยาว ... อ่า กรีนทีฮันนี่ผมลดหวานให้ประมาณ 2 อาทิตย์มาแล้วนะครับดื่มได้ไหม”

 

 

“หื้ม แก้วไม่ทราบเลยค่ะ แต่มันก็อร่อยมาก ทั้งหอมทั้งหวาน...แต่เอ๊ะ อาจจะไม่หวานเท่าแต่ก่อน แต่มันอร่อยจนวางไม่ลงเลยค่ะ”

 

 

“คุณเสพติดความหวานมากเกินไป ระวังด้วยสิครับ....ผมเป็นห่วง เอ่อ หมายถึง ทางร้านมีนโยบายแสดงความปรารถนาดีต่อลูกค้าน่ะครับ”

 

 

 

         หลังจากวันที่ชวนใจสั่นใต้ร่มคันเดียวกันวันนั้น วันที่ไม่มีอะไรมาก วันที่ได้คุยกันไม่ถึง 30 นาทีเพราะหอของเพื่อนคนตัวบางอยู่ไม่ไกล ไหนจะฝนที่ตกมาแบบไม่คิดที่จะหยุด ทำให้ปฏิสัมพันธ์เกิดขึ้นน้อยมาก ...เขารู้แค่ว่าแก้วพักอยู่แถวๆ แม่น้ำฮัน ซึ่งมันเป็นคนละทางกับที่พักของเขา รู้ว่าแก้วมาอยู่ที่นี่ได้ 2 ปีกว่าๆ ไม่มีเพื่อนคนไทยที่ไหนเพราะเจ้าตัวทำงานไม่เป็นเวลาแถมยังชอบอ่านหนังสือใน ห้องสมุดมากกว่าออกไปเดินเล่นข้างนอก และแก้วพักอยู่คนเดียว

 

 

        เราได้คุยกันบ่อยขึ้น เป็นเพราะเขาเองที่อยากให้ช่องว่างระหว่างเรามันค่อยๆ ลดลง เขาอาสามาเสิร์ฟเมนูแทนทาราเพราะอยากจะนั่งคุยกับเธออย่างน้อยแค่ 5-10 นาที ก็ทำให้มีแรงทำงานต่อได้แล้ว แถมแก้วเองยังดูเหมือนว่าจะชอบแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างที่เจ้าตัวพักสมอง เสียด้วยสิ เราคุยกันเรื่องงานของคนตรงหน้าเสียเป็นส่วนใหญ่ และเรื่องการดูแลสุขภาพที่ตัวเขาค่อนข้างสนใจมากๆ ให้อีกคนเอาไปลองปฏิบัติ แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่เขาคิดว่าเขารักวันศุกร์จริงๆ

 

 

 

“ง่า แต่ตอนนี้แก้วไม่ทานหวานเยอะแล้วค่ะ ก็คุณเล่นชงชาเขียวอ่อนหวาน ไหนจะคุกกี้ เค้ก บราวนี่ที่ติดจืดตลอด แถมวันนี้เป็นชาร้อนที่รสชาติจืดมากกกกกกกกกกกกกกก จืดจนแก้วติดไปแล้วค่ะ ขนมหวานทานไม่ได้แล้ว เลี่ยนมากๆ”

 

 

“ดีแล้วครับ .. คิดงานออกหรือยังครับวันนี้”

 

 

“เห็น หน้าบาริสโทแล้วคิดออกเลยค่ะ งานของคู่นี้แก้วจะใช้ตีมบิ๊กบอสกับคุณหมอคังค่ะ ฮิๆๆ คุณเจ้าบ่าวเค้าเป็นนายทหารพอดี โทโมะลองดูแปลนงานที่แก้ววาดคร่าวๆ สิ โอเคไหม”

 

 

 

.

.

.

 

 

“เอ่อ ... โอปป้าคะ ไม่อยากจะรบกวนจริงๆนะคะ แต่วันนี้วันศุกร์ซึ่งเป็นวันหยุดยาวที่ทางร้านเราเหลือบาริสต้าแค่คนเดียว แถมยังมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าของร้านเสียด้วย....”

 

 

“อะ อ่า โทษที ไปดิ เอ้อ เอาออเดอร์มานี่.... ทานให้อร่อยนะครับ แล้วก็แบ็คดรอปที่แก้ววาดก็สวยมากครับ”

 

 

 “อ่า...ขอบคุณนะคะ”

 

 

        มันดีมาก ที่ตอนนี้เขาค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมติดหวานของเป็ดน้อยตรงหน้าได้ เขาเป็นห่วงเธอด้วยใจจริง และเอ่ยบอกทุกครั้งเมื่อมีโอกาส แรกๆ ก็อาจจะมีดื้อทานไม่หมดอยู่บ้าง แต่หลังๆ ก็ดีขึ้นจนตอนนี้แก้วเองออกจะชอบทานขนมรสชาติพอดี กับกรีนทีฮันนี่ที่อ่อนหวานลงไปได้มาก ไม่รู้ว่าอยากปรับพฤติกรรมการกินเพราะรักสุขภาพ หรือเป็นเพราะมองเห็นความเป็นห่วงที่ถูกส่งไปให้มากเกินพอดีจากเขาหรือเปล่า ก็ไม่รู้ แต่ขอคิดไปเองว่าเป็นอย่างหลังแล้วกันนะ

 

 

 

 

อ่า...ใจสั่นอีกแล้วสิ

 

           

 

“แค ก ๆๆ ฮันนี่ ทำไมวันนี้แกมีกลิ่นหวานๆ ออกมาได้ล่ะ ปกติชอบกินเผ็ดนิ่??? ต้องรีบไปจิบชาดอกคำๆ อะไรนั่นแก้เลี่ยนเสียแล้วนะฮันนี่~”

 

 

 

 

 

พยายามเฝ้าดูเพื่อจะได้รู้ว่าเธอชอบอะไร

พยายามเข้าใจจะได้มีเรื่องคุยกับเธอ

 

 

 

 

“ชอบคุกกี้มากกว่าเค้กหรือครับ ปกติถ้าเป็นคุกกี้ไม่น่าถึงครึ่งชั่วโมง...”

 

 

“เอ๋....? อ๊ะ โทโมะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เค้กก็อร่อย ยิ่งเป็นเค้กชาเขียวที่แก้วชอบด้วยแล้ว แต่พอดีวันนี้อยากค่อยๆ ละเอียดอาหารน่ะค่ะ แก้วอยากรีแลกซ์ เพิ่งจะผ่านงานหินมาค่ะ ขอสโลวไลฟ์วันหนึ่งนะคะ คิก~ ดูเป็นสาวเฉิ่มจอมขี้เกียจไหมคะ”

 

 

“อ่า ไม่หรอกครับ แก้วน่ารัก... อ เอ่อ ผม ๆ หมายถึง ชีวิตคนต้องมีจุดพีค จุดโหลด อยากพักกันบ้างสิครับ แค่แอบกังวลว่าฝีมือจะตกหรือเปล่า เพราะไม่เห็นว่าแก้วสนใจจะมองมันน่ะครับ............อยากพูดอะไรไหมครับแก้ว”

 

 

“.... คิดไว้แล้วเชียว ถ้ามาที่นี่ ได้ชิมกรีนทีหวานอมน้ำผึ้งกับขนมสัก 3-4 ชิ้น แล้วก็ได้คุยกับคนที่นี่แก้วต้องสบายใจแน่ๆ ค่ะ แอบใส่อะไรให้แก้วทานหรือเปล่าคะ ....ทำไมถึงได้ติดใจที่นี่จัง”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น....เอ่อ ถ้าชอบก็มาบ่อย ๆ สิครับ”

 

 

           

          วันนี้เธอเพิ่งจะส่งงานให้เจ้านายสุดที่รักเสร็จ เป็นงานหินอย่างที่ว่าเพราะลูกค้าคนนี้ดีกรีเป็นถึงของดังระดับประเทศ ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อรุ่นปู่รุ่นทวด ทำให้เจ้านายได้รับงานนี้มา ดาราสาวลียองเอจะหมั้นกับนักแสดงรุ่นน้องคังมินทั้งที จะให้น้อยได้ยังไง เล่นเอาเธอเกือบตายเพราะคิดงานไม่ออกเลยในสองวันแรกที่ได้รับคำสั่งมา เจ้าของงานอยากได้งานง่ายๆ แต่เรียบหรู เชิญคนรู้จักไม่ถึงครึ่งร้อย แต่สำนักข่าวก็อีกค่อนร้อยไม่ต่างกัน

 

 

 

           การที่จะออกแบบให้เป็นงานเรียบหรู แต่มีกลิ่นของความเด็กน้อยของว่าที่เจ้าบ่าวกับความเป็นนูน่าของว่าที่เจ้า สาวนั้นสำหรับเธอคิดว่าไม่เท่าไหร่ แต่ต้องระวังไม่ให้ตกเป็นขี้ปากของพวกนักข่าวนั่นล่ะที่เธอคิดไม่ตก แต่ละคนคิดต่างและหลากสไตล์กันทั้งนั้น .... ดีนะที่งานออกมาดี ทำให้เธอได้มีโอกาสมานั่งหายใจทิ้งกับกรีนทีชาเขียวหอมๆ แบบนี้ได้

 

 

 

            หรือจะพูดให้ถูกคือ เพราะได้นั่งละเอียดชาเขียวเมื่อศุกร์ที่แล้ว เธอจึงคิดงานนี้ออกก็ไม่รู้....

 

 

 

 

ที่นี่น่าสนใจจริงๆ สินะ

 

.

.

.

 

“สั่งชาเขียวแก้วหนึ่งแลกกับการมองหน้าเจ้า ของบาริสโท 1 ชั่วโมงได้ไหมคะ.....แก้วว่าจะต้องได้ไอเดียใหม่ๆ เยอะแน่ คุยกับโทโมะแล้วสบายใจค่ะ รู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยจ้องตาผมจนกว่าจะคิดงานออกแล้วกันนะครับ ผมจะออกกะแล้ว.....”

 

 

 

 

“......”

 

 

 

 

 

 

ที่เขานั้นคอยเฝ้ามองแต่เธอตรงนี้...รู้ยัง

แค่ต้องการดูแลและอยู่ข้างเธอเสมอ

 

 

 

 

            2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เหมือนมีอะไรมากวนใจอยู่ตลอด คนรอบข้างก็บ่นว่าอารมณ์แปรปรวน ลูกสาวคนเดียวก็ไม่ยอมเล่นด้วย เอาแต่หมอบหงอย ๆ อยู่ข้างเก้าอี้ตัวนั้น เก้าอี้ที่อยู่ติดกับมุมตรงนั้น ตรงที่มีบาร์เล็กๆ ยื่นออกมาให้วางสมุดโน้ตและไอแพดเพื่อให้เจ้าของได้รังสรรค์ผลงานการออกแบบ ... แต่มันว่างมาสองศุกร์แล้วสิ ชักเริ่มจะเกลียดวันศุกร์ขึ้นมาเสียแล้ว หัวใจเจ็บไปหมด

 

 

“หาย ไปไหนนะ ... สองศุกร์แล้วนะที่ไม่มา เอ หรือจะไม่สบาย??? หรืองานเยอะ ??? คุณหนูออนนี่ทำงานเกี่ยวกับอะไรนะ อ้อ ใช่ เว็ดดิ้งสตูดิโอ หรืองานจะเยอะจนปลีกตัวมานั่งคิดงานไม่ได้เลย....โอปป้าว่าไงคะ”

 

 

“...ฮึ ? ว่าไง อะ อะไร...”

 

 

“ก็ คุณหนูออนนี่ของหนู หม่าม้าของฮันนี่ หรือคุณแก้วใจของโอปป้าน่ะหายไปไหน ไม่มา 2 อาทิตย์แล้วนะ โทรฯถามหน่อยสิคะ คิดถึงรอยยิ้มหวานๆจังค่ะ”

 

 

“เพ้อเจ้อ....ไม่ได้ติดต่อกันสักหน่อย ”

 

 

 

 

            ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดไปเองสินะ ว่าอีกคนเงียบ หายไป หายไปแบบไร้ร่องรอย ไม่โผล่มาให้เห็น ไม่แวะมายืมร่มที่ร้านเลย หายไปไหนกันนะ.... ไม่รู้หรอกเหรอว่ามีลูกหมาอยากดมถุงเท้ารออยู่ทุกวันเลย

 

 

 

            แต่ยายเด็กแก่แดดคิมทาราก็พูดจาให้เขาเจ็บหน่วงๆ ที่หัวใจอีกครั้ง ว่าจะไม่คิดอะไรแล้วเชียว .... ก็เขาแสดงออกว่าสนใจขนาดนั้น ทำไมอีกคนถึงได้ไม่รู้ตัว ไม่คิดจะห่วงว่าเขาจะเหงาเลยใช่ไหม เล่นหายไปแบบนี้ เจ็บแปลกๆ นี่คงไม่ได้รักได้ชอบใช่ไหม

 

 

 

เขาแค่สนใจเฉยๆ ใช่หรือเปล่า...

 

 

.

.

 

 

“โหย ยยยยยยยยยยยยยยย เชื่อตายล่ะ ศุกร์ไหนที่ไร้ลูกค้าก็นั่งเฝ้ามาชวนเค้าคุย ไม่ก็มานั่งมองหน้าเค้าเฉยๆ แถมวันไหนคุณหนูคิดงานเพลินก็ยังรอกลับบ้านพร้อมกันอีกนี่นะ บอกว่าไม่ได้ติดต่อ .... นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยขอไลน์ คาทกอะไรเลยน่ะ นี่โอปป้า อย่างน้อยก็ควรจะขอเบอร์เค้าสิ นี่คิดจะจีบเค้ายังไงเนี่ย!!”

 

 

“ไม่ได้จะจีบสักหน่อย....ก็ คะ แค่ อายุเท่าๆกัน เลยอยากรู้จักเป็นเพื่อนกันไว้”

 

 

“เห รออออ เพื่อนมากเลยสินะ รู้ป่ะ 10 กว่าวันมานี้ เจ้าของบาริสโททำหน้ายังไงบ้าง เดี๋ยวเหม่อ เดี๋ยวใจลอย บางวันยังทำรสชาติกาแฟเปลี่ยนอีก จนบาริสต้าโอปป้าคนอื่นมาขอทำแทนน่ะ นี่ยังไม่รู้ใจตัวเองหรือเป็นพวกซึนเดเระไม่ยอมรับความจริงกันแน่”

 

 

“......”

 

 

“ก็ แล้วแต่นะ ถ้าวันนี้ออนนี่คุณหนูมา คิมทาราจะจัดการขั้นเด็ดขาดไปเลย แล้วก็จะเอาข้อมูลทุกอย่างที่โอปป้าอยากรู้มาขายเรื่องละแสน วอน!!!!!!!!!5555555555555”

 

 

“ขอให้มาก่อนเหอะน่า.....หายไปไหนของเค้านะ ไหนบอกว่าชอบที่จะมาหากันไง”

 

 

 

 

 

 

ได้แต่พูดลอยๆ อย่างนั้นเรื่อยไป

เปิดเพลงรักบ่อยๆ แต่ไม่ได้บอกให้ใคร

บอกว่ารักเบาๆ ในใจเท่านั้น

 

 

“ขอโทษครับ ... ผม เอ่อ คือ”

 

 

“คะ ? ..... มีธุระกับฉันหรือคะ เอ๊ะ คุณที่มาส่งยายแก้วเพื่อนคนไทยของฉันในวันฝนตกใช่ไหมคะ”

 

 

 

            นับวันได้ครึ่งเดือนก็อดรนทนไม่ไหวแล้วครับ เขาไม่รู้ว่าเขาคิดกับอีกคนอย่างไร จะชอบจะรักหรือจะจีบอย่างที่เด็กแก่แดดคิมทาราพูดหรือเปล่า เขารู้แต่ว่า ในใจมันเป็นห่วง มันรอให้อีกฝ่ายมาที่ร้านไม่ไหว ก่อนที่เขาจะสติแตกเพราะไม่ได้เห็นหน้าเธอ คงต้องมาที่นี่ ที่เดียวที่น่าจะทำให้เขาคลายข้อสงสัยและความกังวลออกไปได้ทั้งหมด

 

 

            ทนแลกกับเสียงเอ่ยแซวเล็กน้อยคงไม่เป็นไร

 

 

“อ่าครับ ผมโทโมะครับ แก้ว เอ่อ คุณแก้วเธอมักจะแวะไปทานกาแฟที่ร้านบ่อย ๆ แต่หลัง ๆ มานี้ ไม่เห็นเธอน่ะครับ ผม เอ่อ .... ”

 

 

เป็นห่วง ??? อ้อ คุณเจ้าของร้านเป็นห่วงคุณลูกค้าเหรอคะ.... ช่วงนี้ยายคุณหนูดอกไม้บานงานยุ่งมากเลยค่ะ ต้องหอบแฟ้มงานไปทำที่หอทุกวัน เหมือนจะออกจากออฟฟิสก็ต้องรีบโบกแท็กซี่ตรงกลับบ้านเลย สงสัยจะหมดแรงแวะ.....ดื่มกาแฟล่ะมั้งคะ”

 

 

“.....อ่อ ครับ ขอบค-”

 

 

“เอ๊ะ แต่ 3-4 วันมานี้ ฉันยังไม่เห็นยายคุณหนูแก้วที่ทำงานเลยนะคะ ....เอ หรือว่าจะป่วยกันนะ ไหนลองโทรหาซิ แป๊บนึงนะคะ”

 

 

“........*ตึก ตึก ตึก ตึก”

 

 

 

 

            ไม่รู้ว่าหัวใจของคนเราจะเต้นได้ดังขนาดไหน ไม่รู้ว่าแรงสั่นของอกข้างซ้ายจะรองรับการเขย่าได้รุนแรงเต็มที่แค่ไหน เขารู้แต่ว่าตอนนี้หัวใจมันสูบฉีดไปหมด มือไม้เย็นแต่กลับมีเม็ดเหงื่อซึมออกมาเป็นระยะ เขาได้รับรู้ว่าตลอดสองสัปดาห์อีกคนไม่ได้หายไปไหน และอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เขากำลังจะได้ยินเสียงของเธอ เธอที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ

 

 

 

“แปลก แฮะ ปกติยายนั่นไม่เคยพลาดการรับโทรศัพท์นะ ติดมือถือยังกับอะไรดี ทำไมคราวนี้เงียบได้ล่ะ... เฮ่ออออออ หรือจะไม่สบายจริง ๆ กันแน่ แล้วนี่ฉันก็รีบไปทำธุระต่อด้วยสิ ห่วงก็ห่วง สาวน้อยตัวคนเดียวจะเป็นยังไงมั่งเนี่ย ฮอลลลลลล”

 

 

“เอ่อ ผม ... ผมแวะไปดูให้ได้นะครับ บ้านคุณแก้วอยู่แถวแม่น้ำฮันใช่ไหมครับ บ้านของผมก็ต้องผะ ผ่านเส้นนั้นพอดี”

 

 

“หืม.... นั่นสิคะ คุณก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันรบกวนหน่อยนะคะ เดี๋ยวฉันแชร์ที่อยู่ในมือถือให้ ขอไลน์หรือคาทกของคุณหน่อยได้ไหมคะ?”

 

 

“อ่ะ ได้ครับได้ ... ขอบคุณนะครับ งั้น งั้นผมไปนะครับ”

           

 

 

 

            ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะจับผิดในน้ำเสียงสั่น ๆ ของเขาได้ไหม ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ ก็บอกว่าเขาโกหกไม่เก่ง ถ้าไม่ได้หน้านิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดแบบนี้ มีหวังใครก็ไม่อยากให้รู้ความลับอะไร แต่เพราะความมาดนิ่งของเขานี่เองที่ทำให้เพื่อน ๆ พร้อมใจมาฝากความลับไว้ ประมาณว่าไม่อยากให้ใครรับรู้ แต่ต้องการที่ระบาย ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร แค่ใครอย่ามาถามก็แค่นั้น ก็อย่างที่บอก....เขาโกหกไม่เก่ง

 

 

            แต่ก็เพิ่งจะมารู้ตัววันนี้ ว่านอกจากเขาจะพูดโกหกไม่เก่งแล้ว เขายังไม่เก่งในการโกหกใจตัวเองด้วย

 

 

 

 

“หึ...แล้ว แกต้องขอบใจฉันอย่างสุดซึ้งแน่ๆ ยายแก้วใจ ฮิๆๆ อื้มมม ศุกร์ที่งานเสร็จแบบนี้ไปหาหนังดีๆดูสักเรื่องแก้ว่างจะดีกว่าเนาะ คิกๆๆ ”

 

 

 

 

ไม่ใช่พรหมลิขิตที่ขีดเอาไว้

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจ

ก็อยากให้เธอเข้าใจสักครั้ง...

 

 

 

“ห้อง 2207 คอนโดอิลซานแฮ ที่นี่สินะ”

 

 

“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”

 

 

“เอ่อคือ ผมมาหาเพื่อนน่ะครับ คุณ คุณแก้วห้อง 2207 ครับ ......อะ เอ่อ ผม ๆ จำผิดน่ะครับ ข ขอโทษนะครับ”

 

 

 

 

           ปั่นจักรยานตามแผนที่ๆ ได้รับมาจากคุณอึนบีเพื่อนของแก้ว มันอาจจะไม่ได้ไกลมากจากร้านของเขา แต่มันไกลจากหอที่เขาพักอยู่จริงๆ หอของเขาไม่ได้อยู่แถวนี้ เรียกได้ว่าอยู่คนละเส้นเลยก็ว่าได้ แต่ไม่เป็นไร แค่วันนี้ได้เจอแก้ว เขาคงมีแรงปั่นกลับหอ...จริงๆ นะ

 

 

 

           เมื่อจอดเจ้าลูกชายได้ ก็รีบวิ่งลงไปที่ตู้ยามเล็กๆ ข้างหอ แถวนี้มีหอพักมากมาย อาจเพราะเป็นเขตเศรษฐกิจ เขาไม่ทันได้ชื่นชมความงามของแม่น้ำฮันหรือสาวๆ โคฟเวอร์แดนซ์หน้าหอ ก็ได้เจอกับคนทำหน้าที่ดูแลหอพัก ถามไปได้ไม่กี่คำสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินลงมาจากตึก

 

 

.

.

 

             ชายหนุ่มนั้นเข้าขั้นหล่อ แม้จะน้อยกว่าเขาแต่ก็ยังนับว่าหน้าตาดีและมีเสน่ห์ ส่วนหญิงสาวข้างกายที่ประคองกันมาอย่างดีนั้น แม้แสงไฟจะไม่มาก แต่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีเขาจำได้แม้ว่าเธอจะคลุมหัวด้วยฮู้ดสีเหลือง ใส่แมสสีขาวปิดปากและสวมแว่นสายตาก็ตาม ....

 

 

 

 

หัวใจเจ็บอีกแล้ว ....

แก้วใจมากับใครที่ดูสนิทสนมกันเหลือเกิน

 

 

.

.

.

 

 

 

“เอ้า !!!! คุณเดี๋ยวสิ หนูแก้วใจ ที่เป็นคนไทยใช่ไหม เธอกำลังออกไปมินิมาร์ทข้าง ๆ คอนโดนั่นไง ที่เดินพ้นประตูไปเมือกี๊น่ะครับ คุณมาก็ดีแล้วช่วยไปดูเธอหน่อย ตัวก็เล็กแค่นั้น แถมขายังเจ็บอีก ชอบทำอะไรเกินตัวอยู่เรื่อยครับ นี่ก็ติดอยู่บนหอมา 4-5 วันคงทนไม่ไหว คงอยากพยุงไม้เท้ามาสูดอากาศ ฝากดูแลเธอด้วยนะครับ เธอไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะว่างานเยอะ แต่เธอใจดีแล้วก็ร่าเริงนะครับ”

 

 

 

“.......”

 

 

 

 

 

‘แต่ 3-4 วันมานี้ ฉันยังไม่เห็นยายคุณหนูแก้วที่ทำงานเลยนะคะ .... หรือว่าจะป่วยกัน’

 

‘ตัวก็เล็กแค่นั้น แถมขายังเจ็บอีก ชอบทำอะไรเกินตัวอยู่เรื่อยครับ’

 

‘นี่ก็ติดอยู่บนหอมา 4-5 วันคงทนไม่ไหว พยุงไม้เท้ามาสูดอากาศ ฝากดูแลเธอด้วยนะครับ’

 

 

 

 

 

 

 

“ก็ในเมื่อคุณมีคนคอยดูแลอยู่แล้ว.......”

 

 

 

 

      ถ้อยคำที่บ่งบอกอาการที่ไม่สู้ดีของอีกคนที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดไปได้ เช่นเดียวกับภาพของคนน่ารักที่เขาเฝ้าคิดถึงมาเกือบครึ่งเดือนที่เดินเคียง คู่มากับใครอีกคนที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยคนตัวบางไม่น้อย ถึงได้ประคองกันไปแบบนั้น

 

 

 

 

 

 ทั้งหน่วง ห่วง หวง...และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ็บ

 

 

 

 

 

 

//7-11//

 

 

 

“สงกรานต์ เหรอคะ ไม่ค่ะคุณแม่ แก้วใจกลับไม่ได้ งานเสร็จแล้วค่ะ แต่ขาเจ็บแบบนี้แก้วไม่สะดวกเลยค่ะ งื้ออออ อย่าเอาดอลล่าห์มาอ้อนสิคะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันนาน ๆ แล้วค่ะ แก้วทำลาพักร้อน 4 อาทิตย์แล้ว คุณบอสกำลังพิจารณาค่ะ ฮึ้บ เดี๋ยวแก้วหยิบนมใส่ตะกร้าก่อนนะคะ บายค่ะคุณแม่รักค่ะ จุ๊บๆๆ ...โง่ยยย ไม้เท้านี่เกะกะจริงๆ เลยอ่า”

 

 

 

“ผมช่วยครับ ... ทำไมต้องหยิบเยอะล่ะครับ จะถือไหวไหม คิดด้วยสิ”

 

 

 

“อ๊ะ บาริสโท ... ทะ โทโมะ มาได้ยังไงคะ”

 

 

 

“เพื่อนผมอยู่แถวนี้ และ ผม .. ผมแวะมาซื้อของน่ะครับ อยากได้อะไรอีกผมจะช่วย”

 

 

 

“ขอบคุณค่ะ .... ขอบคุณมาก ๆ นะโทโมะ”

 

 

 

 

 

     สุดท้ายคนที่เพิ่งจะยอมรับหัวใจตัว เองก็ไม่สามารถเดินหนีไปได้ เขาไม่สามารถมองแก้วใจเวลาอยู่กับคนอื่นได้ก็จริง แต่ถ้าจะให้ทิ้งไปแล้วกลับไปคิดเองเออเองอยู่ที่ห้องเขาคงได้เป็นบ้าเข้าสัก วัน ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะได้อยู่ในสถานะไหน แต่การได้ทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ดีใช่ไหมครับ

 

 

 

 

      เขาเข้ามาในร้าน เดินตามหาคนตัวบางจนพบว่ากำลังยืนเลือกของอยู่ในโซนเครื่องดื่ม ใจหนึ่งก็อยากทำแค่มองดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อได้เห็นว่าเธอสบายดี มีคนดูแลที่ดีเขาก็พร้อมจะกลับไป แต่ยืนมองอีกคนได้ไม่นานก็ต้องพาขายาวๆ ของตัวเองเข้าไปช่วย เมื่ออีกคนที่เขาเฝ้ามองนั้นไร้คนเคียงข้าง ชายหนุ่มที่มาด้วยกันไม่ได้อยู่ตรงนี้

 

 

 

 

 

        เขาจึงกล้าเข้ามาสินะ

 

 

 

 

 

       แต่การได้เห็นรอยยิ้มสดใสของแก้วในรอบ 2 สัปดาห์ ก็นับว่าคุ้ม แม้จะแลกกับการที่เขาแอบมีความสุขกับผู้หญิงของคนอื่นก็ตาม...

 

 

 

.

.

.

 

 

      แก้วใจไม่ใช่แค่คนที่เขารู้สึกดีด้วย การที่ได้เห็นอีกคนในวันนี้ การได้สื่อภาษาผ่านแววตาและถ้อยคำนั้น ทำให้เขารู้อีกอย่างหนึ่งว่า

 

 

 

      แก้วคือโลกทั้งใบของเขา...

 

 

 

 

 

 

 

“อูย มากกว่าเจ็บคือเกะกะนะ เมื่อไหร่แก้วใจกับคุณเฝือกจะแยกจากกันสิทีล่ะคะ”

 

 

 

“........”

 

 

 

“บาริสโท จะไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ แก้วรบกวนคุณนานแล้ว ขอบคุณนะคะ ดีใจจังได้พบกันในวันอื่นที่ไม่ใช่วันศุกร์ด้วย .....วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีของแก้วแน่ๆ”

 

 

 

“........”

 

 

 

“อากาศดีขนาดนี้ แก้วยังไม่ขึ้นห้องค่ะ เดี๋ยวของๆ แก้ว จะเอาไปฝากไว้ที่คุณยาม มาค่ะเดี๋ยวแก้วถือเอง”

 

 

 

 

 

      ฟังอีกคนเล่านู่นบ่นนี่ให้ฟังก็เกิดอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างกับไม่เคยรู้สึกแย่ มาก่อน แอบมองเสี้ยวหน้าหวานที่เล่าไป บ่นไป งอแงไป เกี่ยวกับขาที่เข้าเฝือก ที่ทำให้เธอควบคุมร่างกายไม่ค่อยจะได้ เขาไม่อยากกลับหอ ไม่อยากไปไหน ไม่อยากให้แก้วกลับห้องไปเจอกับใครอีกคน ณ เวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นคนดี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บความรู้สึก เขาไม่ใช่พระเอก แต่แก้วอาจจะเป็นนางเอกของเขา ....

 

 

 

      ถ้าเขาบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป

 

      ผลจะเป็นอย่างไรเขาจะไม่โกรธใครเลย...

 

 

 

 

.

.

 

 

“.....แก้วครับ คุยกันก่อนได้ไหมครับ ... ผมหมายถึงเราไม่ได้เจอกันค่อนข้างนานทีเดียว”

 

 

 

“ไปที่แม่น้ำฮันได้ไหมคะ .... แก้วอยากเดินอะ นอนอยู่ในห้องมาหลายวันแล้วค่ะ โคตรจะเบื่อเลย”

 

           

 

 

 

 

เธอคงยังไม่รู้ ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอ

แอบดูแลแต่เธอทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ

 

 

 

“บอกผมได้หรือยังครับ ไปทำอะไรมาถึงได้....หนาวไหม โค้ทของผมอุ่นครับ ใส่ไว้นะอย่าดื้อ”

 

 

 

“อะ อา แล้วโทโมะจะใส่อะไรล่ะคะ อากาศเย็นจริง ๆ แก้วไม่ชอบความหนาวเลยค่ะ บรื๋ออออ”

 

 

 

“ผมขี้ร้อนครับ สบายตัวไหมครับแก้ว”

 

 

 

“อื้อ ค่ะ ..... อาทิตย์ก่อน แก้วเจอน้องเหมียวขนฟู ติดอยู่บนต้นไม้ค่ะ ... แต่แก้วลืมไป ว่าน้องแมวอ่ะมันมีเก้าชีวิต แล้วแก้วก็มีแค่ชีวิตเดียว น้องแมวลงได้ค่ะ แก้วก็ลงได้ .... แต่ผลลัพธ์ต่างกันนิดหน่อย แฮ่~~~~~”

 

 

 

“ไม่ต้องมาแฮ่เลย แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ มีแผลที่เท้าอย่างเดียวใช่ไหมครับ ผมห่วงนะครับ

 

   

 

 

      เดินมาถึงที่นั่งที่สามารถมองวิวแม่น้ำฮันได้ และสามารถให้คนตัวบางของเขาได้ นั่งพักผ่อนจากการแบกเฝือกหนักๆ ถอดเสื้อให้อีกคนสวมเมื่อเห็นอาการสั่นน้อยๆ จากนั้นจึงเปิดเรื่องคุยทันที ทุกเรื่องที่เขาอยากรู้

 

 

 

.... รวมไปถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนตรงหน้า

 

 

 

 

 

 

“ค่ะ รอยถลอกตรงอื่นหายหมดแล้วค่ะ ออนนี่ที่อยู่ห้องข้าง ๆ เป็นคุณหมอค่ะ เข้ามาดูแก้วบ่อย ๆ แลกกับไลน์ของ พนง.ในออฟฟิสแก้วเอง ฮิๆๆ อ้อ เมื่อกี๊ยังช่วยพาแก้วเข้าเซเว่นเลยค่ะ คงสงสาร”

 

 

 

“หืม...ผู้ชายนิครับ ทำไมเรียกออนนี่ ? ..... หรือว่า ฮะ ๆๆ *บ้าชะมัด คิดอะไรของเราวะเนี่ย

 

 

 

“ศุกร์ ที่แล้วแก้วไปออกสนามไกลมากเลยค่ะ ปกติจะเลือกที่มันใกล้ๆ กับบาริสโท ขากลับจะได้แวะนั่งพักที่ร้านกับกรีนทีอร่อยๆ สักแก้ว แต่นี่ไปถึงเจจูอ่ะค่ะ ศุกร์นี้ก็ยังขาเจ็บไม่หาย ร่างกายแก้วห่อเหี่ยวหมดแล้วค่ะ ต้องการชาเขียววว”

 

 

 

“.......ครับ”

 

 

 

“แต่วันนี้ดีนะคะ แก้วรู้สึกดีที่ได้เจอบาริสโทค่ะ ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้เจอกันนะคะ”

 

 

 

 

 

      แทบล้มทั้งที่ยังนั่งอยู่ ไม่ว่าจะด้วยอะไรดลใจให้เขาไม่ทำเรื่องแย่ๆ กับผู้หญิงตรงหน้าก่อนที่จะได้รับรู้ความจริงจากปากของอีกฝ่าย ผู้ชายที่เป็นออนนี่? ....ไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เขาพร้อมจะแย่งคุณแก้วมา ขอบคุณที่ไม่ทำให้เธอรับรู้ว่าเขากำลังคิดแบบนั้นในตอนแรก

 

  

 

      อย่างน้อยให้แก้วมองเขาที่เป็นผู้ชายอบอุ่น

 

      เป็นห่วงเป็นใย และรักเธอมากจริงๆ...ก็พอ

 

 

 

 

 

 

 

     ส่วนเรื่องเข้าใจผิดที่ทำให้เขาเจ็บมากในตอนแรก แต่มันกลับเรียกรอยยิ้มสวยๆ จากแก้วได้ ให้เธอรับรู้ไปก็น่าจะคุ้มอยู่นะ

 

 

 

 

 

....โลกทั้งใบของโทโมะ

 

 

 

 

“ครับ ผมก็ขอบคุณเช่นกัน การที่คุณหายไปนานๆ แล้วเราได้มาเจอกันในตอนนี้ มันช่วยย้ำให้ผมได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองครับ ผมห่วงคุณมากจริง ๆ ....และผมก็คิดถึงคุณมากด้วย คิดถึงทุก ๆ วัน แม้จะไม่ใช่วันศุกร์ แต่ผมก็อยากจะรอ ผมกลายเป็นคนมีความสุขกับการรอไปเสียอย่างนั้น”

 

 

 

“บะ บาริสโท...”

 

 

 

“แต่ ตอนคุณหายไป ผมใจไม่ดีเลย ไม่มีความสุข ทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้าร้านแล้วไม่ใช่คุณ ฮันนี่ที่ผมแอบสั่งให้เข้าไปเล่นเฉพาะกับคุณก็หงอยลงไปมาก คงเพราะแกคิดถึงคุณ มาก ๆ ผมคิดว่าคงทนให้คุณหายหน้าไปแบบนี้อีกไม่ได้แล้วจึงไปที่คอนโดของเพื่อน คุณ.... และแม้ผมจะเห็นว่าคุณอยู่กับผู้ชายคนอื่น แต่ผมก็ยังตัดใจไม่มาเจอหน้าคุณไม่ได้”

 

 

 

“ผู้ชาย.... ??? ออนนี่คุณหมอข้างห้องแก้วอ่ะเหรอคะ.....”

 

 

 

“ผมผิดไปแล้วครับ”

 

 

 

“555555555555555555”

 

 

 

 

.

.

.

 

 

ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้

ก็อาจจะพอได้รู้ใจ

กับความจริงข้างใน

ที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักที

 

 

 

 

 

….ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ รู้ยัง

 

 

 

 

 

 

 

“อย่าหัวเราะกันแบบนั้นสิครับ....โธ่ แก้ว ผมขอโทษ ถ้าผมจะใจกล้าแล้วก็รีบยอมรับความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่วันที่ติดฝนด้วยกัน ผมก็น่าจะติดต่อคุณได้ คุณคงไม่ต้องมาเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้ ผมอยากดูแลแก้วนะครับ ผมขอโทษที่ไม่รีบเข้ามาหา มาดูแลคุณให้เร็วกว่านี้ ผมขอโทษ...”

 

 

 

“บาริสโท.... ไม่ใช่สักหน่อย โทโมะไม่ได้ผิดนะ ถ้าแก้วบอกคุณไปตรง ๆ ตั้งแต่วันฝนตกว่าใจเต้นมาก ๆ ที่ได้เดินด้วยกัน รู้สึกดีที่คุณเอาใจใส่ เราอาจจะไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้... เอ่อ แก้วหมายถึง เราอาจจะแลกเบอร์กันแล้วคุณก็มาหาแก้วได้ไง...เนอะ”

 

 

 

“แก้ว ครับ ... มาที่ร้านทุกวันได้ไหม ถ้าคุณสะดวก รอผมเลิกงานแล้วกลับพร้อมกัน วันไหนคุณอยู่ทำงานดึก ๆ ให้โทรบอกผมให้ไปรับได้ไหมครับ เป็นผมได้ไหมครับที่คุณจะโทรมาปลุกตอนเช้า ที่เราจะวีดีโอคอลกันก่อนนอนทุกๆคืน...เป็นผมได้ไหมครับ

 

 

 

“อ่ะ .... บาริสโทคะ มะ หมายถึง คุณขอแลกเบอร์กับแก้ว ชะ ใช่หรือเปล่า?”

 

 

 

“วันนี้อาจจะใช่ แต่พรุ่งนี้ผมไม่มั่นใจว่าจะขอแค่เบอร์โทรฯแล้วสิครับ .... ช่วยพิจารณาผมได้ไหมครับ ถ้าแก้วยังไม่มีใคร ถ้าแก้วใจเต้นแรงเพราะผม .... ให้ผมดูแลคุณนะครับ

 

 

 

 

 

“......”

 

 

 

 

 

     แทบอยากจะปาเฝือกที่ขาลงไปในแม่น้ำฮัน แล้วลุกขึ้นกรี๊ดบนม้านั่งตัวยาวที่นั่งอยู่ด้วยกันกับผู้ชายตรงหน้า เธอรู้สึกดีกับเขาจริงๆ ยิ่งไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานแบบนี้ ยิ่งคิดถึง อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากไปนั่งละเลียดเค้กพร้อมกับให้เจ้าตัวเล็กแทะนิ้วเท้าเล่นจริงๆ

 

 

 

     เธอคิดถึงเขามาก บาริสต้ารูปหล่อของบาริสโท

 

 

 

 

 

     ยิ่งพอได้มาเจอกัน โดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัวแบบนี้ ยิ่งใจเต้นมาก ขึ้นไปอีก มือไม้สั่นไปหมดตอนที่เค้าขอถือของช่วย เค้าอยากคุยด้วย เค้าขอคุยด้วย ... และตอนนี้เค้ายังสารภาพความรู้สึกอีกด้วย ผู้ชายเพียบพร้อมทั้งการศึกษา เบ้าหน้าและความคิดแบบนี้ จะหาได้จากที่ไหน และนอกเหนือจากความสมบูรณ์แบบทั้งหมดนี้ เทียบไม่ได้เลยกับที่เธอแอบชอบเขามาเกือบๆ ครึ่งปี ผู้ชายที่ดูดีมากแม้ในเวลาที่ใบหน้ามีแต่หยดเหงื่อ ตามตัวมีกลิ่นกาแฟ

 

 

      เธอชอบเขามากจริงๆ

 

      เธอรู้สึกดีกับเขามากจริงๆ

 

 

 

 

 

      เธอรักเขามากจริงๆ

 

           

 

 

 

 

 

กับความจริงข้างใน

ที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักที

 

….ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ รู้ยัง

 

 

 

 

 

“ยาย อึนบี!!!! ขอบใจมากนะ สำหรับทุกอย่างในวันนี้ แล้วก็ตั้งแต่วันแรกที่เธอพาฉันเข้าไปนั่งทานชาเขียวที่บาริสโท เลือกวันศุกร์เพราะเจ้าของร้านจะอยู่ร้านทั้งวัน ขอบคุณนะอึนบีเพื่อนรัก...คุณโทโมะขอเบอร์ฉันแล้วย่ะ เย่!!!”

 

 

 

//ก็ยินดีด้วยนะคะ อยากกินเค้ามาตั้งนาน แต่คุณหนูจากประเทศไทยก็จีบใครไม่เป็น ในที่สุดก็ทำให้ผู้มาหลงกลได้สินะ//

 

 

 

“หลงกลอะไรยะ พูดให้ดีๆ เค้าเรียกว่าใจตรงกันต่าง ห่างเล่า คึคึคึ วันนี้เป็นวันดีจริง ๆ ฉันอยากแกะเฝือกปลอมนี่ออกสักทีอะ คืนนี้โทโมะจะวีดีโอคอลมาด้วย อยากจะสวยก่อนนอนบ้างไรบ้าง”

 

 

 

//มัน ไม่ไหวก็ถอดเถอะย่ะ ให้ออนนี่ข้างห้องช่วยนะ เอ้อ เธอถึงห้องหรือยัง ฉันจะได้ไลน์กะคาทกไปบอกคุณบาริสโทน่ะ เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คิคิคิ//

 

 

 

“ห้ะ อะไรนะ ??? ยายอึนบี ลบเดี๋ยวนี้ ลบไอดีของเค้าออกจากเครื่องเธอเดี๋ยวนี้นะ ย่าห์!!!!!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

-- The End --

 

 

 

 

 

จะหวานก็หวานได้ไม่สุดนะ

ออมอนี_cake style แฮ่ ~~ขอบคุณทุกคนค่ะ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา