YAOI LOVERS ระวัง! อ่านแล้วหัวใจจะY

-

เขียนโดย ดินลา

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.53 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  11.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) [SJ] Look Like Love 1.2: Maybe...This Time

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

               มือหนาเอื้อมขึ้นมาลูบบริเวณผิวแก้ม คิ้วหนาขมวดนิดๆ อย่างครุ่นคิด แปลกใจกับเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นระทึก สายยังคงมองตามทางที่ร่างเล็กเดินหายไป ความรู้สึกเมื่อริมฝีปากนุ่มๆ นั่นจรดลงที่ผิวหน้าตัวเองยังแจ่มชัดอยู่

               ...แต่กระนั้น เขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจสักนิด ความรู้สึกเหมือนกับเมื่อคราวนั้น...หวั่นไหว...ทั้งที่ไม่คิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับใครได้อีก นอกจากคนๆ นั้น ที่เขารักมาก

               หรือว่ามันอาจจะเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้ลืม...และเริ่มต้นใหม่ กับคนๆ นี้ ถ้าเป็นเด็กคนนี้...เป็นฮยอกแจ จะได้มั้ยนะ จะทำให้เขาลืมคนๆ นั้นได้หรือเปล่า...เขาจะลองดูสักครั้ง!

 

               ร่างเล็กกำลังตั้งหน้าตั้งตาหั่นผักอยู่ในครัว พยายามจัดเตรียมอาหารด้วยความบรรจงและพิถีพิถัน มีความสุขยามเมื่อนึกถึงว่าคนที่เขาแอบรักกำลังทานอาหารที่เขาเป็นคนทำ ถึงแม้จะต้องโกหกว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำก็เถอะ

               “อืมม…แล้วหม้ออยู่ไหนล่ะเนี่ย เบ๊อะใหญ่แล้วเรา” ฮยอกแจกเพิ่งนึกออกว่าตัวเองยังไม่ได้เตรียมหม้อต้มเลย ทั้งที่จัดเตรียมทุกอย่างใกล้พร้อมแล้ว ร่างเล็กต่อว่าตัวเองในใจที่ขี้ลืมพร้อมกับหันกลับไปจะไปเอาหม้อที่ว่า ก็ต้องผงะเมื่อพบกับ…

                “อ๊ะ…พี่ฮัน…เอ่อ คุณฮันคยอง” เสียงหวานพูดสั่นๆ รีบหลุบสายตาลงทันทีไม่กล้าสู้หน้าด้วยความกลัวเมื่อร่างของฮันคยองอยู่ตรงหน้าเขาห่างไปไม่กี่เมตรนี่เอง ‘ทำไงดีๆ พี่ฮันคยองเห็นแล้ว รู้แล้วแน่ๆ พี่ฮันคยองต้องโกรธมาแน่ๆเลย’ ร่างเล็กครุ่นคิดในใจอย่างเป็นกังวล

               “คือว่าผม…ผม…” ฮยอกแจอ้ำอึ้งพูดไม่ออก คิดหาข้อแก้ตัว แต่กลับคิดไม่ออกเลยสักนิด ยิ่งฮันคยองขยับตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกขึ้นมาทันที

               “นาย…” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ฮยอกแจได้แต่กลืนน้ำลายพูดไม่ออก ก้มหน้าเตรียมรับคำด่า…แต่กลับเงียบ…จนฮยอกแจค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูง

               “นาย ‘รัก’ ฉันงั้นหรือ” ร่างเล็กถึงกับตัวแข็งค้าง ตกตะลึงเมื่อได้ยิน ‘นี่ พี่ฮันคยองรู้ได้ยังไงกัน’ ฮยอกแจรีบก้มหน้าหลบตาทันที ไม่กล้ามองตาคนตรงหน้า หัวใจเต้นรัวทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น อยากจะปฏิเสธแต่ริมฝีปากกลับไม่ยอมขยับเขยื้อน

               “ผม….” เอายังไงดี จะพูดว่ายังไงดีล่ะ

               “หืมม…ว่าไง” และยิ่งฮันคยองโน้มตัวลงมาใกล้ จนฮยอกแจต้องเอนหลังไปพิงค้ำเคาน์เตอร์ของห้องครัว ฮันคยองยังคงโน้มตัวลงมาใกล้เหมือนจะต้อนร่างเล็กให้จนมุมจนร่างกายทั้งสองแนบชิดกัน ทำให้ฮยอกแจใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาข้างนอก ทำอะไรไม่ถูก จะหนีก็ไม่ได้ จะพูดก็ไม่ออก หน้าก็ไม่กล้ามองอีก

               แล้วอยอกแจก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ที่บุกเข้ามาสัมผัสผิวกายภายใต้เสื้อยืดที่เขาสวม ฝ่ามือใหญ่ไล้ไปตามเอวเล็กและแผ่นหลังขาวนวล มือใหญ่จัดการดันให้ร่างของฮยอกแจเข้ามาแนบชิดกับร่างของตัวเองมากขึ้นไปอีกจนขาแทบจะเกยกัน

               “คุ…คุณฮันคยอง จะทำอะไร…” ฮยอกแจถาม สีหน้าแดงเถือก พยายามจะดันตัวออกห่าง แต่สู้แรงฮันคยองที่รัดเขาไว้แน่นไม่ได้เลย

               “ตอบมาก่อนซิ” ฮันคยองซุกหน้าลงที่ซอกหูของร่างเล็ก กระซิบบอกเสียงแผ่ว แล้วเริ่มไล้ริมฝีปากลงผ่านต้นคอ ลมหายใจร้อนผ่าว ทำให้ฮยอกแจรู้สึกแปลกๆ ทั้งอึดอัดทรมานแต่ก็รู้สึกดีไปด้วย เรี่ยวแรงของร่างกายแทบไม่เหลือ ทั้งสั่นและอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว ไม่มีกำลังจะต้านทานได้เลย เรียวลิ้นซุกซนของอีกฝ่ายยังคงคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของร่างเล็กและขบเม้มอย่างชำนาญยิ่งทำให้ฮยอกแจเคลิบเคลิ้มจนแทบสติหลุด

               “...อืม...” ฮยอกแจเผลอครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฮันคยองเองก็รู้สึกได้ว่าร่างเล็กเริ่มเคลิ้มแล้ว จึงรุกถามต่อ

               “ตอบสิ รักหรือเปล่า” เสียงทุ้มแหบพร่านั่นยิ่งกระตุ้นแรงปรารถนาของฮยอกแจ ร่างเล็กที่ตอนนี้ควบคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่ ก็หลุดพูดออกมาอย่างที่ใจคิด

               “ผม…ผมรัก คุณฮันคยอง” ฮยอกแจสารภาพออกมา ฮันคยองก็ผละริมฝีปากออกจากตัวเขา ร่างเล็กเริ่มได้สติกลับมารู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็ต้องก้มหน้างุดด้วยความอาย จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ด้วยความพอใจของคนตรงหน้า

               “เรียกว่า ‘พี่’ อย่างที่ชอบก็ได้นะ ฮยอกแจ” สิ้นเสียง ฮยอกแจก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ เผยอปากจะถามว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไง ก็กลับเป็นโอกาสให้ฮันคยองที่รออยู่แล้วก้มลงมาประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม มือที่ลูบไล้ผิวกายอย่างแผ่วเบาเปลี่ยนเป็นกระชับกอดให้แนบแน่นขึ้นจนแทบขยับตัวไม่ได้

               ฮยอกแจทั้งตกใจและงุนงง ที่ฮันคยองไม่แสดงอารมณ์โกรธเกลียดเขาเหมือนก่อนแล้วหรือ แต่แล้วความคิดนั้นก็เลือนหายไป เมื่อรสจูบทวีความเร่าร้อนขึ้น จนฮยอกแจแทบขาดใจ สองมือเล็กยกขึ้นโอบรอบคอของฮันคยองไว้เป็นหลักอย่างไม่รู้ตัว

               ฮันคยองละริมฝีปากจากฮยอกแจ เพื่อให้ร่างในอ้อมแขนได้หยุดพักหายใจบ้าง เขาเปลี่ยนมากระชับกอดให้ใบหน้าของฮยอกแจซุกลงที่อกเขาแทน ร่างสูงหลับตาลง พลันใบหน้าของคนๆ หนึ่งก็ผุดขึ้นมา จนเขาต้องรีบไล่มันออกไป

               …ไม่ได้! ห้ามนึกถึงเด็ดขาด ต้องลืมสิ…ลืมแล้วเริ่มใหม่กับเด็กคนนี้ นายต้องทำให้ได้สิ ฮันคยอง

               …ฮันคยองพร่ำพูดซ้ำๆ ในใจ หากแต่ใบหน้ากลับแสดงความเจ็บร้าว เมื่อใบหน้าของคนที่อยากลืมกลับไม่ยอมเลือนหายไปจากใจเสียที

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

               “ไง! ฮยอกแจ” เสียงทักทำให้ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมอง

               “คิบอม” ฮยอกแจยิ้มตอบใบหน้าเปื้อนยิ้มของคิบอม ที่เขารู้สึกว่าดูเจ้าเล่ห์พิกล

               “มาแต่เช้าเลยนะ ท่าทางก็ดูสดใสผิดปกติ มีอะไรดีๆ งั้นเหรอ” น้ำเสียงของเพื่อนเก่า ก็ยังไปทางเดียวกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น ฮยอกแจหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่พี่ฮันคยองจูบและกอดเขา ฮยอกแจอ้อมแอ้มตอบกลับโดยไม่สบตากับเพื่อนเก่า

               “กะ…ก็เปล่าสักหน่อย”

               “จริงเหรอออ……” คิบอมลากเสียงยาวเหมือนไม่เชื่อ “หึหึ…เมื่อกี้ ‘แฟน’ ล่ะซิ ที่มาส่ง” คิบอมพูดแซวพร้อมกับเอานิ้มชี้จิ้มเบาๆ ที่มุมปากของเพื่อนสนิท แล้วยิ้มอย่างรู้ทัน

               “นี่! เห็นด้วยหรอ คิบอม” ฮยอกแจร้องลั่นอย่างตกใจ เอามือมาปิดปากไว้อย่างเขินอาย เมื่อกี้พี่ฮันคยองมาส่งเขา แล้วก็รั้งตัวเขาเข้าไปจูบโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว คิบอมเห็นหรือเนี่ย! ฮยอกแจแก้มแดงเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน จนคิบอมหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเพื่อน

               “ว่างๆ ก็พา ‘แฟน’ มาให้รู้จักด้วยสิ” คิบอมแกล้งแหย่คนขี้อายตรงหน้าต่ออย่างสนุกสนาน แม้จะยังรู้สึกติดใจ ภาพของผู้ชายที่มาส่งฮยอกแจที่ได้เห็นเพิ่งแว่บเดียวนั้น ดูคุ้นตาเขาอย่างประหลาด หรือเขาจะคิดมากไปเองนะ

                ยังไม่ทันจะได้ถามต่อว่า ชายคนนั้นเป็นใครหรือชื่ออะไร เด็กหนุ่มสองคนก็ตรงรี่เข้ามาหาพวกเขาซะก่อน หนึ่งในนั้นคือคนหน้าหวานที่เขาเคยต่อปากต่อคำอย่างดุเดือดซะด้วยสิ

                “นี่นายไม่มีงานทำหรือไง มาหลีนักเรียนอยู่ได้” ทงแฮ หนุ่มหน้าตาน่ารักที่เขาสะดุดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ซีวอนที่เดินมาด้วยแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ส่งสายตามองคิบอมขวางๆ

               “ช่วงเช้าฉันไม่มีสอน แล้วนายล่ะ นักศึกษาลีทงแฮ ไม่มีเรียนหรือไง” คิบอมเลิกคิ้วถามย้อนด้วยท่าทียิ้มแย้มเป็นมิตร แต่ทงแฮกลับรู้สึกว่ามันช่างยียวนชวนหมั่นไส้เสียจริง

               “งั้น ฮยอกแจไปทานข้าวกับพี่กันเถอะ…ไปก่อนนะไอ้ปลาทอง” ซีวอนสบช่องเมื่อเพื่อนคู่ปรับของเขากำลังเปิดศึกอยู่กับอาจารย์อายุน้อยกว่า จัดการคว้าแขนฮยอกแจที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกลากไปด้วยกันทันที

               “เฮ้ย! เดี๋ยว……” ทงแฮร้องห้าม แต่ก็ไม่ทัน ‘บ้าจริง โดนไอ้สิงโตบ้าแย่งไปจนได้’

               “เป็นเพราะนายคนเดียวเลย ไอ้เด็กบ้าขี้หลี! ชิ!” ทงแฮชี้หน้าตวาดใส่คิบอมอย่างโมโห ก่อนจะหันหลังหมายจะวิ่งตามซีวอนไป แต่…

               “เดี๋ยว…ลีทงแฮ” มือใหญ่คว้าแขนร่างบางไว้ก่อน ออกแรงบีบเมื่ออีกฝ่ายขัดขืน

               “ทำบ้าอะไรมันเจ็บนะโว้ย!...ปล่อยสิวะ” ทงแฮว่ากลับทั้งหงุดหงิดทั้งเจ็บเพราะสู้แรงคิบอมไม่ได้

               “คงจะไม่ได้หรอกนะ นายยังไปไหนไม่ได้” คิบอมพูดเรียบๆ ไม่ยอมคลายมือที่จับแขนอีกฝ่ายแน่น จนร่างบางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

               “ทำไม” ทงแฮถามเสียงห้วน เริ่มหวาดๆ ไปกับใบหน้านิ่งๆ ที่ไร้รอยยิ้มนั่น

               “ฉันเกรงว่า ฉันคงต้องทำโทษนายที่ไม่เคารพฉันในฐานะอาจารย์ และที่นายโดดเรียนวิชาของฉันอีก...ตามฉันมา”

               “ไม่มีทาง…ใครจะไปกับแกไอ้เด็กบ้า” ทงแฮปฏิเสธทันควัน

               “แหม…แสดงว่านายคงเตรียมใจที่จะได้เอฟทุกวิชา ทุกเทอมแล้วสินะ” คิบอมหัวเราะน้อยๆ ทำเอาทงแฮหยุดชะงัก

               “นายพูดบ้าอะไร อย่ามาขู่ซะให้ยากเลย นายคนเดียวไม่มีทางมีอำนาจขนาดนั้นหรอก อย่างมากฉันก็ตกวิชานายคนเดียว” ทงแฮพูดอย่างมั่นใจ

               “งั้นเหรอ นายคงยังไม่รู้สินะว่าครอบครัวฉันเป็นผู้อุปถัมภ์รายสำคัญของที่นี่ และตอนแรกตำแหน่งที่ฉันจะเข้ามาทำงานจริงๆ แล้วคือ ผู้อำนวยการ ต่างหาก แล้วถ้าฉันแค่ใช้อำนาจเล็กๆ จัดการเรื่องของนายแค่นี้ จะไปยากอะไรจริงมั้ย” คิบอมพูดหน้าตาไม่มีแววพูดเล่น ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่นิ่งอึ้ง รู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลังกับรอยยิ้มนั่น

               “แก…ไอ้เด็กโรคจิต…” ทงแฮกัดฟันพูดอย่างคับแค้นใจ

               “เอาล่ะ…ถ้าเข้าใจแล้วก็เชิญตามมาทางนี้”

               คิบอมว่าพลางปล่อยมือจากแขนของอีกฝ่ายที่ขึ้นรอยแดง ก้มหัวให้นิดๆ ที่ออกแนวเยาะเย้ยมากกว่า แล้วหันเดินนำหน้าไป ทิ้งให้ร่างบางเดินตามร่างหนาตรงหน้าไปทั้งๆ ที่รู้สึกเจ็บใจและหงุดหงิดเป็นที่สุด ที่ต้องตกมาเป็นเบี้ยล่างทำตามคำสั่งไอ้เด็กบ้า...ไอ้เด็กโรคจิตคนนี้

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

               “อยากกินอะไร ก็สั่งได้ตามสบายเลยนะฮยอกแจ” ซีวอนบอกพร้อมกับส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับหนุ่มรุ่นน้อง เป็นยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็แทบจะยอมสยบคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว

               “เอ่อ…ผมทานมาจากที่บ้านแล้วครับ” ฮยอกแจตอบ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจทำตัวไม่ถูกกับท่าทางของรุ่นพี่ ฮยอกแจเองก็แอบเปรียบเทียบพี่ฮันคยองของเขากับพี่ซีวอนอยู่ในใจ เขาแอบหวังอยากให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนี้เป็นพี่ฮันคยองที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างนี้ เขาจะมีความสุขมากแค่ไหนนะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ

               “สั่งอะไรทานเล่นก็ได้นี่นา ไหนๆ ก็มาแล้ว”

               “ก็แต่ละอย่างมันแพงๆ ทั้งนั้นเลยนี่ครับ” ฮยอกแจทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นราคาบนเมนู

               “เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ไม่ต้องห่วงหรอก ให้เลี้ยงตลอดชีวิตก็ยังได้” ซีวอนตอบยิ้มๆ

               “คนรวยนี่ดีจังนะครับ งั้นผมไม่เกรงใจล่ะนะ” ฮยอกแจพูดยิ้มๆ ไม่ทันได้คิดกับคำพูดที่ซีวอนบอกเป็นนัยๆ ซีวอนก็ได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ กับความซื่อของหนุ่มรุ่นน้อง…แล้วอย่างนี้จะจีบติดก่อนเจ้าทงแฮมั้ยเนี่ย…

               “สั่งเยอะๆ เลยนะ พี่มีตังค์จ่ายอยู่แล้ว” ซีวอนพูดอวดๆ ด้วยท่าทางเล่นๆ จนฮยอกแจอดขำไม่ได้

                “ครับๆ เชื่อแล้ว ก็พี่ทงแฮบอกผมตลอดเลยว่าพี่ซีวอนรวยมาก ซื้อโน่นซื้อนี้ได้ตั้งเยอะแยะ แถมยังเบื่อง่ายเปลี่ยนรถวันละคันเหมือนกับที่เปลี่ยนผู้หญิงนั้นแหละ” ฮยอกแจพูดขำๆ แต่ซีวอนแทบสำลัก

               “อะไรกัน…ไม่จริงสักหน่อย เจ้าทงแฮมันก็ชอบพูดเล่นไปงั้นแหละ” ซีวอนแก้ตัว มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมอย่างเซ็งๆ…ให้ตายสิ ไอ้ปลาทองบ้า แอบมากันท่าไว้ก่อนเลยหรือนี่ แผนสูงจริงๆ…

               “ครับๆ ผมเชื่อ ถ้าพี่เบื่อง่ายจริงๆ พี่คงจะไม่ใส่แต่สร้อยข้อมือเส้นนี้หรอกใช่มั้ยครับ” ฮยอกแจพูดอย่างอารมณ์ดีๆ แล้วก้มดูเมนูต่อ

               สิ้นคำพูดของฮยอกแจ ซีวอนก็ก้มมองดูสร้อยข้อมือสีเงินเส้นบางหลายเส้นที่ถูกถักเข้าด้วยกันหลวมๆ อย่างสวยงาม แสงแวววาวสีเงินส่องประกายระริกในสายตาของร่างสูงคล้ายกับยินดีที่คนสวมใส่มองมันอย่างเต็มตา ได้รู้ว่ากำลังสวมใส่มันอยู่เสียที

               “อ๋อ…นี่นะเหรอ ตะขอมันถอดยาก พี่ขี้เกียจถอดก็เลยใส่ไว้อย่างนี้แหละ” ซีวอนตอบกลับยิ้มๆ เขาเองก็ลืมไปเลยว่ายังสวมกำไลข้อมือนี้อยู่ เช่นเดียวกับที่เขาลืมเลือนคนที่สวมมันให้ไปเนิ่นนานแล้วเช่นกัน

               ซีวอนละสายตาไปจากกำไลสีเงินเส้นบางอย่างเมินเฉยไม่ใส่ใจอีกต่อไป แล้วเริ่มสนทนากับหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าอย่างสนุกสนาน แสงวิบวับสีเงินนั่นคล้ายจะหม่นหมองไปเมื่อไม่ได้รับความสนใจและถูกลืมไปอีกครั้ง

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

               “กลับมาแล้วครับ” ฮยอกแจร้องเสียงใสอย่างร่าเริง ขณะถอดรองเท้า แค่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เขาก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปหมด มือบางยกขึ้นมาปิดจมูก เบ้หน้านิดๆ นึกบ่นอยู่ในใจว่า พี่ฮันคยองคงต้องดื่มเหล้าอีกแล้วแน่ๆ

               ฮยอกแจกำลังเดินเข้าไปใกล้ห้องนั่งเล่น ดวงตาเรียวงามเห็นแล้วว่าคนที่เขารักเพิ่งจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา แขนแกร่งที่พาดยาวตามแนวโซฟาที่ถือแก้วเหล้าไว้ก็ถูกยกขึ้นมาดื่ม บนโต๊ะเล็กๆ มีขวดเหล้าที่พร่องไปไม่น้อยเลยกับเอกสารที่วางระเกะระกะอยู่ ฮยอกแจเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้ว แต่ดูเหมือนฮันคยองจะยังไม่สังเกตเห็น ฮยอกแจคิดว่าคงเป็นเพราะพี่ฮันคยองของเขากำลังจ้องดูรูปถ่ายใบเล็กในมืออยู่เงียบๆ สายตาของพี่ฮันคยองที่มองรูปเป็นสายตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงหา ทั้งเศร้าทั้งเจ็บปวด จนเขาเริ่มเป็นห่วง

               “พี่ฮันคยอง…เป็นไรหรือเปล่าครับ พี่เหนื่อยหรอ” ฮยอกแจถามเบาๆ อย่างเป็นห่วง เห็นฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงมองหน้าเขาแล้วชะงักไปนิดนึง

               “กลับมาแล้วเหรอ” ฮันคยองทักเรียบๆ โน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อวางแก้วเหล้าในมือ พร้อมๆ กับอีกมือที่เก็บรูปสอดเข้าด้านในกระเป๋าเสื้อสูทด้วยท่าทางนุ่มนวล แต่รวดเร็วราวกับเล่นกล

                ฮยอกแจพยักหน้ารับน้อยๆ สายตายังคงจ้องที่กระเป๋าด้านซ้ายของฮันคยองอย่างสงสัยปนอยากรู้นิดๆ แต่ปากก็ยังเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

               “พี่ไม่เป็นไรแน่นะครับ”

               ฮันคยองเห็นสายตาฮยอกแจยังคงจ้องกระเป๋าเสื้อเขาอยู่ ก็ก้มหน้าลงนิดๆ ให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับร่างเล็กพร้อมยิ้มนิดๆ ที่เห็นฮยอกแจสะดุ้งด้วยความตกใจและอาย แล้วเขาก็ตบเบาๆ ตรงที่นั่งข้างๆ ตัว เป็นเชิงว่าให้มานั่งข้างๆ ฮยอกแจใจเต้นระรัวเขินอาย เรื่องรูปใบนั้นไม่อยู่ในหัวอีกต่อไป พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตื่นเต้น ค่อยๆ เดินตรงไปยังที่นั่งข้างๆ ร่างสูง ท่าเดินเกร็งๆ และขัดเขิน แถมยังไม่ยอมสบตานั่นอีก ที่ร่างสูงเห็นว่าน่ารัก…น่ารักเสียจนอยากจะแกล้ง

                ทันทีที่ฮยอกแจกำลังจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ นั้น พลันแขนใหญ่แข็งแรงก็โอบรอบเอวเล็กของเขาแล้วดึงไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว จนฮยอกแจเสียหลักและล้มลงนั่งที่ตักของฮันคยองพอดีอย่างที่ร่างสูงกะไว้ ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองฮันคยองอย่างตกใจ เขาทันได้เห็นใบหน้าที่เขาแสนรักเพียงแว่บเดียว จากนั้นทุกอย่างก็เลือนรางพร่ามัว เมื่อฮยอกแจถูกฮันคยองประทับจูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว  มือเล็กขยุ้มเสื้อสูทตัวงามของร่างสูงเอาไว้อย่างหาที่ระบาย เมื่อลิ้นอุ่นของร่างสูงกวาดสำรวจไปทั่วโพรงปากเขา จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของแอลกอฮอล์ที่ยิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มไปอีก จนกระทั่งร่างสูงถอนจูบออก ไล้ริมฝีปากงามไปจูบที่พวงแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงจัดเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองสบตาร่างเล็กในอ้อมกอดที่ยังหอบหายใจน้อยๆ ในระยะประชิด

                “นายเป็นห่วงฉันเหรอ…ฮยอกแจ” ฮันคยองถาม กระเซ้าคนตรงหน้าที่เอาแต่หลบตาเขา

               “ผม…ผม…” ฮยอกแจพูดไม่ออกว่าเป็นห่วงร่างสูงแค่ไหน ความอายจากจูบเมื่อกี้ยังไม่หมดไป อีกทั้งยังมากขึ้นเมื่อต้องมาจ้องหน้าอีกฝ่ายในระยะประชิดอย่างนี้ จะขยับหนีก็ไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายจับยึดปลายคางเขาไว้ไม่ยอมให้หันหนีได้ และยังแขนหนาของอีกฝ่ายที่โอบรัดเขาไว้แนบแน่น จนแทบจะสัมผัสถึงเนื้อตัวกันผ่านเสื้อผ้า แล้วยังจูบเมื่อกี้ที่ทำเอาหมดเรี่ยวแรงจนแทบจะละลายอยู่แล้ว

               “เอ่อ…ผมว่า พี่ปล่อยผมเถอะนะครับ” หลังจากผ่านไปสักพัก ฮยอกแจก็พยายามพูดออกมาได้ในที่สุด

               “ทำไมล่ะ นายไม่ชอบเหรอ ไหนว่ารักฉันไง” ฮันคยองพูดย้ำยิ่งทำให้เขาอายหนักกว่าเดิมอีก

               “คือ…เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าพี่จะหนัก” ฮยอกแจพูดอุบอิบสายตาหันไปอีกทาง หน้าก็กลายเป็นสีแดงไปแล้ว จนฮันคยองทั้งเอ็นดูทั้งสงสารยอมปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ หัวเราะในลำคอเบาๆ ที่เห็นฮยอกแจนั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ แต่ยังไม่มองหน้าเขา แล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด

               “พี่ฮันคยอง เลิกดื่มแล้วไปนอนดีกว่ามั้ยครับ พี่ทำงานกลับมาเหนื่อยๆ ก็น่าจะนอนพักดีกว่านะครับ” ฮยอกแจบอกเสียงเบา ใจหนึ่งก็เป็นห่วงไม่อยากให้ดื่มเหล้าอยากให้พักมากกว่าอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าพี่ฮันคยองจะไม่พอใจหาว่าเขาวุ่นวาย จึงก้มหน้าก้มตาพูดมือทั้งสองข้างก็บิดไปบิดมาอย่างเป็นกังวล

               “อืมม…ก็ดีเหมือนกันนะ” ฮันคยองว่า ฮยอกแจดีใจจนยิ้มแก้มปริที่ร่างสูงเห็นด้วย

               “งั้นพี่ขึ้นไปพักเถอะครับ เดี๋ยวตรงนี้ผมเก็บเอง” ฮยอกแจกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เตรียมจะลุกขึ้นไปเก็บของที่กระจายอยู่บนโต๊ะ แต่มือใหญ่ก็จับไว้ก่อน

               “ไม่ต้องหรอก ตรงนี้เดี๋ยวแม่บ้านก็มาจัดการเอง นายไปส่งฉันที่ห้องดีกว่า ฉันดื่มไปเยอะเลยมึนนิดหน่อย” ฮยอกแจได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับ แล้วเริ่มเดินขึ้นไปห้องพี่ฮันคยองโดยเขาคอยประคองอยู่ไม่ห่าง

               เมื่อฮยอกแจมาส่งฮันคยองถึงในห้องแล้ว ก็เตรียมตัวจะรีบออกไป เพราะกลัวจะไปรบกวนร่างสูง และเขาก็อยากให้พี่ฮันคยองได้พักผ่อนไวๆ

               “งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ฮันคยอง” ฮยอกแจพูดแล้วยิ้มอย่างสดใส ก่อนหมุนตัวเดินไปที่ประตู กำลังแง้มเปิดได้นิดเดียว

               ปังง!!!.......

               ร่างเล็กเกร็งตัวนิ่งไปเมื่อฝ่ามือหนาใหญ่ดันปิดประตูไว้ และยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นและลมหายใจของร่างที่อยู่ข้างหลังเขา หัวใจของฮยอกแจเต้นระทึกไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง

               “พี่…ฮันคยอง พี่จะทำอะไร อ๊ะ…” เสียงหวานสั่นและแผ่วเบา และตกใจในตอนท้ายเมื่อฮันคยองจับพลิกร่างเล็กให้หันกลับมาอย่างรวดเร็ว และทาบทับทั้งตัวและจุมพิตจนตัวฮยอกแจพิงราบไปกับพื้นผิวประตู

                 ฮยอกแจแทบขาดใจตายกับจูบที่รุนแรงแนบแน่นกว่าทุกๆ ครั้ง จูบที่ลึกล้ำกว่าทุกที เต็มไปด้วยความปรารถนาและไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอนไปง่ายๆ ฮยอกแจจะทรุดลงอยู่แล้วเพราะขาไม่มีแรง แต่ฮันคยองโอบรั้งไว้จับมือเรียวบางให้คล้องคอเขาไว้เพื่อพยุงตัว ขณะที่ยังไม่หยุดป้อนจูบร้อนแรงกับร่างเล็กตรงหน้า จนร่างเล็กส่งเสียงประท้วงในลำคอเพราะหายใจไม่ทัน ร่างสูงยอมละจูบออกเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็มอบจูบให้อีกอย่างร้อนแรงความปรารถนามีมากจนหยุดไม่ไหวแล้ว

               ฮยอกแจไม่รู้ตัวเลยว่าฮันคยองยกเขามาวางไว้บนเตียงเมื่อไหร่ รู้สึกตัวก็ตอนที่ร่างสูงถอนจูบออกแล้วถอดสูทและเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนออกไปจนเห็นผิวเนื้อเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยแข็งแรงสมชาย

               ฮยอกแจจ้องมองร่างกายเปลือยท่อนบนของฮันคยองไม่วางตา แม้จะอายแสนอาย แต่เขากลับละสายตาไปจากภาพตรงหน้าไม่ได้จริงๆ ราวกับถูกสะกดไว้ด้วยเสน่ห์ของคนตรงหน้า

               ฮันคยองโน้มตัวลงมาจรดริมฝีปากกดจูบที่มีรสแอลกอฮอล์จางๆ ให้เขาอีกครั้งอย่างนุ่มนวล ฝ่ามือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อของร่างเล็กอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ถูกปลดไปจากตัวฮยอกแจ เผยให้เห็นผิวกายขาวเนียนที่เรื่อสีแดง ยิ่งทำให้อารมณ์ของฮันคยองพุ่งพล่านมากขึ้น ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามผิวกายนั้นอย่างหลงใหล 

                ฮยอกแจลืมตัวส่งเสียงครางออกมาเมื่อฮันคยองเลื่อนฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วกายเขา ฮันคยองเริ่มปลดผ้าที่เหลือออก กระทั่งทั้งคู่ต่างเปล่าเปลือย ความต้องการที่ช่างเร่งร้อนและรุนแรงทำเอาฮยอกแจสะดุ้งสุดตัว ทั้งหวาดหวั่นและกลัวเจ็บ ตัวสั่นเทิ้มจนร่างสูงรู้สึกได้

              “เด็กดี…ไม่ต้องกลัวนะ…” ฮยอกแจเริ่มผ่อนคลายเพราะเสียงของฮันคยองที่ปลอบโยนเขาเบาๆ ฮันคยองเอื้อมมือลูบผมร่างเล็กเบาๆ ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของฮยอกแจที่ขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้แน่นให้มาโอบร่างของเขาไว้ ฮยอกแจก็ทำตามอย่างว่าง่ายโอบกอดร่างฮันคยองไว้แน่น

                ฮันคยองพยายามฝืนกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้ พยายามไม่ให้ฮยอกแจต้องเจ็บ แต่ร่างเล็กก็ยังร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อร่างกายทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง ฮันคยองจูบปลอบไปทั้งใบหน้าและจูบซับน้ำตาที่ไหลรินของฮยอกแจ หวังจะช่วยปลอบโยนให้ลืมความเจ็บไปได้บ้าง

               ฮยอกแจแม้จะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย แต่ก็พยายามฝืนรับไว้ถ้ามันจะทำให้ฮันคยองรู้สึกดีได้ และเขาเองก็รู้สึกเจ็บน้อยลงและเริ่มรู้สึกดีไปด้วยมากขึ้นทุกทีที่ได้รับจูบที่ปลอบประโลมและสัมผัสที่แสนจะนุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างที่สุดของฮันคยอง

                จนเมื่อทุกอย่างดำเนินไปถึงที่สุดน้ำตาของฮยอกแจที่ยังรินไหลอยู่นั้นก็ไม่ได้มาจากความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่มาจากความสุขล้ำอย่างที่สุดแทน                                            

               ฮันคยองโอบกอดร่างเล็กจากด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นกดจูบที่พวงแก้มนุ่มเบาๆ แล้วเลื่อนไปหาริมฝีปากนุ่มของฮยอกแจ ที่เอี้ยวศีรษะมาตอบสนองจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากกัน

               ใบหน้าฮยอกแจแดงซ่านไปทั่วอย่างน่ารัก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์น่าอายเมื่อครู่ จนไม่กล้าสบตาของฮันคยองที่ตอนนี้นอนกอดเขาไว้ใกล้ๆ ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

               “อ๊ะ…..” ฮยอกแจอุทานออกมานิดๆ ตกใจที่อยู่ๆ ฮันคยองก็ดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้อย่างแนบแน่นจนแทบไม่มีร่างกายส่วนใดไม่สัมผัสกัน

               “ฮยอกแจ…เจ็บรึเปล่า พี่ขอโทษนะ”

               ฮยอกแจชะงักไปกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนของฮันคยอง ฝ่ามือที่ลูบศีรษะเขาอย่างแผ่วเบากับริมฝีปากที่จูบเบาๆ ที่ขมับนั้นช่างอบอุ่น จนฮยอกแจน้ำตาคลอและไหลออกมาอย่างดีใจที่ฮันคยองเป็นห่วงเขาขนาดนี้อย่างที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ฮยอกแจกอดตอบร่างสูงแน่นจนแทบจะเป็นร่างเดียวกัน ร่างบางสั่นด้วยแรงสะอื้นจนฮันคยองรู้สึกได้

               “ฮยอกแจ…” ฮันคยองพูดเสียงอ่อน เขาคิดว่าฮยอกแจคงเจ็บมากจนต้องร้องไห้ออกมา กำลังจะผละตัวออกจากฮยอกแจด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ฮยอกแจเจ็บตัว ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะอดทนเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าต้องเจ็บ แต่ทว่า

               “ผมไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรครับ พี่ฮันคยอง” ฮยอกแจรีบพูดออกมา ดึงตัวฮันคยองที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกมากอดไว้แน่นเหมือนเดิม “ผมแค่…แค่ดีใจ ที่พี่เป็นห่วงผม” ฮยอกแจพูดปนสะอื้นร้องไห้เหมือนกับเด็กๆ ฮันคยองที่ได้ยินก็ยิ้มออกมา แล้วลูบหัวคนตัวเล็กที่ยังร้องไห้ไม่หยุดอย่างปลอบประโลม

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

                                                                                          

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา