น้ำตาลบูด

-

เขียนโดย Pumpkinan

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.59 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,484 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560 00.00 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ละลายน้ำตาลครั้งที่สอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“อือออ…...” เสียงของคนที่นอนร่างเปลือยเปล่าโดยมีผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้ดังขึ้น เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านแยงตารบกวนการนอนหลับของเขา

“…” คนบนเตียงลืมตาขึ้นก่อนที่จะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาสำรวจสิ่งที่อยู่รอบตัว เฟอร์นิเจอร์สีขาวตัดกับสีแดงเลือดหมูทำให้คนที่พึ่งลืมตาขึ้นมานี้รับรู้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตนเอง

“อ่ะ…” ขยับตัวเพื่อที่จะลงจากเตียงแต่ก็ต้องรู้สึกความเจ็บแปล็บที่ไล่ริ้วขึ้นมาตั้งแต่บริเวณสะโพกเป็นผลทำให้ตอนนี้ล้มลงไปนั่งอยู่ข้างๆเตียงพร้อมกับผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมร่างกายด้วยแล้ว

“ตื่นแล้วหรอครับ…” เจ้าของหองที่เดินเข้ามาเพราได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นดังขึ้นจากในห้องก็พบกับคนนอายุมากกว่าที่กำลังเบิกตากว้างเมื่อมองไปดูสภาพเปลือยเปล่าของตัวเอง

“ทะ…ทำไม…” คนที่มีเพียงผ้าห่มเป็นสิ่งปกคลุมร่างกายได้แต่ถามออกไปด้วยเสียงที่ตะกุกตะกัก

“จำไม่ได้หรอครับ เมื่อคืนน่ะ..ผมกับพี่…” รอยยิ้มมุมปากที่เกิดขึ้นหลุงจากการเว้นช่วงคำพูดออกไปให้คนที่กำลังรอฟังต่อถึงกับกลั้นหายใจตาม

“อะ…อะไร”

“อยากทวนความทรงจำไหมครับ…” เหมือนรอยยิ้มมุมปากจะทำให้คนที่นั่งอยู่ถึงกับเสียวสันหลังวาบเมื่อจ้องมองอีกครั้ง

“…อื้อออ” ยังไม่ทันที่จะตอบกลับออกไป ร่างที่ยืนพิงกำแพงประตูอยู่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแนบริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ปฏิกริยาตอบกลับอัตโนมัติโดยการเม้มปากแน่นเพื่อป้องกันการบุกรุกของอีกฝ่ายทำงานทันที แต่คนที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นกลับใช้มือเชยคางของคนที่ต่อต้านขึ้นก่อนที่จะใช้ลิ้นค่อยๆไล่ไปตามรอยแยกที่ถูกเม้มแน่นเอาไว้จนเริ่มฉุ่มไปด้วยของเหลวใสๆ ก่อนที่จะใช้แรงที่ปลายลิ้นค่อยๆดันเข้าไปตรงบริเวณรอยแยกตรงกลางที่โอกาสเข้าถึงข้างในมากที่สุด แรงต่อต้านที่พ่ายแพ้ต่อความพยายามของคนที่กำลังลุกล้ำเข้าภายในโพรงปากของตัวเองและกำลังหยอกเล่นอยู่กับปลายลิ้นที่กำลังหาทางหนีจากการลุกล้ำครั้งนี้

“หึ…” เสียงในลำคอของคนที่กำลังดันหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเข้ามาชิดดังขึ้น

“แฮ่ก…แฮ่ก…” คนขี้แกล้งที่ปล่อยผู้ใหญ่ถูกแกล้งให้เป็นอิสระกำลังหย่อนก้นของตัวเองลงบนข้างเตียงที่คนที่เขาแกล้งเมื่อกี้พึ่งตกลงไปนั่งจุ้มปุกอยู่บนพื้น

“พอจำได้ไหมครับ..”

“…”

“ถ้ายังจำไม่ได้… เดี๋ยวผมทำต่อให้จำได้เอง…”

“มะ…ไม่ต้อง…” หน้าขาวๆที่ขึ้นสีขึ้นมาเรื่อยๆกำลังบ่งบอกได้ถึงความทรงจำที่คาบเกี่ยวเหมือนความฝันของเมื่อคืนกำลังวนเวียนอยู่ในสมองแล้ว

“จำได้แล้วเนอะ…”

“…”

“อยากได้อะไรไหม?”

“เสื้อ… กางเกง…” คนที่ตอบได้แต่ก้มหน้าลงไปมองพื้นอย่างเดียว

“เสื้อผ้าของพี่ตอนนี้ยังกองอยู่ข้างนอกเลยครับ.. ใส่ไม่ได้หรอก… มันเลอะเทอะไปหมด” คำพูดที่ทำให้คนได้ยินถึงกับต้องยกผ้าก่มสีขาวขึ้นมาปิดหน้าทันที

“แต่ถ้าเสื้อผ้าของผมน่ะ ใส่ได้นะ…”

“อ่ะ… เดี๋ยว..จะทำอะไร” ร่างที่ลอยตัวจากแรงยกของคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเมื่อสักครู่ได้แต่จับบริเวณไหล่ทั้งสองข้างของคนอุ้มเอาไว้ กลัวที่จะตกลงไป

“จะพาไปอาบน้ำไง”

“ดะ..เดี๋ยวอาบเอง..”

“เดินเองได้หรอ?”

“…”

“อย่าดื้อ อย่าหือ อย่าอือ ครับ”

“มะ..”

“บอกว่าอย่าดื้อไงครับ”

“…”

“ดีมาก… ผมว่าผมเริ่มถูกใจพี่แล้วนะเนี่ย ว่านอนสอนง่ายดี” คนที่ถูกอุ้มเอาแต่ซุกอยู่ในผ้าห่มตลอดการถูกขนย้ายร่างกายของตัวเองไปที่ห้องน้ำ ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดอะไรทั้งนั้น

“อาบน้ำเองได้เนอะ… หรืออยากให้ผมช่วยอาบให้ดีครับ..” คนที่เป็นฝ่ายอุ้มมาวางตัวของมนุษย์ผ้าห่มลงในอ่างอาบน้ำที่แห้งสนิทก่อนที่จะค่อยๆดึงผ้าห่มออกจากร่างนั้น

“เบาๆ…เจ็บ..” ร่างที่ถูกแรงเสียดสีของการดึงผ้าห่มออกจากตัวก็ได้แต่แต่จับส่วนของผ้าที่กำลังจะถูกดึงออกเพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างช่วงล่างลงไปบ้าง

“งั้นเขยิบลงสิครับ” คนที่เป็นฝ่ายดึงผ้าออกหยุดการกระทำก่อนที่จะยืนมองคนที่อยู่ในอ่างนั้นค่อยๆเขยิบตัวเองให้หลุดออกจากผ้าห่มที่นั่งทับทีละน้อย

“ซี๊ด…” เสียงซี๊ดปากของคนที่กำลังเขยิบตัวทีละน้อยดังขึ้น

“ผมยังไม่อยากทำอะไรตอนนี้นะ..” สิ้นเสียงของคนที่ยืนมองการกระทำอยู่ก็ก้มตัวลงไปใช้แขนข้างขวาช้อนแขนของอีกคนขึ้นก่อนที่จะดึงผ้าห่มส่วนที่เหลือออกไปด้วยความรวดเร็วแล้วหย่อนคนที่กำลังเหวอกับการกระทำนั้นให้นั่งอยู่แบบเดิม

“ผมอยู่ข้างนอกนะ มีอะไรเรียกได้” คนที่กำลังถือผ้าห่มหันหลังเดินออกไปด้วยสีหน้าที่สะกดความต้องการที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยอยู่

“อะ..อื้ม” เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น คนที่อยู่ในอ่างจะหันหลังกลับไปทางก๊อกน้ำแล้วเปิดทั้งก๊อกน้ำเย็นและน้ำร้อนพร้อมกัน ก่อนที่ตัวเองจะนั่งเอามือทั้งสองกุมใบหน้าพร้อมเสียงสะอื้นที่ดังลอดออกมาพร้อมกับการสั่นของร่างกาย

 

“เฮ้ย..มึง…” เสียงคุยโทรศัพท์บริเวณระเบียงดังขึ้นจากบุคคลเดียวกันกับที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ

“อะไรวะ?”

“เมื่อคืน…”

“เล่าสักทีสิวะ ไอเหี้ยยยยยยย”

“เมื่อคืน…กูทำอีกแล้ว”

“ทำ? ก็เรื่องปกติของมึงปะ?”

“ทำ…กับผู้ชาย..”

“ห๊ะ!!! อีกแล้วหรอวะ?”

“เออ..”

“แล้วเป็นยังไง? เลิกกลางคันอีกรึเปล่า?”

“ไม่ว่ะ... คนนี้ทำจนเสร็จเลย”

“ห๊ะ!! จนเสร็จ!

“เออ..”

“เด็ดหรอมึง?”

“กูก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเห็นหน้าเขาตอนมีอารมณ์แล้วอยาก”

“หูยยยยยย กูอยากเห็นหน้ามั่งว่ะ”

“ไม่ต้องเลยมึง ไออาย”

“อะไรว่ะ! แบ่งปันเพื่อนมั่งสิ”

“มึงก็ใช้ในสต๊อกตัวเองไปดิว่ะ”

“ก็... คนที่ให้มึงทำจนเสร็จได้นี่ กูอยากเห็นหน้ามาก”

“ทำไมเล่า?”

“ปกติมึงหยุดหลางคันนี่หว่า ขนาดแฟนมึงยังมีหยุดกลางคนกลางคันเลย”

“แล้วยังไง?”

“กูก็อยากเห็นหน้าไง”

“เสือก!”

“ฮ่ะๆๆๆ”

“เล่าได้แต่อย่าให้ไปถึงหู แอร์แล้วกันนะมึง”

“ครับผมมม คุณเคน คนหล่อ บ้านรวย”

“ไอเหี้ย” แล้วคนที่เป็นคนโทรศัพท์ไปก็กดวางสายแทน

“เฮ้ออ...” เสียงถอนหายใจจากเคนดังขึ้นก่อนที่เขาจะมองออกไปบนท้องฟ้าที่ไร้เมฆสีขาวปกคลุมท้องฟ้าวันนี้

 

“กูกลับห้องก่อนนะ” เสียงจากชายหนุ่มที่กำลังสวมกางเกงของตัวเองดังขึ้นเพื่อบอกคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่าที่มีแต่รอยแดงๆเต็มพื้นที่หลัง

“อืมม กลับไปเลยมึง” คนนอนคว่ำได้แต่ตอบกลับโดยที่ไม่หันมามองคนพูดเลย

“เดี๋ยวกูมาหาใหม่” คนที่พึ่งติดตะขอกางเกงสแล็คเสร็จเดินมานั่งที่บริเวณเกือบกลางเตียงก่อนที่จะโน้มตัวลงไปพูดที่ข้างหูของคนนอนคว่ำอยู่ ใช้ปลายลิ้นสากไล่อยู่บริเวณใบหูที่ขึ้นสีนั่น

“กลับไปเลยไอปาล์ม! คนของมึงรออยู่ไม่ใช่หรอไง!” เสียงตวาดเสียงดังจากคนที่นอนคว่ำทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะดันตัวเองออกจากเตียง

“ใช่~ คนของกูรออยู่ที่ห้อง ยังไงก็อย่าลืมกินข้าวนะมึง เดี๋ยวจะไม่มีแรงมาสู้กับกู อิอิ” คนพูดค่อยๆเดินออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มมุมปากเหมือนเดิม

 

“ฮึก...” เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องไห้ของคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง

“มึงมันแย่... ไอปาล์ม..” คนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงตอนนี้คือคนที่ถูกแกล้งโดยการล็อคคอเมื่อคืนนั่นเอง ใบหน้าที่แดงเถือก ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำใสๆที่ไหลออกมาแบบไม่ขาดสาย เปรอะเปื้อนทั่วหมอนใบใหญ่ที่ใบหน้าแนบอยู่

“ครืด.................... ครืด.......................” แรงสั่นของโทรศัพท์บนหัวเตียงดังขึ้นทำให้คนที่นอนอยู่ต้องควานหาทันที

“ฮะ...ฮัลโหล...” การผ่อนลมหายใจก่อนที่จะรับสายทำให้เสียงที่พูดลงไปในโทรศัพท์มีความแข็งแรงอยู่ระดับหนึ่งเพื่อให้ดูเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“มึงอยู่ไหนวะ?” เสียงปลายสายของปินดังขึ้น

“กะ..กูอยู่ห้อง” แรงกั้นสะอื้นทำให้คนที่พยายามฝืนร่างกายได้แต่ตัวงอนิดๆ

“นี่มึงเป็นอะไรเปล่าเนี่ย?”

“เปล่า.. กูโอเค”

“แฮงค์จากเมื่อคืนไหมมึง? ให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?” น้ำเสียงที่ท่าทางร้อนรนดังขึ้น

“ไม่เป็นไรมึง กูอยากนอน”

“งั้น..เดี๋ยวเย็นๆก็เข้าไปหานะ”

“แล้วมึงไม่ไปหาคนอื่นล่ะ”

“กูโทรไปหาไอถาง มันแม่งไม่รับ เคาะหน้าห้องก็ไม่เปิด ส่วนไอวิวนี่แม่งนอนลืมตื่นอยู่”

“อะ..อ่อ”

“งั้นมึงนอนเถอะ เดี๋ยวเย็นๆกูไปหา”

“อืม...” แล้วสายก็ถูกตัดไปโดยที่เจ้าของโทรศัพท์ยังคงมองดูหน้าจอที่กำลังจะดับไปอยู่

 

“อ่ะ นี่ครับ” เคนที่ยืนยื่นชุดของตัวเองที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยให้กับคนที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในอ่างน้ำ

“อะไร?”

“เสื้อผม พี่เอาไปใส่ก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็วางชุดไว้บนฝาชักโครกที่ถูกปิดลงมา ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดจุกปิดอ่างอาบน้ำออกเพื่อระบายน้ำที่อยู่เต็มอ่างออกไป

“อืม...”

“ร้องไห้หรอ?” มือใหญ่กอบกุมในหน้าบางส่วนที่มีเส้นผมที่ลู่ลงตาใบหน้าพร้อมด้วยหยดน้ำที่เกาะอยู่

“อย่ายุ่ง” เสียงนิ่งๆที่ถูกเปล่งออกมาจากคนในอ่างดังขึ้น

“โกรธหรอ?”

“คิดว่าโดนบ้างจะรู้สึกยังไงล่ะ” คนที่นั่งอยู่ในอ่างปัดมือที่จับใบหน้าของตัวเองออกก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของห้องด้วยน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่ในดวงตากลมนั่น

“ผม..”

“ไม่ต้องพูดอะไร ถือว่าแล้วก็แล้วกัน” คนในอ่างพยายามพยุงตัวขึ้นแต่ก็ต้องลงไปนั่งอีกรอบเพราะความเจ็บที่ไม่ได้ลดน้อยลงเลย

“ผมช่วย” คนที่ปกติกว่าพยายามที่จะเข้ามาช่วยพยุงแต่ก็ถูกมือขาวๆของคนในอ่างนั่นปัดออกไปทุกครั้ง

“ไม่ต้องมายุ่ง” แล้วก็เป็นผลสำเร็จที่คนในอ่างนั่นพยุงตัวเองขึ้นมานั่งบริเวณริมขอบอ่างได้

“เช็ดตัวก่อนครับ” คนที่หยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนเสื้อผ้ากำลังคลี่ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ออกก่อนที่จะค่อยๆไล่เช็ดทีละส่วนของอีกคน

“ก็บอกว่า อย่ายุ่ง อ่ะ!...” คนที่พยายามใช้มือข้างเดียวปัดคนที่กำลังมายุ่มย่ามออกไปก็เสียหลักเกือบจะหงายหลัง ถ้าไม่ได้คนที่เป็นหลักได้ดีกว่าจับแขนเอาไว้

“ผมขอถอนคำพูด ดื้อจริงๆนะครับ”

“จะ..จะทำอะไร!” คนที่พูดเมื่อกี้ช้อนตัวของคนที่นั่งอยู่ริมขอบอ่าง แล้วเดินออกไปที่บริเวณโซฟารับแขก

“ใส่ครับ” เจ้าของห้องตัวสูงยื่นชุดที่เดินกลับไปเอาจากในห้องน้ำกับคนที่ถูกปล่อยให้นั่งอยู่บนโซฟายาว

“...” ไร้เสียงตอบกลับแต่รับเสื้อผ้าที่ถูกส่งให้ไปค่อยๆใส่

“เสื้อเชิ้ตมันตัวใหญ่ น่าจะปิดทุกอย่างได้หมดพอดี” เคนพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่บริเวณครัวเพื่ออุ่นข้าวต้มปลาสำหรับคนบนโซฟาให้ร้อน

“จะกลับ...” เสียงดังออกจากปากของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาที่ตอนนี้สวมเสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งอยู่ดังขึ้น

“กลับไม่ได้หรอก..”

“ทำไม?!”

“ผมอยากได้พี่”

“ไม่!!”

“พูดไปเถอะครับ พี่อยู่ในห้องผม ผมจะทำอะไรก็ได้”

“นาย!!”

“ผมชื่อ เคน... ไหนแนะนำตัวให้ผมรู้จักหน่อยสิครับ”

“ไม่!!”

“ดื้อจังเลยนะครับ..” คนที่อยู่ในครัวค่อยๆเดินออกมาก่อนที่จะโน้มตัวมาอยู่ในระยะประชิดกับคนที่นั่งอยู่บนโซฟา

“อะ..อะไร!!”

“ผมจะใช้วิธีไหนให้พี่แนะนำตัวดีครับ... หรือแบบเมื่อคืนดี...” สิ้นสุดเสียงพูด ใบหน้าของคนที่ตกเป็นรองก็ขึ้นสีขึ้นมาทันที

“...”

“ว่าไงครับ? หืมมม?” คนที่ได้เปรียบกว่ายืนกอดอกแล้วมองไปที่คนที่นั่งพูดอะไรงึมงำด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

“ชื่อ ถาง...”

“ครับ...”

“ทำงานอยู่...”

“ที่ไหนเอ่ย?”

“บริษัทเอกชน..”

“อายุเท่าไหร่เอ่ย?”

“25”

“มากกว่าผมสี่ปีเอง”

“จะกลับบ้าน”

“ไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไม!?”

“เพราะผมถูกใจพี่ แล้วพี่ก็ต้องอยู่กับผมจนกว่า..จะเบื่อ..” คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรกำลังสร้างความหวาดกลัวให้กับคนรับฟังอยู่

“ไม่!”

“เชิญพูดตามสบายเลยครับ อะไรที่ผมอยากได้ไม่เคยว่าไม่ได้ครับ” พูดเสร็จก็ขยิบตาก่อนจะหันหลังให้เดินเข้าครัวเพื่อไปปิดเตาที่ใช้อุ่นข้าวต้มปลา

 

“กินข้าวครับ” คนที่เดินเข้าไปเมื่อกี้กลับออกมาพร้อมกับชามเซรามิกสีขาวก่อนที่จะวางบนโต๊ะรับแขกข้างหน้าคนที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา

“ไม่!”

“จะกินดีๆหรือจะกินแบบบังคับ?” ชามข้าวต้มถูกยกขึ้นมาจากโต๊ะด้วยฝีมือของคนที่ยกมันออกมาจากครัวเอง

“ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ! เราจะกลับบ้าน!” คนที่พูดเองก็กล้าๆกลัวๆกับความนึกคิดของคนที่ลงมานั่งข้างๆเหมือนกัน

“สรรพนามเรียกตัวเองน่ารักดีนะครับ” ไม่ว่าเปล่าแต่กลับไล่นิ้วไปตามโครงหน้าของคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งเพียงตัวเดียวอยู่

“อะ..อะไร!” คนที่โดนสัมผัสก็ได้แต่ร่นถอยหนี แต่ก็ถอยได้ไม่มากเพราะความเจ็บที่ไล่เป็นริ้วๆทุกครั้งที่ขยับส่วนล่าง

“กิน”

“ไม่!”

“ไม่กินจริงๆหรอ?” เสียงเย็นๆพูดขึ้นก่อนที่จะวางชามข้าวต้มลงที่เดิม

“...” คนที่ได้ยินเสียงเย็นๆนั่นได้แต่กลืนน้ำลายลงไปด้วยความหวาดกลัวที่อยู่ข้างในใจ

“ว่ายังไงครับ?”

“ไม่” คนที่กลัวแต่ก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

“ถ้างั้น…”

“อ่ะ… ออกไปนะ!” คนตัวใหญ่กว่าผลักคนที่เจ็บอยู่ลงไปนอนราบบนโซฟาก่อนที่ตัวเองจะเข้ามานั่งแทรกตรงกลางของคนที่นอนราบอยู่

“ถ้าไม่กินข้าว.. งั้นกินอย่างอื่นแล้วกันนะครับ..” คนที่อยู่ตรงกลางลำตัวเอื้อมมือไปจับล็อคข้อมือคนที่ตกเป็นรองไว้ทั้งสองข้างก่อนที่จะใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องทางที่เมื่อคืนก็พึ่งลุกล้ำเข้าไป

“อ่ะ...เจ็บ...ออกไป...” คนที่โดนล็อคมือทั้งสองข้าง ส่วนขาก็โดนร่างใหญ่ทับอยู่ได้แต่บิดตัวไปมาเพื่อหนีจากการกระทำนี้

“เจ็บหน่อย เดี๋ยวก็มีความสุข...แบบเมื่อคืนไง..” ยิ้มเย็นๆที่ทำให้คนไร้ทางสู้เบิกตากว้าง เมื่อนิ้วที่สองกำลังจะลุกล้ำเข้าไป แต่ทุกอย่างก็ต้องชะงักเพราะเสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของเจ้าของห้องที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างหน้า

 

“ฮัลโหล..” มือที่จับล็อคข้อมือทั้งสองข้างของคนที่แก่กว่าเปลี่ยนมาเป็นกดรับโทรศัพท์แทน แต่มืออีกข้างก็ยังสอดคาเอาไว้

“อืม... เดี๋ยวออกไปหา..” คนที่คุยโทรศัพท์อยู่ได้แต่หันมามองอีกคนที่กำลังยันตัวลุกขึ้นมาและดันมือของเขาออกไป

“อืม... รู้แล้ว ซื้อไว้ด้วยล่ะกัน” จบบทสนทนาเพียงแค่นั้นก่อนที่จะกลับมาสนใจผู้ใหญ่จอมดื้อที่กำลังเสียเปรียบอยู่ตอนนี้

 

“อ่ะ....” เสียงของคนที่เสียเปรียบดังขึ้น เมื่อคนที่พึ่งวางสายไปชักนิ้วออก

“โชคดีนะครับ... แฟนผมโทรมาเรียกให้ไปหาพอดี” คนที่พูดหยิบทิชชู่มาเช็ดนิ้วที่เปื้อนของตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถ คีย์การ์ดและกระเป๋าตังค์ที่บริเวณโต๊ะที่ถูกวางไปด้วยกรอบรูป ถ้วยและเหรียญรางวัลมากมาย

“นายก็มีแฟนแล้วนี่” คนที่กำลังดันตัวเองให้ขึ้นมานั่งพูดขึ้น

“ใช่ ผมมีแฟนแล้ว แต่ผมอยากได้อย่างอื่นเพิ่ม” เสียงตอบกลับมาขณะที่ใส่รองเท้าอยู่บริเวณประตูห้องดังตอบกลับ

“ถ้าผมกลับมาแล้วยังกินไม่หมด พี่ได้อะไรมากกว่าเมื่ออีก” เสียงปิดประตูดังขึ้นแสดงถึงการออกไปของเจ้าของห้องเรียบร้อย ถางที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาก็ได้แต่มองไปที่ชามข้าวต้มใบเดิมนั่น ใจก็อยากจะออกไปให้พ้นห้องนี้แต่เอาจริงๆแค่ลุกขึ้นยืนธรรมดาตอนนี้ยังทำไม่ได้ นับภาษาอะไรกับให้เดินไปถึงลิฟต์แล้วกลับบ้าน

“โทรศัพท์...” คนที่พึ่งนึกได้ขณะยกช้อนข้าวต้มขึ้นมากินว่า เขาเองก็มีโทรศัพท์ที่จะติดต่อกับชาวบ้านชาวช่องเหมือนกัน แต่ติดที่ว่าเจ้าของห้องเอาโทรศัพท์ของเขาไปเก็บไว้ไหนนี่ล่ะ

“อึก...” คนที่อยากกลับบ้านวางชามข้าวลงที่เดิมก่อนที่จะพยายามยันตัวลุกขึ้นสู้กับความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจนต้องจิกลงไปที่วางแขนของโซฟาสักครู่ก่อนที่จะค่อยๆลากเท้าเดินไปหาของที่ต้องการ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา