เส้นทางสีหม่น

-

เขียนโดย MissP

วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.34 น.

  3 Chapter 1
  0 วิจารณ์
  4,639 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 02.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) ็HELLO STRANGER สวัสดีคนแปลกหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

CHAPTER 3

Hello Stranger!! (สวัสดี..คนแปลกหน้า)

วันนี้วันที่ 7 ของการฝึกงาน คยองซูเริ่มปรับตัวได้กับการฝึกงานมหาโหดของที่นี่แล้ว แต่ที่หงุดหงิดใจ คือ ที่ผ่านมายังไม่ได้ฝึกอะไรที่เกี่ยวข้องกับที่เล่าเรียนมาแม้แต่น้อย นอกจากการฝึกเบิกของ ซีร็อกซ์งานและชงกาแฟ เอื่มม!! ฝึกงานแบบนี้ก็ได้หรอ...วันนี้ชายหนุ่มขยับเลเวลการฝึกเป็นเบ๊ขั้นสูงด้วยการถูกใช้ให้ออกไปทำธุระทั้งส่วนตัวและส่วนรวม

“คยองซูช่วยไปส่งพัสดุตรง ป.ณ.ข้างตึกหน่อยนะ”

“เออ!! วันนี้วันเกิดลูกพี่ฝากซื้อการ์ด happy birthday ด้วยน้าพี่ยุ่งมากเลย”

“คยองซูพี่อยากได้เอสเปรซโซ่ร้อนขนาดกลางนะ” และตามมาอีกหลายเสียงดังระงมไปทั้งแผนก เขาก้มหน้าจดรายการต่างๆกว่า 10 รายการลงในกระดาษ A4 ก่อนจะพับมันยัดใส่ลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนคว้าเป้สะพายหลังวิ่งดุ๊กๆไปเข้าลิฟท์ทันที

วันนี้เหมือนดวงอาทิตย์จะพิโรธมากเป็นพิเศษถึงได้แผ่รังสีความร้อนลงมาจนตัวแทบจะละลาย เหงื่อจากขมับค่อยๆไหลคงไปตามคอ แผ่นหลัง ชายหนุ่มรู้สึกคอแห้งผาก หน้าร้อนผ่าวไปหมด มองซ้ายมองขวาหาที่หลบแดดตอนนี้เขาอยากได้แอร์และอะไรเย็นๆเป็นที่สุด แล้วสวรรค์ก็เป็นใจเขาหันไปเห็นร้านกาแฟเล็กๆสไตล์วินเทจซึ่งตกแต่งด้วยไม้ระแนงขาว ประดับประดาด้วยดอกกล้วยไม้หลากสี โต๊ะเก้าอี้เล็กๆจัดวางทั้งด้านนอก และด้านใน แบบลงตัวพอดีทำให้ร้านดูโปร่ง ไม่รอช้าคยองซูเปิดประตูเข้าไปด้านในทันที

“รับอะไรดีคะ” เสียงหวานของผู้หญิงหน้าเคาน์เตอร์ถามพร้อมรอยยิ้มแก้มบุ๋มน่ารักเหมาะกับร้านไม่หยอก

“นมสดเย็นไม่หวานมากครับ” สั่งเสร็จก็เดินไปนั่งตรงข้างกระจก เพิ่งจะ 10 โมงกว่า ในร้านยังไม่ค่อยมีคนจึงดูบางตาหนุ่มร่างเล็กรู้สึกผ่อนคลาย เพราะบรรยากาศที่สงบและแอร์เย็นๆทำให้เขาเหม่อมองไปนอกกระจก มองดูรถราที่วิ่งผ่านไปมาตรงถนนด้านหน้า ตึกกลางเก่ากลางใหม่ที่ตั้งเรียงรายอยู่อีกฝั่งของถนน ผู้คนที่เดินสวนกันไปมา บ้างรีบเร่ง บ้างอ้อยอิ่ง บ้างมาเป็นคู่เดินหยอกล้อกันน่ารักดีทำให้เขามองเพลิน ก่อนจะหันมาตามเสียงแก้วนมสดที่เขาสั่งวางลงตรงหน้า ปลายหางตาเขาเห็น ชายคนหนึ่งอีกฝั่งของถนน สวมฮู้ดสีดำคลุมจนมิดหัวบนใบหน้านั้นมีแว่นตาอันใหญ่พลางอยู่แต่ยังงัยมันก็ทำให้เขาจำใบหน้าชายคนนั้นได้ดี ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะในเมื่อผู้ชายคนนั้น คือพี่ชายเขาเอง

“พี่แบคฮยอน” คยองซูหลุดเรียกชื่อพี่ชายเสียงแผ่ว ไวเท่าความคิดคยองซูคว้าสัมภาระทั้งหมดก่อนวิ่งออกมาจากร้านเขาวางเงินบนเคาน์เตอร์ “ไม่ต้องทอนครับ” แล้ววิ่งหายไปตามทางเท้า ฝ่ารถราที่บีบแตรกันลั่นข้ามไปยังอีกฝั่งของถนน พี่ชายเขาเดินก้มหน้าสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ดูก็รู้ว่าไม่ได้สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อยหากทว่ารีบเร่งเพื่อไปที่ไหนสักแห่ง คยองซูกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไป เขามั่นใจว่านั่นใช่พี่ชายเขาแน่นอน พี่แบคฮยอนไม่กลับบ้านมาเกือบอาทิตย์ เขาไม่เจอพี่ชายเลย โทรไปก็ไม่รับ เขาคิดถึงและเป็นห่วงมาก พี่ชายเขาเลี้ยวตรงมุมตึก ก่อนจะหายลับเข้าไปในตรอกเล็กๆข้างร้านขายดอกไม้ คยองซูเลี้ยวเข้าตรอกตามมา ตึกเก่าโกโรโกโสเป็นที่ๆพี่ชายเขาผลุบหายเข้าไป ชายหนุ่มลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะตามเข้าไปหรือรอตรงนี้ดี เขายอมรับว่ารู้สึกหวั่นใจสถานที่นี้ดูชอบกลยังงัยบอกไม่ถูก แต่ความอยากรู้ว่าพี่เขามาที่นี่ทำไมมันมีอิทธิพลมากกว่า เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในตึกเก่านั้น

กลิ่นอับ และความมืดทำให้น่าขนลุก ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ทำไมพี่เขาถึงมาที่แบบนี้นะ คยองซูกวาดตามองหาร่างที่เขาตามมาแต่ไม่เจออะไรแม้แต่สิ่งมีชีวิตสักชนิด ตัดสินใจเดินขึ้นบันไดวนที่อยู่ด้านในขวามือ เขาเดินเตะใส่อะไรสักอย่าง

“โอ๊ะ!”เจ็บจนต้องก้มตัวกุมขาข้างซ้ายเก้าอี้และโต๊ะที่วางระเกะระกะ กองสุมกันอยู่บริเวณด้านหน้า พร้อมบาร์ขนาดใหญ่ที่มีแก้ววางกองอยู่บนชั้น ด้านข้างมีลังขนาดใหญ่ซ้อนตั้งอยู่ ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบันได้ไปอีกชั้น ก็ต้องชะงักเท้า เพราะผู้ชายสวมฮู้ดดำ ที่เขาวิ่งตามาหยุดยืนอยู่บนไดเกือบขั้นสุดท้าย

“นายมาทำอะไรที่นี่คยองซู” เสียงกดต่ำบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะตอบกลับไป พี่ชายเขาก็กึ่งลากกึ่งจูงเขาออกมาจนถึงหน้าตึก “ชั้นถามว่านายมาทำบ้าอะไรที่นี่” ชายร่างบางตรงหน้าตะคอกถามเขาเสียงดัง

“ผมตามพี่มาฮะ” เขาพึมพำตอบเสียงแผ่ว “ตามชั้นมาทำไม” แบคฮยอนถามเสียงเรียบแต่แววตายังคงฉายแววหงุดหงิด

“ทำไมพี่ไม่กลับบ้าน แม่เป็นห่วงพี่มากนะ” แทนที่จะตอบคยองซูกลับถามคำถามที่เขาอยากจะถามพี่ชายตั้งแต่เจ้าตัวหายหน้าไป

“ชั้นอยู่หรือไม่อยู่สำหรับแม่มันก็ไม่ต่างกันหรอก” น้ำเสียงเจือแววน้อยใจ คยองซูรับรู้ได้

“ไม่จริงนะพี่ แม่ห่วงพี่จริงๆ แม่ให้ป้ายอนซุกโทรหาพี่ ผมก็โทร พี่มินซอกก็โทรแต่ติดต่อพี่ไม่ได้เลย พี่ไปอยู่ไหนมา”

คยองซูเขย่าแขนพี่ชาย แบคฮยอนสะบัดแขนออก หันหลังเดินหนีไปดื้อๆ คยองซูรีบเดินตาม

“กลับบ้านเราเถอะนะพี่” ตะโกนขอร้องไล่หลังหวังให้คนข้างหน้าหยุดเดิน เป็นไปตามคาดคนข้างหน้าหยุดเดินหันกลับมาพูดประโยคที่ทำให้เขาต้องอึ้ง

“บ้านเราเหรอ? นั่นมันบ้านนายต่างหาก บ้านที่มีแค่นายกับแม่ยังไงล่ะ มีกันแค่สองคน เห็นกันอยู่แค่สองคน มันไม่ใช่บ้านชั้น และไม่มีวันเป็นบ้านเรา ไม่ต้องตามชั้นมา” พูดจบเขาก็เดินหายไปกับฝูงชนที่เดินสวนกันขวักไขว่ คยองซูแทบจะหมดแรงได้แต่ยืนมองร่างบางที่ค่อยๆลับหายไปอย่างเจ็บปวด

แบคฮยอนเดินมาถึงรถออดี้สีน้ำเงินที่จอดตรงริมฟุธบาท ก่อนมุดตัวเข้าไปด้านคนขับ เขาควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบก่อนจะมองกลุ่มควันสีเทาที่ลอยอยู่ในอากาศ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ภาพในวัยเยาว์ค่อยๆผุดพรายขึ้นมาเหมือนเครื่องฉายหนัง

“เฮ้ย!! พวกมึงทำอะรัยน้องกู” เสียงตะโกนของเด็กชายผิวขาวบาง ทำให้กลุ่มเด็กชายในวัยไล่เลี่ยหยุดการกระทำตรงหน้า แบคฮยอนวิ่งไปในกลุ่มแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพน้องชายตัวเล็กของเขาที่กำลังถูกพวกเด็กเกเรจับแขนจับขากางออก น้องเขาร้องโอดโอย พลางดิ้นไปดิ้นมาอยู่ตรงพื้น แบคฮยอนโมโหสุดขีด ไม่พูดพล่ามทำเพลงบรรเลงแม่ไม้มวยไทยเข้าใส่เด็กพวกนั้นทันที

“ตุ้บ! พลั่ก!”

“โอ้ย!! ไอ้ตี๋มึงตายยย” เสียงร้องของเด็กผู้ชายตัวโตดังมาก่อนจะพุ่งหมัดเข้าใส่เขา แต่แบคฮยอนไวกว่าเขาก้มตัวหลบพร้อมสวนกลับด้วยลูกถีบอย่างแรงจนอีกฝ่ายหงายหลังล้มตึงลงไปกองกับพื้น แต่ด้วยความที่ฝั่งนั้นมีกันถึง 4 คน

แบคฮยอนจึงเสียท่าโดนรุมอย่างหมาหมู่ ก่อนที่จะโดนอัดจนน่วม เสียงไม้กระทบหลังคนที่คร่อมอยู่บนตัวเขาดัง

“พลั่ก!” ก่อนที่ไอ้บ้านั่นจะลงไปนอนตัวงอ พี่ชายตัวขาวร่างป้อมยืนค้ำอยู่ตรงหน้า พร้อมกวัดแกว่งไม้หน้าสาม

ในมือไปมา

“ถ้าพวกมึงไม่อยากตายไสหัวไปให้พ้นหน้ากูเดี๋ยวนี้!!” เสียงตวาดลั่นด้วยความเดือดดาลของพี่มินซอก ทำให้ไอ้พวกนั้นลากไอ้หัวโจกวิ่งหายลับตาไปอย่างน่าขำ มินซอกเข้าไปดึงแบคฮยอนให้ลุกขึ้นก่อนจะตามไปกอดน้องชายตัวเล็กที่ยังร้องไห้ตัวโยนอยู่ตรงพื้นหญ้า

“ไม่เป็นรัยแล้วนะคยองซู พี่ขอโทษที่มาช้า ไม่ร้องนะๆ” มินซอกลูบหัวทุยของน้องชายเบาๆ

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าไอ้ตัวเล็ก” แบคฮยอนเข้ามาจับหน้าจับตัวเพื่อพลิกหารอยแผลของน้องชาย โดยไม่ได้สนใจแผลและรอยฟกช้ำตามใบหน้าตัวเองเลย

“ผมไม่เป็นรัยฮะ ฮึก แต่พี่แผลเต็มเลยย” ว่าแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยิ่งเห็นแผลตามใบหน้าและแขนพี่ชาย คยองซูก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก มินซอกค่อยๆพยุงน้องชายคนเล็กขึ้นมา แบคฮยอนรีบเข้ามาโอบเอวน้องอีกฝั่ง

“แผลแค่นี้ไกลหัวใจน่า ไม่ร้องนะพี่ไม่เจ็บหรอก” พูดจบก้อเอื้อมมือไปยีหัวน้องชายเบาๆ แล้วสามพี่น้องพากันเดินกลับบ้านไปอย่างทุลักทุเล เมื่อมาถึงบ้าน ผู้เป็นแม่ยืนหน้าบึ้งรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“พวกแกไปทะเลาะกับใครมา” เสียงแหลมสูงของแม่บ่งบอกเลยว่าอารมณ์ปะทุขนาดไหน

“ชั้นเลี้ยงให้แกเป็นนักเลงหรือยังงัย วันๆถึงได้หาเรื่องชกต่อยกับคนอื่นเค้าไปทั่ว” “ผมผิดเองครับแม่” เสียงมินซอก

ดังขึ้นมา

“ไม่ใช่ครับผมเองที่ไปมีเรื่องกับไอ้พวกแทยองพี่มินซอกไม่เกี่ยว” แบคฮยอนแย้งขึ้นมาทันที “เป็นความผิดผมเองฮะพี่ๆมาช่วยผมเลยทำให้มีเรื่อง” คยองซูรีบพูดขึ้นมาเพราะกลัวพี่ทั้งสองจะโดนแม่ทำโทษ

“ป้ายอนซุกพาคยองซูไปทำแผลและอาบน้ำที” แม่หันไปสั่งป้ายอนซุกก่อนจะหันมาทำเสียงเกรี้ยวกราดใส่ลูกชาย

2 คนต่อ

“มินซอก แบคฮยอน ตามแม่มาเดี๋ยวนี้” 2 คนก้มหน้าเดินตามผู้เป็นแม่หายไปในห้องทำงานรู้โดยทันทีว่าจะต้องโดนลงโทษสถานหนักแน่นอน

เสียงฝนตกกระทบหลังคาพาให้ หยดน้ำค่อยๆไหลลงมาเกาะพราวบริเวณกระจก 3 คนพี่น้อง นั่งอยู่ปลายเตียงขนาดใหญ่มองตรงไปยังสายฝนด้านนอกที่ส่งเสียงเหมือนท่วงทำนองเพลง

“เราสัญญากันไว้ว่าจะไม่แยกจาก จะอยู่ด้วยกันตลอดไป

ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับกาลเวลา ต่อให้ต้องหันหลังให้กับโลกทั้งใบ

ที่เคยพูดว่าจะเผชิญโลกใบนี้ไปด้วยกัน พวกเธอยังจำกันได้ไหม

คำสัญญาที่ยิ่งใหญ่ เราจับมือกันไว้ดังนาวา

พายข้ามผ่านสายน้ำแห่งความเศร้าโศก เราพูดว่าจะไม่ปล่อยมือกัน

จะคงอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ตลอดไป....”

ทั้งสามคนกอดคอโยกตัวไปตามบทเพลงที่ร่วมร้องกันทุกครั้งที่ฝนตก เพลงของพวกเรา พี่มินซอกมักจะเอ่ยเป็นประจำ แบคฮยอนลืมตาขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วสตาร์ทรถขับออกไป

เสียงเคาะประตูทำให้ ชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลากับผมสีเทาควันบุหรี่ต้องลุกจากโซฟาไปเปิดประตู คนด้านนอกทำให้เขาแปลกใจ ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามไถ่ร่างบางก้อแทรกตัวเข้ามาด้านในก่อนจะเดินไปทิ้งตัวที่โซฟาขนาดใหญ่กอดเข่าก้มหน้านิ่ง ชายร่างสูงเดินไปนั่งลงข้างๆ โอบไหล่ร่างบางพลางรั้งศีรษะให้เอนลงมาตรงไหล่กว้าง แบคฮยอนไม่ได้ขืนตัวแต่กลับเอนพิงอย่างว่าง่าย อาจเพราะเขาหมดแรงเกินกว่าจะทำอะไร ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการใครสักคนที่อยู่ข้างๆให้เขาได้พักพิงแค่นั้นเอง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่ทั้งสองนั่งเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจที่ทำให้รู้ว่ายังมี “กันและกัน” อยู่ตรงนี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองเมื่อเห็นว่าร่างบางหลับปุ๋ยไปแล้วก็จัดแจงให้นอนสบายตัวพร้อมหยิบผ้าห่มมาห่มให้ ก่อนจะเดินไปแต่งตัวเพื่อออกไปประชุมกับลูกค้า ก่อนไปเขาไม่ลืมแปะโน้ตไว้บนโต๊ะกระจก

“ฉันทำข้าวผัดกิมจิไว้ให้

อย่าลืมกินล่ะถึงมันจะไม่ค่อยอร่อย

แต่ฉันก็ตั้งใจทำให้นายเลยนะ”

PCY

แบคฮยอนหยิบโน้ตขึ้นมาอ่านก่อนจะวางลงตามเดิม ก้มมองดูนาฬิกา นี่เกือบทุ่มแล้วหรอ เขานอนนานขนาดนี้เลยหรอสะบัดหัวไล่ความมึนที่นอนนาน ลุกเดินเข้าห้องน้ำ เขาอยากให้น้ำเย็นๆกระทบตัวจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น มา กว่าครึ่งชั่วโมงที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย แบคฮยอนเดินออกมาพร้อมชุดเดิมเขาไม่ได้เอาชุดมาเพราะไม่คิดว่าจะมาที่นี่ ทุกครั้งที่เขารู้สึกเหนื่อยล้ากับเรื่องต่างๆเขาจะมาที่นี่มาซุกตัวเงียบอยู่กับเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา “ปาร์คชานยอล” เพื่อนร่างสูงของเขาไม่เคยถามซอกแซกถึงสาเหตุที่เขามา นอกเสียจากเขาอยากจะเล่าให้ฟังเอง เขารู้สึกสบายใจยามอยู่กับเพื่อนคนนี้

เขาตัดสินใจเขียนโน้ตแปะไว้ตรงโต๊ะข้างๆโน้ตแผ่นเก่าก่อนลุกเดินออกจากห้อง พร้อมปิดประตูเบาๆ

“ขอบใจนะ..ถึงฉันจะยังไม่ได้กินข้าวผัดกิมจิฝีมือนาย

แต่ฉันก็แน่ใจว่ามันจะต้องอร่อยแน่นอน”

Mr.B

เสียงดนตรีสดที่ดังก้องกังวานอยู่ในผับหรูย่าน เมียงดง หนุ่มสาวในชุดหรูที่มาดื่มด่ำบรรยากาศสนุกสนานยามค่ำคืน บ้างมาเป็นกลุ่ม บ้างมาเป็นคู่ หากมีเพียงเขาที่ฉายเดี่ยวเข้ามาปล่อยอารมณ์ในสถานที่แห่งนี้ แบคฮยอนสั่งเตกีล่ามาดื่มดับความล้าภายในใจ หลายวันมานี่เขาเข้าออกผับมากมายทั่วกรุงโซลการนำแอลกอฮอลล์เข้าร่างเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกคิดฟุ้งซ่านได้แม้จะแค่ชั่วคราวแต่มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ เขาเลื่อนสายตาไปทางวงดนตรีที่เล่นอยู่ตรงหน้า ทว่าเหมือนมีแม่เหล็กที่ดึงดูดให้เขาเผลอไปหยุดมอง ผู้ชายผิวขาวหน้าหวานที่นั่งหันข้างอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ใบหน้าสวยราวกับผู้หญิง จมูกโด่งรั้นรับกับปากบางที่แย้มยิ้มยามพูดคุยอยู่กับคู่สนทนา เหมือนชายหนุ่มจะรู้ตัวว่าถูกมอง เขาหันหน้ามาสบตากับแบคฮยอน ร่างบางเหมือนถูกมนต์สะกด ก่อนที่อีกฝ่ายจะคลี่ยิ้มบางๆให้กับเขา เตกีล่าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกนำมาเสริฟ แบคฮยอนเริ่มรู้สึกหน้าตึง ตัวเริ่มเอนเอียงตามแรงโน้มถ่วง จึงค่อยๆยันกายลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเผื่อจะเรียกสติให้กลับมาปกติได้

ขณะกำลังก้มล้างหน้า เขาก็ต้องตกใจเมื่อเงยหน้ามาภาพชายหน้าหวานซ้อนอยู่ตรงด้านหลังเขา แบคฮยอนหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับคนดังกล่าว ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินหลบออกมาชายหน้าหวานก็คว้าท้ายทอยเขาเข้ามาประชิดตัวก่อนจะบดริมฝีปากบางลงมาทาบทับสอดส่ายลิ้นหนาเข้ามาในโพรงปากสวยของเขาพร้อมกวาดต้อนเล่นลิ้นเขาให้เสียวซ่าน แบคฮยอนพยายามขัดขืนแต่อารมณ์ปรารถนาลึกๆหรือฤทธิ์แอลกอฮอลก็ไม่รู้ที่ทำให้เขากลับตอบรับรสสัมผัสนั้นอย่างกระหาย

ชายหน้าหวานพลิกตัวเขาหมุนไปอีกทางพลางดันร่างบางผลุบเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุดก่อนปิดมันลง

“ผมต้องการคุณ” ร่างสูงตอบพร้อมประกบปากบดเบียดด้วยความเร่าร้อน ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าก่อนหน้าเขารับรู้ได้ถึงอารมณ์ปรารถนาของอีกฝ่าย แบคฮยอนโน้มคอร่างสูงให้ปากบดเบียดกันได้ถนัดยิ่งขึ้น ร่างสูงถอนริมฝีปากออกก่อนจะเปลี่ยนมาตวัดลิ้นไล้ไปตามติ่งหู เรื่อยลงมาที่ซอกคอขาว ดูดเม้มเหมือนจะฝากรอยรักไว้ตามคอและ ไหล่ของร่างบาง มือหนาค่อยๆรูดซิปฮู้ดดำออกพร้อมสอดส่ายเข้าไปในเสื้อยืดลูบไล้ไปตามร่างกาย ร่างบางเอื้อมไปปลดซิปกางเกงคนตรงหน้า ก่อนที่สมองของเขาจะขาวโพลน แรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นสันชาติญาณดิบในตัวเขา บทรักที่เร่าร้อน กับคนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัส กำลังจะพาเขาไปสู่เส้นทางสวรรค์

“เรียกผม... ลู่...หาน... เรียก...ชื่อ...ผม” เสียงครางกระเส่ากระซิบห้างหูเขา พร้อมแรงกระแทก เขาส่งเสียงครางหวานไม่เป็นภาษา ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วกลับไป

“แรงอีกๆ... ลู่ ....ลู่หาน”

แบคฮยอนค่อยๆเปิดประตูออกมา ตอนนี้แข้งขาเขาเหมือนจะไม่มีแรง เขาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนพาตัวเองออกมาจากสถานที่เริงรักของเขากับคนแปลกหน้าคนนั้น ร่างบางเดินออกมาวางเงินลงบนเคาน์เตอร์ อดจะสอดส่ายสายตาหาชายหน้าหวานคนนั้นไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่ที่เดิม สงสัยคงกลับไปแล้ว แบคฮยอนเดินออกมาหน้าร้าน กระชับฮู้ดให้คลุมหัวห่อตัวพร้อมซุกมือลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์คงเพราะอากาศเริ่มเย็นมากขึ้นเขาจึงรู้สึกหนาวแอลกอฮอลที่เขานำใส่ร่างไม่ช่วยอะไรเลย ก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ เสียงคุ้นหูก็ลอยเข้ามาในหัวทันที

“จะไม่แนะนำตัวกันหน่อยเหรอครับ” เขาหันไปตามเสียง ชายหน้าหวานที่ยืนพิงรั้วเหล็กพร้อมอัดบุหรี่เข้าปอดหันมาส่งยิ้มร้ายให้เขา

“สวัสดี..คนแปลกหน้า” แบคฮยอนค่อยๆก้าวเท้าตรงไปยังชายหนุ่มก่อนยกมือขึ้นแตะริมฝีปากสวยนั้น พร้อมเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบว่า

“บนเส้นทางสีหม่น คือ ชื่อของผม”

End

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา