[FicGOT7] WHO ARE WIN (YugBam x GOT7)

9.3

เขียนโดย ฟ้ามืด

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.27 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,965 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 19.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) ไร้กฎเกณฑ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

WHO ARE WIN

 

ตอนที่ 3 ไร้กฎเกณฑ์

 

มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก มีกระบวนความคิด มีพัฒนาการทางสมองที่ก้าวหน้ามากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใด เพราะเหตุนี้เองมนุษย์จึงมีความหลากหลาย มากมายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน การปฏิบัติตัวที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งความต้องการที่แตกต่าง บางคนต้องการเพียงเพื่อนสักคนที่ไว้ใจได้เพื่อคอยอยู่เคียงข้าง บางคนต้องการแค่ได้คิดถึงใครคนนั้นที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือบางคนต้องการเพียงความสนุก ความสนุกที่ได้เห็นการดิ้นรนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง

 

เด็กหนุ่มทั้งสามถูกรวบตัวอย่างแน่นหนาหลังจากสิ้นสุดคำพูดของชายผู้มีบรรยากาศดำมืดคนนั้น เสียงโครมดังลั่นในทันทีที่ร่างกายของพวกเขาถูกแรงถีบอัดกระแทกเข้ากับผนังลิฟท์สีดำ ในขณะเดียวกันชายสามคนที่สวมชุดดำมีตราสัญลักษณ์ด้านหลังก็เข้ามายืนควบคุมตัวเด็กหนุ่มทั้งสาม หากมีใครคิดหนีออกไปตอนนี้ก็อาจจะเจ็บหนักกว่าเดิมเป็นแน่ แบมแบมและยองแจต่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในหัวของเขาต่างมากมายไปด้วยความสงสัยต่อเหตุการณ์ที่ได้พบเจอ มีเพียงแค่เด็กหนุ่มผมเหลืองร่างสูงที่ดูเหมือนว่ากำลังตื่นเต้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ความเจ็บจากการถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรงทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่พวกเขากำลังจะได้พบเจอต่อไปนี้มันอาจจะเจ็บชนิดที่ว่ายากเกินจะบรรเทา เสียงครืดคราดของลิฟท์ค่อยๆเลื่อนลงช้าๆเพื่อนำพาพวกเขาไปยังที่หมายใหม่ ที่มันถูกเรียกว่า ชั้นแบทเทิล

 

เพียงแค่ลิฟท์เลื่อนลงมาหยุดที่ชั้นล่างสุดก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนโชคร้ายทั้งสาม พวกเขายังไม่รู้เลยว่าหากประตูลิฟท์เปิดออกแล้วพวกเขาจะได้พบเจอกับอะไรบ้าง เสียงดังกระหึ่มราวกับการเชียร์กีฬาอย่างบ้าคลั่งที่ได้ยินอยู่ในระยะทางที่ไกลออกไปยิ่งสร้างความน่าตื่นกลัวให้กับทั้งสามคนมากขึ้นเป็นทวีคูณ

 

อั้ก! เสียงอัดกระแทกพื้นดังรัวอีกรอบเมื่อร่างของเด็กหนุ่มทั้งสามถูกถีบออกจากลิฟท์ที่ใช้โดยสารมาเมื่อครู่ พวกเขาถูกพามาที่ชั้นใต้ดินชั้นสุดท้าย หากลองสังเกตดูจะพบว่าชั้นนี้ช่างแตกต่างออกไปจากชั้นที่ผ่านๆมา เมื่อลองพิจารณาโครงสร้างของมันแล้วมันมีความสูงของผนังราวเก้าเมตรได้ ซึ่งทั้งสูงและกว้างเหมือนกับโถงในหอประชุมใหญ่

 

        "ไหวมั้ย ยองแจ" แบมแบมหันไปถามเพื่อนที่ตอนนี้อาการกำลังแย่

 

        "หวะ ไหว" เด็กหนุ่มที่เคยสดใสเมื่อครั้งก่อนหน้าตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

        "อ่อนแอ ชิบหายเลย อ่อนขนาดนี้ยังมีหน้ามาเรียนที่นี่อีก" เด็กหนุ่มผมเหลืองหันไปพูดจาถากถางใส่อีกฝ่าย

 

        "หุบปาก" แบมแบมรีบหันขวับมาตอบโต้บุคคลที่เพิ่งว่าเพื่อนของตนอย่างไม่สบอารมณ์

 

        "หึหึ อย่าเพิ่งเถียงกันสิเด็กน้อย เวลานี้พวกแกต้องสามัคคีกันไว้นะรู้มั้ย" เสียงพูดเยือกเย็นของใครบางคนกำลังบอกกับเด็กหนุ่มทั้งสาม

 

สองเท้าที่กำลังก้าวเดินของเจ้าของเสียงพูดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งเป็นการสร้างความหวาดวิตกให้กับพวกเขาอีกครั้ง

 

ตึก ตึก! เสียงฝีเท้าที่ว่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว แบมแบมค่อยๆไล่มองตามขึ้นไปเรื่อยๆ จากรองเท้าราคาค่อนแสนขึ้นไปจนได้พบเจอกับใบหน้าของคนที่มาหยุดยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มที่กำลังแสยะเย้ยเยาะพวกเขาอยู่นั้นมันช่างน่าขนลุกจนเกินบรรยาย ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับที่พวกเขาเคยเจอ

 

        "ไฮ เด็กน้อย รีบลุกขึ้นได้แล้ว อย่าให้พวกพี่รอนานสิ" ชายคนนั้นบอกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นมิตรแต่กลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น

 

สิ้นสุดคำพูดของชายแปลกหน้า เด็กหนุ่มทั้งสามก็ถูกรวบตัวอีกครั้ง ร่างทั้งสามถูกฉุดกระชากให้เดินตามชายคนนั้นที่ใส่ชุดคลุมสีแดงเลือดนกและมีตราสัญลักษณ์บางอย่างที่ต่างออกไปจากชายผู้มีบรรยากาศดำมืดคนก่อนหน้า ที่พวกเขาเคยพบ

 

เสียงเชียร์ดังกระหึ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นเวลาเดียวกันกับก้อนเนื้อข้างซ้ายของเด็กหนุ่มทั้งสามก็เริ่มเต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม มันไม่ได้ตื่นเต้นแต่เพียงอย่างเดียวแต่มันยังมากไปด้วยความตื่นกลัว กลัวว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามันจะเลวร้ายมากกว่าสิ่งที่เคยเจอ

 

ปึ้ง! ประตูเหล็กบ้านใหญ่สูงราวสองเมตรครึ่งที่มีคราบสนิมเกาะกินถูกผลักออกอย่างรุนแรง เพื่อเปิดต้อนรับแขกคนใหม่เช่นเด็กหนุ่มทั้งสาม ทันทีที่บานประตูถูกเปิดก็ปรากฎภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าที่น่าตื่นตกใจ มันคือห้องกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่ห้อมล้อมบางอย่างอยู่ภายในเหมือนกับคุกดีๆนี่เอง และสิ่งที่อยู่ภายในนั้นก็คือสนามบาสเกตบอล แต่เป็นสนามที่ดูเหมือนจะผิดแปลกไปจากที่ควรจะเป็น มันถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นวงกลม ขนาดรัศมีหากลองคำนวณคร่าวๆจากจุดศูนย์กลางออกไปประมาณห้าเมตรได้ มีแป้นสำหรับให้โยนอยู่เพียงจุดเดียว สนามนี้ไม่ใช่สนามโล่งๆอย่างที่เคยเห็น มันถูกล้อมรอบไปด้วยกรงเหล็กแข็งแรงอีกชั้นและถูกพันทับด้วยโซ่เหล็กอย่างแน่นหนาเหมือนกลัวว่าจะมีใครหนีออกไปจากการแข่งขันก่อนที่เกมจะจบลง ความผิดแปลกของสนามแข่งขันบาสเกตบอลที่แสนหฤโหดมันยังไม่หมดเพียงแค่นั้น มันยังมีลวดสายไฟเล็กๆวิ่งไล่ไปรอบๆกรงขัง หากใครเผลอไปสัมผัสมันเข้าเป็นไปได้ว่าต้องได้รับความเจ็บปวดจากกระแสไฟทีกำลังวิ่งผล่านอยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอน

 
แบมแบม ยองแจ และเด็กหนุ่มผมเหลืองกำลังตกตะลึงกับสิ่งพบเห็น มันไม่ใช่เกมกีฬาธรรมดาทั่วไป กลุ่มคนที่ลงแข่งอยู่นั้นพยายามทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อจะนำเจ้าลูกกลมๆนั้นไปโยนเข้าห่วงให้ได้ แม้กระทั่งการทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้ามจนเจ็บหนักก็ไม่ใช่สิ่งผิดสำหรับเกมกีฬานี้ หยดเลือดจากร่างกายของผู้ลงแข่งมันคล้ายกับยาชูกำลังของเหล่ากองเชียร์ ทุกอย่างมันบิดเบี้ยวไปหมด มันไม่มีแม้แต่คำว่ากติกา

การแข่งขันจบลงแล้วพร้อมกับเสียงเฮลั่นของเหล่ากองเชียร์ที่เดิมพันการแข่งขันด้วยเงินตรา คนพวกนั้นกำลังเขย่าลูกกรงเหล็กอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างนอกสนาม ฝ่ายที่เดิมพันทีมที่แพ้ก็ต้องยอมจ่ายให้กับหัวหน้าทีมที่ชนะ ส่วนฝ่ายที่เดิมพันชนะก็จะได้รับเงินรางวัลไปเต็มๆ แต่ละรอบของการแข่งขันจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านวอนเลยทีเดียว กลิ่นคาวเลือดของผู้แพ้คละคลุ้งออกมาพร้อมกับร่างกายสุดแสนสะบักสะบอมกำลังพยายามหอบสังขารของตัวเองเดินออกจากสนามไป การแข่งขันที่มีแต่ความสมัครใจเช่นนี้หากแพ้ก็ต้องยอมรับผลที่เกิด หากไม่ถอดใจไปเสียก่อนก็ย่อมหวนกลับคืนสังเวียนอีกครั้ง เพื่อเลื่อนขั้นขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ที่ใครๆต่างก็ต้องการ

 

ยองแจยังตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้ สิ่งที่คนพวกนั้นกำลังทำอยู่คืออะไร ทำไปเพื่ออะไร เขายังคงตั้งคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ จริงๆแล้วโลกที่เคยสดใสของยองแจนั่นคือภาพลวงใช่ไหม โลกของความจริงคือสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ ความหิวกระหายแห่งเงินตรา ความทะเยอทะยานเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนี่คือความจริงของมนุษย์ใช่ไหม หรือว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้ต่างหากที่เป็นภาพลวง

 

        "ไม่จริงใช่มั้ย" ยองแจเค้นคำพูดออกมาจากลำคออย่างแผ่วเบา

 

        "ใจเย็นๆ ถ้านายไม่อยากเห็นมันก็หลับตาไว้" แบมแบมบอกกับเพื่อนของตน ตอนนี้เขารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนใหม่คนนี้ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

 

        "เด็กใหม่รวมตัว!" เสียงตะโกนสั่งดังขึ้นตรงจุดที่เป็นลานกว้าง ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากลานแข่งขัน

 

        "ลุกสิวะ ไม่ได้ยินที่เขาเรียกหรือไง" เด็กหนุ่มผมเหลืองเรียกบอกแบมแบมและยองแจที่ยังนั่งงงเป็นไก่ตาแตก

 

แบมแบมค่อยๆพยุงยองแจให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินตามกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเด็กใหม่ไปยังลานกว้าง ทั้งที่เป็นอาคารใต้ดินแต่กลับมีพื้นที่กว้างอย่างกับอยู่บนดิน ที่แห่งนี้มันถูกสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและช่วยให้อาคารทรงตัวไว้ได้ คาดว่ามันคงจะแข็งแรงน่าดู

 

        "ยินดีต้อนรับเด็กใหม่สู่ชั่วโมงกิจกรรมยามบ่ายของพวกเรา" เสียงเยือกเย็นของชายสวมชุดคลุมสีแดงเลือดนกกำลังกล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร

 

แบมแบมและยองแจเริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าชั่วโมงกิจกรรมนั้นคืออะไร แต่ที่ยังคาใจว่าจริงๆแล้วทั้งหมดนี่มันคือเรื่องบ้าบออะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องมีการพนันกีฬา ทำไมถึงต้องมีใครก็ไม่รู้มาออกคำสั่ง คนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ ไม่สิ ต้องถามว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร

 

        "คงเห็นแล้วสินะ ว่าผู้ชนะของเกมได้อะไรไปบ้าง" ชายคนเดิมพูด เสียงของเขาแหบทุ้มแต่ยังคงมากด้วยความเยือกเย็นเช่นเดิม

 

เมื่อเด็กใหม่ได้ฟังเช่นนั้นต่างก็เฮลั่นทันที แม้กระทั่งเด็กหนุ่มผมเหลืองที่นั่งอยู่ข้างแบมแบมก็ยิ้มร่าชอบใจ

 

        "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ" แบมแบมสบถเบาๆกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจต่อเหตุการณ์พวกนี้

 

        "อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า พวกแกมาที่นี่ก็เพราะอยากไปอยู่ตรงนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือไง แต่ยากหน่อยนะเพราะตรงนั้นมันเป็นที่ของฉัน" เด็กหนุ่มผมเหลืองเอียงตัวเข้ามาใกล้แล้วชี้บอกให้แบมแบมดูว่าตรงนั้นคืออะไร

 

แบมแบมมองไปตามที่อีกฝ่ายบอกก็พบว่ามีใครบางคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำยาวปกปิดใบหน้านั่งอยู่ในมุมมืดที่สูงขึ้นไป ตรงนั้นเป็นที่นั่งที่อยู่สูงเหนือศีรษะไปราวหกเมตร และแปลกที่ชายคนนั้นเผยให้เห็นเพียงช่วงปากที่กำลังยิ้มเหยียดเล็กน้อย หากลองสังเกตดีๆดูเหมือนว่าข้างหลังของชายผู้นั้นจะมีห้องอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันคือห้องอะไร

 

        "ใคร" แบมแบมรีบหันมาถามอีกฝ่ายทันที เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้

 

        "เฮ้อ ฉันถามจริงนะ ว่าแกมาเรียนที่นี่ทำไม" เด็กหนุ่มผมเหลืองเอ่ยถาม

 

        "ฉันอยากเป็นนักกีฬาเหรียญทองระดับโลก" แบมแบมตอบ

 

        "หึ หึ ตลกชิบหาย งั้นก็รอดูต่อไปแล้วกันว่าหน้าโง่ๆอย่างแกจะได้เป็นหรือเปล่า" เด็กหนุ่มผมเหลืองพูดเย้ยหยัน

 

ภายใต้บรรยากาศเคร่งเครียด อยู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าของใครอีกคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพียงไม่นานใครคนนั้นก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเหล่าเด็กใหม่ ชายหนุ่มร่างสูงแววตาคมคนนั้นเอง คนที่แบมแบมและยองแจเคยเจอมาแล้ว ตอนนี้มีชายหนุ่มถึงสองคนที่กำลังยืนจ้องมองเด็กใหม่ราวกับจะทำการคัดเลือกอะไรบางอย่าง

 

"การคัดเลือกคนเข้าแก๊ง red monster และ dark souls จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายโมงตรง โดยการลงแข่งขันสตรีทบาส กติกาง่ายๆคือทำแบบไหนก็ได้ที่จะหยุดคู่ต่อสู้แล้วพาเจ้าลูกกลมๆนี่เข้าห่วงให้ได้มากที่สุด ข้อห้ามสำหรับการลงแข่งคือห้ามใช้อาวุธ หากพบว่าใครแอบใช้อาวุธทำร้ายคู่ต่อสู้ ก็จะโดนลงโทษ และถ้าใครคิดจะหนีจากการแข่งขันก็ต้องโดนลงโทษเหมือนกัน ถ้าอยากรู้ว่าการลงโทษเป็นแบบไหนให้ไปดูชั้นใต้ดินที่สาม สำหรับผู้ชนะนอกจากจะได้เงินรางวัลแล้วยังมีโอกาสเลื่อนลำดับขั้นด้วย" คำบอกเล่าอธิบายกติกาการแข่งขันจากปากของชายชุดหนังสีดำดังลั่นเข้าสู่โสตประสาทของเด็กใหม่ นี่สินะชั่วโมงกิจกรรมยามบ่ายที่ไม่มีสิทธิ์เลือกอย่างเสรี

 

        "ลำดับขั้นงั้นหรอ" แบมแบมพูดพึมพำเสียงเบา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กระจ่างกับสิ่งที่ได้ฟังอยู่ดี

 

        "เด็กใหม่สามคนที่บังอาจใช้ลิฟท์ต้องห้ามลุกขึ้นเดี๋ยวนี้" ชายชุดคลุมสีแดงเลือดนกออกคำสั่ง

 

แบมแบมและยองแจหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สิ่งที่ชายคนนั้นพูดหมายถึงใคร หมายถึงพวกเขาอย่างนั้นหรือ

 

        "ลุกสิวะ นั่งโง่อยู่ได้" เด็กหนุ่มผมเหลืองบอก

 

แบมแบมมองหน้ายองแจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าบอกให้ลุกขึ้นยืนตามคำสั่งนั้น พวกเขาลุกขึ้นตามคำสั่งของชายชุดคลุมสีแดงเลือดนกด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ตอนนี้ในใจของพวกเขากำลังคิดไปต่างๆนานา ไม่รู้ว่าความผิดครั้งนี้ร้ายแรงขนาดไหน พวกเขาจะโดนลากไปกระทืบหรือเปล่าโทษฐานที่แอบไปใช้ของหวงห้าม หรือจะโดนพาตัวไปชั้นใต้ดินที่สามกันนะ

 

        "ช่างสอดรู้สอดเห็นดีหนิ" ชายคนเดิมพูดขึ้น

 

        "เราแค่สงสัยว่าทำไมที่นี่มันถึงมีอะไรแปลกๆ" แบมแบมรีบบอกกล่าวกับชายตรงหน้า

 

         "แปลกงั้นหรอ ใช่ สำหรับคนอื่นมันคงจะแปลก แต่กับพวกกระหายอำนาจด้วยกันมันคือเรื่องสนุก" ชายคนเดิมพูด

 

        "ไม่จริง มันไม่สนุกเลยซักนิด กีฬาต้องมีกติกา แต่สิ่งที่พวกพี่ทำมันไม่ใช่" ยองแจพูดขัดทันทีที่ได้ฟังเช่นนั้น 

 

        "หึ หึ โลกสวยดีหนิ แกเป็นคนแรกที่พูดแบบนี้นะรู้ตัวมั๊ย คนที่มาที่นี่มีจุดประสงค์เดียวเท่านั้นแหละ คือการขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด" ชายชุดหนังสีแดงเลือดนกพูดพร้อมกับสายตาคมคายที่กำลังจ้องมองยองแจด้วยความสงสัย 

 

สายตาคมของชายคนนั้นทำให้ยองแจไม่กล้าที่จะสบตาเขาได้อีก เพราะมันดูน่ากลัวและเย็นชา เด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้ามองพื้นพยายามข่มความกลัวต่างๆไว้ให้ได้ เหงื่อกาฬมากมายเริ่มผุดออกมาจากใบหน้าขาวใสมากขึ้นเรื่อยๆ ก้อนเนื้อที่อกซ้ายก็เต้นระรัวเสียจนน่าตกใจ อาการที่เป็นอยู่มันเหมือนคนกำลังจะหน้ามืดอย่างไรอย่างนั้น
 
        "สำหรับเด็กใหม่ที่บังอาจใช้ลิฟท์ต้องห้าม พวกฉันจะใจดีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามีครั้งต่อไปพวกแกจะโดนตัดสิทธ์ลงแข่งขันเพื่อเลื่อนขั้น และต้องเป็นเบ๊ไปจนจบจากที่นี่ เส้นทางการมาที่นี่สำหรับพวกแกคือบันไดเหล็กตรงนั้น จำไว้!" คำสั่งของชายชุดแดงจบลงแล้ว พร้อมกับการขานรับเสียงดังของเด็กใหม่ แบมแบมและยองแจได้แต่สงสัยว่าหากถึงขั้นตั้งข้อห้ามขนาดนี้หมายความว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ แล้วลิฟท์สีแดงที่ไอ้หมอนั่นพูดถึงล่ะ มันคือเส้นทางไปที่ไหน หรือจะมีที่ๆลึกลับมากกว่านี้ซ่อนอยู่อีกก็เป็นได้
 
-----------------------------
 
หอพักนักเรียนมัธยมปลายการกีฬา ชั้นปีที่ 1
 
เวลาเย็นย่ำเดินทางมาเยือนแล้ว หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นเสร็จสรรพ บรรดานักเรียนใหม่ต่างแยกย้ายกันเข้าพักผ่อนในที่พักของตนเอง ซึ่งห้องพักแต่ละห้องจะมีเตียงสองชั้นวางเรียงกัน ห้องหนึ่งสามารถนอนได้หกคน และมีตู้ล็อคเกอร์สำหรับใช้เก็บของคนละตู้ 
 
ยองแจมีอาการอ่อนเพลียและเริ่มตัวร้อนเพราะตากฝนเมื่อเช้าจึงขอตัวเข้านอนก่อนใครเพื่อน แบมแบมนั่งมองดูอาการของเพื่อนใหม่อยู่ที่เตียงข้างๆพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่ายองแจหลับสนิทแล้วเขาก็ลุกออกจากห้องไป เวลานี้เขาอยากไปหาที่สงบสักที่เพื่อผ่อนคลายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ
 
เวลาโพล้เพล้เช่นนี้คงไม่มีใครมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เป็นแน่ แบมแบมนั่งลงพิงกำแพงอาคารหอพักนักเรียน แล้วหยิบเอาสิ่งที่จะช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้มากขึ้นออกมา ประกายไฟจากไฟแช็คจุดติดเข้ากับเจ้ามวนแท่งสีขาวพร้อมกับปล่อยควันคละคลุ้งกระจายไปในอากาศ เด็กหนุ่มนั่งหลับตาพริ้มแล้วสูดลมเข้าปอดเบาๆอย่างอารมณ์ดี
 
แกร๊บ แกร๊บ! เสียงบางอย่างดังขึ้นในขณะที่แบมแบมกำลังหลับตาผ่อนคลายอารมณ์ เสียงนั้นมันคล้ายเสียงเท้าของคนที่เดินเหยียบใบไม้แห้ง
 
แบมแบมค่อยลืมตาขึ้นมาแล้วพยายามเงี่ยหูฟังเสียงที่ได้ยิน เสียงนั้นมันน่าจะดังมาจากกลุ่มต้นไม้ตรงอาการเก่าหลังนั้น ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมพอสมควร ทำไมที่นี่ถึงมีอะไรน่าสงสัยเต็มไปหมด ด้วยความสงสัยแบมแบมจึงรีบลุกเดินตามเสียงที่ได้ยินไป เขาเดินเข้าใกล้เสียงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเสียงเท้าคนจริงๆ เท้าที่กำลังเหยียบใบไม้แห้งดังกร๊อบแกร๊บ
 
เขตห้ามเข้า ป้ายขนาดกลางถูกติดเด่นหราอยู่ข้างหน้าอาคารเก่าๆหลังหนึ่ง พร้อมกับมีรั้วลวดหนามพันกั้นรอบเป็นรั้วของอาคารเพื่อเป็นสิ่งเตือนว่าห้ามเข้าไป อาจจะเพราะว่ามันเก่ามากแล้วและอาจจะพังลงมาได้ จึงต้องติดป้ายเตือนไว้เช่นนี้ แบมแบมพยายามมองหาต้นเสียงอีกครั้งแต่กลับพบว่าเสียงนั้นหายไปแล้ว อยู่ๆเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศรอบตัวตอนนี้เกือบจะมืดและมีลมพัดผ่านจนรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งร่าง
 
        "คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง" เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วแบมแบมก็รีบหันหลังกลับทันที หากอยู่นานไปกว่านี้ก็อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะที่นี่มันมีแต่เรื่องแปลกๆเต็มไปหมด
 
       "นายกำลังมองหาอะไรอยู่หรอ" เสียงนั้นดังขึ้นในขณะที่แบมแบมกำลังหันหลังเดินกลับหอพัก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากข้างหลังของเขา ต้องเป็นใครสักคนที่แอบเข้ามาในตึกร้างหลังนี้แน่ๆ
 
ใครกันที่กำลังเอ่ยถามแบมแบม เสียงนั้นมันช่างสดใสและเป็นมิตร ต่างไปจากรุ่นพี่พวกนั้น ต่างไปจากเพื่อนร่วมรุ่นปากหมาอย่างเจ้าผมเหลืองนั่น ใครกันที่แอบมาทำอะไรอยู่ในตึกร้างหลังนี้เพียงคนเดียว แล้วเขาคนนั้นจะรู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้มากกว่าที่แบมแบมได้พบเจอมาหรือเปล่า
 
 
 
 

-----------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา