{Fic Gintama Yaoi } [HijiGin]

5.3

เขียนโดย sakitsuke

วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.09 น.

  3 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562 18.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) {Fic Gintama Yaoi } [HijiGin] - I want you to know.

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                                            

                               

 

 

โชกุนที่ซึ่งถูกปองร้ายโดนกลุ่มนาราคุ ได้ถูกกลุ่มโอนิวะบังหรือกลุ่มนินจาซึ่งมีหน้าที่คอยปกป้องรักษาความปลอดภัยของโชกุน นำตัวมายังหมู่บ้านของพวกเขา ร้านสารพัดรับจ้างและกลุ่มชินเซนกุมิก็ได้เข้าร่วมปฏิบัติการคุ้มครองโชกุนในครั่งนี้เช่นเดียวกัน

กินโทกิ คางุระ และชินปาจินำแยกโชกุนออกมา ทันทีที่พวกนาราคุได้เคลื่อนยานบินขนาดยักษ์มาถึงที่หน้าหมู่บ้าน ทั้งสี่คนกับอีกหนึ่งตัวรีบมุ่งหน้าไปที่ทางออกลับซึ่งสามารถออกไปจากหมู่บ้านได้โดยไม่มีใครเห็น

 

ระหว่างทางก็ได้เจอกับหัวหน้าหน่วยคอนโดแห่งชินเซนกุมิ และรองหัวหน้าฮิจิคาตะ แถมยังมาพร้อมกับชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด กลุ่มยาโตะอีกด้วย

“พวกแกรีบพาโชกุนหลบหนีไปซะ” คอนโด้กอริลลาเอ่ยปากบอกเสียงเข้ม ด้วยตาหน้าอันเหี้ยมโหด พร้อมกับจับคาตานะคู่กายเตรียมพร้อมโจมตี

“ไปซะกินโทกิ พวกนี้เราจะจัดการเอง” หนุ่มผมดำหน้าหล่อฮิจิคาตะเอ่ยปากบอกเช่นกัน

 

หนุ่มผมเงินกินโทกิกำมือแน่นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แม้ขาจะอยากรีบพาโชกุนหนีไปให้ไกล แต่ใจของชายหนุ่มกลับสั่งให้อยู่ที่ตรงนี้ ให้อยู่ช่วยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนที่เขารัก แม้ว่าจะไม่เคยเอ่ยปากบอกออกไปเลยก็ตาม

“แกสองคนคิดว่าจะสู้แรงพวกยาโตะมันได้รึไง อยากตายศพไม่สวยรึไงห้ะ! พวกเธอรีบพาโชกุนไปได้แล้ว” กินโทกิแย้งเสียงดังลั่น ก่อนที่จะสั่งให้เด็กทั้งสองคางุระและชินปาจิพาตัวท่านโชกุนไปยังที่หมาย

“ลื้อจะบ้ารึไงอากินจัง ถึงลื้อจะอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกลื้อจะชนะมันนะ แล้วอีกอย่างถ้าพวกอั้วถูกดักซุ่มอยู่ด้านหน้า มันก็มีค่าสูญเปล่าน่ะสิ” เด็กสาวผมม้วนแกละร่ายยาวด้วยความลำบากใจกับความคิดหัวตื้นของพี่ใหญ่สุด

“ถ้าอย่างนั้นอั้วก็จะอยู่ช่วยด้วย ซาดาฮารุช่วยพาชินปาจุกับอาชินจังไปทีนะ” เด็กสาวเสนอตัวที่จะช่วย ก่อนที่จะหันไปสั่งสุนัขสีขาวตัวใหญ่ให้พาสองคนที่เหลือไป

 

“อย่าดื้อสิวะ พวกแกฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอห้ะ!” ฮิจิคาตะตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ก่อนที่กินโทกิจะเดินมาที่หน้าของชายหนุ่ม แล้วเปิดริมฝีปากโต้เถียงกลับไป

“แกนั่นแหละ นั่นยาโตะนะเว้ย ยาโตะอะ แรงมันเยอะกว่าแมมมอธชุบแป้งทอดเลยนะเว้ย” ระหว่างที่พูดกินโทกิก็จับคอเสื้อ พร้อมจับเขย่าไปมาหวังให้คนตรงหน้านั้นเชื่อใจ

“แล้วยังไง ชั้นก็จะราดมันด้วยมายองเนส จากนั้นจับมันกินซะก็สิ้นเรื่- “

 

ตู้มมมม!!!! ไอควันจากไอหิมะซึ่งถูกปั้นเป็นก้อนกลมแล้วถียให้ไหลกลิ้งลงมาจากหน้าผาสีขาวโพลนลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ

“แหมๆ แกคิดว่าพวกเราเป็นของกินเล่นรึยังไง” ชายหนุ่มวัยกลางคนผมสีน้ำตาลนามอุมิโบสุ กล่าวด้วยความเหนื่อยหน่ายหลังจากทนฟังการถกเสียงอันหาแก่นเรื่องไม่ได้มาเนิ่นนาน

ร่มคันยาวอันเป็นสัญลักษณ์ของยาโตะวางพาดบ่า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกเผยออกมา ก่อนที่จะกระโดดลงมาจากหน้าผาสูงชัน พร้อมกับลูกน้องที่โดดตามอีกเป็นขบวน

 

การต่อสู้นั้นเป็นไปอย่างดุเดือด จนตอนนี้ลูกสมุนจากกลุมยาโตะล้มนอนไปแล้วหลายราย จากการที่3หนุ่มกับหนึ่งสาวน้อยต่อสู้ด้วยพละกำลังอันแรงกล้าหวังถ่วงเวลาเพื่อจะให้ชินปาจิกับซาดาฮารุพาท่านโชกุนหนีไปให้ไกล

เพล้ง!!

เสียงของดาบโลหะหลอมเหล็กที่กระทบกระร่มกันแดดคันใหญ่ ฮิจิคาตะคาตะกำลังจะเพลี่ยงพล้ำให้กับอุมิโบสุ ชายหัวหน้ากลุ่มฟาดคันร่มเข้าใส่กลางลำตัวของท่านรองอย่างเต็มกำลัง

 

ตู้มมม!! ร่างของหนุ่มผมดำลอยไปกระแทกเข้ากับผาหินอย่างดังสนั่น พร้อมกับแตกเป็นรอยร้าววงกว้างขนาดใหญ่

"โทชิ้!!!!!!" เสียงดังลั่นของหัวหน้าหน่วยคอนโด้ร้องออกมา ก่อนที่จะวิ่งเข้าต่อสู้ปะทะกับคนที่ทำร้ายผู้ซึ่งเปรียบเสมือนกับน้องชายของตน
แต่ยังไม่ทันที่จะดาบจะกระทบร่างของศัตรู คอนโด้ก็ถูกอาบูโตะฟาดร่มเข้าใส่จนลอยปลิวไป

 

ฮิจิคาตะลอยติดผาหินกระอักเลือดออกมาอึกใหญ่ จากการปะทะที่รุนแรงด้วยพละกำลังของยาโตะ แต่ฮิจิคาตะก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เพราะหากมาตายเอาที่นี่ใรตอนนี้ เขาก็จะไม่มีโอกาสได้เอ่ยความในใจออกไปกับคนผู้นั้นแน่

ท่านรองปักปลายดาบลงบนหิมะกองหนาเพื่อค้ำยันให้ร่างของตนลุกยืนขึ้นมา ชายหนุ่มผมดำใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ฮึดขึ้นสู้ โดยจับให้ปลายดาบหันทิศไปยังด้านหน้า ก่อนจะร้องตะโกนออกมาอย่างดังลั่น

“ตายซะเถอะแก!!!!” ฮิจิคาตะออกแรงวิ่งอย่างสุดกำลังเข้าหาร่างที่ยืนนิ่งราวกับกำลังรอการให้การปะทะนี่สิ้นสุดลง แต่อาบูโตะไม่ได้ยืนนิ่งเสียงเปล่า เขากำลังรอจังหวะ ก่อนที่จะชักดาบออกมาจากด้ามร่ม แล้วพุ่งเข้าใส่ร่างที่กำลังมุ่งมาที่ตนเช่นกัน

สวบ!!!

เลือดสีแดงสดไหลมาตามคมดาบ น้ำเหนียวข้นไหลย้อยลงบนหิมะที่ปกคลุมพื้นดินอยู่ คมดาบที่เสียบเข้าจนร่างของอีกฝ่าย ถูกดึงกระชากออกจากแรง จนเลือดพวยพุ่งออกมาจากปากแผล กระเด็นกระดอนเป็นวงกว้าง 

ฮิจิคาตะยืนนิ่งมือทั้งสองที่จับดาบอย่างแม่นมั่นจำต้องปล่อยมันลง ก่อนที่ร่างของชายผมดำจะทรุดลงกับพื้นแล้วนอนหายใจหอบโรยริน

"ดูเหมือนว่าคนที่ตายจะไม่ใช่ผมนะครับ" กล่าวจบ หัวหน้ากลุ่มศัตรูก็สะบัดดาบเพื่อให้คราบเลือดเหนียวที่ติดอยู่กระเซ็นออก

กินโทกิเห็นเช่นนั้นก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ในอกมันแน่นปวดหนึบไปหมดเมื่อให้เห็นภาพเหตุการณ์นั้น จึงรีบสลัดพวกที่เกะกะออก แล้วปะทะกับชายผู้กระทำการอันโหดเหี้ยมนั้นทันที หน้าตาเคร่งเครียดจากความโกรธปนกับเป็นห่วงผู้บาดเจ็บ

หนุ่มผมเงินแกว่งดาบไม้ฟาดฟันปะทะกับร่มเหล็กจนเสียงดังไปทั่วไปบริเวณ แล้วอาบูโตะก็ใช้เท้ายันไปที่หน้าของกินโทกิจนกระเด็นไถพื้นไปไกล หวังจะซ้ำด้วยการฟาดดาบร่มเหล็กนั้น

ตู้มมม!!!

ชายหัวหน้ากลุ่มง้างร่มฟาดเข้าที่กลางลำคัวของหนุ่มผมเงิน จนเกิดไอฝุ่นหิมะคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ทว่าสิ่งที่ร่มฟาดปะทะลงไปนั้นหาใช่ร่างกายชองกินโทกิไม่ แต่กลับเป็นพื้นกองหิมะหนาสีขาวโพลนแทน

โดยชั่วจังหวะหนึ่งนั่น ชายหนุ่มผมเงินได้กลิ้งหลบวิถีอาวุธร้าย ก่อนจะใช้เท้าดีดตัวกระโดดขึ้นฟ้าแล้วเหยียบลงบนร่มเหล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นกินโทกิก็แกว่งดาบไม้อันไร้เทียมทานเสยเข้าที่สันข้างของอีกฝ่ายอย่างจัง จนร่างนั้นกระเด็นลอยไป

 

เมื่อจัดการตัวหัวหน้าเสร็จ กินโทกิก็รีบวิ่งเข้าประคองร่างของผู้ที่ตนห่วงหาที่สุดในตอนนั้นทันที

 

หนุ่มผมเงินจับประคองให้ศีรษะของฮิจิคาตะวางบนหน้าขา ใบหน้าที่บวมแดงจากการปะทะ คราบเลือดที่ติดตามเสื้อผ้าแม้เขาจะใส่สีดำ แต่ชายหนุ่มผมเงินก็รับรู้ได้ว่ามันมากขนาดไหน เพราะมันได้ไหลเอ่อนองไปทั่วบนพื้นหิมะในบริเวณนั้น

คนที่นั่งคุกเข่าเป็นเบาะรองศีรษะของชายหนุ่มผมดำ ใช้มือเรียวยาวที่มีคราบเลือดติดลูบไล้ไปบนกรอบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยความปวดหนึบในใจ

“รอก่อนนะ เดี๋ยวพวกหน่วยเสริมของทัตสึมะก็จะมาถึงแล้ว” กินโทกิเอ่ยอย่างแผ่วเบา

ท่านรองก็บีบเบาๆที่มือของแกฝ่ายซึ่งกำลังสั่นไหวนั้นอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่ยกมือนั้นสัมผัสบนใบหน้าของผู้ที่ตนรักอย่างแผ่วเบา

"กินโทกิ" เสียงอันแหบแห้งเอ่ยออกมา ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาอีกรอบ จนกิโทกินั้นตกใจจนแทบคุมสติตัวเองไว้ไม่อยู่

“โถ่เว้ย! รีบมาเร็วๆสิวะ”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอาการไม่สู้ดี  จึงต้องสบถออกมายกใหญ่ พร้อมกับกุมมือของผู้ที่บาดเจ็บหนักเอาไว้แน่น

“กินโทกิ ชั้นคิดว่าชั้นคงจะมาได้เท่านี้ล่ะ” หนุ่มผมดำพยายามเค้นเสียงตัวเองให้ที่สุดเพื่อจะเอ่ยออกไป คนฟังใจตกทบแทบจะทะลุผ่านเท้าลงพื้นไป

“คงถึงเวลาที่ชั้นต้องพักบ้างเสียแล้วล่ะ” กล่าวจบคนที่นอนอยู่บนหน้าขาของชายหนุ่มผมเงินก็ปิดเปลือกตาอย่างเซื่องซึม

คนที่นั่งเป็นเบาะรองให้ถึงกับเบิกตากว้างอย่างใจเสียมันวูบไหวสั่นกลัวไปหมด ก่อนที่จะจับมือของอีกฝ่ายมาสัมผัสบนใบหน้าตน เพิ่มแรงบีบที่มือนั้นขึ้นเล็กน้อย

กินโทกิก้มจ้องมองใบหน้าหล่อที่ปิดเปลือกตาอย่างนิ่งงัน ไม่มีใครรู้ได้ว่าคนผู้นี้กำลังรู้สึกเช่นไร ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกระชับร่างนั้นให้อยู่ในอ้อมแขน สองมือโอบรอบกอดกระชับเพิ่มไออุ่นระงับความเย็นจากหิมะ

.
.

 

แล้วในขณะที่ คางุระที่กำลังสู้อยู่บริเวณนั้นพอดี เมื่อเห็นร่างของผู้นำฝ่ายศัตรูลอยมาและกำลังจะตกถึงพื้น เธอก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าของพวกลูกน้องตัวประกอบอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็วิ่งด้วยเร็วแสงไปยังทิศทางที่ร่างนั้นจะตกลงมา

 

เด็กสาวกะระยะได้อย่างแม่นยำ ขาด้านขวาก้าวถอยไปด้านหลัง ขาซ้ายยืนเหยียบติดพื้นอย่างแม่นมั่น ก่อนที่จะใช้ขาขวานั้นเตะเข้าที่หลังของผู้นำกลุ่มศัตรูอย่างเต็มแรง จนร่างนั้นลอยขึ้นฟ้าอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอยังคงไม่สะใจพอ

คางุระใช้สปิงที่เท้าดีดตัวขึ้นบนฟ้า ให้ระดับนั้นเท่ากับร่างที่เธอพึ่งเตะสอยขึ้นมา มือทั้งสองกุมประสานกัน ก่อนที่จะยกแขนขึ้นเหนือศีรษะทุ่มฟาดลงที่หน้าท้องของร่างที่กำลังนอนลอยอยู่จนเลือดกระอัก แล้วตกลงถึงพื้นอย่างรุนแรง

“ลื้อบังอาจทำร้ายคนของอากินจัง แล้วยังทำให้อากินจังของอั้วต้องเสียอกเสียใจ” เมื่อเท้าทั้งสองของเด็กสาวแตะถึงพื้น ก็เดินก้าวย่างไปยังร่างของผู้ที่นอนจมกมหิมะ เลือดสีชาดกระเด็นกระดอนไปทั่วบริเวณ พร้อมกับมือที่หักข้อนิ้วไล่อากาศดังกรอบแกรบ คางุระหยุดยืนที่ข้างลำตัวของชายวะยกลางคนผู้นั้น

อาบูโตะพยายามมองขึ้นไปยังใบหน้าของเด็กสาว ที่กำลังแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม แววตาราวกับกำลังมองสัตว์ตัวเล็กๆ ที่จะบีบก็ตายถ้าคลายก็รอด

เขายิ้มอย่างนึกสมเพชกับตนเองที่ดันพลาดท่าให้กับมนุษย์ธรรมดาๆคนนั้น แล้วต้องถูกซ้ำด้วยเด็กสาวที่ยังไม่พ้น15ปีด้วยซ้ำ คิดเช่นนั้นแล้วจึงหลับเปลือกตาลงอย่างรอรับชะตากรรม

เด็กสาวผมส้มที่เห็นการกระทำนั้น ก็หัวเราะหึในลำคอ เธอง้างกำปั้นด้านขวาขึ้นตั้งท่าเตรียมที่จะปิดฉากการต่อสู้ในครั้งที่ ก่อนจะเหวี่ยงทุ่มมันลงไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี

“ย่าห์!!!!” เสียงร้องตะโกนดังลั่น พร้อมกับกำปั้นที่พุ่งลงเข้าหาคนเบื้องล่าง

ตุบ! แล้วร่างของเด็กสาวก็ล้มลงไปนอนข้างๆกัน

“ถ้าอั้วฆ่าลื้อตาย เจ้าพี่บ้างี่เง่าต้องตามรังควานอั้วไปหยุดแน่” เอ่ยปากพูดด้วยความอฝเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนที่จะหลับไปจากการต่อสู้จนหมดแรง
.
.

 

ชายหนุ่มไม่ได้ยินเสียงของดาบที่ปะทะกันดังเปรี้ยงปร้าง ไม่ได้ยินเสียงตู้มต้ามจากแรงพลังยาโตะของเด็กสาวผมหมวย ไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบๆตัวเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นปร๊าบที่น่องขา ส่งเสียจิ้จ้ะในปาก ที่จะเอ่ยถ้อยคำบางอย่างออกมา

“แกจะนอนตายไปถึงเมื่อไหร่ห้ะ! ไอ้บ้ามายองเนส เหน็บกินขาตูไปหมดแล้วโว้ย” กล่าวจบก็ลุกยืนทันที ทำให้ศีรษะกลุ่มผมสีดำรั้นหล่นบนพื้นหิมะดังตุบ ก่อนที่ผู้ถูกกระทำจะลุกขึ้นมาร้องโวยวาย

“ทำอะไรของแกเนี่ย เจ้าบ้าขนมหวาน ชั้นเจ็บแผลนะเว้ย” แหกปากร้องออกมาดังลั่นไม่เหมือนกับคนที่อ้างว่าตนได้รับบาดเจ็บสักนิด

“เจ็บบ้าเจ็บบออะไร มันไม่แทงจนมิดเสียหน่อย” กินโทกิพูดขึ้นเสียงก่อนจะหรี่ตาลง มือล้วงเข้าไปในเสื้อแขนสั้นสีดำของท่านรองหน่วย แล้วหยิบขวดซอสมะเขือเทศที่ถูกแทงจนมัดทะลักเลอะเทอะนั้นออกมา

“ใครสั่งใครสอนให้ซ่อนไอ้นี่ไว้ในเสื้อวะห้ะ!” หนุ่มผมเงินตะโกนใส่หน้าของอีกฝ่ายอย่างเหลืออด

“ก็ชั้นอยากลองเอามผสมกับมายองเนสนี่หว่า แต่จังหวะมันพอดีกับที่ต้องมาคุ้มหันโชกุน ชั้นเสียดายก็เลยไม่ได้ทิ้ง” ฮิจิคาตะร่ายยาว พร้อมหน้าตาที่กำลังอาลัยอาวรณ์กับขวดซอสมะเขือเทศที่ถูกแทงจ้วงจนเละเทะหมด

คนฟังคิ้วกระตุกยิกๆ ก่อนที่จะบีบขวดซอสมะเขือเทศนั้นซ้ำให้เละคามือ ก่อนที่จะป้ายมันบนใบหน้าหล่อเหลา คนถูกกระทำกำลังจะอ้าปากร้องด่า และชั่วจังหวะนั้น กินโทกิได้สอดนิ้วเรียวยาวที่เปื้อนคราบซอสเปรี้ยวหวานเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย

ฮิจิคาตะก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่ปลายลิ้นจะไล้เลียและดูดดึงสิ่งแปลกปลอมนั้น จนเจ้าของมันหน้าขึ้นสี

กินโทกิไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะกระทำกริยาเช่นนี้ หัวใจอันห้าวของชายหนุ่มซามูไรก็เต้นตึกตักรัวแรงจนเกรงว่าคนตรงข้ามจะได้ยินไปด้วย
ใบหน้านั้นแดงซ่านไปทั่ว ทั้งยังนั่งตัวเกร็งจนหนุ่มผมดำต้องกลั้นขำ

ท่านรองดึงนิ้วที่เข้ามาในโพรงปากของตนออก ก่อนที่จะสอดแทรกนิ้วมือเข้ากุมประสานกัน สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่อิ่มเอมไปทั่วหัวใจ ไม่มีใครกล่าวคำใดๆออกมา ตัวตาสองคู่จ้องมองกันและกัน

แม้ว่าจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า แม้จะไม่เคยพูดจากันดีเลยซักครั้ง หนำซ้ำแม้แต่อุดมการณ์คติก็ยังแตกต่างกัน ถึงกระนั้นสิ่งที่พวกเขาทั้งสองรู้สึกได้ว่ามีเหมือนกัน คือ
.
.
.
.
ความบ้า....



 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
2.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายฟิคชั่นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา