COS -A- ~มหาศึกศิลาเทวาสุริยัน~

8.0

เขียนโดย ECOS

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 11.08 น.

  8 chapter
  12 วิจารณ์
  16.31K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) [Prelude] ปฐมบท

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            “เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วนะ?” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น

 

            “ครับ กระบวนการทุกอย่างรวมถึงศิลาพร้อม เหลือก็แต่รอเวลาเท่านั้นครับ” เสียงจากชายอีกคนหนึ่งตอบกลับไป เขาเสร็จจากการเขียนสัญลักษณ์แปลกๆลงบนแท่นหินด้านหน้าของเขาได้ครู่หนึ่งแล้ว

 

            นอกจากชายสองคนนี้แล้ว ยังมีชายหญิงอีกหลายคนรอบๆบริเวณ ทั้งกลุ่มเพิ่งเสร็จงานของตัวเองได้ไม่นานเช่นกัน

 

            ล้อมรอบด้วยผาหินสีน้ำตาลแดงสูงตระหง่าน พื้นราบระหว่างผาหินเป็นสีน้ำตาลแก่ แต่งแต้มด้วยแสงระยิบระยับสีสรรต่างๆกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป สูงขึ้นไปบนนภา แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทั้งสองบนนั้นกลับดูสว่างไสวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่อากาศปลอดโปร่ง ไม่มีเมฆให้เห็นสักก้อน แต่ท้องฟ้าและบริเวณรอบๆ กำลังมืดลงอย่างช้าๆ

 

            “ซิราลอส...คราสแห่งสหัสวรรษ หึหึหึ อาณาจักรของเรารอเวลานี้มานับพันๆปีแล้วสินะ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ทั้งกลุ่มแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าสู้แสงสว่าง ดวงอาทิตย์ทั้งสองกำลังค่อยๆถูกเสี้ยวดำทะมึนกลืนกินทีละน้อยๆ

 

....................................................................

 

            อักษรโฮโลแกรมสีส้มแดงปรากฏอยู่กลางอากาศ

 

            ‘...พัฒนาการของเราดำเนินไปเรื่อยๆตามครรลองแห่งสรรพวิทยาที่เราเชื่อมั่น สัจธรรมแห่งธรรมชาติที่พวกเราเฝ้าค้นหาและติดตามยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอย่างเหนียวแน่นเสมอมา แม้บางครั้งเราคิดว่าได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และฉายแสงสว่างเข้าใกล้เงามืดนั้น แต่สัจธรรมแห่งธรรมชาติ ก็เหมือนจะวิ่งหนีเราไปไกลขึ้นอีกทุกที แม้กระนั้นมนุษยชาติจำเป็นต้อง ค้นคว้า ทดลอง และสังเกตการณ์ต่อไป ตราบใดที่สิ่งดำมืดนั้นยังคงวิ่งหนีเรา เราก็จะวิ่งตามอย่างไม่ลดละ...’

                                                                                                ซาร์ค โนโวเดน นักปรัชญาเมธีวิทยาศาสตร์ M 822

 

            ตัวอักษรจางหายไปเมื่ออ่านจบ ชุดคำใหม่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

            ‘ธรรมชาติมักชี่นชอบความเรียบง่ายอยู่เสมอ แม้บางครั้งเรามักจะละตัวแปรและความยุ่งยากในสมการบางอย่าง เช่นสมการทางกลศาสตร์สัมพัทธภาพ ลดรูปได้เป็นสมการกลศาสตร์แบบนิวตัน การคำนวณกฏทางธรรมชาติที่มีตัวแปรสลับซับซ้อนจะเผชิญกับปัญหาความอลมานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กระนั้นธรรมชาติก็พยายามเข้าสู่วิถีแห่งความเรียบง่ายอยู่ดังเดิม ดังในกฏเคออสแบบผกผัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในเรื่องใด แม้จนกระทั่งมิติใด ธรรมชาติ คือสิ่งที่สมมาตร สวยงามและเรียบง่ายอยู่เสมอนั่นเอง...’

                                                                                                เฟดเดริก เดอ ไซคลานส์ นักปรัชญาเมธีวิทยาศาสตร์ M 794

 

            “เฮ้ นายเตรียมตัวพร้อมรึยัง?” เสียงดังมาจากด้านหลัง

 

            “อ๊ะ ได้เวลาแล้วรึ พร้อมแล้วๆ ไปกันเถอะ” ชายอีกคนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก เขานั่งจ้องอ่านอักษรโฮโลแกรมอยู่ และเหม่อมองออกไปยังดวงดาวประปรายนอกหน้าต่าง ห้องสี่เหลี่ยมสีเทาแก่ที่เขานั่งอยู่มีอุปกรณ์และวงจรแปลกๆมากมายทั่วไปหมด สิ่งก่อสร้างทรงกระบอกสีเทาอีกชิ้นลอยผ่านไปช้าๆนอกหน้าต่างนั่น เขาเดินออกไป แสงไฟที่เรืองออกมาจากผนังมืดลง และประตูห้องปิดตามเมื่อเขาเดินจากไป

 

            เขาและเพื่อนย่างเท้าไปตามโถงทางเดินที่วกวนไปมา เข้าไปสู่ห้องขนาดมหึมาที่มียานอวกาศจอดอยู่มากมาย พร้อมประตูปรับแรงดันขนาดใหญ่ พวกเขาและคนอื่นๆอีกจำนวนมากกำลังเตรียมแต่งตัวเพื่อปฏิบัติภารกิจที่สำคัญยิ่งบางอย่าง

 

            “นายว่านี่เป็นครั้งแรกของมนุษยชาติจริงๆใช่ไหม” เขาพูดกับเพื่อน

 

            “แน่สิ หน่วยข่าวกรองของเรารู้ดีว่า ‘โลก’ ยังไม่เริ่มส่วนการทดลองขั้นปฏิบัติงานจริงๆ และถ้าโลกยังไม่เริ่ม โลกก็ไม่ยอมให้ใครเริ่มก่อนพวกเขาได้หรอก” เพื่อนเขาตอบกลับไปอย่างมั่นอกมั่นใจ

 

            “งานนี้ถึงลับสุดยอดสินะ” เขายิ้มขึ้นพร้อมพูดออกมา ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาอยากให้ปฏิบัติการนี้เริ่มให้ได้เร็วที่สุด

 

            “หึหึ ช่าย” เพื่อนเขาตอบอย่างสนุกสนาน ตบหลังเขาเบาๆ “เจอกันหลังภารกิจ แล้วเรามาฉลองกันเพื่อนยาก”

 

            ยานอวกาศจำนวนมากลอยลำออกมาจากสถานี สถานีทรงกระบอกยาวหลายสถานีล่องลอยอย่างเป็นระเบียบ ล้อมรอบด้วยดาวที่มีเพียงประปราย ทำให้รอบๆบริเวณมีแต่ความดำมืดและความเงียบของอวกาศปกคลุม ยานแต่ละลำบินเข้าหาตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายอย่างแม่นยำ ทุกลำเหมือนจะบินวนรอบๆจุดศูนย์กลางว่างๆที่หนึ่ง เขาคนนั้นอยู่ในยานอวกาศที่ใกล้จุดศูนย์กลางมากที่สุด

 

            ครรลองแห่งสรรพวิทยา สัจธรรมแห่งธรรมชาติ เรากำลังจะไล่ตามมันทันรึเปล่านะ’ เขานึกขึ้น ขณะนำยานอวกาศเข้าประจำตำแหน่ง

 

            เสียงหนึ่งดังขึ้นจากลำโพงในยานของเขา “ทุกคนสแตนบาย อัลฟาสเตชั่น เตรียมประจุพลังงาน อีกยี่สิบนาทีหรือ 18.00 ตามเวลามาตรฐาน ปฏิบัติการ จีซีเอส จะเริ่มต้น ขอให้ทุกท่านโชคดี” เสียงเงียบไป ไม่มีใครพูดกันผ่านวิทยุอีก หลายนาทีผ่านไปท่ามกลางความเงียบและความไพศาลของอวกาศ

 

ทรงแหลมบนยอดของสถานีเริ่มเรืองขึ้นด้วยสีฟ้าอมเหลีอง ทุกๆสถานีปรับตำแหน่งยอดชี้เข้าหาจุดศูนย์กลางของกลุ่มยานที่บินวนอยู่โดยรอบ เกือบยี่สิบนาทีต่อมา เสียงในยานดังขึ้นทำลายความเงียบงันอีกครั้ง

 

            “เตรียมพร้อมเริ่มต้นปฏิบัติการ นับถอยหลัง 20...19...18…” การนับถอยหลังเริ่มขึ้น

 

            เขาเฝ้ามองปฏิบัติการที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใส่ใจเต็มที่ จู่ๆเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น! ภาพตรงหน้าค่อยๆบิดเบี้ยว เขาอยู่ไกลจากดาวฤกษ์ใดๆมาก แต่ตรงหน้ากลับเห็นดวงอาทิตย์สองดวง ปรากฎขึ้นมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น... สติของเขาเริ่มเลือนหายไป

 

...........................................................................

            สุริยุปราคาแห่งสหัสวรรษกำลังเปล่งแสงวาบสุดท้าย ดวงจันทร์คู่กำลังเข้าบังดวงอาทิตย์ทั้งสองดวงพร้อมๆกัน ไม่กี่วินาทีหลังแสงวาบสว่างที่สวยงามคือความมืดดั่งกลางคืน บรรยากาศเริ่มขมุกขมัว เมฆจางๆสีม่วงเทาเริ่มถูกกลั่นออกมาจากบรรยากาศ และเริ่มม้วนตัวราวพายุ

 

            2...1…0 ทันใดนั้นสถานีนับสิบๆยิงลำแสงสีฟ้าเหลืองพุ่งเข้าหาจุดศูนย์กลางแทบจะพร้อมเพรียงกัน เมื่อลำแสงทั้งหมดปะทะกัน คลื่นที่ทำให้แสงดาวบิดเบี้ยวเริ่มกระจายออกมาจากจุดนั้น จุดดำที่มืดมิดจนยากจะบรรยายเริ่มขยายตัวอย่างช้าๆ

 

            รอบเมฆสีม่วงเทาที่หมุนเป็นวง ความมืดที่มืดกว่ากลางคืนรอบๆมากมายนักพุ่งลงมาจากฟากฟ้า เข้าใส่แท่งหินขนาดมหึมา ณ ตรงกลางกลุ่มคนที่กำลังจดจ่อกับปรากฏการณ์ตรงหน้า หินด้านหน้าพวกเขา เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำนิลอย่างช้าๆ

 

            หลุมสีดำขยายตัวใหญ่ขึ้นอีกมาก มันทำให้แสงรอบๆบริเวณบิดเบี้ยวไปหมด ลำแสงจากสถานีอวกาศยังคงพุ่งตรึงใส่หลุมนั้นอย่างต่อเนื่อง ยานทุกลำยังเก็บข้อมูลและรักษาการณ์อยู่ที่ระยะคงที่ เว้นแต่ลำที่อยู่ใกล้ที่สุด มันเริ่มเข้าใกล้ศูนย์กลางมากขึ้นทุกทีๆ

 

            หินสีนิลกลืนกินไปกว่าครึ่งของแท่งหินยักษ์ ลำแสงดำทะมืนที่เคลื่อนไหวเหมือนลำน้ำตกยังคงพุ่งลงมา กลบแสงสว่างจากบริเวณรอบๆไปจนหมดสิ้น กลุ่มคนรอบๆแท่งศิลากำลังชื่นชมกับปรากฏการณ์หายากยิ่งนี้อย่างไม่ละสายตา หลายคนยิ้มร่าอย่างผู้มีชัย แต่ไม่มีใครที่ปริปากพูดหรือกระทั่งมองหน้ากันเลยสักคน

 

            ยานลำที่อยู่ใกล้ที่สุดยังคงเคลื่อนเข้าไปใกล้หลุมนั้นอย่างต่อเนื่อง ลำไอพ่นสีฟ้าสว่างด้านหลังเริ่มขาดช่วง ยานเริ่มสั่นไปมาเล็กน้อย

 

            จุดสว่างสีขาวปรากฏขึ้นกลางฟ้าแว้บหนึ่ง มันสร้างรอยแยกแหวกม่านน้ำตกสีดำออกอย่างรวดเร็วลงมาจรดกับแท่งหิน ตัวหินเริ่มร้าวและปะทุคลื่นพลังงานสีดำซึ่งฉีกแท่งศิลาออก สาดเศษสีนิลกระจายไปไกล คลื่นเงามืดแผ่กระจายออกโดยรอบอย่างรวดเร็ว ผลักกลุ่มคนรอบๆนั้นกระเด็นไปคนละทิศละทาง

 

            “U-7 ตอบด้วย ย้ำ U-7 ตอบด้วย คุณเข้าใกล้รัศมีชวาซชิลด์มากเกินไปแล้ว เร่งเครื่องกลับออกมาอย่างด่วนที่สุด ย้ำอีกครั้ง U-7 ตอบกลับด้วย” สัญญาณเตือนเสียงแสบหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยานที่เขาอยู่เริ่มสั่นไปมาอย่างรุนแรง

 

            เขารู้สึกตัวแล้ว กี่วินาทีที่สติของเขาวูบไป? ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่? เสียงหนวกหูนี่มันอะไรกัน? และเขาตื่นตัวเต็มที่เมื่อนึกทุกอย่างออก

 

            “U-7 ตอบกลับแอลฟา ผมหมดสติไป ผมกำลังเร่งเครื่องกลับ ย้ำกำลังกลับตัว บ้าเอ้ย ผมกำลังตกลงหลุมดำ!!” เขาคำรามอย่างร้อนรน ตอนนี้เขาคุมยานแทบไม่ได้แล้ว ยานอวกาศของเขากำลังถูกดึงเข้าสู่หลุมดำเร็วขึ้นเรื่อยๆ

 

            มองจากภายนอก ลำไอออนสีฟ้าของเครื่องยนต์ปล่อยกำลังเร่งเต็มที่ แต่ตัวยานกลับเคลี่อนไปในอีกทิศ อีกไม่นานยานของเขากำลังจะเข้าสู่ขอบนอกของหลุมดำนั้นแล้ว

 

            “U…7 คุณ.... ออก... มา... ได้....หรือ...ไ...ม่...” สัญญาณวิทยุเริ่มเหมือนเสียงเทปยืดๆ และตัดขาดไปกระทันหัน

 

            ยานของเขาสัมผัสขอบหลุมดำแล้ว ทุกอย่าง กระทั่งแสงสว่างดับวูบลงทันที ยานอวกาศสั่นอย่างรุนแรง ภายในนั้นเส้นแสงและรังสีมากมายมหาศาลพุ่งผ่านเข้ามาปะทะตัวยาน เมื่อมองจากหน้าต่าง วงแสงสีต่างๆปะทะสนามพลังของยานอย่างมากจนยานจวนเจียนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

            ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว รายละเอียดภายนอกมากเกินกว่าที่ตาเขาจะรับได้ทัน ยานเหวี่ยงไปมาตลอดเวลา สติของเขาเริ่มถูกกระชากไปกับการเหวี่ยงตัวของยาน แม้เขาจะได้รับการฝึกมาอย่างดีเพียงใด การรับแรงมหาศาลขนาดนี้เริ่มจะเกิดขีดจำกัดของเขาไปแล้ว ภาพที่มองเห็นเริ่มแยกเป็นหลายภาพ ไม่กี่วินาทีต่อมา การเหวี่ยงหยุดลง อวกาศและดวงดาวปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง แต่ภาพที่มองเห็นไม่ใช่บริเวณเดิมอีกแล้ว ยานที่เสียหายของเขากำลังตกลงสู่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงหนึ่ง

 

            “โลก... รึ?” เขาพูดอย่างอ่อนระโหยกับตัวเอง ภาพของดาวดวงนี้คล้ายกับภาพของดาวเคราะห์โลกที่เคยเห็นในหนังสือเรียน แต่ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าโลกมีดวงอาทิตย์สองดวงเหมือนที่เขาเห็นตอนนี้หรือเปล่า เขาไม่เคยไปเยือนดาวเคราะห์โลกมาก่อน อันเนื่องมาจากการเดินทางที่ใช้เวลาแทบจะชั่วอายุคนในอวกาศเปิด การทดลองที่เขาทำอยู่คือการเปิดวอร์พ ซึ่งจะปฏิวัติการเดินทางในอวกาศของมนุษยชาติไปตลอดกาล และในเมื่อเขามาถึงโลกแล้ว แสดงว่าปฏิบัติการสำเร็จแล้วหรือ? เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่เข้าไปในวอร์พอย่างไม่ตั้งใจ เขาควรดีใจหรือเปล่านะ?

 

            “ยะ... แย่แล้ว...” ยานอวกาศเริ่มตกลงสู่บรรยากาศของดาวดวงนั้น ไอร้อนแดงจากการเสียดสีกับบรรยากาศวาบขึ้น แรงกระเทือนจากการเสียดสีและการร่อนลงดาวเคราะห์ไม่ถูกวิธีทำให้ร่างกายเขารับต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และเขาก็หมดสติไป...

 

###ลิ้งค์รวมนิยายทุกตอนครับ จิ้มเลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา