Epidemia: Epic World on Fire

7.9

เขียนโดย MiG360Vampire

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.33 น.

  25 ตอน
  31 วิจารณ์
  33.65K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) Secret service network [Part 3]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในขณะซูเปอร์โซลเจอร์เอลฟ์หนุ่มนั่งฟื้นฟูดวงตาจากการถูกเวทมนตร์บอลแสง ซึ่งสว่างยิ่งกว่าดวงตะวันระเบิดรัศมีใส่จนทำให้ตาบอดลงชั่วขณะ หูของเขาก็จับสังเกตได้ว่านอกจากเสียงปืนที่เงียบลงไปแล้ว เสียงครวญครางของเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอาสาต่างเงียบลงตามไปด้วย เขาเดาถูกที่ว่ามนตร์ม่านหมอกรัตติกาลถูกหักล้างโดยสิ้นเชิง และบังเกิดความเจ็บใจขีดสุด

“บุก บุก บุก”

เป็นเสียงเดิมกับที่ตะโกนในครั้งแรก จากนั้นก็เป็นเสียงปืนลูกซองซัลโวกันเป็นชุดไม่ยาวมากก่อนเงียบลง เคอร์ดานต้องทนนั่งปวดใจอยู่นาน ทนฟังเสียงปืนของฝ่ายศัตรูไปเรื่อยจนกระทั่งดวงตาของเขาเริ่มมองเห็นอีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นภาพมั่วๆ จากความรู้สึกปวดตากลายมาเป็นแสบ น้ำตาเอ่อล้นไหลรินอาบแก้ม ความทรมานแผ่ไปทั่วร่างจนลุกไม่ขึ้น จึงทนนั่งหมดสภาพนักรบไปอีกนานจนกระทั่งเสียงปืนทั้งหมดภายในอาคารเงียบลง ...หรือว่ามันไปถึงห้องประชุมแล้ว... เขานึกอย่างสงสัยและเป็นกังวลจึงได้ลุกขึ้นยืนทั้งที่ภาพที่มองเห็นยังมัวๆ เหมือนถูกแก๊สน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างของตนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอย่างทุลักทุเล แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังระงมขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังระงมไม่หยุด เขาจึงรีบจ้ำไปอย่างเร็วสุดความสามารถ

ลูซีนหลบอยู่ในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งอีกฝั่งเป็นกระจกใส เธอนั่งอยู่หลังตู้เอกสารใช้มันเป็นที่กำบังเพราะกำลังถูกรุมถล่มด้วยทั้งปืนลูกซองและเวทมนตร์จู่โจมธาตุน้ำ โดยกลุ่มปฏิบัติการกบฏสองกลุ่มที่ตีกระหนาบเข้ามาเมื่อก่อนหน้านี้

ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์บทไหนโจมตีสวนออกไปก็ไร้ผลทั้งหมด จึงเหลือแต่ปืนกลมือที่ยื่นออกไปยิงส่งเดชอย่างจนตรอก ตั้งความหวังไว้ว่าจะมีกำลังเสริมขึ้นมาช่วย แต่ทว่าดูเหมือนฝ่ายศัตรูจะไม่รอให้กำลังเสริมบุกขึ้นมาช่วย ท่ามกลางเสียงปืนระดมยิงกดหัวเธอได้ยินเสียงคนตะโกนแข่งกับเสียงปืนไม่ชัดนักแต่ก็พอจะได้ความว่า “คุ้มกันด้วย” ในตอนท้าย

ด้านนอกห้องกลุ่มของทั้งชูเน่และโทมัสตั้งแนวยิงประสานกันเป็นหน้ากระดาน เบื้องหลังเป็นลังกระสุนเวทมนตร์สองลังจึงทำให้สามารถกดไกกระหน่ำยิงได้ไม่จำกัดเพราะสามารถดึงเอากระสุนออกมาได้ไม่จำกัด

ทันใดนั้นร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งผิวสีเขียวสวมชุดทำงานเรียบๆ ใบหน้าทรงไข่ โหนกแก้มสูง และทรงผมหยักศกแสกกลางยาวประบ่า นอกจากนี้ยังเป็นคนที่เคอร์ดานพูดถึงว่าไม่ชอบการเมือง ไม่ชอบทหาร และเป็นสิ่งเดียวในจักรวาลที่เขากลัว ลูซีนหัวใจแทบหยุดเต้น ได้แต่มองดูเปาโล ดีมาเกส กระโดดถีบผ่านประตูมิติออกมาตรงเข้าหาร่างที่ก้าวเข้ามาหา ในมือก็ถือดาบที่มีรูปทรงคล้ายดาบคาตานะแต่เป็นดาบสั้น

ผู้ที่เดินเข้ามาหวังจะฆ่าซูเปอร์โซลเจอร์เอลฟ์สาวก็ถึงกับผงะ ก่อนจะถูกถีบเข้าเต็มรักจนเสียหลักถอยหลังไปเล็กน้อยแต่ไม่ล้ม กว่าจะตั้งตัวได้เปาโลที่ลงมายืนได้ไม่นานก็กระโดดขึ้นหมุนตัวหนึ่งรอบแล้วใบดาบสีเงินเงาวับคมกริบก็เคลื่อนผ่านกล้ามเนื้อลำคอไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะลงถึงพื้นเท้าข้างหนึ่งก็ยกขึ้นยันร่างที่ถูกตัดศีรษะกระเด็นออกไปพร้อมกันนั้นก็เอามือข้างที่ว่างจิกผมของศีรษะที่ไร้ร่างเหวี่ยงออกไปที่หน้าห้อง เมื่อลงถึงพื้นก็ก้มหลบวิถีกระสุนทันที

ลูซีนโผล่หน้าออกมามองอย่างประหลาดใจ เปาโลมองตอบแล้วยิ้มให้พลางวางมาดให้ดูเท่ปานดาราภาพยนตร์เท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วพูดเหมือนจะให้กำลังใจว่า

“น้องทำดีแล้ว ตอนนี้ปล่อยพวกพี่จัดการเอง”

คำว่า “พวกพี่” ทำให้ลูซีนยิ่งสงสัย ทันใดนั้นก็เกิดเสียงก้องขึ้นเบาๆ ประตูมิติขยายออกจนขอบติดพื้น มนุษย์ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม กางเกงวอร์มและรองเท้ากีฬาสีน้ำเงินก็ก้าวออกมาจากประตูมิติ มือทั้งสองข้างยื่นไปด้านหน้าปล่อยสายฟ้าออกไปพร้อมกันไม่น้อยกว่า 10 สายจนกลุ่มปฏิบัติการกบฏทั้งสองกลุ่มต้องก้มหลบ

“ไวเปอร์ นายจัดการทางซ้ายนะ”

เปาโลนัดแนะสั้นๆ ก่อนถีบตัวพุ่งออกไปนอกห้องเข้าหาโทมัสเป็นอันดับแรกพลางก็ระเบิดหอกสั้นแสงออกรอบตัวแบบไม่สนความเสียหาย เหล่ากลอรี่ลอเบอเรเทอร์ต่างวิ่งหลบกันจ้าละหวั่น ส่วนนักรบกบฏระดับลูกน้องก็กางโล่เวทมนตร์รับเอาไว้

หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการกบฏที่ลุยมาจากชั้นดาดฟ้าลุกขึ้นได้ก็ยกมือซ้ายขึ้นปัดดาบสั้นที่ก็อบลินปริศนายื่นออกมาเบื้องหน้า ส่วนมือขวาก็หุ้มด้วยน้ำแข็งเวทมนตร์ชกสวนเข้าหน้า แต่ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาเบี่ยงหน้าหลบได้ทัน ร่างของทั้งคู่ลอยทะลุกระจกออกไปข้างนอก

ในทันใดนั้นนักรบฝ่ายตั้งรับก็พากันโผล่ออกมาจากประตูมิติทั้งชั้นที่เป็นที่ตั้งของห้องประชุมและชั้นที่กระหนาบไว้ นอกจากนี้อาคารโดยคนของฝ่ายรัฐบาลก็มีการวางกำลังเอาไว้อย่างแน่นหนา เป็นการปิดล้อมอย่างสมบูรณ์

“ยกเลิกภารกิจ ขอย้ำ ยกเลิกภารกิจ เดี๋ยว...”

ชูเน่รีบประกาศผ่านเครื่องมือสื่อสารอย่างลุกลี้ลุกลนแต่พูดยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มผมยาวเหยียดตรงงอนปลายที่ก้าวตามเปาโลออกมาจากประตูมิติก็กระโดดเข่าลอยเข้าที่หน้าอกของออร์คหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกบฏต่างถิ่นจนเสียหลักล้มลงไป แต่ในขณะที่ล้มลงไปปืนลูกซองในมือก็ลั่นออกไป เป้าหมายอยู่ที่หน้าท้องของคู่ต่อสู้ ไวเปอร์กระเด็นออกไปแต่ก็ยังสามารถลุกขึ้นมาได้แบบไร้รอยขีดข่วน

“สงสัยอยู่แล้วเชียวตั้งแต่ได้สบตากันที่ฐานยิงแมจิคเดธเรย์นั่นแล้ว ‘สตีลวอลชาร์เจอร์ อันบาโกเลโน่’ เปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้เลยนะ”

ชูเน่เป็นฝ่ายเปิดการสนทนาก่อนขณะลุกขึ้นยืนพลางจ้องอีกฝ่ายตาไม่วาง

“ฉันว่าแกเลิกบ้าได้แล้วนะ รู้รึเปล่าว่ากำลังทำ...”

ฝ่ายซูเปอร์โซลเจอร์ว่ากลับไปตามที่ใจนึกแต่ยังไม่ทันขาดคำ ชูเน่ก็ตวาดกลับอย่างเดือดดาลแววตาจ้องกินเลือดกินเนื้อ

“แกนั่นแหละกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวรึเปล่า โพลี่ อันบาโกเลโน่”

 

“กำลังต่อสู้เพื่อสันติภาพและความเสมอภาคไง... ฉันสู้เพื่อมันมาตลอด และเป็นสิ่งที่แกกับพวกของแกกำลังจะพรากมันไป แล้วเอาไปใส่พานถวายให้ไอ่พวกเหยียดชนชั้นหลงตัวเอง”

โพลี่ลดเสียงลงแต่น้ำเสียงสื่อถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้า

“อันบาโกเลโน่ แกฟังนะ...”

ชูเน่ลดเสียงลงบ้าง ทำทีจะเจรจาโน้มน้าวใจโดยสันติ แต่ทว่ามือข้างที่ว่างอยู่กลับปล่อยเวทมนตร์สายฟ้ากระหน่ำใส่บุคคลตรงหน้าอย่างรุนแรง ทว่าโพลี่ก็ไม่หลบแต่สามารถเอามือข้างเดียวรับไว้ได้อย่างง่ายดายนอกจากนี้ยังดูดเข้ามารวมพลังไว้กับฝ่ามือก่อนปล่อยคืนแรงเป็นเท่าตัว หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกบฏเบี่ยงตัวหลบ เวทมนตร์สายฟ้าเสริมพลังพุ่งเลยไปถูกสัญญาณเตือนไฟไหม้เกิดเป็นเสียงกริ่งดังระงมก่อนไหลต่อไปยังไฟบนเพดานระเบิดเป็นเศษพลาสติกร่วงลงมาเต็มทางเดิน

“มุขเดิมๆ ‘ไลท์นิง ไลท์นิง สไตรค์’ ไม่ต้องคุยแล้ว ซัดกันเลยดีกว่า แล้วค่อยไปคุยกับผู้พิพากษาหลังจากแกหมดสภาพแล้ว”

พูดจบโพลี่ก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้ารวบตัวชูเน่ แต่ทว่ากลับพุ่งไม่ออก รู้สึกหนักๆ ที่เท้าและยังเย็นขึ้นแข้งมาอย่างช้าๆ เมื่อก้มดูก็ต้องพบกับตรวนน้ำแข็งที่นอกจากจะล่ามข้อเท้าเอาไว้แล้วยังมีละอองเกาะที่แข้งด้วยและละอองนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นน้ำแข็งทีละน้อย เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการกบฏตรงหน้าก็เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยตามด้วยคำพูดว่า

“มุขใหม่ ‘ไลท์นิง แอทเทนชั่น’ ขอโทษนะแต่ตอนนี้ไม่เหมาะ ก่อนฉันจะไปขึ้นศาลแกต้องไปคุยกับผู้บังคับบัญชาของแกก่อนนะ เรื่องที่แกปล่อยฉันหนีไป ลาล่ะ”

สิ้นเสียงชูเน่ก็พุ่งตัวผ่านกระจกออกไปข้างนอกอาคารอย่างไม่ลังเลราวกับจะบินได้ ส่วนโพลี่ก็ตั้งสมาธิทำจิตใจให้นิ่งเริ่มร่ายเวทมนตร์เพื่อแก้ไขตรวนน้ำแข็ง แต่แทนที่เขาจะใช้เวทมนตร์ธาตุไฟเพื่อละลาย เขากลับใช้เวทมนตร์ธาตุมืดเพื่อสลายมันแทน ระหว่างแก้ไขไปเขาก็บ่นอุบอิบอย่างหงุดหงิดไปด้วย

“เข้าใจเล่นนะแก ไอ่บ้าฉลาดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องแยกแยะดีชั่ว เล่นเอาเวทมนตร์ง่ายๆ แต่ได้ผลอย่าง ‘ตรวนน้ำแข็งนอกรีต’ มาตรึงขาเอาไว้ง่ายๆ เลย ยิ่งใช้ความร้อนก็ยิ่งมีผลมากขึ้น คราวหน้าฉันจะครอบแกด้วย ‘คุกอเวจี’ ให้นอนฝันร้ายไม่ต้องตื่นเลย...”

ในระหว่างที่บ่นไปในจิตใต้สำนึกก็มีเสียงของบุคลิกด้านสว่างแทรกขึ้นมาว่า ...คุกอเวจีเลยเหรอ เดี๋ยวก็โดนเฉ่งเอาหรอกฉันไม่อยากโดนกักบริเวณนะ... ตัวตนที่แสดงออกในปัจจุบันชะงักคิดในใจโต้ตอบไปว่า ...ใจเสาะรึไง เดี๋ยวเดียวก็ได้ออกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์สงครามแบบนี้พวกแมร่งไม่กักเราไว้นานหรอก... เสียงของโพลี่ด้านสว่างไม่ดังตอบมาอีก ด้านมืดจึงสงบทั้งปากและความคิดไปเช่นกัน

หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกบฏทั้งสองได้ออกจากตัวอาคารไปเรียบร้อยแล้ว โดยยังลอยนวลหนึ่งและอีกหนึ่งกำลังต่อสู้ติดพันอยู่ ส่วนที่เหลือต่างแยกกันไปเป็นกลุ่มบ้างเดี่ยวบ้าง วิกเตอร์ ทานาทรอส และอีรีน่าแยกไปกลุ่มหนึ่ง สามารถผ่านกำลังเสริมของฝ่ายรัฐบาลทุกคนที่ขวางทาง ด้วยการใช้พลังเวทมนตร์ที่ได้รับการถ่ายทอดมา ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดควบคู่กับปืนลูกซอง สลายเกราะเวทมนตร์ก่อนเหนี่ยวไกยิงระยะเผาขนแล้วไปต่อโดยไม่สนว่าจะฆ่าได้หรือไม่ เมกุมิ เบลเฟกอล และเรเวนแยกไปอีกกลุ่ม และสามารถผ่านศัตรูทุกคนที่ขวางทางได้เช่นกันแต่ทว่ากำลังหลักเป็นสมาชิกดราก้อนไนท์สาว ส่วนหน่วยจีแอลทั้งสองคนทำได้เพียงยิงปกป้องตัวเองและวิ่งตาม ที่เหลือเป็นเจมส์แยกตัวไปคนเดียว และเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับกำลังเสริมของศัตรูตรงๆ เลย สิ่งที่เขาโจมตีใส่มักเป็นผนังห้องและสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ยังปล่อยระเบิดแสงเวทมนตร์ลูกเล็กสกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูไปด้วยขณะวิ่งหนีจนกระทั่งหนีพ้น

นักรบกบฏดาร์คเอลฟ์หนุ่มวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนใจว่าจะมีใครตามมาหรือไม่ จนกระทั่งเขาวิ่งลงบันไดมาจนจะถึงชั้น 2 ในขณะที่กำลังจะเหยียบลงบนขั้นบันไดขั้นล่างสุดท่อนขาที่สวมกางเกงขายาวสีดำก็เหวี่ยงสวนเข้าจากทางด้านหน้าในระดับสายตาแบบไม่ทันตั้งตัวและโดนเข้าไปเต็มๆ จนร่างของเขาตีลังกากลับหลังแต่ในขณะเดียวกันก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าก่อนจะลงไปกองกับพื้นโดยเอาหน้าลงและไถไปเล็กน้อย ในขณะที่กำลังเงยหน้าหาต้นตอของลูกเตะปริศนา เจ้าของลูกเตะก็วิ่งเข้าซ้ำแบบเตะลูกโทษเข้าที่กลางลำตัวลอยไปปะทะกับผนังดังผลัก

ดวงตาสีส้มเหลือบมองขึ้นด้านบนก็เห็นเอลฟ์หนุ่มในชุดดำราวกับกำลังจะไปงานศพใครย่างสามขุมเข้ามา ใบหน้าที่แสงคุ้นกำลังบึ้งตึงด้วยความโกรธระคนผิดหวัง เคอร์ดาน อัคคาลมูน นั่นเอง ขาข้างหนึ่งยกขึ้นทำท่าจะกระทืบศีรษะเพื่อปลิดชีพ เขาจึงยกมือขวาขึ้นเล็งไปยังใบหน้าของเคอร์ดานส่วนอีกข้างหนึ่งก็ยกป้องตาตัวเอง ในขณะที่ปลดปล่อยเวทบอลแสงที่เคยทำให้เพื่อนเก่าตาบอดชั่วขณะมาแล้ว

เคอร์ดานรีบถอนเท้าถอยห่างออกมาแล้วยกแขนทั้งสองข้างป้องดวงตาทำให้เสียจังหวะ ทันใดนั้นเพื่อนเก่าของเขาก็รุดเข้ารวบขาแล้วกระชากจนล้มทั้งยืน ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนปลดปล่อยเวทมือซ้ายเป็นลูกบอลแสงเล็กอีกลูก แต่ยังไม่ทันได้ปล่อย เคอร์ดานก็ร่ายเวทบทสั้นๆ ในใจปล่อยเวทมนตร์สวนกลับไป โดยมีลักษณะเหมือนผ้าคลุมสีดำทมิฬเข้าคลุมมือของเจมส์เอาไว้ จากนั้นมันก็เหมือนจะกลายเป็นยางละลายติดมือกลายเป็นถุงมือ

“อย่าคิดจะหนีให้ยากเลย ฉันจะเอาแกไปเข้าห้องสอบสวน”

เคอร์ดานว่า ขณะที่กำลังลุกขึ้นยืนและปล่อยผ้าสีดำอีกผืนไปด้วย คราวนี้เขาเล็งไปที่ใบหน้า ในขณะที่เจมส์กำลังสลายผ้าผืนแรก เจมส์ต้องละมือจากผืนแรกทันทีเพื่อยิงเวทแสงสลายผ้าผืนที่สองก่อนที่มันจะเข้าถึงใบหน้าของเขา จากนั้นจึงกลับไปที่ผืนแรกแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“แกไม่อยากจับฉันหรอกเชื่อเถอะ”

“ทำไม เส้นแกใหญ่นักรึไง ถึงขนาดเป็นกบฏแล้วยังได้รับการละเว้นโทษหนัก เอาไว้จับแกไปก่อนถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที”

“ถูกต้อง ใหญ่กว่าที่แกคิดเอาไว้เยอะ... หกกระบี่แสงพันธนาการ”

 

พูดจบดาร์คเอลฟ์ผู้แหกกฎจอมเวทก็ปล่อยเวทแสงออกมาอีกบท คราวนี้เป็นกระบี่หกเล่มพุ่งออกมาจากด้านหลังของผู้ร่ายตรงเข้าหาแขนขาและลำคอของเอลฟ์ซูเปอร์โซลเจอร์ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ตอบโต้ด้วยเวทมนตร์อีกบท

“โล่ดำทลายมนตรา!”

เคอร์ดานห่อตัวให้เล็กที่สุดมือข้างหนึ่งแบออกยื่นออกไปด้านหน้าปลดปล่อยโล่เวทมนตร์สีดำขนาดใหญ่พอจะคลุมตัวคนได้ 3 คนสบายๆ เมื่อกระบี่แสงทั้งหกเล่มพุ่งเข้ามามันก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในโล่จนหมดก่อนที่โล่จะหายไป เอลฟ์แสงผู้ใช้มนตร์มืดตั้งท่าจะสู้ต่อ แต่ทว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้นหลังจากปล่อยกระบี่แสงแล้วก็วิ่งหนีไกลออกไปเต็มฝีเท้า เขาจึงชักเอาปืนยิงเวทออกมาจากคลังแสงจิ๋วแล้วกระหน่ำยิงก้อนน้ำแข็งเวทมนตร์ขึ้นรูปเป็นลูกรักบี้ แต่แทนที่จะยิงใส่ตัวโดยตรง เขากลับเล็งไปที่ผนังด้านหน้าเยื้องออกข้างตัว

“เฮ้ย!”

เจมส์อุทานพลางเอนหลังนอนลงอย่างเร็วก่อนที่ก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นจะกระทบผนังแล้วระเบิดออกเป็นสะเก็ดแหลมสาดกระจายไปทั่วทิศทางที่อำนวยราวกับระเบิดมือ พลิกตัวกลับมานอนคว่ำเงยหน้าขึ้นก็เห็นเคอร์ดานวิ่งจ้ำเข้ามาอย่างเร็วพลางเก็บปืนเวท ส่วนอีกมือหนึ่งก็ปล่อยผ้าสีดำทมิฬเข้ามาทางด้านหน้า ดาร์คเอลฟ์จอมเวทแสงยิงเวทแสงสลายผืนผ้าสีดำนั้นอย่างแม่นยำก่อนยันตัวลุกขึ้นให้เร็วที่สุดจนยืนได้ แต่ทว่าเอลฟ์จอมเวทธาตุมืดก็พุ่งเข้ารวบตัวล้มไปอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นการขึ้นคร่อมรัวหมัดไม่ยั้งเป็นการสู้แบบข้างถนน

เคอร์ดานที่อยู่ด้านบนก็ใส่อย่างเดียว ส่วนเจมส์ก็ได้แต่ยกแขนป้องกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ร่ายมนตร์บทสั้นๆ ในใจก่อนปล่อยลูกบอลแสงออกจากปากแล้วระเบิดออกอย่างเร็วจนปิดตาไม่ทัน ได้รับผลกันทั้งคู่แต่ก็ไม่ร้ายแรงมากนักเพราะเป็นแบบเร่งรัด เคอร์ดานตกใจหงายหลังถอยหลังไปนอนกลิ้งไปมาไม่กี่ครั้งก็พยายามลุกขึ้นมาใหม่ ส่วนเจมส์ก็พยายามวิ่งหนีทั้งที่ตาพร่ามัวสวนทางเดิมสุดชีวิตโดยที่เพื่อนเก่าของเขาไม่สามารถทำอะไรได้

ในท่านอนคว่ำสายตาอันพร่ามัวของเอลฟ์แสงผู้ชำนาญมนตร์มืดมองเห็นเพื่อนเก่าของเขาวิ่งจ้ำลงบันไดไปอย่างทุลักทุเลจนกระทั่งลับตาไปเขาจึงยันตัวลุกขึ้นวิ่งตามไป ทว่าไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็ชะงักแล้วหันมองกระจกกั้นลมก่อนชักปืนลูกซองออกมาจากคลังแสงจิ๋วแล้วกระหน่ำยิงใส่กระจกจนแตกกระจายกลายเป็นช่องขนาดพอให้ตัวคนพุ่งออกไปได้ แม้สายตาจะยังไม่กลับเป็นปกติแต่เขาก็ตัดสินใจพุ่งตัวออกไปอย่างไม่ลังเล ก่อนจะลงถึงพื้นเวทมนตร์ธาตุลมบทหนึ่งก็ถูกปล่อยออกเพื่อรองรับร่างของเขาเอาไว้

ดาร์คเอลฟ์ผู้ชำนาญมนตร์แสงขณะนี้ตาของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว เพราะระหว่างทางเขาก็รักษาดวงตาของเขาไปพลางด้วยมนตร์รักษา หลับหูหลับตาวิ่งลงมาเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับเพื่อนเก่าของเขายืนจังก้ารออยู่ เบื้องหลังมีลูกบอลสีดำทมิฬลอยอยู่ 6 ลูก

“ทริปเปิ้ล ดาร์คเนส ครอสไฟร์!”

ทันใดนั้นดาวหางสีม่วงเข้มก็พุ่งออกมาจากลูกบอลทั้งหกลูกทันทีที่สิ้นเสียงของเคอร์ดานอย่างต่อเนื่องตรงไปที่จุดเดียวคือเจมส์ ทว่าแทนที่เขาจะตอบโต้ด้วยเวทมนตร์ป้องกันเขากลับโจมตีสวนด้วยเวทอีกบทหนึ่งอย่างทันควัน

“เจ็ดกระบี่แสงมือปราบ”

เป็นกระบี่แสงคล้ายกับหกกระบี่แสงล้างเงาแต่มีเจ็ดเล่ม โดยหกเล่มพุ่งออกจากหลังของผู้ร่ายตรงเข้าทำลายลูกบอลสีดำทมิฬของเคอร์ดานในขณะที่อีกเล่มพุ่งออกจากมือของผู้ร่ายที่เหยียดออกสุดแขนซ้อนกันอยู่ระดับอก ตรงเข้ากลางอกของเพื่อนเก่าของเขา เมื่อปลายกระบี่แสงสัมผัสถูกมันก็ค่อยๆ ละลายออกเป็นวงเหมือนเทียนไขก่อนระเบิดออกผลักร่างของซูเปอร์โซลเจอร์เอลฟ์หนุ่มกระเด็นออกไป แต่ในขณะเดียวกันเจมส์ก็ถูกดาวหางที่พุ่งออกมาจากลูกบอลทั้งหกลูกเข้าเหมือนกัน พวกมันชนเข้ากับร่างของดาร์คเอลฟ์หนุ่มดราก้อนไนท์ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็โดนเข้าไปกว่าสิบนัดส่งร่างของเขาลงไปคุกเข่าก้มโค้งอย่างเจ็บปวด ในใจก็ร่ายเวทรักษาไปด้วย แต่เขาก็ไม่อยู่เฉย รีบลุกขึ้นวิ่งหนีต่อโดยไม่สนใจห่ากระสุนที่กำลังปลิวว่อนสวนกันไปมาระหว่างฝ่ายดราก้อนไนท์และกองกำลังฝ่ายรัฐบาล

ด้านซูเปอร์โซลเจอร์เอลฟ์หนุ่มก็นอนแน่นิ่งไปราวกับวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว แต่ทันใดนั้นราวกับฝาแฝดปรากฏกายที่อยู่ๆ ก็ผุดออกมาขวางทางดาร์คเอลฟ์หนุ่มดราก้อนไนท์เอาไว้แล้วปล่อยเวทมนตร์ผ้าสีดำออกจากฝ่ามือสวนเข้าหน้าแบบไม่ให้ตั้งตัว แล้วก็ถูกเข้าเต็มๆ และง่ายอย่างเหลือเชื่อ การยิงต่อสู้จบลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทุกอย่างรอบๆ กลายเป็นหมอกสีม่วงที่ค่อยๆ จางลงจนปรากฏเป็นภาพของตำรวจและทหารอาสาอยู่ในที่มั่นเล็งปืนมาที่กบฏเผ่าพันธุ์ดาร์คเอลฟ์เป็นจุดเดียว

ร่างของเคอร์ดานที่ถูกเจ็ดกระบี่แสงมือปราบสลายไปกับอากาศธาตุ ในขณะที่เจมส์ ซึ่งถูกผ้าสีดำปิดหน้า (เคลือบติด) นอนไม่ไหวติงยกเว้นแต่ยังหายใจอยู่แบบคนหลับลึก เคอร์ดานตัวจริงยิ้มเล็กน้อยด้วยความพอใจในผลงานก่อนพูดทิ้งท้ายว่า

“แล้วเจอกันในห้องสอบสวนนะ”

แต่ทว่าเรื่องที่ดูเหมือนจะจบก็กำลังจะดำเนินต่อ เมื่อมีเสียงหัวเราะร่าดังมาจากบริเวณบันไดทางขึ้นอาคารที่ใช้จัดเป็นที่ประชุมของเหล่าผู้นำทั้งเจ็ด จากนั้นจึงตามด้วยคำพูดว่า

“อย่าเลยเคอร์ดาน ฉันบอกแล้วว่าฉันเส้นโคตรใหญ่เลย สำหรับตอนนี้”

พูดจบลูกบอลแสงลูกใหญ่ก็ตกลงมาจากด้านบนก่อนจะแตกออกเป็นลูกเล็กกระจายออกรอบทิศทางแล้วระเบิดออกทำเอาทุกอย่างในรัศมีขาวโพลนไปหมดยิ่งกว่าถูกหิมะปกคลุมยามตะวันตรงหัวเมื่อแสงอันเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ดับลงฝ่ายรัฐบาลทุกคนรวมทั้งเคอร์ดานก็ลงไปนอนไปนั่งอย่างทรมานเพราะอาการตาบอดชั่วขณะพลางมองไปรอบตัวอย่างไร้จุดหมาย ส่วนร่างของดาร์คเอลฟ์กบฏก็อันตรธานไปราวกับเป็นมายากล เจมส์ตัวจริงโผล่ออกมาจากทางเดียวที่ตัวปลอมโผล่ออกมารีบฉวยโอกาสวิ่งหนีเต็มฝีเท้า แต่ทว่าอยู่ๆ มือของเพื่อนเก่าของเขาก็ตวัดสุดแขนคว้าหมับเข้าให้ที่ข้อเท้าพร้อมกระตุกเล็กน้อยทำให้เขาล้มหน้าคะมำดินอีกครั้ง

“อย่าเพิ่งไป บอกแล้วว่าห้องสอบสวนรอแกอยู่”

 

เคอร์ดานพูดยิ้มๆ ขณะนอนตะแคงเพราะการพุ่งตัว โดยที่มือซ้ายยังจับข้อเท้าของเพื่อนเก่าแน่นราวกับจะบีบให้กระดูกแตก เขาไม่ได้รับผลจากลูกบอลแสงด้วยซ้ำ

เจมส์กัดฟันกรอดๆ ผลักตัวขึ้นลอยพร้อมถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวหงายสลัดมือของเพื่อนเก่าของเขาหลุดจากข้อเท้าพลางใช้เท้าขวาถีบเข้าที่ใบหน้าของเพื่อนเก่าเขาเต็มๆ จนผงะไปลุกขึ้นนั่งเอามือทั้งสองลูบหน้าด้วยความเคืองมากกว่าความเจ็บ ในขณะที่เจมส์ม้วนตัวกลับหลังแล้วยันตัวลุกขึ้น ตั้งท่าร่ายเวทอีกบทหนึ่ง เคอร์ดานก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตั้งท่าร่ายเวททั้งที่นั่งอยู่
“แปดกระบี่แสงแปดคูณหนึ่งเท่ากับหนึ่ง!”

“หอกทมิฬพุ่งแหลกทะลวงด่าน!”

ว่าแล้วทั้งคู่ก็ซัดเวทเข้าใส่กันพร้อมๆ กัน ด้านดาร์คเอลฟ์ผู้ใช้เวทแสงนั้นเป็นกระบี่แปดเล่มเคลื่อนเข้ารวมกันเป็นเล่มใหญ่เล่มเดียวก่อนพุ่งออกไป ส่วนด้านเอลฟ์แสงผู้ใช้เวทธาตุมืดเป็นพลองเวทมนตร์สีดำทมิฬปลายแหลมยืดออกมาจากกำมือก่อนที่ผู้ร่ายจะซัดออกไปในระดับเอว

เวทมนตร์ทั้งสองบทพุ่งเข้าหากันและหลอมรวมกันแต่ไม่เป็นเนื้อเดียวกันกลายเป็นลูกบอลลายขาวดำ ซึ่งมันขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ลายก็ค่อยๆ หลอมรวมกันแบบผสมสีจนกลายเป็นสีเทา จากนั้นจึงระเบิดออกอย่างรุนแรงอย่างกะทันหัน ผลักทุกคนที่อยู่รอบๆ มันกระเด็นออกไปติดผนังตึกบ้าง ทะลุกระจกเข้าไปในตึกบ้าง หรือไม่ก็กระเด็นออกไปคนละทางจนกระดอนกับพื้น ซึ่งก็คือเคอร์ดานและเจมส์นั่นเอง

ซูเปอร์โซลเจอร์เอลฟ์และดราก้อนไนท์ดาร์คเอลฟ์ลุกขึ้นมาพร้อมกันตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่กันอีกครั้ง สายตาของทั้งคู่จ้องกันไม่วางรวมกับจะฆ่ากันให้ได้

“เก้ากระบี่แสงดาบใหญ่!”

“กระบองคู่พิฆาตแห่งความมืด!”

และแล้วทั้งสองก็ร่ายเวทอีกครั้งแต่แทนที่จะปล่อยเข้าใส่กัน สิ่งที่ปรากฏออกมากลับเป็นอาวุธระยะประชิด ของเจมส์เป็นดาบใหญ่สองคมสีขาวสว่างแผ่รัศมีเรืองรอง ส่วนเคอร์ดานเป็นกระบองขนาดหนึ่งศอกคู่สีดำดูเรียบๆ แต่มันกลับแผ่รังสีสีม่วงเข้มที่ดูน่ากลัวออกมาด้วย แล้วทั้งคู่ก็พุ่งเข้าหากันโดยเงื้ออาวุธเต็มเหนี่ยว

สีหน้าของทั้งคู่ดูจะบ้าเลือดเต็มทีต่างฟาดอาวุธเข้าใส่กันอย่างไม่มีการออมแรง กระบองคู่ของเคอร์ดานนั้นทั้งลื่นไหลทั้งว่องไวเข้าคลุกวงในโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันแม้ดาบใหญ่ของเจมส์จะดูเทอะทะแต่เขาก็ใช้วิชาหมัดมวยเข้าช่วยด้วย พยายามถอยออกห่างทุกครั้งที่เพื่อนเก่าของเขาก้าวเข้าประชิด ทั้งเตะทั้งถีบก่อนกระโดดฟันอย่างแรงเป็นแนวดิ่งทำเอาเคอร์ดานต้องยกกระบองขึ้นป้องกันและลงไปคุกเข่า

มือกระบองเบี่ยงตัวออกข้างก่อนเตะตัดขาของจอมดาบ แต่อีกฝ่ายก็กระโดดหลบได้แต่ก็ทำให้เสียจังหวะไป เคอร์ดานรีบลุกขึ้นทันทีแล้วกระโดดโถมตัวเข้าใส่คู่ต่อสู้ฟาดกระบองทั้งสองข้างลงไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ศีรษะ เจมส์เป็นฝ่ายลงไปคุกเข่าบ้างพลางยกดาบขึ้นกันก่อนผลักกลับไป เพื่อนเก่าของเขาลงพื้นตั้งหลักได้ก็โจมตีกลับทันทีอย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวเพื่อรอคอยจังหวะตอบโต้ จนกระทั่งโอกาสมาถึง เจมส์ใช้ดาบปัดกระบองของเคอร์ดานออกไปพลางย้ายดาบไปอยู่มือซ้ายแล้วชกด้วยหมัดขวาตรงเข้าที่หน้าเต็มๆ จนเพื่อนเก่าของเขาต้องผงะถอยหลังออกไป ในจังหวะนี้เองดาบใหญ่ก็เลื่อนเข้ามาถือสองมือแล้วฟาดเป็นแนวขวางโดยเอาด้านแบนเข้าปะทะ แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็โจมตีสวนด้วยกระสุนเวทมนตร์สีม่วงเข้มยิงออกมาจากปาก ทำให้ต่างคนต่างโดนกันไปและแยกจากกันอีกครั้ง

เคอร์ดานกึ่งนั่งกึ่งนอนตะแคงแยกเขียวเอามือกุมเอวซ้ายอย่างเจ็บปวด ในขณะที่เจมส์นั่งลงเอามือกุมทรวงอกด้วยอาการเดียวกัน ทันใดนั้นทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นมองกันโดยไม่ได้นัดหมายต่างรีบลุกขึ้นสู้ต่อทำแสร้งเป็นว่าไม่แม้แต่จะระคายผิวกับการโจมตีสวนกันเมื่อครู่ จากนั้นจึงพุ่งเข้าซัดอาวุธใส่กันอีกครั้งอย่างไม่ปรานี แต่ครั้งนี้ทันทีที่อาวุธทั้งสามชิ้น (กระบอง 2 และดาบ 1) ปะทะกันก็เกิดระเบิดขึ้นอีก อาวุธทั้งสามชิ้นสลายไปในขณะที่แรงระเบิดผลักทั้งคู่ออกจากกัน

โดยไม่มีการมานั่งเลียแผลกันอีกทั้งคู่ลุกขึ้นยืนร่ายเวทบทใหญ่หวังจะเผด็จศึกอีกฝ่ายให้ได้ในคราวเดียว เนื่องจากกองกำลังฝ่ายรัฐบาลรอบๆ กำลังบอบช้ำจากการสู้กันของทั้งสองและไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากถูกระเบิดแสงเวทมนตร์ของเจมส์เข้าไปเต็มๆ จึงไม่มีมือที่สามเข้าแทรกเพราะฝ่ายดราก้อนไนท์เองก็สลายตัวหนีกันไปหมดแล้ว ในระหว่างกำลังร่ายเวทมนตร์เพื่อเข้าห้ำหั่นกันต่างฝ่ายก็นึกถึงความหลังไปด้วย เติบโตมาด้วยกัน นั่งเรียนด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ฝึกฝนเวทมนตร์ด้วยกัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน เดินกอดคอผ่านชีวิตและประสบการณ์ต่างๆ นานา จนเกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่ยากจะขาดลงได้ แต่บัดนี้มันกำลังจะขาดลงแล้ว ...ขอโทษนะไอ่เพื่อนยาก แต่มันช่วยไม่ได้... ทั้งคู่คิดในใจแบบเดียวกัน

“ไลท์ แรม เดสตรอยเยอร์!”

“ดาร์ค ซัลโว ดีวาสเตชั่น!”

แม้ชื่อมนตร์จะต่างกันแต่รูปแบบนั้นคล้ายกันมาก ต่างกันเพียงสีขาวสว่างและสีดำทมิฬเท่านั้น คลื่นเวทมนตร์จากสองแหล่งพุ่งเข้าปะทะกันอย่างเกรี้ยวกราด และยันกันไปยันกันมาเป็นเวลายาวนานแต่ก็ไม่มีใครถูกเข้าจริงๆ จนกระทั่งหมดพลัง แต่ทว่ายังไม่หมดลูกเล่น

“ไฮเปอร์ ดาร์คเนส ครอสไฟร์!”

“แปดกระบี่ทะลวงคูณสาม!”

เจมส์ปล่อยแปดกระบี่รวมเป็นหนึ่ง 3 เล่มซ้อนกัน ส่วนเคอร์ดานก็เสกลูกบอลลูกเวทมนตร์ธาตุมืดขนาดใหญ่สามลูกเรียงกันเป็นฉากหลังรูปสามเหลี่ยมก่อนยิงดาวหางขนาดเล็กเท่าครั้งที่เป็น 6 ลูกแต่มีจำนวนมหาศาลเข้าทำลายกระบี่แสงที่พุ่งเข้ามาจนกระจุยเรียงเล่ม แต่ทว่าก็หมดพลังพอดี ทั้งคู่มีอาการชะงักเล็กน้อยกับความรู้เท่าทันกันก่อนจะสู้กันต่อ

“คมศรศาสตราดำ!”

 

เคอร์ดานปล่อยเวทมนตร์อีกบทโจมตีใส่เจมส์ทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว ด้วยรูปแบบเวทมนตร์ที่เป็นคลื่นเวทสีดำที่มีความเร็วสูงและมีการบานออกเล็กน้อยทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบ สิ่งเดียวที่ทำได้คือการป้องกัน เจมส์เสกโล่แสงขึ้นมากั้นคลื่นเวทของเพื่อนเก่าเอาไว้ไม่ให้เข้าถึงตัวเอง ก่อนจะเสกลูกบอลน้ำและไฟขึ้นที่มือข้างละลูกแล้วนำมันมาชนกันจนเกิดระเบิดขึ้นเป็นหมอกไอน้ำบดบังทัศนะวิสัยจนมองเห็นได้ในระยะเพียงไม่เกิน 4 เมตรเท่านั้น

เอลฟ์แสงผู้ถนัดเวทมนตร์ธาตุมืดยังคงปล่อยเวทมนตร์จู่โจมของตนแช่เอาไว้อยู่เช่นนั้นจนไม่สามารถปล่อยต่อไปได้ และหวังว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะหมดพลังเช่นกัน แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้รู้สึกตัวว่าเขาพลาดท่าให้กับคู่ต่อสู้เสียแล้ว พริบตานั้นเองก็เกิดแสงสว่างวาบยิ่งกว่าดวงตะวันเข้าตาเต็มๆ แล้วทุกอย่างก็มืดลง เคอร์ดานแหกปากร้องอย่างไม่เป็นภาษาด้วยความแค้น และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงว่า

“ห้ากระบี่แสงสะกดประสาท!”

ไร้ทางป้องกันตัว แขนขาและลำตัวของเขารู้สึกเหมือนมีของหนักๆ โถมใส่จนล้มลงนอนแผ่กับพื้นแล้วลุกไม่ขึ้น รู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่หายไปหมด รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งร่างหลังจากความร้อนจากการต่อสู้เพื่อนำตัวคนที่เป็นทั้งกบฏและเพื่อนเก่าเข้าห้องสอบสวนหายไป แถมยังทำไม่สำเร็จ ทั้งเจ็บใจทั้งผิดหวังทั้งเคียดแค้นและไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปเว้นแต่นอนแผ่หลาเพราะถูกตรึงด้วยเวทมนตร์พันธนาการบทหนึ่งจนกระทั่งหมอกเริ่มจางลงและมีเสียงคนสองคนวิ่งเข้ามาหาที่ด้านศีรษะ

“เคอร์ดาน”

เสียงเรียกหาที่แสนคุ้นหู ซึ่งก็คือลูซีนนั่นเอง

“ฉันอยู่ทางนี้ ตามกระบี่แสงห้าเล่มมา”

เคอร์ดานตะโกนออกไป ครู่หนึ่งลูซีนและโพลี่ก็วิ่งมาหยุดตรงด้านศีรษะของเขา บัดนี้หมอกได้จางลงจนเกือบหมดแล้ว แสดงให้เห็นความเสียหายจากการต่อสู้ของเวทมนตร์สองธาตุที่เพิ่งจบไป เพราะเป็นที่โล่งจึงมีเฉพาะพื้นเท่านั้นที่แตกร้าวหลายจุด แต่มันก็เป็นหลักฐานพอจะบอกว่าเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงขนาดไหน

“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะแก้ให้”

โพลี่อาสาแก้ไขเวทมนตร์พันธนาการให้เคอร์ดาน แต่เมื่อเขาเริ่มร่ายมนตร์เพื่อแก้ไขคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันก่อนจะพึมพำออกมาเป็นภาษาโอเคอร์โน่ (อังกฤษ)

“กระบี่แสงสำนักมาเอสโตร สเลเยอร์ เลยเหรอเนี่ย หนึ่งในร้อยล้านจริงๆ” (Maestro Slayer ภาษาสเปนแปลเป็นอังกฤษว่า Master Slayer)

แม้จะไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินและจับความได้ แต่ด้วยความที่เคอร์ดานและลูซีนเป็นเอลฟ์และดาร์คเอลฟ์นั้นทั้งคู่จึงได้ยินโดยตลอดและดูจะสนใจอย่างมาก

“กระบวนเวทกระบี่แสงสำนักมาเอสโตร สเลเยอร์ หนึ่งในร้อยล้าน หมายความว่าไง”

เคอร์ดานถามขึ้นอย่างสงสัย

“นี่สู้กับกบฏนั่นไม่รู้สึกแปลกๆ อะไรบ้างเลยเหรอ”

โพลี่ย้อนถาม เคอร์ดานได้แต่ทำหน้างง

“แค่สัมผัสดูก็รู้แล้ว กระบวนเวทนี้ไม่มีสอนในค่ายทหารหรือโรงฝึกที่ไหนหรอกนะ แต่จะเปิดสอนทางสื่ออีเล็กทรอนิกส์ ผู้เรียนจะโอนเงินเข้าบัญชีของผู้สอนแล้วผู้สอนจะส่งไฟล์วิดีโอให้ไปเรียนกันเอาเอง ที่ว่าหนึ่งในร้อยล้านเป็นเพราะมันเหมือนการแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์มากกว่าจะเป็นเวทมนตร์จริงๆ ส่วนผู้สอนก็แต่งตัวเป็นไอ่โม่ง และมันฝึกกันยากมาก ผู้ฝึกจะต้องมีพื้นเวทมนตร์สายนั้นๆ แน่นมากๆ จนคนที่ฝึกสำเร็จจริงๆ มีไม่ถึง 100 คน... และอีกอย่างมันเป็นเวทมนตร์สายฉีกกฎธาตุเวทมนตร์ทิ้ง เท่าที่ดูนายยันมันได้ขนาดนี้ถือว่าโชคดีมาก ให้ทายสายที่นายถนัดคือธาตุมืดใช่ไหม กระบวนเวทสำนักมาเอสโตร สเลเยอร์ จะกลับตาลปัตร ความมืดชนะแสง ไฟชนะน้ำ พลังทำลายชนะความเร็ว”

“แล้วทำไมถึงได้รู้ดีขนาดนั้น”

“เพราะว่าฉันเป็นหนึ่งในคนที่ฝึกสำเร็จไง... ลูซีน เธอก็ช่วยด้วยสิ”

อธิบายจบแค่นั้นโพลี่ก็ตัดเปลี่ยนเรื่องทันที

2 ชั่วโมงผ่านไป การประชุมก็จบลงอย่างราบรื่น ท่านประธานอภิมุขแห่งซานทินาสเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับผู้บัญชาการทหารและเลขา เบื้องหน้าของทั้งสามคือซูเปอร์โซลเจอร์เอลฟ์หนุ่มที่เป็นทั้งเพื่อนและบอดี้การ์ดของท่านประธานอภิมุขอลิซยืนหน้าบึ้งตึงรออยู่

เคอร์ดานคิดจะส่งกระแสจิตเข้าไปบอกกับเพื่อนสาวตำแหน่งสูงของเขาแต่ก็ต้องล้มเลิก เมื่ออลิซส่งยิ้มมาให้ด้วยความสัตย์จริง แม้ดูจากภายนอกก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน เขาจึงยิ้มตอบกลับไป แต่ในใจยังคงติดใจเรื่องเพื่อนของเขาอยู่ ด้วยคำพูดที่ว่า ‘เส้นใหญ่กว่าที่แกคิด’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา