Epidemia: Epic World on Fire

7.9

เขียนโดย MiG360Vampire

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.33 น.

  25 ตอน
  31 วิจารณ์
  33.65K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) Operation Superweapons Hunt [Part 3]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ไนท์บารอนขบฟันกันแน่นจนเกิดเป็นเสียงดังกรอดๆ ดังเล็ดลอดออกมามองขึ้นฟ้าไปด้วยสายตาขุ่นเขียว แล้วเหลือบไปมองทางฮอล์ก ก่อนพูดขึ้นว่า

 

“ฮอล์ก ลองใช้เครื่องดูดมิติของเจ้าดูซิ”

 

อีรีน่าทำตามในทันทีแล้วแหงนหน้าขึ้นฟ้า ทำเหมือนกันที่เธอเจาะประตูเข้ามา มิติอากาศบริเวณที่เจอมองเกิดการปริแตกออกมาเล็กน้อยแล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่ได้ผล”

 

ฮอล์กร้องออกมาอย่างตะลึงงัน

 

“ท่าทางนี่ไม่ใช่สนามพลังธรรมดาแล้ว แต่นี่มันเวทมนตร์พันธนาการอย่างหนึ่ง มันจะอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วหายไป แต่กว่ามันจะหายไปลูกปืนยักษ์ติดครีบพวกนั้นก็มาถึงพอดี”

 

ไนท์บารอนว่าพลางวิเคราะห์สถานการณ์คร่าวๆ ก่อนทุบกำปั้นลงบนพื้นดาดฟ้าอย่างแรงด้วยความโมโห

 

“ข้าจะลองดูอีกที”

 

จีแอลสาวเลือดเดือดเอ่ยปากอาสาอีกครั้ง แต่ไนท์บารอนกลับโบกมือห้าม

 

“ลองเปิดอาร์คเอนเจิลชีลด์รวมพลังไว้ข้างหน้าแล้วบินฝ่าดูดีมั้ย”

 

ออราเคิลเสนอความคิดบ้าง ไนท์บารอนสะบัดหน้าหันมามองทันทีอย่างมีหวังแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนที่ฮอล์กจะเดินไปคว้าแขนทั้งสองอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้จะบินขึ้นเปล่า พวกเขาเปิดเกราะพลังงานจะมองเห็นเป็นรูปจานคว่ำโค้งมนสีเขียวหยกสว่าง แสดงให้เห็นว่าเป็นการเปิดเร่งพลังอย่างเต็มที่โดยเน้นถ่ายพลังไปทางด้านเหนือหัว

 

และแล้วฮอล์กก็เร่งไอพ่นเต็มที่จนเปลวไฟสว่างไสวก่อนพุ่งขึ้นไปอย่างแรงจนกระทั่งปะทะเข้ากับผิวด้านในของเวทพันธนาการจนเกิดเป็นประกายไฟฟ้าแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทุกคนเริ่มมีความหวังขึ้น แต่ก็แค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น เพราะภายในไม่กี่วินาทีปรากฏการณ์นั้นก็ค่อยๆ หดลงจนเป็นเหมือนเดิม ทั้งสามถูกดีดกระเด็นลงกระแทกพื้นอย่างไม่เป็นท่า

 

“บ้าแล้ว ทำไมแข็งแกร่งแบบนี้วะ”

 

หนุ่มเกินอัจฉริยะแสดงท่าทีจนปัญญา ร้องโวยวายออกมาอย่างคนเสียสติ ส่วนไนท์บารอนและฮอล์กนั้นพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งจ้องตะลึงขึ้นไปยังโดมเวทพันธนาการอันแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย ทั้งสามบอกกับตัวเองว่า ...หมดหวัง...

 

ภายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง กระสุนปืนยักษ์นับร้อยนัดก็หล่นลงมาจากฟากฟ้าส่งเสียงครางหวือหวาดังระงม ก่อนตกลงกระทบพื้นที่เป้าหมายของมันดังสนั่นอย่างต่อเนื่องยิ่งกว่าพายุฟ้าผ่า ส่งคลื่นสั่นสะเทือนผ่านภูมิประเทศไปไกล หิมะที่ปกคลุมอยู่ก็กระดอนขึ้นมาเหมือนอยู่บนกระทะที่กำลังสะบัด เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเคยมีศูนย์ควบคุมการสื่อสารตั้งอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงหลุมขนาดมหึมาจากกระสุนปืนใหญ่ขนาดยักษ์ที่ขุดดินขึ้นมาปนกับหิมะ และเศษซากอาคารที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ

 

ทางด้านกองกำลังโนเบิลที่กำลังเข้าโจมตีฐานยิงลำแสงเวทมนตร์ต่างก็ได้ยินทั้งเสียงยิงและเสียงระเบิดรวมทั้งรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนราวแผ่นดินไหวเบาๆ ได้โดยตลอด เมื่อแรกพวกเขาก็ตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ต่างก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อเม็ดฝนนรกเหล่านั้นไม่ได้ตกลงบนหัวของพวกเขา การบุกโจมตีจึงดำเนินต่อไป และพยายามจะคิดเสียว่าเสียงที่แผดระเบิดขึ้น พวกสวะคงจะไม่ระดมยิงใส่หน่วยรบพิเศษเพียง 3 คนหรอก แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นการระดมยิงใส่หน่วยรบพิเศษ 3 คนจริงๆ พร้อมกับอาคาร 1 หลังที่จะช่วยไม่ให้ฝ่ายเจ้าบ้านระดมพลมากวาดล้างพวกตน

 

กองกำลังที่เหลืออยู่หลังการโดนถล่มอย่างหนักหน่วงค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาสิ่งที่หน้าตาเหมือนดินสอแท่งยักษ์ ซึ่งซ่อนอยู่หลังฉากหมอกที่เริ่มเผยออกมาเมื่อพวกเขาเข้าใกล้เข้าไป มันชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเห็นเป็นฐานมีแท่นปืนอัตโนมัติและทหารฝ่ายข้าศึกเตรียมพร้อมอยู่

 

และทันใดนั้นเอง ลำแสงสีฟ้าขาวก็พุ่งสาดมาจากทุกทิศทาง คร่าชีวิตทหารราบไปบางส่วน และสร้างความตื่นตระหนกให้กับทั้งหมด แท่งดินสอยักษ์ที่ตอนนี้เหมือนมีการเปิดช่องระบายความร้อนอยู่ก็พลันปิดลงอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะสาดลำแสงสีขาวสว่างลงมายังทหารข้าศึกที่กำลังเข้าโจมตี แม้มันจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนกับที่ระดมยิงใส่กองยานรบของพวกเขา แต่มันก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อย เพียงกวาดแค่ครั้งเดียวผ่านแถวหน้ากระดานของหุ่นสตอร์มวอร์ริเออร์ เกราะพลังงานสีแดงอ่อนก็สลายลงในบันดล ก่อนที่ลำแสงสีขาวนั้นจะหายไป

 

จากการเคลื่อนที่แบบรอกัน ก็กลายเป็นการพุ่งเข้าชาร์จอย่างเต็มรูปแบบ โดยรถถังจู่โจมลอยตัวสเปียร์เฮดพุ่งนำไปก่อนพร้อมกับยิงอาวุธทุกอย่างระดมสาดไปด้านหน้า สตอร์มวอร์ริเออร์เองก็เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งพร้อมกับยิงปืนในมือไปด้วย ส่วนเหล่าทหารราบก็ได้แต่เปิดเกราะพลังงานแล้ววิ่งตามฝ่าแนวยิงจากอาวุธลำแสงไปตามระเบียบ

 

และแล้วฝันร้ายก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเกิดมีเสียงทุ้มๆ ดังแว่วมาตามลม แม้มันจะฟังดูไม่เหมือนกับปืนยักษ์ที่สามารถระดมยิงทำลายทัพยานเกราะได้ทั้งกองทัพ แต่พวกเขาก็รู้ดีกว่ามันก็เป็นปืนใหญ่อยู่วันยังค่ำ และมีอีกเสียงหลายเสียงแทรกเข้ามา ทั้งเสียงวัตถุเพรียวลมมีปีกกำลังตัดผ่านอากาศเหนือหัวขึ้นไปหลายพันเมตร และเสียงเครื่องยนต์เจ็ทหลายเครื่องในระดับยอดไม้ ซึ่งไม่ทันไร อาวุธปล่อยอากาศสู่พื้นหลายนัดก็พุ่งเข้าหาสตอร์มวอร์ริเออร์ของพวกเขาจนล้มไปหลายตัวและยังมาอย่างต่อเนื่อง ทันทีทันใดนั้น เสียงเครื่องยนต์กังหันก๊าซในระดับเรี่ยพื้นดินก็ดังมาจากรอบทิศทางประกอบกับเสียงฝีเท้าอีกนับพันคู่ นั่นแปลว่า ฝ่ายเจ้าบ้านกำลังยกพลมาบดขยี้พวกเขา

 

เหล่านักรบผู้ประเสริฐแทบจะถอดใจเมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอยู่ๆ ก็มีแนวเพลิงสีน้ำเงินอมม่วงมาล้อมพวกเขาเอาไว้ นั่นคือ เหล่าจอมเวทเจ้าบ้านกำลังจะปิดประตูตีแมวพวกเขา แม้มันจะหยุดยานเกราะไม่ได้ แต่สำหรับทหารราบมันคือนรก เมื่อพวกเขาจำต้องหยุดเคลื่อนที่ ลำแสงจากแท่นปืนระวังภัยก็พุ่งระดมสาดมาจากรอบทิศอย่างหนาแน่นจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนอนหมอบราบลงกับพื้น จากนั้นกระสุนปืนใหญ่พลาสมาก็เรืองแสงสีฟ้าออกมาจากฉากหมอกด้านหลังพุ่งเข้าถล่มพวกเขาอีก สถานการณ์เลวร้ายสุดๆ ทั้งทหารราบ ทั้งรถถัง ทั้งไจโรเพลน ทั้งเครื่องบนรบ ทั้งปืนใหญ่ แล้วยังมีความสามารถของเป้าหมายของพวกเขาที่คาดไม่ถึงอีกด้วย

 

แม้ยุทโธปกรณ์ของพวกเขาจะยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่ตอนนี้สำหรับพวกเขามันแทบจะไร้ค่า เพราะได้มาเจอเข้ากับกลยุทธ์ล่อเข้ากับดัก (ในความคิดของทหารโนเบิล) แบบนี้ โอกาสชนะเดียว คือ ปาฏิหาริย์ ซึ่งก็คือ ด้านกองยานส่งกำลังเสริมฝ่าแนวป้องกันสุดแกร่งลงมาช่วยพวกเขา แต่สำหรับตอนนี้เสียงแหลมๆ ของวัตถุเพรียวลมเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันตกลงมาราวห่าฝน กระสุนปืนใหญ่ฝ่ายเจ้าบ้านตกลงกลางวงของทหารข้าศึกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว งัดร่างของพวกเขาลอยขึ้นไปในอากาศประมาณ 3-4 เมตรก่อนร่วงลงมาอย่างไร้วิญญาณ ครู่หนึ่งฝ่ายเจ้าบ้านก็ระดมยิงปืนใหญ่ของพวกเขาอีกครั้ง กองกำลังยานเกราะเองก็ร่อยหรอลงไปทุกทีทั้งจากอาวุธปล่อยอากาศสู่พื้นและลำแสงพิฆาตจากแท่งดินสอยักษ์ รวมถึงอาวุธต่อต้านยานเกราะที่เป็นปืนยิงลำแสงแมจิคเดธเรย์ขนาดจิ๋วจากทหารที่ประจำอยู่ภายในบังเกอร์บริเวณรอบๆ แท่งดินสอ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะแพ้ย่อยยับโดยที่ยังไม่สามารถจะแตะต้องเป้าหมายของพวกเขาด้วยซ้ำ

 

แต่ทันใดนั้น มันเหมือนกับปาฏิหาริย์ได้บังเกิดขึ้นแล้ว กระสุนพลังงานสีฟ้าอ่อนตกลงมาจากฟากฟ้าดับเพลิงนรกจนหมดสิ้น แล้วตามมาด้วยไจโรเพลนรุ่นพันนิเชอร์แห่งกองทัพผู้ประเสริฐ ที่ลงมาถึงก็เปิดฉากยิงถล่มไปที่แนวตั้งรับทันทีด้วยทั้งปืนเลเซอร์และปืนใหญ่พลาสมา ในขณะที่บางส่วนยิงอาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศสวนเข้าไปในฉากหมอกสีขาวโพลนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ยานโจมตีเพดานบินต่ำของฝ่ายเจ้าบ้าน ทั้งที่เป็นไจโรเพลนและเครื่องบินโจมตี จนเกิดเสียงระเบิดดังตูมตามแว่วมาจากฉากหมอกทางฝ่ายตั้งรับ เหล่านักรบที่กำลังจะหมดหวังกลับโห่ร้องเฮลั่นขึ้นได้อีกครั้งแล้ววิ่งบุกตะลุยแนวตั้งรับเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิตในขณะที่ยานลำเลียงฝ่ายตนปล่อยสิ่งที่ดูเหมือนกับตู้คอนเทนเนอร์ลงมาจากกลางอากาศโดยมีเครื่องยนต์ 4 ตัวอยู่แต่ละมุมคอยส่งแรงขับเพื่อให้เกิดความสมดุล จนเมื่อพวกมันลงมากถึงพื้นผนังด้านหนึ่งเปิดออก ทหารราบกำลังเสริมก็พลูกันออกมาและเข้าร่วมการรบในทันที

 

ในเวลาไล่เลี่ยกันรถถังแบบลอยตัว ซึ่งเป็นรถถังหลักของฝ่ายโนเบิลก็ถูกหย่อนลงมาเป็นจำนวนมาก แต่แทนที่จะบุกเข้าหาแท่งดินสอยักษ์พวกมันกลับเบนออกไปทางข้างมุ่งหน้าหาที่มาของลำแสงในระดับพื้นราบที่ยิงเข้าใส่กลุ่มทหารราบของฝ่ายตนแทนพร้อมกับยิงปืนเลเซอร์แฝดของมันไปพลาง และเมื่อกำลังเสริมรถถังสเปียร์เฮดต่างเคลื่อนไปตามเป้าหมายของพวกมันจนเหลือแต่ลานหิมะที่มีแต่พาหนะที่พากำลังเสริมลงมาจากกองยาน กล่องไม้ขีดบรรจุสตอร์มวอร์ริเออร์ก็ลงมาสมทบอีกทีเป็นส่วนสุดท้าย ซึ่งหันหลังไปเผชิญหน้ากับกำลังเสริมของฝ่ายเจ้าบ้าน แต่ในทันใดนั้นเองเสียงรัวกลองก็ดังทุ้มกังวานออกมาจากฉากหมอกขาวมัวอีกครั้ง มันพอดีกับที่กระสุนปืนใหญ่ชุดที่ 2 ร่วงลงมาแล้วไม่มีการยิงขึ้นอีก

 

“15 มานิค ถ้าเราทำไม่สำเร็จเราตาย”

 

เกิดเสียงตะโกนขึ้นแข่งกับเสียงปืนผ่านเครื่องมือสื่อสาร ซึ่งแน่นอนว่า ภายในครึ่งชั่วโมงห่าฝนมรณะจะเทกระหน่ำลงมาชะล้างพวกเขาออกไปจนหมด

 

พวกเขาต่างคิดไปว่า พวกสวะนี่มันบ้าจริงๆ ทั้งที่มีพวกเดียวกันเองอยู่แท้ๆ แต่ทำไมถึงกล้ายิงปืนมหาภัยนั่นมา แต่พวกเขาก็ลืมนึกไปว่าทำไมมันถึงยิงพวกเขาโดนภายในชุดเดียว แถมยังทำลายจนราบในชุดเดียวด้วย นอกจากนี้อาณาเขตของตำบลกระสุนปืนใหญ่ตกก็มีขนาดไม่เท่ากัน ซึ่งนั่นก็เพราะในขณะที่ดูเหมือนมันจะแค่กำหนดอย่างลวกๆ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นอาวุธความแม่นยำสูงอย่างหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะติดครีบไว้ที่หัวกระสุนทำไม ซึ่งพวกโนเบิลส่วนมากไม่ทราบในข้อนี้ เพราะคงไม่มีใครบ้าไปสังเกตว่าหัวกระสุนยักษ์เหล่านั้นติดครีบด้วยในขณะที่มันกำลังตกลงมา และคงไม่มีใครจะนึกถึงว่ามันจะนำวิถียกเว้นแต่หน่วยจีแอลและบุคคลระดับผู้บังคับบัญชาบางคนเท่านั้น

 

กองกำลังผู้ประเสริฐดาหน้าเข้าโจมตีอย่างบ้าเลือดยิ่งกว่าเก่าเพราะความกดดัน แข่งกับเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ชนะก็ตาย แม้จะไม่ถึงกับติดดาบปลายปืนประจัญบาน แต่ก็เป็นการเหนี่ยวไกยิงแบบไม่เลี้ยงและแทบจะไม่ได้เล็งแทน แต่ใช้ม่านกระสุนเข้ากดดันและทำลายฝ่ายข้าศึกในระยะประชิดแทน จนกระทั่งพวกเขาถูกซัดด้วยคลื่นเวทมนตร์อย่างต่อเนื่องจากจอมเวทหลายคนระดมร่ายกัน จนพวกเขาถูกตรึงอยู่กับที่และต้องเสียจังหวะไปไม่น้อย ฝ่ายตั้งรับกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง เพราะนอกจากเวทมนตร์ที่ถูกร่ายซัดใส่อย่างต่อเนื่องแล้วยังมีปืนของทหารราบ และลำแสงพิฆาตแบบเร่งรัดจากดินสอยักษ์ แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือ ลำแสงจากอาวุธระวังภัยรอบๆ ฐานยิงลำแสงโบราณ แต่คงไม่มีใครเอะใจว่าทำไมมันถึงได้ขาดสายไปเฉยๆ เพราะเนื่องจากรถถังสเปียร์เฮดได้บุกเข้าโจมตีแท่นปืนพวกนั้นอยู่ จนกระทั่งฝ่ายตั้งรับถูกตีโอบกระหนาบด้วยกองรถถัง

 

แนวตั้งรับถูกตีแตกอย่างรวดเร็วเพราะการป้องกันมุ่งเน้นไปทางด้านหน้าหมด ทั้งที่เป็นทหารโดยตรงและเหล่าจอมเวทที่ไม่ทันระวังตัวถูกลำแสงเลเซอร์สาดกระหน่ำสวนไปมาโดยทำมุมเฉียงขึ้นเล็กน้อยล้มตายระเนระนาด เมื่อไม่มีอะไรป้องกันทางด้านหน้าประกอบกับกำลังฝ่ายตั้งรับถูกตรึงเอาไว้หมดทำให้หัวหอกสามารถบุกเข้าโจมตีแท่นยิงลำแสงโบราณได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีปัญหาอยู่ว่าจะทำลายมันอย่างไร จนกระทั่งมีนายกองคนหนึ่งเสนอความคิดว่า

 

“จัดการยอดมันก่อน”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นอาวุธหนักทุกกระบอกที่สามารถยิงใส่ยอดของดินสอยักษ์ได้ก็เล็งและระดมยิงอย่างแข่งกับเวลา ใช่แล้วถ้าทำลายยอดมันได้ภัยคุกคามจากลำแสงมหาภัยก็จะหมดไป แต่ทว่ามันก็ไม่ง่ายแบบนั้น เพราะไม่ว่าจะระดมยิงเท่าไรมันก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย

 

“พอเถอะ ข้าว่าข้าจัดการได้ ขอลองหน่อยได้มั้ย”

 

ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังแทรกเสียงปืนขึ้นผ่านทางอุปกรณ์สื่อสาร

 

ดูเหมือนจะเป็นเสียงที่มีอำนาจปืนทุกกระบอกระงับการปล่อยกระสุนในทันทีที่สิ้นเสียง ในขณะที่จีแอลสาวที่มาของเสียงก้าวออกมาจากกลุ่มทหารราบที่ยืนแหงนหน้ามองไปยังยอดที่สูงตระหง่านของแท่นยิงลำแสงโบราณ

 

เธอมองไปรอบๆ บนพื้นเรียบๆ ที่เต็มไปด้วยร่องที่เกิดจากการเชื่อมต่อของชิ้นส่วนวัสดุต่างๆ ก่อนจะไปสะดุดอยู่กับสิ่งที่มองดูเหมือนบานประตูเพราะมันอยู่ลึกลงไปกว่าพื้นเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนจะต้องเปิดมันด้วยรหัสหรืออะไรสักอย่างหนึ่ง เธอจึงเข้าไปสำรวจแต่ก็พบว่าไม่มีพื้นที่สำหรับสัมผัสอะไรเลย ...แล้วมันเปิดด้วยอะไร... เธอคิดอย่างเป็นงง ด้วยความไม่แน่ใจเธอจึงลองกระทืบเท้าลงไปทีหนึ่ง เกิดเสียงทุ้มขึ้นมาจากเบื้องล่างแปลว่าต้องมีช่องว่างอยู่อย่างแน่นอน แล้วเธอก็เริ่มคิดอีกครั้งอย่างวิเคราะห์ ...จะกดรหัสก็ไม่เห็นมีพื้นผิวอะไรให้กด แต่ดันมีช่องว่างอยู่ด้านล่าง พวกทหารสวะมีเวทมนตร์กันทุกคน หรือว่ามันจะใช้เวทมนตร์เปิด พวกเราไม่มีเวทมนตร์ซะด้วย แบบนี้คงต้องระเบิดลูกเดียว...

 

คิดได้ดังนั้นเธอก็ชี้นิ้วขึ้นไปยังหุ่นยนต์รบตัวเท่าตึกหน่วยหนึ่งแล้วออกคำสั่งว่า

 

“เจ้า ลองยิงมาที่ข้ายืนหน่อย”

 

สั่งจบเธอก็ผละออก พลขับสตอร์มวอร์ริเออร์ก็เล็งทาบศูนย์แล้วเหนี่ยวไกยิงใส่สิ่งที่ดูเหมือนบานประตูไปนัดหนึ่งด้วยกระสุนพลาสมา

 

หลังจากการระเบิดอย่างไม่รุนแรงอะไรนัก พื้นผิวนั้นก็เผยให้เห็นทางลาดลงสู่เบื้องล่างโดยมีแสงไฟลอดขึ้นมาสลัวๆ

 

“ควีน ออฟ แอสแซซซิน ถึงทุกหน่วยข้าจะลงไปจัดการกับสนามพลังงานที่ปกป้องหอคอยนี่ให้ และข้าจะไปคนเดียว”

 

เธอสั่งการไปยังทหารผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังแล้วหันหน้าเข้าหาทางเดิน แต่ก่อนที่เธอจะก้าวลงไปก้าวแรกก็มีนายกองหญิงคนหนึ่งทักท้วงขึ้นว่า

 

“เดี๋ยว คิวโอเอ ท่านจะลงไปคนเดียวจริงๆ เหรอ อย่างน้อยก็ให้คนของข้าลงไปด้วยสัก 2 คนสิ”

 

จีแอลสาวรหัสคิวโอเอหันมามองที่ต้นเสียงแล้วส่งคำตอบให้เรียบๆ ว่า

 

“ขอบคุณในความหวังดี แต่พวกท่านทำมาพอแล้ว ต่อจากนี้ข้าแล้วก็คนที่เกี่ยวข้องจะจัดการเอง อีกอย่างคนของท่านจะเกะกะข้าเปล่าๆ ยิ่งในกรณีที่ข้างล่างนั่นมีพวกสวะมหาประลัยประจำการอยู่พวกเขาจะตายโดยไม่จำเป็น”

 

นายทหารหญิงพยักหน้าเนิบๆ อย่างเข้าใจแล้วไม่แสดงท่าทีอะไรอีก ในขณะที่คิวโอเอก้าวลงทางลาดนั้นไป พลางชักกาตาร์ใบดาบพลาสมาแฝดคู่มากระชับไว้ในมือ

 

เมื่อลงไปได้ระยะหนึ่งเธอพบว่าภายในนั้นว่างเปล่า มีแต่ทางเดินสว่างๆ และประตูที่แยกย่อยออกไปและทางเดินแยก มันทำให้เธอเป็นงงอย่างมากแต่ก็ยังคงความไม่ประมาท และที่ประตูแต่ละบานก็ไม่เห็นจะมีที่เปิดอะไรเลยนอกจากเป็นแผ่นบานประตูเรียบๆ เท่านั้น ...ทุกอย่างในนี้ควบคุมด้วยเวทมนตร์รึไงนะ... ในหัวของคิวโอเอเกิดความคิดนี้ขึ้นอย่างฉับพลัน ว่าแล้วเธอก็ถอนหายใจอย่างกลุ้มๆ เก็บกาตาร์ที่มือข้างซ้ายเข้าคลังแสงส่วนตัวไปเพื่อแลกเอาปืนใหญ่พลาสมาต่อต้านยานเกราะรุ่นมาตรฐานแสนเทอะทะ (เมื่ออยู่ในสถานที่เช่นนี้) มาถือไว้ในมือ

 

ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ภาษาที่อ่านไม่ออก มีเพียงลูกศรชี้ทางที่พึ่งอะไรไม่ได้เลย และสถานการณ์มันก็เงียบมากๆ เงียบดั่งป่าช้า เงียบจนน่าขนลุก ถึงแม้ทางเดินจะมีหลอดไฟให้ความสว่างอยู่บนเพดานก็ตาม ซึ่งถ้ามีอะไรมาไล่ฆ่าเธอตอนนี้คงจะน่ากลัวน้อยกว่า แต่นี่อะไร ขนาดปืนรักษาความปลอดภัยที่มักโผล่ออกมาจากผนังหรือเพดานก็ไม่มีสักตัว มันเกิดอะไรขึ้น จะว่าคนที่ประจำการอยู่ที่นี่อพยพหนีไปหมดแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะเธอยังคงได้ยินเสียงเสาสูงตระหง่านนั้นปล่อยลำแสงอยู่เป็นระยะๆ

 

จีแอลสาวกาตาร์คู่เดินไปตามทางเดินอย่างมั่วๆ เมื่อพบทางตันก็หันหลังกลับ และเธอจะไม่พยายามระเบิดประตูใหญ่ๆ เพราะเกรงว่าจะมีอะไรโผล่มาไล่ฆ่าเธอจริงๆ ยกเว้นแต่ประตูลิฟท์ ซึ่งมีสัญลักษณ์ที่พอจะเข้าใจได้ติดอยู่ แต่ทันใดนั้นเธอก็วูบความคิดหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ...เอ๊ะ หรือว่าเราถูกพวกมันใช้เวทมนตร์พรางตา พรางประสาทสัมผัสอยู่... เธอหันรีหันขวางอย่างกระวนกระวาย แล้วทดลองเปิดอาร์คเอนเจิลโคลกดู แต่ปรากฏว่าก็ไม่มีอะไรจะส่อว่ามีอะไรดักรอเล่นงานเธออยู่เลย ...หรือว่าจะไปกันหมดแล้วจริงๆ... เธอเริ่มคิดในแง่ดี และเริ่มจะมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ จึงยิงกระสุนพลาสมาพุ่งเป็นรถไฟระเบิดประตูลิฟท์

 

เมื่อเดินเข้าไป เธอก็เห็นมีปุ่มให้กดเป็นปุ่มสัมผัส แต่มันก็เป็นตัวเลขที่อ่านไม่ออก และเมื่อลองกดลงไปเบาๆ และแรงๆ มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ...ควบคุมด้วยเวทมนตร์... เธอเริ่มหงุดหงิด แต่ทันใดนั้นลิฟท์ก็เลื่อนวูบลงอย่างรวดเร็ว เร็วเกินไป เร็วจนไม่มีทางหนีได้ คิวโอเอติดกับเข้าให้แล้ว จนกระทั่งลิฟท์ไปค้างอยู่ที่ระหว่างชั้นล่างสุดกับเกือบล่างสุด โดยมีช่องประตูลิฟท์บนล่าง (ซึ่งเธอระเบิดมันออกไปเรียบร้อยแล้ว) เปิดโล่งอยู่ เมื่อนั้นเธอจึงเห็นทหารฝ่ายศัตรูหลากเผ่าพันธุ์ถือปืนเลเซอร์มาคนละกระบอกเดินมากันทั้งบนและล่าง ...นี่แปลว่ามันกะขังเราในลิฟท์แล้วยิงถล่มเราจากข้างนอกแต่แรกแล้วเหรอ...

 

“พวกขี้ขลาด!!!”

 

เธอตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความเดือดดาลเป็นภาษาตัวเอง

 

“ไม่มีทาง พวกสวะ”

 

ลั่นวาจาเสร็จแค่นั้นเธอก็เปลี่ยนจากปืนใหญ่พลาสมาแล้วเก็บกาตาร์อีกข้างมาเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดแล้วยิงสวนออกไปอย่างบ้าคลั่ง

 

เหล่าทหารสัญชาติฟรีแรนเซอร์ด้านล่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนต่างหลบลูกระเบิดกันอย่างโกลาหลในขณะที่บางส่วนถูกสะเก็ดระเบิดตายไปตั้งแต่ 2-3 ลูกแรก จากนั้นจีแอลสาวกาตาร์คู่ไถลตัวลงชั้นล่างไป ก่อนที่ระเบิดมือจากด้านบนจะกลิ้งเข้ามาในลิฟท์ 3-4 ลูก แล้วระเบิดขึ้นทำลายลิฟท์เปล่า

 

เมื่อคิวโอเอลงไปถึงชั้นล่างแล้วเธอพบว่ามันเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ โดยจุดที่ตัวเองนอนหมอบอยู่นั้นเป็นลานเล็กๆ พอให้คนสักโหลหนึ่งยืนจับกลุ่มกันอยู่ได้ รอบๆ เป็นบันไดลาดลงไปร่วม 30-40 ขั้น ตรงกลางห้องเป็นผลึกสีฟ้าอ่อนขนาดใหญ่รูปปีรามิดมีจอมเวทในชุดทหารสวมหมวกเบเร่ต์ติดตราสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นจอมเวท 9 คนยืนล้อมกำลังระดมร่ายเวทใส่ไปยังผลึกก้อนนั้น เมื่อร่ายไปได้ระยะหนึ่ง ที่ยอดของปีรามิดก็ส่งกระแสพลังเวทขึ้นไปยังกระเปาะทรงกลมสีเงินจนเรืองแสงสีขาวมัวๆ ในขณะที่เหนือขึ้นไปเป็นสิ่งที่ดูเหมือนกับปืนเลเซอร์ขนาดยักษ์กำลังชาร์จพลังอยู่ จากนั้นกระแสพลังเวทก็ถูกส่งขึ้นไปรวมกันอยู่ที่ฐานปืนก่อนจะเกิดเสียงดังหึ่งๆ แล้วตามด้วยเสียงแหบแหลม นั่นคือที่ยอดของดินสอยักษ์ได้ปล่อยลำแสงพิฆาตออกไปอีกครั้งแล้ว เมื่อเธอมองข้ามเหล่าจอมเวทพวกนั้นไปก็มีบันใดที่นำถึงสู่ลานเล็กๆ แบบเดียวกับที่เธออยู่ในตอนนี้ เพียงแต่ลิฟท์ที่ลงมามีทหารจากด้านบนลงมาสมทบ ในขณะที่ประตูลิฟท์กำลังจะเปิดออก จีแอลสาวกาตาร์คู่ก็แก้ปัญหาด้วยการเล็งยิงเครื่องยิงลูกระเบิดในท่านอนหมอบ เพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น

 

ลูกระเบิดลูกแรกพุ่งลอยโค้งน้อยๆไปยังฝั่งตรงข้ามผ่านยอดปีรามิดและใต้ฐานปืนเลเซอร์ไป สวนเข้าประตูลิฟท์อย่างแม่นยำ ก่อนตามด้วยลูกที่สองอย่างสวยงาม

 

ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง มีแต่เสียงระเบิด เศษเนื้อ และเลือดที่กระเด็นปะปนสับสนกันออกมาจากช่องลิฟท์ ในตอนนั้นเองเหล่าทหารที่หลบลูกระเบิดชุดแรกไปต่างก็เผยตัวออกมาจากที่กำบังแล้วเริ่มระดมยิงใส่คิวโอเอ เธอจึงต้องสปริงตัวม้วนหลบไปจนชิดผนังด้านหลัง และในขณะนั้นเองจอมเวท 3 คนก็ผละออกจากการชาร์จพลังเวทแล้วหันมาร่ายเวทโจมตีใส่เธอแทน เริ่มด้วยคลื่นน้ำที่ซัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณีหวังจะซัดเธอให้ลงมาจากตรงนั้นแล้วตกเป็นเป้าของปืนทหารราบ แล้วคิวโอเอก็ถูกซัดตกลงมาจริงๆ

 

...เปิดยูแอมพ์ส...

 

คิวโอเอคิดในใจ ก่อนจะเกิดกระแสอากาศกระเพื่อมขึ้นมารอบตัวเธอ พลางก็ชักกาตาร์คู่ออกมาอีกครั้ง แล้วพุ่งตรงเข้าเล่นงานทหารราบเผ่าฮ็อบบิทที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยกาตาร์ที่มือขวาก่อนใช้มือซ้ายคว้าคอยกขึ้นมาบังกระสุนแล้วทุ่มใส่จอมเวทเผ่าสมิงคนหนึ่ง แล้วเหยียดแขนซ้ายตรงปล่อยคลื่นสายพลาสมาออกไปจากกระบอกปืนที่ติดอยู่คร่าชีวิตทหารราบอีก 2 คน ในขณะที่พุ่งตัวใส่จอมเวทที่เสียจังหวะเพราะถูกทุ่มด้วยร่างไร้ชีวิตของทหารฮ็อบบิท ก่อนใช้กาตาร์มือขวาแทงเข้าหัวใจอย่างว่องไวในขณะที่ใช้ร่างของเหยื่อบังกระสุนก่อนกระแทกออกไปเปิดทางให้ปืนพลาสมาที่ติดกับกาตาร์มือขวาลั่นกระสุนรัวยิ้กใส่จอมเวทตรงหน้าที่ไม่ทันตั้งตัว แล้วกราดไปทั่วอย่างหวังให้เสียจังหวะในขณะที่เข้าประชิดทหารที่เป็นโทรลเสียบกาตาร์ที่มือซ้ายเข้าที่พุงอย่างแม่นยำ แล้วใช้ร่างนั้นบังกระสุนอีกครั้ง

 

จอมเวทอีก 6 คนเห็นท่าไม่ดีจึงต้องผละออกจากหน้าที่ร่วมกันเล่นงานคิวโอเอด้วย เริ่มจากก้อนน้ำแข็งขึ้นรูปเป็นลิ่มที่เย็นมากจนมีไอลอยออกมาพุ่งเข้าใส่ไวปานกระสุนทิ้งหางยาวเป็นทางดูสวยงาม ส่วนอีกคนก็ปล่อยสิ่งที่ดูเหมือนลูกบอลพลังงานสีดำทมิฬ คิวโอเอนำจับร่างของโทรลตัวใหญ่ที่ยังไม่ตายด้วยซ้ำมารับผลึกน้ำแข็งนั้นได้อย่างทันท่วงที แต่ก็ต้องปล่อยและผละออกด้วยความตกใจเมื่อผลึกน้ำแข็งนั้นกระทบแล้วแตกกับแผ่นหลังของทหารโทรล ร่างที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็สิ้นลมหายใจในบันดลเมื่อถูกแช่แข็งทั้งเป็นก่อนล้มคว่ำลงกระแทกพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็ยังเหลือลูกบอลสีดำทมิฬนั้น แม้มันจะลอยมาอย่างช้าๆ แต่มันก็ดูรุนแรงมาก จีแอลสาวกาตาร์คู่จึงยืนรับทดสอบอุปกรณ์ซะเลย ผลที่ได้น่าพอใจมาก ลูกบอลนั้นเข้าปะทะกับตัวเธออย่างจังก่อนคลายออกห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ดั่งชุดแนบเนื้อที่แน่นจนเห็นรายละเอียดบนร่างกาย (ชุดรบ) ทุกส่วน แต่ก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

 

ปรากฏการณ์นั้นสร้างความตกตะลึงให้กับทหารฝ่ายเจ้าบ้านจนชะงักไปเล็กน้อย เป้าหมายต่อไปคือเอลฟ์และออร์คหน้าอ่อนที่ถูกเสียบเข้าที่หน้าอกทั้งคู่พร้อมๆ กัน คิวโอเอเลือกซัดร่างของเอลฟ์หนุ่มกระเด็นออกไปชนกับกลุ่มจอมเวททางด้านขวาแล้วใช้ร่างของทหารออร์คบังกระสุน ในขณะที่มือขวาสาดกระสุนพลาสมาคร่าชีวิตจอมเวทไปอีก 3 คนอย่างง่ายดาย ส่วนที่เหลือสามารถกางกำแพงเวทต้านไว้ได้อย่างทันท่วงที

 

ด้วยยุทธวิธีโล่มนุษย์ ซึ่งจีแอลสาวกาตาร์คู่ต้องทำเพราะความจำเป็นแม้มันจะขัดกับแนวคิดของเผ่าพันธุ์ของตนมากขนาดไหนก็ตาม จึงทำให้ลำแสงเลเซอร์จากปืนทหารราบยิงใส่เธอไม่ได้ผลแม้แต่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนเป็นการระดมยิงเวทใส่แทนเป็นอีกทางเลือกที่ฝ่ายเจ้าบ้านได้เปรียบผู้มาเยือน

 

แต่แม้จะเปลี่ยนไปใช้เวทมนตร์แทนปืนมันก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก เพราะเมื่อคิวโอเอซัดร่างของทหารออร์คออกไป เธอก็กวาดแขนทั้งสองข้างสวนทางกันพลางปล่อยกระสุนพลาสมาออกไปพร้อมๆ กัน ทั้งเป็นการลดจำนวนศัตรูและทำให้เสียจังหวะ ก่อนพุ่งเข้าหาจอมเวทมนุษย์พร้อมกับเสียบกาตาร์อย่างเร็วแล้วผละออกไปหาทหารราบก็อบลิน เสียบแล้วทุ่มใส่จอมเวทตรงหน้าที่กำลังจะตั้งตัวได้ ก่อนกวาดแขนซ้ายพร้อมปล่อยสายพลังงานพลาสมากวาดไปอีกครั้งเพื่อทำลายจังหวะในขณะที่พุ่งเข้าใส่จอมเวทตรงหน้าที่เสียจังหวะแทงกาตาร์ขวาเข้าที่หัวใจ พร้อมๆ กับยกขาซ้ายถีบจอมเวททางซ้ายที่พุ่งเข้ามาพร้อมดาบเวทสายฟ้า ก่อนควักปืนพกเลเซอร์แบล็คไลท์ออกจากคลังแสงยิงเข้าแสกหน้าแบบไร้เสียง ส่วนจอมเวทอีกคนก็บินขึ้นให้พ้นจากการโจมตีระยะประชิด ปล่อยให้ทหารราบจัดการ

 

คิวโอเอยกร่างของจอมเวทก็อบลิน ซึ่งเป็นศพจอมเวทศพที่ 7 มาบังเวทมนตร์โจมตีจากทหารราบ ในขณะที่ลูกไฟ 5 ลูกร่วงลงมาจากด้านบน เธอโยนร่างนั้นทิ้งทันที ก่อนกวาดแขนขวาพร้อมสาดกระสุนพลาสมาใส่ทหารราบอีกครั้ง แล้วพุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้าหาทหารเผ่าครึ่งหมีแล้วเสียบเข้าให้แล้วใช้ร่างนั้นเป็นโล่

 

ในขณะที่เธอกำลังเมามันอยู่รึเปล่าก็ไม่ทราบได้ แต่จีแอลสาวกาตาร์คู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง แล้วลูกปืนยักษ์เหล่านั้นล่ะ

 

“ควีน ออฟ แอสแซซซินถึงทหารทุกนาย เข้ามาหลบในฐานใต้ดินก่อน ข้ารับรองว่าปลอดภัยแน่นอน พวกที่ขับยานพาหนะภาคพื้นดินให้สละยานแล้วเข้ามาหลบรวมกัน”

 

สั่งไปแค่นั้น โดยไม่รอคำตอบคิวโอเอก็ลุยต่อทันที เธอวิ่งไปทั้งที่กาตาร์ยังเสียบอยู่ที่ร่างของทหารครึ่งหมีแบบตำรวจถือโล่ลุยฝูงชน ก่อนผลักให้กระเด็นออกไปชนกับทหารดาร์คเอลฟ์ในขณะที่มือขวาชักปืนพกเลเซอร์แบล็คไลท์ ทำท่าเหมือนจะควงอย่างเมามันแต่ก็แค่เหวี่ยงขึ้นมากระชับในมือเท่านั้นแล้วยกขึ้นเล็งยิงสวนเวทมนตร์หอกแสงเข้าแสกหน้าจอมเวทโทรลที่บินขึ้นไปอย่างแม่นยำจนร่วงลงมาอย่างไร้ชีวิต ในขณะที่มือซ้ายกวาดกระแสพลังงานพลาสมาใส่ทหารราบตรงหน้าเสียชีวิตแล้วต่อไปยังทหารราบที่ยังเหลืออีก 2 คน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังร่ายเวทเธอก็เก็บกาตาร์ในมือซ้ายแล้วควักปืนพกเลเซอร์แบล็คไลท์ขึ้นมาอีกกระบอก แล้วยกเล็งยิงทั้งสองกระบอกเข้าแสกหน้าพร้อมๆ กัน เมื่อจัดการเสร็จเธอก็หอบออกมาด้วยความอิดโรย ผสมกับอดรีนาลีนที่ฉีดพล่าน

 

แม้คิวโอเอจะสามารถจัดการกับทหารที่ประจำอยู่ในฐานยิงลำแสงโบราณทั้งหมดได้สำเร็จ แม้จะไม่มีเวทมนตร์ที่เหล่าจอมเวทระดมใส่ แต่ปืนเลเซอร์ยักษ์ก็ยังคงยิงได้อยู่ ...ควบคุมจากระยะไกลเหรอ... จีแอลสาวกาตาร์คู่คิด

 

“ร้อยเอกหญิง เลน่า คอร์นีย์ ถึงควีน ออฟ แอสแซซซิน ทหารทั้งหมดอพยกเข้ามาในฐานใต้ดินแล้ว”

 

ว่าแล้วนายกองหญิงก็ติดต่อเข้ามา คิวโอเอถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะที่รับรู้ถึงคลื่นแผ่นดินไหวจากลูกปืนยักษ์ติดครีบที่ตกลงมา มันสะเทือนไปทั้งอาคาร ...อะไรจะขนาดนั้น... จีแอลลสาวกาตาร์คู่คิดอย่างชื่นชมกึ่งสพรึง ไม่ต้องนึกถึงว่ายานรบที่สละไว้ภายนอกจะเป็นอย่างไร ถ้าลูกปืนยักษ์เหล่านั้นสามารถส่งแรงสะเทือนเข้ามาได้ถึงชั้นล่างสุด ชื่อมันช่างเหมาะสมเหลือเกิน ‘ปืนใหญ่สัตฺว์ประหลาด’ มันเป็นเหมือนดั่งสัตฺว์ประหลาดจริงๆ ทั้งเสียงระเบิดส่งหัวกระสุนที่ดังสนั่นหวั่นไหวกังวานไปไกลจนน่าขนลุกเพียงแค่ได้ยิน ทั้งลูกกระสุนที่มันยิงออกมา ซึ่งใหญ่จนเหลือเชื่อ และเมื่อมันตกลงมาก็ยังกับสัตฺว์ประหลาดกำลังคำรามและกระทืบเท้าไปพร้อมๆ กัน และผลหลังจากการยิงถล่มแต่ละครั้ง มันหายนะชัดๆ หรือจะเรียกว่าหายนะยังน้อยไปด้วยซ้ำ

 

เมื่อนึกดูมันทำให้คิวโอเอเกิดความสยองขึ้นในใจไม่น้อย มาถึงเรื่องเป้าหมายหลัก แล้วเธอจะทำอย่างไร แต่แล้วก็เกิดนึกขึ้นได้ว่ามีกลอรี่ลิเบอเลเทอร์อีก 3 นายประจำอยู่ในพื้นที่นี้ ว่าแล้วเธอจึงลองถามขึ้นไปยังนายกองที่อยู่ชั้นบนว่า

 

“ควีน ออฟ แอสแซซซิน ถึงทหารทุกนาย ข้าอยากจะถามอะไรหน่อย พื้นที่นี้มีหน่วยกลอรี่ลิเบอเรเทอร์อีก 3 นายประจำอยู่ใช่มั้ย”

 

เงียบไปครู่ ก็มีเสียงของนายกองชายกลางคนคนหนึ่งดังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างเป็นกังวลว่า

 

“ใช่ครับ แต่ว่าตอนนี้พวกเราขาดการติดต่อกับพวกเขา ตั้งแต่ได้ยินเสียงปืนยักษ์ของพวกสวะก่อนชุดสุดท้ายพวกเขาก็ขาดการติดต่อไปเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ไหน”

 

คิวโอเอสบถออกมาเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนติดต่อสั่งความขึ้นไปว่า

 

“ข้าขอเวลาไม่เกิน 15 มานิค แล้วจะตามขึ้นไปสมทบ เลิกกัน”

 

พูดจบเธอก็เปลี่ยนเป็นปืนพลาสมาขึ้นมาถือในมือขวา และเครื่องยิงลูกระเบิดขึ้นมาถือในมือซ้ายแล้วเดินไปนั่งพิงบันได เริ่มแรกเป็นการเหนี่ยวไกกระหน่ำยิงไปที่ผลึกปีรามิดแบบไม่เลี้ยงจนมันแหลกเละไป ซึ่งต้องใช้กระสุนเยอะเหมือนกัน จากนั้นเธอก็แหงนขึ้นไปเล็งยังปืนเลเซอร์ยักษ์แล้วระดมยิงอีกครั้ง จนกระทั่งลูกระเบิดหมดกล่อง จึงหยุดแล้วเปลี่ยนชุดกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด ก่อนเริ่มระดมยิงต่อ จนฐานปืนเลเซอร์นั้นพังแหลกเละ จากนั้นเธอจึงหันไปหาแผงควบคุมรอบๆ ...นั่นคงจะเป็นอย่างเดียวที่ไม่ใช้เวทมนตร์ควบคุม... จีแอลสาวปืนโตคิดในใจ ก่อนเริ่มกระหน่ำยิงไม่เลี้ยงจนโต๊ะคอนโซลนั้นพังเละไปหมด แล้วยังขาดอะไรอีก ...แหล่งพลังงานไง... แต่ทว่ามาคิดอีกที ...ถ้าฐานนี่สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ ทำไมจะจ่ายพลังงานจากระยะไกลไม่ได้...

 

เมื่อเสร็จสิ้นการทำลายจากภายใน คิวโอเอก็มองหาทางออก ซึ่งเธอได้พบกับบานประตูที่อยู่ระหว่างกลางโต๊ะคอนโซล 2 ทั้งข้าง จึงได้ลองระเบิดมันออกดู แล้วก็ได้พบกับบันไดหนีไฟ ต่างกันแค่บันไดหนีไฟปกติจะลงข้างล่าง แต่สำหรับที่นี่มันขึ้นด้านบน เพราะเป็นอาคารใต้ดิน จีแอลสาวปืนโตไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปสมทบกับพรรคพวกด้านบนทันที

 

ไกลออกไปจากพื้นที่ปฏิบัติการ 7 กิโลเมตรเศษ มีบ้านร้างตั้งอยู่โดดเดี่ยวหลังหนึ่ง ล้อมรอบด้วยป่าที่มียอดไม้สูงกว่าตึก 5 ชั้น เป็นที่แปลกมากที่ไม่มีกองทัพฟรีแรนเซอร์หรือกองทัพใดๆ ของเอไพด์เมียร์ป้วนเปี้ยน หรือแม้แต่มีทหารหลงทางเข้ามาใกล้เลย ภายในมีเสียงพูดคุยกันของคนสองคนชายหญิงคู่หนึ่ง เป็นภาษาของชาวเอไพด์เมียร์อย่างชัดถ้อยชัดคำ

 

“ขอบคุณท่านมากที่ช่วย”

 

เป็นเสียงของฝ่ายหญิง คาดคะเนอายุได้ราวๆ เกือบ 30 ถ้าเป็นมนุษย์

 

“ยินดีเสมอ พวกเราอยู่เพื่อช่วยพวกคุณอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาโอกาสมันไม่เหมาะ”

 

เสียงฝ่ายชายพูดขึ้นบ้าง เป็นเสียงห้าวๆ ของวัยพอๆ กัน

 

“แล้วพวกนั้นล่ะ”

 

ฝ่ายหญิงถาม

 

“พวกขี้ขลาดนั่นน่ะเหรอ ซ่อนตัวอยู่ พวกเราก็เหมือนกัน”

 

ฝ่ายชายตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวนิดๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ปรับเป็นปกติ

 

“แหล่งพลังเวทมหาศาลหายไปแหล่งหนึ่ง ท่าทางจะเป็นหมายเลข 2”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา