Prisoner Of Love [Yaoi]

8.3

เขียนโดย lieboy

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 19.48 น.

  1 ตอน
  14 วิจารณ์
  10.39K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) Prisoner Of Love : 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

 

 

ตอนที่ 1

 

 

 

สิ่งที่เรียกว่ารัก

บางคนอาจจะใช้เวลานานในการค้นพบ

บางคนอาจจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที

ความรัก จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตในเวลาใดนั้น

ก็ไม่มีใครจะสามารถรับรู้ได้

สิ่งที่เรียกว่ารัก จึงน่าตื่นเต้น และท้าทาย

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

....บนโลกกลมๆ ที่แสนกว้างใหญ่ มีเรื่องให้น่าประหลาดใจและมหัศจรรย์อยู่เสมอ....

 

.

.

.

 

ไม่มีใครรับรู้สถานการณ์ได้ก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง....?

นั้นทำให้ชีวิตของคนเรามีความน่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา

อย่าประมาท!!! บางทีสิ่งที่ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นกับคุณก็ได้....

 

.

.

.

 

เคร้ง เคร้ง เคร้ง ฉึก!!

ร่างบางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดาบในมือแทงร่างของฝ่ายตรงข้ามแล้วเขาก็ขยับตัวถอย พยายามหาช่องทางในการทำคะแนน อีกฝ่ายก็ขยับหลบก็จ้องจะทำคะแนนเช่นเดียวกัน ร่างบางกัดริมฝีปากนิดๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นพยายามหาช่องว่างของศัตรูอย่างใจเย็น มือเล็กตวัดดาบยาวในมือเพื่อหลอกล่ออีกฝ่ายให้ตามมา ริมฝีปากกลีบกุหลาบนั้นกระตุกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวตามที่เขาหลอกล่อมา

เคร้ง! เคร้ง!

มือเรียวเล็กกำด้ามดาบกระชับแน่น แล้วก้าวขาออกไปข้างหน้าอีกนั้นก็ตวัดดาบแทงไปกลางลำตัวของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เสียงเฮดังขึ้นจากฝ่ายเพื่อนๆ ที่ดีใจเมื่อคะแนนชนะขาดรอย ทั้งสองโค้งให้กันอย่างมีมารยาทแล้วเดินลงมาจากสนามแข่ง ร่างบางในชุดขาวถอดมาร์กหน้ากากออก เขาโบกมือพัดลมเข้าใบหน้าหวานซึ้งนั้น เพื่อนๆ ของเขาก็เดินเข้ามาแสดงความดีใจด้วย ร่างบางยิ้มรับ

“โห~ ชนะโว้ย!! ไอ้ฟรังก์ โคตรสุดยอดเลยวะ!!!”

มือเรียวเล็กเสยผมขึ้น ผมดำยาวสยายคลอเคลียใบหน้าหวานเกินหญิงของเจ้าตัว ฟรังก์หรืออนพัชร เทพเจริญศิริ หนุ่มผู้ไร้ที่ติและเป็นผู้ถูกนิยมชมชอบจากเหล่าผู้คนมากมาย ไม่ว่าใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติ รูปร่างบางเพรียวแทบจะปลิวไปกับลมที่พัดมาเบาๆ ฐานะทางบ้านที่ร่ำรวย การศึกษาที่ดีเลิศ เขาเป็นบุคคลที่ไร้ที่ติจริงๆ!! รอยยิ้มหวานโปรยไปทั่ว ดวงตากลมโตน้ำตาลอ่อนราวกับลูกทรายเป็นตัวน้อยๆ จับจ้องที่หญิงสาวแสนน่ารักที่เดินเข้าแสดงความดีใจกับเขาด้วย ฟรังก์ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เขาเดินแหวกเหล่าเพื่อนที่ส่งเสียงดีใจมาที่หญิงสาวร่างเล็ก

“ขอบคุณนะเฟย์ที่มาเชียร์ผมน่ะ ผมถึงได้มีกำลังใจมากขนาดนี้”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและหวานใส เขายิ้มให้แก่หญิงสาวที่รับยิ้มอย่างเขินอาย เสียงโห่จากเพื่อนๆ ทำให้ฟรังก์หันไปชี้ปลายดาบไปหาต้นเสียงนั้น

“พวกแกหุบปากไปเลยเฟ้ย!!”

“โห~!!! ไอ้ฟรังก์ม่อสาวอีกแล้วโว้ย!!!”

“เอ่อ! วันนี้พวกแกไปกินเลี้ยงกันเองล่ะกัน ส่วนฉันจะไปกับเฟย์โว้ย”

“เฮ้ย! ฟรังกี้นายจะทิ้งฉันได้ไงวะ ไอ้เพื่อนเลว!!”หนุ่มร่างเพรียวสูงโปร่งเดินแหวกฝูงชนเข้ามาเอ่ยกับเพื่อนสนิทของเขา ใบหน้าหวานคมคายออกไปแนวแขกนิดๆ ผิวแทนหน่อยๆ จ้องหาเรื่องฟรังก์ ฟรังก์ทำเสียงในลำคอนิดๆ อย่างไม่พอใจ

“ไอ้ปอนด์ ไม่ต้องเลย! แกไปกับพวกไอ้ดอลลาร์ก็ได้นิฟ่ะ!!”

“ได้ไงวะ วันนี้ป๋านายบอกให้ลากนายกลับบ้านให้ได้ อย่างไงนายก็ต้องกลับบ้านโว้ย!!”ปอนด์เอ่ยยื่นคำขาดให้กับเพื่อนของเขาที่อยู่ในฐานะเจ้านายไปด้วย ปอนด์เป็นลูกแม่นมของฟรังก์ เขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของฟรังก์ นั้นทำให้เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าหนุ่มหน้าหวานโคตรสำอางคนนี้ ฟรังก์ทำหน้าเหยเกเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงบิดาของตน หนุ่มหน้าสวยทำเสียงจิ๊จ๊ะ

“จิ๊! เออๆ ก่อนอื่นขอไปส่งเฟย์ก่อนนะโว้ย”

...จากนั้นเขาคนนี้ก็จะชิ่งหนี วะฮ่าๆๆๆ...

“ไม่ได้!! นายจะใช้โอกาสนี้ชิ่งหนีล่ะสิ”ปอนด์เอ่ยอย่างรู้ทันความคิดอันชั่วร้ายของอีกฝ่าย หญิงสาวที่เป็นต้นเหตุการต่อเถียงของเพื่อนรักสองหนุ่มก็เงยหน้ามองร่างสูงกว่าตัวเธอแล้วเอ่ยเสียงหวานหยด

“ฟรังก์ ไม่ต้องไปส่งเฟย์ก็ได้ค่ะวันนี้ แต่พรุ่งนี้ต้องไปดินเนอร์กับเฟย์นะ อย่าลืม”

“ได้เลยเฟย์ ขอบคุณนะฮันนี่~ จุ๊บ!”ฟรังก์เอ่ยหวานกลับแล้วก้มหอมแก้มนุ่มของอีกฝ่าย หญิงสาวยิ้มตาหยีแล้วเดินออกไปจากกลุ่มหนุ่มๆ ปอนด์ทำหน้าเอือมระอากับอาการสวีทหวานของเจ้านายตน ไม่นานเสียงมือถือของฟรังก์ดังขึ้น มือเรียวเล็กก็ล้วงขึ้นมารับสาย ใบหน้าสวยยิ้มกว้างทันที

“โอ้~ มายเดียร์! คิดถึงสิครับ แหม~ ใครจะไม่คิดถึงคนสวยอย่างคุณล่ะ....”

นั้นไง!!!!

พออีกคนเดินจากไปก็มีอีกคนเข้ามาทันที!! สมกับที่ได้ชื่อว่าฟรังกี้ไอ้เสือสำอางจริงๆ!! ปอนด์ส่ายหน้าไปมาแล้วมองเพื่อนในกลุ่มที่เดินเก็บข้าวของตะโกนนัดกันไปฉลองกับชัยชนะของเจ้าคนที่กำลังพูดหวานกับสาวอยู่ หนุ่มร่างเล็กแสนจะน่ารักวิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

“ยินดีด้วย~ ชนะนี่น่า!!”

“ฉันไม่ได้ชนะสักหน่อย นู้น~ ไอ้คนที่กำลังม่อสาวอยู่นู้น!! ไปพูดกับมันสิ!”ปอนด์เอ่ยอย่างหงุดหงิดแล้วเขาก็สะบัดผมสีเข้มไปมา ดอลลาร์ยิ้มกว้างแล้วหันไปมองเพื่อนของเขาที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ดอลลาร์หันมามองเพื่อนหนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามายืนข้างๆ เขา หนุ่มร่างสูงใบหน้าหวาน ดวงตาคมใต้กรอบแว่นใส

“ยูโรจะไปบ้านฟรังก์ไหม?”

“อืม”ยูโรหนุ่มแว่นพยักหน้าตอบ ปอนด์มองเพื่อนของเขาแล้วก็เดินไปลากอีกหนุ่มให้เดินออกไปเพื่อกลับบ้าน กลุ่มหนุ่มสุดฮอตก็เดินออกไปจากโรงยิม เหล่าหนุ่มๆ ที่ยังอยู่ในยิมนั้นมองตามทั้งสี่คนแล้วยิ้มเคลิ้มๆ ออกมา สี่หนุ่มเป็นที่นิยมชมชอบมากในมหาวิทยาลัย ลับหลังจากสี่หนุ่มพวกเขาถูกเรียกว่า จัตุนางฟ้า กลุ่มของพวกเขาประกอบไปด้วยหนุ่มหน้าหวานทั้งสี่คน

ฟรังก์ หรือ อนพัชร เทพเจริญศิริ หนุ่มตระกูลผู้ดีไฮโซ ที่มีหน้าหวานซึ้งสวยเกินผู้หญิงเสียอีก แต่ตัวเจ้าก็ไม่เคยชอบใจที่ใครๆ จะบอกว่าตัวเองนั้นสวยขนาดไหน เขามักจะไม่พอใจเมื่อได้ยินคำนั้นและไม่เคยยอมรับซะด้วย เจ้าหนุ่มยังมีนิสัยเพลย์บอยตัวอันตรายของผู้หญิงอีกต่างหาก เขาป๊อบในหมู่ผู้หญิงยิ่งไปกว่านั้นในหมู่ผู้ชายเขาก็เป็นนางฟ้าในฝันเชียวล่ะ แต่ที่ไม่เห็นผู้ชายเข้ามาแวะเกี่ยวข้องกับเขานั้นเป็นเพราะเขาไม่ชอบและพาลจะเกลียดเสียด้วย จึงไม่มีผู้ชายคนไหนจะเข้ามาจีบเขาแบบตรงๆ เสียที

ปอนด์ หรือ ธเนศพล เทพเจริญศิริ เป็นลูกบุญธรรมของพ่อฟรังก์ตั้งแต่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ปอนด์เป็นเพื่อนกับฟรังก์และเป็นพี่เลี้ยงกลายๆ ไปด้วย เขาดูแลฟรังก์และรู้จักทุกๆ อย่าง คนที่เขาห่วงที่สุดก็คือฟรังก์นั้นเอง ปอนด์ที่มีสมองคิดเรื่องผลประโยชน์ กำไรเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะดูแลทุกๆ เรื่องของฟรังก์เป็นอย่างดี เขากลายเป็นเงาตามตัวฟรังก์และคนอื่นๆ จะชอบเรียกเขาว่า ‘เซบาสเตียน’ ของฟรังก์ ด้วยใบหน้าหวานคมก็มีสาวๆ และหนุ่มๆ เข้ามาแวะเวียนอยู่เสมอ แต่ปอนด์ก็ไม่เคยจริงจังกับใครสักคน

ดอลลาร์ หรือ จิรภัทร เทพสุวรรณ หนุ่มน้อยหน้าใสที่มีดีกรีความน่ารักเต็มพิกัด หนุ่มผู้สดใส ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นมิตรกับทุกคนและมีน้ำใจ เห็นใจคนอื่นอยู่เสมอ หนุ่มน้อยหน้าใสคนนี้เป็นเสมือนเทวดาตัวน้อยๆ ของทุกๆ คนเลยทีเดียว ครอบครัวของดอลลาร์เป็นศิลปินระดับแนวหน้าของวงการ

ยูโร หรือ จารุภัทร วงศ์ปราชญ์ หนุ่มแว่นหน้าสวยคนนี้ เขาเป็นคนที่ชอบหนังสือ และเป็นคนที่นิ่งเงียบ ไม่ค่อยพูดจาสักเท่าไร เขาเป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอ มักจะมีความคิดดีๆ และเป็นคนวางแผนต่างๆ ในกลุ่มอีกด้วย

ทั้งสี่หนุ่มเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน โดยเฉพาะฟรังก์ที่แทบจะเป็นบุคคลที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เขาเดินไปที่ไหน ที่นั้นก็จะกลายเป็นที่สว่างไสวและเต็มไปด้วยผู้คน และเพื่อนอีกสามคนรักฟรังก์มากและเป็นห่วงเพื่อนคนนี้เสมอ เพราะฟรังก์คือคนที่ดึงพวกเขาไม่ให้จมไปสู่ความมืดมิดของสังคมนั้นเอง

 

“อ่า...แย่ชะมัดยากเลยว่ะ อะไรกันวะเนี่ย ป๋าให้ฉันทำอะไรอยู่ว่ะ!!! อ๊ากกกก!!!”ฟรังก์กำลังบ่นบิดาของตัวเองที่กลับเข้ามาบ้านก็โยนเอกสารอะไรก็ไม่รู้ให้เขาทำทันที ไม่น่ากลับมาเลย เขาไม่น่ากลับมาเลย!! ฟรังก์กัดฟันกรอดพร้อมกับอ่านเอกสารนั้นแล้วเซ็นชื่อตัวเองกำกับไปด้วย ดวงตากลมดุจทรายนั้นจ้องปอนด์เขม็ง

แก ไอ้ตัวการ!!!

“จะบ่นทำไม นั้นก็งานของนายเองนะ”

“ไม่รู้โว้ย!!! ยูโรแบ่งไปทำช่วยดิวะ!!”ฟรังก์หัวเสีย เขาเริ่มโยนงานไปให้หนุ่มแว่นที่อ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงียบๆ ยูโรปิดหนังสือลงแล้วเดินเข้ามาช่วยฟรังก์ทำงาน ฟรังก์ทำหน้าซาบซึ้งพระคุณของเพื่อนเหลือหลาย

“ขอบใจว่ะ”

“...”ยูโรเปรยตามองหน้าสวยนั้นแล้วกลับมาอ่านเอกสารนั้นต่อโดยไม่เอ่ยอะไร ดอลลาร์นั่งทานขนมที่ปอนด์ยกขึ้นมาให้คุณชายของตนแต่ก็นั่นแหละ คุณชายของบ้านนี้กำลังหัวปั่นเพราะเอกสารกองโตนั้นอยู่ ปอนด์หยิบดินสอขึ้นมาแล้วช่วยงานฟรังก์เช่นเดียวกัน พวกหนุ่มๆ ก็ทำงานกันไปเงียบๆ

“อ่ะ... ฉันจะไปหาอะไรอ่านหน่อยนะ”ดอลลาร์เอ่ยทำลายความเงียบลง ฟรังก์ผงกหน้าขึ้นมาแล้วพยักหน้า หนุ่มน้อยหน้าใสก็เดินไปหาหนังสือที่ชั้นหนังสือขนาดใหญ่และมากมายในห้องสมุดนี้ห้องสมุดแสนจะโบราณกาลในคฤหาสน์ทรงฝรั่งเศส หนุ่มน้อยค้นหนังสือไปเรื่อยๆ สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับกระจกโบราณขนาดใหญ่ ดอลลาร์เดินไปดูอย่างสนใจ กระจกที่สลักอย่างสวยงาม มันดูสวยและน่ากลัวด้วยความเก่าแก่ของมันเอง

“เฮ้! ดอลลาร์ได้เวลากินข้าวแล้ว ทำอะไรอยู่วะ?”ฟรังก์เดินเข้ามาตามเพื่อนของเขาที่หาหนังสืออ่านซะนาน เวลาล่วงเลยมาถึงเวลาทานอาหารมื้อเย็นแล้ว ร่างบางของฟรังก์เดินมายืนที่หน้ากระจกโบราณนั้นที่เพื่อนของเขากำลังมองดูอยู่

“กระจก?”

“ใช่ สวยดีนะ”ดอลลาร์เอ่ยเสียงสดใสเช่นเคย ฟรังก์เคล้งศีรษะไปมาแล้วจับแขนของเพื่อนหนุ่มให้เดินออกไป สนใจอะไรกับอีแค่กระจกเก่าๆ บานเดียวนี่กัน!! ฟรังก์ดันหลังเล็กๆ ของเพื่อนออกไป เขาเดินผ่านกระจกบานใหญ่นั้นไปแล้วฟรังก์ก็หันกลับมาดูมันอย่างรวดเร็ว ภาพเมื่อสักครู่นี้ทำให้เขาตกใจ ฟรังก์เหลือบมองดอลลาร์ที่ไม่มีอาการใดเพียงแค่หันมามองเขาอย่างงงๆ ฟรังก์ยิ้มออกมาแล้วดันหลังดอลลาร์เดินออกไปจากห้องสมุดนั้นอย่างสงสัยอยู่เงียบๆ

สงสัยจะตาฟาดไปเองแฮะ....

ภาพที่ฟรังก์เห็นนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่สวมชุดที่คล้ายๆ ของจักรพรรดิจีนเดินผ่านกระจกบานนั้นไปพร้อมกับพวกเขา ใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรนั้นเอียงมามองพวกฟรังก์เล็กน้อย ดวงตาสีเหล็กกล้าคมกริบที่แสนจะเย็นชานั้นเปรยหางตามองมาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเดินออกไปทำให้ไม่เห็นภาพนั้นอีก

 

“นี่ๆ คิดว่ามีอีกภพหนึ่งที่ต่างจากโลกของเราซ่อนอยู่ไหม?”เสียงสดใสของดอลลาร์เอ่ยถามเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งอยู่ในหอสมุดขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ปฏิกิริยาของเพื่อนแต่ละคนของดอลลาร์นั้นช่างต่างกันเหลือเกิน ฟรังก์ที่กำลังคิดเกี่ยวกับรายงานอยู่นั้นชะงักมือที่กำลังหมุนปากกาเล่นทำตาโต ปอนด์ที่กำลังกินขนมอยู่ชะงักมืออ้าปากเหวอ ส่วนยูโรนั้นทำหน้านิ่งเช่นเคย

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”

“เปล่า ก็แค่แปลกใจ ที่จู่ๆ พูดอะไรแบบนี้ อะไรเข้าสิงวะ!?”ฟรังก์ใช้ด้ามปากกาจิ้มหน้าผากของดอลลาร์แล้วเขาก็ส่ายหน้าไปมา พอเขาหันไปมองข้างๆ ที่มีผู้คนมานั่งอ่านหนังสืออยู่มากมาย หนุ่มร่างบางขมวดคิ้วเพราะปกติแล้วคนในห้องสมุดแต่ละวันไม่เห็นจะเยอะแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ฟรังก์หมุนปากกาไปมา เหล่าคนที่แอบมองเขาอยู่ก็หลบหน้าวูบไปอ่านหนังสือในมือกันอย่างรวดเร็ว

“ไม่คิดว่ามันจะมีอยู่งั้นเหรอ?”

“คิดอะไรบ้าๆ น่าดอล”ยูโรเอ่ยเสียงนิ่งแล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือ ดอลลาร์ถอนหายใจเฮือกกับอาการของเพื่อนของเขาที่ไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เลย ไม่ใช่เขาจะเป็นบ้าหรือเป็นบอแต่เพียงมีบางอย่าง บางอย่างที่เหมือนกำลังเรียกร้องเขาจากที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนสักแห่ง...

“เฮ้ย!!”

โครม!!!

“ฟรังก์!!!!”

คนในหอสมุดต่างก็ตกใจและกรีดร้องเมื่อจู่ๆ ร่างบางที่เอนเก้าอี้โยกไปมานั้นหงายหลังลงพื้นไป โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากเพราะปอนด์ที่อยู่ใกล้นั้นคว้าร่างของฟรังก์ไว้ได้ทัน ใบหน้าสวยมีท่าทีตื่นตกใจอะไรบางอย่าง ดอลลาร์และยูโรรีบถามไถ่อาการของเพื่อนอย่างเป็นห่วงแต่เจ้าตัวก็โบกมือปฏิเสธว่าไม่เป็นไร

“ฟรังก์ เป็นอะไรไหม?”

“ฟรังก์...”

“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

ฟรังก์กลับมานั่งเก้าอี้เหมือนเดิมและคราวนี้เขานั่งมันอย่างปกติเรียบร้อย ปอนด์บ่นความซุ่มซ่ามของเพื่อนหนุ่มที่เล่นเอาซะเขาหัวใจจะวาย ถ้าเขาคว้าตัวไว้ไม่ทันล่ะก็งานนี้หัวแตกเลือดสาดกันไปแล้ว! เสียงบ่นของปอนด์ก็ไม่ได้เข้าหูฟรังก์เลยแม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดเรื่องที่เกิดเมื่อสักครู่

ฟรังก์นั่งเอนเก้าอี้เล็กน้อย ดวงตาสวยจับจ้องที่กระจกเงาบานใหญ่ที่อยู่อีกด้านของหอสมุดอย่างเหม่อลอยครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยแล้วเขาก็ขมวดคิ้วเมื่อกระจกเงานั้นสะท้อนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผมสีดำสนิทสวย ร่างสูงสง่าในชุดจักรพรรดิโบราณที่ยืนอยู่ รอบๆ ข้างของชายหนุ่มแต่งกายคล้ายๆ พวกองครักษ์ยืนเคียงข้าง ฟรังก์กระพริบตาปริบๆ แล้วหันกลับไปมองอีกด้านแต่ก็ไม่เห็นใครสักคนที่จะทำให้กระจกนั้นสะท้อนเป็นภาพอย่างที่เขาเห็น ร่างบางหันมามองกระจกนั้นอีกครั้งแต่เขาก็ยังเห็นภาพเดิมแต่ต่างกันที่ร่างสูงสง่านั้นหันมามองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งขั้วโลกทำให้ฟรังก์ผงะตกใจ และนั้นทำให้เขาเกือบจะล้มลงไปนอนกองกับพื้นถ้าไม่ได้ปอนด์ช่วยดึงตัวไว้!!

...เมื่อกี้มันอะไรกันวะ?...

“หิวจังเลยอ่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า หง่า~”เจ้าตัวเล็กสุดก็บ่นออกมาพร้อมกับลูบท้องป้อยๆ ใบหน้าน่ารักนั้นเริ่มบูดบึ้ง ยูโรเงยหน้าจากหนังสือที่เขากำลังอ่านมามองดอลลาร์เขาก็ถอนหายใจ

“นายเพิ่งกินขนมไปเมื่อกี้เองนะ”

“นั้นใช่ข้าวซะที่ไหนกันล่ะ! ปู้~!!”ดอลลาร์ทำหน้าหงิกส่งเสียงปู้ๆ อยู่ข้างๆ ยูโร ฟรังก์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเขาก็เดินออกไปไม่พูดไม่จาทำให้อีกสามหนุ่มมองหน้ากันอย่างงงๆ เกิดอะไรขึ้น? ปอนด์ตัดสินใจลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเพื่อนของตัวเองไปติดๆ เขาคว้าไหล่บางเอาไว้แล้วดึงมันกลับมาทางเขาอย่างเบามือ

“ฟรังก์ เป็นอะไรวะ?”

“เปล่า รู้สึกปวดหัวนิดๆ วะ ฉันจะกลับบ้านไปพักแล้ว พวกแกจะไปไหนกันต่อก็ไปเถอะ”

“เฮ้ย! เป็นมากไหมวะ เดี๋ยวฉันไปส่ง นายจะขับรถไปไหวเหรอวะ?”ปอนด์ดึงกุญแจรถในมือของฟรังก์ไปถือไว้แล้วเขาก็ดึงมือของร่างบางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“อ่ะ...เดี๋ยวๆ แกจะไปส่งฉันทำไมวะ ฉันไปเองได้!”ฟรังก์แย่งกุญแจรถจากมือของปอนด์แต่ก็แย่งมาไม่ได้ ปอนด์ที่สูงกว่านั้นชูกุญแจขึ้นสูงแล้วปัดมือของร่างบางออกไป

“โอ๊ะ ทำบ้าอะไรของแกฟ่ะ”

“ฉันบอกจะไปส่งนายไง กลับพร้อมกันเลย ถ้านายขับรถกลับคนเดียว ฉันจะกลับกับใครล่ะ?”

“ก็กับไอ้ดอลลาร์มันไง เดี๋ยวมันก็แวะไปส่งแกเองแหละ เอามานี่!”

“ไปๆ ฉันจะกลับพร้อมนายเนี่ยแหละ”

“ได้ไงวะ รายงานของแกยังไม่เสร็จเลยนะโว้ย”

“ไปทำที่บ้านก็ได้ ที่ห้องสมุดน่ะมีหนังสือเยอะจะตาย”

“เอางั้นก็ได้ ขี้เกียจขับรถเหมือนกัน”ฟรังก์ถอนหายใจเฮือกเมื่อรู้ว่าเถียงไปก็เปล่าประโยชน์เพราะอีกคนจะคอยเอาเหตุผลอื่นมาแย้งเขาจนได้นั้นแหละ ร่างบางยกมือเสยมือยาวๆ ของตัวเองที่ปล่อยโดยไม่มัดมันไว้ ปอนด์เดินนำฟรังก์ไปที่รถของพวกเขาแต่ก่อนที่จะไป ดอลลาร์และยูโรก็โผล่มาอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นมาบนรถ

“พวกนาย...? อะไรวะเนี่ย!”ฟรังก์ที่ขึ้นมานั่งเบาะหลังเขาโดนยูโรและดอลลาร์ที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามานั่งเบียดเขาทั้งซ้ายและขวา ฟรังก์ทำเสียงฮึดฮัดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ดอลลาร์ยิ้มร่าแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างร่าเริง

“ออกรถเลยปอนด์~”

“ฉันไม่ใช่คนขับรถของพวกนายนะโว้ย!!”ปอนด์โวยวายขึ้นมาเมื่อเพื่อนของเขาปล่อยให้เขานั่งหน้าอยู่คนเดียว นี่มันคนขับรถชัดๆ!! ฟรังก์ถอนหายใจเฮือกเขาหันมามองยูโรที่ยังนั่งเงียบเหมือนเดิม เสียงโวยวายของปอนด์นั้นก็ยังดำเนินต่อไปจนดอลลาร์ทนไม่ได้เขาเปิดประตูไปนั่งด้านหน้า

“พอใจยัง? ออกรถได้แล้ว!!”

“เออ”

ทั้งสองหนุ่มสะบัดหน้าใส่กันอย่างไม่ยอมแพ้ ฟรังก์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอนตัวพิงยูโรที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ยูโรมองคนที่พิงเขาแล้วกลับมาอ่านหนังสือเหมือนเดิม ปอนด์มองกระจกหน้าเห็นร่างบางกำลังพิงหนุ่มแว่น เขาก็กลับมาตั้งใจขับรถต่อเหมือนเดิม

 

ปอนด์ขับรถมาจอดที่ชานบันไดหน้าคฤหาสน์หลังงามอย่างนุ่นนวลแล้วเขาก็เปิดประตูออกไป หนุ่มร่างสูงเพรียวสั่งให้คนรับใช้เอารถคันหรูไปเก็บไว้ ปอนด์มองเข้าไปในรถที่เขาเห็นยูโรพยายามจะปลุกฟรังก์ที่เผลอหลับไประหว่างการเดินทางมาที่บ้านของตน ปอนด์เปิดประตูหลังของรถเบาๆ แล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู

“อย่าปลุก เดี๋ยวฉันจะอุ้มเขาขึ้นไปเอง”

“ไม่เป็นไร ฉันอุ้มเอง”ยูโรเอ่ยออกมาเสียงเรียบเฉย ปอนด์ชะงักแล้วมองหน้าของเพื่อนที่เรียบนิ่งที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไร ปอนด์พยักหน้าเข้าใจเขาถอยออกจากรถแล้วเดินมายืนข้างๆ ดอลลาร์ที่เดินลงมาจากรถยืนคอยอยู่

ยูโรอุ้มร่างบางที่เบาแสนเบาขึ้นแล้วก้าวลงรถไปอย่างนุ่นนวล เขาก้าวเท้าอย่างมั่นคงและแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่ตื่นจากนิทราขึ้นมากในเวลานี้ พ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้ก็กรูเข้ามาเพื่อไถ่ถามสุขทุกข์ของเจ้านายตน

“ไม่เป็นไรๆ ฟรังก์แค่เหนื่อยแล้วหลับไปน่ะ พวกคุณกลับไปทำงานกันได้แล้ว”ปอนด์โบกมือไปมาแล้วเอ่ยปฏิเสธทุกๆ งาน เหล่าคนรับใช้ผู้ภักดีโค้งตัวให้

“งั้นต้องการอะไรเรียกผมได้เสมอนะครับคุณปอนด์”

“อืมๆ”ปอนด์พยักหน้าเข้าใจแล้วสี่หนุ่มก็เดินมาถึงหน้าห้องของคุณชายของคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ ขนตาเป็นแพหนากระพือปีกราวกับผีเสื้อแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือใบหน้าของเพื่อนผู้นิ่งอยู่เสมอ ฟรังก์ร้องเสียงหลงทำให้ยูโรต้องปล่อยร่างบางที่ดิ้นออกจากแขนของเขา

“เป็นอะไรน่ะ!?”ปอนด์วิ่งเข้ามาอย่างเป็นห่วงเมื่อเขาได้ยินเสียงของเพื่อนร้องออกมา ฟรังก์ที่เกือบจะหล่นไปกับพื้นนั้นนั่งแปะบนพื้นส่วนยูโรยืนอยู่นิ่งๆ

“อ่ะ ฟรังก์ตื่นแล้วเหรอ~”ดอลลาร์เอ่ยเขาวิ่งเข้ามาหาร่างบางที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างงงๆ ฟรังก์มองไปรอบๆ ถึงรับรู้ว่าที่นี้คือบ้านของตนนั้นเอง ฟรังก์กุมศีรษะของตัวเอง

...เผลอหลับไปเหรอเนี่ย...?

“ฟรังก์ นายปวดหัวอีกแล้วเหรอ?”

“หือ เปล่าๆ รู้สึกมึนๆ เท่านั้นแหละ ก็ฉันเพิ่งตื่นนี่น่า โทษทีนะยูโรนายคงจะตกใจ”

“ไม่เป็นไร”ยูโรส่ายหน้าไปมาเบาๆ แล้วเขาก็ยื่นมือไปดึงร่างบางให้ลุกขึ้น ฟรังก์ลุกขึ้นยืนแล้วเขาก็รู้สึกมึนยังไม่หาย เขายิ้มให้กับเพื่อนที่ดูจะเป็นห่วงเขามาก

“ฉันก็แค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ อย่าทำหน้าเหมือนฉันกำลังจะตายได้ไหม? โอ๊ะ พวกนายคงจะต้องไปทำรายงานใช่ไหม? ไปที่ห้องสมุดเลยก็ได้ ฉันขอตัวนอนพักหน่อย ถึงมื้อเย็นแล้วเรียกฉันด้วยนะ”

“ไม่ต้องส่งฉันหรอกน่า นายน่ะรีบไปทำรายงานเถอะปอนด์ แค่ปวดหัวฉันเดินเข้าห้องเองได้น่า”ฟรังก์บ่นปอนด์ที่กำลังจะเดินตามเขามาเพื่อจะไปดูแลเขาแต่ฟรังก์ก็ดันพวกปอนด์ไปที่ห้องสมุดแล้วเขาก็เดินไปที่ห้องของตัวเอง ฟรังก์กุมศีรษะอย่างตัวเองที่มันปวดหนึบๆ พิกล มือเรียวสวยเปิดประตูเข้าไปในห้อง

ความมืดที่ผิดแผกไปนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ร่างบางพยายามคำหาทางเพื่อไปเปิดสวิตช์ไฟในห้อง นี่มันอะไรกันเนี่ย? ทั้งๆ ที่ยังบ่ายอยู่เลยแท้ๆ นี่มันเหมือนกลางคืนเลย ฟรังก์พึมพำในใจของเขา มือของเขาลูบผนังห้องเพื่อหาสวิตช์ไฟแต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะที่ๆ มีสวิตช์ไฟอยู่กลับหาไม่เจอ!

“ไม่น่าจะผิดนะ...”

หมับ!!

“เฮ้ย!!”

ฟรังก์ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อแขนของเขาถูกมือปริศนาจับไว้หมับอย่างรวดเร็ว มือนั้นบีบแขนของเขาแทบจะหักออกจากหัวไหล่ ฟรังก์เบ้ริมฝีปากสวยของตัวเองแล้วพยายามจะสะบัดแขนของเขาออกจากมือเหล็กนั้นเต็มกำลังที่มี แต่เขาก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ ฟรังก์เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเอง สัญชาตญาณกรีดร้องให้เขาออกห่างจากบุคคลที่อยู่เบื้องหน้า

“ปล่อยฉันนะ!!!”ฟรังก์เอ่ยตวาดไปเสียงดัง มือนั้นก็คลายแรงลงแต่ก็ยังไม่ปล่อย ฟรังก์ใช้โอกาสนี้สะบัดแขนของเขาออกจากมือคีบเหล็กนั้นแล้วเขาก็รีบวิ่งมาที่หน้าประตูห้องทันที เขาพยายามจะเปิดประตูนั้นแต่ปรากฏว่าประตูกลับล็อคเอาไว้ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ล็อคมันไว้เลย!!

“ปอนด์!! ยูโร!! ดอลลาร์!! คุณพ่อบ้าน!!”หนุ่มร่างบางพยายามตะโกนเรียกเพื่อนของเขาและคนอื่นๆ ในบ้าน เขาเรียกเสียงดังขึ้นเมื่อรับรู้ถึงความอันตรายที่ทำให้หลังของเขาเย็นเชียบ

“เปิดประตูให้หน่อย!! ใครก็ได้ เปิดประตูให้ฉันที!!!! อุ๊บ!!!”เสียงของฟรังก์ที่ร้องตะโกนดังอู้อี้เมื่อฝ่ามือใหญ่มาปิดกั้นเสียงของเขา มือใหญ่ปิดปากของเขาได้สนิทและมันสามารถปิดใบหน้าเล็กๆ ของฟรังก์ได้เลยทีเดียว ดวงตากลมโตที่สวยงามเบิกกว้างด้วยความตกใจกลัวสุดขีด ประสาทสัมผัสของเขาเย็นเชียบ เสียงทุ้มต่ำราวกับสัตว์ร้ายคำรามเมื่อยามที่มันมีโทสะนั้นดังข้างๆ หูของเขาทำให้ฟรังก์ขนลุกซู่ไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว

“ไม่มีใครช่วยผู้บุกรุกหรอกนะ หึ”

“อืออออออ!!!”ฟรังก์พยายามจะดิ้นออกจากแขนแกร่งราวกับเหล็กกล้านั้น คนที่เขากำลังต่อสู้ด้วยเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่เอามากๆ ร่างหนานั้นโอบกอดเขาแทบจะมิด ฟรังก์ไม่ยอมแพ้เขาพยายามทุกหนทางให้หลุดจากบุรุษร่างหนานี้ให้ได้

“โทษฐานผู้บุกรุกคือ...ตาย!!!”

โครม!!! ฉึก!!!

ร่างบอบบางถูกเหวี่ยงไปตกเป็นที่นุ่มแล้วร่างหนานั้นก็โถมเข้ามาเงื้อมือแทงโลหะแหลมคมจากลงบนพื้นเตียงขนาดใหญ่นั้นทันที ฟรังก์กรีดร้องลั่นพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างสะพรึงกลัวสุดชีวิต ดวงตากลมโตมีน้ำตาไหลลงมาด้วยความตกใจ โลหะคมกริบนั้นแทงทะลุลงไปบนพื้นข้างๆ ใบหน้างดงามที่ซีดเผือก

“หึ นักฆ่าที่แสนขี้ขลาดตาขาวรึ?”

เสียงทุ้มต่ำนั้นเอ่ยอย่างเยาะเย้ย มือหนาเอื้อมไปจุดตะเกียงบนหัวเตียงของตน เขาตั้งใจจะฆ่ามือสังหารที่ลอบเข้ามาในห้องนอนของเขาเพียงแต่เขารู้สึกอยากเห็นหน้าคนที่อาจหาญบุกเข้ามาในห้องส่วนตัวของเขาได้ถึงขนาดนี้ ไฟตะเกียงสว่างไม่ถึงกับสว่างโร่ไปทั้งห้องแต่มันก็พอจะเห็นใบหน้าของมือสังหารผู้กล้าหาญเข้ามาปลดชีวิตของเขาได้

“เจ้า...?”ร่างสูงก้มมองใบหน้าสวยที่กระพริบตาปริบๆ น้ำตาไหลอาบใบหน้าสวยพร้อมกับอาการสะอื้นเงียบๆ ชายหนุ่มเบิกตากว้างมองใบหน้าอันงดงามนั้นนิ่งเงียบอย่างตกตะลึง มือหนาปล่อยจากดาบของเขาแล้วสัมผัสใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อใต้แสงตะเกียงราวกับถูกสะกดนิ่ง

เมื่อแสงตะเกียงสว่างขึ้น ฟรังก์ก็ได้เห็นชายผู้จะฆ่าเขานั้นเต็มตาเพราะร่างสูงใหญ่นั้นอยู่ใกล้ๆ เขานี่เอง ดาบเล่มหนาที่แทงพื้นเตียงทะลุเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงไม่กี่เซ็นต์ ใบหน้าขาวซีดที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั้นประกอบไปด้วย คิ้วเข้ม ขนตาที่ยาวงอนรวมเป็นดวงตาเรียวอันคมกริบเฉียงขึ้นเล็กน้อยราวกับปีศาจ จมูกโด่งเป็นส้นสวยงาม ริมฝีปากหยักได้รูปนั้น เหล่าส่วนประกอบที่ตกแต่งให้ร่างสูงดูดีน่าหลงใหล ผมสีกาที่ยาวสลวยทิ้งตัวลงล้อมใบหน้าคมคาย

ฟรังก์ที่หมดแรงเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาช็อกไม่สามารถขยับตัว เขาทำได้เพียงมองร่างสูงอยู่นิ่งๆ มือหนาสัมผัสใบหน้าของเขาทำให้ฟรังก์สะดุ้งตกใจ  

“เจ้า...คือ...คนในกระจก?”

คนในกระจก!!!?

ใช่แล้ว!! มิน่าเขาเคยเห็นชายหนุ่มคนนี้จากไหนสักแห่ง ฟรังก์เริ่มคิดได้ ผู้ชายที่เขาเห็นในกระจกอยู่เสมอในหลายวันที่ผ่านมานี่!!! คนร่างสูงขมวดคิ้วอย่างฉับพลัน มือใหญ่บีบคางของร่างบางอย่างรวดเร็ว

“อ่ะ!!”

...เจ็บ!!...

“เจ้าเป็นคนของแคว้นใดส่งมาสังหารข้า บอกมา!!!”

“พูดเรื่องอะไรกันเล่า!!! ไม่รู้เรื่องโว้ย!!!”ฟรังก์ตะโกนออกไปแล้วเริ่มขยับตัวได้แต่เพียงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเหมือนปกติเท่านั้น ร่างสูงกดไหล่ของร่างเล็กเอาไว้บนเตียงนุ่นนั้นแน่นจนขยับตัวไม่ได้

“ปล่อยฉันนะ!!!!”

“เดมันของเราไม่เคยปล่อยตัวนักโทษ!!! จนกว่ามันจะตาย!!”

“นักโทษอะไรกันวะ!!! นี่มันบ้านของฉัน!! ห้องของฉัน!!!”ฟรังก์ผลักร่างสูงออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่เขามีอยู่แล้วร่างบางก็ผุดขึ้นกระโจนลงไปจากเตียง ร่างบางวิ่งไปเตะกับโต๊ะเล็กๆ เขาถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและงุนงงเป็นที่สุด เขาจำได้ว่าที่ห้องของเขาตรงนี้มันไม่มีอะไรวางไว้นี่น่า!!

“คิดจะหนีงั้นรึ?”

ร่างสูงก้าวเท้าไปอย่างรวดเร็วเข้าประชิดร่างบางที่กำลังยืนงุนงงอยู่ มือแกร่งจับที่ต้นแขนของอีกฝ่ายแล้วบีบไว้แน่นราวกับต้องการให้มันแตกหักไป ฟรังก์ครางออกมาด้วยความเจ็บจนน้ำตาเล็ด ไม่เคยมีใครจะมาจับเขารุนแรงแบบนี้มาก่อนเลยนะแล้วนี่มันอะไรกัน!!? ร่างบางพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือนั้นแต่อีกฝ่ายกลับดึงเขาเข้าไปโอบกอดล็อคด้วยแขนทั้งสองข้าง

“อ่ะ ปล่อยนะโว้ย!!!”ฟรังก์กระโดดพยายามหาทางให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการนี้เขากัดลงไปที่แขนของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วงไม่มีการออมแรง ร่างสูงปล่อยมือเพราะความเจ็บจี๊ดที่เกิดจากเขี้ยวของคนตัวเล็กกว่า เขาจับแขนของตัวเองแล้วกัดฟันกรอดอย่างโมโห

“บังอาจทำร้ายข้า บัดซบ!!!”เสียงคำรามอย่างโทสะนั้นยิ่งทำให้อีกคนหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ ฟรังก์วิ่งมาที่หน้าประตูห้องเพื่อจะเปิดประตู เขาพยายามดึงมันแต่มันก็ไม่เปิด ร่างสูงก้าวเข้ามาประชิดทำให้เขาต้องเดินหลบไปอีกทาง ด้วยแสงสว่างจากตะเกียงทำให้เขาเริ่มสังเกตว่าที่นี้ไม่ใช่ห้องของเขาแต่มันเพียงแค่คล้ายๆ เท่านั้น!!

...นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!...

ฟรังก์เปิดหน้าต่างห้อง เขาจะกระโดดหนีลงไปแต่ก็โดนมือแกร่งกระชากให้ตกลงมาจากขอบหน้าต่างเสียก่อน ฟรังก์รีบลุกขึ้นและเบี่ยงตัวจะหลบร่างสูงที่เข้ามาจับตัวเขา ร่างสูงกระชากและเหวี่ยงร่างบางไปที่เตียงใหญ่อย่างง่ายดาย ฟรังก์รู้สึกจุกเมื่อร่างกระทบเตียงอย่างแรง ร่างสูงตามมาจับแขนเล็กนั้นไว้กับเตียง ใบหน้าหล่อเหลานั้นกระตุกมุมปากอย่างพึงพอใจ

“นักโทษน่ะต้องถูกลงโทษ”

“จะทำอะไรน่ะ!!! อ่ะ! หยุดนะ!!!!”

ร่างสูงซุกหน้าเข้าซอกคอขาวอย่างรวดเร็ว ร่างบางพยายามผลักร่างนั้นออกแต่เพราะแรงที่สู้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกสะท้านสะเทือนแต่อย่างใด มือใหญ่จัดการฉีกเสื้อของร่างบางออกอย่างไม่ปราณี มือใหญ่ลูบไล้ลำตัวบาง เสียงกรีดร้องของร่างบางดังขึ้น

“หยุดนะ!!! จะทำอะไรกันนะ!!! ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย!!!”

“อือ...”

เสียงโครมครามในห้องบรรทมของกษัตริย์แห่งเดมันทำให้เหล่าองครักษ์ผู้จงรักภักดีทั้งหลายแปลกใจ พวกเขารีบเปิดประตูเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

“ฝ่าบาท!!!!!”

“เกิดอะไรขึ้นพระเจ้าค่ะ!!!?”

เหล่าองครักษ์ทั้งสี่ถลาเข้ามาในห้องเรียงตัวเป็นแถวพร้อมกับจับดาบเตรียมพร้อมจะสังหารศัตรูผู้หมายจะทำร้ายเจ้านายของพวกเขาแต่ภาพที่พวกเขาเห็นนั้นทำให้ต้องชะงักกันเป็นแถวแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ ร่างสูงที่กำลังคร่อมบนร่างบางที่มีสภาพเสื้อผ้ายับเยิน ดวงตาสีเหล็กเหลือบไปมองเหล่าองครักษ์ของตนเย็นเชียบ

“ข้าไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าเข้ามา!!!”

“ขออภัยพระเจ้าค่ะ!!!”

“อ่ะ...ช่วย...ช่วยด้วย!!! ใครก็ได้ช่วยฉันที!!!”

เหล่าองครักษ์ต่างก็กรูออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ร่างบางพยายามจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ร่างสูงหันมามองใบหน้าแสนงดงามนั้นที่พราวไปด้วยหยดน้ำตาใส เขามองมันอย่างไร้ความรู้สึก เขารู้สึกพึงพอใจซะด้วยซ้ำไป เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว เสียงที่แสนจะไพเราะน่าฟัง

“อ่า...”

มือใหญ่ล้วงเข้าไปสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวนั้น เสียงร้องห้ามกลายเป็นเสียงครางหวานนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปลื้มใจอย่างประหลาด เสียงหวานใสร้องออกมาเบาๆ พร้อมกับปัดและขยับเรือนร่างให้พ้นจากร่างสูง ร่างสูงมองอีกฝ่ายอย่างสมเพชที่พยายามจะหลีกหนีจากเขา

“อยู่เฉยๆ แล้วมอบความสุขให้กับข้าซะเถอะ!!”

“โอ๊ยย!!!”

มือที่ถูกกดลงพื้นเตียงแน่นขึ้น ริมฝีปากหยักขยับจูบประทับรอยบนริมฝีปากได้รูปสวยแดงระเรื่อนั้น เสียงกรีดร้องเป็นเสียงอู้อี้ในโพรงปาก ลิ้นสากตวัดกวาดหาความหวานล้ำของอีกฝ่ายอย่างกระเหือดกระหาย ลิ้นดุนดันอีกฝ่ายแทบจะสำลักน้ำลาย ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาแล้วจูบไล้ร่างขาวผ่อง ร่างบางขยับบิดร่างกายพร้อมกับครางเสียงแผ่ว

“อึก...อ่า...ยะ...หยุด...”

นิ้วยาวเรียวบรรจงสอดใส่อย่างใจเย็นไม่สนใจเสียงร้องห้ามของอีกฝ่าย เส้นทางนั้นบีบรัดนิ้วที่เข้าไปไว้แน่นร่างสูงขยับนิ้วทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกแล้วนิ้วเรียวยาวก็ดันเข้าไปมากขึ้น กว้านขยับไปมาอย่างสำราญที่ได้ทรมานอีกฝ่ายให้ดิ้นเร่าแทบจะขาดใจ ร่างสูงโน้มตัวลงมากระซิบกระซาบข้างหูอีกฝ่ายพร้อมกับขบติ่งหูเบาๆ

“อ่ะ!!!”

ร่างบางสะดุ้งแล้วกรีดร้องออกมาเสียงดัง นิ้วเรียวสวยจิกเข้าไปบนแผ่นหลังกว้างของร่างสูง น้ำตาใสยิ่งเอ่อล้นออกมาจากดวงตากลมโตนั้น ร่างสูงขยับตัวสอดแทรกเข้าไปอย่างดุดันไม่ผ่อนแรงให้แก่อีกฝ่าย เสียงกรีดร้องและสัมผัสที่หนักหน่วงทำให้ร่างบางทุรนทุรายไปด้วยความเจ็บปวด เสียงหวานครางแผ่วและหายใจหอบ เหงื่อเกาะร่างกาย

“พอ!! ได้โปรดหยุดสักที!!!!”

“หึ แน่ใจงั้นเหรอที่บอกให้หยุด?”

“อ่ะ...อ่า...อ้า...อือ!!!!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา