คาริเนร่า เทพแห่งสายฟ้า

10.0

เขียนโดย เอบาย

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 00.21 น.

  5 ตอน
  17 วิจารณ์
  12.64K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ทดสอบรอบแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


‘ทางไหนดีล่ะ’ในสมองเธอสั่งให้เลือก ‘ทางไหนก็คงเหมือนกันแหละ’คิดได้อย่างนั้นร่างเธอที่อยู่ใกล้ประตูที่สองก็พาร่างเข้าไปข้างในนั้น

 

            ช่องที่แคบขนาดความกว้างที่เท่ากับตัวคนเดินนั้นดูจะอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเนร่าเดินตามทางไปเรื่อยๆตลอดทางเดินยังมีแสงไฟที่เป็นสีส้มอ่อนส่องสว่างอยู่ ก่อนที่จะเดินมาโผล่กับพื้นที่กว้างซึ่งมืดมีแต่แสงดวงจันส่องให้พอมองเห็นทางที่หนึ่งที่เป็นป่าดงดิบ เมื่อเท้าก้าวเหยียบพื้นดินช่องแคบที่เธอเพิ่งเดินมานั้นก็อันตรธานหายไป จนรอบด้านของตัวเนร่าตอนนี้เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย

            บริเวณที่เธอยืนนั้นเป็นเหมือนศูนย์กลางที่มีทางแยกให้เลือกเดินรอบทิศทางซึงมีลูกศรชี้บอกไว้ทุกทางที่มีอยู่หกทาง ‘คงจะให้เลือกไปทางไหนก็ได้ละมั้ง’ คิดดังนั้นเนร่าก็เลือกเดินทางที่อยู่ด้านขวามือของเธอ บรรยากาศเย็นๆที่เนร่าเดินเข้ามายังทางที่เธอเลือกเดินนี้เงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงของลมมีก็แต่เพียงเสียงของฝีเท้าเธอที่ย่ำต่อไปอย่างระแวดระวัง

 

            ฟ้าว!!...

            ขณะนั้นมีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านหลังเธอไปจนรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่าน เนร่าหันไปมองก็ไม่พบอะไร ก็หันกลับมาตั้งใจเดินเรื่อยๆ

 

            ฟ้าว!!...ฟ้าว!!...

        สิ่งที่รู้สึกได้เป็นครั้งที่สองบางอย่างวิ่งผ่านหลังเธอพอหันหลังไปมอง บางสิ่งบางอย่างนั้นก็วิ่งผ่านไปทางด้านหน้าเธอซึ่งเนร่าก็ตวัดสายตากลับมามองข้างหน้าอีกแต่ก็ไม่พบสิ่งประหลาดที่กำลังปั่นหัวเธออยู่เลย เธอก้าวเดินต่ออีกครั้งสายตาก็กวาดมองไปทั่วอย่างระวังตัว

 

            ฟ้าว!!...อ้าววววว!!...

        บางสิ่งบางอย่างที่เนร่ามองไม่เห็นนั้นพุ่งเข้ามาเกาะตัวเธอแต่ในวินาทีเดียวกันที่เนร่าปล่อยสายฟ้าในร่างกายไปช็อตตัวประหลาดนั้นด้วยพลังงานที่สูงพอสมควรจนร่างของมันหล่นลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เนร่าหันกลับไปมองตัวประหลาดนั้นเต็มๆตา

 

            “ตัวอะไรเนี่ย”เนร่ามองมอนสเตอร์ที่มีผิวหนังขรุขระสีน้ำตาลเข้มไม่มีขน ตัวเล็กสูงแค่เข่าของเธอ ปากกว้างๆนั้นมีฟันแหลมคมที่สามารถฉีกเนื้อหนาๆให้หลุดได้ ลักษณะรูปร่างที่คล้ายกับลิงแต่ไม่มีหางตรงกลางหลังมีปีกเล็กๆที่เหมือนค้างคาวติดอยู่ หลังจากมองดูสิ่งประหลาดนี้ได้ไม่นาน เนร่าก็เริ่มรู้สึกถึงมหันตภัยรอบที่สอง เธอเงยหน้าขึ้นมองรอบๆก็พบกับดวงตัวแดงกำมากมายที่อยู่บนต้นไม้เกือบจะทุกต้นก็ว่าได้ เธอขยับตัวเดินถอยหลังไปทิศทางที่ลูกศรเคยชี้บอกทางไว้อย่างช้าๆ

            “ทำไมเยอะอย่างนี้นะ”ขณะเดินถอยหลังสายตาก็ประมาณจำนวนมอนสเตอร์ไปด้วยว่าจะไหวไหมถ้าเสียเวลามาสู้ด้วย

 

            ฟ้าว!!...

            ทันใดนั้นมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งกระโดดจากต้นไม้มาล้อมรอบตัวเธอไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

 

“คงต้องสู้สินะ”เนร่าพูดก่อนจะกางมือข้างขวาออกห่างจากตัวแล้วเรียกดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา ดาบเรียวยาวเหมาะมือด้ามจับสีดำตัดกับสีทองนั้นดูแล้วโดดเด่น ร่างบางเริ่มร่ายคาถาเบาๆ ร่างทั้งร่างของเธอก็เกิดเป็นแสงสีทองก่อนที่แสงนั้นจะค่อยๆไหลเข้าไปอยู่ในดาบที่อยู่ในมือขวาของเธอ แล้วแสงนั้นก็หายไปหลังจากดาบในมือของเนร่ามีแสงของสายฟ้าวิ่งวนอยู่รอบดาบ

ฟ้าว!!...

ร่างของมอนสเตอร์ตัวหนึ่งพุ่งมาหาเธอ เนร่ายกดาบขึ้นในแนวขว้างทำให้มอนสเตอร์นั้นปะทะกับดาบพอดี แล้วผลลัพธ์เหมือนมอนสเตอร์ตัวแรกที่โดนสายฟ้าในร่างเนร่าช็อต

ฟ้าว!!...ๆๆๆๆๆๆ

หลังจากที่มอนสเตอร์ตัวเมื่อกี้กระโดดปะทะดาบร่างของอีกหลายๆตัวก็พุ่งเข้าใส่เนร่าเรื่อยๆอย่างไม่หยุด ถึงแม้จะเห็นตัวแล้วตัวเล่าที่โดนสายฟ้าช็อต แต่อีกหลายๆตัวก็ยังพุ่งเข้ามาหาเธอที่ต้องสร้างสายฟ้าทั้งในร่างเพื่อป้องกันและก็ดาบที่ต้องใช้ต่อสู้หากไม่มีดาบเธอต้องถูกตัวไหนตัวหนึ่งฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นแน่ๆ

ระยะเวลาผ่านไปนานมอนสเตอร์ที่เข้ามาจู่โจมเนร่าอย่างต่อเนื่องไม่มีที่ท่าว่ามันจะหมดจนรอบตัวเธอมีแต่ซากของพวกมัน และอาการของเธอในตอนนี้เริ่มที่จะเหนื่อยล้าเต็มทนหากต้องสู้ต่อไปอีกชั่วโมงมีหวังเนร่าได้ตายคาที่ตรงนี้แน่ ‘คิดสิคิดจะทำยังไงจะอยู่อย่านี้ไม่ได้’ ในหัวสมองของเนร่าเริ่มคิดหนักพลางสายตาก็สอดส่องมองหาหนทาง ก่อนที่เธอจะเริ่มนึกอะไรดีๆได้

 

ฟ้าว!!...ฉึก!!...

ในขณะที่ไม่ทันระวังเธอก็ถูกมอนสเตอร์ตัวหนึ่งฝังรอยเขี้ยวไว้ที่หัวไหล่ด้านซ้ายของเธอสร้างความเจ็บปวดมากมายก่อนที่มันจะโดนสายฟ้าช็อตแล้วหลุดไปจากร่างของเธอ เลือดที่ไหลซึมออกมานอกแขนเสื้อนั้น แต่เธอก็ยังทำอะไรไม่ได้นอกจากทดความเจ็บปวดแล้วสู้กับมอนสเตอร์ที่ยังไม่หยุดโจมตี แล้วปากเธอก็ร่ายเวทอีกครั้งร่างเธอเรืองแสงสีทองอีกครั้ง

 

ฟิ้ว!!...

ด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น ร่างของเนร่าพุ่งผ่านจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว เท้าของเธอออกแรงวิ่งเร็วอย่างไม่มีใครจะตามทัน การเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งมองเห็นได้เป็นแค่เพียงแสงสีทองน้อยๆ เมื่อเนร่าเห็นว่าหลบจากมอนสเตอร์พวกนั้นมาพ้นแล้ว จึงหยุดพักในที่สุดร่างทั้งร่างของเธอทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างหมดแรงในขณะที่ตัวเธอเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจำนวนมากลมหายใจเข้าออกไม่ตรงจังหวะกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วด้วยเลือดที่ไหลอยู่บริเวณแขน เนร่าหันไปมองบาดแผลทีหัวไหล่ด้านซ้ายก่อนจะว่างดาบในมือขวาลงแล้วเธอก็ออกแรงกระชากแขนเสื้อยาวๆข้างซ้ายออก เพื่อเอามาใช้พันแผลที่หัวไหล่โดยใช้ปากช่วยมัดผ้าให้แน่น

เมื่อความเหนื่อยหอบเริ่มหายไปเธอก็เริ่มออกเดินทางต่อ สภาพเธอในตอนนี้บอกได้เลยว่าแถบจะดูไม่ได้ เธอเดินไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงบางอย่างแว้วมาเข้าหู เป็นเสียงของมอนสเตอร์ที่ร้องดังคำรามจนดูน่ากลัว เธอตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ

 

โครม!!...

แต่แล้วเนร่าต้องขยับถอยหลังเล็กน้อยด้วยความตกใจเมื่อร่างของมอนสเตอร์น่าเกลียดน่ากลัวร่างยักษ์ใหญ่กว่าเธอสิบเท่ากระเด็นมาหมอบอยู่ตรงหน้าเธอ เปลือกตาของมันปิดสนิทไร้ซึ่งสติ นั่นทำให้เธอโล่งอกที่ไม่ต้องสู้กับมัน แต่เธอก็สงสัยว่าใครกันที่ล้มมอนสเตอร์ตัวใหญ่ยักษ์น้ำได้ เธอจึงเดินผ่านร่างมอนสเตอร์ตัวตรงหน้านี้ไป

 

“นายอีกแล้วเหรอ”เนร่าเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มคู่อริเมื่อต้นปีก่อนยืนใช้ดาบประครองตนไม่ให้ล้มอยู่ ท่าทางจะย่ำแย่เหมือนกันดูจากสภาพตามร่างกายที่มีรอยแผลเล็กๆตามแขนและขาอยู่มากไม่น้อย เขาเงยหน้ามามองเนร่าที่ยืนมองเขาอยู่ ในสมองชายหนุ่มไม่คิดที่จะสนใจเนร่าเลยแม้แต่นิดเขาทำแค่เก็บดาบในมือแล้วหันหลังให้เธอ ก่อนจะเดินต่อให้เนร่ายืนเก้อพูดอยู่กับอากาศ

 

“ทำไมต้องมาทางเดียวกับหมอนี่ด้วยนะ”เนร่าบ่นก่อนจะเดินไปทางเดียวกับที่ชายหนุ่มร่างสูงเดินไป “เออ ก็ดีฉันจะได้เอานายมาเป็นโล่ป้องกันมอนสเตอร์เผื่ออะไรๆจะได้ง่ายกว่าเดิม”คิดได้อย่างนั้นเนร่าก็เดินตามชายหนุ่มไปอย่างนึกสนุก ‘คอยดูฉันจะหาทางเอาคืนกับการที่นายทำกับฉันไว้เมื่อต้นปีก่อน’ เดินไปยิ้มไปตลอดทางจนลืมระวังตัว

 

ฟิ้ว!!...

เหตุการณ์ไม่คาดคิด จู่ๆก็มีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งพุ่งมาหาเธอที่ไม่ทันระวังแต่ด้วยความรู้สึกที่ไวกว่าทำให้เธอหลบได้ทัน มอนสเตอร์ตัวนั้นหยุดนิ่งยืนตรงหน้าเธอ มันเป็นตัวประหลาดสีเขียวมีสี่ขารูปร่างเหมือนสุนัขบริเวณหัวของมันมีขนยาวๆจำนวนมากชี้ตั้งเด่สีดำสนิทกับกรงเล็บที่ยาวเฟื้อยสีเดียวกันชั่งดูน่าเกรงขามดวงตาสีเหลืองทอง ระหว่างที่เนร่ากับมันจ้องมองกันอยู่นั้นร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนขนาดเท่ากับมอนสเตอร์ตัวที่นอนสลบอยู่ตรงหน้าเธอก่อนหน้านี้เลยก็ว่าได้

 

“ฮ่าๆ...หวัดดี  ลูกครึ่งกบสุนัข”เธอเอ่ยทักทายมัน ตามลักษณะที่เธอคิดว่าคล้าย แล้วยิ้มแหยๆใส่มันด้วยอาการประหม่าดาบในมือกระชับแน่นมือ แล้วสายตาก็หันไปมองชายหนุ่มที่เดินนำหน้าเธอไปซึ่งกำลังเผชิญกับมอนสเตอร์แบบเดียวกับเธอแต่มีสองตัว ‘จะรอดรึเปล่าเนี่ย’ เธอเริ่มนึกถึงสภาพตัวเองว่าจะไหวไหม ให้ไปสู้กับพวกอันธพาลยังดีกว่าสู้กับมอนสเตอร์พวกนี้ซะอีก

 

อ้า!!..............ตึง!!

เสียงของมันคำรามลั่นก่อนที่มันจะยกเท้าหน้าทั้งสองข้างขึ้นหมายจะเหยียบลงบนร่างของเนร่า แต่เนร่าไม่รอช้ากระโดดสปริงตัวถอยหลังไปทันที ในขณะที่เท้าหน้าของมอนสเตอร์เหยียบลงบนพื้นดินที่เธอเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้

 

ฟืบ...

ดาบในมือเนร่าหายไปขณะที่เธอร่ายเวทอยู่แล้วแสงที่เป็นสายฟ้าก็ปรากฏวิ่งวนอยู่รอบมือทั้งสองข้างของเธอ

 

“ฉันจะเอาจริงแล้วนะ”เนร่ามองมอนสเตอร์ร่างยักษ์ไม่วางตา มันกระโจนเข้าหาเธอที่เอียงตัวหลบไปอยู่ข้างลำตัวของมัน แล้วเธอก็ใช้พลังที่มีอยู่ในมือสองมือทาบลงที่ร่างของมอนสเตอร์ร่างยักษ์นั้น

 

โฮกกกกกก...........โครม

เสียงของมันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดก่อนที่มันจะกระเด็นออกห่างเนร่าตามแรงของพลังที่เธอปล่อย

 

มาทางด้านของชายหนุ่มที่ต้องสู้กับมอนสเตอร์ยักษ์ถึงสองตัว

ดวงตาแววโรจน์เพ่งมองมอนสเตอร์ทั้งสองด้วยความระวัง มอนสเตอร์ทั้งสองจู่โจมชายหนุ่มพร้อมกัน แล้วร่างทั้งร่างของชายหนุ่มก็หายไปก่อนจะมาปรากฏที่ด้านหลังของมอนสเตอร์ตัวหนึ่ง

 

ฉัวะ.......

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ใช้ดาบที่อยู่ในมือฟันใส่ขาหลังของมอนสเตอร์ตัวนั้นเสียงร้องคำรามดังลั่นเลือดสีเขียวๆของมันก็ไหลออกมาจากบาดแผลยาวๆที่ชายหนุ่มสร้างให้ มอนสเตอร์อีกตัวก็หันมากระโจนใส่เขาที่ไม่ระวังจะหลบก็ไม่ทันเท้าสองหน้าของมอนสเตอร์ตัวนั้นกดทับร่างของชายหนุ่มไว้ในช่วงเวลาเดียวกับที่เขาใช้ดาบแทงอกมันตัดขั้วหัวใจ ในทันทีร่างของมันก็กลับกลายเป็นร่างขนาดเท่ากับสุนัขเท่าเดิมที่เห็นในตอนแรก

 

ถักกกๆๆๆ....

ร่างมอนสเตอร์อีกตัวที่มีอาการบาดเจ็บที่ขาหลังวิ่งเข้ามาหาร่างของชายหนุ่มที่รีบลุกขึ้นยืนตั้งรับการโจมตีครั้งใหม่

 

โฮกกกกก.............

แต่แล้วมันก็หยุดลงแล้วร้องคำรามลั่นอย่างเจ็บปวด แล้วร่างของมันก็กระเด็นออกห่างจากชายหนุ่มไป ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มจำได้ว่าเขาเห็นแสงบางอย่างพุ่งผ่านตัวเขาไป คิดได้อย่างนั้นเขาก็หันกลับหลังไปมองคนที่ช่วยเหลือ

 

เนร่าที่ยืนในท่าเงื้อมมือมาข้างหน้าและมีแสงสายฟ้าวิ่งวนรอบตอนที่ชายหนุ่มหันมามองแสงสายฟ้าก็หายไป แล้วเธอก็เอามือลงไว้ข้างลำตัวด้วยความเหนื่อยและเริ่มเมื่อย เนร่าไม่พูดอะไรแต่ในใจก็ยังคิด ‘ทำไมต้องช่วยเขาในเมื่อเราก็ไม่ชอบหมอนี่สักหน่อย อีกอย่างถ้าเราไม่ช่วย เขาก็คงมีวิธีจัดการมอนสเตอร์พวกนี้อยู่แล้วล่ะมั้ง’ เนร่าเดินผ่านหน้าชายหนุ่มไปโดยไม่สนใจ

 

“ขอบใจ” ขณะที่เดินผ่านเสียงคำพูดของชายหนุ่มดังมากระทบหูเธอที่ต้องหยุดแล้วหันไปมองอย่างไม่เชื่อว่า ‘นี่เขาพูดขอบใจเราเหรอ ทั้งๆที่เมื่อต้นปีก่อนบอกว่า’ ไม่ต้องมายุ่ง เป็นคำที่ติดหูเธอมาพร้อมกับใบหน้านิ่งๆแบบนี้

 

“ฉันไม่ได้ช่วยนาย ฉันเห็นว่ามันเกะกะ ก็แค่จัดการให้มันพ้นทางเดินของฉัน ก็เท่านั้น”เนร่าพูดกวนเมื่อนึกถึงต้นปีก่อนแล้วยังเจ็บใจไม่หาย จบคำพูดเธอก็เดินต่อไป

 

“ฉันไม่ได้ขอบใจเธอ”อยู่เขาก็พูดอีกคำขึ้นมาที่ทำให้เธอเหมือนหน้าแหกที่เข้าใจอะไรต่ออะไรไปเอง เธอหยุดชะงักกัดฟันกรอดๆกแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนี้ก่อนที่เธอจะอารมณ์เสียซะก่อน

 

“เมื่อไรจะถึงทางออกซะทีนะ ฉันเบื่อแล้ว!! ”เนร่าเดินบ่นอยู่กับตัวเองเห็นได้ชัดถึงสีหน้าที่มีอาการเบื่อหน่าย

 

คลื่นๆ!!

หลังจากที่เธอเงียบเสียงได้ไม่นานอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้พื้นดินเนร่าสามารถรู้ได้ถึงตำแหน่งของการเคลื่อนไหวนั้น ในทุกๆครั้งที่มันเคลื่อนที่ดินบริเวณนั้นจะนูนขึ้นมาเป็นดินถูกขุดขึ้นมา

 

“การทดสอบบ้าบออะไรเนี่ย เสียพลังไปจนจะหมดตัวแล้วนะ”ยังไม่เลิกที่จะบ่นสายตาของเธอจ้องมองพื้นดินไปทั่วมือข้างหนึ่งก็เรียกดาบคู่ใจมาอยู่ในมือ

 

ฟิ้ว!!...หมับ!!...

ในลักษณะที่เนร่าไม่คาดคิด สายเถาวัลย์ที่เป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ใต้พื้นดิน มันพุ่งขึ้นมารัดแขนรัดขาเธออย่างที่เธอป้องกันตัวเองไม่ได้ดาบที่มีในมือก็ถูกเถาวัลย์เหล่านี้พันธนาการไว้ เธอพยายามดิ้นเท่าไรมันก็ไม่เป็นผลที่จะทำให้เธอหลุด เนร่าใช้สายฟ้าหลายต่อหลายครั้งช็อตเถาวัลย์ ซึ่งนี่แหละที่เป็นจุดอ่อนของเธอสายฟ้าใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตทั่วไปแต่ไม่ใช่กับพืชอย่างนี้ เถาวัลย์เริ่มเพิ่มจำนวนแล้วพันร่างเธอไว้รอบ จนเธอเริ่มอึดอัดเมื่ออาการหายใจนั้นน้อยลงทุกทีๆ

ความรู้สึกนี้เหมือนกับอะไรบางอย่างที่หนักอึ้งอยู่ในหัวเมื่อดวงตาเริ่มพร่ามัวไม่รับรู้ถึงสิ่งใดๆจิตใต้สำนึกบอกให้เธออยู่เฉยๆเพื่อรอเวลา เวลาที่เธอจะหมดสิทธิ์เรียนที่นี่ ทั้งๆที่เธออยากจะเรียนมันโอกาสเดียวในชีวิตของเธอ (เหตุผลหากอายุเกินสิบห้าปีก็จะไม่มีสิทธิ์สมัครเข้าเรียนเพราะถือว่าอายุแตกต่างกันต้องเข้าเรียนตามอายุที่กำหนดเท่านั้น)

 

ฟิ้ว!!...

ขณะนั้นเองเนร่าก็มองเห็นว่ามีแสงบางอย่างสีฟ้าอ่อนพุ่งเข้ามาหาเธอแล้วครอบคลุมร่างเธอที่มีเถาวัลย์พันเอาไว้ แล้วเถาวัลย์นั้นก็หายไปพร้อมกับแสงนั้น ร่างของเธอก็ทรุดฮวบลงไปนอนกองกับพื้นดวงตาพร่ามัวมองเห็นรางๆเป็นร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินมาหาเธอ ก่อนที่สมองของเธอจะปิดการรับรู้อะไร

 

ความมืดที่มีแสงจันทร์ส่องทางให้ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังแบกสาวน้อยที่ไม่ได้สติเดินทางมาด้วย สายตามาดมั่นเดินต่อไปไม่หยุด ขณะที่สาวน้อยค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ

 

“อ๊ายยยยยยยยย..........ปล่อยฉันลงนะ  ปล่อยฉัน”เนร่าโวยวายเมื่อลืมตาเต็มทีแล้วพบว่าใครกำลังแบกเธออยู่พร้อมกับมือเล็กๆที่ทุบลงบนหลังชายหนุ่มที่ต้องหยุดเดินทันที

 

ตุ๊บ!!...

“โอ๊ย...”ร่างของเนร่าตกลงพื้นทันทีที่ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วปล่อยตัวเธอทำให้ก้นของเธอต้องกระแทกเข้ากับพื้นเต็มๆแรง “นี่ ปล่อยให้มันนิ่มนวลหน่อยไม่ได้รึไง”เธอโวยใสชายหนุ่มยกใหญ่พร้อมกับยันตัวลุกขึ้น ความเจ็บปวดที่ไหล่ซ้ายก็แผ่ซ่านจนต้องใช้มือขวาประครอง แต่สายตาดุๆก็ยังส่งไปให้ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่เป็นไรแล้วก็เดินต่อไม่สนใจ

 

“นี่ นาย!!”เนร่าเรียกชายหนุ่มที่เดินไม่หยุด “นายฟังฉันอยู่รึเปล่าหา!!...”เนร่าเดินตามไปใกล้เขา

 

“อืม ว่ามาสิ”เขาพูดแต่ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ

 

“นายช่วยฉันเหรอ”เธอถามพลางมองท่าทางหยิ่งๆของเขาที่ทำเป็นเมินเฉยกับเธอ

 

“จะขอบใจรึไง”ถึงแม้จะเป็นคำสั้นๆแต่ก็ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เขาขอบใจเธอตอนแรก

 

“เปล่า แค่จะถามว่าช่วยฉันทำไม เกมนี่มันไม่ได้ทำให้ใครตายสักหน่อย”

 

“เกมหรอ”เขาชำเลืองตามองมาทางเธอเล็กน้อย “จะบอกอะไรให้นะ ที่นี่ไม่ใช่เกมมันเป็นเรื่องจริง”สีหน้าของเนร่าเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่านี่ไม่ได้เป็นแค่การทดสอบที่เธอคิดไว้คือ การทดสอบคงเป็นเรื่องต่างๆที่ถูกสร้างขึ้น

 

“เรื่องจริงอะไรที่ที่เราอยู่ที่นี่มันเป็นโรงเรียนเวทมนตร์ไม่ใช่ป่าที่ไหนสักหน่อย”เนร่าเถียงอย่างไม่อยากเชื่อ

 

“เชื่อหรือไมก็เรื่องของเธอ ทั้งฉัน เธอ และทุกคนต่างก็ถูกย้ายไปยังป่าสถานที่ต่างๆ”

 

“ถ้ามีการตายเกิดขึ้นจะทำไงล่ะ”

 

“แล้วแต่ดวงถ้าผู้คุมการทดสอบช่วยทันคนนั้นก็รอด”

 

“.....”อึ้ง  อึ้งจนพูดไม่ออก ‘เป็นการทดสอบที่ใช้สถานการณ์จริงเหรอเนี่ยไม่อยากเชื่อ’ ตั้งสติได้เธอก็พูดต่อ “แล้วจะออกจากที่นี่ได้ไง”

 

“เธอไม่ได้ฟังที่เขาอธิบายรึไง”เป็นคำที่ดูเหมือนจะกัดกันอ้อมๆแต่เธอก็ไม่ติดใจอะไร

 

“เดินตามลูกศร ทดสอบด่านสามด่าน”เธอพูดพอจำความได้ แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออก “งั้นนี่ก็ครบสามด่านแล้วสิ”เธอพูดแต่ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรกับนอกจากหยุดเดินเพราะเจอบางสิ่งเข้าทำให้เนร่าต้องหันไปมองตาม

 

“นั่นอะไร”เนร่าถามเมื่อมองเห็นวงแหวนที่วิ่งวนเหมือนคลื่นอยู่ตรงหน้า

 

“ทางออก”ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าในวงแหวนนั้นแล้วมือใหญ่ของเขาก็คว้าดึงมือเธอไปด้วย

 

“เดี๋ยวก่อน” (ฉันจะถามว่านายรู้ได้ไง) ไม่ทันที่จะพูดอะไรมากร่างเธอก็ถูกดึงเข้าไปในวงแหวนเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกที่ไว้ว่างใจแปลกๆกับชายหนุ่มที่จับมือเธอไว้ไม่ให้หลุด แสงเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วรอบตัวเธอและเขาแสบตาจนต้องหลับตาเมื่อแสงนั้นหายไปเนร่าก็ลืมตาอีกครั้งก็พบว่ารอบด้านที่เธออยู่ตอนนี้เป็นห้องกว้างห้องหนึ่งที่มีผู้สมัครเรียนน้อยคนที่ผ่านด่านเข้ามาอยู่ที่นี่ เธอมองไปรอบรอบก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มข้างๆ

 

“นะ...นาย”เธอนึกขึ้นได้ว่ามือของตนอยู่ในมือใหญ่ๆของเขาเธอจึงรีบดึงออกมาทันทีใบหน้าก็เริ่มขึ้นสีขึ้นมาเฉยๆ

 

“ฉันขอตัวนะ”เขาพูดก่อนเดินห่างเธอออกไป ‘จะไปไหนก็ไปสิจะมาบอกทำไม รึคิดอยากจะมีมารยาทขึ้นมา’ เนร่าชำเลืองตามองตามชายหนุ่มที่เดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

 

“เนร่าจัง!!”เสียงดังคุ้นหูพร้อมกับร่างบางๆที่วิ่งตรงมาหาเธอจากด้านหลังเข้ามาจับแขนเธอข้างซ้ายเต็มแรง

 

“โอ้ยยย!!...”เมื่อบาดแผลสะเทือนความก็บังเกิดขึ้นอีกครั้งจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นจับทันทีแล้วสายตาเย็นๆก็ส่งไปให้เด็กสาวผู้มาเยือน

 

“อ้าวว  นี่เธอบาดเจ็บหนิ เลือดยังไหลอยู่ด้วย”จากที่เนร่าดูสภาพของเอมีเลียเหมือนเธอคนนี้จะไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการต่อสู้เลยแม้แต่นิดจนนึกไปว่า เอมีเลียทดสอบรึยัง

 

“จะทำอะไรน่ะ”เนร่าถามเมื่อเห็นเอมีเลียแก้ผ้าที่มัดแผลเธอออกแล้วเปิดดูปากแผลที่เป็นรอยคมเขี้ยวนับสิบซี่รอบหัวไหล่เธอ

 

“จะรักษาให้”ว่าแล้วเอมีเลียก็ใช้มือสองข้างนั้นประกบเข้ากับบาดแผลทันทีก่อนจะทำการร่ายเวทตามมา

 

วาป....

มือของเอมีเลียเรืองแสงสีเหลืองขึ้นความร้อนจากมือของเธอแผ่ขยายมายังบาดแผลของเนร่าก่อนจะหายไป

 

“แผลยังไม่หายดีหรอกนะ แต่มันก็ช่วยให้เลือดหยุดไหลแล้วก็ช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้นอีกประมาณพรุ่งนี้ก็หายเป็นปกติ”เอมีเลียบอกแล้วเอามือออกจากไหล่ของเนร่าที่มองไหล่ขาวๆของเธอที่มีรอยแผลแห้งๆที่ยังปิดปากแผลไม่สนิท

 

“อืม  ขอบใจ”เนร่าบอกขณะที่เอมีเลียยิ้มให้อารมณ์ดี

 

“ขอบอก...ขอบใจอะไร เราเป็นเพื่อนกันนะ” ‘เราเป็นเพื่อนกันนะ’คำนี้ทำให้เธอนึกถึงใครคนหนึ่งในสมัยเด็กๆเพื่อนคนหนึ่งที่เธอไม่เจอมานานเพื่อนที่พบกันโดยบังเอิญได้รู้จักกันและเล่นด้วยกันทุกวันเพียงแค่ระยะเวลาเดือนเดียวเขาก็ลาเธอกลับบ้านเกิดของเขา

 

“เนร่า เป็นอะไรรึเปล่า  เนร่า...”เอมีเลียมองเนร่าที่มีอาการเหม่อลอยจึงเรียกสติให้กลับมา

 

“ว่าอะไรนะ”เนร่าถามอีกครั้ง

 

“เธอเป็นอะไรรึเปล่า คิดถึงใครอยู่เหรอ”

 

“ไม่มีอะไร ชั่งฉันเถอะ”เนร่าตอปัดๆ “นี่”เธอเรียกให้เอมีเลียสนใจ “ดูเธอไม่เป็นไรเลยนะกับการทดสอบนั่นน่ะ ในขณะที่ทุกคนมีอาการย่ำแย่เกือบทั้งนั้น”

 

“ก็ไม่เห็นมีอะไรยากหนิ ฉันใช้ความเร็ววิ่งผ่านด่านทุกด่านเลยก็หมดเรื่อง”

 

“จะบอกก็คือเธอไม่ได้ เดินทางด้วยเท้าเปล่าเลยงั้นสิ”

 

“อืม ก็ประมาณนั้นแหละนะ  อิอิ อาจจะดูเอาเปรียบคนอื่นไปหน่อย แต่ฉันไม่ชอบการต่อสู้นี่นา...”เอมีเลียทำท่าทางเป็นร่าเริง

 

“แล้วเธอออกมานานแล้วเหรอ”เนร่าเปลี่ยนประเด็น

 

“ฉันต่างหากล่ะที่ต้องถามเธอ ว่าเธอออกมานานแล้วเหรอ”

 

“เธอออกมาทีหลังฉันหรอกเหรอ”เอมีเลียพยักหน้ารับ “ฉันเองก็ออกมาก่อนหน้าที่เธอจะวิ่งมาหานั่นแหละ”

 

“อืมๆ งั้นตอนนี้ก็คงต้องรอเวลาที่ทุกคนจะสอบกันเสร็จหมดแล้วล่ะ จากที่ดูเนี่ยคงจะประมาณไม่ถึงร้อยคนมั้ง ไม่น่าเชื่อห้าร้อยสามสิบสี่คนจะเหลือแค่นี้”

 

“เธอรู้ด้วยเหรอว่ามีคนสมัครทั้งหมดกี่คน”

 

“รู้สิ ก็ฉันเป็นคนสุดท้ายที่มาที่นี่ก่อนประตูปิดหนิ ฉันก็เลยรู้จำนวนตอนที่ลงชื่อ”

 

“ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ”

 

“อืม...ประมาณตีสามกว่าๆมั้ง”

 

“งั้นคงต้องรอถึงเช้าใช่มะ ฉันว่าฉันไปหาที่นอนดีกว่าเหนื่อยจนอยากนอนเอาแรงแล้วล่ะ”

 

“เธอจะบ้าเหรอโต๊ะหรือเตียงก็ไม่มี มีแต่พื้นโล่งๆจะนอนกันตรงไหน แถบผู้ชายก็เยอะแยะ”เอมีเลียพูดก็มองผู้คนรอบข้างที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย

 

“ไม่มีโต๊ะเตียงแล้วไง มีผู้ชายเยอะแล้วไง กลัวอะไร”ในความคิดเอมีเลียคงจะคิดว่า เนร่าต้องกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวแน่นอนจะหลับได้แม้กระทั่งในนี้

 

“ฉันไปนะ”เนร่าพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างเธอที่เดินตรงไปยังมุมๆหนึ่งของกำแพง

 

“ไปไหน”เอมีเลียรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ได้คำตอบ “นี่จะนอนตรงนี้เหรอ”เนร่าหย่อนตัวลงพิงกับมุมกำแพงของห้องแล้วทำท่าจะหลับตาลงแต่ก็ต้องลืมมามองเอมีเลียที่นั่งลงข้างๆก่อน

 

“อืม แล้วเธอตามมาทำไมไม่มีโต๊ะไม่มีเตียง นอนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”เนร่าพูดแทงใจดำ

 

“นอนน่ะ นอนได้แต่ฉันไม่กล้า ก็มันไม่เห็นมีใครเขาจะหลับจะนอนกันเลย”

 

“เธอไม่ง่วงเหรอ”

 

“ง่วงสิ”

 

“งั้นก็นอน ใครจะว่าอะไรก็ชั่งมัน”

 

“ดีกว่าอดนอนแล้วไม่มีสมองคิดเรื่องอื่น  พรุ่งนี้ตอนบ่ายต้องสอบข้อเขียนอีก”พูดจบเนร่าก็เอนศีรษะพิงกำแพงแล้วหลับตาลง

 

“เหอะ...หลับง่ายจัง”เอมีเลียถอนหายใจก่อนจะนั่งพิงกำแพงข้างๆเนร่าแล้วหลับบ้าง

 

............................................................................................

เนื้อเรื่องต่อจากนี้มีลงอยู่ในเว็บเด็กดีแล้วครับ

หากใครต้องการอ่านต่อเข้าไปได้ที่ http://writer.dek-d.com/KaODMN/writer/view.php?id=468237

ยังไงก็ช่วยโหวตแล้วก็คอมเม้นให้ด้วยนะครับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา