เพราะร้าย.. ถึงรัก

8.7

เขียนโดย plaayfah

วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 00.17 น.

  41 ตอน
  36 วิจารณ์
  57.70K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ขณะเดียวกัน ทางด้านคุณทับทิม ก็เป็นกังวลที่ลูกสาวคนสวยมีท่าทีแปลกๆไป ตั้งแต่เรียนจบออกมา ยังไม่เห็นจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง เพราะเห็นวันๆหนึ่ง เอาแต่เที่ยวเล่นไปมา ที่บอกว่าจะเรียนต่อก็ยังไม่เห็นว่าจะเตรียมตัวหรือหาที่เรียนแต่อย่างใด ครั้นจะให้ไปเร่งรัดเอาคำตอบ ก็ไม่ใช่วิสัยที่จะไปคาดคั้นลูก ปรึกษาสามี ก็เอาแต่เข้าข้างลูก ว่าไม่อยากบังคับ ปล่อยไปก่อน

 

“เราก็ไม่เห็นจะต้องไปรีบร้อน ส่งลูกให้ไปไกลๆ เราเลยนี่น่า หรือว่าไง มีอะไรอยากบอกผมหรือเปล่า”

 

เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ภรรยาที่ร่วมชีวิตมากว่า 20 ปี มีหรือที่คุณพิภพจะดูไม่ออก ว่าเธอคงมีเรื่องไม่สบายใจ หรือคิดมากอยู่เป็นแน่ แต่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นก็ยากจะรู้ได้

 

“คือจริงๆก็ไม่มีอะไรหรอกคะ ดิฉันอาจจะคิดมากไปเอง” แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ในความจริงแล้ว คุณทับทิมอดจะกังวลไม่ได้ เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของบุตรสาว เพราะหลังจากงานวันรับปริญญามาจนถึงวันนี้ ก็ร่วมเดือนที่ 4 แล้ว แต่ชนัญธิดาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเอายังไงกับชีวิตสักอย่าง เพราะวันๆเอาแต่ออกนอกบ้าน ไปไหนก็ไม่บอกไม่กล่าว พอถามก็บอกว่าออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ซึ่งผิดปกติวิสัยของลูกสาวคนเดียว เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ถึงแม้ว่าบุตรสาวจะเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่ร่าเริง และชอบท่องเที่ยว แต่ก็ไม่เคยปิดบัง ไม่ว่าจะไปที่ไหนกับใคร จะต้องบอกผู้เป็นแม่อย่างเธอเสมอ และที่สำคัญไปกว่านั้น ลูกสาวคนโปรดก็ไม่เคยปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปอย่างเช่นตอนนี้

 

“ทับทิม มีอะไรก็บอกผมนะ อย่าเก็บไปคิดเองคนเดียว รู้หรือเปล่า ผมเป็นห่วงนะ” เอาเถอะ หากนางจะยังไม่ยอมบอกอะไรในตอนนี้ คุณพิภพเองก็ไม่อยากคาดคั้นเอากับภรรยา เพราะด้วยรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี

 

“ค่ะ ถ้ามีอะไร ทับทิมจะบอกคุณนะคะ ว่าแต่ว่า วันนี้คุณไม่ออกไปไหนหรอคะ” ในเมื่อสามีไม่ซักไซ้อะไรมากขึ้น จึงเป็นการดีที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อจะได้ดึงความสนใจออกไปที่อื่นแทน

 

“ว่างจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่า” นึกแปลกใจ มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม ภรรยาของเขาไม่เคยวุ่นวายกับเรื่องของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่บ้าน หรือออกไปไหน เมื่อไหร่ แค่เพียงบอกกล่าวกันเท่านั้น

 

“คือ ทับทิมว่าจะชวนคุณไปเยี่ยมคุณเกริกศักดิ์น่ะค่ะ วันก่อนทับทิมคุยกับคุณแก้ว ได้ข่าวมาว่าไม่ค่อยสบาย ตั้งใจจะแวะไปเยี่ยมหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่ว่างสักที” เหมือนจะเป็นข้ออ้าง แต่ก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะเมื่อสองสามวันก่อน คุณแก้ว หรือ แก้วกานดา อมรพิริยะสกุล ได้โทรศัพท์มาพูดคุยเหมือนเช่นปกติที่ทำกันมาตลอดแต่น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนคนไม่สบาย ถามเท่าไหร่ก็บอกปฏิสเธตลอด และก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องของบุตรชาย ที่ตอนนี้มีข่าวกับนางแบบสาวไฮโซ ซึ่งในตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก และดูท่าทาง รดิศ จะคิดอะไรมากกว่าผู้หญิงคนก่อนๆที่เคยเป็นข่าวด้วย เพราะไม่ว่าคุณแก้วจะถามอะไรไป ก็ดูเหมือนว่าลูกชายตัวดีจะบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ทั้งที่หากเป็นคนก่อนๆ เขาก็จะตอบออกมา ไม่ว่าจะเป็น คิดอะไรมากล่ะครับคุณแม่ ผมก็แค่คบเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมากนักหรอกครับ หรือว่าจะเป็น คุณแม่อย่าไปใส่ใจกับข่าวมากนักเลยครับ ข่าวก็คือข่าว คิดมากก็ปวดหัวตายเลยครับ เป็นต้น แต่คนนี้กลับแตกต่างกันไป เพราะเขากลับบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ หรือหาท่าเลี่ยงจนได้

 

“งั้นหรอ เอาสิ ไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นเกินไป” เมื่อได้รับทราบข่าวว่า คุณเกริกศักดิ์ไม่สบาย มีหรือเขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ในเมื่อเขาและคุณเกริกศักดิ์เป็นเพื่อนกันมานาน ยิ่งเมื่อได้ทำธุรกิจแล้ว เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณเกริกศักดิ์มากมายนัก เพราะฉะนั้น คุณเกริกศักดิ์นอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทของเขาแล้ว ยังนับว่ามีบุญคุณกันมากอีกด้วย

 

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ทับทิมไปบอกให้เด็กเอารถออกเลยนะคะ” ว่าพรางลุกเดินออกไปบอกให้คนรถเอารถออกทันที

 

ทางด้านสาวน้อยที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนากำลังปฏิบัติการสืบหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าที่ผ่านๆมา เธอจะไม่รู้ไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจ แต่เธอรู้ขอบเขตของตัวเองดีว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ในวันนี้ เธอพร้อมที่จะสู้เพื่อหัวใจรักภักดีของเธอ ที่มีต่อชายหนุ่มอันเป็นที่รักยิ่งแล้ว แต่การที่จะพิชิตใจชายหนุ่มผู้นั้น เธอจะเป็นเด็กกะโปโลแบบวันนี้ไม่ได้หรอก ก็ในเมื่อสาวๆที่มีข่าวเกี่ยวพันกับเขาแต่ละคน ต้องสวย ดูดี เป็นผู้หญิงมั่นใจ แล้วเขาจะมาสนใจเธอ ที่ยังทำตัวเป็นเพียงเด็กสาวไม่รู้จักโตอย่างนี้ได้อย่างไร

 

“จะเริ่มยังไงดีนะเรา”  ว่าพรางครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะทำให้เขาสนใจในตัวเธอให้ได้ก่อน แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก แต่จะให้เธอทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินทางไปเรียนต่ออย่างที่ตั้งใจไว้คราวแรก ก็คงทำไม่ได้ ก็จะให้ไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ เขากำลังมีข่าวกับนางแบบสาวสวยไฮโซ ถึงแม้ว่าที่ผ่านๆมา เขาจะมีข่าวกับสาวๆไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ไม่มีคนไหน ที่จะทำให้ชนัญธิดาหนักใจได้เท่าคนนี้ ก็ดูท่าทางคนนี้ จะมีวี่แววว่า เขาจะจริงจังด้วยแล้วหน่ะสิ ตอนนี้ ทางบิดามารดาของเธอก็ยังไม่ได้เร่งรัดเรื่องเรียนต่อมากมายนัก แต่คงอีกไม่นาน หากเธอยังปล่อยตัวเอง ทำตัวไร้สาระไปวันๆแบบนี้ สักวันหนึ่ง ทางบิดามารดาของเธอ คงต้องเร่งรัดเป็นแน่ “ไม่ได้หรอกจะให้ไปแบบนี้หน่ะหรอ ไม่มีทาง ต้องทำอะไรสักย่างแล้วยัยนัญ”

 

“เป็นอะไรไปยัยนัญ นั่งบ่นอะไรคนเดียว เหมือนคนบ้าเลยแก ดูดิ พูดคนเดียว ทำหน้ายุ่งๆอีก เดี๋ยวแก่ก่อนวัย หน้ายับย่น คราวนี้แหละ สิบพี่ดิศก็ไม่เหลียวแลแก” ไอซ์ หรือ ไอรดา เศวตศิลป์ หนึ่งในสี่ของสาวสวยที่เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหาวิยาลัยปีแรกๆ ด้วยหน้าตาหวานสวย จิ้มลิ้มกันทุกคนแล้ว ยังพ่วงด้วยนามสกุลอันโด่งดังจากตระกูลไฮโซ นอกจากนั้น ทั้งสี่สาว ยังมีนิสัยน่ารักเป็นกันเองกับทุกคน ทำให้เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ รุ่นพี่ หรือแม้แต่อาจารย์บางคนต่างก็พยายามสานสัมพันธ์กับทั้งสี่อยู่ต่อเนื่อง แต่เนื่องจากทั้งสี่สาวยังไม่ต้องการข้องแวะกับเรื่องรักๆใคร่ๆ หรือบางคนก็มีคู่หมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ทั้งสี่สาวกลายเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆจนกระทั่งเรียนจบแล้ว

 

“นั่นสินัญ เป็นอะไรไปหืม บอกพวกเราได้นะ มีอะไรก็บอก จะได้ช่วยๆกัน” นิจ หรือ นิจนันท์ นิติธรรมรงค์ สาวสวยท่าทางอ่อนหวาน เรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม เอ่ยหลังจากเดินเข้ามาในบ้าน แล้วเห็นด้วยกับสิ่งที่ไอซ์กล่าว

 

“ไม่มีอะไรหรอก” แม้ว่าจะปฏิเสธ แต่สีหน้าและท่าทางที่ยังไม่คลายความกังวลนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆสบายใจนัก

 

“ไม่มีอะไรได้ไงยัยนัญ แกดูหน้าตัวเองหน่อยมั๊ย ว่ามันกำลังจะเอาทุกอย่างมารวมกันไว้ด้วยกันอยู่แล้วเนี๊ย” กิ่ง หรือ กิ่งกมล กาจนาวิวัฒน์ สาวสวยที่มีความมั่นใจในตัวเอง บวกกับนิสัยที่พูดจาตรงไปตรงมา ทำให้หลายๆครั้ง ที่คนอื่นซึ่งไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคย จะรู้สึกไม่พอใจกับการพูดไม่รักษาน้ำใจ แต่ในบรรดาสาวๆกลุ่มนี้แล้ว ไม่ทำให้รู้สึกอะไรได้มากนัก เพราะความเข้าใจกันดี

 

“ไม่มีอะไรจริงๆย่ะ นัญก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยแหละ ว่าจะทำยังไงกับตัวเองต่อไปดี จะไปเรียนต่อเลย หรือจะเอายังไง”

 

“อ้าว ทำไมล่ะ หรือว่าคุณพ่อคุณแม่เร่งมาแล้ว” กิ่งเอ่ยเมื่อได้คำตอบที่พอใจ

 

“ก็ยัง แต่ว่านัญจะปล่อยตัวเองไปวันๆแบบนี้ มันจะได้อะไรล่ะ เสียเวลาเปล่าๆ อีกอย่าง ไม่นานหรอกคุณแม่ก็คงต้องพูด นี่ก็เหมือนจะเอ่ยปากอยู่หลายครั้งแล้วนะ แต่คงติดที่คุณพ่อไม่เอาด้วย เลยยังไม่มาอะไรมาก” เมื่อได้ระบายความกังวลออกไปบ้าง ก็ทำให้หน้าตาคลายความกังวลลงไปได้มาก เหลือเพียงแค่ความคิดที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้

 

“แล้วจะทำยังไง จะไปเรียนต่อพร้อมนิจเลยมั๊ย” เพราะเคยคุยกันไว้ ว่าจะไปเรียนต่อพร้อมๆกันเมื่อก่อนจะเรียนจบปริญญาตรี แต่ไอซ์กับกิ่ง ต้องช่วยงานธุรกิจที่บ้านก่อน จึงต้องเลื่อนการเดินทางออกไป ส่วนนิจนันท์ เพราะครอบครัวยังมีพี่ชายคอยดูแลกิจการของครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก จึงจะทำตามกำหนดเดิม คือจะเดินทางไปศึกษาต่อทางด้านการตลาดเพิ่มเติมทันที

 

“ได้ยังไง แล้วพี่ดิศล่ะนัญ แกจะทิ้งเอาไว้ให้ยัยนางแบบอะไรนั้นหรอ คิดดีแล้วหรอแก๊” หลังจากเดินออกมาจากครัวที่อยู่ติดกันและได้ยินแค่ว่าเพื่อนสาวจะไปศึกษาต่อ กิ่งแก้วก็ส่งเสียงดังออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่ออกมา

 

“ยัยกิ่ง ทำเสียงดังไปได้ ยัยนัญยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลยสักอย่าง โวยวายไปได้” ไอซ์ต่อว่าเพื่อน หลังจากสิ้นเสียงดังโหวกเหวกจากในครัว

 

“พอๆ พอได้แล้ว จะช่วยเพื่อน หรือว่าจะทำให้เพื่อนปวดหัวหนักกว่าเดิมกันนะพวกนี้นี่” นิจส่ายหน้าระอากับกิริยาของบรรดาเพื่อนๆ ที่ทะเลาะกันเป็นประจำไม่ว่าจะเรื่องเล็กใหญ่ก็ตาม

 

“แล้วนัญว่าไง คิดยังไงล่ะ” หลังจากทุกคนอยู่ในความสงบ นิจนันท์ก็หันมาถามกับเจ้าทุกข์ เอ้ย เจ้าของปัญหา

 

“ก็ ใจจริงก็ยังไม่อยากไปเรียนต่อตอนนี้หรอก ไม่รู้สินิจ นัญไม่ไว้ใจยัยนางแบบนั่นเลย” พูดไป เสียงก็อ่อยลงเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองกำลังกลัว

 

“ไม่หรอกมั้ง เดี๋ยวก็เหมือนคนอื่นๆ พี่ดิศเองก็ยังไม่ได้อะไรกับเขามากนักนี่ เห็นในสัมภาษณ์วันก่อน ยังไม่ตอบเลยที่นักข่าวถามว่า คนนี้เป็นตัวจริงแล้วหรือยัง” ไอซ์ออกความเห็น เมื่อเห็นเพื่อนสาวคนที่สดใสร่าเริง หง่อยเหงาลงมากขนาดนี้ เพียงเพราะคนๆเดียว

 

“แต่พี่ดิศก็ไม่เคยคบกับใครนานขนาดนี้เลยนะไอซ์ นัญกลัวจริงๆนะ นัญจะทำยังไงดี” พูดได้แค่นั้น น้ำตาที่เอ่อคลอตาหวาน ก็หยดลงบนแก้มนวล เป็นภาพที่ดูน่าสงสารยิ่งนัก

 

“งั้นเอางี้สิ นัญก็ขอไปฝึกงานกับพี่ดิศเลยสิ จะได้เกาะติดสถานการณ์ตลอด จะได้รู้ไปเลยว่า พี่ดิศคิดยังไงกับยัยนางแบบนั่น แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะทำยังไงต่อไปดี” กิ่งแก้วที่เดินออกมาจากครัวและฟังการสนทนาได้สักครู่หนึ่งเอ่ยออกมาในที่สุด และดูเหมือนจะเป็นความคิดที่เข้าท่าซะด้วย เพราะทำให้คิดตาม และพยักหน้าในที่สุด

 

 

***อ่านจบแล้วเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ***

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา