Bad Boy & Girl ... ภารรักภารกิจร้าย

7.1

เขียนโดย zomii

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 21.03 น.

  35 บท
  144 วิจารณ์
  52.03K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เมล์นรก!! ฉันจะลงป้ายหน้า~

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       

        ฉันตัดสินใจนั่งรถพ่อเนื่องด้วยยังงอนไอ้พี่ต้นมันอยู่แล้วอีกเหตุผลหนึ่งก็คือมันเป็นทางผ่านพอดี ตอนแรกไอ้พี่ต้นมันบอกว่าจะไปส่งถึงที่ เห็นว่านัดกับเพื่อนอะไรนี่แหละแต่เรื่องอะไรฉันจะไปขืนให้ไปด้วยพี่บ้าก็จิ๊กเงินฉันไปหมดอะดิอุตส่าอ้อนวอนน้าให้เก็บอังเปาไว้ให้

    

        พอถึงทางแยกระหว่างทางไปบ้านน้ากับที่ทำงานของปาปี๊ (กระเดะเชียวช้านนน) พอลงรถเสร็จก็มาขึ้นรถประจำทางต่อ ตอนนี้ก็ประมาณสิบ สิบเอ็ดโมงเช้าแล้วคนจึงไม่ค่อยมีฉันเลือกนั่งเบาะถัดจากประตูสองสามที่นั่งติดหน้าต่างตากลมเย็นๆฟังเพลงเพราะๆจากเครื่องเอ็มพี3

    

        ระหว่างทางไปบ้านน้ารถที่ฉันนั่งมาผ่านหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่อีกฝั่ง จากที่ฉันสังเกตมีนักเรียนชายร่วม 30 กว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันหรือมากว่านั้นไม่น่าจะเกิน 2-3 ปี มายืนรวมตัวกันด้านหน้าโรงเรียนโดยมีครูอาจารย์สองสามคนและตำรวจยืนปนอยู่ด้วย ฉันเอียงซ้ายแลขวาชะเง้อดูว่ามีอะไรหรือเปล่าเผื่อจะได้ไปช่วยเป็นไทยมุ่ง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรฉันจึงหันกลับไปทางหน้าต่างเช่นเดิมแต่ก็ต้องชะงักเพราะพอรถขับเลยหน้าโรงเรียนมาพอประมาณก็มีผู้ชายในชุดนักศึกษาสีขาวกับกางเกงยีนส์กลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนรถ ร่วม 20 คนได้ แยกตัวกันเป็นกลุ่ม อยู่หน้ารถกลุ่มหนึ่งหลังรถอีกกลุ่ม ยืนเกาะประตูอีกสองคน

    

        ฉันมองซ้ายมองขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่ก็แปปเดียวฉันก็นั่งหันไปทางหน้าต่างอีกครั้ง ระหว่างที่ฉันกำลังซาบซึ้งกับบทเพลงอันไพเราะเสียงของวัยรุ่นกลุ่มหลังรถก็ดังกลบหมด 'ไม่รู้ว่าจะตะโกนหาพระแสงของ้างไงวะ! คนจะฟังเพลง!' ฉันหันไปมองค้อนไอ้คนพูดโดยที่มันไม่รู้ตัวและในขณะที่ฉันขยับตัวด้วยความอึดอัดก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่มาจากไอ้กลุ่มนั้นมานั่งข้างๆ... ฉันหันไปมองแวบหนึ่งก็สบเข้ากับดวงตาสีดำเข้มที่มามองมาเช่นกัน ฉันจึงยิ้มให้เล็กน้อยอย่างมีไมตรี แต่ได้การเมินพร้อมถอนหายใจอย่างรำคาญมาให้ เง้อหน้าแตกอะ คนบ้า!!! ขี้เก๊กเอ๊ย ชิ!!!

    

        ฉันหันหน้ากลับไปทางหน้าต่างอย่างหัวเสีย คนอะไรน่าตาก็ดี ขาว จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางเฉียบ ผมซอยสไลซ์ระต้นคอ ร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาปล่อยชายกับกางเกงยีนส์ 'หล่อมาก อ๊าก!ฉันเป็นอะไรเนี่ย!!! จะไปชมอีตานั้นทำไม เหอะ! เซ็งตัวเอง'

    

        "ฮัลโหล เฮ้ย! เมิงอยู่ไหนวะ พวกกูอยู่บนรถกันครบแล้วนะโว๊ย... เออๆๆ" เสียงตะโกนคุยโทรศัพท์จากทางด้านหลังดึงความสนใจจากฉันและคนข้างๆ ให้หันกลับไปมอง

     

        "ใครวะ" อีตาขี้เก๊กหันไปถาม

    

        "ไอ้ก๋า มันบอกว่ากำลังขึ้นมอไซต์มาเดี๋ยวคงถึง" อีกฝ่ายตะโกนตอบกลับ

    

        'มันจะตะโกนกันทำไมวะอยู่ห่างกันแค่เอื้อมมือ เดี๋ยวแม่ตบปากฉีกเลยนี่ หึๆๆ' ได้แต่คิดแค้นอยู่ในใจเพราะทำอะไรไม่ได้

    

        ฉันรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้มันนานกว่าที่ควร เพราะมีไอ้พวกหูตึงพวกนี้อยู่ใกล้ๆแน่ๆ  อ่า...ใกล้ถึงแล้วๆ ฉันจำได้ เดี๋ยวพอถึงป้ายหน้าก็ลงได้เลย ฮิฮิ แต่ไม่รู้ว่ามีการนัดแนะกันหรือเปล่า หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นในชุดนักเรียนนักศึกษามันดันโวยวายเสียงลั่นรถ

    

        "เฮ้ยๆ นั้นมันไอ้โก่งนี้หว่า O_o! ใช่มั้ยๆ" มันโวยวายถาม พอได้คำตอบว่าใช่แค่นั้นแหละ

    

        "แม่ง เห็นหน้าแล้วยิ่งหมั่นไส้ กวนส้นตีน ไอ้สั-ว์เอ๊ย แม่งเอาระเบิดมาปาหัวมันดิ เชี่ยเอ๊ย!" 

    

        ฉันสะดุ้งกับคำพูดนั้น ระเบิด หมั่นไส้ กวนตีน ไอ้สั-ว์... หรือว่า มันจะตีกันอะ!! มันจะตีกันแบบในข่าวแน่ๆเลย แย่แล้ว!! แล้วๆ นี้ก็บนรถเมล์ ที่พวกวัยรุ่นในข่าวมันชอบมาตีกัน โอ้ไม่นะ!! ฉันเริ่มหน้าเสียแต่ก็ไม่สู้ป้าที่นั่งแถวๆด้านหลังที่ไอ้คนนั้นมันไปยืนตะโกน ตอนนี้ตัวแกเริ่มสั่นน้อยๆแล้วตอนนี้

     

        "เฮ้ยๆ!!! มันวิ่งไปตามพวกมาแล้วนั้น แม่งพวกเมิงดู!!" ไอ้คนที่ตะโกนก็ตะโกนอย่างต่อเนื่อง ไอ้คอโทรโขงเอ๊ย!

    

        นายขี้เก๊กที่นั่งข้างๆฉันก็ลุกขึ้นเดินไปดูเหตุการณ์อย่างรีบร้อน ตอนนี้กลุ่มวัยรุ่นในรถเมล์เริ่มวุ่นวาย ผู้โดยสารคนอื่นก็เริ่มมีสีหน้าวิตกเช่นกัน ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งจากที่นั่งไปทางด้านหน้าซึ่งคงจะเป็นแม่ของเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่ก่อนแล้วด้วยความตกใจ ตอนนี้ฉันก็ไม่อยากอยู่แล้วเหมือนกันบรรยากาศไม่ค่อยดี เดี๋ยวป้ายหน้าก็ลงแล้ว เฮ้ออออ โล่งอก~ ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้รถแล่นไปสู่เป้าหมายโดยเร็ว

    

        "เฮ้ย! เมิงไปบอกคนขับว่าป้ายหน้าไม่ต้องจอด! ส่วนเมิงเฝ้าประตูไว้ดีๆนะโว๊ย!!!" ไอ้คอโทรโขงมันตะโกนสั่งเพื่อนที่อยู่ด้านหน้า หึ! ห้ามจอดหรอ แบร่ ห้ามก็ห้ามไปสิยังไงฉันก็ลงป้ายต่อไปอยู่แล้วหึๆๆ

    

        ตะ ตะ...แต่! T_T แงแง ก็ป้ายต่อไปของฉันมันคือป้ายหน้าอะดิทำไงดีแย่แล้วๆ

    

        "เอาโซดามาเร็วๆ!" ไอ้ขี้เก๊กตะโกนสั่งพักพวก สักพักไอ้คนที่ยืนเฝ้าประตูก็ลุกลี้ลุกลนยื่นขวดโซดามาแจกจ่ายให้ไอ้พวกที่อยู่หลังรถและหน้ารถ

    

        ฉันมองขวดโซดาที่สามารถซื้อได้อย่างง่ายดายตามท้องตลาด ถูกส่งต่อจากมือสู่มือของไอ้พวกวัยรุ่นและตอนนี้ขวดโซดาก็อยู่ในมือพวกวัยรุ่นศึกษาอันธพาลเกือบทุกคนแล้ว ฉันเริ่มมองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างกังวลอีกเดี๋ยวรถก็เลี้ยวขวาตรงหน้าก็ถึงที่หมายที่ฉันจะลง... แต่มันลงไม่ได้! ทำยังไงดีเนี่ย ในขณะนั้นเองสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งจากการแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพวกเดียวกับไอ้พวกอันธพาล ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก้าวเท้าออกมายืนกลางรถ มือทั้งสองข้างกุมกันไว้ด้านหน้า อีกทั้งหน้าตาที่ดูดีไม่มีพิษมีภัยอะไรแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมมนถูกวางบนดั้งโด่งเป็นสันดูดีทีเดียว ผมสีน้ำตาลแกมแดงซอยสไลซ์ประบ่า รับกับผิวขาวๆ อ๊าก! ฉันเแทบจะกระโดดกัดหูตัวเอง คิดอะไรไม่ดูสถานการณ์ เวลานี้ฉันควรกังวลใจแบบสุดๆสิ จะมามัวชมผู้ชายได้ไงเล่า!

    

        "พวกเราต้องขอโทษด้วยในความไม่สะดวก แต่... ใครมีอะไรที่พอจะป้องกันตัวได้ก็ขอให้รีบป้องกันตัวไว้ซะ..." พอถึงประโยคนี้นายแว่นสุดหล่อก็หันมาทางฉัน เราสองคนสบตากันประมาณ 3วินาที ฉันจึงรีบพยักหน้ารับรู้ไปให้ (โดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน) นายแว่นก็หันไปพูดต่อ "พวกเราก็ไม่อยากทำแบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่มันจำเป็นจริงๆ!" พอพูดจบนายแว่นก็โครงหัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ช่างเป็นคนที่น่ารักจริงๆ แต่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็น! ประเด็นที่แท้จริงก็คือฉันจะลงป้ายหน้าต่างหาก!!

    

        อะฮ้า!! เหมือนสวรรค์ได้ยินคำร้องขอของฉันทำให้รถคันนี้ติดไฟแดง ไฟแดงๆ ฉันรักไฟแดงที่สุดเลยตอนนี้ พอไฟแดงปุ๊บประตูทั้งสองบานก็พร้อมใจเปิดขึ้นปั๊บ เย้ ฉันรอดแล้ว โย้ๆเย้ๆวะฮู้! ฉันรีบลุกจากที่นั่งทันที แต่ก็ต้องกลับมานั่งจุ้มปุ๊กที่เดิม เนื่องด้วยคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายพี่ๆน้าๆอาๆ สรุปก็คือพวกผู้ใหญ่นั่นแหละพากันตาลีตาเหลือกแย่งกันลงจากรถกันจ้าระหวั่น ดันฉันกลับมานั่งที่เดิม ช่างเป็นคนไทยที่น่ารักกันจริงๆ แต่ฉันก็ไม่ว่าคนพวกนี้หรอก เป็นใครก็หวงชีวิตของตัวเองทั้งนั้น แต่ฉันไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง ฉันเป็นเด็กนะ เป็นอนาคตของชาติทำไมไม่ให้ฉันลงก่อนเล่า!

    

        ในระหว่างที่รอ ฉันก็รีบเก็บเอมพี3และโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพานข้างลำตัว เพื่อความปลอดภัย พอทุกคนลงกันไปจนหมด ฉันจึงรีบลุกขึ้นตรงดิ่งไปทางประตู ขณะที่ฉันกำลังก้าวลงบันไดก็รู้สึกถึงมือเล็กๆที่กระตุกชายเสื้อ ฉันหันไปมองอย่างสงสัย ที่แท้ก็เป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง ฉันจับแขนน้อยๆนั้นแล้วส่งเด็กหญิงคนนั้นลงจากรถ แล้วก็ถึงตาฉันบางล่ะทีนี้ ยะฮู้! พอฉันก้าวลงบันไดปุ๊บประตูก็ปิดปั๊บรถก็แล่นออกแทบจะทันที เฮ้อออ รอดแล้วเรา...

    

        ครื้นๆๆ

    

        แง!!!TOT รอดบ้ารอดบออะไรเล่า!  ตอนนี้ตัวฉันนั่งจุ้มปุ๊กอยู่เชิงบันไดรถอย่างน่าอนาถ...ฮือ...พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกตาลด้วย...ฮือ...ฉันนั่งน้ำตาคลอเบ้าด้วยสงสารตัวเอง น้ำใสๆเริ่มเอ่อออกมาช้าๆตาของฉันเริ่มพร่างมัวแล้วตอนนี้

    

        "เฮ้ เธอมานั่งทำซากอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย!"

    

        "ฉันกำลังนั่งร้องไห้ไม่ได้นั่งทำซากโว้ย!!!  เหวอๆๆ" ฉันลุกขึ้นโวยวายอย่างเหลืออด ช่วงที่รถกำลังเลี้ยวทำให้ฉันเสียหลักพุ่งไปข้างหน้า อ๊ากหน้าช้านนนน!!

    

        "โอ๊ย!!!" ฉันหลับตาปี๋

    

        "เธอจะร้องทำไมวะ!!" เสียงห้าวแต่ทว่านุ่มลึกน่าฟังสบถออกมาอย่างหัวเสีย

    

        อ๊ะ! ฉันค้นพบว่าตัวเองกำลังนอนทับซากอะไรซักอย่างอยู่!?

    

        "ข...ขอโทษๆ...ขอโทษที" ฉันรีบเด้งลุกทันควัน เพราะดันไปล้มทับซาก เอ๊ย อีตาขี้เก๊กนั่นเข้าเต็มๆ

    

        "เหอะ" เสียงฮึดฮัดในลำคอของเขาทำเอาฉันเลือดพุ่งพล่าน โธ่เว้ย คนมันไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจท่าทางที่กำลังจะเต้นแร้งเต้นกาของฉันซักเท่าไหร่ ฮึ้ม! มันน่าโมโหนัก

    

        ตอนนี้บนรถเมล์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ฉันไม่สามารถมองออกไปด้านนอกได้เลย เพราะพวกวัยรุ่นต่างพากันไปประจำเบียดเสียดยัดเยียดกันตรงหน้าต่างเต็มหมด ฉันหันรีหันขวางไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตดี

    

        "เฮ้ยๆ พวกเมิงเตรียมตัวให้พร้อมตอนนี้เราอยู่ในถิ่นมันแล้ว" เสียงใครซักคนดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงขานรับในลำคอของคนอื่นๆ

    

        ยะ แย่แล้ว ฉันค่อยๆเกาะเก้าอี้ไปนั่งคู้ตัวใต้เบาะที่ที่ฉันนั่งตอนแรก ฉันรู้สึกถึงมือและตัวอันสั่นเทาของตัวเอง น้ำตาที่แห้งไปแล้วทำท่าจะเอ่อออกมาอีกครั้ง...ฮือ...ทำไมฉันซวยแบบนี้นะ รู้งี้ให้พี่ต้นมาส่งดีกว่า ฉันคิดพลางเขลกหัวกะบาลตัวเอง โง่ๆๆๆ...ฮือๆ... T_T

    

        เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ในหูของฉันได้ยินแต่เสียงโวยวายที่ดังกลบกันไปมาจนฟังไม่รู้ศัพท์ ไหนจะเสียงสะอื้นของตัวเองอีก ฉันกระชับแขนกอดตัวเองแน่นกว่าเก่า เมื่อได้ยินเสียงวัตถุอะไรซักอย่างมากระทบรถอย่างต่อเนื่อง

    

        -ปังๆๆๆๆๆๆ- -เพล้งๆๆๆๆ-

    

        ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไม่กล้าแม้จะลุกขึ้นไปดูเหตุการณ์ และตอนนี้ฉันได้ยินเสียงร้องโอดครวญของใครซักคนหรือหลายคน

    

        -บรื้นๆๆๆ- -เอี๊ยดดดดดด- โครม!!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา