พันธะหัวใจ...ดวงใจรักซาตาน

10.0

เขียนโดย RATH

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 23.22 น.

  12 chapter
  53 วิจารณ์
  93.79K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3 คู่แข่งหัวใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

http://www.keedkean.com

 

 

บทที่ 3 

 


คู่แข่งหัวใจ 

 

 


ประภพมีฐานะเป็นพี่ชายของภาคีนัยบิดาของประภพมีศักดิ์เป็นพี่ชายมารดา ภาคีนัยจึงเรียกบิดาของประภพว่า...ลุง ประภพแต่งงานมีครอบครัวแต่ยังไม่มีหลานให้แก่ตระกูลเกียรติภูมินทร์ ถึงประภพจะพยายามมาแล้วหลายครั้งหลายทาง แม้กระทั้งเส้นทางทรงเจ้าเข้าผีก็ไร้ผล ประภพหมดความพยายามที่จะมีลูกและทายาทให้แก่ตระกูลทำให้บรรยากาศในตระกูลเกียรติภูมินทร์ไม่สู่จะดีมากนัก ส่งผลให้ภาคีนัยไม่ต้องการจะกลับบ้านมารับรู้ปัญหาต่างๆ ภาคีนัยไม่ชอบบรรยากาศ อึมครึม มืดมิดเหมือนฝนจะตก ฟ้าจะผ่า อันมีความหมายใกล้เคียงกับเสียงทะเลาะวิวาทกันระหว่างพี่ชายและคุณกานดาภรรยาผู้เป็นคู่ชีวิตกันมาห้าปี ภาคีนัยทำงานหนักและรู้สึกเหนื่อยจึงเบื่อหน่ายที่จะต้องมารับรู้ปัญหาภายในครอบครัวของพี่ชายและภรรยา จึงอาศัยนอนที่คอนโดส่วนตัวเป็นการถาวรมาหลายเดือน การหายตัวไปอาศัยหลับนอนอยู่ที่คอนโดของภาคีนัยทำให้บิดา มารดา โทรตามมาทานอาหารเย็นด้วยเป็นครั้งคราว วันนี้ภาคีนัยหลีกเลี่ยงคำชักชวนกึ่งบังคับของบิดามารดาไม่ได้จึงยอมเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน ก่อนจะเข้าบ้านภาคีนัยมองตรงไปยังบ้านหลังเล็กของพี่ชาย วันนี้ดูเงียบสงบบรรยากาศดีผิดปกติคงไม่มีเรื่องน่ากลัวอะไรเกิดขึ้นหรอกนะภาคีนัยคิดมันอยู่ในใจ ถึงภาคีนัยจะไม่มั่นใจมากนักเพราะบรรยากาศวันนี้ดูเหมือนฝนจะตกฟ้าจะผ่าอยู่บ้าง ความรู้สึกมันบอกไม่ถูกเช่นกันเหมือนลางบอกเหตุจะมีการทะเลาะวิวาทของครอบครัวพี่ชายอย่างแน่นอนภาคีนัยจึงมองไปยังคนรับใช้ที่กำลังเดินตรงออกมาตอนรับเขาเข้าบ้าน... 

 

“วันนี้คุณภพกับคุณกานดา..อยู่บ้านมั้ย....” 

 

ภาคีนัยออกปากสอบถามด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ แก่คนรับใช้เป็นหญิงสาวหน้าตาดีท่วงท่าคล่องแคล้ว มีรอยยิ้มบอกเลศนัยแก่นกะโหลกกะลาเธอจะพูดจีบปากจีบคำเพื่อจะได้ให้มองเห็นภาพเหตุการณ์จริงเวลาพูดหรือเล่าเรื่องแม้สิ่งที่ภาคีนัยต้องการจะรับรู้คำตอบจากสาวใช้ก็แค่คำว่าคุณภพอยู่คะหรือคุณกานดาไม่อยู่คะ...แต่สาวใช้ในบ้านจะเป็นนักเล่านิทานนักบรรยายเนื้อเรื่องเหมือนกับพวกนักเขียนนิยายหรือนักแต่งเรื่องสั้น.... 


อยู่คะคุณนัย คุณภพเพิ่งกลับจากที่ทำงานหน้าตาอิดโรยเหมือนคนขาดสารอาหารใกล้จะหมดลมหายใจคะ ส่วนคุณกานดาเธออยู่บ้านทั้งวันประกอบพิธีเข้าฌานเพื่อจะได้บรรลุถึงญาณขั้นเทพไม่ไปไหนเลยคะ เมื่อตอนเช้าก่อนที่คุณภพจะไปทำงานคุณกานดาเธอทะเลาะกับคุณภพ ขว้างปาแก้วน้ำ กับแจกันที่เธอปลุกเสกแล้วใส่คุณภพดีที่หลบทันแต่น้ำนองเลอะเทอะ เต็มพื้นบ้าน เศษแก้ว เศษกระเบื้อง กระจายไปทั่วหนูต้องคอยตามเก็บตามกวาดเหนื่อยมากจริงๆ คะคุณนัย หนูสงสาร...สงสารคุณภพเธอคะ ถ้าคุณภพเธอหลบหลีกอาวุธปลุกเสกด้วยฌานของญาณขั้นเทพของคุณกานดาไม่ทัน รับรองหัวแตกหรืออาจจะขาดใจตายด้วยอาวุธที่ลงคาถาอาคมปลุกเสกอย่างดีต้องเข้าโรงพยาบาลก่อนจะได้ไปทำงานแน่คะคุณนัย คุณกานดาเธอบรรลุญาณขั้นเทพแล้วจริงๆ นะคะคุณนัย ขนาดอยู่แต่บ้านทั้งวันยังสามารถจับได้ว่าคุณภพแอบไปมีเมียน้อยกับลูกอยู่นอกบ้าน หลักฐานอยู่ในโทรศัพท์ของคุณภพเธอคะคุณนัย คุณกานดาเธอน่ากลัวม้ากมากคะ เวลาโกรธหรือโมโหคุณกานดาเธอจะเปล่งเสียงกรีดร้องกรี๊ดๆคลายเสียงจิ้งหรีด แต่หนูคิดว่าเหมือนคนเป็นบ้ามากกว่าจิ้งหรีดคะ หนูยอมรับนับถือคุณกานดาเธอจริงๆ นะคะคุณนัย เก่งจริงๆ รู้ได้ไงว่าคุณภพแอบไปมีเมียน้อยแถมมีลูกด้วยกันอีกขนาดอยู่แต่ในบ้าน คุณนัยคิดว่าคุณกานดาเธอเก่งมั้ยคะ” 

 

พอ...พอ..พอแล้วแจ๋วแหววฉันไม่อยากจะฟังแก่เล่าแล้ว และฉันก็ไม่ใช้พรรคพวกของแก่มาค่อยสนับสนุนความคิดเห็นของแก่ด้วย 


 

“อุ๊ย! ยังมีต่ออีกนะคะคุณนัย...คุณนัยไม่อยากรู้หรือคะ ว่าตอนนี้กำลังจะเกิดอะไรขึ้นที่บ้านคุณภพ” 

 

“ไม่ละ แกไม่เล่าฉันก็พอเดาออกได้เอง” 


“คุณนัยเก่งนะคะ เก่งเหมือนคุณกานดาเธอเลย ขนาดหนูอยู่กับคุณกานดาด้วยตลอดเวลายังต้องคอยไปแอบดูแอบฟังเลยถึงจะรู้”  

 

 

“เออข้าเก่ง แกมีอะไรก็ไปทำต่อเถอะหรือไม่มีอะไรจะทำก็ไปแอบดูแอบฟังต่อเถอะ” 

 

“คุณนัย ไม่แนะนำหนูก็ทำอยู่เป็นประจำแล้วละคะ”  

 

ภาคีนัยไม่อยู่รอฟังคนรับใช้เล่าอะไรให้ฟังอีกต่อไปเดินเข้าไปในบ้านทันทีภาคีนัยพบบิดามารดานั่งทานของว่างอยู่ที่ระเบียงจำพวกผลไม้รสหวานและเปรี้ยว กาแฟ ขนมหวานสองสามชนิด ภาคีนัยเดินเข้าไปกล่าวทักทายบิดามารดาก่อนนั่งลงทานผลไม้บนโต๊ะ ภาคีนัยไม่มีเรื่องอะไรจะต้องพูดคุยกับบิดามารดามากมายนักนอกจากเรื่องงาน ซึ่งบิดาก็ไว้ใจให้ภาคีนัยบริหารงานในบริษัทอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องพูดคุยหรือรายงานอะไรกันอีก ส่วนเรื่องที่ภาคีนัยต้องคอยตอบคำถามรายงานเป็นประจำก็คือเมื่อไรเขาถึงจะแต่งงานมีครอบครัวมีหลานชายหลานสาว... บิดามารดาต้องการจะอุ้มหลานใกล้จะลงแดงตายอยู่แล้วภาคีนัยคิดมันขึ้นในใจจากคำพูดของบิดามารดาที่ผ่านมาหลายปี ภาคีนัยจะพูดบ่ายเบี่ยงเป็นประจำโดยจะให้คำตอบบิดามารดาซ้ำๆกันหลายครั้งเช่น... 

 

“ผมยังไม่มีคนที่ถูกใจครับคุณพ่อ คุณแม่” 

 

บิดาและมารดาก็จะหยุดสอบถามภาคีนัยไปสักอาทิตย์ แล้วก็จะกลับมาถามภาคีนัยใหม่ด้วยคำถามเดิมจนภาคีนัยต้องค้นหาคำตอบแบบใหม่ให้แก่บิดามารดา... 

 

“รอหลานของพี่ภพอีกสักปีก่อนได้มั้ยครับ ผมไม่อยากมีลูกก่อนพี่ภพ” 

 

เวลาผ่านมาห้าปีพี่ชายนามว่าประภพก็ยังไม่มีหลาน คำตอบแบบที่สองของภาคีนัยก็ไม่สามารถใช้ได้อีกภาคีนัยจึงคิดค้นหาคำตอบบ่ายเบี่ยงแบบใหม่อีกครั้ง... 

 

“ผมมีคนที่ถูกใจแล้วครับ เรากำลังศึกษานิสัยใจคอกันอยู่ คิดว่าสิ้นปีนี้ผมอาจจะมีข่าวดีให้คุณพ่อกับคุณแม่ครับ” 

 

จากคำตอบบ่ายเบี่ยงล่าสุดของภาคีนัยเวลาที่กำหนดไว้ก็มาถึง ภาคีนัยกำลังคิดหาคำตอบอย่างใหม่ให้แก่บิดามารดา ภาคีนัยคิดหาเหตุผลที่จะบ่ายเบี่ยงอย่างอื่นแต่ก็ยังคิดไม่ออก ภาคีนัยกลุ้มในจิตใจและหัวใจอย่างมาก ภาคีนัยจึงตั้งสติพร้อมมีสมาธิและถามใจตัวเองอย่างจริงจังหรือเขาจะแต่งงานดีปัญหาทุกอย่างก็จะหมดสิ้นไปและจะได้ไม่ต้องมาคอยนั่งตอบคำถามหรือรายงานบิดามารดาอีกในช่วงความคิดอันสับสนวุ่นวาย ภาคีนัยนึกถึงผู้หญิงสาวสวยที่มีดวงตาอันซับซ้อน แข็งแกร่ง...เมทินี...ที่เดินเข้ามาอยู่ในหัวใจและความคิดของภาคีนัย เมทินีทำงานกับเขามาครบหนึ่งเดือนแล้วเขาชอบบุคลิกท่าทางหลายอย่างของหญิงสาวเวลาอยู่ใกล้กับเธอเขาจะหัวเราะอย่างมีความสุขพูดคุยเล่นด้วยแล้วสนุก อยู่กับเธอเขาต้องปั้นแต่งสีหน้าเงียบขรึมให้ผิดปกติและที่สำคัญเธอไม่สนใจเขาเหมือนอย่างผู้หญิงบางคนที่คอยประจบหวังประโยชน์หลายๆอย่างจากเขา ภาคีนัยต้องการให้หญิงสาวสนใจเขาบ้างแต่ก็แปลกที่เธอไม่มีทีท่าให้ความสนใจเขาเลยแม้ใจวันแรกที่เจอกันเธอจะชมว่าเขาหน้าตาดี รูปหล่อก็ตาม ส่วนแฟนสาวที่คบหาดูใจกันมาเกือบปีเขาไม่นึกถึงและให้ความสนใจอีกเลยความคิดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ผู้หญิงที่มีชื่อว่าเมทินีปรากฏตัวขึ้นมันทำให้หัวใจของภาคีนัยเรียกร้องหาหญิงสาวดวงตาแข็งแกร่ง แต่เศร้ามันเกิดอะไรขึ้นในหัวใจของภาีคีนัยคนนี้กันแน่เขาชอบผู้หญิงเป็นหม้ายพร้อมลูกติดเรือพ่วงสามลำอย่างนั้นหรือภาคีนัยถามหัวใจตัวเองหลายครั้งหลายรอบก็หาคำตอบให้หัวใจตัวเองไม่ได้ลองสอบถามบิดามารดาดูดีกว่าเพื่อเขาจะได้คำตอบอะไรบ้าง ภาีคีนัยปรับแต่งสีหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดประโยคที่ต้องการออกไป...

 

“คุณพ่อคุณแม่ครับ ถ้าผมเกิดชอบและอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกติดเรือพ่วงแล้วสามลำคุณพ่อคุณแม่จะตกลงให้ผมแต่งงานมั้ยครับ” 

 

บิดามารดาของภาคีนัยมองสบตากันแล้วอมยิ้ม ภาคีนัยคิดว่าบิดา มารดากำลังคิดว่าเขากำลังพูดเล่นสนุกๆอยู่แน่และคำตอบของบิดามารดาก็คงตอบแบบเล่นๆสนุกๆไม่จริงจังเช่นกันแต่อย่างไร ภาคีนัยก็ต้องการจะฟังคำตอบแม้มันจะเป็นคำตอบแบบสนุกไร้สาระก็ตามหัวใจอันเร่าร้อนเต้นแรงอย่างรอคำตอบของบิดามารดา ภาคีนัยทำสีหน้าเป็นปกติเมื่อสบตาบิดามารดาและยิ้มล้อเลียนบิดามารดาด้วยเช่นกัน... 

 

“นัยลูกพ่อตลอดเวลาสี่ห้าปีลูกพ่อต่างคิดหาเหตุผลมาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งงานไม่ยอมไปดูตัวจากเหตุผลร้อยแปดพันเก้า พ่อกับแม่พอเข้าใจและคิดว่าเหตุผลบ่ายเบี่ยงล่าสุดของลูกทำให้พ่อและแม่อึ้ง ทึ่ง และเสี่ยวในลำใส่มากที่สุดเลย ถ้าลูกยังไม่ต้องการอยากแต่งงานมีครอบครัวจริงๆพ่อกับแม่พอเข้าใจและไม่เร่งรัดลูก ไม่ต้องหาเหตุผลมาบ่ายเบี่ยงให้พ่อและแม่ต้องปฏิเสธก็ได้ ลูกคงไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะยอมตอบตกลงให้ลูกแต่งงานกับแม่หม้ายพร้อมเรือพ่วงหลายลำจริงๆหรอกนะ เก่งมากลูกชายของพ่อที่สามารถทำให้พ่อและแม่ตกใจและเสี่ยวในลำใส้ได้ ครั้งหน้ารบกวนลูกชายพ่อหาเหตุผลมาบ่ายเบี่ยงแบบอื่นและขออย่าซ้ำกันกับครั้งนี้นะ ไอ้ลูกชาย ลูกเทพ ลูกเทวดา คิดได้ไงพ่อแม่มองหาและจัดหาผู้หญิงสาวสวยร้อยแปดพันเก้าใส่พานมาให้เลือก แถมตัวลูกเองก็มีแฟนสาวเป็นถึงดาราแสนสวยแสนงามมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วฟ้าเมืองไทยแต่ลูกเทพลูกเทวดากับคิดจะขอแต่งงานกับแม่หม้ายเรือพ่วงตลกจริงๆ ไอ้ลูกชายของพ่อ...ฮ่า ฮ่า..” 

 

ภาคีนัยนั่งฟังคำตอบพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนานของบิดาพร้อมตั้งสมาธิปรับแต่งสีหน้าให้เฉยชาอย่างคนปกติเพื่อไม่ให้บิดามารดาสามารถคาดเดาความรู้สึกผ่านสีหน้าอันเฉยชาของเขาได้ ภาีคีนัยคาดเดาไว้แต่แรกแล้ว บิดามารดาต้องปฏิเสธคำถามไร้สาระของเขาแน่แต่ทำไมหัวใจของภาคีนัยดวงนี้มันถึงได้เร่าร้อนเจ็บปวดนัก เขาต้องการให้บิดามารดาตอบตกลงให้เขาได้แต่งงานจริงๆหลังจากที่เขาคิดบ่ายเบี่ยง ไม่อยากแต่งงานมาหลายปีและทำให้หญิงสาวแสนสวยมากมายต้องเสียใจ เศร้าใจจากการคบหาผ่านความเสน่หาของเรือนร่างของสัตว์โลกในวัยหนุ่มสาวมาแล้วหลายคนหลายคนอาจจะนับสิบ นับร้อยคน ทุกคนไม่สามารถเติมเต็มหัวใจเสน่หาด้านจิตใจได้มากเท่าหม้ายสาวลูกติดเรือพ่วงได้เลย เขามีความสุขจากการเสพเสน่หาของเรือนร่างผ่านหญิงสาวสวยมามากมายมันคงเป็นบาปกรรมของเขาแน่มันคงได้ตามตอบสนองเขาเข้าให้แล้วจริงๆ มีคำพูดพร้อมน้ำตา ของหญิงสาวสวยมากมายที่กล่าวโทษเขา เมื่อเขากล่าวตัดความสัมพันธ์เมื่อพวกเธอตอบสนองความสุขเสน่หาให้แก่ร่างกายของเขาเสร็จสิ้นแล้ว... 

 

“คุณนัยฉันขอให้คุณพบแต่ความเจ็บปวดในความรัก” 

 

“คุณนัยฉันขอให้คุณจงอย่าได้สมหวังในความรัก” 

 

“คุณนัยฉันขอให้คุณถูกผู้หญิงที่คุณรักตอบปฏิเสธ เหมือนอย่างที่ฉันถูกคุณปฏิเสธ” 

 

น้ำเสียงเศร้าเสียใจและน้ำตา ของหญิงสาวสวยมากมายต่างกรรม ต่างวาระกันกล่าวโทษภาคีนัยจากความสัมพันธ์ผ่านเรือนร่างเปลือยเปล่า เพียงชั่วหนึ่งค่ำคืนของการเสพเสน่หา แล้วต่างแยกย้ายเดินทางจากกันไป ภาคีนัยกำลังถูกถ่อยคำกล่าวร้ายของหญิงสาวสวยมากมายเหล่านั้นตามตอบสนองเขาเข้าให้แล้วใช่หรือไม่นะ ความรู้สึกผิดในหัวใจส่วนลึกเวียนวนถามใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ความรักที่ไม่สมหวังและเจ็บปวด การถูกปฏิเสธจากหญิงสาวที่เขารัก... 

 

“ไม่มีทางไม่มีวัน ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่เคยไม่ได้มาก่อนหัวใจอันเร่าร้อนของเขาจะต้องได้รับการตอบสนองจากผู้หญิงที่มีชื่อว่า..เมทินี..เธอจะต้องรักเขาอย่างที่เขารักเธอคำกล่าวโทษไร้สาระของผู้หญิงเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้น เขาก็แค่เสพความต้องการของร่างกายอย่างมนุษย์ทุกคนมันไม่ได้มีความผิดอะไรเขาไม่ควรจะถูกลงโทษไม่มีทางไม่มีวัน” 

 

เสียงพูดพึมพำในห่วงความคิดหากเป็นเสียงคำพูดมันก็คือเสียงตะโกนด้วยน้ำเสียงอันดังและทรงอำนาจมากๆ แต่เมื่อมันคือเสียงพึมพำมันจึงเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาผ่านริมฝีปากทำให้บิดามารดาที่นั่งอยู่ใกล้ๆได้ยินเสียงแผ่วเบานั้นด้วย... 

 

“ไม่มีทาง  ไม่มีวัน” 

 

หลังจากบิดาของภาคีนัยกล่าวปฏิเสธไม่ยอมให้ลูกชายได้แต่งงานกับหม้ายสาวเรือพ่วงคำพูดแรกที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากและใบสีหน้าอันเฉยชาของลูกชายคือ...ไม่มีทาง ไม่มีวัน...ส่งผลให้ผู้เป็นบิดามารดาหน้าซีดอย่างตกใจจ้องมองหน้าลูกชายเพื่อค้นหาคำตอบ ในคำพูดมีความจริงจังสักเพียงไร แต่ลูกชายยังคงปรับแต่งสีหน้าร่าเริง แจ่มใส ยิ้มเล่นสนุกสนานบิดามารดาจึงไม่สามารถคาดเดาและค้นหาคำตอบและความคิดภายในของลูกชายได้... 

 

“นัยลูกแม่ แม่ได้ยินเสียงนัยพึมพำอะไรนะ... ไม่มีทาง มีวัน... ลูกหมายความว่าอย่างไรจะ” 

 

“คุณนายดวงสมรจะถามอะไรลูกก็ถามให้มันถูกหน่อยลูกพูดว่า... ไม่มีทาง ไม่มีวัน...ต่างหาก” 

 

“จ้า...คุณปิยะ ฉันมันแก่แล้วฟังเสียงลูกพูดผิดๆ ถูกๆ ฉันต้องขอโทษคุณด้วยที่ต้องค่อยช่วยเหลือฉัน” 

 

“โธ่ๆ คุณนายดวงสมรพูดผิดนิดผิดหน่อยทำเป็นน้อยใจ คุณยังไม่แก่หรอกนะ ยอดรักของปิยะ” 

 

“เพี้ยะ..” 

 

เสียงฝามือของสาวใหญ่วัยทองนามว่าคุณนายดวงสมรตบเข้าที่หัวไหล่สามีนามว่าคุณปิยะอันเป็นหนุ่มใหญ่วัยทองเช่นเดียวกัน การตบหยอกล้อด้วยความเขินอายของภรรยาในครั้งนี้ ทำให้ผู้เป็นสามีต้องหัวคะมำในลักษณะเก้าสิบองศาทำให้ลูกชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ต้องค่อยช่วยพยุงผู้เป็นบิดาไว้ด้วย... 

 

“คุณปิยะละก้อ พูดอะไรก้อไม่รู้ อายลูกบ้างสิคะ เราก้อแก่ๆกันแล้ว พูดมาได้อย่างไรยอดรงยอดรัก ฉันเขินนะคะคุณปิยะ ยอดรักของดวงสมร” 

 

เมื่อลูกชายพยุงสามีให้อยู่ในลักษณะตั้งตรง ได้ตามเดิมสามีผู้มีอาการหัวใจจะวายที่หัวคะมำเก้าสิบองศานั่งมองหน้าภรรยา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและจ้องมองภรรยาพูดพรำเพ้อด้วยความเขินอายและคิดในใจ...ไม่น่าพูดมันเลยไอ้คำพูดน่าอายนั้น... 

 

“คุณนายดวงสมร ช่วยหยุดความเขินอายลงสักนิดเถอะ” 

 

“คุณละก้อ เพี้ยะ” 

 

เสียงตบของภรรยาด้วยความเขินอายอีกครั้งแต่ผู้เป็นสามีหลบหลีกทันฝามือจึงตรงลงไปยังโต๊ะเบื้องหน้าส่งผลให้แก้วน้ำบนโต๊ะตกแตก สามีและลูกชายจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้มองสำรวจความเสียหายรอบๆตัว ผู้เป็นภรรยาร้องกรี๊ด เสียงดังด้วยความตกใจ ไม่นานก็ตั้งสติได้... 

 

“ว้าย!...คุณปิยะ ลูกจ้า แม่ขอโทษ” 

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่เดียวผมจะไปเรียกคนมาทำความสะอาดเก็บกวาดให้ครับ” 

 

ภาคีนัยมองไปรอบๆ เพื่อมองหาสาวใช้มาทำความสะอาดแต่ไม่พบใครที่อยู่ใกล้ๆ จึงเดินเข้าไปหาในบ้านแต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน เสียงมันดังมาจากบ้านหลังเล็กของพี่ชายนามว่าประภพแน่นอนว่ามันเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงที่มารดาเขาเพิ่งทำแตกไป พร้อมเสียงตะโกน เหมือนเสียงผีบ้าที่กำลังร้องขอส่วนบุญพร้อมเสียงสะอื้นร้องคอด้วยความโหยหวนไม่น่าฟัง... 

 

“คุณนัยขา ช่วยคุณภพด้วยค้า คุณกานดาขว้างปาอาวุธปลุกเสกอีกแล้วค้า” 

 

เสียงคนรับใช้วิ่งตรงเข้าหาภาคีนัย พร้อมเสียงตะโกนที่ดังซ้ำๆกันหลายครั้ง นอกจากภาคีนัยจะได้ยินเสียงผิดปกตินั้นแล้วบิดามารดาที่ยืนอยู่ใกล้กันก็ได้ยินเสียงไม่ต่างกัน ทำให้ทุกคนลืมเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ได้พูดคุยกันจนหมดสิ้น เสียงพึมพำของภาคีนัย เสียงฝามือของมารดาที่ตบไหล่สา เสียงมารดาที่ทำแก้วน้ำแตก ทุกคนมุ่งความสนใจตรงไปยังต้นเหตุของเสียงแห่งใหม่และเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น มันคือบ้านหลังเล็กของพี่ชาย... 

 

“คุณภพบอกฉันมาเดี๊ยวนี้ นังเมียน้อยกับลูกของคุณมันอยู่ที่ไหน บอกฉันมา” 

 

“บอกฉันมา บอกฉันมา” 

 

เสียงตะโกนที่ดังสุดเสียงของภรรยาพี่ชายที่มีชื่อว่ากานดา โดยเฉพาะเสียงตะโกนส่งท้ายของประโยคมันจะดังซ้ำกันหลายครั้ง ถ้าวิเคราะห์จากน้ำเสียงภาคีนัยคิดว่ามันคือเสียงของคนบ้าหรือใกล้บ้าและขาดสติจนไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้วเสียงตะโกนซ้ำๆ กันหลายครั้ง ภาคีนัยสามารถจินตนาการถึงใบหน้าภรรยาพี่ชายได้ว่าจะมีลักษณะเช่นไร จากประสบการที่เคยผ่านมาภาคีนัยก็พอจะเดาได้ว่าทรงผมจะต้องฟูเหมือนฝอยขัดหม้อใบหน้าจะแดงกล่ำเหมือนผลตำลึงสุก ปากจะต้องเปิดกว้างและอ้าจนสุดเพดานโดยสามารนำผลมะนาวอย่างน้อยสี่ถึงห้าผลเข้าไปไว้ในปากได้ ดังนั้นเสียงที่เปร่งออกมาจากปากอ้ากว้างจนสุดนั้น จึงมีเสียงดังโดยเฉพาะมนุษย์ใกล้บ้าคนหนึ่งจะสามารถทำได้ จากสีหน้าและแววตาของภรรยาพี่ชาย ภาคีนัยคิดและจินตนาการไปยังมือทั้งสองข้างของคนใกล้บ้าอย่างน้อยมันก็จะต้องมีแก้วน้ำ แจกัน ที่เขี่ยบุหรี่ ถ้วย จาน แก้ว หรือกระเบื้อง ที่สามารถทำให้แตก และส่งเสียงดังได้ ภาคีนัยหยุดคิดจินตนาการและฟังเสียงหลายๆ เสียงรอบข้าง... 

 

“คุณนัยขา ช่วยคุณภพด้วยค้า”  

 

มันคือเสียงของสาวใช้ 

 

“คุณคะไปช่วยหลานชายคุณหน่อยสิคะ”  

 

มันคือเสียงมารดาของเขาน้ำเสียงจะสั่นๆเพราะความตกใจ 

 

“คุณก็ใจเย็นๆหน่อยสิ มันไม่ใช้ครั้งแรกเสียหน่อย ยังไม่ชินกับมันอีกหรือไง”  

 

เสียงบิดาพูดปลอบ และต่อว่าเพื่อเตือนสติมารดา 

 

“คุณมันบ้าคุณกานดา ผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยมีเมียน้อย ฟังผมบ้างได้มั้ย” 

 

“คุณภพคุณมันโกหก ฉันไม่เชื่อคุณ บอกฉันมา บอกฉันมา เดียวนี้” 

 

“บอกบ้าบอกบออะไร ผมก็บอกแล้วว่าไม่เคยมีเมียน้อย จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ” 

 

“คุณภพ ฉันจับได้คาหนังคาเขายังจะปฏิเสธอีก” 

 

“คาหนังคาเขาอะไร ไอ้รูปจากโทรศัพท์นี้นะรึ ผมก็บอกแล้วว่าพวกเพื่อนๆ มันส่งมาแกล้งผมเล่น เชื่อผมบ้างสิ” 

 

“ฉันไม่เชื่อ บอกความจริงฉันมา บอกฉันมา” 

 

“โอ้ย ! ผมอยากจะบ้า ใครก็ได้ช่วยพาผมไปหาหมอที” 

 

“แผลเลือดออกนิดหน่อย ร้องหาหมอให้ทำแผลเลย หรือคุณภพ” 

 

“ไม่ใช่โว้ย! คุณกานดาผมกำลังร้องหาหมอคนบ้าต่างหาก จะได้หนีไปให้พ้นๆ คนสติดีๆ อย่างคุณ” 

 

“อ้าย! ไอ้บ้าอย่าคิดนะว่าคุณจะหนีฉันพ้น ไอ้โรงบาลบ้านั้นคุณคิดหรือว่าฉันจะตามคุณไปด้วยไม่ได้” 

 

“คุณจะตามผมไปจริงๆใช่มั้ยคุณกานดา ดีไปพร้อมกันวันนี้เลยแล้วกัน” 

 

“อ้าย! ไอ้บ้า ไอ้ภพบ้า แก่มันบ้า แก่มันบ้าฉันจะหย่ากับแก่ฉันจะไม่อยู่กับแก่อีกแล้ว” 

 

“จริงหรือคุณกานดา ผมรักคุณมากนะไม่อยากหย่ากับคุณเลย แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคุณเซ็นชื่อในใบหย่าให้ผมเลยแล้วกันผมเซ็นชื่อไว้เป็นปีแล้วเหลือแต่ลายเซ็นของคุณเท่านั้นแหละ นี้ไงเอาไปเซ็นเลย” 

 

“อ้าย! ไอ้บ้าภพ” 

 

เสียงปาข้าวของดังขึ้นอีกครั้ง เสียงฝีเท้าพี่ชายของภาคีนัยวิ่งหลบหลีกอาวุธอีกครั้ง เสียงสาวใช้ตะโกนให้เขารีบไปช่วยพี่ชายดังต่อเนื่องกันไม่หยุดเช่นกัน 

 

“คุณนัยขา รีบไปช่วยคุณภพเถอะคะ คุณภพเลือดไหลเต็มบ้าน เยอะมากๆ ค้า” 

 

ภาคีนัยไม่รอช้าเดินมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านพี่ชายทันที บิดามารดาและสาวใช้เดินตามเขามาด้วยไม่ห่าง พร้อมฟังเสียงทะเลาะกันของพี่ชายและภรรยาไปจนถึงหน้าประตูบ้าน... 

 

“คุณจะเอาอย่างไรกับผมอีก อยากหย่าผมก็จะหย่าให้ อยากไปโรงบาลบ้าผมก็จะพาไป” 

 

เสียงร้องไห้ของคุณกานดาดังมากขึ้น พร้อมเสียงขว้างปาข้าวของเข้าใส่สามี ภาคีนัยเดาไม่ถูกจริงๆ อะไรคือปัญหาของพี่ชายและภรรยากันแน่ ความรักที่จืดจางลงอย่างนั้นหรือมันอาจเป็นเหตุผลนี้ก็ได้ แรกเริ่มเดิมทีความสัมพันธ์ของพี่ชายกับคุณกานดา ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก ทั้งสองคนถูกจับให้แต่งงานกันตามความเหมาะสมระหว่างครอบครัวที่เกื้อหนุนกันในธุรกิจและฐานะของครอบครัว จากมุมมองของภาคีนัยพี่ชายของเขาไม่ได้รักได้ชอบหรือเสน่หาคุณกานดามาก่อน ทั้งก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน แต่ในทางกลับกันคุณกานดาถึงแม้จะถูกบังคับให้แต่งงาน แต่ก็หมายปองต้องศรรักพี่ชายของเขามาก่อนที่จะถูกบังคับให้แต่งงานเสียอีก ยิ่งรักมากความคาดหวังในรักก็มากตามไปด้วย ความต้องการที่จะให้ชายที่ตนรักมอบความรักตอบกลับก็มากตามจำนวนความรักที่มอบให้ เมื่อสมหวังต่างก็มีความสุขแต่เมื่อผิดหวังก็เปลี่ยนเป็นคนบ้าหรือใกล้บ้าได้เช่นกัน ห้าปีจากการแต่งงานความพยายามของคุณกานดาก็ไร้ผลที่จะทำให้สามีมอบความรักตอบแทนเท่ากับที่ตัวเองมอบให้ มันจึงส่งผลให้คุณกานดาเป็นเมื่อคนใกล้บ้าเพราะความรักที่ไม่สมหวัง และพี่ชายของเขาก็กำลังจะบ้าตามคุณกานดาไปด้วย ภาคีนัยคิดกลุ้มใจเดินตรงไปยังประตูบ้าน ภาคีนัยเปิดประตูจ้องมองสำรวจคนทั้งสอง พี่ชายของภาคีนัยมีเลือดไหลเต็มศีรษะ ฝามือทั้งสองข้างมีเลือดสีแดงเต็มทั้งสองข้าง เสื้อสีขาวที่ใส่อยู่ก็ไม่ต่างกันขณะนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งตัว ส่วนคุณกานดานั่งร้องไห้ อยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านไม่รับรู้สภาพแวดล้อมใดๆทั้งสิ้น ภาคีนัยคิดว่าน่าจะหลับไปหรือกำลังเข้าฌาน ดวงวิญญาณคงหลุดไปยังอีกโลกแล้ว ภาคีนัยไม่รู้ว่าหลุดไปยังโลกไหนอาจจะเป็นโลกของคนใกล้บ้าก็ได้ ภาคีนัยเดินตรงไปนั่งข้างๆ พี่ชาย เลือดยังไหลเต็มศีรษะไม่ยอมหยุด ภาคีนัยไม่คิดสนใจคุณกานดาอีกต่อไป ภาคีนัยจ้องมองดวงตาสีแดงมีน้ำตาไหลเป็นทางแต่ไม่มีเสียงร้องไห้พี่ชายคงเก็บกดไว้ แต่ภาคีนัยก็รับรู้ว่าพี่ชายกำลังเสียใจ ทุกข์ใจอย่างมากมาย เสียงพูดแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากหยาบๆของพี่ชายมันเป็นเสียงคำพูดขอความช่วยเหลือที่เศร้า และเจ็บปวดมาก... 

 

“นัย ช่วยพี่ด้วย ช่วยลูกสาวพี่ด้วย” 

 

ภาคีนัยหยุดชะงักไปสักครู่แล้วพูดทวนคำพูดขอร้องของพี่ชาย... 

 

“ลูกสาวของพี่ภพอย่างนั้นหรือ” 

 

“ใช่ลูกสาวของพี่ นัยช่วยเป็นพ่อให้พวกเขาหน่อยได้มั้ย” 

 

“พวกเขาอย่างนั้นหรือพี่ภพ” 

 

“ใช่นัย พวกเธอเป็นสาวน้อยฝาแฝดที่น่ารักมาก รับปากกับพี่ได้มั้ยนัย พี่อยากอยู่ใกล้ๆ ลูก ไม่อย่างนั้นพี่ต้องเป็นบ้าไปจริงๆ แน่” 

 

“ได้พี่ภพ ผมจะทำหน้าที่แทนพี่ภพเป็นพ่อให้ลูกสาวของพี่ภพเอง” 

 

“พี่ขอบใจนัยมาก พี่ขอบใจนัยมาก” 

 

เป็นคำพูดซ้ำๆกันของน้ำตาลูกผู้ชายที่ใกล้จะหมดพลังของการใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และสิ่งที่จะสามารถต่อชีวิต และเพิ่มพลังให้แก่พี่ชายได้ ก็คือลูกสาวฝาแฝดของพี่ชายที่ภาคีนัยไม่รู้ว่าอยู่ที่แห่งใด... 

 

“ลูกพี่อยู่ไหนหรือพี่ภพ” 

 

“นัยรู้จักกับ วิมลวรรณ ใช่มั้ย” 

 

“ครับพี่ภพ เธอคือรักแรกของผม” 

 

“นัยแต่งงานกับเธอได้มั้ย” 

 

“แต่งงาน” 

 

“ใช่แต่งงาน เธอยังรักนัยอยู่มากรู้มั้ย” 

 

“ทำไมต้องแต่งงานด้วย” 

 

“ถ้าไม่แต่งงานกับเธอ วิมลวรรณก็จะไม่ยอมบอกที่อยู่ลูกสาวพี่ เธอส่งรูปมาให้พี่ดูเมื่อเดือนที่แล้วจนวันนี้ พี่ทำทุกอย่างแล้วเพื่อสืบหาลูกสาวพี่แต่ก็หาไม่พบพี่หมดหนทางแล้วนัย พี่หมดหนทางแล้วจริงๆ นัยช่วยพี่ด้วย” 

 

“ผมตกลงจะช่วยพี่ภพ แต่ต้องลองใช้วิธีของผมดูก่อน หากยังไม่มีวิธีอื่นผมพร้อมจะแต่งงานกับวิมลวรรณ เพื่อหลานสาวของผมและลูกสาวของพี่ภพ” 

 

“ขอบใจมากนัย พี่ขอบใจนัยมาก” 

 

พี่ชายสวมกอดภาคีนัยแล้วร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ภาคีนัยปล่อยให้พี่ชายร้องไห้ในวงแขน ภาคีนัยนึกถึงผู้หญิงสองคนที่ทำให้พี่ชายต้องเสียใจทุกข์ใจในยามนี้ คนแรกคือคุณกานดาภรรยาที่กำลังจะเป็นบ้าหรือใกล้บ้า เพราะความรักไม่สมหวัง อีกหนึ่งคนคือวิมลวรรณอดีตคือคนที่เคยหลงรักภาคีนัยและภาคีนัยเคยหลงรักแม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับพี่ชายมากกว่าภาคีนัย จนวันนี้อดีตที่ไม่น่าจะโคจรมาพบและเจอกันอีกครั้งก็ต้องมีอันต้องมามีเวรกรรมต้องชดใช้ร่วมกัน สุดท้ายคนที่ต้องรับเวรกรรมในอดีตก็คือเขาภาคีนัยคนนี้อย่างนั้นหรือภาคีนัยผู้จะไม่มีวันสมหวังในความรัก และต้องเจ็บปวดในความรัก เขาทำความผิดมากมายต่อผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยจริงๆหรือ เขาทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นต้องเสียใจ เศร้าใจ ทุกข์ใจ และเสียน้ำตา อย่างมากมาย จริงๆ ใช่มั้ย เขาถึงต้องมาชดใช้เวรกรรมในครั้งนี้ เขาจะต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่ได้รักจริงๆใช่มั้ย แล้วผู้หญิงที่เขาหลงรักและต้องการจะแต่งงานด้วยเขาจะทำอย่างไรดี คำกล่าวโทษของผู้หญิงที่ภาคีนัยคนนี้กล่าวตัดสัมพันธ์ด้วยกำลังตามตอบสนองแก่เขาแล้วใช่หรือไม่...ไม่มีทาง ไม่มีวัน...เขาจะต้องได้ในสิ่งที่เขาต้องการเสมอแม้จะต้องใช้เงินทอง เล่ห์เหลี่ยมกลโกง มากมายเท่าไรก็ตาม

 

 


จบบทที่ 3 ต่อบทที่ 4 ผมอยากเป็นพ่อของลูกพี่




 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา