พันธะหัวใจ...ดวงใจรักซาตาน

10.0

เขียนโดย RATH

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 23.22 น.

  12 chapter
  53 วิจารณ์
  93.79K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 8 ภาคีนัยทะลุจุดเดือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

 

 

บทที่ 8

 

 

 

ภาคีนัยทะลุจุดเดือด

 

 

ภาคีนัยคือชายหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดีแต่มีลักษณะนิสัยไม่สามารถคาดเดาได้ในบางครั้งจะมีลักษณะนิสัยเหี้ยมโหดอย่างสุนัขจิ้งจอกที่ล่าเหยื่อกัดแทะกินเล่นเป็นอาหารหรือเข่นฆ่าเล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินดังเกมกีฬายามว่าง ลักษณะนิสัยประจำตัวร้อยแปดพันเล่ห์ที่แสนโหดเหี้ยมที่พระเจ้ามอบมาให้แก่ภาคีนัย มันเป็นดังคำสาปที่ไม่สามารถวัดเป็นปริมาณอย่างข้าวสารหรือเม็ดถั่วได้

 

ในยามภาคีนัยหยุดพักผ่อนหรือเที่ยวเล่นเพื่อผ่อนคลายกับครอบครัวญาติมิตร ภาคีนัยจะเก็บลักษณะนิสัยเหี้ยมโหดร้อยแปดพันเล่ห์เยี่ยงสุนัขจิ้งจอกไว้อย่างมิดชิดภาคีนัยจะแสดงนิสัยด้านดีงามเช่นการพูดจาอ่อนโยนอ่อนหวานน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเด็กน้อยจอมซนคนธรรมดาทั่วไป ภาคีนัยจะคอยดูแลปกป้องคุ้มครองฝูงสุนัขจิ้งจอกที่เป็นบริวารอย่างดีและให้ความรักอย่างเท่าเทียมกัน...ซึ่งรวมถึงสุนัขจิ้งจอกผู้เป็นเมียรักและลูกๆอย่างสุภาพอ่อนโยน แต่ในยามนี้หัวหน้าจ่าฝูงสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้ฉลาดเฉลียวอย่างภาคีนัยกำลังจะสูญเสียอาณาเขตการปกครองพร้อมเมียรักและลูกๆให้แก่สุนัขจรจัดลายจุดกระดำกระด่างข้างถนนที่แสนโง่เง้าและน่ารังเกลียดจากเหตุผลของความใจอ่อนมีเมตตาและต้องการสร้างมิตรภาพที่ดีงาม

 

ภาคีนัยต้องการจะสร้่างมิตรภาพจึงชะล่าใจถอดเก็บเขี้ยวแหลมคมสีขาวแวววาวแล้วอ้าปากแย้มยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆน่ารักแทน จนสุดท้ายความดีงามของจิตใจแสนอ่อนโยนและการพูดคุยสนทนากันมันกับไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังไว้ในยามนี้ความใจอ่อนมีเมตตากับทำให้ภาคีนัยต้องสูญเสียความรู้สึกหลายๆอย่างไปจนเกือบหมดสิ้นอย่างเช่นความภาคภูมิใจเยี่ยงสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้เฉลียวฉลาดที่พระเจ้ามอบให้มาตั้งแต่เกิดถือกำเนิดเป็นลูกสุนัขเจ้าเล่ห์...

 

ภาคีนัยไม่คิดละเวงสงสัยในพฤติกรรมร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมของสุนัขจรจัดลายจุดกระดำกระด่างข้างถนนเลยแม้แต่นิดเดียว สุนัขจรจัดเดินเหนื่อยหอบลากขาที่เจ็บปวดอย่างเหนื่อยล่าเข้ามาสู่ฝูงสุนัขจิ้งจอกของภาคีนัยอย่างสิ้นหนทางหมดเรี่ยวแรงน่าสงสารภาคีนัยเปิดประตูตอนรับขับสู่อย่างมิตรที่ดีมอบอาหารและเครื่องดื่มให้อย่างเมตตาปราณีแต่สุดท้ายสุนัขจรจัดลายจุดกระดำกระด่างผู้หมดเรี่ยวแรงเมื่อดื่มกินอาหารจนอิ่มหมีพีมันมีกำลังวังชากลับคืนมาดังเดิมก็อ้าปากที่ซ้อนเขี้ยวอันแหลมคมแวววาวไว้กัดและคาบลำคอแสนสวยของเมียรักและลูกๆ ของภาคีนัยไปต่อหน้าต่อตา

 

ในยามนี้อารมณ์และความรู้สึกของภาคีนัยกำลังเดือดใกล้จะปะทุเหมือนดังภูเขาไฟใกล้จะถึงจุดระเบิดเต็มทนภาคีนัยเตรียมพร้อมที่จะอาละวาดอ้าปากกัดใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆแต่ก็ยังไม่ได้กัดหรือทำร้ายใครจนถึงตาย ภาคีนัยถึงแม้จะโกรธโมโหผู้คนมากมายเท่าไรก็ตาม ภาคีนัยก็ยังคงระงับความโกรธโมโหไว้้อย่างมิดชิดด้วยสติที่ยังหลงเหลืออยู่ เพราะสิ่งที่ภาคีนัยต้องการจะกัดและฝังเขี้ยวสีขาวอันแหลมคมแวววาวลงไปจริงๆก็คือลำคอของสุนัขจรจัดลายจุดกระดำกระด่างข้างถนนที่แสนสกปรกที่มีชื่อว่านายตำรวจตรัสลักษณ์...ต่างหาก

 

ภาคีนัยจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดีของนายตำรวจตรัสลักษณ์และจินตนาการให้นายตำรวจผู้กำลังหลงอยู่ในห่วงของความรักคือหมาจรจัดลายจุดกระดำกระด่างข้างถนนที่แสนสกปรกตัวนั้นและภาคีนัยกำลังขบกัดที่ลำคออันขาวนวลปูดโปนของเส้นเลือดสีแดงอย่างอารมณ์เบิกบานเป็นสุขและดีใจ เมื่อนึกถึงเลือดที่ไหลออกมาจากลำคอปูดโปนภาคีนัยรู้สึกหิวกระหายต้องการจะกลืนกินเลือดทุกหยาดหยดเข้าสู่ปากและลิ้นรับรสชาติมันคงจะต้องมีรสชาดเอร็ดอร่อยหอมหวานเหมือนน้ำผึ่งหรือน้ำหวานรสดีที่ดื่มกินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลังจากได้ลิ้มรสดื่มกินเลือดสดๆทุกหยาดหยดหมดสิ้นเสร็จแล้วภาคีนัยต้องการจะยืนรับฟังความทรมานร้องโหยหวนขอความเมตตาปราณีให้ละเว้นชีวิตหรือขอร้องให้ภาคีนัยช่วยเข่นฆ่าเหยื่อให้ตายหลุดพ้นจากความเจ็บปวดแสนทรมาน มันคงเป็นเสียงร้องขอความตายก่อนจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายที่แสนไพเราะมาก  เสียงร้องโหยหวนของนายตำรวจตรัสลักษณ์ยามสิ้นหวังและจนหนทางมันคงทำให้ภาคีนัยรื่นรมย์และมีความสุขอย่างมากมาย ถึงแม้ภาคีนัยจะมีความคิดโหดร้ายโหดเหี้ยมแต่สิ่งที่ภาคีนัยต้องการจริงๆ ก็คือการร้องขออภัยให้ภาคีนัยยกโทษให้ที่บังอาจมายุ่งเกี่ยวกับของรักของห่วงของภาคีนัยอย่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัว และสุดท้ายภาคีนัยอาจนึกสงสารเมตตาปราณียอมรักษาหลงเหลือลมหายใจสุดท้ายของชีวิตให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

 

ภาีคีนัยขยับมุมปากขบกัดบดเขี้ยวเคี้ยวชิ้นเนื้อสเต็กซ้ำๆหลายครั้งจนละเอียดจนรู้สึกถึงรสความหอมหวานในปากภาคีนัยจึงกลืนชิ้นเนื้อที่ละเอียดดีแล้วลงลำคอไหลเข้าสู่กระเพาะอาหาร ภาคีนัยอ้าปากรับชิ้นเนื้อสเต็กฉ่ำเลือดอีกครั้งและขบกัดบดขยี้เหมือนครั้งที่แล้วแต่ในครั้งนี้ภาคีนัยจินตนาการให้ชิ้นเนื้อสเต็กคือลำคอของนายตำรวจตรัสลักษณ์ ภาคีนัยจ้องมองที่ลำคอนวลขาวปูดโปนด้วยเส้นเลือดสีแดงแล้วยิ้มแย้มเจ้าเล่ห์อย่างอารมณ์เบิกบานอย่างเป็นสุขพร้อมเคี้ยวชิ้นเนื้อสเต็กฉ่ำเลือดต่อไปและจินตนาการถึงความโหดร้ายโหดเหี้ยมของตัวเองไปด้วย ในยามนี้ภาคีนัยสามารถระงับอารมณ์ความโกรธความหึงหวงไว้ได้อย่างมิดชิดดีแล้วเขาคอยๆปรับแต่งสีหน้าเฉยชาอย่างสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จอมวางแผนต่อไป เขาเดินออกจากเก้าอี้ไปเผชิญหน้ากับเมทินีและนายตำรวจตรัสลักษณ์ผู้กำลังตกอยู่ในห่วงของมนต์แห่งความรักในอดีตและปัจจุบัน

 

“เชิญคุณเมทินีมาร่วมทานอาหารโต๊ะเดียวกันกับเรานะครับ จะได้รู้จักคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายของผมด้วย  เชิญครับคุณตรัส พาคุณเมทินีมานั่งร่วมทานอาหารด้วยกันกับเรานะครับ”

 

ทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันกับภาคีนัยต่างจ้องมองความเจ้ากี้เจ้าการอันผิดปกติของภาคีนัยแต่ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมา ได้แต่นั่งนิ่งสงสัยในพฤติกรรมของภาคีนัยกันต่อไปอย่างเงียบๆมีแต่โรสิตาดาราแฟนสาวสุดสวยของภาคีนัยเท่านั้นเธอไม่เคยเป็นไก่รองบ่อนของใครมาก่อน เธอจะต้องเป็นจุดสนใจของผู้ชายและผู้คนมากมายเสมอจะไม่ยอมสูญเสียตำแหน่งความสนใจให้แก่ใครง่ายๆแน่ เธอจ้องมองแววตาอันเร่าร้อนของคนรักด้วยอารมณ์เหมือนดังไฟสุมในอก ภาคีนัยมีความสนใจหญิงสาวแสนสวยผู้เป็นลูกจ้างในบริษัทและเป็นแม่หม้ายเรือพ่วงกำมะลออย่างเด่นชัดผ่านทางแววตา โรสิตายึดถือคำสุภาษิตโบราณและนำมันมาใช้ในทันที เธอนึกท่องคำสุภาษิตอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมาเดือดดาน

 

“เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร  ...ฉันจะไม่ยอมเสียภาคีนัยให้กับใครเด็ดขาด”

 

“คุณนัยขา อย่าไปบังคับคุณตรัสเธอเลยนะคะ เธอคงต้องการอยู่กับคนรักของเธอเพียงลำพัง ไว้วันหลัง ถึงให้คุณเมทินีมาทำความรู้จักกับพวกเราก็ได้ จริงมั้ยคะคุณพ่อคุณแม่ พี่ภพ”

 

คำพูดของโรสิตาได้ผลเกินคาดทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารต่างเห็นด้วยแม้จะไม่มีใครเอยคำพูดใดออกมาก็ตามภาคีนัยหน้าซีดรู้สึกจนหนทางจากคำพูดของโรสิตาแฟนสาวสุดสวยภาคีนัยจ้องมองเมทินีเพื่อให้เธอช่วยแก้หน้าให้แก่เขาแม้จะเพียงสักเล็กน้อยก็ตาม ภาคีนัยนึกภาวนาต่อปีศาจในใจอย่าให้เมทินีปฏิเสธเขาเลยจงยอมรับเชิญมาร่วมโต๊ะเดียวกันกับเขาด้วยเถอะเธออย่าได้ไปนั่งเคียงคู่กับอดีตคนรักผู้มีความรักและปักใจมุ่งมั่นในรักของเธอเพียงลำพังเลย ภาคีนัยขอร้องเธอผ่านดวงตาแวววาวอย่างจนหนทาง และเขาบีบบังคับเธอด้วยดวงตาของปีศาจร้ายของพลังเต็มร้อยและคิดว่ามันน่าจะได้ผล

 

“คุณนัยคะฉันต้องขอปฏิเสธคำเชิญของคุณ  หากคุณไม่เชิญลูกชายและลูกสาวของฉันด้วย”

 

ทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารต่างมีสีหน้าเย็นเฉียบเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธของเมทินีแต่เมื่อทุกคนได้ฟังประโยคคำพูดท่อนสุดท้ายของหญิงสาวทุกคนต่างมองหน้ากันและคลี่ยิ้มในลักษณะต่างๆมีแต่โรสิตาดาราสาวสุดสวยเท่านั้นที่ทำปากบิดเบี้ยวอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

 

“คุณเมทินีครับคุณอย่าล้อผมเล่นสิครับ คุณก็รู้อยู่แล้วหากผมเชิญคุณร่วมโต๊ะ มีหรือที่ผมจะไม่เชิญลูกๆ ของคุณด้วย จริงมั้ยครับคุณพ่อคุณแม่ พี่ภพ”

 

ทุกคนต่างยิ้มและพยักหน้าให้เธออย่างตอนรับให้มาร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันเมทินีมองหาลูกๆที่เพิ่งกลับจากการเต้นรำและกำลังนั่งทานอาหารแต่ดวงตาลูกๆกำลังสนใจกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกับมารดาตัวเองเธอยิ้มและพยักหน้าให้ลูกๆลุกจากเก้าอี้ที่นั่งทานอาหารให้ลุกเดินเข้ามาหาเธอแต่ก่อนที่ลูกชายลูกสาวของเธอจะเริ่มเดินตรงเข้ามาหาเธอผู้ชายสองคนต่างเดินเข้าถึงตัวลูกชายลูกสาวของเธอเสียก่อนแล้วคนแรกคือนายตำรวจตรัสลักษณ์และพี่ชายของภาคีนัย ประภพเดินเข้าหาลูกสาวฝาแฝดของเธอด้วยรอยยิ้มน่ารักแล้วส่งมือสองข้างให้จับพาเดินมานั่งยังเก้าอี้เคียงข้างกับเขา ส่วนลูกชายของเธอจับมืออันแข็งแกร่งของนายตำรวจตรัสอย่างว่าง่ายถึงแม้ดวงตาจะมีแววสงสัยอยู่บ้างแต่ไม่นานมันก็หายไปคงเหลือแต่ดวงตาของลูกชายที่กำลังมองหน้าบิดาเท่านั้น

 

“เหมือนพ่อกับลูกกันเลยนะคะ คุณตรัส”

 

เสียงดาราสาวโรสิตาพูดหยอกล้อนายตำรวจตรัสลักษณ์ทำให้นายตำรวจหนุ่มยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ

 

“ขอบคุณนะครับคุณโรส ตอนนี้ผมขอทำความรู้จักกับว่าที่ลูกชายผมก่อนนะครับ”

 

“คุณตรัสนี้ร้ายมากนะคะ ไม่ปฏิเสธโรสเลย โรสพูดหยอกล้อเล่น คุณตรัสกับขอบคุณโรส คุณทำให้โรสรู้สึกระอายใจและอิจฉาคุณเมทินีเธอมากรู้ตัวมั้ยคะ”

 

นายตำรวจตรัสหัวเราะและยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีแต่หากโรสิตาจ้องมองตรงไปยังภาคีนัยเธอก็จะได้เห็นรอยยิ้มที่กำลังกัดฟันกันแน่นซ้อนเขี้ยวอันแหลมคมไว้ด้วยความไม่พอใจอย่างมากมายแต่ภาคีนัยผู้ปรับแต่งสีหน้าแววตาได้ดังใจปรารถนามีหรือจะปล่อยให้ใครสังเกตเห็นพฤติกรรมความรู้สึกนึกคิดของเขาได้นาน ภาคีนัยสะบัดใบหน้าและลูบแก้มตัวเองเบาๆเหมือนดังปีศาจกำลังถอดหน้ากากแล้วหยิบหน้ากากของเทวดาผู้มีเมตตาปราณีมาใส่แทน ภาคีนัยคลี่ยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดูไร้เรียงสาอีกครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่มีแต่ความสุขและความรื่นรมย์ ภาคีนัยจ้องมองบิดามารดาและพี่ชายที่กำลังเอาใจใส่หลานสาวฝาแฝดทั้งสองอย่างรักใคร่และเอ็นดู ประภพพี่ชายกำลังแสดงอาการเหมือนคนติดยาเสพติดใกล้จะลงแดงประภพกอดลูกสาวทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งพร้อมลูบศีรษะหอมแก้มด้วยความรักหมดหัวใจของบิดาที่มีต่อลูกสาวภาคีนัยไม่สงสัยเลยว่าทำไมพี่ชายถึงแสดงพฤติกรรมและอาการเช่นนั้นจะมีบิดาคนไหนกันที่จะไม่ทำเช่นที่พี่ชายของเขาทำตั้งแต่ลูกสาวเกิดและเติบโตประภพเพิ่งได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับลูกสาวใกล้ชิดขนาดนี้เป็นครั้งแรกแม้แต่ตัวของภาคีนัยเองยังมีความรู้สึกรักใคร่เอ็นดูหลานสาวแล้วผู้เป็นบิดาอย่างพี่ชายเขาหรือจะไม่ต้องการเป็นร้อยเท่าพันทวี ภาคีนัยจ้องมองเมทินีสลับกับการจ้องมองพี่ชายและเห็นแววตาของเมทินีที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของพี่ชายของเขาภาคีนัยการต้องจะหยุดแววตาสงสัยไม่เข้าใจของเมทินีจึงคิดเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นภาคีนัยจึงกล่าวแนะนำสมาชิกในครอบครัวให้แก่เมทินีได้รู้จักทันที

 

“คุณเมทินีครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายของผมครับ คุณพ่อคุณแม่นี้เมทินีครับ”

 

“สวัสดีคะ ยินดีที่ได้รู้จักท่านคะ”

 

“อย่าเรียกท่านเลยหนู เรียกคุณพ่อคุณแม่อย่างนัยและคุณตรัสเรียกก็ได้ เราก็ต่างเป็นคนกันเองทั้งนั้น”

 

เมทินีรู้สึกสงสัยและเริ่มงงเล็กน้อยเธอไม่รู้ตัวว่าเธอไปเป็นคนกันเองกับบิดามารดาของนายจ้างของเธอตั้งแต่เมื่อไรแต่เมื่อพวกท่านต้องการให้เธอเรียกเธอก็ผสมโรงเรียกตามน้ำไปอย่างไม่ได้คิดอะไร

 

“คะคุณพ่อคุณแม่  ลูกจ๋าสวัสดีพวกท่านหรือยัง”

 

เมทินีสอบถามลูกๆที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับบิดามารดาของภาคีนัยนายจ้างเธอลักษณะอาการของลูกๆเธอไม่ต่างอะไรจากเธอมากนักคือมีอาการสงสัยและกำลังรอคำสั่งจากเธอก่อนที่จะทำสิ่งใดลงไปหลังจากเธอสอบถามลูกๆของเธอลูกชายลูกสาวต่างยกมือขึ้นสวัสดีอย่างเด็กที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี

 

“เรียกปู่ กับย่า ก็ได้นะหลานปู่ หลานย่า”

 

“สวัสดีคะคุณปู่คุณย่า สวัสดีครับคุณปู่คุณย่า”

 

“สวัสดีจ๊ะ หลานปู่ หลานย่า ย่าขอแนะนำให้หลานๆได้รู้จักกับคุณลุงคุณน้าที่อยู่กับหลานตรงนี้เริ่มจากลุงประภพ ลุงภาคีนัย ลุงตรัสลักษณ์  คุณน้าโรสิตา แล้วคนสุดท้ายคุณน้าจิมมี่ ปู่และย่ามีชื่อว่าปู่ปิยะ และย่าดวงสมรจำกันไปหรือเปล่าจ๊ะ หลานย่า”

 

“จำได้คะ จำได้ครับ”

 

“อุ๊ยฉลาดจังเลยหลานย่า จริงมั้ยคะคุณปิยะ หลานเราฉลาดมากเลยคะ”

 

“จริงจ๊ะคุณดวงสมร”

 

ภาคีนัยจ้องมองบิดาสลับกับการจ้องมองเมทินี ภาคีนัยมองเห็นแววตาสงสัยใคร่รู้ของเมทินีอีกครั้ง ในเวลานี้ภาคีนัยยังไม่ต้องการจะให้เมทินีรับรู้ความจริงอะไรทั้งสิ้นเขาต้องการให้เธอมีความสุขใจและรื่นรมย์ในค่ำคืนนี้เสียก่อน ภาคีนัยได้ยินเสียงบทเพลงล่องลอยมาจากหน้าเวทีเข้าสู่ห่วงความคิดโรแมนติคของเขา ภาคีนัยไม่รอช้าจับมือเรียวเล็กน่ารักของหญิงสาวลากจูงไปยังหน้าฟลอร์เต้นรำ พฤติกรรมของภาคีนัยส่งผลให้ทุกคนตกใจและแปลกใจกันอีกครั้งโดยเฉพาะโรสิตาจ้องมองคนรักอย่างหึงหวงและตะโกนร้องตามหลังอย่างอารมณ์เสีย

 

“คุณนัยขาคุณจะทำอะไรคะ”

 

ไม่มีเสียงตอบกลับจากภาคีนัย เพราะคำตอบของเขาไม่นานโรสิตาก็จะได้รู้คำตอบเอง ภาคีนัยลากจูงเมทินีเข้ามาถึงกลางฟลอร์เต้นรำ แล้วกระซิบที่ริมใบหูคู่งามแสนเบาให้ได้ยินเสียงกันเองแค่สองคน

 

“ให้เกียตริเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ คุณเมทินี”

 

“คุณลากจูงฉันเข้ามาจนถึงกลางฟลอร์เต้นรำแล้วเพิ่งจะมาขอฉันเต้นรำคุณนี้เหลือทนจริงๆคุณภาคีนัย อย่างไรฉันก็คงต้องตกลงเต้นรำกับคุณแม้คุณจะเพิ่งขอฉันแต่ฉันขอเต้นแค่เพลงนี้เพลงเดียวนะคะ ฉันขอพูดตรงๆ ฉันกลัวคนรักของคุณเข้ามาหักคอฉันคะ”

 

ภาคีนัยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธในคำพูดของเมทินี ภาคีนัยส่งรอยยิ้มอย่างสุขใจอ่อนโยนให้แก่หญิงสาวแล้วเริ่มเต้นรำไปตามจังหวะของบทเพลงและเครื่องดนตรีที่เริ่มบรรเลง ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างจ้องมองภาคีนัยและเมทินีและเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนดูแปลกและแตกต่างทุกคนจึงพากันลุกเดินตามออกมาเต้นรำด้วยโดยเริ่มจากคู่ของบิดามารดา คู่ของโรสิตาและจิมมี่ คู่ลูกสาวตัวน้อยกระต่ายและพี่ชายนาวิณ ดังนั้นที่โต๊ะอาหารจึงเหลือกระแตและประภพสองพ่อลูกนั่งเคียงคู่กันจ้องมองทุกคนเต้นรำ ส่วนนายตำรวจตรัสลักษณ์กำลังรอจังหวะให้เมทินีเปลี่ยนคู่เต้นรำในบทเพลงต่อไป ด้วยหัวใจเต้นแรงเพราะความคิดถึงและความต้องการอยากจะใกล้ชิดคนรักที่จากกันนานกว่าห้าปีอีกครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมตัวนายตำรวจตรัสลักษณ์เดินตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อลดความตื่นเต้นของหัวใจและพร้อมจะกลับมาเต้นรำเมื่อเพลงแรกจบลงและเพลงใหม่เริ่มต้นขึ้น ก่อนที่นายตำรวจตรัสลักษณ์จะกลับมาที่โต๊ะอาหารภาคีนัยเดินมาส่งเมทินีและลูกๆที่โต๊ะอาหารเสียก่อนแล้ว โรสิตาไม่รอช้าเดินมาจูงมือภาคีนัยคนรักออกไปเต้นรำในบทเพลงต่อไปทันที จิมมี่ได้โอกาสเดินตรงเข้าห้องน้ำไปอีกคน ดังนั้นที่โต๊ะอาหารจึงเหลือประภพ เมทินี ลูกชายและลูกสาวอีกสองคน เมื่ออยู่กันตามลำพังจุดโฟกัสที่บุคคลภายนอกมองเห็นคือครอบครัวแสนสุขที่สมบูรณ์แบบมีสามีภรรยาลูกชายลูกสาวนั่งพูดคุยกันอย่างน่ารักและน่าอิจฉา

 

“คุณนัยขา มองดูที่โต๊ะอาหารสิคะ เหมือนครอบครัวแสนสุขเลยนะคะ ถ้าโรสไม่รู้มาก่อนต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยากันจริงๆแน่เลย คุณนัยคิดเหมือนโรสหรือเปล่าคะ”

 

ภาคีนัยไม่ตอบคำถามโรสิตา เพราะขณะนี้ภาคีนัยไม่ได้รับรู้เสียงอะไรเลย ภาคีนัยทำตัวเป็นเหมือนดังหุ่นยนต์ที่ไม่มีหัวใจและความรู้สึกนึกคิดเมื่อกำลังเต้นรำอยู่กับโรสิตา เขาจ้องมองเมทินีและคิดถึงหญิงสาวตลอดเวลาเขาจะทำอย่างไรกับเธอดี ภาคีนัยกลุ้มใจหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ในช่วงภาวะความคิดอันสับสนภาคีนัยได้ยินน้ำเสียงดังที่แสนคุ้นเคยที่ไม่คิดว่าจะได้ยินได้ฟังมันอีกที่โรงแรมแห่งนี้แต่ในยามนี้มันดังและคุ้นเคยจนแน่ใจและมั่นใจอย่างมากเสียงมันดังล่องลอยมาจากโต๊ะอาหารที่เขาเพิ่งเดินจากมากับโรสิตาได้ไม่นานมันคือน้ำเสียงของคุณกานดาภรรยาผู้บ้าคลั่งของประภพพี่ชายผู้น่าสงสารของเขา

 

“คุณภพไหนคุณบอกว่าไม่มีเมียน้อย กับลูกอยู่นอกบ้าน นี้อะไร ดอกเห็ดหรือจอมปลวกใช่มั้ย วันนี้ฉันจับได้คาหนังคาเขา ยังมีอะไรมาแก้ตัวกับฉันอีกบอกฉันมาเลยคุณภพ”

 

“คุณกานดา ใจเย็นๆ แล้วฟังผมพูดก่อน”

 

“จะให้ฉันใจเย็นหรือคะคุณภพ คุณจะบ้ารึไง คุณเอาเมียน้อยกับลูกออกมาโชว์อวดชาวบ้านคุณเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรือไงกัน”

 

“คุณเข้าใจผิดแล้วคุณดา คุณเมทินีเธอไม่ได้เป็นเมียน้อยผม ให้ผมสาบานก็ได้”

 

“ออ...ชื่อเมทินีสินะ นังผู้หญิงไร้ยางอาย แอบลักกินขโมยกินผัวชาวบ้านไม่มีความคิดเลยใช่มั้ย นังแพสหยา”

 

“คุณกานดาคะ คุณเข้าใจฉันกับคุณประภพผิดนะคะเราเพิ่งรู้จักกัน เราไม่มีอะไรกันจริงๆ คะ เชื่อคุณประภพเธอเถอะนะคะ”

 

“หนอย...นังผู้หญิงปากแข็งไม่แสดงหลักฐานจะไม่ยอมรับใช่มั้ย นี้ไงหลักฐานดูซะแล้วยอมรับมาซะดีๆ แก่มันแย่งผัวฉัน ฉันจะประกาศให้ชาวบ้านชาวเมืองเข้ารู้กันให้หมดเลย”

 

คุณกานดาผู้ไม่เคยยอมฟังเหตุผลอะไรจากใครดึงรูปภาพหลักฐานที่วิมลวรรณเพื่อนผู้หวังดีส่งมาให้เพื่อประสงค์ร้ายต่อคุณกานดา ปาเข้าใส่ลำตัวและใบหน้าของเมทินีรูปแต่ละใบกระจายเต็มพื้นของห้องอาหารบางรูปคว่ำบางรูปหงายผู้คนรอบข้างหรือไทยมุงต่างเกิดความสนใจไม่เว้นแม้แต่นักข่าวที่ติดตามดาราสาวโรสิตาเป็นเหมือนเงาตามตัวที่แกะไม่ออกก็เกิดความสนใจต่างพากันเก็บรูปภาพหลักฐานและเปิดกล้องที่ติดตัวมาด้วยถ่ายรูปเมทินีและทุกคนรอบข้างเพิ่มเติมแสงไฟจากแฟลชสว่างติดๆ กันหลายครั้ง เมทินีก้มหยิบรูปภาพใบแรกอย่างสนใจเธอจ้องมองวิเคราะห์รายละเอียดของรูปมันคือตัวของเธอเองเธอถ่ายไว้เมื่อนานมาแล้วและเธอก็รับรู้ในทันทีรูปภาพเก่าๆใบที่เธอถือไว้มันได้รับการตัดต่ออย่างปราณีจนเหมือนรูปจริงในรูปใบเดียวกันเธอมองเห็นใบหน้าของประภพเขาอยู่ในอารมณ์มีความสุขเมื่ออยู่เคียงข้างกับเธอในรูปที่ได้รับการตัดต่อมาอย่างดีเยี่ยม รูปใบที่สองเป็นรูปใบหน้าของลูกๆ ทั้งสามคนของเธอมันคือรูปใบจริงไม่ได้ผ่านการตัดต่อแต่อย่างใดเธอจำรูปใบเก่านี้ได้อย่างเม่นยำมันคือรูปใบที่เธอส่งมอบให้แก่พี่สาวของเธอเมื่อนานมาแล้ว แต่ในยามนั้นพี่สาวเธอเมื่อได้รับรูปก็ไม่ได้มีการตอบกลับมาหาเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อเธอไม่ได้รับการตอบกลับจากวิมนวรรณ เธอจึงหยุดส่งรูปภาพของลูกสาวฝาแฝดให้แก่วิมลวรรณมารดาแท้ๆ ของเด็กที่เธอรับมาเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ จนวันนี้สิ่งที่เธอมอบให้กับพี่สาวด้วยความรักและหวังดีพี่สาวเธอกับใช้มันมาเป็นเครื่องมือประจานเธอต่อหน้าสาธารณะชน เธอไม่รู้ว่าเธอทำผิดอะไรต่อพี่สาวเธอถึงได้ถูกทำร้ายความรู้สึกได้มากมายเช่นนี้ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลรินออกมาจากดวงตาแสนเศร้าแม้จะพยายามเก็บกดมันไว้แล้วก็ตาม

 

“นังผู้หญิง ไร้ยางอาย พอเห็นหลักฐานแล้วทำบีบน้ำตา คราวนี้ยอมรับได้หรือยัง นังร่าน นักผู้หญิงสำส่อน แกแย่งผัวฉัน นังเมียน้อยไม่มีความคิด”

 

ครั้งนี้กานดาผู้เจ็บปวดจากชีวิตคู่การแต่งงานไม่ได้แค่ประจานเมทินีต่อหน้าสาธารณะชนเท่านั้นเธอยังเอามือที่แข็งแรงผลักที่หน้าอกของเมทินีจนซวนเซใกล้ล้มเกือบถึงพื้นห้องอาหารสุดหรูหราราคาแพงแต่โชคของเธอยังดีหม่อมราชวงค์มาวิณนักถ้ำมองและแอบถ่ายภาพเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นรับร่างกายที่หมดเรี่ยวแรงของเมทินีไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงถึงพื้นแต่สิ่งที่มาวิณไม่ได้คาดการไว้ก็คือลูกชายของเขาผู้มีอายุแค่ห้าขวบผู้กำลังทำหน้าที่คอยปกป้องคุ้มครองมารดาและน้องสาววิ่งตรงเข้าหาบุคคลที่ทำร้ายมารดาของตัวเองทันทีและผลักกานดาหญิงบ้าเข้าเต็มแรงหญิงสาวตัวสูงแต่ร่างเล็กไม่ทันระวังตัวล้มลงสู่พื้นที่แข็งเสียงกรีดร้องที่ดังเพราะความเจ็บปวดก็ตามมาอย่างต่อเนื่องในชั่วพลิบตาควานชุลมุนวุ่นวาและความเจ็บปวดอันต่อเนื่องก็ตามกันเข้ามาสู่คุณกานดาอีกเช่นกัน เด็กสาวฝาแฝดที่วิ่งตรงเข้าไปผสมโรงช่วยพี่ชายซ้ำเติมคุณกานดาทำให้เกิดการต่อสู้ปัดป้องคุ้มครองตัวเองจากเด็กน้อยทั้งสามคนอย่างรุนแรงไม่มีการอดออมกำลังแม้สักเล็กน้อย การผลัก การข่วน การดึง การถีบ การชกและต่อย จึงเกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่ง เมทินีได้สติและตั้งตัวได้อีกครั้งวิ่งตรงเข้าไปช่วยลูกชายและลูกสาวไว้ก่อนที่ลูกๆจะได้รับบาดเจ็บ จุดประสงค์ของเธอก็คือต้องการแยกลูกๆ ของเธอออกมาจากผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้นแต่ยิ่งแยกก็เหมือนตัวเองเข้าไปร่วมซ้ำเติมด้วยอีกแรง ความชุลมุนวุ่นวายจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

“นาวิณ กระต่าย กระแต ปล่อยเธอเถอะลูก”

 

“นังบ้านี้มันทำร้ายแม่ก่อนนะครับ”

 

“จริงด้วยคะ คุณแม่ขา นังบ้านี้มันทำร้ายแม่กับพี่วิณนะคะ เราต้องป้องกันตัวไม่ให้ใครมารังแกเรา แม่เคยบอกระต่าย กระแต่ แม่ลืมแล้วหรือคะ”

 

ระหว่างแม่ลูกสนทนากันไปความวุ่นวายก็ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่ง

 

“แก พวกเด็กเหลือขอพ่อแม่ไม่สั่งสอน ฉันจะฆ่าพวกแก”

 

คุณกานดาผู้หญิงบ้าขาดสติตรงเข้าผลักลูกชายของเมทินีเต็มแรงร่างกายกระเด็นล้มลงกระทบพื้นเลือดไหลเต็มศีรษะ เมทินีผู้กำลังพยายามห้ามการต่อสู่ระหว่างลูกๆของเธอกับคุณกานดาแต่ในยามนี้เธอสติการรับรู้ขาดเป็นเสี่ยงๆทันทีความคิดที่จะห้ามไม่ให้มีเรื่องราวการต่อสู่กันเกิดขึ้นความนึกคิดเริ่มแรกที่ไม่ต้องการใช้กำลังในการแก้ปัญหาก็สิ้นสุดลงเมื่อเธอได้เห็นเลือดสีแดงไหลรินออกมาจากศีรษะของลูกชาย เธอเตรียมตัวที่จะวิ่งตรงเข้าไปแลกชีวิตกับคุณกานดาผู้หญิงบ้าคลั่งไรเหตุผลในนาทีสุดท้ายแต่ผู้ชายที่เธอไม่รู้จักตรงเข้าถึงคุณกานดาผู้หญิงบ้าคลั่งก่อนเธอเล็กน้อยเขาออกแรงตบฝามืออันหนาใหญ่เพียงครั้งเข้าที่กลางใบหน้าคุณกานดา เธอมองเห็นร่างกายคุณกานดาซวนเซตามแรงตบและล้มลงสู่พื้นหมดสติแน่นิ่งไม่ไหวติงลุกขึ้นยืนมาออกฤทธิ์ไม่ได้อีกเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายสงบลงพร้อมกับความตกใจของเธอ สิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยินและรับรู้ก็คือน้ำเสียงอ่อนโยนจากผู้ชายที่ตบคุณกานดาจนหมดสติมันคือน้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใยที่มีให้ลูกชายของเธอที่กำลังนอนหลับหมดสติอยู่ในวงแขนของเขา

 

“ลูกพ่อเป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนลูก”

 

มาวิณมองเห็นเลือดไหลอาบแก้มลูกชายน้ำตามาวิณไหลรินอย่างเจ็บปวดใจมาวิณอุ้มลูกชายไว้ในอ่อมอกแล้ววิ่งตรงไปยังห้องพยาบาลของโรงแรมทันทีก่อนจะไปถึงห้องพยาบาลมาวิณตะโกนบอก รปภ.ให้เรียกตำรวจมาดูแลเหตุการณ์

 

“เรียกตำรวจมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้อี ทุกคนที่มันทำร้ายลูกชายฉันเข้าคุก”

 

“ครับคุณมาวิณ”

 

สิ้นเสียงมาวิณเหตุการณ์ที่คิดว่าจะจะสงบลงกับยิ่งจะชุลมุนวุ่นวายมากขึ้นภาคีนัยผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนึกภาพและจินตนาการเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วเด็กชายที่เป็นลูกของเมทินีคือลูกชายของผู้ชายที่มีชื่อว่ามาวิณ และรู้สึกว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้ไม่น้อย นักข่าวที่ติดตามโรสิตามาด้วยเริ่มถ่ายรูปเหตุการณ์ต่างๆ เก็บไว้มากขึ้นรวมถึงรูปของภาคีนัยตลอดจนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภาคีนัยมองตรงไปยังคุณกานดาภรรยาพี่ชายที่ถูกตบล้มลงยังไม่ได้สติประภพที่ชายของเขากำลังอุ้มภรรยารักไว้ในวงแขนแล้วเดินตามผู้ชายตรงหน้าไปห้องพยาบานเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นเช่นกัน

 

“คุณนัยขา มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้นคะโรสมองไม่เห็นอะไรเลยมันชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด ทำไมคุณกานดาภรรยาพี่ชายคุณถึงคิดว่าลูกจ้างของคุณเป็นภรรยาคุณประภพละคะ แล้วนี้คุณตรัสคนรักของคุณเมทินีไปอยู่เสียที่ไหนละคะทำไมไม่ช่วยห้ามหรือปกป้องคนรักเลย ถ้าคุณตรัสห้ามไว้ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์บ้าๆจนบานปลายใหญ่โตอย่างนี้หรอกจริงมั้ยคะคุณนัย พรุ่งนี้โรสต้องเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งแน่ๆ เลยคะ นัยคิดอย่างโรสมั้ยคะ”

 

 

“ผมอยู่นี้ครับคุณโรส ผมไปห้องน้ำเพิ่งกลับมาก็เห็นคุณกานดาถูกตบสลบไปแล้วครับ”

 

“แล้วคุณจิมมี่ละคะ”

 

“ผมก็เพิ่งไปห้องน้ำกลับมาเหมือนกันครับ”

 

“แล้วคุณพ่อคุณแม่ละคะ”

 

“อุ๊ย ! หนูโรส คุณปิยะกับแม่เต้นรำกันอยู่ข้างๆ หนูไงละจ๊ะกว่าจะตั้งตัวได้ก็รู้เท่ากับหนูโรสละจ๊ะ”

 

“แล้วนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดีละคะเดี๋ยวตำรวจก็จะมาแล้ว พวกเราก็ต่างเป็นคนดังมีหน้ามีตา พวกนักข่าวต้องเอาพวกเราไปประจานแน่เลยคะคุณพ่อคุณแม่”

 

“จริงด้วยคะคุณปิยะ เราจะทำอย่างไรกันดีคะ”

 

“นัยว่าอย่างไรละลูกพ่อ เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี”

 

“คุณพ่อครับผมคิดว่าเราเลิกปกป้องคุณกานดาเธอแบบผิดๆ เถอะครับ เธอบ้าจนควบคุ้มไม่อยู่แล้ว นี้ขนาดทำร้ายเด็กเล็กๆเลยนะครับ เธอต้องเข้ารับการรักษาดูแลจากหมอแล้วครับคุณพ่อ”

 

“เรื่องนั้นพ่อก็คิดเหมือนลูก แต่เรื่องที่กำลังจะเป็นข่าวพรุ่งนี้เราควรทำอย่างไร”

 

“ปิดได้เท่าที่ปิดได้ครับ ที่ปิดไม่ได้ก็ปล่อยไปครับผมเหนื่อยแล้วครับคุณพ่อผมขอตามไปดูเด็กๆและหลานของเราก่อนนะครับ”

 

แล้วภาคีนัย บิดามารดา โรสิตาดาราสาวสวยผู้มองเห็นเหตุการณ์ครึ่งๆ กลาง นายตำรวจตรัสลักษณ์ต่างเดินตามภาคีนัยตรงไปยังห้องพยาบาลของโรงแรมทันที วันนี้มันน่าจะเป็นวันดีๆ ของเขาภาคีนัยคนนี้แต่สุดท้ายสวรรค์ก็ล้มอย่างไม่เป็นท่าเหตุการณ์ในวันนี้มันทำให้ภาคีนัยได้รู้ถึงความผิดหวังและคู่แข่งหัวใจเพิ่มขึ้นคนแรกคือนายตำรวจตรัสลักษณ์ผู้ปักใจมุ่งมั่นหลงรักเมทินีอย่างยาวนานและมาวิณชายหนุ่มปริศนาผู้เป็นบิดาของลูกชายเมทินีทั้งสองคนต่างเกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ภาคีนัยรักและต้องการจะแต่งงานด้วยภาคีนัยพยายามระงับอารมณ์ความรู้สึกมาหลายชั่วโมงแต่ตอนนี้ภาคีนัยสุดจะทนระงับอารมณ์ความโกรธและโมโหได้อีกต่อไปภาคีนัยหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วบีบจนแตกละเอียดอย่างไม่รู้ถึงความเจ็บปวดบาดแผลเล็กๆจากแก้วไวน์ทำให้มีเลือดสีแดงไหลหยดตามพื้นห้องอาหารสุดหรูในโรงแรมห้าดาวชื่อดังเพิ่มอีกหนึ่งหยด มันทำให้โรสิตาดาราสาวตกใจอีกครั้ง

 

“คุณนัยขา คุณทำอะไรของคุณคะ ดูสิคะแก้วไวน์บาดมือคุณเลือดไหลใหญ่เลย เรารีบไปห้องพยาบาลเพื่อพันแผลและใส่ยาเถอะนะคะ”

 

ภาคีนัยไม่ตอบรับเสียงพูดของโรสิตากำมือเป็นกำปั้นที่เลือดสีแดงกำลังไหลเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องพยาบาลทันที

 

 

จบบทที่ 8 ต่อบทที่ 9 ผมชื่อมาวิณและพ่อของนาวิณครับ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา