บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!

8.8

เขียนโดย Namizz

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.

  27 chapter
  129 วิจารณ์
  38.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) ~ 16 ~

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“นียา ทำไมเธอไม่รับโทรศัพท์ รีบๆรับสักทีดิ จะได้ประชุมต่อ” โจตระโกนจากหน้าห้องจนมาถึงหลังห้องที่ฉันยืนอยู่

 

 

“หะ หา! ขะ... ของฉันเหรอ” ฉันรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงทันที แต่! เงียบ...ไม่ใช่ของฉันนี่

 

 

“นี่ไงของฉัน...พวกนายบ้าหรือเปล่าหา!” ฉันตอบกลับทันที แต่ทุกคนก็ยังเพ่งสายตามาที่ฉัน ก่อนที่เฟิร์นจะไปหยิบกระเป๋านักเรียนฉันขึ้นมา

 

 

“เสียงมาจากในนี้ นี่มันกระเป๋าของแกนะ นียา” ฉันรับกระเป๋ามาอย่างงงงวย ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเก็บโทรศัพท์ของใครก็ไม่รู้ได้

 

 

“อะ...อ๋อ...แหะๆ โทษที ฉันลืมน่ะ ประชุมต่อเหอะมันเงียบแล้วล่ะ” หลังจากที่ทำเหลอหลาได้สักพักฉันก็หยิบโทรศัพท์ซังกะบ๋วยขึ้นมา

 

 

‘ไอ้โทรศัพท์บ้า ทำให้ฉันขายหน้ายังไม่พอ ยังบังอาจมีเสียงเรียกเข้าที่แสนอุบาตว์ให้ฉันได้ยินอีก ตายซะเถอะ ย๊ากกก!’ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ต้มยำทำแกงอะไร บุคคลที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น

 

 

“แกเอาโทรศัพท์เครื่องนี้มาได้ไง นียา...” ลูกปลาเอ่ยขึ้นและหยิบโทรศัพท์จากมือของฉันไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฉันเห็นมันตอนอยู่ที่...เอ่อ...ที่หน้าห้องดนตรีน่ะ ทำไมเหรอลูกปลา แกรู้เหรอว่ามันเป็นของใคร” ฉันพยายามเสี่ยงที่จะบอกไปตรงๆเพราะไม่อยากให้เพื่อนสงสัย

 

 

“แกไม่รู้จริงๆเหรอว่านี่...ของใคร...” ลูกปลายกโทรศัพท์ขึ้นให้ดูอีกครั้ง

 

 

“จะไปรู้ได้ไงล่ะ ถ้ารู้ก็คงคืนเจ้าของไปแล้ว...แต่เมื่อกี้มีคนโทรเข้า สงสัยเจ้าของจะโทรมาตามล่ะมั้ง ไหน...ดูซิ” ฉันคว้าโทรศัพท์คืนมาอย่างรวดเร็ว เพื่อดูเบอร์ที่ไม่ได้รับโดยไม่ได้สังเกตแววตาของลูกปลาที่เปลี่ยนไปก่อนที่จะปรับให้เป็นปรกติ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะกดเปิด เสียงข้อความก็ดังขึ้น

 

 

     ~ ~ ติ๊ด ติ๊ด ~ ~ ติ๊ด ติ๊ด ~ ~

 

 

“อ่ะ! มีข้อความมาล่ะ” ฉันเอ่ยขึ้นแล้วจึงเปิดข้อความอ่าน

                               

 

‘ ถึงทานตะวัน

                               

        ตอนเย็นช่วยเอาโทรศัพท์มาให้ที่ห้องดนตรี...แล้วเจอกัน 

 

                                       ดอกหญ้า’                                                             

 

 

“ฮั่นแน่! แกไปเป็นทานตะวันให้นายดอกหญ้าคนนี้แอบรักตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮะ บอกมาซะดีๆ” โซดาแซวขึ้นในขณะที่ฉันยังทำหน้างงๆ

 

 

“บ้า! แอบลงแอบรักอะไรกันโซดา ไร้สาระน่า...แล้วนี่ฉันจะเอายังไงดีล่ะ” ฉันถามเพื่อขอความคิดเห็น

 

 

“จะไปยากอะไร แกก็เอาโทรศัพท์นี่ไปคืนเขาก็สิ้นเรื่อง” เฟิร์นเปิดประเด็นคนแรก

 

 

“อืม...นั่นสิ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยเนอะ” ฉันยิ้มให้เฟิร์นด้วยความโล่งใจ

 

 

“เอ่อ...นียา...ให้ฉันเอาไปคืนให้แทนก็ได้นะ ตอนเย็นฉันว่าง” อยู่ดีๆลูกปลาก็พูดขึ้น ทำให้ฉันและเพื่อนที่อยู่ในวงสนทนามองไปยังลูกปลา

 

 

“อะ...เอางั้นเหรอ แต่ว่า...” ฉันหันไปสบตากับโซดา แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

 

 

“ให้นียาไปแหละดีแล้ว...ใครเป็นคนเก็บได้ก็ต้องเอาไปคืนด้วยตัวเองสิ จริงไหมลูกปลา” เฟิร์นโพล่งขึ้นขัดการตัดสินใจของฉัน ทำไมนะ...ฉันถึงรู้สึกว่าลูกปลามีเรื่องปิดบัง...หรือว่าฉันคิดไปเอง

 

 

อืม...งั้นก็ได้...เออ! ลูกปลาแล้วตกลงใครเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ล่ะ” ฉันตอบตกลงก่อนที่จะเปลี่ยนมาพูดเรื่องที่ยังค้างอยู่

 

 

     ชั่วพริบตาเดียว ฉันเห็นลูกปลาหันไปสบตากับเฟิร์น แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันสื่อถึงอะไร...ฉันคงคิดมากไปเอง แล้วเสียงของลูกปลาก็ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์

 

 

“อ้อ...ฉัน...ไม่รู้หรอก...รุ่นนี้มีคนใช้เยอะ ฉันคงจำผิด” ลูกปลาบอกปัดๆไปอย่างเลี่ยงๆ

 

 

“อืม...เข้าเรียนกันเถอะ หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว” ฉันตอบรับเบาๆ แล้วหันหลังเดินเข้าห้องเรียนไปพร้อมกับเพื่อนตัวโต...

 

 

“แกคิดจะทำอะไรน่ะ...ลูกปลา...เลิกคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สักทีเถอะ...แกก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้และไม่มีทางเป็นด้วย เพราะเขาไม่...”

 

 

“พอทีเถอะ! แกเลิกยุ่งกับเรื่องของฉันสักทีได้ไหม...เฟิร์น มันก็เป็นเพราะแกไม่ใช่เหรอที่ทำให้...” ประโยคสุดท้ายลูกปลาเงียบลงไปพยายามที่จะเก็บอารมณ์ แต่ก็คงคิดได้แค่นั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามข่มไว้กลับระบายออกมาจนหมดสิ้น ลูกปลาใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้งแล้วก็พูดขึ้นว่า

 

 

“ขอโทษนะ ฉันอยากอยู่คนเดียว บอกอาจารย์ด้วยว่าฉันไม่สบาย” พูดจบลูกปลาก็วิ่งแยกออกไปทันที โดยไม่ได้หันกลับมามองว่าเพื่อนของเธอกำลังเสียใจแค่ไหน

 

 

“ฉันขอโทษนะลูกปลา...ฉันผิดเหรอที่อยากให้คนที่ฉันรักทั้งสองคนมีความสุข” เฟิร์นรีบปาดน้ำตาที่อยู่บนแก้มทิ้ง ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติและวิ่งไปหาเพื่อนอีกสองคนที่เดินเข้าไปในห้องก่อนแล้ว

 

 

 

 

1 ปีที่แล้ว 

 

 

“เฮ้ย! เต็ง...วันนี้แกช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งดิ” ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว คิ้วเข้ม น่าตาดี เอ่ยขึ้นกับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กของตน

 

 

“ไรวะเบียร์ ถ้าทำได้ฉันก็จะทำนะโว๊ย” เต็ง หรือ เต็งหนึ่ง เอ่ยบอกเพื่อนของตนอย่างไม่ค่อยไว้ใจมากนัก

 

 

“เออน่า...ถ้าแกรับงานนี้ ฉันเลี้ยงข้าวแกวันหนึ่งโอมะ” เบียร์ยื่นข้อเสนอให้เพื่อนรักอย่างเจ้าเล่ห์

 

 

“เออ...ก็ได้ จะให้ทำไรล่ะ...” เต็งหนึ่งเดินเข้าไปใกล้เบียร์เพื่อให้เบียร์กระซิบบอกบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เต็งหนึ่งตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร...สักพักต่อมาเบียร์ก็ให้สิ่งของบางอย่างกับเต็งหนึ่ง

 

 

“แค่นี้ใช่ไหมที่จะให้ช่วย...ปรกติแกก็ทำเองนี่นา แล้ววันนี้ทำไมไม่ทำ” เต็งหนึ่งมองเบียร์อย่างไม่ค่อยเข้าใจ

 

 

“ไม่ใช่ไม่อยากทำ แต่ฉันต้องไปสอบซ่อมของอาจารย์ปิยะ แกมันเก่งแต่ฉันนี่สิโคตรโง่เลย” เบียร์อธิบายพลางบ่นให้เต็งหนึ่งฟังอย่างเซ็งๆ

 

 

“เอาน่า...ตั้งใจโว้ยเพื่อน...เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เต็งหนึ่งตบบ่าเพื่อนเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ แต่ใครจะรู้บ้างว่านี่เป็นกำลังใจครั้งสุดท้ายที่เบียร์จะได้รับจากเพื่อนรักของเขา

 

 

 

“แกจะไปไหนอ่ะลูกปลา นี่มันเลิกเรียนแล้วนะกลับบ้านเถอะ” หญิงสาวร่างบางผิวสีแทนเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังเก็บกระเป๋าของตนอยู่

 

 

“ฉันก็จะไปตามล่าหาไอ้โรคจิตน่ะสิ อยากจะรู้เหมือนกันว่าหน้าตามันเป็นยังไง สมองมันถึงได้คิดอะไรที่พิสดารได้ขนาดนั้น แกไม่เห็นเหรอเฟิร์น...ลูกโป่งถุงยางอนามัยสีสันต่างๆ สีชมพูเอย เหลืองเอย ฟ้าเอย มันมาอยู่ในล็อกเกอร์ของช้านนนได้ไง วันนี้แหละฉันจะต้องจับไอ้บ้ากามนั่นให้ได้” หญิงสาวหุ่นเพรียว ร่างบอบบางอรชร ผิวสีแทนนิดๆ น่าตาสวยไม่ใช่เล่นกำลังทำหน้าเป็นนางยักษ์พันธุรัตน์เพื่อจะจับพระอภัยมณีน่ะสิ โหย ~ ~ สยิวกิ้ว ~ ~

 

 

“เออน่า...ใจเย็นๆก่อน...แกไม่รู้หรือไงว่าลูกโป่งถุงยางน่ะมันมีความหมายว่า เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เรื่องเซ็กส์ตัดทิ้งไปได้เลยไม่สำคัญต่อความรู้สึกที่แท้จริง...ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือน่ะ แกอย่าไปยึดติดนักสิ” เฟิร์นพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อนตนให้สงบจิตสงบใจลงแต่...

 

 

“จะยังไงก็ช่าง...ฉันไม่มีวันให้อภัยนายนั่นแน่ แกคอยดูก็แล้วกัน เฟิร์น” พูดจบลูกปลาก็กระทืบเท้าปึงปังเดินจากไป ปล่อยให้เฟิร์นถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

 

“พี่เบียร์คะ เฟิร์นคงช่วยพี่ได้แค่นี้...เฟิร์นขอให้พี่สมหวังกับเพื่อนรักของเฟิร์นนะคะ เฟิร์นจะดีใจมากถ้าเห็นคนที่เฟิร์นรัก...ทั้งสองคน...มีความสุข” เฟิร์นได้แต่ยืนพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องประจำของมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 ...

 

 

     และในขณะเดียวกันนั้นได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางมีพิรุทชอบทำลับๆล่อๆเดินตรงไปยังตู้ล็อกเกอร์ของนักเรียนหญิง ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้าตู้ที่มีชื่อติดว่า ‘ลูกปลา’ ก่อนที่จะรีบล้วงเอากุญแจผีที่เพื่อนรักของเขาไปแอบปั๊มมา จากนั้นเขาก็รีบนำสิ่งของที่แอบอยู่ในเสื้อแขนยาวออกมาวางไว้ในตู้แล้วจึงบรรจงปิดตู้อย่างเบามือ...ไม่นานนักร่างสูงในความมืดก็หายไปทิ้งไว้เพียง...สายตาอีกคู่หนึ่งที่แอบดูการกระทำของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่อยู่ในแววตาคู่นั้นไม่ใช่ความโกธร ไม่ใช่ความไม่พอใจ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะความเข้าใจผิดจึงทำให้ความขุ่นเคืองในตอนแรกถูกความพอใจและรุ่มหลงทับถมจนหมดสิ้น...

 

 

 

“ลูกปลา ลูกปลาๆๆ รอฉันด้วยสิ...เฮ้ย! แกได้ยินฉันไหมเนี่ย” เฟิร์นตะโกนเรียกชื่อเพื่อนของตนอย่างรีบเร่ง

 

 

“มีอะไรเฟิร์น...แกกลับไปก่อนเถอะ ไม่ต้องรอฉันหรอกนะ คือ...ฉันมีธุระน่ะ” ลูกปลาอธิบายอย่างรวดเร็วพลางมองนาฬิกาข้อมือของตนไปด้วย

 

 

“เดี๋ยว ธุระอะไรกันนักหนา ตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา แกชอบหายหัวไปตอนเย็นทุกครั้งเลยนะ มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า” เฟิร์นถามขึ้น

 

 

“ปะ...เปล่านี่...แกคิดมากไปเอง เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะกลับพร้อมแกก็แล้วกันนะ ไปก่อนล่ะ บาย” ลูกปลาพูดจบก็วิ่งออกไปทันที ปล่อยให้เพื่อนของเขามองตามอย่างไม่เข้าใจ

 

 

“ไอ้เบียร์ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย ที่จะต้องมาทำตัวเหมือนคนบ้าโรคจิตย่องเบาเปิดตู้ล็อกเกอร์ของผู้หญิงเนี่ย” เต็งหนึ่งร่ายเป็นชุดใส่เพื่อนรักของเขา

 

 

“โธ่...เต็งง่ะ...ช่วยเพื่อนตัวน้อยๆอย่างฉันหน่อยไม่ได้เหรอ นะ นะ น้าาา ~ ~” เสียงอ้อนของเบียร์ทำให้ขนแขนลุกกะทันหัน

 

 

“แต่นี่มันจะ 2 อาทิตย์แล้วนะโว้ย! ถ้ารักจริงแกก็น่าจะไปสารภาพตรงๆกับน้องเขา ไม่ใช่มาทำเป็นไอ้หื่นหน้าหมาแบบนี้!” ประโยคสุดท้ายเต็งพยายามเน้นสุดๆ

 

 

“เออๆๆ...รู้แล้วน่า...ถ้าฉันไม่ติดธุระทางบ้าน ฉันก็ไม่ขอให้แกช่วยหรอกและอีกอย่างฉันตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปบอกน้องลูกปลาด้วยตัวของฉันเอง” เบียร์ชูกำปั้นขึ้นเพื่อเป็นการเรียกกำลังใจของตัวเอง

 

 

“ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อน...ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยสักที เฮ้อออ…” เต็งตบไหล่เพื่อนเบาๆ เพื่อการให้กำลังใจ

 

 

     เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยมาถึงคาบเรียนคาบสุดท้ายของวัน นักเรียนชั้น ม.3/7 ต่างพากันรีบเก็บกระเป๋าสัมภาระของตนเองเพื่อจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

 

 

“เฮ้! ห้องนี้มีคนชื่อลูกปลาไหม” เสียงเด็กผู้หญิงห้องข้างๆยืนตะโกนอยู่หน้าห้อง เมื่อเจ้าของชื่อถูกเรียกมีหรือที่จะนิ่งเฉย

 

 

“เราเอง มีอะไรเหรอ พลอย” ลูกปลาเดินออกไปหาเพื่อนข้างห้องโดยมีเฟิร์นยืนอยู่ข้างๆเสมอ

 

 

“อ๋อ...คือรุ่นพี่ม.4ให้ไปพบที่ห้องดนตรีน่ะ ตอนนี้เลยนะเดี๋ยวพี่เขารอนาน” พูดจบพลอยก็วิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“ใครกันนะที่มาเรียกแก...ลูกปลา ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” เฟิร์นถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

 

 

“ไม่ต้องหรอก...เธอไปรอฉันอยู่หน้าตึกประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันตามไป” ลูกปลาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดว่าเธอกำลังดีใจกับอะไรบางอย่าง

 

 

“อืม...เอางั้นก็ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ”

 

 

“จร้า~ ~ ~” เสียงตอบรับสั้นๆของลูกปลาไม่ได้ทำให้เฟิร์นหายเป็นห่วงได้เลย

 

 

“หรือว่าจะเป็น...พี่เบียร์...” คิดได้แค่นั้นร่างบางก็วิ่งฝ่าลมที่กรรโชกแรงของท้องฟ้า ที่กำลังตั้งเคล้าว่าพายุใหญ่กำลังจะมาในอีกไม่นาน!

 

 

===============

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา