บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!

8.8

เขียนโดย Namizz

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.

  27 chapter
  129 วิจารณ์
  38.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) ~ 24 ~

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

     อ๊อดดดด! อ๊อดดดดดด!!

               

 

     เสียงอ๊อดของโรงเรียนดังขึ้น ทำให้ฉันตกใจรีบหลบสายตาของโพทส์ทันที...โพทส์เห็นท่าทางของฉัน พลางหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งทำให้หน้าที่แดงอยู่แล้วกลับต้องแดงขึ้นอีก

               

 

"เวลาเธอเขิน...ดูน่ารักดีนะ  หึหึ..." โพทส์พูดยิ้มๆ

               

 

"บ้าๆ! พูดไร้สาระ...รีบไปทำเวรดีกว่า" ฉันก้มหน้าก้มตา เพราะความเขินอาย

               

 

"เธอเอาขยะที่อยู่หน้าห้องไปทิ้ง..และกลับเลยละกันมันเย็นมากแล้ว..ที่เหลือฉันจัดการเอง" เสียงของโพทส์ดูอ่อนโยน ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน

               

 

"จริงเหรอ!! งั้นฉันไปล่ะ....ขอบใจนะเพื่อน....." โพทส์ส่ายหน้าอย่างขำๆ แต่เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า....ขอให้โชคดี....

               

 

     หญิงสาวรีบวิ่งลงจากบันได โดยที่ไม่ลืมหยิบถุงขยะที่อยู่หน้าห้องติดมือไปด้วย เธอไม่สนใจว่าขยะที่อยู่ในถุงนั้นจะมีมากน้องแค่ไหน...ตอนนี้สมองของเธอสั่งให้วิ่ง...วิ่งไปตามเสียงหัวใจที่ร่ำร้องหาชายหนุ่มที่เธออยากจะพบ...

               

 

     ในจังหวะที่นียากำลังจะทิ้งขยะลงในถังใหญ่ของโรงเรียน สายตาก็ไปสะดุดกับกล่องของขวัญที่มีลวดลายการ์ตูนน่ารัก..เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พอเธออ่านการ์ดที่ติดอยู่หน้ากล่องหัวใจก็หล่นวูบลงไปทันที...

               

               

 

'แด่......

 

                                ทานตะวัน ที่ผมรัก...

                                                 

                                                              เต็งหนึ่ง...'

 

               

 

     เพียงแค่เห็นชื่อที่เธอคุ้นเคยก็ทำให้โลกของนียาหยุดหมุน...งั้นก็หมายความว่า!!

               

 

     ร่างบางรีบวิ่งออกจากที่ตรงนั้นทันที ในมือยังคงถือกล่องของขวัญไปด้วย..นียาคิดเพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องตามหาเขาให้พบและที่ที่เธอจะพบกับเขาได้นั้น ก็คือ..ห้องดนตรี...

               

 

     ลูกบิดประตูถูกผลักออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวยืนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย..เธอวิ่งมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี  แต่สิ่งที่เธอได้พบ..กลับมีแต่ความมืดมิด ในห้องดนตรีขณะนี้มีเพียงเสียงหอบหายใจของเธอเท่านั้น...ไม่มีใครเลยจริงๆ นียาหันหลังเดินจากไปอย่างผิดหวัง...จากไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน อาบก้มทั้งสองข้างอย่างช้าๆ...

 

               

     อีกด้านหนึ่งของห้อมโฮมรูมชั้นม.4/4

               

 

     โพทส์กำลังหมกมุ่นกับการกวาดห้องอย่างเมามัน ให้ตายเหอะ! ที่บ้านยังไม่เคยคิดจะแตะไม้กวาดเลย แต่ตอนนี้เขาคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว  ชายหนุ่มมัวแต่สนใจกับงานตรงหน้าโดยที่ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่...

               

 

"ให้ฉันช่วยดีกว่านะ จะได้เสร็จเร็วๆ" โพทส์หันไปมองทางต้นเสียง ตาของเขาเบิกกว้างทันที

               

 

"โซฟี! เธอมาได้ไงเนี่ย..ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ" เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างดีใจ

               

 

"ก็เดินมาน่ะสิถามได้ เหนื่อยชะมัดเลย รู้ไหม วันนี้พี่เก๋คิดท่าเต้นใหม่ขึ้นมา ฉันเนี่ยอยากจะบ้าตาย มีการสั่งให้ไปซ้อมเป็นการบ้านด้วยนะ พรุ่งนี้พี่เขาจะสอบทีละคนด้วยล่ะ" โพทส์มองหน้าโซฟีอย่างยิ้มๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่...เธอก็ยังคงความน่ารักสดใสเหมือนเดิม...และเขา..จะไม่ยอมให้ใครมาพรากความน่ารักนี้ไปจากเธอแน่นอน....โซฟีเริ่มรู้สึกตัวว่า คนตรงหน้าไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลย...เธอจึงหยุดพูด และเงียบลงทันที

               

 

"อ่าว? ทำไมไม่พูดต่อล่ะ มีอะไรเหรอ" โพทส์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าโซฟีเงียบไป

               

 

"นายสนใจฉันด้วยเหรอ...ฉันจะพูดหรือไม่พูดมันก็เรื่องของฉัน เชิญนายทำความสะอาดไปคนเดียวละกัน ฉันกลับก่อนล่ะ" โซฟีหันหลังจะเดินออกไป ทว่า...

               

 

     หมับ....พรึบ!

               

 

     โพทส์ดึงโซฟีให้หันมาเผชิญหน้าก่อนที่จะใช้แขนอีกข้างโอบรอบเอวของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว...แขนที่โอบรอบสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น...ร่างบางซบหน้าลงกับอกกว้างของเขาอย่างนุ่มนวล...

               

 

"ขอโทษนะ..." โพทส์พูดพลางเอามือลูบผมโซฟีเบาๆ

               

 

"ขอโทษบ้าอะไรเล่า นายไม่...." ยังไม่ทันพูดจบ โพทส์ก็ยื่นจมูกกดเข้าไปที่แก้มเนียนของโซฟีหนักๆส่งผลให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นทันที

               

 

"คิดถึงเธอจัง...คิดถึง..." โพทส์บอกก่อนที่จะกอดโซฟีไว้เหมือนเดิม...หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจของคนตรงหน้าชัดเจน...เขายังคงอยู่เคียงข้างเธอเสมอ..และตลอดไป

               

 

"อะแฮ่ม! อืมมม....ได้เวลาโรงเรียนจะปิดแล้ว ยังจะยืนจู๋จี๋กันอีกนานไหม" ลุงธง...ภารโรงของโรงเรียนทักขึ้นอย่างเขินๆที่เห็น.....

               

 

     โซฟีผละออกจากโพทส์อย่างรวดเร็ว...โพทส์เอามือลูบหน้าตัวเองเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มอย่างสดใสไปให้ลุงธงพร้อมกับพูดขึ้นว่า

               

 

"เรากำลังจะกลับแล้วครับ...เชิญลุงตามสบาย" สิ้นเสียงชายหนุ่มคว้าแขนของโซฟีแล้ววิ่งออกไปทันที ปล่อยให้ลุงธงมองตามอย่างขำๆ  เด็กสมัยนี้มันจริงๆเล้ยยย~~~

               

               

 

 

     ลมเย็นๆพักผ่านระเบียงทางเดินของตึก4 ในเวลาหัวค่ำตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ในเขตโรงเรียนอีกแล้ว นอกเสียจากลุงภารโรง...ซึ่งกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างขะมักเขม้น

               

 

"เอ๊ะ! ห้องดนตรียังไม่ล็อคอีกเรอะ" ลุงธงฉงนใจ จึงเปิดประตูเข้าไปดูความเรียบร้อย มือเหี่ยวเอื้อมไปเปิดสวิตซ์ไฟเพื่อให้ห้องสว่าง  ฉับพลัน เบื้องหน้าก็ได้มีร่างของเด็กนักเรียนชายนอนตะแคงข้างหันหลังให้เขา...ลุงธงเดินเข้าไปกะว่าจะตักเตือนให้เด็กหนุ่มกลับบ้านได้แล้ว แต่ทว่า

 

    

     ่เลือด!!..เลือดที่แห้งเกรอะกรังทั้งจมูกและปาก..เมื่อลุงธงตั้งสติได้ก็วิ่งเข้าไปประคองร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้ ลมหายใจที่รวยริน เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิอยู่...ลุงธงรีบล่วงโทรศัพท์รุ่นโบราณออกมาใช้ทันที

               

 

"ฮัลโหล  โรงพยาบาลสายสินใช่ไหมครับ ช่วยส่งรถมารับคนที่โรงเรียนสุขเกษตรเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ด่วนเลยนะครับ!!"เมื่อกดวางสาย ลุงธงก็หันมามองใบหน้าที่ซีดเซียวของชายหนุ่มอย่างสงสารปนเวทนา....

 

               

 

     แสงแดดยามเช้าของวันใหม่ได้ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง จึงทำให้ชายหนุ่มเริ่มกระพริบตา ปรับให้เข้ากับแสง

               

 

"ที่นี่ที่ไหน" เต็งหนึ่งพูดออกมาเบาๆ

               

 

"โรงพยามบาล...ลูกเป็นยังไงบ้าง...เต็งหนึ่ง" ผู้เป็นแม่เอามือลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน...น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มตาทั้งสองข้าง...เต็งหนึ่งมองหน้าแม่ ก่อนที่จะยิ้มขึ้น

               

 

"แม่อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ...ไม่สวยเลยนะ  แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" เต็งหนึ่งถามขึ้นอย่างสะลึมสะลือ

               

 

"ก็ภารโรงที่โรงเรียนลูกน่ะสิ ไปเจอลูกนอนสลบอยู่ แกเห็นเลือดก็ยิ่งตกใจ รีบโทรตามรถพยาบาล แล้วก็โทรตามแม่มาที่นี่...แล้วเลือดนั่น..."

               

 

"ผมไม่เป็นอะไร...เอ่อ..แค่เลือดกำเดาไหล เส้นเลือดฝอยในจมูกผมมันชอบแตกบ่อยๆ เหมือนเวลาที่เด็กเจออากาศร้อนๆไงล่ะครับ" เขารีบพูดขึ้นแทรกทันที เหมือนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง... แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจหน้าซีด เพราะน้ำใสๆได้ไหลออกจากตาทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่แล้ว...

               

 

"เต็งหนึ่ง...ลูกอย่าโกหกแม่อีกเลยนะลูก..." แม่เดินไปกอดลูกชายอย่างหวาดใจ... กลัวเหลือเกินว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้กอดลูกชายอีกแล้ว...ความเงียบก่อตัวขึ้น เต็งหนึ่งโอบกอดแม่ของเขาอย่างรักใคร่..สีหน้าเฉยชาของเขา..จะมีใครรู้บ้างว่าตอนนี้มันเจ็บปวดแค่ไหน....

               

 

               

     น้ำพุที่พุ่งตัวเป็นเส้นยาวขึ้นไปในอากาศด้วยแรงดันจากใต้ดิน ก่อนจะแผ่กระจายเป็นละอองน้ำฝอยออกเป็นวงกว้างและโค้งตกลงมาอย่างอ้อยอิ่ง ดึงความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี มันช่วยให้ฝูงปลาตัวเล็ก ตัวน้อย สีสันสดใสในสระน้ำไม่ขาดออกซิเจน ตัวฐานหินรอบนอกถูกออกแบบให้มีส่วนโค้งไปมาสวยงาม ซึ่งกลายเป็นที่นั่งพักของบุคคลทั่วไปที่มายังสวนสนุกแห่งนี้...บวกกับเสานาฬิกาที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทำให้กลายเป็นจุดที่พักที่ดีที่สุดของเหล่านักเรียนมัธยมลูกปลาแห่งโรงเรียนสุขเกษตร...

               

 

     วันนี้ฉันใส่เสื้อสีชมพู กระโปรงสีเหลืองอ่อนเบาสบาย ผมยาวดำขลับถูกปล่อยลงมากลางหลังใบหน้าระบายด้วยเครื่องสำอางบางเบาอย่างเป็นธรรมชาติ ฉันนั่งอยู่ที่ม้านั่งสีขาว ข้างๆเสานาฬิกา สายตาจดจ่อไปที่ร่างสูงของอาจารย์วาที่กำลังพูด ในมือมีโทรโข่ง...

               

 

"โหลๆๆๆ...เทสสส...วัน..ทู... เอาล่ะ มากันครบแล้วใช่ไหม..." อาจารย์วาเอ่ยขึ้นในขณะที่มือกำลังเช็คเครื่องโทรโข่งอยู่

               

 

"ยังครับอาจารย์..ห้องผมยังขาดเต็งหนึ่งครับ มันยังไม่มาเลย" รุ่นพี่ม.5 พูดขึ้น ทำให้ฉันหันไปสนใจบทสนทนานั้นทันที

               

 

"อาจารย์คะ ลูกปลาก็ยังไม่มาค่ะ" โซดาพูดขึ้น อาจารย์วาพยักหน้าแล้วพูดว่า

               

 

"งั้นไม่เป็นไร...ใครไม่มาถือว่าสละสิทธิ์ก็แล้วกัน... ครูจะปล่อยให้พวกเธอให้เป็นอิสระ...แต่! มีข้อแม้ว่า พวกเธอห้ามก่อเรื่องวุ่นวาย ทะเลาะวิวาทเป็นอันขาด! และเมื่อถึงเวลา17.00น. พวกเราทุกๆคนจะต้องมาพบกันที่นี่....รับบัญชา" สายตาของอาจารย์มองนักเรียนทุกคนอย่างดุดัน

               

 

"รับทราบครับ/ค่ะ " เสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียง...นักเรียนเริ่มแตกกระจายกันเป็นวงกว้าง บ้างเดินจับกลุ่ม..บ้างเดินเป็นคู่...และกลุ่มที่จะดูโดดเด่นมากที่สุดก็คงต้องเป็นกลุ่มของฉัน....

               

 

"ฉันไม่เข้าใจ ทำไมแกทั้งสองและเธอทั้งสอง ไม่ไปเดินกันเป็นคู่ล่ะ ไหนๆตัวก็ติดกันอยู่แล้วนิ" เฟิร์นเอ่ยแซวขึ้น เพราะเห็นสมาชิกเที่ยวในครั้งนี้เพิ่มมากขึ้น

               

 

"ไอซ์กับเอ็มไม่เท่าไหร่...แต่โพทส์กับโซฟีเนี่ยสิ... เป็นแฟนกันแท้ๆ..อุ๊บ!" โซดารีบยกมือปิดปาก พลางมองมาทางฉันอย่างสำนึก

               

 

"ไม่ต้องมาส่งสายตาอย่างนั้นเลย...นายนี่มันก็แค่ของเล่นที่ฉันเคยอยากจะได้เท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ" ฉันพยายามแค่นเสียงหัวเราะออกมา เพื่อที่ไม่อยากทำให้คนอื่นคิดมาก...

               

 

     ป๊าบบบ!!!~!

               

 

สมน้ำหน้า...เธอมันพวกดีแต่เสียง...เรื่องหัวใจ...กลับไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง!!" โพทส์ใช้สมุดที่อยู่ในมือฟาดลงที่หัวฉันเข้าอย่างจัง แล้วต่อด้วยคำพูดที่ทิ่มแทงใจเข้าอย่างจัง...

               

 

 "เอ่อ...ขอโทษนะนียา ฉันไม่ได้ตั้งใจ" โพทส์รีบพูดขึ้น หลังจากที่เห็นสีหน้าฉันซึมลง...จะไม่ให้เศร้าได้ไงล่ะ หลังจากวันที่ฉันเห็นกล่องของขวัญนั่น...ฉันก็ไม่ได้พบเต็งหนึ่งอีกเลย..โทรเข้ามือถือก็ปิดเครื่อง...ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันตามหาเขาที่โรงเรียนทุกวัน เดินไปหาที่ห้องรุ่นพี่ก็บอกว่า เขาไม่มาโรงรียนหลายวันแล้ว...ฉันก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอกนะ....

               

 

"เอาหน่า...โพทส์มันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย..เธอก็ให้ๆอภัยมันไปเหอะ" เอ็มเดินเข้ามาตบบ่าฉัน ส่งผลให้ไหล่บางสะดุ้งทันที

               

 

"แล้วนี่จะยืนไปถึงเมื่อไหร่กันหา!" ไอซ์พูดยิ้มๆ ทำให้ทุกคนเริ่มคึกคักขึ้นมา...แต่พอสายตาฉันไปสะดุดกับเฟิร์น...คิ้วทั้งสองข้างก็ต้องขมวดเข้าหากัน

               

 

"มองหาใครอยู่เหรอวะ..เฟิร์น.. ฉันเห็นแกคอยื่นคอยาวเป็นยีราฟแล้วนะ" ฉันถามออกไปอย่างสงสัย

               

 

"ลูกปลามันไม่มาจริงๆเหรอ..."น้ำเสียงแผ่วเบา

               

 

"ถ้ามันมา ก็คงจะโทรมาหาพวกเราเองแหละ...ไปกันเถอะ...เฮ้ย! เอ็มรอด้วยสิวะ!" เสียงตะโกนของฉันทำให้เอ็มหันกลับมาสนใจ...แววตาเศร้าของเฟิร์น ปรากฏขึ้นชั่ววินาทีก็หายไป...โดยที่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ทันสังเกต

               

 

"งั้นไปสิ^_^" ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเข้าไปหาเพื่อนที่เหลืออย่างมีความสุข...โดยหารู้ไม่ว่า ได้มีสายตาอาฆาตของหญิงสาวอีกคน แอบมองอยู่อย่างไม่พอใจ!

               

               

 

     ร่างของหญิงวัยกลางคนเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่หน้าห้องพักของหมอที่เป็นเจ้าของไข้ของลูกชาย...แม่ของเต็งหนึ่งขอนัดคุยกับหมอเพื่อถามถึงอาการของเขา...หัวอกคนเป็นแม่ไม่อาจอยู่เฉยได้เมื่อเห็นความผิดปกติของลูกชาย..เลือดนั่น..ทำไมถึงออกมามากขนาดนั้น...แล้วยังผิวที่ขาวซีด จนเหมือนคนที่ไม่มีเลือด

               

 

"คุณแม่ของเต็งหนึ่งหรือเปลาครับ" ชายวัยกลางคนในชุดกาว์สีขาว พร้อมกับพยาบาลร่างท้วมท่าทางใจดีอีกคนตามมาด้วย

               

 

"ผลเป็นหมอเจ้าของไข้น้องเต็งหนึ่ง เรียกผมว่าหมอวิทก็ได้ครับ" คุณหมอวิทเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น พลางเชิญคุณแม่เข้าไปคุยในห้องพัก

               

 

"สวัสดีค่ะ..หมอวิท  คะ...คือ ลูกฉันเป็นอะไรเหรอคะ ทำไม...อยู่ดีๆถึงเป็นอย่างนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยป่วยหนักแบบนี้มาก่อน...คุณหมอช่วยอธิบายที..." คุณแม่พูดพลางกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ แต่ถึงยังไงก็ต้องรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นอะไร...หมอวิทมองหน้าคุณแม่ก่อนที่จะยิ้มอย่างเศร้าๆ

               

 

"ความจริง...เต็งหนึ่งเขาก็พึ่งรู้อาการของตัวเองเมื่อสามเดือนที่แล้ว...และผมก็เป็นหมอประจำตัวของเขาเอง...เขาขอร้องไม่ให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร...ผมจึงต้องขอโทษคุณแม่ด้วย เพราะทางเราต้องทำตามความต้องการของคนป่วย..."

               

 

"และความจริงอีกอย่างก็คือ...เขาเหลือเวลาอีกไม่มาก" หมอวิท หยุดพักดูสีหน้าของคุณแม่ ก่อนจะพูดต่อว่า

               

 

"เวลา...ที่เขาจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงและไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นมาอีกได้ไหม" เสียงถอนหายใจดังขึ้น แต่ก็ไม่เท่าความวุ่นวายใจของคนเป็นแม่...

               

 

"หมดสิ้นเรี่ยวแรง? ลุกขึ้นมาอีกได้ไหม? หมายความว่าไงคะ หมอ" คุณแม่เอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

               

 

"......."

               

 

"ที่ผมร่วงก็เพราะผลข้างเคียงของยา" หมอวิทตัดสินใจพูดในสิ่งที่ปิดบังมานาน

               

 

"ยาอะไรเหรอคะ" คุณแม่ถามอย่างใจหาย เหมือนกับว่าจะมีอะไรที่เธอไม่อยากฟังหลุดออกมาจากปากของหมอวิทอย่างนั้น... แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องฟัง..

               

 

"ยา...กับคีโมบำบัด เพื่อ...ต้านเม็ดเลือดขาวน่ะครับ" คุณแม่มองหมอวิทอย่างตกใจ กับเรื่องที่พึ่งได้ยิน...แล้วยังไง...เม็ดเลือดขาว...เลือดออกจมูก...เป็นลม...หรือว่า!!!

               

 

"คุณแม่เข้าใจถูกแล้วล่ะครับ...ชื่อของโรคนี้คือ....มะเร็งในเม็ดเลือด...."

 

 

===============

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา