Angel's quest Part II Staff of angel

9.3

เขียนโดย imppreal

วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 13.45 น.

  12 ตอน
  15 วิจารณ์
  21.85K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) Staff of angel ศึกที่ใจกลางปราสาทผีสิง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Angel quest

ศึกที่ใจกลางปราสาทผีสิง

 

          “แม้ไนท์เฮลยังสิ้นชีพเลยรึเนี่ย พอลโล่ไม่ธรรมดาก็ยังพลาดท่าจนได้ ด่านแรกพวกเจ้าเคลียร์ งั้นข้าจะให้พวกเจ้า มาถึงนี่เร็วขึ้นละกัน”

          วายุให้บลูรักษาเอล ในเวลาพริบตาเอลก็สามารถลุกขึ้นเดินได้และไม่ลืมคำขอบคุณสำหรับวายุ เธอไม่รอช้ารีบหาทางสำหรับมุ่งหน้าสู่ใจกลางปราสาททันที

               “ชั้นว่านะ ทางที่พวกเศษก้างนั่นมานั่นแหละ น่าจะเป็นทางไปล่ะ”

         “ก็คิดเหมือนกันนิ”

          วายุและเอลลงความเห็นว่าควรจะเดินเข้าประตูที่พวกโครงกระดูกเดินด้านผ่านเข้ามาโดยตามซากของพวกมันไป ดีที่เอลใช้คาถาใส่มันตั้งแต่มันอยู่ระยะไกลทำให้เดาทางได้ไม่ยากนัก ทั้งสองเดินตรงไปเรื่อยๆจนรู้สึกถึงความผิดปกติ ปราสาทกำลังสั่นไหว

             “คาดว่ามันคงจะถล่ม”

        “แหงสิ เร็ว!”

         เอลพูดแล้วกระชากมือวายุให้วิ่ง ผนังเพดานเริ่มถล่มลงมา ทั้งสองรีบวิ่งสุดฝีเท้าจนวายุประสานเงาเข้ากับคำอีกสองคน

           “ไคท์ นาเทร์รี่”เอลพูดพร้อมกับพยุงวายุให้ลุกขึ้น “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

       “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณนาเทร์รี่เป็นอะไรไหมครับ”

       “ไม่เลย”

        วายุหายมึนงงและเขาก็ทักทายทั้งสองเช่นกัน สร้างความโล่งอกให้ทั้งสี่เป็นอย่างมาก วายุมองไปรอบๆสถานที่แห่งใหม่ เป็นห้องโถมที่ใหญ่กว่าที่ผ่านมา มีคบเพลิงเพียงแค่ด้านบนเพดานนั้น และเขาสังเกตเห็นว่าเพดานไปถล่มลงมาแล้ว

           “ดูเหมือนจะหมดแล้วนะ”วายุพูดพร้อมกับมองประตูที่พวกเขาผ่านเข้ามามันมีแค่บานเดียว “อะไรน่ะ เราสี่คน ต้องมีสามบานสิถึงจะถูก”

       “อาจจะเป็นเคลื่อนย้ายชนิดหนึ่งนะครับ แล้วพาเรามาที่นี่ ต้องเป็นฝีมือใครที่อยู่แถวๆนี้แน่ครับ”ไคท์ให้ความสนใจไปยังเบื้ยงหน้าของเขา เป็นความมืดมิดด้านล่างแสงสว่างจากคบเพลิง

           “คุณสินะครับที่เป็นคนบงการทุกอย่าง”

           ไคท์พูดพร้อมกับเพ่งสายตาไปที่ใจกลางห้องโถม มีเสียงหัวเราะเบาๆตอบกลับแต่ด้านลั่นห้องโถมที่เงียบสงัด

           “ขอชื่นชม หนุ่มชาวไลท์”

           สิ้นเสียงที่ดังจากความมืดคบเพลิงที่แขวนอยู่บนผนังก็ติดไฟขึ้น มันสว่างจนเผยให้เห็นชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัญลังค์ที่น่ากลัว เบื้องหลังของเขามีโครงกระดูกมนุษย์กองใหญ่และข้างๆเขามีดาบสีดำเล่มใหญ่วางไว้ ชายคนนี้สวมชุดคลุมหน้าพร้อมกับมีมงกุฎสีทองสวมไว้บนศีรษะ เขานั่งอยู่ในท่าสบายตัวและผ่อนคลาย

               “พวกเจ้ามาที่นี่ ทำไม ไม่รู้รึไงว่า ต้องตายก่อนถึงจะมาได้”ชายคนนั้นพูด “อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้พวกเจ้าขัดขวางเรา เพียงแค่อ่านใจเจ้าข้าก็รู้ ยักษ์ที่ขวางแม่น้ำน่ะ ข้าจะให้เจ้าดูเป็นขวัญตาก็แล้วกัน ก่อนจะถูกพวกผีกินวิญญาณ”

           ชายคนนั้นสะบัดผ้าคลุม คบเพลิงที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ติดไฟ รูปปั้นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น มันเป็นรูปปั้นคล้ายกับมนุษย์แต่มีปีกเหมือนค้างคาว มีเขาที่หน้าผากสองข้าง ยืนด้วยด้วยเท้าที่มีสองข้าง สายตาของมันจ้องผู้พบเห็นให้หวาดถวาได้ง่ายๆ

          “รูปปั้นของดาร์กลอร์ดครับ ใช้สำหรับทำพิธีขอพรของพวกดาร์ก แต่เจ้านี่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าที่เคยค้นพบครับ ขนาดยักษ์เลยล่ะครับ”

          ไคท์พิจารณาจากสมองอันชาญฉลาด เขาคว้าบางอย่างออกจากกระเป๋าก่อนที่จะโบนมันลงพื้น มันเปล่งแสงสีขาวจ้าจนตาพร่ามัวและสิ้นแสงก็ปรากฏดาบสวยงามที่ไคท์เคยใช้สู้กับวายุปักอยู่ ไคท์หยิบมันขึ้นมาพร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้ ในที่สุดเขาก็เอาจริงแล้ว

              “ตาถึงดีนี่เจ้าไลท์ คืนนี้ข้าชมเจ้าเป็นว่าเล่นเลยรู้ไหม นี่เจ้าเอาจริงแล้วหรือเนี่ย”ชายชุดดำพูด “เอาล่ะเพื่อเป็นเกียรติของเจ้า ข้าจะกล่าวนามของข้า นั่นคือ มิดไนท์”

          มิดไนท์พูดจบร่างชุดดำของเขาก็หายไปพร้อมกับร่างของไคท์ เสียงโลหะกรัทบกันกลางอากาศ วัตถุสองสิ่งกระเด็นแยกออกจากกัน ไคท์กระเด็นชนผนังห้องโถมเสียงดังสนั่นแต่มิดไนท์ยังยืนเหยียบอากาศไม่มีวี่แววว่าจะตกลงมา

              “ไม่เท่าไร่นี่”มิดไนท์พูดเสียงดังก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาไคท์เพื่อต้องการปล่อยดาบสุดท้าย ลูกไฟสีขาวพุ่งขวางหน้าเขา เขาหยุดทันทีและมองมาที่ต้นกำเนิดของมันอย่างไม่พอใจ เอลกำลังตั้งท่ารอการโจมตีของมิดไนท์นั่นเอง

                “จะทำร้ายผู้หญิงเรอะ!”

            เสียงวายุดังขึ้นด้านหลังมิดไนท์ เขาปล่อยลูกเตะใส่อากาศว่างเปล่าก่อนโดนเป้าหมายที่เขาโจมตีพลาดสวนกลับด้วยเท้าจนวายุพุ่งหลาวลงพื้นดิน

              “ตายซะ เจ้าคนแปลกหน้า”

           มิดไนท์ปักดาบลงพื้น จุดที่วายุเพิ่งตกลงไป เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกวายุของเอล เธอคิดว่าเวลาแค่นั้นคงไม่มีโอกาสให้เขาได้หลบการโจมตีของมิดไนท์ แต่ว่าคนอย่างวายุทำอะไรบ้าๆบอๆจนเอลนึกไม่ถึง วายุใช้มือจับดาบใหญ่ๆของมิดไนท์ เขาใช้เท้ายันพื้นไว้ก่อนที่จะดันมิดไนท์ขึ้นด้านบน

             “ร้ายนักน่ะ”มิดไนท์พูดในขณะที่ตนกำลังพุ่งขึ้นบนอากาศด้วยพลังของวายุ “ไอมืด คำราม”

        ตูม!!!!

         พลังที่ปล่อยออกจากดาบสีดำหนักๆของมิดไนท์กระแทกร่างวายุลงพื้นอีกครั้งและครั้งนี้วายุกระเด็นกลิ้งไปไกล เขาพยุงตัวให้ลุกขึ้นเพื่อต่อสู้อีกครั้ง

            “โล่น้ำแข็ง!”

        เพล้ง!!
        โล่น้ำแข็งที่เอลร่ายขึ้นเพื่อป้องกันวายุโดนมิดไนท์พุ่งชนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ มิดไนท์พุ่งมายังเอลแทน เขาได้ตัดโล่น้ำแข็งที่ตนคิดว่าเอลน่าจะใช้มุขนี้อีก ในที่สุดมิดไนท์ก็มาถึงเป้าหมาย เขาลงดาบทันทีก่อนจะรู้ว่ามีแค่อากาศว่างเปล่าและโดนไคท์เตะหน้าท้องแล้วฟันแขนของมิดไนท์จนเลือดสีดำไหลออกมา

           “ไอมืด คำราม!”

       “แสงสว่าง สยายปีก!”

       แสงสีขาวและสีดำประทะกันจนระเบิดดังสนั่น ฝ่ายที่พ่ายแพ้คือพลังของไคท์ เขาและเอลถูกแรงระเบิดกระแทกถอยหลังไปไกล มิดไนท์กำลังใช้มือข้างหนึ่งปัดเสก็ดระเบิดจากนั้นใช้มืออีกข้างรับลูกศรของเผ่าเอลฟ์อย่างรวดเร็ว

         “หน็อย”

       นาเทร์รี่ยิงอีกครั้งก่อนที่มิดไนท์จะหายไปจากสายตาและโผล่ด้านหลังเธอ นาเทร์รี่มีวิชาติดตัวอยู่บ้าง เธอเตะไปด้านหลังและถูกจับขาไว้ เธอจึงต้องใช้ลูกดอกปามิดไนท์แทน เขาหลบอย่างรวดเร็วและถอยออกจากตัวเธอ ก่อนที่สำแสงสีดำจะพุ่งโนนาเทร์รี่เจ้าอย่างจัง

          วายุรีบเข้าช่วยทันทีเมื่อเห็นนาเทร์รี่กำลังล้มถึงพื้น เขาใช้ทั้งเตะทั้งต่อยแต่โดนสวนกลับด้วยลำแสงสีดำละลอบใหญ่ วายุกระเด็นถอยหลังแต่ไม่ล้ม เขาใช้มือยันพื้นไว้ในขณะถอยจึงสามารถพุ่งสวนกลับได้อย่างรวดเร็ว

          “เปลวไฟข้ามขั้น”

       วายุประสานมือจนบลูเฟรม (เปลวไฟสีฟ้า)ลุกโชนขึ้นทั้งมือและเท้า เขาได้พลังขั้นที่สองส่วนหนึ่งชั่วคราวแต่ก็ช่วยให้วายุเก่งขึ้นหลายเท่า เขาพุ่งเข้าหามิดไนท์ที่มั่นใจในฝีมือตนเอง และก็คิดผิด ร่างของมิดไนท์โดนวายุตะปบเหมือนเสือตะปบเหยื่อจนกระเด็นไปไกล ก่อนที่จะรู้ตัวว่าวายุได้มาถึงตัวเขาภายในเสี้ยววินาที มิดไนท์ต้องใช้ลำแสงสีดำอีกครั้งแต่วายุไม่หลบ เขาต่อยแสงที่มิดไนท์ปล่อย พลังขั้นที่สองขงวายุแม้ยังไม่สมบูรณ์แต่ก็เหนือกว่า วายุแหลกลำแสงสีดำจนถึงตัวมิดไนท์และต่อยอย่างรุนแรงด้วยพลังทั้งหมด มิดไนท์กระแทกพื้นด้านล่างอย่างรุนแรงเสียงดังสนั่น ก่อนเขาจะรู้ตัวว่าสุดยอดดาบของไคท์ได้ปักร่างเขาเรียบร้อยแล้ว

          “นี่ข้า”มิดไนท์พูดในขณะที่กระอักเลือดสีดำออกจากปาก

      “แกแพ้แล้วไง ผีบ้าเอ๊ย”

      ลูกดอกของนาเทร์รี่และเวทมนตร์ของเอลพุ่งเข้าใส่ร่างของมิดไนท์จนเขาหลบสติ เสียงของวายุดังขึ้นอย่างดีใจพร้อมกับการทิ้งตัวลงพื้นอย่างสวยงาม ไคท์ถอนดาบออกจากตัวมิดไนท์ก่อนจะยัดบางอย่างคล้ายเหรียญใส่กระเป๋ากางเกงของมิดไนท์ด้วยสีหน้าสลดหดหู่

         “สู่สุคตินะครับ คนของเผ่าแห่งความมืด”ไคท์พูดจบก็หันไปมองรูปปั้นของดาร์กลอร์ด “นี่ไงครับ ยักษ์ที่ว่า”

      “เราต้องทำลายมันสินะ งั้นต้องทำยังไงละเนี่ย”

       วายุพูดจบเขาก็ปล่อยบลูแคนนอน (ลำแสงสีฟ้า) ออกจากมือ มันโดนเป้าหมายอย่างจังแต่ไม่สะทบสะท้านแต่อย่างไร วายุยิงอีกครั้งแต่ก็ยังเหมือนเดิมจนเอลต้องช่วยเขาอีกแรง

         “ไม่ได้ผลหรอกพวกโง่ รูปปั้นนั่นถ้าไม่มีแสงสว่างก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนชั้นนี่ไง”มิดไนท์ลุกขึ้นอย่างสบายอารมณ์ในความตกใจของศัตรูทั้งสี่ “ใช่ ความมืดของข้าเหนือกว่าแสงของเจ้า เจ้าไลท์เอ๊ย วิธีทำลายรูปปั้นเทพเจ้าของเรา ดจ้าต้องใช้แสงมหาศาลแต่ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าทำหรอก ในเมื่อข้าใช้ร่างเทียมไปแล้ว ข้าก็จะไม่ออมมือพวกเจ้า ตายกันซะให้หมด ฮ่าๆๆๆๆ”

         “ไร้สาระครับ” เสียงไคท์หยุดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของมิดไนท์ เขาจ้องไคท์ด้วยความโกรธอย่างรุนแรง “เหรียญกำจัดเงา ทำงาน!”

         เสียงหวีดร้องของมิดไนท์ดังสนั่นห้องโถมเมื่อเหรียญที่ไคท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงของเขาเปล่งแสง ร่างของมิดไนท์เริ่มจางหายไปเมื่อแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนไม่เหลือในที่สุด

             “ต้องขอบคุณมิดไนท์นะครับที่บอกเราเรื่องการทำลายรูปปั้นไม่งั้นมก็จนปัญญา”ไคท์พูดแล้วหันมองวายุที่อ้าปากค้างเมื่อเห็นความน่ากลัวของไคท์ “คุณวายุครับ คุณวายุ”

        “คร้าบๆๆ มีอะไรให้รับใช้ครับ คุณไคท์ผู้โหดเหี้ยมกระเทียมดอง”

        ทั้งสี่หัวเราะลั่นเมื่อมุขของวายุโดนปล่อยออกมาโดยที่ไม่มีใครตั้งตัว วายุหมดสนุกและเครียดต่อ เขายังคิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป

           “เอาแบบนี้นะครับ คุณเอล คุณใช้น้ำแข็งได้ใช่ไหมครับ งั้นให้คุณใช้คาถาอาณาเขตน้ำแข็งให้ทั่วห้องโถมเลยนะครับ”

       “ได้สิ” เอลพูด

           “ส่วนคุณนาเทร์รี่ช่วยดับคบเพลิงได้ไหมครับเพราะคุณทำได้อย่างรวดเร็วกว่าใครๆ ผมคิดว่าฝีมือคุณยิงไม่พลาดแน่ครับ”

       นาเทร์รี่ยิงลูกดอกออกไปทันที มันตัดคบเพลิงอันที่ไกลที่สุดและเวทมนตร์ยิงธนูของนาเทร์รี่ก็หลากหลายทำให้ไฟคบเพลิงดับสนิท

      “คงไม่ต้องถามอีกนะ”

      “งั้นคุณวายุ ด้วยพลังการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็ว คุณช่วยถล่มรูปปั้นได้ไหมครับ”

      “โอเชครับผม”

      “เอาละครับ คุณเอลใช้เวทมนตร์ได้เลยครับ”

      สิ้นเสียงของไคท์ เอลได้ร่ายคาถาบางอย่าง ปรากฏวงแหวนเวทมนตร์สีน้ำเงินรอบตัวเธอและขยายกว้างขึ้น อากาศเริ่มหนาวเหน็บและทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นทั้งสี่และรูปปั้นดาร์กลอร์ดเริ่มมีน้ำแข็งเกาะหนาขึ้นเรื่อยๆ เอลควงคทาของเธอหลายรอบและปักลงบนพื้นน้ำแข็ง

        “ฟรีซซาตแลนด์ (ดินแดนเยือกแข็ง)”

         สิ้นเสียงของเอล ห้องโถมที่กำลังมืดเพราะนาเทร์รี่ดับไฟนั้นสว่างขึ้นด้วยแสงสะท้อนของน้ำแข็งจากดาบของไคท์ จากนั้นไคท์เองก็เริ่มร่ายคาถาบางอย่างของเผ่าไลท์ เขาควงดาบเหมือนที่เอลควงคทาแต่ท่าจบของเขาคือชูดาบขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงจ้าก็เปล่งเริ่มเปล่งขึ้นจากดาบของเขา

        “ตอนนี้แหละครับ คุณวายุ!”

      ไคท์รีบตะโกนเมื่อเห็นว่าแสงจากดาบของเขาจะทำให้วายุมองไม่เห็นทาง สิ้นเสียงของไคท์ วายุรีบพุ่งไปยังรูปปั้นทันที เขาใช้บลูเบิร์นนิ่ง (จุดเปลวไฟสีฟ้า) และตามด้วยแชงค์คลาส (ก้าวขั้น)ทันที วายุเข้าถึงรูปปั้นในขณะที่แสงของไคท์จ้าขึ้นเรื่อยๆ เขากระโดดขึ้นเหนือรูปปั้นและพบว่าสายตาพร่ามัวแต่ยังพอมองเห็นทางอยู่ วายุรวบรวมพลังทั้งหมดและปล่อยลงที่จุดเดียวคือศีรษะของรูปปั้น จากนั้นแสงของไคท์ก็สว่างจ้าจนเขาไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป เขารู้สึกตัวอีกทีคือ กำลังลอยอยู่บนสระน้ำขนาดใหญ่ใต้ฐานของรูปปั้นดาร์กลอร์ด

          วายุตะเกียกตะกายขึ้นมาพบห้องโถมเดินที่มีร่องรอยการต่อสู้ของพวกเขา วายุไม่เห็นวี่แววเพื่อนๆของพวกเขาอยู่เลย เขาพบเศษรูปปั้นดาร์กลอร์ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย วายุเดินอ้อมทางด้านหลังที่รูปปั้นเคยบังไว้ มันเป็นบันไดสำหรับขึ้นไปยังชั้นบนของห้องโถมนี้ วายุไม่รอช้าจึงขึ้นบันไดไปทันที ในที่สุดแสงตะวันก็ส่องเห็นตาเขาพร่ามัวต่ำไม่นานสายตาของวายุก็เริ่มชินได้ เขามองเห็นลำธารที่ไหลตามปกติ และพบว่าตนกำลังยืนอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า เขาจึงตกลงมาบนพื้นดินสีแดงที่นุ่มกว่าที่คิด วายุยืนขึ้นและได้ยินเสียงของเอล เธอโผกอดวายุทันทีโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ไคท์และนาเทร์รี่เดินมาทางด้านหลัง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

           “เราทำสำเร็จครับ หลังจากนั้นปราสาทก็หายไปครับพร้อมกับคุณด้วย”ไคท์พูด “เราเดินตามหาคุณตั้งแต่เช้ามืดแต่โชคดีที่มี....”

       “มีอะไรหรอไคท์”วายุถามอย่างตื่นเต้น

          “พวกผีที่เป็นอิสระจากการกักขังของมิดไนท์ช่วยเราอีกแรง”

          ไคท์พูดจบร่างซีดๆหลายร่างปรากฏขึ้นพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้ม และมองวายุอย่างรักใคร่เอ็นดู

         “พวกข้าต้องขอขอบใจเจ้านะ จากนี้พวกข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกดาร์กอีก พวกข้าจะหันเข้าฝ่ายไลท์และไพริเวนเดอร์แผ่นดินเกิดของพวกเรา”

      “ดีใจด้ยนะครับ”วายุยิ้มตอบ “เราคงได้เจอกันใหม่ในโอกาสหน้านะครับ”

      “แน่นอนพ่ออัศวิน พวกเราลงความเห็นกันแล้วว่า ถ้าเกิดสงคราม เราจะเข้าข้างท่าน”

       จากนั้นการสนทนาก็ยุติเมื่อแสงแดดกล้าขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสี่โบกมือลาป่าสุสานที่ว่างเปล่า และมุ่งหน้าสู่สถานที่แห่งต่อไป เทือกเจราล

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา