Angel's quest Part II Staff of angel

9.3

เขียนโดย imppreal

วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 13.45 น.

  12 ตอน
  15 วิจารณ์
  21.47K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Staff of angel การจู่โจม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Angel Fantasy

บทที่ 5     การจุ่มโจม

 

 

                           

                            “ซ่อนตัวเร็วครับ คุณวายุ”

                            เสียงกระซิบของไคท์ดังขึ้นในสมอง วายุแน่ใจเลยว่าไคท์พยายามส่งสัญญาณบางอย่างบอกเขา มันคือสัญญาณอันตรายแน่นอน

                                          วายุไม่มีเวลาที่จะลังเลในเมื่อไคท์พูดแบบนี้ เขารีบหาที่ซ่อนโดยเจอมุมอับมุมหนึ่งระหว่างตู้ชั้นวางของกับผนังห้อง ไม่ช้าวายุก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักกว่าของเอลแน่นอน มันอาจจะเป็นฝีเท้าของชายร่างใหญ่ๆที่อาจจะตามพวกเขามา

                            “หาจังหวะนะครับ แล้วใช้เปลวไฟสีฟ้า”

                            ไคท์กระซิบอีกครั้ง วายุจึงต้องถอดแหวนแห่งแสงเก็บไว้ให้มิดชิดเผื่อว่าตอนสู้แล้วมันจะหลุดมือ

                                            เสียงฝีเท้าหยุดใกล้กับจุดที่วายุซ่อนตัวอยู่ มันเหมือนกับจะหาใครบางคนที่ซ่อนอยู่ด้านบน วายุแน่ใจเลยว่า พวกมันต้องเป็นอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับพวกดาร์กแน่นอน

                   กรี๊ด!!!!!!!!

                                            เอลกรีดร้องเมื่อถูกหาเจอจนได้ เธอใช้คาถาเดียวกับที่ใช้ใส่วายุครั้งแรกผลักร่างชายผู้หนึ่งกระเด็นถอยไกลหลายเมตรไม่ช้าชายคนนั้นก็ลุกขึ้นได้อีก

                                           “อย่าเข้ามานะ!!”

                             ดูเหมือนเสียงของเอลจะดึงดูดความสนใจของชายที่กำลังหาวายุอยู่ เขาฉวยโอกาสนี้ใช้เปลวไฟสีฟ้า

                                            ชายคนนั้นหันกลับไปยังบันไดเพื่อจะช่วยพวกเพื่อนๆจับเอลให้ได้ โดยลืมไปสนิทว่าต้องหาวายุด้วย

                                 “เฮ้ย! ลืมไรไหมพวก!”

                             ชายคนเดิมหันกลับมาแต่สายไปแล้ว หน้าท้องของเขายุบพร้อมกับหมัดที่มีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชยแตะอยู่ที่หน้าท้อง เขากระเด็นตัวปลิวไปชนผนังอีกด้านก่อนตกลงมาสลบทันที

                                “เฮ้ย ข้างบนโว้ย!!!”

                             ชายห้าวๆของชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มตะโกน ลูกน้องของเขาส่วนหนึ่งกรูมาทางบันไดทันที

                                            วายุให้โอกาสพวกมัน เขากระโดดจากระเบียงบันไดชั้นสองไปยืนที่ชั้นแรกอย่างสวยงาม พวกนั้นกรูเข้ามาหาวายุอย่างสำนวนหมาหมู่ แต่วายุสามารถจัดการคนประมาณเกือบสิบคนได้สบายๆปล่อยให้หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์มองเขาอย่าโกรธแค้น

                                “นึกว่าเก่งแล้วรึ เจอนี่หน่อยเป็นไง”

                             วายุและชายฉกรรจ์วิ่งเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างแลกหมัดแต่ฝ่ายที่ต้องกระเด็นล้มกลิ้งนั่นก็คือวายุ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าของหัวหน้าชายฉกรรจ์ เขาเลยถูกโจมตีก่อน

                               “เป็นไง ได้แค่นี้รึ คนที่ใช้แฟร์รี่สีฟ้า”

                             วายุไม่ตอบ เขาพุ่งโจมตีอีกรอ คราวนี้หัวหน้าชายฉกรรจ์จับเขาได้แล้วเหวี่ยงให้เขาไปชนกองไม้ที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง

                                            วายุพุ่งทะยานอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม วายุโดนต่อยหน้าท้องจนตัวลอยขึ้น หัวหน้าชายฉกรรจ์ถีบเขาให้ลอยขึ้นสูงกว่าเดิมก่อนจะกระโดดหมุนตัวเตะอย่างรุนแรงทำให้วายุกระเด็นชนผนังไม้จนทะลุข้ามห้อง

                                “เป็นไงๆ ยังหัวดื้ออยู่อีกหรือ โดนเข้าไปขนาดนั้น”

                     “ย้าก!!!!”

   ตุบ!!

                              หัวหน้าชายฉกรรจ์ถอยเซหลังจากที่วายุพุ่งตัวมาด้วยความชกหน้าท้องเขา แต่ยังไงก็สามารถพยุงตัวไว้ได้อยู่ดี ก่อนที่วายุจะปล่อยอีกหมัด หัวหน้าชายฉกรรจ์ต่อยหน้าท้องวายุอีก แต่ครั้งนี้นอกจากที่ต้องการให้วายุตัวลอยขึ้นแล้ว หัวหน้าชายฉกรรจ์ดูเหมือนจะมีออร่าสีม่วงเข้มที่มือขวา

                                “หมัดไอมืด”

                              วายุใช้หมัดเปลวไฟสีฟ้าป้องกันทันแต่แรงระเบิดของพลังทำให้วายุกระเด็นลอยตัวสูงขึ้น

                                 “ไม่ไหวจริงๆหรือเนี่ย โธ่เว้ย!”

                             เขาบ่นให้ตัวเองพร้อมกับเตรียมใจที่จะหล่นลงกระแทกพื้นด้านล่างที่หัวหน้าชายฉกรรจ์อาจดักรออยู่แล้วก็ได้ ความคิดนี้ถูกต้อง หัวหน้าชายฉกรรจ์ดักรอวายุอยู่แล้ว พร้อมกับวิชาหมัดไอมืดที่เตรียมไว้อีกชุด

                                          “รับนี่ครับ คุณวายุ”

                             สิ้นเสียงที่ชัดเจนของไคท์ วัตถุสองชิ้นก็ถูกโยนมาหาวายุ มันเป็นถุงมือสีเทาคู่หนึ่ง วายุรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะถูกมือที่เปลวไฟสีฟ้าลุกโชยดูดเข้าไปสวมพอดี วายุเห็นแหวนผนึกบลูที่สวมทับถุงมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีพลังบางอย่างไหลผ่านร่างกายมหาศาลพร้อมกับความกล้าที่เพิ่มมากขึ้น

                             วายุกำลังร่วงหล่นไปยังพื้นด้านล่างที่หัวหน้าชายฉกรรจ์บรรจงสวมวิชารอเขาอยู่ เมื่อเขาเห็นว่าวายุอยู่ใกล้แล้ว เขาก็ง้างหมัดทันที

                                            “ลาก่อนนะ เจ้าหนู”

                      ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!

                             เสียงระเบิดสนั่นบ้านของดริกซ์ วอร์รี่แต่ภายนอกไม่ได้ยิน ฝุ่นควันคลุ้งไปหมดทั่วบริเวณ มีเพียงร่างของหัวหน้าชายฉกรรจ์ที่เห็นเพียงเลือนราง แต่เขารู้สึกไม่พอใจกับผลงานตัวเองเท่าไหร่นักเพราะมือข้างที่ปล่อยหมัดโดนสกัดเสียก่อนที่จะถึงเป้าหมาย

                                           “เฮ้ย! อย่าพูดเหมือนกับมันจบไปแล้วอย่างงั้นสิ!”

                            ฝุ่นควันเริ่มจางหายไป ปรากฏร่างของวายุนั่งคุกเข่าหันหลังให้หัวหน้าชายฉกรรจ์แต่มือขวาของเขาบีบหมัดที่หัวหน้าชายฉกรรจ์ปล่อยเมื่อครู่ มือทั้งสองของวายุมีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชยแรงกล้ากว่าก่อนหลายเท่าตัว

                                           “หน็อย แก๊!”

                            หัวหน้าชายฉกรรจ์เตรียมปล่อยหมัดอีกข้างแต่โดนวายุกระชากเตะลำตัวล้มกลิ้งไปก่อน

                                           “งั้นเจอของจริง”

                             หัวหน้าชายฉกรรจ์ดึงดาบจากฝัก เขาวิ่งเข้าฟันวายุในความเร็วที่สูงกว่าเปลวไฟสีฟ้าธรรมดา แต่วายุยังเร็วกว่าเขา เขาต่อยหน้าท้องของหัวหน้าชายฉกรรจ์กระเด็นถอยหลังก่อนที่จะซ้ำอีกหมัด

                                            “ลูกไฟสีฟ้า!!”

                              วายุลองปล่อยพลังลำแสงสีฟ้าใส่หัวหน้าชายฉกรรจ์ ทำให้เขารู้ว่าวงกลมสีม่วงกลางอุ้มมือไว้ทำอะไร มันจะรวบรวมพลังเปลวไฟสีฟ้าและปล่อยอย่างรุนแรง หัวหน้าชายฉกรรจ์จึงสลบไม่เป็นท่า

                             “ไคท์  เอล!”

 

                             “อยู่นี่!”

                              เสียงไคท์ตะโกนมาไกลๆ พร้อมกับประคองร่างไร้สติของเอลไว้ วายุรีบทำหน้าที่แบกเอลทันที เขากระโดดสองสามเก้าก็ถึงด้านหน้าตรอกที่จอดม้าไว้โดยที่ไคท์ก็ตามมาติๆ

                                            “รีบไปจากที่นี่กันเถอะ”

                              วายุรีบควบม้าให้วิ่งทันทีโดยที่ไคท์อาสาควบคุมม้าสองตัวด้วยความชำนาญและสามารถไล่วายุทันได้ ไม่นานที่ทั้งสองออกจากดีชาเน่ก็เข้าสู่ป่าไผ่ทางตอนเหนือ ที่นี่มีมอนเตอร์จำพวกคล้ายนกมากมายซึ่งรวมไปถึงนกธรรมดาด้วย แต่ช่วงนี้กำลังเข้าหน้าหนาว มอนเตอร์และสัตว์ต่างๆก็พอกันเข้ารังหมด มีแค่มอนเตอร์นกเท่านั้นที่อพยพย้ายถิ่น มันอาจจะแวะพักก่อนก็ได้ และส่วนใหญ่จะเลือกที่นี่

                                             “ตายละ”

                               วายุรู้สึกถึงเปลวไฟสีฟ้าท่เริ่มจะดับ เขาคิดว่าคงจะต้องตกม้แน่แท้แต่เขาคิดผิด วายุแค่รู้สึกเหนื่อยเหมือนเพิ่งวิ่งจ๊อกกิ้งไม่เห็น100เมตรด้วยซ้ำ

                                              “จะว่าไป ไคท์ นายเอาอะไรให้ชั้น”

                              ไคท์ยิ้มก่อนที่จะควบคุมม้าให้เลี้ยวตามทาง

                                               “ถุงมือเจ้านายแฟร์รี่ครับ เอาไว้ใช้กับคนที่ใช้พลังของแฟร์รี่ไงครับ”

                               “แล้วนายไปเอามาจากไหน”

                                วายุพูดพร้อมบังคับม้าให้หลบกอที่ขึ้นขวางทางหลักที่ชาวไพริเวนเดอร์ใช้กัน เขาได้ยินไคท์พูดแว่วๆว่า “ยายให้มา”

                                “อะไรนะ ไม่ได้ยิน!”

                                “ยายแองลี่ให้มาครับ ยายบอกว่าคุณดริกซ์ วอร์รี่ให้ยายเอามาให้คุณวายุครับ”

                                “ฝากขอบใจด้วยนะไคท์ ช่วยชั้นได้มากเลย”

                                “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

                                   ไคท์ยิ้มก่อนจะบังคับม้าสองตัวให้ตามวายุไป แล้วนานพวกเขาก็ลดความเร็วของม้าเพราะรู้ว่าหนีมาไกลแล้ว พวกชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นคงไม่ตามมาทันได้แน่ “พวกไหนที่โจมตีเรา”

                                   ไคท์คิดย้อนไปยังพวกชายฉกรรจ์ที่ซุ่มโจมตีวายุกับเอล “ไม่แน่ใจครับ คงเป็นสายของพวกดาร์ก จากตอนนั้นผมก็รู้ว่าพวกมันคงทราบเบาะแสของศิลาบ้างแล้วครับ”

                                  “อาว ไหนว่าพวกมันไม่รู้ไง แต่ที่ว่าเป็นสายของดาร์ก ชั้นเห็นด้วย หนึ่งในนั้นคงเป็นดาร์กนะชั้นว่า มีวิชาหมัดไอมืดด้วย”

                                  “คนที่คุณสู้ด้วยละสิครับ ใช่มันเป็นแค่ชั้นปลายแถวสวะๆดีนี่เองครับ”

                                   คำพูดของไคท์ทำให้วายุฝันเสีย นั่นแค่ปลายแถวนะหรือ มันเก่งกว่าเขามากๆและคงเก่งกว่าไคท์ด้วยซ้ำไป

                                  “ถ้านายสู้กับมัน นายสู้ได้ไหม ไคท์”

                                  “สบายมากครับ”ไคท์ยิ้ม “ฝีมือแค่นั้นคงทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”

                                  “แล้วทำไมตอนนั้นนายสู้กับชั้นไม่ได้ละไคท์”

                                   วายุพูดเคืองๆพร้อมกับประคองเอลและควบคุมม้าในเวลาเดียวกัน แถมยังต้อนดูทางข้างหน้าอีกทำให้เขาไม่มีเวลามองไคท์

                                                    “ตอนนั้นคุณสลบไปนะครับ แล้วท่านยายแองลี่ก็มาห้ามได้ทันครับ ไม่งั้นผมคงไม่ได้มาคุยกับคุณที่นี่หรอกนะครับ”

                                   วายุหัวเสีย แม้เขาจะรู้ว่าตอนนั้นเขาแพ้ไคท์จริงๆ แต่ไม่ได้ยายแองลี่มาห้าม เขาเองคงไม่รอด “เดี๋ยวก่อน” วายุเม้มปาก

                                                     “นายบอกว่ายายแองลี่ของนายให้ถุงมือนี้มาหรอ”

                                   “ครับ ถุงมือเจ้านายแฟร์รี่ คือว่า ตอนที่ผมตามคุณมาถึงบ้านของคุณดริกซ์ ท่านยายก็โผล่ขึ้นแล้วยื่นถุงมือให้ผม ท่านบอกว่าคุณดริกซ์ฝากนี่ให้คุณด้วย แล้วเธอก็หายไปครับ” ไคท์อธิบายคร่าวๆแต่พอเข้าใจ “ตอนนี้คุณวายุคงอยากรู้ความสามารถของมันใช่ไหมครับ”

                                   วายุเอียงคอ

                                                      “ไม่เห็นต้องถามเลย ก็อยากรู้สิฟระ บอกหน่อยสิ”

                                   แต่ไคท์กลั้นหัวเราะ

                                                      “ผมไม่รู้หรอกครับ คิดว่าคงเพิ่มความสามารถในการใช้พลังเปลวไฟสีฟ้านะครับ”

                                    วายุกลั้นหัวเราะบ้าง “ไม่เห็นต้องบอกเลย”

                                    ทั้งคู่หัวเราะเสียงดังพร้อมกับมุ่งหน้าลึกเข้าไปในป่าไผ่ทางตอนเหนือ อากาศอุ่นขึ้นเพราะแสงอาทิตย์ที่เริ่มกล้า เสียงนกหรือมอนเตอร์นกนานาชนิดส่งเสียงลั่นป่าไผ่ วายุชมนกชมไม้อย่างสบายใจพร้อมกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

                                                     “นั่นมัน!”
                                   วายุกระโดดลงจากม้าพร้อมกับประคองเอลให้นั่งพิงโคนต้นไม้ยืนต้นที่นานๆจะผ่านมาให้เห็นซักที จากนั้นเขาก็วิ่งลึกเข้าไปในป่าพร้อมกับไคท์ที่วิ่งตามไปติดๆ

                                                     “รอนี่ไคท์ ดูเอลไว้!”

                                   วายุตะโกนพร้อมวิ่งโดยไม่หันหน้ามามองไคท์ ไคท์จึงทำตามที่วายุบอก เขาวิ่งกลับไปยังจุดที่เอลนอนอยู่

                                                     ไม่นานวายุก็โผล่ออกมาจากป่าไผ่พร้อมกับอุ้มนกสีขาวนอนสลบติดมือมาด้วย มันมีบาดแผลที่ปีกขวา เลือดซึมเส้นขนสีขาวของมันจนเห็นจุดสีแดงชัดเจน วายุพามันมาให้ไคท์ดู ก่อนที่ไคท์จะบอกเขาว่า “ไวท์ฮอก”

                                   “มันเป็นมอนเตอร์หรอ”

                                   “ใช่ครับ มอนเตอร์แต่ไม่ค่อยมีคนพบเห็นเท่าไหร่ ดูเหมือนมันจะบาดเจ็บนะครับ”

                                  วายุนั่งลงข้างๆไคท์ เขาใช้เวลาตรวจร่างกายให้นกสีขาวพอสมควรก่อนจะบอกถึงรายละเอียดให้ไคท์ได้รับทราบ

                                                     “ชั้นเห็นมันตกจากฟ้า ชั้นเลยวิ่งไปรับมัน ตอนแรกมันค้างบนต้นไผ่ก่อนที่จะตกลงในมือชั้น”

                                   “คงโดนดาร์กฮอกจิกละสิ ยังเด็กอยู่เลย”

                                  ไคท์ลูบเจ้าไวท์ฮอก มันมีขนาดเท่ากับนกพิราบตัวเต็มไว แต่ไคท์ว่ามันยังเด็กซึ่งวายุไม่เข้าใจ

                                                      “มันโตได้อีกหรอ”

                                    “ได้ซิครับ มันโตเท่าม้าเลยครับ ขี่ได้ด้วย”

                                   ไคท์นึกย้อนไปตอนสมัยยี่สิบปีก่อน เขายังเด็กอยู่ เขาได้เห็นกวีผู้หนึ่งขี่ไวท์ฮอกบินผ่านหมู่บ้านไป มันเป็นภาพที่เขาประทับใจอันดับต้นๆของเขา

                                                        “บลู ออกมาหน่อยสิ”

                                    แสงสีฟ้าวาบที่แหวน บลูบินออกจากแหวนผนึกตามคำสั่งของเจ้านาย มันบินวนรอบวายุก่อนจะโค้งคำนับบนอากาศ

                                                        “มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้เจ้าค่ะ”

                                     “ช่วยรักษานกตัวนี้หน่อยสิ”

                                    วายุยื่นไวท์ฮอกให้บลูพิจารณา เธอใช้เวลาพอควรเช่นกัน เพราะเธอยังไม่เคยรักษาใครเลย

                                                        “พอได้เจ้าค่ะ แต่ไม่หายทันใจนักนะเจ้าค่ะ”

                                    “เออ รีบๆรักษาสิ เดี๋ยวมันได้ตายซะก่อนถ้าแกมัวพูดมากอยู่อีก”

                                    “เจ้าค่ะๆๆๆๆๆ”

                                     บลูถอนหายใจ เธอร่ายคาถาสีฟ้าคลุมตัวไวท์ฮอก จากนั้นเธอท่องคาถาบทหนึ่งที่ยืดยาวและเนิ่นนาน เลือดของไวท์ฮอกเริ่มไหลกลับไปในแผล ส่วนแผลเองก็เริ่มปิดสนิทและจากลงเหลือเพียงแค่รอยช้ำๆที่ครั้งหนึ่งเคยมีบาดแผลเท่านั้น

                                                       “ยอดเลย ขอบใจนะบลู เจ้าไปพักผ่อนเหอะ”

                                    “หมดประโยชน์แล้วไล่เลยนะเจ้าค่ะ”

                                    บลูรีบบินกลับแหวนพร้อมกับเสียงครางเบาๆของไวท์ฮอก มันตื่นขึ้นแล้ว ภาพแรกที่ได้เห็นคือ ใบหน้าของวายุ

                                                     “นี่ไง มันตื่นแล้ว ทีนี้คงดูแลตัวเองได้แล้วนะ”

                                   วายุวางมันบนเนินต่ำๆตรงหน้า แต่เจ้านกสีขาวก็ไม่ยอมที่จะบินหรือเดินจากไป แต่มันกลับหันหน้าบินกลับมาหาวายุ

                                                     “ไปสิ เดี๋ยวฝูงแกก็ทิ้งแหละ” เขาจับนกน้อยที่เกาะบนบ่าวางที่เนินเดิมอีกครั้ง แต่มันก็ยังบินกลับมาเกาะไหล่เขาอีก

                                                    “ผมคิดว่า มันเชื่องกับคุณนะครับ” ไคท์เสนอสิ่งที่เขาสังเกตมาตั้งแต่แรก “มันคงจะให้คุณเลี้ยงมันครับ”

                                  “เฮ้ย เป็นไปได้รึ นี่มันมอนเตอร์นะ ชั้นไม่ใช่เผ่าซัมม่อนที่จับควบคุมมันได้น่ะ นายพูดได้ยังไงไคท์”

                                  “ไม่จำเป็นครับ พวกซัมม่อนแค่มีความสามารถในการควบคุมมอนเตอร์ก็จริง แต่เป็นแค่การสะกดครับ ไม่ใช่ด้วยใจหรอก”เขายิ้ม “ในกรณีของคุณ ไวท์ฮอกตัวนี้คงมีใจที่จะรับใช้คุณเมื่อมันโตนะครับ”

                                  “อา  รับ  ใช้ อา รายย  กานนน”

                                     เสียงมาจากด้านหลังต้นไม้ยืนต้นที่วายุฝากเอลไว้กับมัน บัดนี้ต้นไม้ต้นนั้นได้ทำหน้าที่ของมันเสร็จแล้ว เจ้าตัวที่เคยพิงมันเดินเซมาหาหนุ่มๆทั้งสอง เมื่อได้ยินคำว่า “รับใช้”ก็สงสัยทันที ว่าเธอจะต้องรับใช้ใครหรือเปล่านะ

                                                    “ที่นี่ที่หนาย ทามมายเมแต่ต้นอ้อย ลา”

                                    แม่สาวชาวเมจทิ้งตัวลงข้างวายุหลังจากเพิ่งลุกขึ้น ก่อนที่จะพิงไหล่วายุที่เขาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว

                                                   “ตื่นแล้วหรอเอล ที่นี่เป็นป่าไผ่ทางตอนเหนือของดาชีน่าน่ะ”

                                 “ดีชาเน่... หรอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นพวกนั้น ว้าย!”เอลกรี๊ดเมื่อนึกถึงพวกชายฉกรรจ์ได้โดยไม่รู้ว่าพวกเขาได้พาเธอหลุดพ้นจากเดนสังคมพวกนั้นตั้งนานแล้ว “ไปไหนหมดแล้วล่ะ”

                                 “เราหนีพวกมันพ้นแล้วเอล เธอหลับสบายคนเดียวเลย”

                                “น่าอิจฉาจังครับ”

                               เอลถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับหยิกแขนวายุจนเขียว เพราะอายที่โดนแซวเรื่องที่เธอสลบ(โดนพวกชายฉกรรจ์สะกดให้หลับ)

                                               “เจ็บนะเอล โอ้ย!”

                                  วายุร้องอีกรอบที่เอลหยิกอีก เขารีบคว้ามือทั้งสองของเอลเพื่อไม่ให้เธอทำร้ายเขาได้อีก  “นกจะตกแล้วนะเอล”

                                   เสียงครางเบาๆจากไหล่ของวายุ ต้นเสียงเป็นนกน้อยที่วายุช่วยมันไว้ เอลทันทีที่เห็นมัน เธอตื่นเต้นสุดขีดเพราะไวท์ฮอกไม่ค่อยมีได้เห็นนัก  “ไวท์ฮอกหรอ ได้มาจากไหนล่ะ”

                              “ชั้นช่วยชีวิตมันไว้ มันก็ยอมช่วยชั้นน่ะ ไคท์ว่า ให้ชั้นเลี้ยงมัน”

                              “ใช่ครับ คุณควรเลี้ยงมันไว้ดีกว่า เพราะพาหนะที่บินได้จะเร็วกว่าเดิน และประหยัดพลังของบลูได้อีกครับ”

                              วายุมองนกสีขาวตัวน้อย มันส่งตาหวานให้พร้อมกับเสียงร้องเบาๆตอบรับที่เขามองมัน

                                             “ไคท์ ที่นายบอกว่า มันโตเท่าม้างั้นรึ แล้วถ้าชั้นต้องซ่อนมันจะทำไงละ” วายุเกาหัวแกรกๆ “อย่าบอกนะว่าเก็บไว้ในย่าม”

                              “แหวนไงครับ หรือเครื่องประดับมีอัญมณีอะไรก็ได้ แต่ผมแนะนำไพลินนะครับ พลังการผนึกเยอะดี”

                              “เอาอีกแล้ว ศัพท์เพี้ยนๆแปลกๆมาอีกแล้ว พลังผนึกอะไรช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยได้ไหมครับ คุณไคท์ผู้เจริญ”

                                ไคท์หน้าแดง เมื่อโดนชมแบบนี้ (อันที่จริงวายุประชดต่างหาก เพื่อไม่ให้ไคท์รู้ว่าวายุแอบด่าเขาในใจ เขาเลยใช้คำนัยซะเลย คำที่วายุต้องการพูดคือ “เออ พูดมาแบบนั้นใครมันจะรู้ฟระ ตูไม่ใช่แร็กทิวซักหน่อยที่จะรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง    ...อีกฟากที่สถานบันสอนผู้วิเศษ แร็กทิวตื่นมาจาม”

                               “นี่วายุ ชั้นว่าเราเดินทางต่อ แล้วระหว่างนั้นก็ค่อยพูดกันก็ได้นิ มันเสียเวลา”

                               ไคท์ปรบมือเสียงดังจนนกสีขาวตัวน้อยรีบเข้าไปแอบในย่ามของวายุ

                                                “เห็นด้วยครับ”

                                ทั้งสามขึ้นม้าของแต่ละคนต่อ ไคท์บอกวายุว่าจุดหมายต่อไป ไคท์จะพาไปพบคนๆนึงที่ไลท์ทาว ซึ่งเป็นเมืองลับของเผ่าไลท์ โดยซ่อนอยู่ในป่าแห่งแสงทางตอนเหนือของป่าไผ่นี้ ระยะอาจจะไกลอยู่ซักหน่อยแต่ก็คุ้มกับการที่จะได้เสบียงและพาหนะดีๆมาใช้กัน และนอกจากนั้นไคท์ต้องการที่จะใช้อะไรบางอย่างที่อยู่ที่ไลท์ทาว ทั้งสามออกเดินทางอีกครั้งโดยมีไคท์เป็นคนนำทางเช่นเคย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา