ทัณฑ์พิศวาส

5.0

เขียนโดย spine

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 16.23 น.

  5 ตอน
  6 วิจารณ์
  16.61K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ความรักของพวกมัน [100%]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

 

            รถเก๋งสีเทาคันเก่าแล่นเข้ามาจอดสนิทใต้โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ ตาคมมองผ่านแว่นตาสีชาไปที่กระจกหน้ารถ มือหนาปัดผมหยักศกอันยุ่งเหยิงให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้นก่อนคว้ากล้องขนาดใหญ่คุณภาพสูงมาคล้องคอไว้พร้อมหยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นพาดบ่า

            เจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์สีเข้มตัวหนา พร้อมด้วยรองเท้าบูทคู่ใหญ่ เดินเข้ามาในโรงแรมพร้อมผู้คนจำนวนหนึ่งที่เริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ เขาหยุดยืนครู่หนึ่งกลางห้องโถงกว้าง กวาดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณภายในโรงแรม กลุ่มวัยรุ่นใส่เสื้อแบบเดียวกันพร้อมถือป้ายคำว่า 'แพรวาสู้ๆ' 'เป็นกำลังใจให้คับ' 'นางฟ้าของผม' และอีกหลายๆประโยคที่อ่านแล้วรู้สึกเคืองตาชะมัด ชายหนุ่มเบะปากให้ภาพบรรดาเหล่าแฟนคลับที่คลั่งไคล้ดาราสาวอย่างไม่นึกเกรงอกเกรงใจแขกเหรื่อที่เข้าพักในโรงแรม พนักงานต้อนรับสาวสวยคนหนึ่งมองท่าทีชายหนุ่มก่อนเดินเข้ามาถามเสียงสุภาพ

            "สวัสดีค่ะ มาติดต่อห้องพักหรือเปล่าคะ”

            เขาเพียงแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นมันทำให้เธอถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายเพราะพ่อหนุ่มรูปงามกล้ามใหญ่บึกผู้นี้ช่างดูมีเสน่ห์เหลือเกิน ประกอบกับใบหน้าคมเข้มล้อมกรอบด้วยหนวดเคราบางๆยิ่งกระชากใจสาวๆเข้าไปใหญ่

            "ผมชื่อ ภาคิน วัฒนานนท์ เป็นนักข่าวครับ เพิ่งมาทำงานเป็นวันแรกเลยไม่ค่อยรู้สถานที่ คุณช่วยพาผมไปห้องแถลงข่าวของคุณแพรวาหน่อยได้ไหมครับ" มือหนาล้วงนามบัตรในกระเป๋ากางเกงส่งให้เธอ พลางโกหกด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่พนักงานสาวกลับเชื่อและตอบตกลงแล้วจึงพาเขาไปยังห้องนั้น

            งานแถลงเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊คของ แพรวา พัชรกุล เริ่มมาหลายชั่วโมงแล้ว ร่างสูงหยุดยืนหน้าประตูบานใหญ่ ชายตามองหนังสือ 'Pare’s life style' ที่ตั้งเรียงซ้อนกันอย่างสวยงามอยู่หลายจุดในห้องโถงใหญ่ ก่อนจะหันไปเห็นใบหน้าหวานของนางเอกสาวบนโปสเตอร์ใบใหญ่ แต่เขาไม่ได้สนใจมันมากนักเท่ากับภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวที่กำลังเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมช่อดอกไม้ใหญ่ส่งให้นางเอกสาว มือหนากำแน่นจนสั่นเทาเล็กน้อย …ตอนนี้กับเมื่อแปดปีก่อนเมธัสแตกต่างกันสิ้นเชิง ภาพตอนนั้นเขาจำได้เพียงชายหนุ่มในชุดนักศึกษาท่าทางสุภาพเรียบร้อย ใบหน้าขาวๆประกอบด้วยตาเล็กรีอย่างลูกคนจีน คิ้วเข้ม จมูกโด่งคมสันดูหล่อเหลาจนสามารถฉุดหัวใจสาวๆให้มาหลงรักได้อย่างง่ายดาย แต่ภาพในตอนนี้คือชายหนุ่มเจ้าสำอางในชุดสูทสีขาวยืนโอบกอดนางเอกสาวฉีกยิ้มให้กล้องอย่างชำนาญ

            ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาและรับดอกไม้ช่อนั้นไว้ด้วยความดีใจ นักข่าวนับสิบยืนห้อมล้อมหน้าเวที แสงแฟลตวูบวาบไม่หยุด ภาคินมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ไม่มีใครเข้าใจ ชายหนุ่มก้าวยาวไปยังมุมหนึ่งของห้องก่อนยกกล้องตัวใหญ่ขึ้นมาถ่ายภาพทั้งสอง

            "แหม น้องธัสมางานนี้เซอร์ไพรส์จริงๆนะครับ ขอถามน้องแพรต่ออีกนิดละกัน"

            "ละครที่กำลังจะเปิดกล้อง น้องแพรบอกได้ไหมครับว่าชื่อเรื่องอะไร" นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามนางเอกสาว เธอยิ้มสวยพยักหน้านิดๆเป็นเชิงตอบรับ

            "ชื่อเรื่อง 'ลิขิตรัก' ค่ะเป็นละครแนวโรแมนติกดราม่า พี่ดา(ผู้กำกับ)ทุ่มให้กับเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ จะเปิดกล้องประมาณเดือนหน้า ได้ไปถ่ายทำที่ฝรั่งเศสด้วย พี่ๆทีมงานบอกว่าสถานที่สวยมากๆ"

            "แสดงว่าคงต้องห่างกันสักพักสินะครับ คุณธัส" นักข่าวคนเดิมพูดแซวชายหนุ่ม เมธัสยิ้มเก้อ หัวเราะน้อยๆ

            "เห็นภาพคุณทั้งสองไปเดินเลือกซื้อแหวนคู่กันกำลังจะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ" คำถามจากนักข่าวสาวคนหนึ่งทำให้มีเสียงฮือฮาดังขึ้น ผู้ถูกถามทั้งสองชะงักเล็กน้อย

            นางสาวเอกสาวเบื่อหน่ายกับการตอบคำถามพวกนี้เต็มที แต่ต้องฉีกยิ้มเอียงอายให้พวกเขากระหน่ำกดบันทึกภาพไว้ ไม่ทันที่จะได้พูดแก้ข่าว แฟนหนุ่มก็สวนขึ้นมาก่อน

            "มันเป็นแหวนที่คนรักใส่คู่กันเหมือนคู่อื่นๆนั่นแหละครับ บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องธรรมดาๆที่คนรักเขาทำกัน แต่มันพิเศษสำหรับเราสองคนมาก ส่วนข่าวดีคิดว่าเร็วๆนี้จะแถลงข่าวให้ทราบครับ" ขณะพูดเมธัสก็หันมองสบตาเธอด้วยความรักใคร่ แพรวายิ้มหวานให้เขาแทนคำตอบใดๆ นักข่าวที่มองดูทั้งสองจึงโห่ร้องด้วยความอิจฉา

            ต่างจากอีกมุมหนึ่งของห้อง ภายในอกร้อนรุ่มดังมีเชื้อเพลิงสุมด้วยไฟแค้น แม้อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามาถดับได้ ภาคินกัดฟันกรอดเดินออกไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว

'ฉันจะทำลายความสุขของแกทุกอย่าง

ผู้หญิงที่แกเทิดทูนนักหนา ฉันจะทำให้เธอกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจน่าขยะแขยง

ให้แกทรมานเหมือนตายทั้งเป็นแบบฉัน!'

            เสียงกรี๊ดกร๊าดจากกลุ่มแฟนคลับของนางเอกสาวยืนรอออกันหน้าห้องโถงใหญ่ดังขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปในห้องได้หลังจากการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการได้เสร็จสิ้นแล้ว เมธัสมีสีหน้าประหลาดใจและหันมาหัวเราะกับแฟนสาวที่เห็นฝูงชนหน้าสะลอนกรูเข้ามายืนหน้าเวที แพรวาส่งยิ้มหวานและโบกมือทักทายเล็กน้อยก่อนรับพ็อกเก็ตบุ๊คของตัวเองจากพวกเขามาเซ็นหน้าปกให้ แฟลชจากกล้องดิจิตอลหลายตัวกระพริบไม่หยุดเพื่อเก็บภาพนักแสดงหญิงยอดนิยมของประเทศและแฟนหนุ่มที่หล่อระดับพระเอก

            "ขอบคุณมากนะจ๊ะที่มาให้กำลังใจ ถ้าไม่มีทุกคน หน้ากระดาษในหนังสือของแพรคงจะว่างไปหลายหน้า ขอบคุณมากจริงๆที่ยังอยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณมากค่ะ" หญิงสาวกล่าวทิ้งท้ายอย่างจริงใจ

            แพรวาพร้อมเมธัสและเกศลินเดินไปยังลิฟต์แก้วใสฝ่าล้อมวงล้อมมนุษย์ที่ส่งเสียงตระโกนเรียกชื่อนางสาวเอกไม่หยุดรบกวนโสตประสาทหู โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินขนาบข้างเพื่อกันแฟนคลับออกให้พ้นทาง ไม่เช่นนั้นแพรวาคงต้องโดนรุมทึ้งแน่ ทั้งสามเดินตรงไปขึ้นรถตู้คันหรูที่จอดรอรับหน้าโรงแรม พอขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย แพรวาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันที

            "เฮ่อ…เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"

            "แฟนคลับเนี่ยก็ไม่รู้ยังไงนะบอกว่ารักๆๆก็ยังรั้งอยู่นั่นแหละ ถ้ารักกันจริงก็น่าจะให้แพรได้พักผ่อนบ้างนั่งตั้งแต่เช้ายันบ่าย หลังแข็งหมดแล้ว!" หญิงสาวบ่นพึมพำจนเกศลินเลิกคิ้วชำเลืองมอง คงเป็นเพราะความเหนื่อยสะสมหลังจากปิดกองถ่ายและยังต้องเหนื่อยใจกับแฟนหนุ่มอีกจึงทำให้แม่นางเอกสาวถึงกับโวย ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            "แหมๆยัยแพร ทนนิดทนหน่อยก็ได้เป็นล้านแล้วนะยะ" เกศลินพูดประชดแม่สาวที่พรั่งพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะแต่ดันชอบอาชีพที่เหนื่อยแสนเหนื่อยแบบนี้

            "เจ๊ไม่ใช่แพรนี่" หญิงสาวทำหน้าง้อง้ำ ยอมรับว่าเหนื่อยจริงๆ

            เมธัสหันมองหญิงสาวพร้อมยื่นมือเรียวยาวแข็งแรงกุมมือบอบบางไว้

            "น้องแพรครับการที่เรามีคนสนับสนุนถือเป็นเรื่องดีนะ อีกอย่างการที่เราได้เป็นไอดอลของใครสักคนถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเลยนะ พี่หละอยากเป็นดาราบ้างจะได้มีสาวๆมาตามกรี๊ด" ชายหนุ่มพูดปลอบประโลมทำสายตากรุ้มกริ่ม ทำให้แพรวาค้อนขวับใส่เขาก่อนตอบเสียงเนือยๆ

            "ก็ได้ค่ะ อืม... คืนนี้เราไปเที่ยวกันดีกว่า ไปนะเจ๊" เธอออดอ้อนเมธัสก่อนหันไปถามเกศลิน  ด้วยหวังจะไปเปิดหูเปิดตายามราตรีเหมือนที่หนุ่มสาวเขาทำกันบ้าง แม้จะไม่เคยย่างกรายไปสถานที่เริงรมย์เช่นนั้นก็เถอะ แต่คิดว่ามันคงพอจะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้บ้างในค่ำคืนนี้

            "ได้จ๊ะ ถ้างั้นสองทุ่มเดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้านละกัน" ชายหนุ่มตอบรับอย่างว่าง่าย

            “ฉันไปอยู่แล้วแหละย่ะ ไม่ชวนก็ชั่ง” เกศลินออกอาการตื่นเต้นดีใจเสียจนหนุ่มสาวทั้งสองอดหัวเราะไม่ได้

 

            ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีหวานพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่ ผมลอนสีน้ำตาลเข้มเป็นเงาถูกเกล้าขึ้นลวกๆเผยให้เห็นต้นคอระหง ใบหน้าเนียนใสปราศจากเครื่องสำอางดูสดชื่นมากขึ้น หญิงสาวเลือกชุดเดรชสีเนื้อสั้นกว่าหัวเข่าเล็กน้อยพอให้ชวนวาบหวิวจากตัวเลือกนับร้อยในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ก่อนเดินกลับมานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่งหน้าบางๆอย่างสบายใจ

            แพรวาส่งยิ้มให้ตัวเองเมื่อเห็นเจ้าหญิงแสนสวยในกระจกเงาสะท้อน แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหายไปพร้อมกับทอดถอนหายใจยาว ร่างบางล้มตัวลงบนที่นอนกว้าง ตากลมโตปิดสนิทนึกถึงเรื่องราวต่างๆระหว่างเธอกับเมธัส เขาจะคบเธอได้อีกนานแค่ไหนกันนะ เสือผู้หญิงอย่างเขาไม่มีทางหยุดหัวใจที่ใครได้อยู่แล้ว แพรวามั่นใจเช่นนั้น

            ร่างบางสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด แพรวาลุกพรวดพราดไปที่หน้าต่างและพบว่าเป็นรถของเมธัส เธอจึงรีบจัดทรงผมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มือบางคว้ากระเป๋าใบสวยก่อนวิ่งลงไปต้อนรับเมธัสและเกศลิน

            “อุ๊ยต๊ายยัยแพร แต่งตัวสวยดับรัศมีฉันแบบนี้ได้ยังไงกันยะหล่อน” เกศลินปรับประจกรถลงชะโงกหน้าทักทายเสียงใส

            เมธัสในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสีเทายี่ห้อดังยืนมองเธอตาเป็นประกายวาววับ ร่างสูงโปร่งเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้เธอขึ้นนั่ง ก่อนหมุนตัวกลับไปประจำที่นั่งคนขับ

            รถสปอร์ตสีแดงคันหรูของเมธัสแล่นออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีรถเก๋งคันเก่าๆคันหนึ่งแล่นตามอยู่ไม่ไกล

            สถานเริงรมย์ยามราตรีหรือที่เรียกกันว่า‘ผับ’ที่เมธัสมานั้น ภาคินพอจะรู้มาบ้างว่าเป็นที่สำหรับไฮโซและลูกค้าวีไอพีทั้งนั้น ร่างสูงใหญ่ในชุดเดิมตั้งแต่งานแถลงข่าวเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊คของนางเอกสาวเดินตามพวกเขาเข้าไปด้านในและเลือกที่นั่งมุมหนึ่งที่สามารถมองเห็นคนทั้งสามได้ชัดเจน ก่อนหันไปสั่งเครื่องดื่มพลางจ้องมองเจ้าของร่างบางระหงไม่ละสายตา

            เมธัสเดินนำอย่างชำนาญไปยังที่นั่งสำหรับแขกวีไอพีจนเกศลินต้องเอ่ยแซวเป็นการใหญ่

            "แหมๆๆ ท่าทางจะมาบ่อยนะคะน้องธัส คล่องเชียวนะ ข่าวที่มานัวเนียกับสาวหุ่นสวยยังไม่เคลียร์เลยนะคะ " หล่อนพูดจีบปากจีบคอก่อนจะทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้เมธัสถึงกับยิ้มเจื่อน เบือนหน้าจากเกศลินไปทางแพรวาที่สีหน้าดูตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด

            เจ้าของผับเข้ามาทักทายเมธัสและหญิงสาวทั้งสองอย่างเป็นกันเองก่อนหันไปกำชับพนักงานให้ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เมธัสยื่นแก้วไวน์ส่งให้แพรวาแต่เธอปฏิเสธ

            “นิดนึงน่าน้องแพร ไม่เมาหรอกครับ พี่สัญญา” เขาออดอ้อนด้วยคำพูดที่หญิงสาวสุดจะทน จึงยอมคว้าแก้วไวน์มาจิบ

            "น้องแพร ไปเต้นกับพี่นะ" เขาชวน

            แพรวาส่ายหน้าปฏิเสธเริ่มรู้สึกมึนศีรษะ แต่ก็สู้แรงยื้อของเขาไม่ไหว จึงต้องยอมลุกขึ้นเดินตาม

            มือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาแนบชิด แพรวายิ้มหวานให้ชายหนุ่มพร้อมยกแขนเรียวขึ้นโอบต้นคอของเขาไว้อย่างคนไม่รู้ตัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และเส้นสติที่ขาดผึงไปเสียแล้วกระมัง ชายหนุ่มมองตากลมโตอย่างลุ่มหลงในความงดงามก่อนเลื่อนสายตามาหยุดตรงริมฝีปากอิ่มสวย ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เมื่อรับรู้ได้เช่นนั้นแพรวาจึงเรียกสติกลับคืนมา เบือนหน้าหนีก่อนผลักอกกว้างออก

            "แพรขอตัวไปเข้าห้องน้ำค่ะ" หญิงสาวเอ่ยก่อนเดินออกมาไม่สนใจท่าทีไม่พอใจของอีกฝ่าย

             ร่างบางระหงเดินประคองตัวเองไปข้างหน้าช้าๆ สายตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อย จู่ๆร่างหนาของใครคนหนึ่งก็พุ่งชนเธอเข้าอย่างแรงจนเธอล้มลงไม่เป็นท่า นางเอกสาวถึงกับสร่างเมาทันที เงยหน้ามองคนที่บังอาจเดินชนเธอเหมือนจงใจ หวังจะได้ยินคำขอโทษ แต่เขากลับไม่พูดอะไรสักคำ แถมยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเธอไว้ ทำให้แพรวาสบถออกมาอย่างหัวเสีย

            "นี่คุณ! เดินชนผู้หญิงแล้วยังไม่ขอโทษ ยังกล้ามาถ่ายภาพโดยไม่ขออนุญาตอีกหรอไง" หญิงสาวแผดเสียงใส่ พยายามยันตัวขึ้นยืนจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเขียวปั้ด

            ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่พูดอะไรสักคำ กลับมองสำรวจร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทำเอาคนถูกมองหน้าร้อนผ่าวเหมือนกำลังถูกสายตาคมกริบนั่นดูถูก

            "คุณไม่มีสิทธิ์มองฉันแบบนี้นะ!" แพรวาพูดเสียงสูง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่เขาก็ยังไม่ยอมตอบโต้ กลับยืนกอดอกจ้องเธอตาเป็นประกายวาววับ แพรวาหายใจเข้าออกแรงอย่างหงุดหงิดมองตอบเขาด้วยสายตาโกรธแค้นก่อนเป็นฝ่ายยอมเดินจากไปเสียเอง

            ภาคินมองตามเธออย่างสบายอารมณ์ที่ได้ยั่วโมโหนางเอกสาว พลางยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วจึงยิ้มออกมา ร่างสูงไม่รอช้ารีบเดินตรงไปหาพนักงานชายคนหนึ่งซึ่งบังเอิญผ่านมาแถวนั้นพอดี

"ช่วยอะไรผมอย่างสิ เท่าไหร่ก็จะจ่ายให้" ร่างสูงโน้มตัวกระซิบข้างหูพนักงาน

"ผมต้องการยาปลุกเซ็กซ์"

------------------------------------------------------------------------------

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา