เล่ห์กลรักเงาอสูร

-

เขียนโดย RATH

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.57 น.

  30 chapter
  12 วิจารณ์
  41.37K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่ 1 แรงแค้น_4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

เล่ห์กลรักเงาอสูร

 

 

บทที่ 1  แรงแค้น_4

 

            ภูผา เกียรติภูมินต์ กำลังจับจ้องมอง มินตรา เจ.คลาส หญิงสาวปริศนา ผู้มีส่วนในการปั่นหุ้นบริษัทตระกูลของเขา เธอสะสวยงดงามอย่างกับนางแบบหรือนางเอกหนัง ทำไมผู้หญิงสวยๆ ถึงได้ต้องน่าหวาดกลัวเช่นนี้ด้วยนะ และเธอทำเรื่องราวอันเลวร้ายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เธอเลือดเย็นถึงขนาดจะทำลายทุกๆ คนในครอบครัวของพวกเขาได้เลยจริงๆ หรือไง เขานั่งคิดนอนคิดจนหัวแทบจะระเบิดก็คิดอะไรไม่ออก  

            วันนี้เขาเฝ้าติดตามมินตราออกมาจากบริษัทที่เธอทำงานอยู่ หลายวันมาหลังจากเฝ้าติดตามมินตรา เขาพบเห็นเหตุการณ์แปลกๆ หลายเหตุการณ์ เขาพบเห็นพี่ชายของเขาเข้าไปนัดพบปะเจรจาขอซื้อหุ้นคืนจากมินตรา เขาพบเห็นนักสืบที่มินตราได้ว่าจ้างเอาไว้สืบเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของเขา แล้วลักลอบติดต่อส่งข้อมูลกลับมาให้แก่มินตราอย่างลับๆ และในเวลาต่อมามินตราก็มาโผล่ที่ผับใหญ่โตใจกลางเมือง มันถือสถานที่ที่เขาเองเคยเข้าๆ ออกๆ เป็นประจำ เพื่อมาปลดปล่อยพลังส่วนเกินออกจากร่างกายออกไป แต่สำหรับวันนี้มันแตกต่างจากทุกวันหรือทุกครั้ง วันนี้เขามาทำงานอย่างลับๆ เพื่อทุกๆคนในครอบครัวของเขา และมันก็เกี่ยวข้องกันกับหญิงสาวสวยผู้มีชื่อว่ามินตรา เจ.คลาส เสียด้วย 

            ด้วยนิสัยง่ายๆ มองโลกในแง่ดีของเขา การที่เขาจะก้าวเดินเข้าไปตีสนิทกับผู้หญิงสวยๆ อย่างเช่นมินตรามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรนักหนาเลย โดยเฉพาะกับผู้หญิงสาวสวยที่มาเพียงลำพังคนเดียวด้วยแล้ว มันจึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเสือหนุ่มนักล่าเหยื่อในยามราตรีเช่นเขา

            เขาก้าวเดินตรงเข้าไปหามินตราในขณะที่เธอกำลังจะลุกก้าวเดินออกจากเก้าอี้ตัวเล็กๆ ที่เธอได้ใช้สำหรับนั่งจับจ้องมองดูพฤติกรรมของคู่หมั้นพี่ชายของเขา โรสิลีเป็นหญิงสาวเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ในสายตาของธเนศ เกียรติภูมินต์ แต่มันไม่ใช่สำหรับภูผา เกียรติภูมินต์เลยแม้แต่น้อย โรสิลีเป็นได้แค่เศษผ้าขาดๆ หาประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้วสำหรับภูผา มันอาจจะเป็นความคิดที่มีความรุนแรงและสุดแสนเจ็บปวด สำหรับโรสิลี เช่นเดียวกันกับโรสิลีเองก็ไม่กล้าที่จะแสดงนิสัยอันหลุดโลกออกมาให้กับพี่ชายของเขาได้รับรู้ แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะสามารถโกหกหลอกลวงบุคคลใกล้ชิดได้ตลอดเวลาหรือตลอดชีวิต มันจึงไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กับโรสิลี วันนี้โรสิลีอาจจะสามารถโกหกหลอกลวงธเนศพี่ชายของเขาได้ แต่ในวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆ ไป โรสิลีก็จงพึงระมัดระวังตัวเอาไว้ให้จงดี อารมณ์ความโกรธของธเนศพอๆ กันกับพายุไต้ฝุ่นเลยทีเดียว  

            เขาเริ่มหยุดความคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมอันหลุดโลกของโรสิลี แล้วหันกลับมาให้ความสนใจเกี่ยวกับผู้หญิงอีกคน ที่เป็นเป้าหมายของเขา มาตลอดระยะเวลาหลายวัน ที่เขาได้แอบติดตามดูพฤติกรรมเธออย่างลับๆ มินตราคือผู้หญิงคนแรกที่เขาเองยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจัดการกับเธออย่างไงดีแม้แต่ในเวลานี้ก็ตาม 

          “สวัสดีครับ ผมภูผา” เขาแนะนำชื่อ ขณะก้าวเดินตรงเข้าไปประชิดติดอยู่ข้างโต๊ะเครื่องดื่มและเก้าอี้เล็กๆ ขณะที่เธอกำลังลุกขึ้นยืน  ในวันนี้เขาไม่คิดที่จะแนะนำนามสกุลของเขา เพราะเขาเองยังไม่อยากต้องการจะให้มินตราคิดว่าเขาเป็นอ้ายพวกโรคจิตกำลังคิดติดตามเธออยู่ เขาต้องการจะให้เธอคิดแค่ว่าเราสองคนต่างพบปะเจอะเจอหน้ากันโดยเหตุบังเอิญอย่างคนแปลกหน้าเท่านั้น การใช้ชีวิตอย่างเช่นหนุ่มเพลย์บอยมาตลอดช่วงชีวิตในวัยหนุ่มของเขา มันทำให้เขามีเล่ห์เหลี่ยมกลโกรงมากมายหลากหลายมิติ เขาสามารถจะแสดงเป็นชายหนุ่มผู้ฉลาดอย่างเช่นเจมส์ บอนด์ พยัคฆ์ร้าย 007 หรือว่าจะเป็นชายหนุ่มผู้กำลังโง่เขลาขลาดกลัวได้ในเวลาเดียวกัน อย่างเช่นในเวลานี้เขากำลังจะแสดงบทบาทของชายหนุ่มผู้กำลังโง่เขลา ขลาดกลัวอย่างนักแสดงมืออาชีพ ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะถ่ายแบบโชว์ความหล่อลงในนิตยสารเป็นแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาจะแสดงให้ผู้หญิงสาวสวยผู้เลวร้ายผู้นี้ได้รับรู้ ถึงความเลวร้ายอันแท้จริงว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่

          “ให้เกียรติผม เลี้ยงเบี้ยสักแก้วนะครับ คุณ...” เขาแกล้งไม่รู้จักชื่อของเธอ และเธอเองก็คงแกล้งไม่รู้จักชื่อจริง ของเขาเช่นเดียวกัน ดั่งนั้นเขาจึงนึกถึงคำสุภาษิตที่ว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ มันเป็นดั่งเช่นเขากำลังแสดงกับมินตราอยู่ในเวลานี้ด้วยเช่นเดียวกัน

          “ฉันมินตรา ค่ะสีหน้าเธอไร้ความรู้สึกจริงๆ แม้แต่เวลาพูดคุยแนะนำตัวกับเขา เขาเองยังจับความคิด ความรู้สึกผ่านทางแววตาและท่าทางของเธอไม่ได้เลย

          “ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะค่ะ คุณภูผา ฉันขอขอบคุณ ที่คุณต้องการจะเลี้ยงเบียร์ฉัน แต่วันนี้ฉันรู้สึกจะเมามากแล้วล่ะค่ะ” เธอกำลังโกหกอย่างเห็นได้ชัดเจน ที่โต๊ะของเธอมีเพียงแค่น้ำส้มอยู่เพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้นเอง

          “ผับบ้าอะไรกันหว่ะ ทำไมมันถึงเอาน้ำส้มมาขายด้วยมันน่าโมโหจริงๆ ไม่ให้เกียรติสถานที่กันบ้างเลย”  เขานึกกนดาสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อยู่ภายในจิตใจ มันเป็นสถานที่ที่เขาเคยเข้าๆ ออกๆ มายาวนานหลายปีแต่เขาก็ไม่เคยสั่งน้ำส้มมาดื่มเลยแม้สักแก้วเดียว

          “แต่คุณดื่มน้ำส้มไปเพียงแค่แก้วเดียวเองนะครับ” การจะโกหกใครก็อย่าได้ทิ้งหลักฐานเอาไว้จนโจ่งแจ้งขนาดนี้ และอย่างชัดเจนมากมายขนาดนี้ หรือว่าเธอจะจงใจที่จะทิ้งเอาไว้ให้เขาจับจ้องมองเห็นกันแน่นะ ร้ายกาจจริงๆ แม่คุณทูนหัว

          “อย่างนั่นก็ได้ค่ะ แต่ฉันขอเปลี่ยนสถานที่หน่อยนะค่ะ ฉันอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกแล้วล่ะคะ ข้างในผับนี้ฉันรู้สึกอึดอัดมากเหลือเกิน” เขาพอจะรับรู้ได้ว่ามินตรากำลังจะชวนเขาออกไปที่ไหน มินตราคงอยากต้องการจะติดตามยายโรสิลีคู่หมั้นของพี่ชายของเขาออกไปข้างนอกด้วย มันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เวลานี้โรสิลีก็ไม่มีความลับอะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว เพราะคนอื่นๆ ต่างก็รับรู้พฤติกรรมอันหลุดโลกของโรสิลีกันจนหมดครบทุกคนแล้ว มินตราเองก็น่าจะพอรับรู้จนหมดไส้หมดพุงแล้วด้วยเช่นเดียวกัน อย่างนั้นมินตราเธอยังต้องการจะติดตามโรสิลีคู่หมั้นของพี่ชายของเขาออกไปอีกทำไม คำตอบมันอาจจะอยู่ข้างนอกผับแห่งนี้ก็ได้ 

          “ตกลงครับ เราออกไปหากาแฟ ร้อนๆ ข้างนอกดื่มกันแล้วจึงเริ่มทำความรู้จักกันดีกว่าเธอยิ้มและพยักหน้าแล้วจึงเริ่มก้าวเดินนำหน้าเขาออกไปอย่างรวดเร็วจนเขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งไล่ติดตามเธอออกมาติดๆ เมื่อใกล้จะถึงลานจอดรถ มินตราก็หยุดเดินแล้วหันหน้ามาจับจ้องมองเขาอย่างตรงๆ เขารู้สึกใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเธอกำลังจะบอกปฏิเสธหนุ่มหล่อเช่นเขากันแน่

          “ขอโทษนะค่ะฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอตัวกลับบ้านไปนอนก่อนล่ะค่ะ”  อย่านะอย่าพูดมันออกมาเด็ดขาด แต่สุดท้ายมินตราก็พูดมันออกจนได้ 

          “คุณภูผาไปรอฉันที่ลานจอดรถก่อนนะค่ะ เดียวฉันจะไปตาม รปภ.ก่อน” เธอหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เธอจะตาม รปภ. มาทำไมกัน หรือเธอต้องการจะพา รปภ. ไปดื่มกาแฟกับเขาด้วย คนสวยทุกคนมักจะพิลึกแบบนี้เสมอไปเลยหรือเปล่านะ เธอยังไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัดกับเขาเลย เธอก็ก้าวเดินตรงไปติดตามหาหนุ่มหล่อในเครื่องแบบทันที

          “ออ...เครื่องแบบ รปภ. ประจำผับ” เธอทิ้งหนุ่มหล่อมาดแมนอย่างเขาเอาไว้คนเดียวแล้วปล่อยให้เขาเดินไปรอเธอที่ลานจอดรถอย่างไม่คิดจะใยดีเขาเลยแม้แต่น้อย 

.........................................

 

            ณ ลานจอดรถหน้าผับดังใจกลางเมืองกรุง แสงไฟรอบนอกสว่างพอประมาณ มีเด็กคอยรับรถเข้าและออกอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นเด็กหนุ่มอายุน่าจะประมาณ 18 หรือ 19 ปี และน่าจะเป็นเด็กหนุ่มต่างจังหวัด ผู้กำลังเดินเข้ามาเสี่ยงโชคในเมืองกรุง หูสองข้างกำลังเสียบหูรับฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือมือสองยี่ห้อดัง และนั่งฟังเพลงๆ อยู่เงียบๆ รอรับรถขับเข้าและขับออก อยู่เพียงลำพังคนเดียวจึงไม่สามารถจะได้ยินได้ฟังเสียงดังอันแปลกๆ รอบข้างระหว่างกลุ่มบุคคลสองกลุ่มซึ่งกำลังสนทนาปราศรัยกันอย่างออกรสออกชาติ หนึ่งในผู้คนเหล่านั้นมีดารานางแบบสาวสวยโรสิลีรวมอยู่ด้วย

            โรสิลีมากับเพื่อนหญิงหนึ่งคน และเพื่อนชายอีกหนึ่งคนครึ่ง รวมเป็นสามคนครึ่งส่วนที่เหลืออีกศูนย์จุดห้ายังคงพากันแยกแยะไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ส่วนกลุ่มนักเลงคู่อริที่กำลังพยายามช่วยเหลือพวกของโรสิลีอยู่ในขณะนี้ มีด้วยกันทั้งหมดห้าคนล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่มขี้เมากำลังกลัดมัน กลัดหนองจนสามารถจะจับจ้องมองเห็นน้ำมันใส่ๆ กำลังไหลหยาดเยิ้มออกมาเต็มใบหน้ามันๆ ของแต่ละคนได้อย่างชัดเจน เหมือนว่ากลุ่มคู่อริของโรสิลีจะเพิ่งหลุดออกมาจากป่าดงพงพีในสวนสัตว์ป่าเปิดเขาเขียว พร้อมกับรอยสักเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ที่สักติดตัวเอาไว้เพื่อบอกถึงตำแหน่งหน้าทีการงาน อย่างกลุ่มมหาโจรหรือกลุ่มเสือร้ายกำลังเข้าบุกยึดครองเมืองกรุง

          “พวกแกอย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันยิงพวกแกจริงๆ ด้วย” โรสิลีตะโกนข่มขู่กลุ่มนักเลงต่างถิ่นเสียงดังฟังชัด ด้วยปืนของเล่นที่ใช้ประกอบฉากการแสดงละครเรื่องล่าสุดของโรสิลีเองมันมีเรื่องตลกๆ ว่า

          “พยัคฆ์สาวจับตายเจ้าชายกบ” มันเป็นละครออกแนวออกตลกๆ เอาใจพ่อค้าแม่ค้าตามท้องตลาดแต่ในเวลานี้ โรสิลีกำลังที่จะใช้คำพูดในบทละครตลกๆ เรื่องล่าสุดของเธอเพื่อเข้าจัดการ จับตายกลุ่มพวกนักเลงต่างถิ่นหรือคนแปลกหน้าที่มีลักษณะอันคล้ายคลึงกับมหาจอมโจรอย่างมากมาย และก็ไม่ได้ใกล้เคียงตลอดจนคล้ายคลึงกับเจ้าชายกบอย่างในบทละครที่โรสิลีกำลังรับเล่นอยู่ด้วยเลย วันนี้เธอไม่น่าจะออกมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ เลย เธอไม่น่าออกมาปลดปล่อยอารมณ์ด้านมืดมิดของตัวเธอเองเลย เธอจะได้ไม่ต้องมาเหยียบเท้าของกลุ่มพวกมหาโจรกลุ่มนี้ในผับเข้า จนทำให้พวกมันติดตามเธอออกมาไล่ล่าแลราวีกับเธอและเพื่อนๆไม่เลิกราเช่นนี้

          “ถ้าพวกแกเดินเขามาอีกก้าวเดียวล่ะก็ ฉันจะยิงพวกแกจริงๆ นะ” โรสิลีตะโกนข่มขู่กลับไปด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดกว่าครั้งที่แล้วอีกครั้ง ด้วยลักษณะมือไม้แขนขาสั่นสู่อย่างกำลังพูดต่อบทละครอยู่

          “ยิงพวกมันเลย โรส ยิงพวกมันให้ตายไปเลย” เพื่อนในกลุ่มตะโกนออกคำสั่งให้โรสิลียิงพวกกลุ่มนักเลง ด้วยน้ำเสียงอย่างเอาจริงเอาจัง เมื่อเห็นโรสิลีกำลังยืนร้องตะโกนข่มขู่พวกมันอย่างแขนขาสั่นๆ อยู่เบื้องหน้า โรสิลีมือไม้สั่นอย่างนึกหวาดกลัวอย่างจับจิตจับใจแล้วหันหน้าไปจับจ้องมองใบหน้าของเพื่อนๆ ที่กำลังหน้าซีดพอๆ กันกับเธออยู่ด้วย สุดท้ายโรสิลีก็ไปกล้าจะพูดบอกเล่าความจริง ว่าอ้ายปืนในมือของเธอมันเป็นแค่ปืนของเล่น ที่ใช้ประกอบฉากการแสดงเท่านั้น มันจะใช้ยิงจริงๆ ไม่ได้หรอก อย่างมากก็แค่เอาไว้ใช้ข่มขู่เล่นก็เท่านั้นเอง

          “อ๊าย ว๊าย!!...นี่พวกแกไม่กลัวตายกันหรือยังไงกันย่ะ” สาวประเภทสองหรือชายหนุ่มศูนย์จุดห้าร้องตะโกนสอบถามมหาโจร ออกไปอย่างเสียงดังแล้วจึงรีบแอบหลบมุมเข้าไปอยู่ด้านหลังโรสิลีตามเดิม  ส่วนผู้ชายมาดแมนเต็มตัวอีกคนก็กำลังยืนหลบมุมอยู่ข้างๆ กับโรสิลีเช่นเดียวกันเพราะกำลังรู้สึกหวาดกลัว ต่อกลุ่มพวกนักเลงต่างถิ่นหรือคนแปลกหน้าอย่างจับจิตจับใจเช่นกัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าหวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมองได้เลยเช่นเดียวกัน

          “นี่แม่ภู-หญิง-ข้อ-เดียว อย่าทำเล่นตัวกันไปหน่อยเลย วันนี้ไปเที่ยวกันกับพวกพี่ๆ ต่อเถอะนะจ๊ะ” หนึ่งในกลุ่มพวกนักเลง พูดออกคำสั่งอย่างอ่อนโยนอ่อนหวานน่ารับฟังปานหยาดน้ำผึ้ง แต่ทุกๆ คำพูดมันคือการบีบบังคับ มันไม่ใช่เป็นการขอร้อง การเชิญชวนพากันไปเที่ยวกันอย่างดีๆ เลยแม้แต่น้อย

          “อ้าย-หยาบ-คาย-ม๊าก...ฉันเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้วนะย่ะ-ไม่ใช่มะขาม ถึงมาใช้เรียกฉันเป็น-ข้อ- เดียว-สองข้อแบบนี้-แต่อ้ายนี้ต่างหากมันถึงจะเรียกว่าเป็นผู้หญิงครึ่งเดียว” แม่สาวประเภทสองโผล่หน้าสวยๆ ของมาตอบคำถามอีกครั้ง พร้อมชี้นิ้วตรงไปยังเพื่อนชายมาดแมนอีกคนที่กำลังยืนแอบหลบมุมอยู่ข้างๆ กับโรสิลีเพราะความนึกหวาดกลัวจนไม่กล้าจะพูดหรือทำอะไรออกมาได้อีกเลยแม้แต่อย่างเดียว  แม้แต่การจะบอกปฏิเสธว่าตนเอง เป็นผู้ชายมาดแมนเต็มตัวไม่ใช่ผู้หญิงเลยแม้แต่น้อยก็ไม่กล้าที่จะบอกให้ใครได้รับรู้

          “ผมมันเป็นสุภาพบุรุษครับ และผมก็ไม่ชอบใช้การกำลังให้สิ้นเปลืองด้วย”  มันคือคำตอบในแววตาอันขลาดกลัว ของชายหนุ่มที่ยืนขาสั่นๆ อยู่ข้างๆ กับแม่สาวศูนย์จุดห้าหรือสาวประเภทสอง คำตอบจากแววตาที่ไม่ยอมพูดหรืออธิบายมันออกมา ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ทำให้เวลานี้ ทุกๆ คนต่างก็พากันเห็นพ้องต้องกันไปกับแม่เพื่อนสาวประเภทสอง ไปกันจนหมดสิ้นแล้วว่าเขาเป็นผู้หญิงครึ่งเดียว หรือผู้หญิงข้อเดียวอย่างที่พวกมหาโจรพวกนั้น ใช้เรียกเพื่อนสาวประเภทสองที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา

          “จริงหรือจ๊ะ น้องจ๋า” กลุ่มพวกนักเลงแกล้งถามล้อเล่นขึ้น กับแม่สาวประเภทสองขึ้นมาอีกครั้ง อย่างอ่อนโยนอ่อนหวาน อย่างน่าฟังเช่นเดิม แต่แววตาอันหยาดเยิ้มกับกำลังจับจ้องมองมุ่งตรงไปยังโรสิลี ดารานางแบบสาวสวยแทน

          “นี่พวกแก่ ไปให้พ้นๆ เดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงพวกแก่ให้ตายจริงๆ ด้วย” โรสิลียังตะโกนข่มขู่กลับคืนไป ด้วยเสียงดังฟังชัดอยู่เช่นเดิม แต่เหมือนว่าบทบาทการแสดงอย่างนางเอกนอกจอ จะไม่เหมาะสมกับโรสิลีเอาเสียเลย โรสิลีไม่สามารถจะขับไล่กลุ่มนักเลงไปให้พ้นๆ ได้ จนโรสิลีเริ่มรู้สึกเศร้าเสียใจที่ไม่สามารถจะตีบทบาทการแสดงให้แตกกระจุยกระจายได้ เช่นในเวลาเข้าฉากละครจริงๆ การส่งลูกรับลูกชนระหว่างพระเอกกับนางเอกเช่นเธอ เธอสามารถจะตีบทจนแตกกระจุยกระจายอย่างไม่ต้องคิดพยายามสักนิดเริ่มสมซ้ำ แต่กับกลุ่มนักเลงกระจอกๆ พวกนี้ พวกมันกับไม่คิดจะเกรงกลัวอะไรเธอเลยแม้แต่สักนิด ยิ่งคิดมากโรสิลีก็ยิ่งคับแค้นในจิตใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น

          “ปืนมีลูกจริงๆ หรือเปล่าล่ะจ๊ะน้องจ๋า” นักเลงคนเดิมตั้งคำถามล้อเล่น ในท่าทางกวนๆ อารมณ์ของโรสิลีขึ้นมาอีกครั้ง

          “แล้ว พวกแกอยากจะลองพิสูจน์ มันดูไหมล่ะ” โรสิลีทำใจดีสู่กับเสือร้ายลายพาดกลอนทั้งห้าตัว ด้วยการข่มขู่เสียงดังกลับคืน

          “แล้วน้อง ล่ะจ๊ะ อยากจะลองลูกปืนของพี่ดูบ้างไหม ล่ะจ๊ะ คนสวย” ไม่ใช่เป็นแค่การสอบถามขึ้นมาอย่างลอยๆ หัวหน้ามหาโจรล่วงมือกลับเข้าไปด้านหลังเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่แอบเก็บซ่อนอาวุธปืนของจริงเอาไว้ แล้วนำมันออกมาโชว์อวดให้กับโรสิลีและเพื่อนทุกคนของเธอได้เห็นกันอย่างจะๆ ชัดๆ กันทุกคน  เพื่อนๆ ทุกคนของโรสิลีในเวลาปกติก็นึกหวาดกลัวกันจนเรียกว่าขี้ขึ้นสมองกันอยู่แล้ว เวลานี้ต่างแทบจะพากันฉี่ลาด ขี้แตกเรี่ยลาดกันไปตามๆ กันเลยที่เดียว และสาวประเภทสองก็คือผลพ่วงของความความหวาดกลัวอันก่อเกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันในขณะนั้น

          “อ๊าย ไม่ไหวแล้ว ขอเป็นลมก่อนแล้วกัน” แล้วแม่สาวประเภทสอง ก็เป็นลมสลบไสลล้มลงหงายท้องไปต่อหน้า ต่อตาของเพื่อนฝูงจริงๆ โรสิลีและเพื่อนๆ ที่เหลือยังสามารถรับร่างอันอ่อนระทวยของเพื่อนเอาไว้ได้ ก่อนจะล้มหงายท้องจนถึงพื้นดินแข็งๆ  มหาโจรและพรรคพวกพากันหัวเราะอย่างชอบอก ชอบใจที่สามารถจัดการกับยายผู้หญิงครึ่งเดียวไปได้โดยไม่ต้องใช้พละกำลังอะไรมากมายสักนิดเดียว

          “ฮ่าๆๆ ...หึๆๆ... ฮิๆๆ ...” กลุ่มมหาโจรหัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพียงกันทั้งห้าคน มันทำให้โรสิลีและเพื่อนๆ อีกสองคนต่างนั่งลงกอดคอกันอย่างนึกหวาดกลัว เหมือนกับข้าวต้มมัดที่กำลังจะถูกโยนลงหม้อต้ม ต่างพากันนึกหวาดกลัวจนตัวสั่น ปากสั่น และคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป

          “ไหน ลองข่มขู่พี่กลับคืนมาอีก สิจ๊ะ น้องจ๋า” หัวหน้ามหาโจรคนเดิมตะโกนออกคำสั่งกับโรสิลี หญิงเหล็ก หญิงจิตใจห้าวหาญเมื่อสักสี่ห้านาทีที่แล้วขึ้นอีกครั้ง แต่ขณะนี้มันแตกต่างจากเมื่อสักสี่ห้านาทีที่แล้วมากมายพอสมควร จากนางเอกแมวร้ายหรือพยัคฆ์ร้ายจับตายเจ้าชายกบ โรสิลีกลับกลายเป็นได้แค่ลูกนก ลูกหนูตัวน้อยๆ ที่ไม่มีวันจะจับตายใครได้อีกแม้แต่จับกบตัวเล็กๆ สักตัวก็ตาม

          “ยะ..ยอมแล้วจ๊ะ เอ๊านี้ ฉันให้เอาไปเถอะจ๊ะ” โรสิลียื่นส่งปืนของเล่นที่ใช้ประกอบฉากละคร ให้กับหัวหน้ามหาโจรอย่างมือไม้สั่นๆ หัวหน้าโจรรีบรับปืนของเล่นมาจากมือของโรสิลีแล้วพลิกกลับไปกลับมาอย่างตรวจสอบความเรียบร้อย แล้วหันหน้าไปจับจ้องมองกลุ่มเพื่อนฝูงพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างนึกสนุกสนาน

          “ปืนของเล่นหว่ะ ห่าๆๆ ฮ่าๆๆ” หัวหน้ากลุ่มมหาโจรตะโกนบอกลูกน้องทุกคน แล้วพาหัวเราะเสียงดัง อย่างกับกำลังพบปะเจอะเจอกับเรื่องอันสนุกสนานที่ไม่เคยพบเจอะเจอกันมาก่อน

           “นัง...นี้มันเอาปืนของเล่นมาข่มขู่พวกเรา หรือหว่ะ” หนึ่งในกลุ่มนักเลงตั้งคำถามขึ้นอย่างนึกสงสัย และอยากเอาใจหัวหน้า

          “แหม๊ๆๆ นางนี้มันมีเสน่ห์แรง จริงๆ วันนี้พี่ใหญ่พามันกลับไปเป็นเมียน้อยของพี่เลยดีกว่าไหมครับ” เพื่อนในกลุ่มแนะนำขึ้น แต่โรสิลีนึกหวาดกลัวจนแทบขี้ขึ้นสมองและกำลังจะฉี่จนแตกตายอยู่ลอนๆ อยู่แล้ว ในชีวิตโรสิลีไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องตกไปเป็นเมียน้อยของใคร มาก่อน มันรู้สึกเสื่อมเกียรติเสื่อมศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงสาวสวยๆ อย่างเช่นโรสิลีคนนี้เป็นที่สุด

          “ฉะ..ฉันไม่มีวัน จะไปเป็นเมียน้อยของแกเด็ดขาด” โรสิลีหลงลืมตัวร้องตะโกนออกไปอย่างเสียงดังฟังชัด จนสุดเสียงด้วยอารมณ์ความโกรธและโมโห

          “ถ้าไม่อยาก ไปเป็นเมียน้อยของพี่ ก็ไปเป็นเมียตบเมียแต่งของพี่จริงๆ ในป่าดงพงพี ในป่าในเขาก็ได้นะจ๊ะ น้องจ๋า” คำพูดล้อเล่น แต่มันทั้งเจ็บปวดและโมโหเข้าไปถึงหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถจะต้านทานพลังอำนาจที่เหนือกว่าได้

          “ปล่อยฉัน...ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” โรสิลีตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปเสียงดังจนดังสุดเสียง แต่โรสิลีก็สามารถที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะกำปั้นหนักๆ กระแทกเข้าเต็มหน้าท้องของโรสิลี เธอตัวงองุ้มอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไร ต่อไปได้อีก

          “ชะ..ช่วย..ดะ..ด้วย” มันคือน้ำเสียงแผ่วเบา เป็นน้ำเสียงสุดท้ายก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สอง เธอเริ่มสลบไสลคากำปั้นขนาดใหญ่นั้นไปเสียแล้ว เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งกอดคอกันเป็นข้าวต้มมัด กับอีกหนึ่งคนที่ได้นอนสลบไสลไปก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีใครจะกล้าเปล่งน้ำเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาอีกเลย ทั้งสองคนได้แต่นั่งหลับหูหลับตาร้องไห้กันเสียงดัง อย่างเกรงกลัวความตายอย่างจับจิตจับใจ และขอภาวนาว่าอย่าให้พวกเขาถูกอ้ายพวกกลุ่มนักเลงหรือกลุ่มมหาโจรเข่นฆ่าตายไปก่อนเลย

          “จำเอาไว้ หากพวกแกเอาเรื่องนี้ไปบอกให้กับพวกตำรวจมันรับรู้ ฉันจะกลับมาฆ่าพวกแกทิ้งซะ จำใส่หัวพวกแกเอาไว้” มันคือเสียงตะโกนข่มขู่ก่อนจะอุ้มร่างบอบบางของโรสิลีแล้วก้าวเดินตรงไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว

 

................................

 

-จบตอนที่ 1 แรงแค้น-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา