เล่ห์กลรักเงาอสูร

-

เขียนโดย RATH

วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.57 น.

  30 chapter
  12 วิจารณ์
  41.39K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 2 ข่าวหน้าหนึ่ง_2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

 

เล่ห์กลรักเงาอสูร

 

บทที่ 2  ข่าวหน้าหนึ่ง_2

 

            ระหว่างที่ธเนศกำลังจับจ้องมองทีวีอยู่อย่างตั้งใจ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก บุคคลที่ก้าวเดินเข้ามาภายในห้องมีด้วยกันสองคน คนแรกคือ ภูผา และอีกคนคือ วรนุช เธออยู่ในชุดเสื้อผ้าลำรองแบบสบายๆ วรนุช ทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าไข้ให้กับภูผา อยู่ยังห้องฝั่งตรงข้ามกันกับห้องของมินตรา ภูผาถูกยิงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสเช่นเดียวกันกับมินตรา แต่อาการในยามนี้ของภูผาไม่ได้หนักหนาสาหัสสากันอะไรมากมายนัก เมื่อเปรียบเทียบกับอาการของมินตรา ที่มีอาการสาหัสกว่ามาก ขณะนี้ภูผาสามารถที่จะลุกเดิน เหินบิน หรือเหาะไปไหนมาไหนก็ได้อย่างคนปรกติธรรมดาทั่วๆ ไป  แต่ญาติพี่น้องบิดามารดายังต้องการที่จะให้ภูผาได้รับการดูแลเข้าใจใส่จากนายแพทย์อย่างใกล้ชิดต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าสภาพร่างกายจะสมบูรณ์ดีเต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว  ในยามนี้ภูผาจึงได้แต่ นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่เตียงผู้ป่วยจนรู้สึกเบื่อหน่าย ภูผาจึงคิดที่จะมาพบปะเจอะเจอกับวงหน้าสวยๆ ของมินตราให้หายคิดถึงเสียหน่อย ก่อนที่เขาจะกลับคืนไปยังห้องของตัวเองอีกครั้ง หรือเขาจะขอนอนพักในห้องของมินตราด้วยอีกคน เขาจะได้นั่งเฝ้า นอนเฝ้ามินตราเป็นเพื่อนกับธเนศด้วยอีกคน  ภูผาเดินคิดระหว่างก้าวเดินตรงเข้ามานั่งใกล้ๆ กับโซฟาที่ธเนศนั่งรอคอยอยู่

ประตูห้อง 2543 มินตรา เจ.คราส ถูกเปิดและปิดสนิทจากด้านในอย่างเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย และหันหลังให้กับจอทีวีอยู่ วรนุชก้าวเดินตรงเข้าไปนั่งอยู่เคียงข้างกับพี่ชายทั้งสองคน แต่สายตาของเธอกับกำลังจับจ้องมองตรงไปยังเตียงผู้ป่วย ในยามนี้ต่างไม่มีใครสามารถที่จะรับรู้ได้ว่ามินตรากำลังนอนหลับอยู่จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่การนอนหลับตานิ่งๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่คิดต้องการอยากจะสนทนากับใคร

            “พี่กำลังทำอะไรอยู่ภูผาตั้งคำถามกับธเนศอย่างนึกสงสัย เมื่อจับจ้องมองเห็นธเนศกำลังเอาฝามือเกาะกุมศีรษะเอาไว้เหมือนกำลังปวดศีรษะหรือเป็นไข้ แต่ความจริงแล้วธเนศกำลังนั่งเครียดเพราะจิตใจกำลังคุกรุ่น ด้วยเรื่องเกี่ยวกับรายการทอล์คโชว์บ้าๆ ที่โรสิลีแฟนสาวของเขากำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ในขณะนี้

            “ไม่มีอะไร พี่แค่นอนน้อยไม่หน่อยเท่านั้นเองธเนศพูดความจริงเรื่องการนอนน้อย แต่กำลังพูดโกหกเรื่องสาเหตุที่เขาเอาฝามือเกาะกุมศีรษะเอาไว้ 

            “พี่เนด ดูไม่ค่อยจะสบายเลยนะค่ะ จะรับยาแก้ปวดสักหน่อยไหมค่ะ เดียวนุชจะไปหยิบมาให้วรนุชนึกเป็นห่วงเป็นใยพี่ชายเพราะใบหน้าของพี่ชายดูจะซีดเซียวมาก พี่ชายทำงานหนัก ในยามเช้าจะต้องรีบไปเข้าบริษัทแต่เช้า ส่วนในยามค่ำคืนจะต้องมาคอยพยาบาลหญิงสาวแปลกหน้า วรนุชรู้สึกจะสงสารพี่ชายของเธออย่างจับจิตจับใจ

            “ไม่ต้อง พี่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ พี่แค่นอนน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง นุชกับไอ้ภู กลับห้องไปนอนพักผ่อนต่อเถอะมันดึกมากแล้ว รบกวนคุณมินตราเธอด้วยธเนศใช้มินตราเป็นข้ออ้างที่จะขับไล่น้องสาวกับน้องชายกลับออกจากห้อง เพื่อตัวเขาเองจะได้ นั่งรอรับชม รับฟังแฟนสาวแสนสวยของเขาให้สัมภาษณ์รายการถ่ายทอดสด ที่ยังไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเป็นชิ้นเป็นอันต่อไปอีกสักพักก่อนที่จะเข้านอน

            สำหรับวรนุช ผู้ที่ไม่มีเรื่องราวอะไร ให้ต้องหนักอก หนักใจและไม่ต้องคิดอะไรมากมาย นอกจากวันพรุ่งนี้เธอจะไปเที่ยวที่ไหนดี จะซื้ออะไรดี จะนัดกับใครออกไปเดินควงคู่ออกงานหรูๆ ดี นอกนั้นเธอจะยินยอมที่จะเชื่อฟังพี่ชายทุกอย่าง เช่นหากพี่ชายบอกให้เธอกลับออกไปจากห้อง เธอก็ไม่คิดที่จะขัดคำสั่งของพี่ชาย แต่เมื่อเธอจับจ้องมองตรงไปยังภูผาพี่ชายอีกคนที่ไม่ได้จะสนใจคำสั่งของธเนศเลย เธอจึงยังคงทำตัวสงบนิ่งเหมือนอย่างที่ภูผากำลังทำอยู่

            “ไม่ล่ะ คืนนี้ ฉันจะนอนค้างในห้องนี้ภูผาผู้เอาแต่ใจเมื่อพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น ใครก็ไม่สามารถจะมาห้ามปรามอะไรภูผาได้ แม้คำพูดที่ภูผากำลังพูดมันออกมาจะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องเท็จ ทุกคนในครอบครัวต่างก็จะคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องจริงเอาไว้ก่อนในทุกๆ ครั้ง

ไม่ได้ ภูผานายต้องกลับไปนอนห้องพัก ของนายเดี๋ยวนี้เลย ฉันเหนื่อยล้ามากแล้วและต้องการจะนอนพักผ่อนแล้วเหมือนกัน

ไม่ล่ะฉันเบื่อ ฉันจะนอนที่นี่กับนายด้วยอาการดื้อดึงระหว่างพี่ชายกับน้องชายที่มีลักษณะนิสัยผิดกันระหว่างสีขาวและสีดำ แต่สุดท้ายแล้วธเนศก็มักจะเป็นฝ่ายยอมให้แก่น้องชายเป็นประจำอยู่เสมอๆ เพราะต่างรับรู้นิสัยของน้องชายเป็นอย่างดีหากเวลาจะดื้อก็จะดื้อจนไม่มีเหตุมารองรับเอาไว้ได้

ตามใจนาย อยากจะนอนที่ไหนก็หาที่นอนเอาเอง ฉันเบื่อจะทะเลาะกับนายอีกแล้วภูผาภูผายิ้มอย่างนึกดีใจ

ฉันอยากนอนข้างๆ นายด้วย ให้นายนอนกอดฉันเอาไว้เหมือนอย่างตอนเรายังเป็นเด็ก หรือเมื่อเวลาฉันไม่คอยจะสบายธเนศไม่รู้ว่าภูผากำลังพูดเรื่องจริง หรือกำลังพูดล้อเล่นกันแน่แต่สำหรับทุกคนในครอบครัวต่างรับรู้กันเป็นอย่างดี หากภูผาพูดสิ่งใดก็จงคิดตีความให้เป็นเรื่องจริงจังเอาไว้ก่อน

ไอ้ภูผา เมื่อไหร่นายถึงจะโตเป็นหนุ่มเสียที นายควรรีบหาแฟนสวยๆ แล้วแต่งงานมีลูกมีเมียได้แล้ว และก็เอาเวลาไปนอนกอดลูกกอดเมียนายโน่น ไม่ใช่เอ๊ะอ๊ะๆ ก็จะมาให้ฉันนอนกอดนายอยู่ล้ำไป สักวันฉันก็จะต้องแต่งงานมีลูกมีเมียเหมือนกัน

ก็ตอนนี้นายยังไม่ได้แต่งงาน นายจะนอนกอดฉันหน่อยไม่ได้หรือไงอาการดื้อดึงสุดฤทธิ์

ไม่ได้คำตอบเสียงดังและหนักแน่นจนมินตราที่นอนหลับตานิ่งๆ อยู่ต้องลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วหันหน้ามายังบุตรชายแห่งตระกูลเกียรติภูมินต์ทั้งสองคน

นี่ พ่อคุณเกย์หนุ่มรูปหล่อ โตจนปานนี้แล้วยังจะให้พี่ชายนอนกอดอยู่อีกหรือไงมินตราตะโกนออกมาอย่างนึกหงุดหงิดในหัวใจ อาจจะเพราะมินตรารู้สึกอิจฉาริษยาในความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ที่เธอไม่เคยได้เคยสัมผัสกับมันมาก่อนเลยในชีวิต เสียงหัวเราะอย่างดีใจของภูผา ได้เข้ามาหยุดความคิดอิจฉาริษยาของเธอเอาไว้ได้  ชายหนุ่มผู้มีความสุขได้ตลอดทั้งวัน ต้องยกให้กับภูผาคนนี้คนเดียวเท่านั้น ยามโกรธยามโมโหก็จะยังคงยิ้มและหัวเราะเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเสมอ ส่วนธเนศพี่ชายยามโกรธก็คือยามโกรธ  ยามโมโหก็คือยามโมโห จะปรากฏออกมาจากทางสีหน้าและแววตาจนหมดสิ้นหรืออย่างชัดเจน

ฮะๆๆๆ ผมคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าคุณต้องยังนอนไม่หลับภูผาผู้มีลักษณะนิสัยอันซับซ้อน และมักมีเล่ห์เหลี่ยมอันแปลกๆ อยู่เสมอ  ภูผาไม่กล้าที่จะก้าวเดินเข้ามาปลุกเธอตรงๆ จึงหลอกใช้นิสัยขี้โมโห และเจ้าอารมณ์ของธเนศมาปลุกเธอให้ลุกขึ้นจากเตียง หากธเนศบวกกับภูผา ทั้งสองคนรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกันได้ พวกเขาทั้งสองคนจะต้องนำเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงมาให้กับเธอได้อย่างแน่นอน

มันแค่เป็นการหยอกล้อกันเล่นระหว่างพี่ชาย น้องชายนะครับ ผมแมนเต็มร้อยนะครับ ไม่ใช่เกย์ เก้ง เอ๊ง ที่ไหนครับ ยินดีจะให้พิสูจน์ได้ตลอดเวลารอยยิ้มขี้เล่นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าผู้พูดอยู่ตลอดเวลา

ไม่ล่ะ ฉันเชื่อคุณ แต่พวกคุณเข้ามาทำอะไรกันในห้องของฉันดึกๆ ดื่นๆ ฉันอยากจะนอนหลับพักผ่อนแล้วภูผารับรู้ว่ามันเป็นการรบกวนหญิงสาวจริงๆ แต่เขาก็คิดถึงมินตรามากเหลือเกิน อยากที่จะเข้ามาหามาเห็นวงหน้าสวยๆ ที่วิ่งตรงเข้ามารับลูกกระสุนปืนแทนเขาอย่างไม่คิดจะเกรงกลัวความตาย หากวันนั้นเธอไม่ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาเองก็คงจะตายไปแล้วและคงไม่ได้มานั่งพูดจ้ออย่างเช่นลิงจออยู่ในขณะนี้แน่นอน เวลานี้ ภูผา จึงไม่คิดจะกลับออกไปจากห้องในทันทีทันใดเมื่อถูกมินตราออกปากขับไล่เอาไปตรงๆ

ผมคิดถึงคุณเลยเข้ามาหา คุณสบายดีแล้วใช่ไหมครับน้ำเสียงห่วงใยอันเกิดขึ้นจากความรักในหัวใจ จนธเนศพี่ชาย และวรนุชน้องสาวก็สามารถจะสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกของภูผาได้ แต่คนที่ไม่คิดอยากจะสัมผัสความรู้สึกของภูผามากที่สุดในขณะนี้ ก็คือมินตรา

ฉันปกติดี พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านได้แล้ว ห่วงแต่ตัวคุณเองเถอะเป็นอย่างไรบ้างภูผาหัวใจผ่องโตเมื่อมินตราสอบถามถึงอาการป่วยของเขา

ผมก็จะกลับบ้านได้พรุ่งนี้เหมือนกันภูผากำลังโกหก แต่เมื่อมินตราจะกลับบ้านเรื่องอะไรเขายังจะอยู่ต่ออีกเล่า เขาก็จะกลับบ้านบ้างเหมือนกัน ต่อให้ต้องจับหมอหรือนางพยาบาลมาฆ่าทิ้งเรียงตัวที่ละคน เขาก็ยินดีจะทำ เพื่อที่จะได้ออกไปจากขุมนรกแห่งนี้ ที่เรียกกันว่าโรงพยาบาลเสียที เขาเบื่อหน่ายแถบบ้าตายอยู่แล้ว

แล้วคุณมินตราจะกลับไปอยู่ที่ไหนครับภูผาสอบถามขึ้นอย่างอยากจะรับรู้ เพราะต่างก็รับรู้กันดีว่ามินตราอาศัยอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีญาติมิตรที่ไหนอีกแล้ว ภูผารับรู้รายละเอียดต่างๆ เพราะได้แอบติดตามมินตราอยู่หลายวัน มินตรามีคอนโดหรูอยู่ใจกลางเมือง และมินตราในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้ จะอยู่ในสถานที่แบบนั้นคนเดียวได้อย่างไรกัน

คุณมินตราไปอยู่บ้านผมก่อนดีไหมครับธเนศ และวรนุช ต่างอ้าปาก ตาค้าง ไม่คิดว่าภูผาจะกล้าพูดอะไรออกมาตรงๆ ต่อหน้าญาติพี่น้องเช่นนี้

บ้านผมใหญ่โตมากๆ มีห้องให้นอนพักอย่างสบายๆ มีคนค่อยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีสวนดอกไม้ มีแม่น้ำลำคลองเอาไว้สำหรับนั่งตกปลาเล่น รับรองได้ว่าคุณมินตรา จะต้องชอบแน่ๆ เลยครับมันคือความรักอย่างไม่ต้องสงสัย  และหากสักวันภูผาเกิดต้องผิดหวังในความรักครั้งนี้ คงจะเจ็บปวดอย่างมากมายแน่ๆ

ที่คุณพูดมามันก็น่าสนใจดี แต่คุณจะให้ฉันไปอยู่ในบ้านคุณ ในฐานะอะไรไม่ทราบค่ะ คุณภูผา

คุณจะไปอยู่ในฐานะแขกรับเชิญของเรา หรือในฐานะคนในครอบครัวของเราก็ได้ธเนศตอบแทนน้องชายเพราะขณะนี้ มินตราก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนในครอบครัวของเขาอีกแล้ว เธอเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยชีวิตน้องชายของเขาเอาไว้ และยังได้ช่วยคู่หมั้นของเขาเอาไว้ด้วย บุญคุณยากที่จะทดแทนกันได้ด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่สามารถจะทดแทนกันได้ด้วยชีวิตต่อชีวิตเท่านั้น

ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกันเธอต้องการอยากจะลองเข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลเกียรติภูมินต์ ใจแถบจะขาด เธออยากจะลองเข้าไปได้เห็นบ้านที่ครั้งหนึ่งมารดาของเธอเคยหลงคิดเอาว่า เป็นญาติ เป็นมิตรสหายในยามทุกข์ยากลำบากได้ แต่ความจริงแล้วตระกูลเกียรติภูมินต์ ไม่ได้เป็นอย่างที่มารดาของเธอเคยคิดเอาไว้เลย แล้วตระกูลเกียติภูมินต์เป็นเช่นไรกันแน่ ทำไมมารดาของเธอถึงได้เจ็บปวด เจ็บแค้น ผูกอาฆาตพยาบาททุกคนในตระกูลเกียรติภูมินต์ ได้มากมายนัก เธออยากจะลองเข้าไปรับรู้ความลึกลับของสภาพภายในของตระกูลเกียรติภูมินต์เสียเหลือเกิน

ดีเลย นุชเธอบอกให้ที่บ้านเก็บกวาดห้องกระจกริมสระบัวให้พี่ด้วย พี่จะยกให้คุณมินตราเธออยู่ภูผาออกคำสั่งกับน้องสาว

แต่...วรนุชยังไม่ได้พูดอะไรต่อไป ได้แค่อ้าปากค้างเอาไว้เท่านั้น

คุณมินตรา เธอต้องไปพักอยู่บ้านของเราอย่างแน่นอน เธอไม่มีทางปฏิเสธพี่ได้หรอกน่า

นี่คุณ ภูผา หากฉันจะไปพักอยู่ที่บ้านของคุณ ฉันก็จะไปในฐานะแขกเท่านั้น คุณก็อย่าได้คิดอะไรๆ กับฉันไปให้มันมากกว่าแขกรับเชิญในบ้านของคุณเท่านั้นทุกคนรับรู้ความหมายในคำพูดของมินตราเป็นอย่างดี แต่ภูผาจะสามารถหักห้ามความรู้สึกของตัวเองได้หรือไม่ก็ไม่มีใครสามารถให้คาดเดาได้  แต่ธเนศและวรนุชต่างรับรู้ได้จากความรู้สึก ภูผาหลงรักมินตราเข้าให้อย่างเต็มหัวใจแล้ว อนาคตข้างหน้าภูผาจะมีโอกาสได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับมินตราหรือไม่ก็ยังไม่มีใครจะให้คำตอบได้

ผมจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณครับภูผาหักห้ามใจที่จะไม่พูดคำว่า

ผมจะเป็นคนรักที่ดีของคุณครับ” เอาไว้ภายในจิตใจเพราะมันเร็วเกินไปที่จะพูดคำนั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับมินตราไปอีกสักนิด เขาถึงจะพูดมันออกมา  มินตราสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันแปลกๆ เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวการสนทนากันใหม่ โดยจับจ้องมองตรงไปยังจอทีวี ที่ธเนศได้เปิดทิ้งเอาไว้ ขณะนี้โรสิลีคู่หมั้นของธเนศกำลังจะเริ่มให้สัมภาษณ์ในเบรกที่สอง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนมันส่งผลให้เธอและภูผาต่างต้องเข้ามานอนพักรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลแห่งนี้ ถึงหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

คุณธเนศ คุณยังจะนั่งดูรายการอันไร้สาระนั้นอยู่อีกหรือคะ ทำไมคุณถึงไม่ให้คุณภูผาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คุณฟังล่ะ ฉันว่ามันน่าจะง่ายกว่าที่คุณจะมานั่งฟังเรื่องราวอันไร้สาระของคู่หมั้นคุณ ให้เสียเวล่ำเวลาไปเปล่าๆ ปรี่ๆ นะคะสีหน้าแววตาคนขี้โมโหง่ายกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเธอเริ่มแอบอ้างชื่อคู่หมั้นสุดเสน่หาของธเนศขึ้นมาคราใดก็ตาม

ฮะๆๆ...เสียงหัวเราะของภูผาดังแทรกขึ้นพร้อมคำพูดและรอยยิ้ม

ผมไม่กล้าจะเล่าเรื่องอะไรให้พี่ชาย ของผมฟังหลอกครับคุณมินตรา ผมมันเป็นเด็กเลี้ยงแกะประจำบ้าน ผมพูดความจริงอะไรไป ก็ไม่เห็นจะมีใครหลงเชื่ออะไรผมเลยสักคน พี่ธเนศเขาเชื่อก็แต่คู่หมั้นของเขาคนเดียวเท่านั้นล่ะครับ

ไอ้ภู...ธเนศดุน้องชายเสียงดังเพื่อไม่ให้ปากมาก

ฉันก็คิดเอาไว้อยู่แล้วเหมือนกัน ฉันก็เคยถามคำถามพี่ชายของคุณไปแล้วครั้งหนึ่งเหมือนกัน เขาก็ไม่เชื่อเด็กเลี้ยงแกะแบบฉันเหมือนกัน

ฮะๆๆ.. เสียงภูผาหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

จริงหรือครับ คุณถามอะไรพี่ชายของผมภูผามีความสนใจอยากจะรับรู้จริงๆ

ไอ้ภู...แกเงียบไปเลยภูผาไม่คิดอยากจะเชื่อฟังคำสั่งห้ามปรามของพี่ชาย

เร็วสิครับ ผมอยากจะรู้ภูผาคาดคั้นเสียงดัง

ฉันถามพี่ชายคุณว่า..มินตรานึกทบทวนคำพูดที่ได้เคยสอบถามกับธเนศออกมาอีกครั้ง

ถ้าหากฉันบอกว่าแฟนของคุณเป็นคนสวย แต่ไม่เรียบร้อยอย่างที่คุณกำลังมองเห็น และไม่ได้ใกล้เคียงกับนางในวรรณคดีเลยสักนิดคุณจะเชื่อฉันไหมค่ะ

ผมไม่เชื่อ โรสิลีของผมเป็นคนดีเรียบร้อย ไม่เลวร้ายเหมือนผู้หญิงบ้างคนหรอกครับ

ช่างเถอะค่ะ คุณอย่ารู้เลย ฉันเบื่อที่จะให้พี่ชายของคุณโกรธฉัน โมโหฉันอีกแล้วล่ะค่ะ วันนี้ทั้งวันฉันทำให้พี่ชายของคุณโมโหฉันมามากพอแล้ว วันนี้ฉันทนที่จะเห็นใบหน้าเครียดๆของพี่ชายคุณไม่ได้อีกแล้วแน่นอนว่าคนดีใจที่สุดก็คือธเนศ ที่ไม่ต้องรับฟังเรื่องราวที่ทำเขาไม่สบายใจ และทำให้เขาต้องอารมณ์เสียอยู่เป็นประจำ ส่วนคนที่เสียใจที่สุดก็คือภูผา ที่ยังอยากจะรับฟังเรื่องราวสนุกๆ อยู่ต่อไปอีก สักวันหากเขาอยู่ด้วยกันตามลำพังสองคนกับมินตราเขาก็จะลองสอบถาม เอาคำตอบจากมินตราดูอีกครั้ง

ในเมื่อวันนี้พวกเราต่างก็นอนกันไม่หลับแล้ว พวกเราก็มานั่งดูทีวีด้วยกันเถอะครับ คุณมินตราภูผาออกปากมาชวนมินตราด้วยน้ำเสียงอันไพเราะอ่อนหวานเปี่ยมด้วยความรักในน้ำเสียง

ตกลงค่ะ ดูสักหน่อยก็ได้ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณโรสิลีจะเล่าเรื่องราวของพวกเราสองคนได้ตื่นเต้นเร้าใจสักแค่ไหนภูผาหัวเราะอย่างชอบใจอีกครั้ง

จริงครับ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน บางทีเรื่องของเราสองคนอาจจะได้ไปปรากฏอยู่ในบทละครเรื่องใหม่ของโรสิลีด้วยบ้างก็ได้ภูผาหัวเราะชอบใจอีกครั้ง แต่มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ยิ้มไม่ออกก็คือธเนศ ผู้ยังคงเชื่อมั่นในอนุภาพแห่งความรัก แม้พระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนลงมาบอกกล่าวเล่าเรื่องจริงให้ได้รับฟัง อย่างไรเสียธเนศก็ยังคงจะเชื่อถือในคำพูดหรือเรื่องโกหกของโรสิลีอยู่เช่นเดิม ระหว่างที่ธเนศกำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ มินตราก็กำลังลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวเดินออกมานั่งลงข้างๆ กันกับวรนุช มินตรายิ้มรับรอยยิ้มของวรนุช แล้วจึงจับจ้องมองตรงไปที่จอทีวี ที่กำลังเปิดการสัมภาษณ์ในเบรกที่สองด้วยเสียงตบมือและเสียงโห่ร้องอันดังสนั่นหวั่นไหว เช่นเดียวกันกับการสัมภาษณ์ในเบรกแรก...

 

........................................


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา